มุกร้อยพันใจ

10.0

เขียนโดย bavaree

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.12 น.

  3 ตอน
  2 วิจารณ์
  5,064 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560 20.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เขายังจำเช้าวันนั้นได้ดี
สีส้มอมแดงของแสงอาทิตย์ค่อยๆเรืองรองเป็นริ้วๆไล่ขึ้นมาจากขอบทะเลสีคราม ก่อนจะทอแสงเป็นสีทองประกายขึ้นมาบนท้องฟ้า แล้วตามมาด้วยดวงอาทิตย์ลูกกลมค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากท้องน้ำทีละน้อยๆ จนกลายเป็นไข่แดงครบวงเหนือโค้งน้ำทะเลนั้น ลมเย็นทะเลพัดผ่านใบหน้าให้ความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างที่สุด มันช่างเป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ดีมากเช้าหนึ่ง
ดาวฤกษ์มาตั้งกล้องถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่มุมหนึ่งของชายหาดใกล้กลุ่มโขดหินที่เกาะแสงงาม ตั้งแต่ฟ้าสาง จนฟ้าเริ่มมีแสงสีทองเรืองรอง มือก็กดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆสลับกับการปรับค่าการตั้งกล้องต่างๆเพื่อให้ได้ภาพสวยคมชัดสมใจ เขาหลงใหลการมองโลกผ่านเลนส์ มันเริ่มเมื่อเขาได้จับกล้องถ่ายรูปครั้งแรก ตอนนั้นเขายังไม่มีกล้องเป็นของตัวเองเพราะราคาที่ค่อนข้างแพงสำหรับเด็กม.ปลายและไม่ได้ความรู้ด้านนี้มาก่อน การที่มีเพื่อนในห้องนำกล้องมาถ่ายรูปเพื่อนๆและบรรยากาศในงานปีใหม่ทำให้เป็นที่ฮือฮามาก และเขาก็รู้สึกสนใจในทันที เมื่อได้จับ ได้กดชัตเตอร์ด้วยมือตัวเอง ทำให้ได้เห็นความมหัศจรรย์ของโลกหลังเลนส์ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปในโลกของกล้องถ่ายรูปโดยไม่รู้ตัว เขาเริ่มหาความรู้เกี่ยวกับการถ่ายรูป กล้องรุ่นต่างๆ ไปชมงานนิทรรศการภาพถ่ายเพื่อศึกษาเทคนิคการถ่ายภาพ และร่วมพบปะพูดคุยกับช่างภาพมือทั้งมืออาชีพและมือรางวัลหากมีโอกาส จนนำมาสู่การมุ่งมั่นเก็บเงินค่าขนมเพื่อซื้อกล้องเป็นของตัวเองสักตัว ดาวฤกษ์รู้ดีว่าถ้าไปขอเงินพ่อ พ่อต้องไม่ให้แน่ๆ เนื่องจากบ้านเขาเป็นครอบครัวชนชั้นกลางทั่วไปที่พ่อกับแม่ต้องทำงานหนักเพื่อส่งลูกเรียนถึงสามคน ยังมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับลูกๆและครอบครัวมากกว่า กล้องจึงถูกมองเป็นของฟุ่มเฟือยไปโดยปริยาย จนเขาสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ พ่อจึงสมทบทุนที่เหลือเกินครึ่งร่วมกับเงินที่เขาเก็บหอมรอมริบมาแรมปีนำไปสอยกล้องเพื่อเป็นรางวัลให้เขาที่สอบเข้าได้ ตั้งแต่นั้นเขาก็เข้าสู่โลกหลังเลนส์เต็มตัว
เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มร้อนแรงขึ้นและท้องก็เริ่มร้องเป็นสัญญาณให้ดาวฤกษ์ไต่ตัวลงมาจากโขดหินที่เขาขึ้นไปถ่ายรูป ขณะที่เท้าสัมผัสทรายนุ่มๆของเกาะแสงงาม สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแสงแวววาสะท้อนแสงอาทิตย์อยู่ระหว่างโขดหินที่เขาไต่ลงมากับโขดหินอีกอันที่เล็กกว่าซึ่งอยู่ติดกัน แสงวับวาวนั้นเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง จนถึงตอนนี้..เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเช้าวันนั้นเขาถึงต้องลงไปดูแสงแวววาวนั่น!
เขาก้มลงไประหว่างซอกโขดหินสองอันนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น น้ำทะเลซัดซาดเบาๆเนื่องจากตรงนี้อยู่สูงขึ้นมาบนชายหาดทำให้เขาเปียกแค่ข้อเท้า ภาพที่เห็นคือเปลือกหอยขนาดใหญ่สีนวลส่องแสงแวววาว และเมื่อเขาขยับตัวแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาก็ตกกระทบกับเปลือกหอย ทำให้มันเหมือนมีประกายวับวาวเรืองรองออกมาโดยรอบ
‘เฮ้ย..สวยอ่ะ’
เขานึกในใจ ก่อนเอื้อมมือไปหยิบเจ้าเปลือกหอยสีนวลตรงซอกโขดหิน ขนาดเหมาะกับมือเขาพอดิบพอดี
‘เย็น!’
คือความรู้สึกแรกเมื่อมือสัมผัสมัน เขาออกแรงดึงมันเล็กน้อยอย่างระมัดระวังก็สามารถหยิบมันขึ้นมาโดยง่าย ยิ่งเอาออกมาล้อกับแสงตะวัน มันยิ่งดูงดงาม เขาเอามันจุ่มลงในน้ำทะเลอีกครั้งและใช้มือปัดเศษทรายเศษฝุ่นออก หยิบเชือกเก่าๆสีคล้ำที่พันอยู่รอบเปลือกหอยอย่างหลวมๆเกือบจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ออก ก่อนเอาชายเสื้อยืดขึ้นมาเช็ดให้มันหมาด หมายมั่นในใจ
‘ขอเก็บไปเป็นที่ระทึกหน่อยแล้วกัน’ เขาเอ่ยเล่นๆล้อตัวเองในใจ อย่างที่วัยรุ่นเล่นคำระหว่าง ‘ระลึก’ และ ‘ระทึก’ ให้ตลกๆ แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะไม่ตลก และมันจะเป็นความระทึกจริงๆ!


เขายืนมองแสงสีทองรำไรที่ขอบฟ้าของเมืองหลวงจากระเบียงห้องพร้อมกับย้อนระลึกถึงเช้าวันที่นำเขามาสู่เรื่องราวแปลกประหลาดที่สุดในชีวิต แสงแบบนี้ก็เหมือนกับที่เขาเห็นในเช้าอันสดใสวันนั้น เพียงแต่วิวที่เหลือต่างกันโดยสิ้นเชิง จากภาพโค้งน้ำสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจรดขอบฟ้า มาเป็นตึกระฟ้าเรียงรายไปทั่วลานสายตา มีแสงไฟเล็กๆกระจัดกระจายไปทั่วคล้ายหมู่ดาวที่อยู่บนผืนดินแต่ที่จริงแล้วเป็นแสงไฟจากบ้านเรือนผู้คน
ไม่หันกลับไปมองก็รู้ว่าตัวประหลาดร่างโปร่งแสงยังคงนั้นอยู่ที่ปลายเตียง
เขาจะทำอย่างไรดี…เมือข้อเสนอของเขาต่อ ‘ผี’ ไม่ได้ผล?

‘ผมปลดปล่อยคุณแล้ว คุณก็ไปที่ชอบๆเถอะนะ อย่ามาหลอกหลอนกันเลย’ แม้ใจจะเริ่มกล้าแต่ปลายเสียงก็ยังสั่นอยู่ดี…แหม่!..ใครจะคุ้นชินกับการคุยกับ ‘ผี’ ง่ายๆล่ะวะ
‘ฉันไม่ได้มาหลอก นายก็เห็น’
‘เป็นผีมาให้คนเห็น ไม่ได้มาหลอกแล้วมาทำอะไร’
‘ฉันพูดกับนายๆดีเห็นไหม ฉันไม่ได้มาแลบลิ้นปลิ้นตา ไม่ได้มาในรูปแบบสยดสยอง มีเลือดมีหนองไหลเต็มหน้าเต็มตัวซะหน่อย ดู!..ดูให้ดีๆ ฉันสวยขนาดนี้จะมาบอกว่าฉันมาหลอกได้ไง’ ร่างโปร่งแสงเริ่มเสียงดัง มือซ้ายเท้าสะเอว นิ้วชี้มือขวาชี้หน้าตัวเองอย่างมั่นใจในความสวยตัวเองสุดๆ
‘ยอมรับว่าสวยจริง’ ยังไงเขาก็ต้องเอาใจยัยผีนี่ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แต่เจ้าหล่อนก็สวยจริงๆแหละ แม้ว่าจะโปร่งแสงก็ตาม
‘แต่ผมก็ปลดปล่อยคุณแล้ว คุณก็ควรไปตามทางของคุณ เดี๋ยวผมจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้’ ไปเช้านี้เลย ลางานครึ่งวัน กูยอม
‘ฉัน….’ ร่างโปร่งแสงตรงหน้าหลุบสายตาลง เม้มปากเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง เขารอฟังด้วยใจระทึก
‘ฉัน…ฉันไม่รู้จะไปที่ไหน’ ร่างงามโปร่งแสงตรงหน้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างอับจนหนทาง ก่อนเอ่ยต่ออย่างทดท้อ ‘ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะไปที่ไหน หรือควรไปที่ไหน หรือควรทำอะไร … ฉันไม่รู้’
‘หา!..........’ บ้าไปแล้ว…ถ้าผีไม่รู้ แล้วคนอย่างเขาจะไปรู้ได้ยังไง
ทั้งผีและคนต่างเงียบกันไปอีกครั้ง ดาวฤกษ์เริ่มตั้งสติ
‘โอเค..หนูมุก..เอางี้นะ…คุณอาจจะเพิ่งออกมา ยังงงๆ กับโลกนอกเปลือกหอย คุณลองนึกทบทวนดีๆ ว่าคุณอยากไปที่ไหน อยากทำอะไร ผมเห็นนะในหนังน่ะ เวลาพวกผีอยากไปไหน ทำอะไรก็นึกๆ แล้วก็ไปได้เลย คุณก็ทำได้ คุณเป็นผี..เอ้ย..คุณมีความสามารถทำได้’ เขาพยายามหลีกเลี่ยงสถานภาพของหญิงสาวตรงหน้า เพราะถ้าหากเป็นการไปจี้ปมอะไรเข้า เจ้าหล่อนอาจหักคอเขาเอาได้
หนูมุกพยายามตรึกตรองอย่างหนัก ก่อนหันหน้าเอ่ยกับเขาอย่างจนใจ
‘ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันนึกไม่ออก ฉันนึกที่ไหนไม่ออกเลยว่าฉันอยากไปที่ไหน’
โอ … แย่ล่ะ!
‘บ้าน..คุณไม่อยากกลับบ้านหรอ กลับไปหาพ่อ หาแม่ หาญาติพี่น้องไง’ ดาวฤกษ์พยายามชักจูงหาสิ่งที่เบสิคสุดล่ะในชีวิตคนเรา ทุกคนต้องมีบ้านสิ!
หญิงสาวนิ่งเงียบใช้ความคิดอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ก่อนเอ่ยด้วยความสับสน
‘ฉัน..ไม่รู้ว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน บ้านฉันเป็นยังไง ฉัน.. ฉันไม่รู้จริงๆ’
ร่างโปร่งแสงเริ่มทดท้อกับตัวเอง เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานเขาริมหัวเตียงก้มหน้าเอาสองมือปิดหน้าไว้อย่างจำนน
‘คุณ..คุณลองนึกดีๆสิ หนูมุกว่า คุณเป็นใคร’ ผีอาจจะยังสับสน เขาเองตอนนี้ก็สับสนเหมือนกัน ถ้าจำบ้านไม่ได้ นึกไม่ออก ก็คงต้องให้เริ่มนึกว่าก่อนตายตัวเองเป็นใคร
คราวนี้ร่างโปร่งแสงเงียบไปนาน….นานจนเขาเริ่มอึดอัด เดาท่าทีไม่ออก ก่อนที่หญิงสาวจะลดมือสองข้างลง เงยหน้าขึ้นมองเขา สีหน้าสีเผือด (เดิมก็โปร่งแสงอยู่แล้ว อันนี้แทบมองไม่เห็น..เขาคิดว่ายังงั้นนะ) ดวงตากลมโตสองข้างเบิกกว้างอย่างตระหนกสุดขีด
‘ฉัน…ฉันจำไม่ได้…ฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ดาวฤกษ์!! ฉันเป็นใคร?’
โอ้ว … มาย…ก๊อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา