ลิขิตรัก ณ การเวลาหนึ่ง
-
เขียนโดย FongFu
วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.27 น.
4 ตอน
2 วิจารณ์
5,797 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 11.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ตอนที่ ๑ สูญเสีย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ ๑ สูญเสีย
“แม่จันทร์จ้า แม่จันทร์ของพี่ พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกินรู้หรือไม่” เสียงเรียกหาที่หวานหู สายตาที่แข็งกระด่างแต่หวานเชื่อมในเวลาเดียวกัน มองเธอเหมือนโหยหามานานแสนนาน อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่กอดเธออยู่ตอนนี้ มันทำให้หญิงสาวรู้สึกดีแบบแปลกๆ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่กลับหลงรักอ้อมกอดนี้ซะแล้ว ไม่มีคำพูดอื่นใดอีกเลยนอกเสียจากเสียงเรียกหา และอ้อมกอดที่อบอุ่นที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสู้กลับปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้ามา
“จันทร์ จันทร์หลานย่า มาหาย่าที จันทร์” เสียงแหบแห้งและเสียงไอของย่า ที่เรียกหาเธอด้วยเสียงที่สั่นเครือ ทำให้เธอตื่นจากความฝันที่สะเหมือนจริงเมื่อสักครู่
“ขาคุณย่า เรียกจันทร์ทำมัยหรือคะ คุณย่าเป็นอะไรหรือป่าวคะ” จันทร์ที่นอนอยู่ที่พื้น เพื่อนอนเฝ้าคุณย่าของเธอ ก็ลุกขึ้นขยับไปหาท่านทันที ด้วยความร้อนใจกลัวว่าผู้เป็นย่าจะเป็นอะไรขึ้นมา โดยโรคชราที่เป็น ทำให้ท่านเพ้ออยู่บ่อยครั้ง จันทร์จับมือของท่านแน่น เธอมีย่าแค่คนเดียวที่เหลืออยู่ มันเลยทำให้เธอกลัวที่จะเสียย่าของเธอไป
“ย่าคงจะสู้กับร่างกายที่แก่ชรานี้ ไม่ไหวแล้วละลูก” เสียงแหบแห้งพูดกับจันทร์พร้อมกับน้ำตารื้น นางรักหลานสาวคนนี้มากไม่เคยให้ห่างกายไปไหนเพราะนางเลี้ยงของนางมาตั้งแต่ยังเล็ก ส่งสารก็แต่หลาน ขาดนางไปอีกคนจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ จะอยู่จะกินยังไง มันทำให้ตัวนางเองอดห่วงมิได้ แต่นางก็ทนกับร่างกายที่แก่ชราลงทุกวันไม่ไหวแล้ว
“คุณย่าขา คุณย่าอย่าพูดแบบนี้สิค่ะ จันทร์ใจคอไม่ดีเลย...ฮื้อ..อึก..ฮื้อออ ” จันทร์ไม่รู้จะทำอย่างไรเธอจะอยู่อย่างไรเมื่อคนที่เธอรักพูดเหมือนกำลังจะสั่งลา จันทร์เอามือของคุณย่าขึ้นมาแนบกับหน้าของเธอพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื่น เหมือนจะขาดใจตามผู้เป็นย่าไป
“จันทร์หลานย่า จำไว้นะลูก เมื่อไม่มีย่า หลานต้องอดทนเป็นคนดีเหมือนที่ย่าสั่งสอน คนดีไม่มีวันลำบาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะปกป้องคลุ้มคลองรักษาให้รอดปลอดภัยนะลูก” ผู้เป็นย่าน้ำตารื้นเหมือนคนจะขาดใจ พร้อมกับไอออกมาอย่างหนัก เสียงลมหายใจที่ขาดหายเป็นช่วงๆ หน้าตาที่แสนจะเจ็บปวด ก่อนจะหมดลมหายใจสุดท้าย นางไม่สามารบอกกล่าวกับหลานซึ่งเป็นที่รักได้อีกแล้ว เพราะทุกอย่างยอมเป็นไปตามกรรม ต่อไปหลานรักของนางต้องเจอกับอะไรบ้างนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพรมลิขิตทั้งสิ้น
“คุณย่า... ฮื้อออ...อย่าทิ้งจันทร์ไปนะค่ะคุณย่าขา ฮื้อออ....” เสียงที่เรียกชื่อผู้เป็นย่าไม่ขาดสายน้ำตาที่ไหลออกมามันบ่งบอกถึงการสูญเสียเป็นอย่างมาก เพราะผู้ซึ่งเป็นที่รักและเคารพได้จากเธอไปตลอดกาลอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากวันที่ย่าของจันทร์เสียได้สามวัน เธอก็ได้จัดการเรื่องงานศพของคุณย่าจนเสร็จสิ้น พอจันทร์กลับมาถึงบ้านก็เจอกับลุงทนายประจำตระกลูมารออยู่ก่อนแล้ว
“คุณจันทมณีครับ ผมมีเรื่องแจ้งให้คุณทราบ” ทนายทำหน้าเคร่งเครียด มองมาที่จันทร์ จันทร์เองก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ลุงทนายจะบอกเธอเช่นกัน
“มีอะไรหรือค่ะลุงทนาย” จันทร์ทำหน้าตาจริงจัง และบอกกลับไป
“คือว่า ผมจะบอกกับคุณเรื่องบ้าน และที่ดินทั้งหมดของคุณท่าน กำลังจะถูกธนาคารยึด” แค่ทนายความประจำตระกูลพูดแค่นั้นก็ทำให้จันทร์เข่าอ่อนไปหมด นี่เธอไม่สามารรักษาอะไรไว้ได้เลยหรือนี้ แม้แต่ทรัพย์สินของคุณย่ายังไม่เหลือไว้ให้เธอดูต่างหน้าเลยหรือ ความแข็มแข็งที่มีตอนนี้หายไปหมดสิ้น
“แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ ลุงทนาย” จันทร์พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเคลือ
“เป็นเพราะพ่อของคุณหนูจันทร์ เอาทรัพย์สินของคุณหญิงไปจำนองเมื่อนานมาแล้ว โดยที่คุณหญิงเองก้ไม่รู้เช่นกัน ทำให้หลุดจำนองไปนานแล้ว ผมเองก็ไม่รู้จะช่อยคุณหนูยังไงเหมือนกัน” เมื่อลุงทนายพูดเสร็จก็ลงนั่งข้างๆหญิงสาว ที่ร้องให้สะอื่นจนตัวโยน เขาเองก็เห็นหญิงสาวมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในเวลาเดียวกับที่สูญเสียคนที่รักและเคารพที่สุดไป ทำให้หญิงสาวตรงหน้าไม่สามารรับกับเหตุการณ์ต่างที่ประดังเข้าในชีวิตได้
“ฮึก..ฮึก..ไม่เป็นไรค่ะลุงทนาย แล้วหนูต้องทำอย่างไรต่อค่ะ” จันทร์เงยหน้าขึ้นถามทนายด้วยตาแดงๆพร้อมกับเสียงสะอื้น ที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนัก
“ทางธนาคารแจ้งมาว่าจะให้เวลาคุณหนูสามวัน เพื่อที่จะขนย้ายข้าวของที่จำเป็นออกจากที่นี้ครับ” หลังจากที่ทนายพูดจบก็ขอตัวกลับเลย จันทร์ก็แค่พยักหน้าตอบรับไม่ได้ว่าอะไรต่อ
หลังจากที่จันทร์รับรู้เรื่องราวที่ลุงทนายได้นำบอกก็จัดการเรื่องคนใช้ในบ้าน และเตรียมเก็บข้าวของพร้อมจะย้ายออกในวันรุ่งขึ้น เธอเองก็ไม่ได้มีทรัพย์สินติดตัวอะไรมาก เพราะของทั้งหมดเป็นของธนาคารไปแล้ว
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วสินะที่จันทร์จะได้มายืนดูดาวที่สระบัวหลังบ้านของเธอเอง จันทร์เหม่อมองไปที่บ้านที่เธอเกิด แล้วมองไปรอบๆบริเวณบ้าน ก่อนที่หันกับไปมองดาวที่อยู่บนฟ้า แล้วน้ำตาก็ไหลตามร่องแก้มลงมา ด้วยความเสียใจที่เธอไม่เหลืออะไรเลย มีแต่ความหว้าเหว่ความเหงาและความเศร้าปกคลุมหัวใจของเธอตอนนี้
“คุณย่าขา จันทร์ไม่สามารรักษาอะไรไว้ได้เลย คุณย่าขา จันทร์ขอโทษ” จันทร์พูดออกมาพร้อมกับร้องไห้สะอื่นจนตัวโยน จันทร์จากที่ยืนอยู่ตอนแรกก็ค่อยนั่งลงกอดเข่าตัวเองแล้วร้องไห้ ในหัวใจเธอตอนนั้นกับโหยหาอ้อมกอดของชายที่อยู่ในฝันมาช้านาน มันถวินหาและอยากเจอกับเขาเหลือเกินในเวลาที่เธอไม่เหลือใครเช่นนี้
“พี่เดชเจ้าขา น้องคิดถึงพี่เดชเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องขอไปหาพี่เดชได้มัยเจ้าคะ น้องเหงาเหลือเกิน น้องไม่เหลือใครอีกแล้วนะเจ้าคะ” หญิงสาวร้องไห้สะอื่น ก่อนที่จันทร์จะตัดสินใจกระโดนลงไปในสระบัว เธอหวังที่จะฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้พบกับชายที่อยู่ในฝัน คนที่ตนแอบรักมาเนินนาน
“ตูม...” เสียงน้ำกระเซ็นไปทั่ว ไม่มีใครช่วยเธอได้ สิ่งที่จันทมณีตัดสินใจอาจเป็นพรมลิขิตของฟ้า ที่ทำให้เธอได้พบกับเขาคนนั้น ซึ่งเขาคนนั้นก็อาจจะโหยหาและต้องการพบเธอซึ่งอยู่ไกลแสนไกลเช่นกัน ก็เป็นได้
****ฝากติดตามด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ*****
“แม่จันทร์จ้า แม่จันทร์ของพี่ พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกินรู้หรือไม่” เสียงเรียกหาที่หวานหู สายตาที่แข็งกระด่างแต่หวานเชื่อมในเวลาเดียวกัน มองเธอเหมือนโหยหามานานแสนนาน อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่กอดเธออยู่ตอนนี้ มันทำให้หญิงสาวรู้สึกดีแบบแปลกๆ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่กลับหลงรักอ้อมกอดนี้ซะแล้ว ไม่มีคำพูดอื่นใดอีกเลยนอกเสียจากเสียงเรียกหา และอ้อมกอดที่อบอุ่นที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสู้กลับปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้ามา
“จันทร์ จันทร์หลานย่า มาหาย่าที จันทร์” เสียงแหบแห้งและเสียงไอของย่า ที่เรียกหาเธอด้วยเสียงที่สั่นเครือ ทำให้เธอตื่นจากความฝันที่สะเหมือนจริงเมื่อสักครู่
“ขาคุณย่า เรียกจันทร์ทำมัยหรือคะ คุณย่าเป็นอะไรหรือป่าวคะ” จันทร์ที่นอนอยู่ที่พื้น เพื่อนอนเฝ้าคุณย่าของเธอ ก็ลุกขึ้นขยับไปหาท่านทันที ด้วยความร้อนใจกลัวว่าผู้เป็นย่าจะเป็นอะไรขึ้นมา โดยโรคชราที่เป็น ทำให้ท่านเพ้ออยู่บ่อยครั้ง จันทร์จับมือของท่านแน่น เธอมีย่าแค่คนเดียวที่เหลืออยู่ มันเลยทำให้เธอกลัวที่จะเสียย่าของเธอไป
“ย่าคงจะสู้กับร่างกายที่แก่ชรานี้ ไม่ไหวแล้วละลูก” เสียงแหบแห้งพูดกับจันทร์พร้อมกับน้ำตารื้น นางรักหลานสาวคนนี้มากไม่เคยให้ห่างกายไปไหนเพราะนางเลี้ยงของนางมาตั้งแต่ยังเล็ก ส่งสารก็แต่หลาน ขาดนางไปอีกคนจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ จะอยู่จะกินยังไง มันทำให้ตัวนางเองอดห่วงมิได้ แต่นางก็ทนกับร่างกายที่แก่ชราลงทุกวันไม่ไหวแล้ว
“คุณย่าขา คุณย่าอย่าพูดแบบนี้สิค่ะ จันทร์ใจคอไม่ดีเลย...ฮื้อ..อึก..ฮื้อออ ” จันทร์ไม่รู้จะทำอย่างไรเธอจะอยู่อย่างไรเมื่อคนที่เธอรักพูดเหมือนกำลังจะสั่งลา จันทร์เอามือของคุณย่าขึ้นมาแนบกับหน้าของเธอพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื่น เหมือนจะขาดใจตามผู้เป็นย่าไป
“จันทร์หลานย่า จำไว้นะลูก เมื่อไม่มีย่า หลานต้องอดทนเป็นคนดีเหมือนที่ย่าสั่งสอน คนดีไม่มีวันลำบาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะปกป้องคลุ้มคลองรักษาให้รอดปลอดภัยนะลูก” ผู้เป็นย่าน้ำตารื้นเหมือนคนจะขาดใจ พร้อมกับไอออกมาอย่างหนัก เสียงลมหายใจที่ขาดหายเป็นช่วงๆ หน้าตาที่แสนจะเจ็บปวด ก่อนจะหมดลมหายใจสุดท้าย นางไม่สามารบอกกล่าวกับหลานซึ่งเป็นที่รักได้อีกแล้ว เพราะทุกอย่างยอมเป็นไปตามกรรม ต่อไปหลานรักของนางต้องเจอกับอะไรบ้างนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพรมลิขิตทั้งสิ้น
“คุณย่า... ฮื้อออ...อย่าทิ้งจันทร์ไปนะค่ะคุณย่าขา ฮื้อออ....” เสียงที่เรียกชื่อผู้เป็นย่าไม่ขาดสายน้ำตาที่ไหลออกมามันบ่งบอกถึงการสูญเสียเป็นอย่างมาก เพราะผู้ซึ่งเป็นที่รักและเคารพได้จากเธอไปตลอดกาลอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากวันที่ย่าของจันทร์เสียได้สามวัน เธอก็ได้จัดการเรื่องงานศพของคุณย่าจนเสร็จสิ้น พอจันทร์กลับมาถึงบ้านก็เจอกับลุงทนายประจำตระกลูมารออยู่ก่อนแล้ว
“คุณจันทมณีครับ ผมมีเรื่องแจ้งให้คุณทราบ” ทนายทำหน้าเคร่งเครียด มองมาที่จันทร์ จันทร์เองก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ลุงทนายจะบอกเธอเช่นกัน
“มีอะไรหรือค่ะลุงทนาย” จันทร์ทำหน้าตาจริงจัง และบอกกลับไป
“คือว่า ผมจะบอกกับคุณเรื่องบ้าน และที่ดินทั้งหมดของคุณท่าน กำลังจะถูกธนาคารยึด” แค่ทนายความประจำตระกูลพูดแค่นั้นก็ทำให้จันทร์เข่าอ่อนไปหมด นี่เธอไม่สามารรักษาอะไรไว้ได้เลยหรือนี้ แม้แต่ทรัพย์สินของคุณย่ายังไม่เหลือไว้ให้เธอดูต่างหน้าเลยหรือ ความแข็มแข็งที่มีตอนนี้หายไปหมดสิ้น
“แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ ลุงทนาย” จันทร์พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเคลือ
“เป็นเพราะพ่อของคุณหนูจันทร์ เอาทรัพย์สินของคุณหญิงไปจำนองเมื่อนานมาแล้ว โดยที่คุณหญิงเองก้ไม่รู้เช่นกัน ทำให้หลุดจำนองไปนานแล้ว ผมเองก็ไม่รู้จะช่อยคุณหนูยังไงเหมือนกัน” เมื่อลุงทนายพูดเสร็จก็ลงนั่งข้างๆหญิงสาว ที่ร้องให้สะอื่นจนตัวโยน เขาเองก็เห็นหญิงสาวมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในเวลาเดียวกับที่สูญเสียคนที่รักและเคารพที่สุดไป ทำให้หญิงสาวตรงหน้าไม่สามารรับกับเหตุการณ์ต่างที่ประดังเข้าในชีวิตได้
“ฮึก..ฮึก..ไม่เป็นไรค่ะลุงทนาย แล้วหนูต้องทำอย่างไรต่อค่ะ” จันทร์เงยหน้าขึ้นถามทนายด้วยตาแดงๆพร้อมกับเสียงสะอื้น ที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนัก
“ทางธนาคารแจ้งมาว่าจะให้เวลาคุณหนูสามวัน เพื่อที่จะขนย้ายข้าวของที่จำเป็นออกจากที่นี้ครับ” หลังจากที่ทนายพูดจบก็ขอตัวกลับเลย จันทร์ก็แค่พยักหน้าตอบรับไม่ได้ว่าอะไรต่อ
หลังจากที่จันทร์รับรู้เรื่องราวที่ลุงทนายได้นำบอกก็จัดการเรื่องคนใช้ในบ้าน และเตรียมเก็บข้าวของพร้อมจะย้ายออกในวันรุ่งขึ้น เธอเองก็ไม่ได้มีทรัพย์สินติดตัวอะไรมาก เพราะของทั้งหมดเป็นของธนาคารไปแล้ว
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วสินะที่จันทร์จะได้มายืนดูดาวที่สระบัวหลังบ้านของเธอเอง จันทร์เหม่อมองไปที่บ้านที่เธอเกิด แล้วมองไปรอบๆบริเวณบ้าน ก่อนที่หันกับไปมองดาวที่อยู่บนฟ้า แล้วน้ำตาก็ไหลตามร่องแก้มลงมา ด้วยความเสียใจที่เธอไม่เหลืออะไรเลย มีแต่ความหว้าเหว่ความเหงาและความเศร้าปกคลุมหัวใจของเธอตอนนี้
“คุณย่าขา จันทร์ไม่สามารรักษาอะไรไว้ได้เลย คุณย่าขา จันทร์ขอโทษ” จันทร์พูดออกมาพร้อมกับร้องไห้สะอื่นจนตัวโยน จันทร์จากที่ยืนอยู่ตอนแรกก็ค่อยนั่งลงกอดเข่าตัวเองแล้วร้องไห้ ในหัวใจเธอตอนนั้นกับโหยหาอ้อมกอดของชายที่อยู่ในฝันมาช้านาน มันถวินหาและอยากเจอกับเขาเหลือเกินในเวลาที่เธอไม่เหลือใครเช่นนี้
“พี่เดชเจ้าขา น้องคิดถึงพี่เดชเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องขอไปหาพี่เดชได้มัยเจ้าคะ น้องเหงาเหลือเกิน น้องไม่เหลือใครอีกแล้วนะเจ้าคะ” หญิงสาวร้องไห้สะอื่น ก่อนที่จันทร์จะตัดสินใจกระโดนลงไปในสระบัว เธอหวังที่จะฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้พบกับชายที่อยู่ในฝัน คนที่ตนแอบรักมาเนินนาน
“ตูม...” เสียงน้ำกระเซ็นไปทั่ว ไม่มีใครช่วยเธอได้ สิ่งที่จันทมณีตัดสินใจอาจเป็นพรมลิขิตของฟ้า ที่ทำให้เธอได้พบกับเขาคนนั้น ซึ่งเขาคนนั้นก็อาจจะโหยหาและต้องการพบเธอซึ่งอยู่ไกลแสนไกลเช่นกัน ก็เป็นได้
****ฝากติดตามด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ*****
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ