kiss hostilities จุมพิตสงคราม
9.2
เขียนโดย หนูหวาน
วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.44 น.
4 ตอน
2 วิจารณ์
5,978 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 21.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) หลบซ่อน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“โธ่..โว๊ยยย”
ฉันเดินเข้าไปเอามือวางเหนือริมฝีปากดูว่าน้องยังหายใจอยู่หรือไม่
“หืด”
เสียงหายใจออกเบาๆของน้องทำให้ฉันสบายใจ ฉันค่อยๆเข้าไปพยุงตัวน้อง
“หนักเป็นบ้า”
ฉันบ่นและค่อยๆเดินไปที่ห้องพยาบาลดีนะที่ห้องพยาบาลอยู่แค่อาคาร๒ ฉันพยุงตัวน้องเดินไปด้านหน้าจนถึงอาคาร๒ ยังดีที่ห้องพยาบาลอยู่ชั้น๑ไม่งั้นแบกขึ้นบันไดฉันตายแน่ๆ ฉันค่อยๆปล่อยตัวน้องลง ฉันค่อยๆหาของมาวางเพื่อรักษาน้อง ฉันนำแอลกอฮอล์และผ้ามาวางกองรวมกันไว้ จะเอาไงต่อดีศรธนูยังปักอยู่เลยถ้าดึงออกจะเป็นอะไรรึป่าวนะ
“เป็นไงเป็นกัน”
ฉันพูดจบก็ดึงศรธนูออกมาจากหลังน้องทันที เลือดค่อยๆไหลรินออกมาจากหลังน้อง ทำให้เสื้อนักเรียนสีขาวค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉันรีบเอาผ้ามาชุบแอลกอฮอล์แล้วซับเลือดล้างแผลทันที แต่แผลใหญ่แบบนี้คงไม่ดีแน่ ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันซับเลือดไปคิดไป
“อ้อ”
ฉันพูดขึ้นและรีบวิ่งไปที่อาคาร๔ทันทีวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อดูใต้โต๊ะขิงเพื่อนข้างๆฉัน เป็นอย่างที่คิดใต้โต๊ะมีด้ายกับเข็มอย่าน่าจะพอแทนกันได้นะ ฉันรีบวิ่งลงไปที่ห้องพยาบาลอีกครั้ง
“แฮ่กๆ”
ฉันเหนื่อยมากแต่ต้องพยายามฝืนตัวเองก่อน ฉันเอาดายสีแดงชุบแอลกอฮอล์แล้วเอาด้ายใส่เข็มทันที ฉันไม่ได้มีความรู้ด้านการปฐมพยาบาลมากนั้นฉันจึงเย็บสดๆเหมือนที่เคยเย็บผ้า ฉันเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดอีกครั้งหลังจากเย็บเสร็จ ฉันเอาผ้าค่อยๆพันรอบตัวน้องจนเสร็จ
“พี่จะพันแผลทั้งเสื้อแบบนี้จริงๆหรอครับ”
เสียงเด็กผู้ชาย นี่มันครั้งแรกเลยนะที่น้องพูดกับฉันตลอด๒ปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ยินคำพูดจากน้องที่เป็นของฉันเลยสักครั้งนี่มันฝันรึเปล่าเนี้ย
“พี่ครับ”
คำพูดอีกครั้งทำให้ฉันหยุดคิดทันที
“อ้าว..จริงด้วย”
ฉันมองไปที่ผ้าพันแผลข้างในมันกลับมีเสื้ออยู่ ฉันค่อยๆแกะผ้าพันแผลออก ค่อยๆแกะกระดุมให้น้องทีละเม็ด ใจฉันสั่นระรัว นี่มันบ้าไปแล้วทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ ฉันถอดเสื้อน้องออก เนื้อที่ขาวมันทำให้ฉันมือสั่น ฉันต้องพยายามเอาผ้าพันแผลพันตัวน้องอีกครั้งทั้งๆที่ฉันอยากตะโกนออกไปดังๆด้วยความเขิน
“ขอบคุณครับ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
น้องถามฉัน
“ญี่ปุ่นบุก!!”
ฉันตกใจเพราะลืมไปเลยว่าตอนนี้ต้องหนีฉันเอานาฬิกาขึ้นมาดูอีกครั้งเหลือเวลาอีก๕นาทีแบบนี้ไม่ทันแน่ ฉันเดินวนไปมาเพื่อหาทางหนีออกไป
“ตอนนี้ต้องหาที่ซ่อน”
ฉันพูดแล้วค่อยๆพยุงตัวน้องอีกครั้ง
“เราจะไปไหนกันครับ”
“พี่ไม่รู้”
ฉันตอบน้องทันทีแล้วเดินออกมาด้านนอก ทำให้ฉันเหลือบไปเห็นห้องใต้บันไดฉันจึงค่อยๆเดินเข้าไป ข้างในมันทั้งมืดและมีไม้อยู่เยอะมาก
“เราต้องอยู่ในนี้กันก่อนนะ”
ฉันปล่อยน้องลงช้าๆ
“ครับ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับทำไมผมจำได้แค่เราต้องหนีแล้วผมก็วิ่งชนคนอื่นเข้า แล้ว..แล้วอะไรครับผมไม่เข้าใจ”
น้องพูดด้วยความสับสน ทำไมเสียงน้องถึงได้เข้มบาดใจขนาดนี้นะ
“ญี่ปุ่นจะมายึดพื้นที่ที่โรงเรียนเป็นฐานทัพ พวกเราต้องหนี แล้วน้องก็วิ่งชนพี่ เป็นช่วงพอดีกับที่ญี่ปุ่นปล่อยฝนธนู น้องเลยเป็นแผลที่หลังไง”
ฉันพูดกับน้องนี่ฉันไม่ได้ฝันใช่ไหม ได้อยู่กับคนที่ชอบ๒ต่อ๒ถ้าไม่อยู่ในเหตุการณ์เสี่ยงตายก็น่าจะดีกว่านี้
“กริ้งงงงง”
เสียงกระดิงจากด้านบนเครื่องบิน
“หมดเวลา เราจะฆ่าทุกคนที่ฝ่าฝืนเรา..”
เสียงจากเครื่องบินบอกอีกครั้ง แย่ละสิฉันควรจะทำไงต่อดีเนี้ย
“พี่ครับ..”
ไม่ทันที่น้องได้พูดอะไรฉันเอามือปิดปากน้องเสียก่อน
“เบาๆสิเดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก”
ฉันทำเสียงเข้มแข็ง แต่ใจฉันก็เต้นด้วยความกลัวผสมกับความสุขที่ได้จับตัวน้องแถมยังเป็นปากน้องอีกตั่งหาก จะบ้าตาย
“แต๊กๆ”
เสียงฝีเท้าค่อยๆเดินมา ทำให้เราทั้ง๒เงียบลง อยู่ในความเงียบที่สุด
“แต๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงฝีเท้ามีจำนวนมากขึ้น ทหารเริ่มสำรวจแล้วสินะ
“คนพวกนี้หลบอยู่ในห้องสมุดครับ”
ภาษาญี่ปุ่นที่ฉันสามารถแปลได้
“กำจัด!”
เสียงคำพูดสั้นๆแต่แฝงไปด้วยความเย็นชา
“ปังๆๆ”
เสียงปืน๓นัด สิ้นสุดลงก็มีแต่ความเงียบ มือเย็นๆค่อยๆจับมือฉัน ดีนะที่ห้องนี้มืดไม่งั้นน้องจะเห็นหน้าสีแดงของฉัน ฉันทั้งกลัวและใจเต้นรัวในเวลาเดียวกัน มือเย็นแบบนี้น้องคงกลัวมากแน่ๆเลย ฉันต้องทำไงดีเพื่อนให้เราทั้ง๒ออกไปด้วยกันได้อย่างมีความสุข
“ฟุบ”
เสียงตัวน้องลงมานอนที่ตักฉัน เวลาแบบนี้มันน่ากลัวนะแต่ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน ฉันค่อยๆหลับตาลง ภาพด้านหน้าค่อยๆหายไป
ฉันเดินเข้าไปเอามือวางเหนือริมฝีปากดูว่าน้องยังหายใจอยู่หรือไม่
“หืด”
เสียงหายใจออกเบาๆของน้องทำให้ฉันสบายใจ ฉันค่อยๆเข้าไปพยุงตัวน้อง
“หนักเป็นบ้า”
ฉันบ่นและค่อยๆเดินไปที่ห้องพยาบาลดีนะที่ห้องพยาบาลอยู่แค่อาคาร๒ ฉันพยุงตัวน้องเดินไปด้านหน้าจนถึงอาคาร๒ ยังดีที่ห้องพยาบาลอยู่ชั้น๑ไม่งั้นแบกขึ้นบันไดฉันตายแน่ๆ ฉันค่อยๆปล่อยตัวน้องลง ฉันค่อยๆหาของมาวางเพื่อรักษาน้อง ฉันนำแอลกอฮอล์และผ้ามาวางกองรวมกันไว้ จะเอาไงต่อดีศรธนูยังปักอยู่เลยถ้าดึงออกจะเป็นอะไรรึป่าวนะ
“เป็นไงเป็นกัน”
ฉันพูดจบก็ดึงศรธนูออกมาจากหลังน้องทันที เลือดค่อยๆไหลรินออกมาจากหลังน้อง ทำให้เสื้อนักเรียนสีขาวค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉันรีบเอาผ้ามาชุบแอลกอฮอล์แล้วซับเลือดล้างแผลทันที แต่แผลใหญ่แบบนี้คงไม่ดีแน่ ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันซับเลือดไปคิดไป
“อ้อ”
ฉันพูดขึ้นและรีบวิ่งไปที่อาคาร๔ทันทีวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อดูใต้โต๊ะขิงเพื่อนข้างๆฉัน เป็นอย่างที่คิดใต้โต๊ะมีด้ายกับเข็มอย่าน่าจะพอแทนกันได้นะ ฉันรีบวิ่งลงไปที่ห้องพยาบาลอีกครั้ง
“แฮ่กๆ”
ฉันเหนื่อยมากแต่ต้องพยายามฝืนตัวเองก่อน ฉันเอาดายสีแดงชุบแอลกอฮอล์แล้วเอาด้ายใส่เข็มทันที ฉันไม่ได้มีความรู้ด้านการปฐมพยาบาลมากนั้นฉันจึงเย็บสดๆเหมือนที่เคยเย็บผ้า ฉันเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดอีกครั้งหลังจากเย็บเสร็จ ฉันเอาผ้าค่อยๆพันรอบตัวน้องจนเสร็จ
“พี่จะพันแผลทั้งเสื้อแบบนี้จริงๆหรอครับ”
เสียงเด็กผู้ชาย นี่มันครั้งแรกเลยนะที่น้องพูดกับฉันตลอด๒ปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ยินคำพูดจากน้องที่เป็นของฉันเลยสักครั้งนี่มันฝันรึเปล่าเนี้ย
“พี่ครับ”
คำพูดอีกครั้งทำให้ฉันหยุดคิดทันที
“อ้าว..จริงด้วย”
ฉันมองไปที่ผ้าพันแผลข้างในมันกลับมีเสื้ออยู่ ฉันค่อยๆแกะผ้าพันแผลออก ค่อยๆแกะกระดุมให้น้องทีละเม็ด ใจฉันสั่นระรัว นี่มันบ้าไปแล้วทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ ฉันถอดเสื้อน้องออก เนื้อที่ขาวมันทำให้ฉันมือสั่น ฉันต้องพยายามเอาผ้าพันแผลพันตัวน้องอีกครั้งทั้งๆที่ฉันอยากตะโกนออกไปดังๆด้วยความเขิน
“ขอบคุณครับ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
น้องถามฉัน
“ญี่ปุ่นบุก!!”
ฉันตกใจเพราะลืมไปเลยว่าตอนนี้ต้องหนีฉันเอานาฬิกาขึ้นมาดูอีกครั้งเหลือเวลาอีก๕นาทีแบบนี้ไม่ทันแน่ ฉันเดินวนไปมาเพื่อหาทางหนีออกไป
“ตอนนี้ต้องหาที่ซ่อน”
ฉันพูดแล้วค่อยๆพยุงตัวน้องอีกครั้ง
“เราจะไปไหนกันครับ”
“พี่ไม่รู้”
ฉันตอบน้องทันทีแล้วเดินออกมาด้านนอก ทำให้ฉันเหลือบไปเห็นห้องใต้บันไดฉันจึงค่อยๆเดินเข้าไป ข้างในมันทั้งมืดและมีไม้อยู่เยอะมาก
“เราต้องอยู่ในนี้กันก่อนนะ”
ฉันปล่อยน้องลงช้าๆ
“ครับ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับทำไมผมจำได้แค่เราต้องหนีแล้วผมก็วิ่งชนคนอื่นเข้า แล้ว..แล้วอะไรครับผมไม่เข้าใจ”
น้องพูดด้วยความสับสน ทำไมเสียงน้องถึงได้เข้มบาดใจขนาดนี้นะ
“ญี่ปุ่นจะมายึดพื้นที่ที่โรงเรียนเป็นฐานทัพ พวกเราต้องหนี แล้วน้องก็วิ่งชนพี่ เป็นช่วงพอดีกับที่ญี่ปุ่นปล่อยฝนธนู น้องเลยเป็นแผลที่หลังไง”
ฉันพูดกับน้องนี่ฉันไม่ได้ฝันใช่ไหม ได้อยู่กับคนที่ชอบ๒ต่อ๒ถ้าไม่อยู่ในเหตุการณ์เสี่ยงตายก็น่าจะดีกว่านี้
“กริ้งงงงง”
เสียงกระดิงจากด้านบนเครื่องบิน
“หมดเวลา เราจะฆ่าทุกคนที่ฝ่าฝืนเรา..”
เสียงจากเครื่องบินบอกอีกครั้ง แย่ละสิฉันควรจะทำไงต่อดีเนี้ย
“พี่ครับ..”
ไม่ทันที่น้องได้พูดอะไรฉันเอามือปิดปากน้องเสียก่อน
“เบาๆสิเดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก”
ฉันทำเสียงเข้มแข็ง แต่ใจฉันก็เต้นด้วยความกลัวผสมกับความสุขที่ได้จับตัวน้องแถมยังเป็นปากน้องอีกตั่งหาก จะบ้าตาย
“แต๊กๆ”
เสียงฝีเท้าค่อยๆเดินมา ทำให้เราทั้ง๒เงียบลง อยู่ในความเงียบที่สุด
“แต๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงฝีเท้ามีจำนวนมากขึ้น ทหารเริ่มสำรวจแล้วสินะ
“คนพวกนี้หลบอยู่ในห้องสมุดครับ”
ภาษาญี่ปุ่นที่ฉันสามารถแปลได้
“กำจัด!”
เสียงคำพูดสั้นๆแต่แฝงไปด้วยความเย็นชา
“ปังๆๆ”
เสียงปืน๓นัด สิ้นสุดลงก็มีแต่ความเงียบ มือเย็นๆค่อยๆจับมือฉัน ดีนะที่ห้องนี้มืดไม่งั้นน้องจะเห็นหน้าสีแดงของฉัน ฉันทั้งกลัวและใจเต้นรัวในเวลาเดียวกัน มือเย็นแบบนี้น้องคงกลัวมากแน่ๆเลย ฉันต้องทำไงดีเพื่อนให้เราทั้ง๒ออกไปด้วยกันได้อย่างมีความสุข
“ฟุบ”
เสียงตัวน้องลงมานอนที่ตักฉัน เวลาแบบนี้มันน่ากลัวนะแต่ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน ฉันค่อยๆหลับตาลง ภาพด้านหน้าค่อยๆหายไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ