เรณุการ้อนรัก
-
เขียนโดย Annakan
วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.01 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,684 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 09.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอน 2-4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
ผับแถวสุขุมวิท
เรณุกามาถึงผับสุดไฮตอนสี่ทุ่มนิดๆ มันเป็นเวลากำลังดีไม่ดึกไปและไม่เร็วเกินการมาถึงเป็นโต๊ะแรกมันจะเหมือนเด็กอ่อนหัดไม่เคยเที่ยว ผับนี้จะมีแต่คนวัยทำงานที่ฮิปและคูลทั้งสิ้นมองไปทางไหนก็มีแต่หนุ่มๆ สาวๆ กำลังถือแก้วเหล้าเป็นพรอพติดมือแทบทุกคน หลังจากสอดส่องสายตาอยู่ไม่กี่วินาทีก็เจอกับยัยแก๊งเพื่อนสาว
“ยัยเอ ทางนี้” พิตต้าโบกไม้โบกมือเรียก
“แม่คุณไหนว่าไปจัดกับบอสมาก่อน” ยัยเกลสำรวจเพื่อนสาวจากหัวจรดเท้าก็ไม่พบร่องรอยของความอิดโรยแต่อย่างใดแถมยัยเพื่อนขายาวยังผมเผ้าเรียบกริบไม่มีที่ติ
“เขามีผลิตภัณฑ์ใส่ผมบนโลกใบนี้แกรู้ไหม” เรณุกาทิ้งก้นงอนๆ ลงบนเก้าอี้แล้วกระดิกนิ้วเรียกพนักงานทันที
“วอดก้าตินี่สอง” หญิงสาวสั่งเครื่องดื่มประจำตัวแล้วมองไปรอบๆ
“คอแห้งมากสิท่า” พิตต้าถามแกมประชดยัยเลขาสุดสวย ถ้าไม่ติดว่ายัยนี่นิสัยดีและโคตรจริงใจเธอไม่คบด้วยให้เสียเวลาหรอกเพราะยัยเรณุกาทั้งสวยกว่า สูงกว่า ฉลาดกว่าแถมยังได้ผู้ชายเด็ดๆ ติดมือกลับไปทุกครั้งเวลามาเที่ยวด้วยกัน
“เยส แห้งผากเชียวแหละ” สามสาวเม้าท์กระจายหลังจากไม่ได้เจอกันหลายวันเพราะทำงานคนละบริษัทแต่ไปรู้จักกันตอนออกทริปดำน้ำ
“เขาอายุเฉียดเลขสี่จริงหรอเอ” และทุกครั้งบทสนทนาก็ไม่เคยไปไกลกว่าเรื่องบนเตียงของเธอกับเหล่าคู่ขาทั้งหลาย
“เออ บอกตั้งหลายครั้งแล้วบอสอายุสามสิบเจ็ด”
“หูย แก่ป่านนั้นไปเอาแรงมาจากไหน” เกลเอามือทาบอกกับสถิติการถึงจุดสุดยอดของเพื่อนเธอกับบอสสุดหล่อ
“นี่แกคิดว่าเราอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์หรอเกล ผู้ชายอายุสี่สิบห้าสิบสมัยนี้แข็งแรงพอๆ กับหนุ่มๆ วัยยี่สิบนั่นแหละมันอยู่ที่การดูแลตัวเอง ออกกำลัง กินของดีๆ และคนรวยอ่ะเขาก็ทำหมดทุกอย่างที่ฉันพูดมา”
“ผัวฉันสามสิบสองโดนไปสองรอบก็หลับเป็นตายแล้ว” เกลคือเพื่อนสาวที่มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว ส่วนยัยพิตต้าก็รักๆ เลิกๆ กับผัวทอมวันละสิบแปดครั้ง
“เขาคงเครียดมั้งแก ก็ลองหาอะไรบำรุงดูหรือไม่ก็เปลี่ยนสถานที่บ้าง” เรณุกาบอกเพื่อน
“และที่สำคัญให้แน่ใจนะว่าผัวแกไม่ได้ไปปล่อยกระสุนกับคนอื่น” พิตต้าเสริมท้าย
“เอ๊ะ นังพิตต้า” เกลหันไปขึ้นเสียงใส่ยัยเพื่อนตัวดี
“เอ้า ฉันพูดเรื่องจริง”
“หรอแก” เกลหันไปหายัยเอ ผู้เป็นดั่งเทพธิดาหยั่งรู้ประจำตัว
“เออสิ คนเรามันจะเหนื่อยหมดอารมณ์ทุกวันไม่ได้หรอกลองสังเกตดูแล้วกัน” เรณุกาบอกเพื่อนที่หน้าสลดขึ้นมาทันตา ไม่ต้องใครเลยบอสของเธอนี่แหละที่ไปปล่อยกระสุนจนหมดพอกลับไปถึงบ้านก็อ้างเหนื่อย งานเครียดแล้วก็หลับเป็นตายทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังระริกระรี้กับผู้หญิงหากิน
แล้วการเม้าท์มอยต่อจากนั้นก็เป็นการจับผิดผัวยัยเกลประหนึ่งเชอร์ลอคโฮล์มและโคนันมารวมโต๊ะด้วย เรณุกามั่นใจว่าผัวเพื่อนแอบไปปล่อยกระสุนที่อื่นแน่เพราะเท่าที่ฟังผัวตัวดีของยัยเกลจะหมดแรงทุกครั้งที่กลับบ้านดึก !
“รอดูไปอีกสักเดือนถ้ามั่นใจแล้วค่อยใส่ทีเดียว” เธอไม่ใช่พวกที่จะมาตบตาปลอบใจเพื่อนว่าไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากแกคิดไปเองอะไรเทือกนั้น ถ้าสงสัยก็บอกไปตรงๆ เพื่อนจะได้ระวังตัวและที่สำคัญจะได้เตรียมใจรับกับความจริงด้วย การหลอกให้เชื่อว่าทุกอย่างโอเคมันไม่ให้ผลดีกับใครทั้งนั้น
“สามนาฬิกาค่ะ” พิตต้ากับเกลประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
“อือหึ ผ่าน” เรณุกาหันไปทำท่าโอเคให้เพื่อนทั้งสองคนแล้วเดินนวยนาดไปหาเป้าหมายทันที
“บรัย” สองสาวโบกมือให้ยัยเพื่อนขายาวด้วยความเซ็งเพราะยัยเรณุกาไม่เคยแห้ว มันเดินไปไม่เคยมีครั้งไหนที่กลับมาสักครั้ง
“โชคดีจังที่เจอคุณ” พายัพเมียงมองหญิงสาวมาสองสัปดาห์แล้ว เธอจะมาทุกวันศุกร์แล้วอยู่ๆ เผลอๆ ก็หายวับไป ตามที่เขาร่ำลือแม่สาวตาคมคนนี้มักจะกลับออกไปพร้อมผู้ชายทุกครั้งและเธอจะเป็นฝ่ายเข้าหาเองถ้าถูกใจ
“พูดเหมือนมาตามเฝ้า” เรณุกานั่งไขว่ห้างแบบสบายๆ เธอเองก็รู้ว่าเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ก็หน้าตารูปร่างแบบเธอใครจะมองผ่านไปได้ง่ายๆ
“ก็ประมาณนั้น” พายัพยอมรับแบบตรงๆ
“แล้วอยากจะนั่งเฝ้าอย่างเดียวหรอ” เธอหยิบมะกอกจากแก้วเครื่องดื่มรูดเข้าปากช้าๆ แต่สายตาจ้องกับผู้ชายที่นั่งข้างๆ พร้อมสื่อความนัยบางอย่าง
“ไปเข้าห้องน้ำกันไหมคะ” เธอชวนพร้อมวางมือไปบนต้นขาแข็งแรงของอีกฝ่ายและเขาให้คำตอบด้วยการยืนขึ้นแล้วส่งมือให้เธอจับ
“ม๊วฟ” เรณุกาแวะส่งจูบให้เพื่อนสาวที่มองด้วยความหมั่นไส้เพราะตอนนี้เธอเดินควงกับหนุ่มหน้าตี๋ที่เป็นสเปคของยัยสองคนนั้น
“เชิญครับ” พายัพพาเธอไปส่งที่หน้าห้องหญิง
“ใครว่าจะเข้าห้องนี้คะ” เรณุกาลากผู้ชายที่เธอยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อและก็ไม่สนใจด้วยเข้าไปในห้องน้ำชาย มันต้องมีการทดลองสินค้าก่อนสิเกิดหิ้วไปกินที่คอนโดแล้วไม่แซ่บจะให้แต่งตัวออกมาหาคนใหม่มันก็ไม่ใช่นะ !
“จะทำอะไรคุณ” พายัพถามด้วยความงุนงงและไม่คิดว่าเธอจะใจกล้าขนาดนี้
“แหม่ ไร้เดียงสาหรือไงจ๊ะ” ว่าแล้วเธอก็รูดซิปกางเกงของเขาลงแล้วจัดการปลุกปั่นความเป็นชายให้พร้อมรบจากเวลาในการแข็งตัวก็นานพอสมควรไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือว่าไม่มีน้ำยากันแน่
“ซี๊ดดด อ๊า สุดยอด” ชายหนุ่มส่งท่อนลำแข็งขึงเข้าไปจนสุดแล้วซอยช้าๆ
“หะ ห๊ะ” เรณุกาไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกอย่างจะจบลงภายในเวลาแค่สามนาที เธอยังไม่ทันรู้สึกเสียวด้วยซ้ำแต่ที่รู้สึกตอนนี้คือน้ำข้นๆ ที่มากระทบกับโพรงเนื้อของเธอ
“ผมตื่นเต้น ขอโทษที” พายัพกล่าวด้วยความอับอาย
“ค่ะ ถ้ายังงั้นก็ขอตัวนะคะ” เมื่อพูดจบเรณุกาก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไปแก” หญิงสาวร่างสูงโปร่งไปยืนกอดอกค้ำหัวเพื่อนทั้งสองคนด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ไปไหน” พิตต้ากับเกลประสานเสียงด้วยความงง
“ไปจากที่นี่ ไอ้บ้านั่นล่มปากอ่าวเสียบเข้าไปยังไม่ทันรู้สึกเลยแม่งเสร็จแล้วน้องสาวฉันยังไม่ทันแฉะเลยด้วยซ้ำ” เรณุกาบ่นด้วยความหงุดหงิด คิดถูกจริงๆ ที่เทสสินค้าก่อนเพราะเซ้นส์ของเธอมักไม่พลาด ความไก่อ่อนมันแสดงออกทางสีหน้าได้นะรู้กันบ้างไหมพวกผู้ชายทั้งหลาย !
“ฮ่าๆๆๆ” สองสาวขำกันจนน้ำตาเล็ดแต่ก็ยอมเดินออกจากร้าน ทั้งสามคนไปจบค่ำคืนการแฮงเอ้าท์ที่ร้านข้าวต้มปลาเจ้าประจำ เรณุกาสั่งข้าวต้ม ลวกจิ้ม ต้มยำหัวปลามากินเพื่อดับอารมณ์ของตัวเองและเมื่อจานชามทุกอย่างเกลี้ยงเกลาหญิงสาวขายาวก็อารมณ์ดีขึ้นจริงๆ เพราะเธอมีภาษิตประจำตัวว่า “ของกินจะเยียวยาทุกสิ่ง”
ตอนที่ 3
คอนโดชั้น 69
เรณุกาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกแล้วพาดไว้บนโซฟาต่อจากนั้นจึงเดินไปที่ตู้เก็บไวน์แล้วหยิบน้ำรสขมสีแดงเข้มรินใส่แก้ว เดินต่อจนสุดทางก็จะพบกับสระน้ำขนาดย่อมร่างสูงโปร่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หวายแล้วเหม่อมองไปยังแสงไฟยามค่ำคืน
เธออาศัยอยู่ที่คอนโดเดียวกับบอสแต่ชั้นนี้เป็นชั้นที่หรูหราและราคาแพงกว่าชั้นอื่นๆ เพราะมันคือชั้นบนสุดและมีแค่สามห้องเท่านั้นเรียกว่าเพนท์เฮ้าส์ซึ่งพื้นที่ใช้สอยภายในทั้งหมดพอๆ กับบ้านเดี่ยวหลังนึงเลยก็ว่าได้ ใจจริงเธอไม่ได้อยากอยู่ที่นี่แต่มันเป็นข้อเสนอที่ปาป๊าของเธอยื่นให้แกมบังคับเล็กๆ
“ลูกต้องไปอยู่ที่นั่นถ้าอยากไปประเทศไทย ถ้าไม่อยู่ก็ไม่ได้ไป” เปโดรยื่นคำขาดกับลูกสาวเพียงคนเดียว หัวอกพ่อจะไม่ห่วงลูกคงเป็นไปไม่ได้แต่ในเมื่อมีลูกหัวรั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ และคอนโดแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องรักษาความปลอดภัยเป็นที่สุด อย่างน้อยๆ ไปอยู่ห่างหูห่างตากันก็ขอให้ได้อุ่นใจสักนิดว่าลูกสาวจะได้หลับตานอนอย่างสบายใจไม่ต้องกลัวภัยร้ายต่างๆ
และเรื่องราวมันก็ประจวบเหมาะไปซะหมดบอสเป็นคนสัมภาษณ์และพิจารณาเข้าทำงาน เธอกับเขาสปาร์คกันทันทีตั้งแต่สบตาและเมื่อเขาพามาเปิดศึกรักมันก็ช่างบังเอิญเหลือเกินบอสหนุ่มกับเลขาสาวอาศัยอยู่คอนโดเดียวกันแต่อย่าคิดว่าเขาจะได้มาเหยียบที่ห้องบอสไม่เคยขึ้นมาและเธอก็ไม่เคยพาใครมานอนด้วย พื้นที่ตรงนี้คือที่ส่วนตัวจริงๆ เธออยากเอาไว้ผ่อนคลายหลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน
เรียวขายาวๆ หยัดขึ้นแล้วมือก็เอื้อมไปถอดกระโปรงและชุดชั้นใน ร่างสูงระหงเปลือยเปล่าโดดลงไปน้ำสระน้ำ คางแหลมๆ ของแท้แม่ให้มาเกยอยู่บนขอบสระเบื้องหน้าคือวิวเมืองกรุงยามค่ำคืนที่ระยิบระยับด้วยแสงไฟหลากสี ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเวลาที่อยู่คนเดียวเธอมักจะคิดว่าคนวัยเดียวกับเธอมีเป้าหมายอะไรในชีวิตสำหรับเธอคือมีงานที่มั่นคงมีเพื่อนจริงใจและครอบครัวคอยให้กำลังใจอยู่ข้างหลังซึ่งเธอมีหมดแล้ว
เรียกว่าเรณุกาประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วก็ไม่ผิดนักเพราะเธอเพิ่งอายุยี่สิบห้าแต่เงินเดือนที่ได้ก็ครึ่งแสนเข้าไปแล้วและมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะเงินปันผลจากหุ้นต่างๆ ที่ซื้อทิ้งไว้อีกชีวิตของเรณุกาดีพร้อมทุกอย่างยกเว้นเรื่องความรัก
หลังจากแช่น้ำอยู่พักใหญ่ๆ เธอก็เข้าไปอาบน้ำผนังกระจกด้านนึงเปิดโล่งมองเห็นข้างนอกชัดถนัดตา เรณุกาแทบไม่เคยปิดมูลี่เลยเพราะเธอชอบมองวิวของตึกสูงระฟ้าและรถราที่วิ่งขวักไขว่อยู่ไกลๆ ถึงชีวิตจะมีพร้อมทุกอย่างแต่ในใจลึกๆ ของเธอก็มีหลุมเล็กๆ ของความอ้างว้างเก็บซ่อนเอาไว้ เธอไม่ได้เหงาหรือเป็นโรคโฮมซิคแต่เธออ้างว้างยามอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเพราะเธอรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่ได้เกิดมาเพื่อเธอคนพวกนั้นมองเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นคนพิเศษไม่มีใครที่จะชื่นชมเธอด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก…ไม่มีเลย
“สวัสดีค่ะบอส” เรณุกาทักทายชายหนุ่มที่เดินยิ้มมาแต่ไกลสงสัยเมื่อคืนคงหลับฝันดีสิท่า ไม่ใช่สิคนแบบบอสไม่ชอบเรื่องเพ้อฝันเขาชอบอะไรที่จับต้องได้จริงเช่นนมกับก้นเป็นต้น
“มอนิ่งแอนนี่ทำดูไม่สดใสเลย”
“เมื่อคืนนอนดึกค่ะ”
“อ๊ะๆ ยังไงหรอ” ชายหนุ่มทำท่าล้อเลียนหญิงสาวตรงหน้า
“ไม่ยังไงค่ะไปเตรียมตัวได้แล้ว ลูกค้ารายแรกนัดไว้เก้าโมงครึ่งค่ะจากนั้นก็นัดทานข้าวกลางวันกับคุณรินอย่าไปสายล่ะเธอจะกังวล” เรณุกาบอกคิวงานให้บอสของเธอ
“รับทราบครับผม” ภาคินัยผิวปากเข้าไปในห้อง ทำไมถึงอารมณ์ดีหรอก็เมื่อคืนได้นอนกับหนูรินนะสิแถมก่อนออกมาก็จัดไปอีกสองรอบเช้าวันนี้เลยครึกครื้นเป็นพิเศษ
“ไม่เคยพลาดสักนิดเลขาคนสวยของบอส” ผู้บริหารรูปหล่อมองดูเอกสารที่เลขาเตรียมไว้ให้ด้วยความพอใจ เรณุกาทำงานละเอียดและรวดเร็วทุกครั้ง เธอเป็นพนักงานคนเดียวที่ตามตัวได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ว่าปัญหาอะไรที่ส่งไปจะได้รับการแก้ไขอย่างว่องไวเสมอบางครั้งเขายังอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอคือยอดมนุษย์รึเปล่า
เป็นอีกวันที่งานการของเรณุกายุ่งเหยิงจนหัวปั่นเงยหน้ามาอีกทีก็เที่ยงครึ่งเข้าไปแล้วเธอรู้สึกว่าบอสเพิ่งเดินมาบอกลาไปเมื่อสักครู่เองแต่จริงๆ มันผ่านมาชั่วโมงครึ่งแล้วต่างหากและที่ทำให้เธอละมือออกจากงานก็เพราะท้องมันร้องขึ้นมา
“อ้าว ! แอนนี่ยังไม่ไปกินข้าวหรอ” ธนูลักษณ์แวะคุยกับเพื่อนร่วมงาน
“ยังแต่กำลังจะไปแล้ว” เรณุกาตอบแล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมา
“งั้นไปด้วยกันสิ วันนี้เลี้ยง” ชายหนุ่มเอ่ยชวน
“เลี้ยงทำไม”
“ก็อารมณ์ดีเลยอยากทำเรื่องดีๆ” ธนูลักษณ์ตอบแล้วยิ้มยิงฟันให้
“ก็ดี ไม่เปลืองเงิน” เลขาคนสวยจึงเก็บกระเป๋าเงินเข้าลิ้นชักแล้วล็อกไว้เหมือนเดิม
ธนูลักษณ์คือหัวหน้าแผนกไอทีเขาดูเป็นคนนิ่งๆ เอาจริงจังแต่นอกเวลางานก็เป็นผู้ชายที่อัธยาศัยดีคนนึงและที่สำคัญเขาเป็นสุภาพบุรุษมากๆ เพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่ไม่เคยส่งสายตาเจ้าชู้ให้เธอ
“ธี ไม่มีแฟนหรอ” หลังๆ มาเธอกับเขามักจะมากินข้าวกลางวันด้วยกันบ่อยๆ ความสนิทสนมจึงเพิ่มมากขึ้น
“ไม่มี” ธนูลักษณ์ตอบเพื่อนร่วมงาน เรณุกาเป็นพนักงานหญิงเพียงคนเดียวที่เขากล้ามานั่งกินข้าวด้วยเพราะเธอนิสัยห้าวๆ แมนๆ ขัดกับภาพลักษณ์สุดเซ็กซี่ของเธอแบบสุดๆ แถมเธอยังเป็นคนสบายๆ และรอบรู้เหตุการณ์บ้านเมืองเวลาคุยกันเหมือนได้เปิดโลกทัศน์หาความรู้ใหม่ๆ ใส่หัว
“หล่อขนาดนี้ไม่เชื่อหรอก” ก็ถ้าจะบอกว่าเขาไม่หล่อก็คือโกหกแน่ๆ ธนูลักษณ์สูงกว่าเธออีกทั้งที่เธอก็ปาไปร้อยเจ็ดสิบห้าแล้วคิดดูเถอะว่าเขาหุ่นล่ำน่าฟัดขนาดไหน ผู้ชายแค่สูงมากๆ ก็เท่กินขาดไปหลายขุมแล้ว
“หล่อแต่ซื่อบื้อนะ” ชายหนุ่มขำกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาและมันคือเรื่องจริง เขาเป็นคนซื่อๆ บื้อๆ ชอบใครก็มักจะเก็บเอาไว้ในใจพร่ำเพ้อบ้าๆ บอๆ อยู่คนเดียว การเดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงที่แอบชอบยากกว่าเขียนโปรแกรมซะอีก
“ต้องกล้าสิ อย่างน้อยได้พูดความในใจออกไปดีกว่าเก็บเอาไว้จนวันตายนะ”
“จะพยายามแล้วกัน” ความจริงเขาแอบชอบรินรดีมาเป็นปีๆ แล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกเธอเพราะพูดไปก็เท่านั้นในเมื่อเธอเป็นคนรักของเพื่อนร่วมงาน
“ว่างๆ ไปดื่มกันม่ะกินแต่ข้าวกลางวันเบื่อแหละ” เรณุกาชวนชายหนุ่มร่างโต
“ก็ได้ วันไหนบอกล่วงหน้าแล้วกัน”
“วันศุกร์นะ โอเคตามนั้น” หญิงสาวนัดเองตกลงเองเสร็จสรรพ เรณุกาจะพาเพื่อนขี้อายไปเปิดตัวกับเหล่าเพื่อนสาวและเธอมั่นใจว่าหล่อๆ แบบเขาต้องไม่ได้กลับบ้านคนเดียวแน่นอน
ตอนที่ 4
ผับแถวทองหล่อ
“ธี ว้าว” เรณุกากำลังมองเพื่อนร่วมงานจากหัวจรดเท้าซ้ำไปซ้ำมาถึงสามรอบ ลุคของธนูลักษณ์นอกเวลางานต่างกับตอนอยู่ในออฟฟิศโดยสิ้นเชิง สีหน้าของเขาผ่อนคลายคิ้วก็ไม่ผูกเป็นปมและการแต่งกายของเขาต้องขอชมเลยว่ามีรสนิยมพอตัว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวส่วนด้านนอกเป็นเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงเขาเลือกสวมยีนสีเข้มเข็มขัดสีเดียวกับรองเท้าคือน้ำตาลอ่อน ตบท้ายด้วยทรงผมใส่เจลนิดๆ แถมยังใส่น้ำหอมอีกต่างหาก
“ทำไมแอนนี่ มันเฉิ่มหรอ” ธนูลักษณ์จับเสื้อจับผมตัวเองด้วยความกังวล เขาเองก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงซะด้วยเลยไม่รู้ว่าการแต่งตัวแบบนี้สาวๆ จะคิดว่ามันเป็นยังไง
“เฉิ่มที่ไหนเฉียบขาดสุดๆ มาเถอะ”
“มันเป็นยังไงแอนนี่” ชายหนุ่มยังคงถามเซ้าซี้ไม่เลิกระหว่างเดินเข้าไปด้านใน
“เดี๋ยวบอก” เรณุกาจะให้แม่เพื่อนสาวตัวดีช่วยวิจารณ์ให้ พ่อหนุ่มขี้อายจะได้ตาสว่างสักทีว่าตัวเองมีดีขนาดไหน
“ไฮ นี่คงเป็นคุณธีใช่ไหมคะ” ยัยพิตต้าถลามารับถึงที่
“เพื่อนหล่อขนาดนี้ไม่เห็นเคยบอก” ยัยเกลรีบมายืนประกบอีกข้าง
“เห็นไหมล่ะ” เรณุกาหลิ่วตาให้ธนูลักษณ์แล้วฉุดให้นั่งลง ยัยสองคนนั้นตื่นเต้นมากที่เพื่อนร่วมบริษัทของเธอหล่อลากดินแถมสุภาพแบบสุดๆ
“ธี แต่งตัวเป็นไงใช้ได้ไหม ไหนลองวิจารณ์สิเจ้าแม่แฟชั่นกูรูเสื้อผ้าทั้งหลาย” เรณุกาเท้าคางรอฟัง
“รองเท้ากับเข็มขัดเข้ากัน ผ่าน , เลือกกางเกงสีเข้ม เริ่ด , ด้านบนลำลองเพื่อให้ลุคสบายๆ เยี่ยม , และสุดท้ายเสื้อผ้าจะไม่มีผลอะไรเลยถ้าคนใส่ไม่หล่อ” นั่นคือคำวิจารณ์ของพิตต้า
“ทรงผมไม่เยอะไม่น้อยดูน่ารักน่าเข้าใกล้แบบมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ต้องใช้เวลาทำผมไม่มากกว่าฉันแน่ๆ ชอบที่ใส่เสื้อสองตัว เผื่ออากาศเย็นๆ จะได้ขอยืมตัวนอกมาคลุมกายสักนิด” ยัยเกลพูดแถมกระแซะตัวเข้าไปใกล้
“มีผัวแล้วไม่ใช่หรอแก” เรณุกาถามยัยเพื่อนตัวดี
“ไหนล่ะผัว ถ้าไม่มาก็แปลว่าโสด”
“บอกแล้วว่าธีดูดีจะตาย ทีนี้ก็มั่นใจในตัวเองสักทีนะ” เลขาสาวบอกพ่อหนุ่มไอที
นานแล้วที่ธนูลักษณ์ไม่ได้มานั่งดื่มแบบนี้อาจจะด้วยวัยและการงานที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาไม่เห็นประโยชน์ของการร่ำสุราแต่พอมานั่งกับสาวๆ เขาถึงได้รู้ว่าการจิบเหล้ามันเป็นยังไงก็เมื่อก่อนเวลาเที่ยวก็มีแต่หนุ่มๆ ที่ดวดเอาดวดเอาประหนึ่งผลิตเหล้าเองได้ นี่นั่งมาสองชั่วโมงแล้วเหล้าเพิ่งหมดไปสองแก้วเองแถมชงอ่อนมาก
“คุณพิตต้าแต่งตัวเก่งจังเลยครับ” ธนูลักษณ์ชื่นชมสไตล์ของเธอจากใจจริงเพราะเธอเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น
“ถ้าเรียกคุณอีกทีจะลากไปกินในน้ำแล้วนะ” พิตต้าชี้หน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
“ฮ่าๆๆคุณพิตต้า เอ๊ย ! พิตต้าเนี่ยตลกจังเลย”
“ตลกหวังจะแดกอ่ะค่ะ” ยัยเกลเบ้ปากให้พิตต้า
“ไม่มีสิทธิ์ได้แดกแล้วอย่ามาพาลจ้า” พิตต้าสวนกลับทันควัน ยัยเกลก็ได้แต่ทำปากยื่นปากยาว
“พอๆ ไม่ว่าใครก็ไม่ได้แดกทั้งนั้นค่ะ ฉันพาธีมาเป็นอาหารตาสาวๆ รวมถึงพวกแกด้วยดูได้แต่ห้ามลากไปกินในน้ำ โอเค๊” เรณุกาสงบศึกชิงหนุ่มไอที
“ผู้หญิงนั่งประกบสามคนใครเขาจะกล้ามาแหย็มล่ะยัยเอ” พิตต้าหันไปเม้าท์กับยัยเลขาหน้าคม
“แอนนี่มีหลายชื่อจังเลยนะครับ”
“พอๆ กับมีหลายหน้านั่นแหละ” ยัยเกลสอดขึ้นมาทันควัน
“แหม่ ! พวกเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนมักจะลงเอยไม่สวยนะยัยเกล” เรณุกาหันไปจิกตาใส่
“แม่นี่มีชื่อจริงว่า เรณุกา อมาต้า กอนซาเลซ คูมาร์ ชื่อเล่นที่พ่อตั้งให้คือเอเน่แต่คนอื่นมักเรียกว่าแอนนี่ส่วนพวกเราเรียกว่าเอเฉยๆ เพราะสั้นดี” พิตต้าพูดออกมารวดเดียว
“อะ อะไรนะครับอีกรอบสิ” ธนูลักษณ์ฟังไม่ทัน อะไรต้าๆ เลซๆ นะ คนอะไรทำไมชื่อยาวสามสี่ท่อน เขารู้แค่ว่าเธอชื่อเรณุกาและนามสกุลกอนซาเลซ
“เรณุกาคือชื่อต้น อมาต้าชื่อกลางภาษาสเปนแปลว่าสุดที่รัก กอนซาเลซนามสกุลพ่อส่วนคูมาร์นามสกุลแม่ของฉันที่เป็นคนอินเดีย ชื่อเล่นเอเน่ปาป๊าตั้งให้ส่วนชื่อต้นคุณแม่ตั้ง”
“ว้าว ! เจ๋งสุด” ชายหนุ่มทั้งอึ้งและชื่นชมตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้จักใครชื่อยาวแบบนี้เลย
“ไหนว่าไม่มีใครกล้า” เรณุกาพยักพเยิดไปที่โต๊ะข้างๆ
“ถ้ากล้าก็เข้ามา … เออ ! แม่งกล้าจริง”
“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานๆ ของหญิงสาวคนนึงทักทายรวมๆ แต่ดูก็รู้ว่าเธอตั้งใจเดินมาหาใคร
“ธี เป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิ”
“เอ่อ สวัสดีครับ นี่เพื่อนผมครับคนนี้พิตต้า คนนี้เกลแล้วก็แอนนี่ครับ ส่วนผมชื่อธีครับ”
“กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นเพื่อนกัน” หญิงสาวแปลกหน้าเชิญตัวเองนั่งเสร็จสรรพแล้วแจกยิ้มไปทั่ว เกลกับพิตต้าลอบกลอกตาให้กันอย่างสุดเซ็ง
“ธี” เรณุกาเหลือกตาไปที่แก้วเหล้า
“คุณ เอ่อ…”
“ไลลาค่ะ”
“คุณไลลาดื่มอะไรดีครับ”
“ขอน้ำส้มก็พอค่ะ” และอีกครั้งที่พิตต้ากับเกลกลอกตาให้กันสามรอบครึ่ง
“น้ำส้ม จ้ะ ! แม่นางเอก” นั่นคือเสียงในใจของพิตต้ากับเกล
“ปกติคุณไลลาไม่ดื่มหรอคะ” เกลจีบปากจีบคอถามยัยสาวหน้าใสที่ตอแหลแน่นอนร้อยล้านเปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงไม่ดื่มไม่เที่ยวจะมานั่งที่นี่ทำไมและถ้านางเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้จะกล้าเดินเข้ามาหาผู้ชายแบบนี้หรอ
“ดื่มค่ะแต่ไม่เก่ง ไลลาคออ่อนค่ะ”
“ต้องหัดนะคะ มาค่ะเดี๋ยวพิตต้าชงให้” เธอจัดแจงชงเหล้าให้เพื่อนคนใหม่ด้วยความว่องไว
“อุ๊ย ! ลืมตัวน่ะค่ะ” ไลลาเอามือปิดปากด้วยความตกใจเพราะเธอกระดกหมดแก้วภายในครั้งเดียว
“คุณพิตต้าชงเหล้าเก่งจังเลยนะคะ” แม่สาวหน้าใสชมเพื่อแก้เก้อแต่คนแบบไลลาถ้าล็อกเป้าหมายแล้วไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน
“ลองค้อกเทลนี่นะคะสูตรเด็ดของร้าน เกลเลี้ยงเอง” เธอหวังจะให้ยัยหน้าใสเผยธาตุแท้ออกมาแต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก
“แรงจังเลยนะคะ” ไลลาแสร้งทำท่าขมทั้งที่จริงมันไม่กระเทือนต่อมรับรสสักนิด
“หมดแก้วๆๆ” พิตต้ากับเกลช่วยเชียร์ ส่วนเรณุกาได้แต่นั่งขำในใจว่ายัยเพื่อนสองคนนี้ไม่รู้ทันแม่สาวหน้าใสเอาซะเลยเธอมั่นใจว่าพอหมดแก้วยัยไลลาต้องปล่อยหมัดเด็ดแน่ๆ
“มึนหัวจังเลยค่ะ คุณธีพาไลลาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ” ไลลาบอกพร้อมเอามือกุมขมับ
“นั่นไง !” เรณุกานึกอยู่ในใจ
“ไม่ทันยัยนั่นจริงๆ หรอพวกแกเนี่ย” เรณุกาเปิดฉากเม้าท์ทันทีเมื่อสองคนนั้นเดินพ้นไป
“โหย ดูดิมันงาบธีไปแล้ว” พิตต้าเอ่ยด้วยความโมโห
“แกก็ไม่มีสิทธิ์งาบย่ะ ยัยพิตต้า” แม่สาวตาคมเอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อน
“จะเก็บไว้กินเองหรือไง” ยัยตัวแสบประสานเสียงถามพร้อมกัน
“ถ้าจะกิน กินไปนานแล้วเก็บไว้คบกันคุยกันแบบเพื่อนบ้างเถอะไม่ใช่จ้องจะงาบผู้ชายที่ฉันรู้จักทุกคน”
“ก็ผู้ชายที่แกรู้จักน่างาบทำไมล่ะ” สามสาวเม้าท์กันอยู่สิบนาทีสองคนนั้นก็เดินกลับมา
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณไลลาขึ้นแท็กซี่ก่อนนะ” ธนูลักษณ์บอกเพื่อนทั้งสามคน
“ถ้ายัยนั่นปล่อยธีกลับมาฉันยอมซื้อลูบูแตงให้พวกแกคนละสามคู่เลย” เรณุกากระดกเหล้าในแก้วแล้วทั้งสามคนก็นั่งรอด้วยใจจดจ่อ
“ธีโทรมา” เลขาคนสวยบอกเพื่อนๆ
เรณุกา: มีไรธี
ธนูลักษณ์: คุณไลลาขอให้นั่งไปเป็นเพื่อนเธอไม่อยากกลับคนเดียวเพราะมึนหัวมาก ฝากบอกลาพิตต้ากับเกลด้วยนะ
เรณุกา: อืมๆ โอเค
ธนูลักษณ์: กลับกันดีๆ นะ
เรณุกา: อืม ไม่ต้องห่วงหรอกขอบใจมาก
“ไลลา แกมันร้าย !” สามสาวประสานเสียงพร้อมกันแล้วดวดเหล้าหมดแก้ว
ผับแถวสุขุมวิท
เรณุกามาถึงผับสุดไฮตอนสี่ทุ่มนิดๆ มันเป็นเวลากำลังดีไม่ดึกไปและไม่เร็วเกินการมาถึงเป็นโต๊ะแรกมันจะเหมือนเด็กอ่อนหัดไม่เคยเที่ยว ผับนี้จะมีแต่คนวัยทำงานที่ฮิปและคูลทั้งสิ้นมองไปทางไหนก็มีแต่หนุ่มๆ สาวๆ กำลังถือแก้วเหล้าเป็นพรอพติดมือแทบทุกคน หลังจากสอดส่องสายตาอยู่ไม่กี่วินาทีก็เจอกับยัยแก๊งเพื่อนสาว
“ยัยเอ ทางนี้” พิตต้าโบกไม้โบกมือเรียก
“แม่คุณไหนว่าไปจัดกับบอสมาก่อน” ยัยเกลสำรวจเพื่อนสาวจากหัวจรดเท้าก็ไม่พบร่องรอยของความอิดโรยแต่อย่างใดแถมยัยเพื่อนขายาวยังผมเผ้าเรียบกริบไม่มีที่ติ
“เขามีผลิตภัณฑ์ใส่ผมบนโลกใบนี้แกรู้ไหม” เรณุกาทิ้งก้นงอนๆ ลงบนเก้าอี้แล้วกระดิกนิ้วเรียกพนักงานทันที
“วอดก้าตินี่สอง” หญิงสาวสั่งเครื่องดื่มประจำตัวแล้วมองไปรอบๆ
“คอแห้งมากสิท่า” พิตต้าถามแกมประชดยัยเลขาสุดสวย ถ้าไม่ติดว่ายัยนี่นิสัยดีและโคตรจริงใจเธอไม่คบด้วยให้เสียเวลาหรอกเพราะยัยเรณุกาทั้งสวยกว่า สูงกว่า ฉลาดกว่าแถมยังได้ผู้ชายเด็ดๆ ติดมือกลับไปทุกครั้งเวลามาเที่ยวด้วยกัน
“เยส แห้งผากเชียวแหละ” สามสาวเม้าท์กระจายหลังจากไม่ได้เจอกันหลายวันเพราะทำงานคนละบริษัทแต่ไปรู้จักกันตอนออกทริปดำน้ำ
“เขาอายุเฉียดเลขสี่จริงหรอเอ” และทุกครั้งบทสนทนาก็ไม่เคยไปไกลกว่าเรื่องบนเตียงของเธอกับเหล่าคู่ขาทั้งหลาย
“เออ บอกตั้งหลายครั้งแล้วบอสอายุสามสิบเจ็ด”
“หูย แก่ป่านนั้นไปเอาแรงมาจากไหน” เกลเอามือทาบอกกับสถิติการถึงจุดสุดยอดของเพื่อนเธอกับบอสสุดหล่อ
“นี่แกคิดว่าเราอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์หรอเกล ผู้ชายอายุสี่สิบห้าสิบสมัยนี้แข็งแรงพอๆ กับหนุ่มๆ วัยยี่สิบนั่นแหละมันอยู่ที่การดูแลตัวเอง ออกกำลัง กินของดีๆ และคนรวยอ่ะเขาก็ทำหมดทุกอย่างที่ฉันพูดมา”
“ผัวฉันสามสิบสองโดนไปสองรอบก็หลับเป็นตายแล้ว” เกลคือเพื่อนสาวที่มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว ส่วนยัยพิตต้าก็รักๆ เลิกๆ กับผัวทอมวันละสิบแปดครั้ง
“เขาคงเครียดมั้งแก ก็ลองหาอะไรบำรุงดูหรือไม่ก็เปลี่ยนสถานที่บ้าง” เรณุกาบอกเพื่อน
“และที่สำคัญให้แน่ใจนะว่าผัวแกไม่ได้ไปปล่อยกระสุนกับคนอื่น” พิตต้าเสริมท้าย
“เอ๊ะ นังพิตต้า” เกลหันไปขึ้นเสียงใส่ยัยเพื่อนตัวดี
“เอ้า ฉันพูดเรื่องจริง”
“หรอแก” เกลหันไปหายัยเอ ผู้เป็นดั่งเทพธิดาหยั่งรู้ประจำตัว
“เออสิ คนเรามันจะเหนื่อยหมดอารมณ์ทุกวันไม่ได้หรอกลองสังเกตดูแล้วกัน” เรณุกาบอกเพื่อนที่หน้าสลดขึ้นมาทันตา ไม่ต้องใครเลยบอสของเธอนี่แหละที่ไปปล่อยกระสุนจนหมดพอกลับไปถึงบ้านก็อ้างเหนื่อย งานเครียดแล้วก็หลับเป็นตายทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังระริกระรี้กับผู้หญิงหากิน
แล้วการเม้าท์มอยต่อจากนั้นก็เป็นการจับผิดผัวยัยเกลประหนึ่งเชอร์ลอคโฮล์มและโคนันมารวมโต๊ะด้วย เรณุกามั่นใจว่าผัวเพื่อนแอบไปปล่อยกระสุนที่อื่นแน่เพราะเท่าที่ฟังผัวตัวดีของยัยเกลจะหมดแรงทุกครั้งที่กลับบ้านดึก !
“รอดูไปอีกสักเดือนถ้ามั่นใจแล้วค่อยใส่ทีเดียว” เธอไม่ใช่พวกที่จะมาตบตาปลอบใจเพื่อนว่าไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากแกคิดไปเองอะไรเทือกนั้น ถ้าสงสัยก็บอกไปตรงๆ เพื่อนจะได้ระวังตัวและที่สำคัญจะได้เตรียมใจรับกับความจริงด้วย การหลอกให้เชื่อว่าทุกอย่างโอเคมันไม่ให้ผลดีกับใครทั้งนั้น
“สามนาฬิกาค่ะ” พิตต้ากับเกลประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
“อือหึ ผ่าน” เรณุกาหันไปทำท่าโอเคให้เพื่อนทั้งสองคนแล้วเดินนวยนาดไปหาเป้าหมายทันที
“บรัย” สองสาวโบกมือให้ยัยเพื่อนขายาวด้วยความเซ็งเพราะยัยเรณุกาไม่เคยแห้ว มันเดินไปไม่เคยมีครั้งไหนที่กลับมาสักครั้ง
“โชคดีจังที่เจอคุณ” พายัพเมียงมองหญิงสาวมาสองสัปดาห์แล้ว เธอจะมาทุกวันศุกร์แล้วอยู่ๆ เผลอๆ ก็หายวับไป ตามที่เขาร่ำลือแม่สาวตาคมคนนี้มักจะกลับออกไปพร้อมผู้ชายทุกครั้งและเธอจะเป็นฝ่ายเข้าหาเองถ้าถูกใจ
“พูดเหมือนมาตามเฝ้า” เรณุกานั่งไขว่ห้างแบบสบายๆ เธอเองก็รู้ว่าเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ก็หน้าตารูปร่างแบบเธอใครจะมองผ่านไปได้ง่ายๆ
“ก็ประมาณนั้น” พายัพยอมรับแบบตรงๆ
“แล้วอยากจะนั่งเฝ้าอย่างเดียวหรอ” เธอหยิบมะกอกจากแก้วเครื่องดื่มรูดเข้าปากช้าๆ แต่สายตาจ้องกับผู้ชายที่นั่งข้างๆ พร้อมสื่อความนัยบางอย่าง
“ไปเข้าห้องน้ำกันไหมคะ” เธอชวนพร้อมวางมือไปบนต้นขาแข็งแรงของอีกฝ่ายและเขาให้คำตอบด้วยการยืนขึ้นแล้วส่งมือให้เธอจับ
“ม๊วฟ” เรณุกาแวะส่งจูบให้เพื่อนสาวที่มองด้วยความหมั่นไส้เพราะตอนนี้เธอเดินควงกับหนุ่มหน้าตี๋ที่เป็นสเปคของยัยสองคนนั้น
“เชิญครับ” พายัพพาเธอไปส่งที่หน้าห้องหญิง
“ใครว่าจะเข้าห้องนี้คะ” เรณุกาลากผู้ชายที่เธอยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อและก็ไม่สนใจด้วยเข้าไปในห้องน้ำชาย มันต้องมีการทดลองสินค้าก่อนสิเกิดหิ้วไปกินที่คอนโดแล้วไม่แซ่บจะให้แต่งตัวออกมาหาคนใหม่มันก็ไม่ใช่นะ !
“จะทำอะไรคุณ” พายัพถามด้วยความงุนงงและไม่คิดว่าเธอจะใจกล้าขนาดนี้
“แหม่ ไร้เดียงสาหรือไงจ๊ะ” ว่าแล้วเธอก็รูดซิปกางเกงของเขาลงแล้วจัดการปลุกปั่นความเป็นชายให้พร้อมรบจากเวลาในการแข็งตัวก็นานพอสมควรไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือว่าไม่มีน้ำยากันแน่
“ซี๊ดดด อ๊า สุดยอด” ชายหนุ่มส่งท่อนลำแข็งขึงเข้าไปจนสุดแล้วซอยช้าๆ
“หะ ห๊ะ” เรณุกาไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกอย่างจะจบลงภายในเวลาแค่สามนาที เธอยังไม่ทันรู้สึกเสียวด้วยซ้ำแต่ที่รู้สึกตอนนี้คือน้ำข้นๆ ที่มากระทบกับโพรงเนื้อของเธอ
“ผมตื่นเต้น ขอโทษที” พายัพกล่าวด้วยความอับอาย
“ค่ะ ถ้ายังงั้นก็ขอตัวนะคะ” เมื่อพูดจบเรณุกาก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไปแก” หญิงสาวร่างสูงโปร่งไปยืนกอดอกค้ำหัวเพื่อนทั้งสองคนด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ไปไหน” พิตต้ากับเกลประสานเสียงด้วยความงง
“ไปจากที่นี่ ไอ้บ้านั่นล่มปากอ่าวเสียบเข้าไปยังไม่ทันรู้สึกเลยแม่งเสร็จแล้วน้องสาวฉันยังไม่ทันแฉะเลยด้วยซ้ำ” เรณุกาบ่นด้วยความหงุดหงิด คิดถูกจริงๆ ที่เทสสินค้าก่อนเพราะเซ้นส์ของเธอมักไม่พลาด ความไก่อ่อนมันแสดงออกทางสีหน้าได้นะรู้กันบ้างไหมพวกผู้ชายทั้งหลาย !
“ฮ่าๆๆๆ” สองสาวขำกันจนน้ำตาเล็ดแต่ก็ยอมเดินออกจากร้าน ทั้งสามคนไปจบค่ำคืนการแฮงเอ้าท์ที่ร้านข้าวต้มปลาเจ้าประจำ เรณุกาสั่งข้าวต้ม ลวกจิ้ม ต้มยำหัวปลามากินเพื่อดับอารมณ์ของตัวเองและเมื่อจานชามทุกอย่างเกลี้ยงเกลาหญิงสาวขายาวก็อารมณ์ดีขึ้นจริงๆ เพราะเธอมีภาษิตประจำตัวว่า “ของกินจะเยียวยาทุกสิ่ง”
ตอนที่ 3
คอนโดชั้น 69
เรณุกาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกแล้วพาดไว้บนโซฟาต่อจากนั้นจึงเดินไปที่ตู้เก็บไวน์แล้วหยิบน้ำรสขมสีแดงเข้มรินใส่แก้ว เดินต่อจนสุดทางก็จะพบกับสระน้ำขนาดย่อมร่างสูงโปร่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หวายแล้วเหม่อมองไปยังแสงไฟยามค่ำคืน
เธออาศัยอยู่ที่คอนโดเดียวกับบอสแต่ชั้นนี้เป็นชั้นที่หรูหราและราคาแพงกว่าชั้นอื่นๆ เพราะมันคือชั้นบนสุดและมีแค่สามห้องเท่านั้นเรียกว่าเพนท์เฮ้าส์ซึ่งพื้นที่ใช้สอยภายในทั้งหมดพอๆ กับบ้านเดี่ยวหลังนึงเลยก็ว่าได้ ใจจริงเธอไม่ได้อยากอยู่ที่นี่แต่มันเป็นข้อเสนอที่ปาป๊าของเธอยื่นให้แกมบังคับเล็กๆ
“ลูกต้องไปอยู่ที่นั่นถ้าอยากไปประเทศไทย ถ้าไม่อยู่ก็ไม่ได้ไป” เปโดรยื่นคำขาดกับลูกสาวเพียงคนเดียว หัวอกพ่อจะไม่ห่วงลูกคงเป็นไปไม่ได้แต่ในเมื่อมีลูกหัวรั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ และคอนโดแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องรักษาความปลอดภัยเป็นที่สุด อย่างน้อยๆ ไปอยู่ห่างหูห่างตากันก็ขอให้ได้อุ่นใจสักนิดว่าลูกสาวจะได้หลับตานอนอย่างสบายใจไม่ต้องกลัวภัยร้ายต่างๆ
และเรื่องราวมันก็ประจวบเหมาะไปซะหมดบอสเป็นคนสัมภาษณ์และพิจารณาเข้าทำงาน เธอกับเขาสปาร์คกันทันทีตั้งแต่สบตาและเมื่อเขาพามาเปิดศึกรักมันก็ช่างบังเอิญเหลือเกินบอสหนุ่มกับเลขาสาวอาศัยอยู่คอนโดเดียวกันแต่อย่าคิดว่าเขาจะได้มาเหยียบที่ห้องบอสไม่เคยขึ้นมาและเธอก็ไม่เคยพาใครมานอนด้วย พื้นที่ตรงนี้คือที่ส่วนตัวจริงๆ เธออยากเอาไว้ผ่อนคลายหลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน
เรียวขายาวๆ หยัดขึ้นแล้วมือก็เอื้อมไปถอดกระโปรงและชุดชั้นใน ร่างสูงระหงเปลือยเปล่าโดดลงไปน้ำสระน้ำ คางแหลมๆ ของแท้แม่ให้มาเกยอยู่บนขอบสระเบื้องหน้าคือวิวเมืองกรุงยามค่ำคืนที่ระยิบระยับด้วยแสงไฟหลากสี ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเวลาที่อยู่คนเดียวเธอมักจะคิดว่าคนวัยเดียวกับเธอมีเป้าหมายอะไรในชีวิตสำหรับเธอคือมีงานที่มั่นคงมีเพื่อนจริงใจและครอบครัวคอยให้กำลังใจอยู่ข้างหลังซึ่งเธอมีหมดแล้ว
เรียกว่าเรณุกาประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วก็ไม่ผิดนักเพราะเธอเพิ่งอายุยี่สิบห้าแต่เงินเดือนที่ได้ก็ครึ่งแสนเข้าไปแล้วและมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะเงินปันผลจากหุ้นต่างๆ ที่ซื้อทิ้งไว้อีกชีวิตของเรณุกาดีพร้อมทุกอย่างยกเว้นเรื่องความรัก
หลังจากแช่น้ำอยู่พักใหญ่ๆ เธอก็เข้าไปอาบน้ำผนังกระจกด้านนึงเปิดโล่งมองเห็นข้างนอกชัดถนัดตา เรณุกาแทบไม่เคยปิดมูลี่เลยเพราะเธอชอบมองวิวของตึกสูงระฟ้าและรถราที่วิ่งขวักไขว่อยู่ไกลๆ ถึงชีวิตจะมีพร้อมทุกอย่างแต่ในใจลึกๆ ของเธอก็มีหลุมเล็กๆ ของความอ้างว้างเก็บซ่อนเอาไว้ เธอไม่ได้เหงาหรือเป็นโรคโฮมซิคแต่เธออ้างว้างยามอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเพราะเธอรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่ได้เกิดมาเพื่อเธอคนพวกนั้นมองเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นคนพิเศษไม่มีใครที่จะชื่นชมเธอด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก…ไม่มีเลย
“สวัสดีค่ะบอส” เรณุกาทักทายชายหนุ่มที่เดินยิ้มมาแต่ไกลสงสัยเมื่อคืนคงหลับฝันดีสิท่า ไม่ใช่สิคนแบบบอสไม่ชอบเรื่องเพ้อฝันเขาชอบอะไรที่จับต้องได้จริงเช่นนมกับก้นเป็นต้น
“มอนิ่งแอนนี่ทำดูไม่สดใสเลย”
“เมื่อคืนนอนดึกค่ะ”
“อ๊ะๆ ยังไงหรอ” ชายหนุ่มทำท่าล้อเลียนหญิงสาวตรงหน้า
“ไม่ยังไงค่ะไปเตรียมตัวได้แล้ว ลูกค้ารายแรกนัดไว้เก้าโมงครึ่งค่ะจากนั้นก็นัดทานข้าวกลางวันกับคุณรินอย่าไปสายล่ะเธอจะกังวล” เรณุกาบอกคิวงานให้บอสของเธอ
“รับทราบครับผม” ภาคินัยผิวปากเข้าไปในห้อง ทำไมถึงอารมณ์ดีหรอก็เมื่อคืนได้นอนกับหนูรินนะสิแถมก่อนออกมาก็จัดไปอีกสองรอบเช้าวันนี้เลยครึกครื้นเป็นพิเศษ
“ไม่เคยพลาดสักนิดเลขาคนสวยของบอส” ผู้บริหารรูปหล่อมองดูเอกสารที่เลขาเตรียมไว้ให้ด้วยความพอใจ เรณุกาทำงานละเอียดและรวดเร็วทุกครั้ง เธอเป็นพนักงานคนเดียวที่ตามตัวได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ว่าปัญหาอะไรที่ส่งไปจะได้รับการแก้ไขอย่างว่องไวเสมอบางครั้งเขายังอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอคือยอดมนุษย์รึเปล่า
เป็นอีกวันที่งานการของเรณุกายุ่งเหยิงจนหัวปั่นเงยหน้ามาอีกทีก็เที่ยงครึ่งเข้าไปแล้วเธอรู้สึกว่าบอสเพิ่งเดินมาบอกลาไปเมื่อสักครู่เองแต่จริงๆ มันผ่านมาชั่วโมงครึ่งแล้วต่างหากและที่ทำให้เธอละมือออกจากงานก็เพราะท้องมันร้องขึ้นมา
“อ้าว ! แอนนี่ยังไม่ไปกินข้าวหรอ” ธนูลักษณ์แวะคุยกับเพื่อนร่วมงาน
“ยังแต่กำลังจะไปแล้ว” เรณุกาตอบแล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมา
“งั้นไปด้วยกันสิ วันนี้เลี้ยง” ชายหนุ่มเอ่ยชวน
“เลี้ยงทำไม”
“ก็อารมณ์ดีเลยอยากทำเรื่องดีๆ” ธนูลักษณ์ตอบแล้วยิ้มยิงฟันให้
“ก็ดี ไม่เปลืองเงิน” เลขาคนสวยจึงเก็บกระเป๋าเงินเข้าลิ้นชักแล้วล็อกไว้เหมือนเดิม
ธนูลักษณ์คือหัวหน้าแผนกไอทีเขาดูเป็นคนนิ่งๆ เอาจริงจังแต่นอกเวลางานก็เป็นผู้ชายที่อัธยาศัยดีคนนึงและที่สำคัญเขาเป็นสุภาพบุรุษมากๆ เพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่ไม่เคยส่งสายตาเจ้าชู้ให้เธอ
“ธี ไม่มีแฟนหรอ” หลังๆ มาเธอกับเขามักจะมากินข้าวกลางวันด้วยกันบ่อยๆ ความสนิทสนมจึงเพิ่มมากขึ้น
“ไม่มี” ธนูลักษณ์ตอบเพื่อนร่วมงาน เรณุกาเป็นพนักงานหญิงเพียงคนเดียวที่เขากล้ามานั่งกินข้าวด้วยเพราะเธอนิสัยห้าวๆ แมนๆ ขัดกับภาพลักษณ์สุดเซ็กซี่ของเธอแบบสุดๆ แถมเธอยังเป็นคนสบายๆ และรอบรู้เหตุการณ์บ้านเมืองเวลาคุยกันเหมือนได้เปิดโลกทัศน์หาความรู้ใหม่ๆ ใส่หัว
“หล่อขนาดนี้ไม่เชื่อหรอก” ก็ถ้าจะบอกว่าเขาไม่หล่อก็คือโกหกแน่ๆ ธนูลักษณ์สูงกว่าเธออีกทั้งที่เธอก็ปาไปร้อยเจ็ดสิบห้าแล้วคิดดูเถอะว่าเขาหุ่นล่ำน่าฟัดขนาดไหน ผู้ชายแค่สูงมากๆ ก็เท่กินขาดไปหลายขุมแล้ว
“หล่อแต่ซื่อบื้อนะ” ชายหนุ่มขำกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาและมันคือเรื่องจริง เขาเป็นคนซื่อๆ บื้อๆ ชอบใครก็มักจะเก็บเอาไว้ในใจพร่ำเพ้อบ้าๆ บอๆ อยู่คนเดียว การเดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงที่แอบชอบยากกว่าเขียนโปรแกรมซะอีก
“ต้องกล้าสิ อย่างน้อยได้พูดความในใจออกไปดีกว่าเก็บเอาไว้จนวันตายนะ”
“จะพยายามแล้วกัน” ความจริงเขาแอบชอบรินรดีมาเป็นปีๆ แล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกเธอเพราะพูดไปก็เท่านั้นในเมื่อเธอเป็นคนรักของเพื่อนร่วมงาน
“ว่างๆ ไปดื่มกันม่ะกินแต่ข้าวกลางวันเบื่อแหละ” เรณุกาชวนชายหนุ่มร่างโต
“ก็ได้ วันไหนบอกล่วงหน้าแล้วกัน”
“วันศุกร์นะ โอเคตามนั้น” หญิงสาวนัดเองตกลงเองเสร็จสรรพ เรณุกาจะพาเพื่อนขี้อายไปเปิดตัวกับเหล่าเพื่อนสาวและเธอมั่นใจว่าหล่อๆ แบบเขาต้องไม่ได้กลับบ้านคนเดียวแน่นอน
ตอนที่ 4
ผับแถวทองหล่อ
“ธี ว้าว” เรณุกากำลังมองเพื่อนร่วมงานจากหัวจรดเท้าซ้ำไปซ้ำมาถึงสามรอบ ลุคของธนูลักษณ์นอกเวลางานต่างกับตอนอยู่ในออฟฟิศโดยสิ้นเชิง สีหน้าของเขาผ่อนคลายคิ้วก็ไม่ผูกเป็นปมและการแต่งกายของเขาต้องขอชมเลยว่ามีรสนิยมพอตัว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวส่วนด้านนอกเป็นเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงเขาเลือกสวมยีนสีเข้มเข็มขัดสีเดียวกับรองเท้าคือน้ำตาลอ่อน ตบท้ายด้วยทรงผมใส่เจลนิดๆ แถมยังใส่น้ำหอมอีกต่างหาก
“ทำไมแอนนี่ มันเฉิ่มหรอ” ธนูลักษณ์จับเสื้อจับผมตัวเองด้วยความกังวล เขาเองก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงซะด้วยเลยไม่รู้ว่าการแต่งตัวแบบนี้สาวๆ จะคิดว่ามันเป็นยังไง
“เฉิ่มที่ไหนเฉียบขาดสุดๆ มาเถอะ”
“มันเป็นยังไงแอนนี่” ชายหนุ่มยังคงถามเซ้าซี้ไม่เลิกระหว่างเดินเข้าไปด้านใน
“เดี๋ยวบอก” เรณุกาจะให้แม่เพื่อนสาวตัวดีช่วยวิจารณ์ให้ พ่อหนุ่มขี้อายจะได้ตาสว่างสักทีว่าตัวเองมีดีขนาดไหน
“ไฮ นี่คงเป็นคุณธีใช่ไหมคะ” ยัยพิตต้าถลามารับถึงที่
“เพื่อนหล่อขนาดนี้ไม่เห็นเคยบอก” ยัยเกลรีบมายืนประกบอีกข้าง
“เห็นไหมล่ะ” เรณุกาหลิ่วตาให้ธนูลักษณ์แล้วฉุดให้นั่งลง ยัยสองคนนั้นตื่นเต้นมากที่เพื่อนร่วมบริษัทของเธอหล่อลากดินแถมสุภาพแบบสุดๆ
“ธี แต่งตัวเป็นไงใช้ได้ไหม ไหนลองวิจารณ์สิเจ้าแม่แฟชั่นกูรูเสื้อผ้าทั้งหลาย” เรณุกาเท้าคางรอฟัง
“รองเท้ากับเข็มขัดเข้ากัน ผ่าน , เลือกกางเกงสีเข้ม เริ่ด , ด้านบนลำลองเพื่อให้ลุคสบายๆ เยี่ยม , และสุดท้ายเสื้อผ้าจะไม่มีผลอะไรเลยถ้าคนใส่ไม่หล่อ” นั่นคือคำวิจารณ์ของพิตต้า
“ทรงผมไม่เยอะไม่น้อยดูน่ารักน่าเข้าใกล้แบบมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ต้องใช้เวลาทำผมไม่มากกว่าฉันแน่ๆ ชอบที่ใส่เสื้อสองตัว เผื่ออากาศเย็นๆ จะได้ขอยืมตัวนอกมาคลุมกายสักนิด” ยัยเกลพูดแถมกระแซะตัวเข้าไปใกล้
“มีผัวแล้วไม่ใช่หรอแก” เรณุกาถามยัยเพื่อนตัวดี
“ไหนล่ะผัว ถ้าไม่มาก็แปลว่าโสด”
“บอกแล้วว่าธีดูดีจะตาย ทีนี้ก็มั่นใจในตัวเองสักทีนะ” เลขาสาวบอกพ่อหนุ่มไอที
นานแล้วที่ธนูลักษณ์ไม่ได้มานั่งดื่มแบบนี้อาจจะด้วยวัยและการงานที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาไม่เห็นประโยชน์ของการร่ำสุราแต่พอมานั่งกับสาวๆ เขาถึงได้รู้ว่าการจิบเหล้ามันเป็นยังไงก็เมื่อก่อนเวลาเที่ยวก็มีแต่หนุ่มๆ ที่ดวดเอาดวดเอาประหนึ่งผลิตเหล้าเองได้ นี่นั่งมาสองชั่วโมงแล้วเหล้าเพิ่งหมดไปสองแก้วเองแถมชงอ่อนมาก
“คุณพิตต้าแต่งตัวเก่งจังเลยครับ” ธนูลักษณ์ชื่นชมสไตล์ของเธอจากใจจริงเพราะเธอเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น
“ถ้าเรียกคุณอีกทีจะลากไปกินในน้ำแล้วนะ” พิตต้าชี้หน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
“ฮ่าๆๆคุณพิตต้า เอ๊ย ! พิตต้าเนี่ยตลกจังเลย”
“ตลกหวังจะแดกอ่ะค่ะ” ยัยเกลเบ้ปากให้พิตต้า
“ไม่มีสิทธิ์ได้แดกแล้วอย่ามาพาลจ้า” พิตต้าสวนกลับทันควัน ยัยเกลก็ได้แต่ทำปากยื่นปากยาว
“พอๆ ไม่ว่าใครก็ไม่ได้แดกทั้งนั้นค่ะ ฉันพาธีมาเป็นอาหารตาสาวๆ รวมถึงพวกแกด้วยดูได้แต่ห้ามลากไปกินในน้ำ โอเค๊” เรณุกาสงบศึกชิงหนุ่มไอที
“ผู้หญิงนั่งประกบสามคนใครเขาจะกล้ามาแหย็มล่ะยัยเอ” พิตต้าหันไปเม้าท์กับยัยเลขาหน้าคม
“แอนนี่มีหลายชื่อจังเลยนะครับ”
“พอๆ กับมีหลายหน้านั่นแหละ” ยัยเกลสอดขึ้นมาทันควัน
“แหม่ ! พวกเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนมักจะลงเอยไม่สวยนะยัยเกล” เรณุกาหันไปจิกตาใส่
“แม่นี่มีชื่อจริงว่า เรณุกา อมาต้า กอนซาเลซ คูมาร์ ชื่อเล่นที่พ่อตั้งให้คือเอเน่แต่คนอื่นมักเรียกว่าแอนนี่ส่วนพวกเราเรียกว่าเอเฉยๆ เพราะสั้นดี” พิตต้าพูดออกมารวดเดียว
“อะ อะไรนะครับอีกรอบสิ” ธนูลักษณ์ฟังไม่ทัน อะไรต้าๆ เลซๆ นะ คนอะไรทำไมชื่อยาวสามสี่ท่อน เขารู้แค่ว่าเธอชื่อเรณุกาและนามสกุลกอนซาเลซ
“เรณุกาคือชื่อต้น อมาต้าชื่อกลางภาษาสเปนแปลว่าสุดที่รัก กอนซาเลซนามสกุลพ่อส่วนคูมาร์นามสกุลแม่ของฉันที่เป็นคนอินเดีย ชื่อเล่นเอเน่ปาป๊าตั้งให้ส่วนชื่อต้นคุณแม่ตั้ง”
“ว้าว ! เจ๋งสุด” ชายหนุ่มทั้งอึ้งและชื่นชมตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้จักใครชื่อยาวแบบนี้เลย
“ไหนว่าไม่มีใครกล้า” เรณุกาพยักพเยิดไปที่โต๊ะข้างๆ
“ถ้ากล้าก็เข้ามา … เออ ! แม่งกล้าจริง”
“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานๆ ของหญิงสาวคนนึงทักทายรวมๆ แต่ดูก็รู้ว่าเธอตั้งใจเดินมาหาใคร
“ธี เป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิ”
“เอ่อ สวัสดีครับ นี่เพื่อนผมครับคนนี้พิตต้า คนนี้เกลแล้วก็แอนนี่ครับ ส่วนผมชื่อธีครับ”
“กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นเพื่อนกัน” หญิงสาวแปลกหน้าเชิญตัวเองนั่งเสร็จสรรพแล้วแจกยิ้มไปทั่ว เกลกับพิตต้าลอบกลอกตาให้กันอย่างสุดเซ็ง
“ธี” เรณุกาเหลือกตาไปที่แก้วเหล้า
“คุณ เอ่อ…”
“ไลลาค่ะ”
“คุณไลลาดื่มอะไรดีครับ”
“ขอน้ำส้มก็พอค่ะ” และอีกครั้งที่พิตต้ากับเกลกลอกตาให้กันสามรอบครึ่ง
“น้ำส้ม จ้ะ ! แม่นางเอก” นั่นคือเสียงในใจของพิตต้ากับเกล
“ปกติคุณไลลาไม่ดื่มหรอคะ” เกลจีบปากจีบคอถามยัยสาวหน้าใสที่ตอแหลแน่นอนร้อยล้านเปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงไม่ดื่มไม่เที่ยวจะมานั่งที่นี่ทำไมและถ้านางเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้จะกล้าเดินเข้ามาหาผู้ชายแบบนี้หรอ
“ดื่มค่ะแต่ไม่เก่ง ไลลาคออ่อนค่ะ”
“ต้องหัดนะคะ มาค่ะเดี๋ยวพิตต้าชงให้” เธอจัดแจงชงเหล้าให้เพื่อนคนใหม่ด้วยความว่องไว
“อุ๊ย ! ลืมตัวน่ะค่ะ” ไลลาเอามือปิดปากด้วยความตกใจเพราะเธอกระดกหมดแก้วภายในครั้งเดียว
“คุณพิตต้าชงเหล้าเก่งจังเลยนะคะ” แม่สาวหน้าใสชมเพื่อแก้เก้อแต่คนแบบไลลาถ้าล็อกเป้าหมายแล้วไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน
“ลองค้อกเทลนี่นะคะสูตรเด็ดของร้าน เกลเลี้ยงเอง” เธอหวังจะให้ยัยหน้าใสเผยธาตุแท้ออกมาแต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก
“แรงจังเลยนะคะ” ไลลาแสร้งทำท่าขมทั้งที่จริงมันไม่กระเทือนต่อมรับรสสักนิด
“หมดแก้วๆๆ” พิตต้ากับเกลช่วยเชียร์ ส่วนเรณุกาได้แต่นั่งขำในใจว่ายัยเพื่อนสองคนนี้ไม่รู้ทันแม่สาวหน้าใสเอาซะเลยเธอมั่นใจว่าพอหมดแก้วยัยไลลาต้องปล่อยหมัดเด็ดแน่ๆ
“มึนหัวจังเลยค่ะ คุณธีพาไลลาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ” ไลลาบอกพร้อมเอามือกุมขมับ
“นั่นไง !” เรณุกานึกอยู่ในใจ
“ไม่ทันยัยนั่นจริงๆ หรอพวกแกเนี่ย” เรณุกาเปิดฉากเม้าท์ทันทีเมื่อสองคนนั้นเดินพ้นไป
“โหย ดูดิมันงาบธีไปแล้ว” พิตต้าเอ่ยด้วยความโมโห
“แกก็ไม่มีสิทธิ์งาบย่ะ ยัยพิตต้า” แม่สาวตาคมเอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อน
“จะเก็บไว้กินเองหรือไง” ยัยตัวแสบประสานเสียงถามพร้อมกัน
“ถ้าจะกิน กินไปนานแล้วเก็บไว้คบกันคุยกันแบบเพื่อนบ้างเถอะไม่ใช่จ้องจะงาบผู้ชายที่ฉันรู้จักทุกคน”
“ก็ผู้ชายที่แกรู้จักน่างาบทำไมล่ะ” สามสาวเม้าท์กันอยู่สิบนาทีสองคนนั้นก็เดินกลับมา
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณไลลาขึ้นแท็กซี่ก่อนนะ” ธนูลักษณ์บอกเพื่อนทั้งสามคน
“ถ้ายัยนั่นปล่อยธีกลับมาฉันยอมซื้อลูบูแตงให้พวกแกคนละสามคู่เลย” เรณุกากระดกเหล้าในแก้วแล้วทั้งสามคนก็นั่งรอด้วยใจจดจ่อ
“ธีโทรมา” เลขาคนสวยบอกเพื่อนๆ
เรณุกา: มีไรธี
ธนูลักษณ์: คุณไลลาขอให้นั่งไปเป็นเพื่อนเธอไม่อยากกลับคนเดียวเพราะมึนหัวมาก ฝากบอกลาพิตต้ากับเกลด้วยนะ
เรณุกา: อืมๆ โอเค
ธนูลักษณ์: กลับกันดีๆ นะ
เรณุกา: อืม ไม่ต้องห่วงหรอกขอบใจมาก
“ไลลา แกมันร้าย !” สามสาวประสานเสียงพร้อมกันแล้วดวดเหล้าหมดแก้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ