Cobweb of love รักนี้พิชิตใจเธอ ver.2
7.0
เขียนโดย Blue_Bird
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.32 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
7,684 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560 16.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คู่หู?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วันนี้ฉันมามหาวิทยาลัยแบบหมดอาลัยตายอยาก เพราะเรื่องที่คริสตัลบอกว่าจะต้องมาประชุมแต่เช้าเรื่องาน แต่ฉันไม่อยากทำ ฉันอยากนั่งอยู่ในชมรมตัดเย็บที่อาจารย์ที่ปรึกษาของฉันเป็นคนตั้งขึ้นที่นี่ แต่เหมือนเจตนารมณ์ของฉันมันจะไม่เป็นผล เมื่อสาวสวยผมดัดลอนตรงปลายไฮไลท์สีเทาเดินนวยนาดเข้ามาในห้องชมรมของฉัน
“ว่าไงจ๊ะ แบเญ่”เสียงสดใสทักฉันแต่สายตาอำมหิตที่ส่งมาให้ทำเอาฉันแทบจะวิ่งหนี แต่ก็ต้องพยายามปั้นยิ้มให้เธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อ่า ไงคริสตัล”ฉันทักพร้อมกับลุกขึ้นและพยายามเดินสวนเธอออกไป
“เดี๋ยวสิไปไหนล่ะ”เธอดึงข้อมือฉันไว้พร้อมรอยยิ้มกระชากวิญญาณ แง~ ฉันกำลังจะถูกพาไปนรก~
“เอ่อคือฉันกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ”ฉันยิ้มแห้งๆไปให้เธอ ฮือ~ อย่าพาฉันเข้าไปในห้องประชุมอันแสนอึมครึมนั่นเลยนะ ฉันทนฟังเสียงอันจอกแจกจอแจไม่ได้หรอก~ ฉันมักจะหมดความมั่นใจถ้าได้ยินเสียงจอแจเพราะไม่ว่าใครจะพูดอะไรฉันก็พาลจะคิดว่าเป็นตัวฉันเองไปซะหมด ไม่ใช่ว่าทำนองชมหรอกนะแต่เป็นแบบวิพากษ์วิจารณ์มากกว่า ซึ่งมันทำให้ฉันหมดความมั่นใจ ฉันพยายามหยุดคิดนะแต่มันหยุดไม่ได้~
“งั้นหรอ~”เสียงของคริสตัลลากยาว แต่ความรู้สึกของฉันเหมือนเสียงของเธอกำลังจะพาวิญญาณฉันออกจากร่างเลย รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้าราวกับมัจจุราชที่กำลังจะพาคนบาปไปลงโทษในขุมนรก~(ฉันเปรียบเทียบเกินจริงไปหรือเปล่า)
“เอ่อ ฉันขอตัวได้หรือยังล่ะ”ฉันพยายามยิ้มใจดีสู้เสืออย่างเป็นมิตรที่สุด ถึงในใจฉันจะร้องไห้ไปแล้วก็ตาม~
“ได้สิแต่หลังจากเธอไปกับฉันแล้วนะ”พอคริสตัลพูดเสร็จก็ลากฉันออกจากห้อง ใช่เธอลากฉันทั้งๆที่เราสูงพอๆกันแท้ๆ ฉันสูง165แต่ฉันยังต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันการก้าวเท้าของเธอ ผู้หญิงอะไรเนี่ยเดินเร็วมาก~ และในที่สุดเธอก็พาฉันมาที่ห้องประชุมจนได้ ฉันหอบนิดๆแต่เธอไม่มีทีท่าว่าจะหอบเลย เธอลากฉันไปนั่งในที่ของฉันเองซึ่งก็คือที่นั่งข้างๆกับอีตามือกลองที่หักอกฉัน หมอนี่ยังดูดีเหมือนเดิมลูกครึ่งอิตาลี ผมสีน้ำตาลเหมือนกล่องกระดาษ ผิวขาว สูง185 ไม่แปลกใจถ้าหมอนี่จะได้รับความนิยมจากสาวๆ รวมถึงฉันด้วย ฉันกับหมอนี่เคยเรียนมัธยมมาด้วยกันแต่คนละสาย หมอนี่เป็นนักมวยของโรงเรียนในสมัยนั้น แถมยังเก่งกีฬาทุกด้านกล้ามเนื้อที่พอดีตัวมันทำให้เขาดูดีมากๆ คงไม่แปลกอะไรถ้าฉันจะชอบเขาบ้าง ฉันแอบชอบหมอนี่มาสองปีจนม.6เทอม1ฉันเลยตัดสินใจสารภาพรัก และฉันก็โดนหักอก มันเลยเป็นจุดเปลี่ยนให้ฉันเปลี่ยนตัวเองจนกลายเป็นสาว(ร่าง)น้อยบอบบางอย่างเช่นในปัจจุบัน โอ้พระเจ้าช่วยให้หมอนี่จำฉันไม่ได้ด้วยเถอะ~ ฉันภาวนาในใจอย่างร้อนรนแต่ฉันต้องสงวนท่าทีภายนอกไม่ให้กระโตกกระตากเดี๋ยวหมอนี่จะสงสัยเอาได้ ฮือ~ใจฉันเต้นรัวราวกับกลองชุดฉันพยายามลอบมองหมอนี่เป็นพักๆอย่างไม่ให้หมอนี่สงสัย(หรือสงสัยไปแล้ว)
“เอาล่ะครับวันนี้เราจะเริ่มประชุมกันเรื่องงานที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้านะครับ...”และแล้วก็ถึงเวลาเริ่มประชุม ฉันจะบอกว่าคณะบดีคนนี้หล่อมาก ใบหน้าคมเข้มจมูกเป็นสันใส่แว่นสี่เหลี่ยมไร้กรอบ ตาสีน้ำตาลนั่นดูดีมาก ตัวหนาๆแบบคนมีกล้าม ผิวคล้ำๆเหมือนคนออกกำลังกายกลางแจ้ง ฉันบอกเลยการประชุมครั้งนี้ไม่ได้แย่อะไรเลย ฉันขอบอกเลยว่าให้นั่งประชุมทั้งวันฉันก็นั่งได้ โอ้ยผู้ชายอะไรหล่อจัง~
“เอาล่ะทุกคนทราบหน้าที่กันดีแล้วนะ”เอ๋จบแล้วหรอ โถ่ฉันตั้งใจฟังมากเลยนะ ว่าแต่เค้าพูดอะไรบ้างนะ(นี่ฉันตั้งใจฟังแล้วหรอ ฮือ~ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย)
“ครับ/ค่ะ”ทุกคนพร้อมใจกันขานรับแต่ฉันต้องสงวนท่าทีเพียงแค่ขยับปากเล็กน้อยและนั่งเชิดๆอย่างมีมาด ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคณะบดีพูดอะไรบ้างก็เถอะ
“คุณคือ คู่หูของผมใช่ไหมครับ”อีตามือกลองทักฉันตอนฉันกำลังเดินออกจากห้องประชุม ทำเอาฉันตกใจนึกว่าหมอนี่จะจำฉันได้ซะอีก อย่าเว้นวรรคประโยคนานได้ไหม~ หัวใจฉันจะวาย แต่อย่างน้อยก็โล่งอกไปทีอย่าให้หมอนี่จำฉันได้เลย
“ใช่”ฉันตอบสั้นๆเพราะหมอนี่นี่แหละทำให้ฉันไม่ชอบผู้ชาย การสารภาพรักครั้งแรกของฉันป่นปี้ แต่เพราะฉันไม่สวยด้วยแหละจะไปโทษใครก็ไม่ได้ฮือ~ ชีวิตฉันมันชั่งน่าเศร้า
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ ผมชื่อ ดรัม นะ”เขาแนะนำตัวกับฉัน นั่นเป็นสิ่งที่ดีเพราะนั่นหมายความว่าหมอนี่จำฉันไม่ได้ฉันควรฉลองสินะ ฮูเร่~¯
“แต่ว่าคุณนี่หน้าคุ้นๆนะ”ฉันดีใจยังไม่ถึง5นาทีเลยนะความซวยก็มาเยือนแล้วหรอ พระเจ้าคะลบความทรงจำของหมอนี่ที~
“คุ้นอะไรของนาย ฉันยังไม่เคยคุ้นหน้านายเลยสักนิด”ฉันต้องเก็กขรึมไว้ก่อน แต่หัวใจฉันนี่สิแทบจะกระเด็นออกจากอกมาเต้นบนพื้นราวกับปลาขาดน้ำได้อยู่แล้ว โอ้ยตายฉันตายแน่เลย
“อืม~ ก็ผมเห็นคุณมองมาที่ผมบ่อยๆนึกว่าเราคุ้นหน้ากันซะอีก”ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าหน้าฉันกำลังร้าวและร้อนผ่าวมาก ฉันคิดว่าหมอนี่จะไม่รู้ตัวซะอีกว่าฉันแอบมองเขาอยู่ ฉันจะแก้ตัวยังไงเนี่ย~
“ฉันมองนายงั้นหรอ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”ฉันทำตาดุๆเพื่อข่มหมอนี่ แต่เขากลับยิ้มเหมือนกับสายตาฉันใช้ไม่ได้ผลกับเขา ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่กล้าแล้วล่ะ แล้วหมอนี่เป็นใคร~
“ถ้าไม่ได้มองผม งั้นก็มองหมอนั่นใช่ไหมครับ”เขายิ้มกริ่ม แล้วชี้ไปที่ผู้ชายผิวคล้ำคนหนึ่งที่บนใบหน้ามีสิวเห่อขึ้นตรงแก้มทั้งสองข้าง เอิ่ม~ ฉันจะบ้าตายฉันจะไปมองหมอนั่นทำไมกันเล่า~
“ฉันจะมองใครก็เรื่องของฉัน”ฉันพูดพร้อมกับจะเดินออกจากตรงนั้น ฉันอายสุดๆเลยให้ตายสิ
“ถ้างั้นผมเข้าไปบอกหมอนั่นดีไหมนะว่าคุณแอบมอง~¯”อีตามือกลองพูดกวนประสาทฉันด้วยการร้องเป็นทำนองเพลง ฉันจะบ้าตายนี่เมื่อก่อนฉันชอบหมอนี่เข้าไปได้ยังไงกันเนี่ย~
“นายต้องการอะไร”ฉันตัดสินใจเดินไปเผชิญหน้ากับเขา เขาสูงมากขนาดฉันใส่รองเท้าส้นสูง5เซนติเมตรนะฉันเงยหน้ามองหมอนี่เล็กน้อย จะสูงไปไหนเนี่ยตาบ้า~
“แค่คุณบอกว่าคุณมองใคร เท่านั้นเองครับ”หมอนี่ก้มหน้าลงมามองฉันจนหน้าเราห่างกันแค่คืบ ฉันเลยจำเป็นต้องถอยห่างออกมาเล็กน้อย เพื่อที่จะได้ต่อปากต่อคำกับหมอนี่ได้ถนัด ความจริงฉันเป็นห่วงเรื่องกลิ่นปากตัวเองต่างหาก(เพราะกลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก)ฉันจำมาจากโฆษณา และฉันก็กังวลเกี่ยวกับมันสุดๆ
“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย”ถ้าทำได้ฉันอยากหายตัวออกจากตรงนี้ ฉันตื่นเต้นสุดๆจนมือฉันเริ่มชาแล้ว เวลาตื่นเต้นฉันมักเป็นแบบนี้ทุกทีเลย พระเจ้าช่วยลูกด้วย~
“ก็ผมอยากรู้นี่ครับ”หมอนั่นส่งยิ้มกลับมาให้ฉัน พอมาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้หมอนี่ทำไมดูดีจัง ลูกครึ่งอิตาลีต้องงานดีขนาดนี้ไหม~ พี่ชายฉันเป็นลูกครึ่งอินเดียเหมือนกับฉันยังไม่งานดีขนาดนี้เลย(หรือเพราะฉันไม่เคยเห็นพี่ชายแต่งตัวเป็นผู้เป็นคนเหมือนหมอนี่กันนะ)
“แต่ฉันไม่อยากบอก”ฮือ~ นี่มันจะกลายเป็นสงครามน้ำลายแล้วนะเนี่ย ฉันอยากออกไปจากตรงนี้~
“คุณไม่บอกก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้น ผมไปบอกหมอนั่นว่าคุณแอบมองก็แล้วกัน~¯”ประโยคสุดท้ายหมอนี่ร้องออกมาเป็นทำนองเพลง ทำไมหมอนี่ถึงได้กวนประสาทฉันนักนะ หักอกฉันไม่พอจะหักหน้าฉันอีกหรือไง~
“โอเคฉันบอกก็ได้”ฉันตัดสินใจจะบอกไปให้มันจบเรื่องๆ ฉันจะได้พาตัวเองออกจากสถานการณ์อันแสนอึดอัดนี้
“ตามนั้นเลยครับ ผมรอฟังอยู่”ฉันเกลียดรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนี้ที่สุดเลย เวลาเจอรอยยิ้มแบบนี้ทีไรมันมักจะพาความซวยมาหาฉันเสมอ พระเจ้าท่านเกลียดลูกหรืออย่างไร~
“ฉันมองนาย จบนะฉันขอตัว”ฉันพูดทิ้งท้ายก่อนนะรีบเดินออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะฉันได้ยินประโยคเด็ดนะ
“งั้นคุณแอบชอบผมใช่ไหมครับ”ประโยคนี้ทำให้ฉันหยุดเดินและหันไปมองหน้าเขาแทบจะทันทีที่ประโยคนั่นจบลง ผู้ชายบ้าอะไรเนี่ยหลงตัวเองเป็นบ้าเลย~
“นายนี่เป็นผู้ชายประเภทไหนเนี่ย หลงตัวเองที่สุด”ฉันพูดด้วยเสียงหงุดหงิด ถึงแม้ว่าฉันจะเคยชอบเขาไปแล้วก็เถอะ ให้ตายสิถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ขอสารภาพรักกับหมอนี่เด็ดขาด
“เป็นประเภทไหนไม่สำคัญหรอกครับ มันสำคัญที่คุณมองผม”หมอนั่นพูดแล้วก็เดินผ่านฉันไป ฉันแทบจะตะโกนด่าอีตาบ้านี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ติดตรงที่ว่าคนเยอะไปหน่อย ตาบ้านี่กวนประสาทฉันมากๆ แถมฉันจะต้องมาทำงานกับอีตาบ้านี่อีก ทำไมชีวิตฉันมันชั่งซวยอะไรขนาดนี้ นี่พระเจ้าไม่รักลูกแล้วหรอแง~
หลังจากจบการทะเลาะของฉันกับอีตาบ้ามือกลองฉันก็มานั่งอยู่ในห้องเรียนที่มีคนน้อยมาก ฉันเรียนคณะออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย สาขาออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายสตรี คนส่วนใหญ่ไปเรียนสาขาออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายบุรุษกันหมดเพราะง่ายกว่า ที่ฉันเลือกเรียนสาขานี้เพราะแม่ฉันทำแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่ในร้านก็มีแต่เสื้อผ้าบุรุษซะเป็นส่วนใหญ่ ฉันเลยอยากสร้างความแตกต่างให้กับร้านของแม่บ้างเลยเรียนสาขานี้ การเรียนของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากปล่อยให้พวกปี1ได้ปรึกษาหารือและปรึกษากันเรื่องงานสานสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนหน้า เท่ากับตอนนี้เหลือเวลาแค่เดือนเดียว อาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ฉันยังไม่เดินออกจากห้องเพราะฉันตั้งใจจะโดดงานประชุม ฉันไม่อยากไปเจออีตาบ้ามือกลองกวนประสาทนั่น!
แก๊ก แก๊ก แก๊ก
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นและทิศทางของเสียงมันตรงมาทางฉันแน่นอน ฉันหันไปมองน้ำตาฉันแทบจะไหลเพราะปีศาจเดินเข้ามาในห้องแถมยังเดินมาหาฉันอย่างมุ่งมั่นและรอยยิ้มอำมหิต ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกคริสตัลนั่นแหละ ฉันไม่อยากไปประชุม~
“ทำไมยังไม่ไปประชุมอีก”น้ำเสียงชวนขนหัวลุกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ
“คือ ฉันเหม่อไปหน่อยน่ะ อ่าวนี่เรียนเสร็จแล้วหรอ แฮะๆ”ฉันหัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมกับเก็บของลงในกระเป๋าผ้าลายกระต่ายมิฟฟี่สีชมพูถือแครอทที่ฉันเย็บเองกับมือ ก่อนจะเดินผ่านเธอไป
“นั่นเธอจะไปไหน”น้ำเสียงยังชวนขนหัวลุกเหมือนเดิม ฉันจำใจไปยืนหน้าเธออย่างช่วยไม่ได้ ฮือ~ ให้ฉันได้เป็นอิสระเถอะนะ
“ก็จะไปข้างนอกไง”ฉับตอบพร้อมกับปั้นยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดไปให้
“งั้นหรอ งั้นดีเลยไปด้วยกันสิเดี๋ยวฉันไปส่งเธอไปประชุมเอง”น้ำเสียงชวนขนหัวลุกกับรอยยิ้มสดใสนั่นไม่ได้เข้ากันเลย และรอยยิ้มก็ไม่ได้ทำให้ฉันสดใสไปด้วยเลย ตายแน่~ เสียงในหัวฉันมันร่ำร้องเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ เธอจับมือฉันและพาฉันไปส่งถึงที่นั่งภายในห้องประชุมแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับทักทายคนที่ทักทายเธออย่างเป็นกันเอง อิจฉาท่าทางนั้นจังดูเป็นธรรมชาติมากๆเลย แต่ฉันสิต้องพยายามสร้างภาพลักษณ์อยู่เสมอ เฮ้อ~ อยากทำได้แบบเธอจัง
“คุณอิจฉาหรอ”จู่ๆดรัมก็พูดขึ้นทำให้ฉันไปมองเขาทันทีจนคอเกือบเคล็ด แต่จะให้เอามือขึ้นมานวดก็ไม่ใช่ที่
“อิจฉาอะไรของนาย”ฉันถามก่อนจะวางตัวให้เป็นปกติที่สุด โอ้ย~ ฉันจะบ้าตายทำไมฉันจะต้องมาเจอหมอนี่อีกเนี่ย ฉันไม่ได้อยากคู่หูเป็นหมอนี่เลยให้ตายสิ
“ก็เธอทำได้เป็นธรรมชาติมากกว่าคุณนี่”ดรัมพูดพร้อมกับลูบหัวฉันและฉันก็ปัดมันออกแทบจะในทันที ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผมเลยเพราะผมคือเครื่องประดับธรรมชาติของผู้หญิง และวันนี้ฉันตั้งใจเปียแบบมงกุฎมาอย่างดี ฉันนั่งถักมันเป็นชั่วโมงเลยนะ ถ้ามันพังเพราะมือของหมอนี่ฉันคงสติแตกแน่นอน หมอนี่เป็นตัวทำลายล้างชัดๆเลย ครั้งแรกก็ความมั่นใจ ครั้งที่สองก็จะทำลายภาพลักษณ์ของฉัน ครั้งนี้ยังมาทำทรงผมฉันอีก พระเจ้าคะเอาหมอนี่ออกจากชีวิตหนูที~
“อย่ามาทำเป็นรู้ใจฉันหน่อยเลย”ฉันพูดแล้วเชิด ถึงหมอนี่จะพูดถูกแต่นี่มันก็เรื่องของฉัน ฉันจะอิจฉาใครก็ได้ แต่ฉันแน่ใจว่ามันไม่ได้เดือดร้อนใคร
“ผมว่าเหมือนผมเคยเห็นคุณที่ไหน สักที่นะ”หมอนี่พูดขึ้นมาทำเอาฉันจุกในลำคอ ได้โปรดอย่านึกเลย~ พระเจ้าคะช่วยลบสิ่งต่างๆเกี่ยวกับตัวฉันออกจากหัวหมอนี่ทีเถอะค่ะไม่งั้นหนูคงอับอายแน่ๆ ฮือ~
“จริงด้วย”หมอนี่พูดอย่างตื่นเต้นทำเอาหัวใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม หรือว่าหมอนี่จำฉันได้กันล่ะเนี่ย
“อะไรของนาย”ฉันพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นรวมถึงตัวของฉันด้วย
“ผมเคยเห็นคุณประกวดดาวเดือนนี่นา แถมคุณได้เป็นดาวมหาลัยด้วยนี่”ฉันโล่งอกจริงๆนะที่หมอนี่จำฉันในลุคนี้มากกว่าลุค อ้วนดำของฉัน
“ขอบคุณที่นายจำได้แล้วกันนะ”ฉันพูดแล้วก็พยายามตั้งใจที่หัวหน้าของปีหนึ่งพูด จนท้ายที่สุดแล้วฉันก็แทบจะไม่เข้าใจอะไรเลยรู้แค่ธีมที่จะจัดงานเท่านั้นเอง คือ เมื่อพวกออกแบบเสื้อผ้ามาจับคู่กับโบราณคดีมันเลยออกมาในแนวงานย้อนยุคของแต่ละประเทศ แต่ละสมัย ซึ่งจะต้องระดมสมองช่วยกันออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย พอวางแผนได้แล้วจึงเอามารวมกันกำหนดคือต้องคิดให้ได้ภายในสองอาทิตย์ จัดว่าเป็นงานยากมากเพราะสาขาเครื่องแต่งกายสตรีมีสมาชิกน้อยนิดเหลือเกิน ส่วนหัวหน้างานก็ตกไปเป็นของสาวประเภทสองของสาขา ส่วนฉันคือรองหัวหน้าจัดว่างานยักษ์มาก ส่วนคู่หูฉันได้เป็นหัวหน้างานของคณะโบราณคดี ฉันเดินออกจากห้องประชุมด้วยสมองอันหนักอึ้ง แค่สองอาทิตย์ฉันจะคิดอะไรออก
“ถ้าผมพอช่วยอะไรได้คุณบอกผมได้นะ”ดรัมเสนอตัวจะช่วย แต่ว่าอย่างหมอนี่จะช่วยอะไรฉันได้ล่ะเนี่ย
“คุณมองแบบนี้คิดว่าผมจะช่วยอะไรคุณไม่ได้เลยสินะ”เมื่อเห็นฉันมองเขาแบบไม่ค่อยมั่นใจก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบซึ่งต่างจากเมื่อตอนกลางเช้าอย่างสิ้นเชิง เป็นอะไรของหมอนี่เนี่ย
“ก็นายเรียนโบราณคดีจะช่วยอะไรฉันได้”ฉันพูดพร้อมกับกอดอกมองหน้าหมอนั่นตรงๆ แต่พอหมอนี่ทำหน้านิ่งๆมันก็ทำให้ฉันรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาซะแล้วสิ
“คุณนี่แทบจะไม่รู้จักผมเลยด้วยซ้ำ แถมยังจะ...”หมอนั่นพูดไม่ทันจบก็หยุดพูดไปดื้อๆ อะไรของเขานะ
“เอาเถอะคุณคอยดูก็แล้วกัน”เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปยังบันไดเพื่อลงไปยังชั้นล่าง ว่าแต่ทำไมเขาไม่ใช้ลิฟท์นี่มันชั้น10นะ เดินลงแบบนั้นเหนื่อยตายเลย พอฉันลงลิฟท์ไปชั้นล่างก็เดินไปที่รถแล้วก็ขับรถกลับบ้าน โอ้ยนี่ฉันจะคิดแบบชุดออกไหมเนี่ย~มีเรื่องให้คิดเยอะแยะอีกแล้วให้ตายสิ
____________________________________________________________
อันนี้ขอสารภาพเลยว่ายังไม่ได้แก้ แฮะๆ แต่ว่าถ้าอยากอ่านตอแบบไม่ต้องรอนานไปตาอ่านได้ในเด็กดีนะคะ พิมพ์ชื่อเรื่องนี้เลย สามารถแนะนำติ ชม กันได้เลยนะคะ (ในเด็กดีจะแก้ไปแล้วเป็นส่วนใหญ่) ถ้าชอบเรื่องนี้ไปโหวตให้ได้ในเด็กดีนะคะ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
“ว่าไงจ๊ะ แบเญ่”เสียงสดใสทักฉันแต่สายตาอำมหิตที่ส่งมาให้ทำเอาฉันแทบจะวิ่งหนี แต่ก็ต้องพยายามปั้นยิ้มให้เธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อ่า ไงคริสตัล”ฉันทักพร้อมกับลุกขึ้นและพยายามเดินสวนเธอออกไป
“เดี๋ยวสิไปไหนล่ะ”เธอดึงข้อมือฉันไว้พร้อมรอยยิ้มกระชากวิญญาณ แง~ ฉันกำลังจะถูกพาไปนรก~
“เอ่อคือฉันกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ”ฉันยิ้มแห้งๆไปให้เธอ ฮือ~ อย่าพาฉันเข้าไปในห้องประชุมอันแสนอึมครึมนั่นเลยนะ ฉันทนฟังเสียงอันจอกแจกจอแจไม่ได้หรอก~ ฉันมักจะหมดความมั่นใจถ้าได้ยินเสียงจอแจเพราะไม่ว่าใครจะพูดอะไรฉันก็พาลจะคิดว่าเป็นตัวฉันเองไปซะหมด ไม่ใช่ว่าทำนองชมหรอกนะแต่เป็นแบบวิพากษ์วิจารณ์มากกว่า ซึ่งมันทำให้ฉันหมดความมั่นใจ ฉันพยายามหยุดคิดนะแต่มันหยุดไม่ได้~
“งั้นหรอ~”เสียงของคริสตัลลากยาว แต่ความรู้สึกของฉันเหมือนเสียงของเธอกำลังจะพาวิญญาณฉันออกจากร่างเลย รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้าราวกับมัจจุราชที่กำลังจะพาคนบาปไปลงโทษในขุมนรก~(ฉันเปรียบเทียบเกินจริงไปหรือเปล่า)
“เอ่อ ฉันขอตัวได้หรือยังล่ะ”ฉันพยายามยิ้มใจดีสู้เสืออย่างเป็นมิตรที่สุด ถึงในใจฉันจะร้องไห้ไปแล้วก็ตาม~
“ได้สิแต่หลังจากเธอไปกับฉันแล้วนะ”พอคริสตัลพูดเสร็จก็ลากฉันออกจากห้อง ใช่เธอลากฉันทั้งๆที่เราสูงพอๆกันแท้ๆ ฉันสูง165แต่ฉันยังต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันการก้าวเท้าของเธอ ผู้หญิงอะไรเนี่ยเดินเร็วมาก~ และในที่สุดเธอก็พาฉันมาที่ห้องประชุมจนได้ ฉันหอบนิดๆแต่เธอไม่มีทีท่าว่าจะหอบเลย เธอลากฉันไปนั่งในที่ของฉันเองซึ่งก็คือที่นั่งข้างๆกับอีตามือกลองที่หักอกฉัน หมอนี่ยังดูดีเหมือนเดิมลูกครึ่งอิตาลี ผมสีน้ำตาลเหมือนกล่องกระดาษ ผิวขาว สูง185 ไม่แปลกใจถ้าหมอนี่จะได้รับความนิยมจากสาวๆ รวมถึงฉันด้วย ฉันกับหมอนี่เคยเรียนมัธยมมาด้วยกันแต่คนละสาย หมอนี่เป็นนักมวยของโรงเรียนในสมัยนั้น แถมยังเก่งกีฬาทุกด้านกล้ามเนื้อที่พอดีตัวมันทำให้เขาดูดีมากๆ คงไม่แปลกอะไรถ้าฉันจะชอบเขาบ้าง ฉันแอบชอบหมอนี่มาสองปีจนม.6เทอม1ฉันเลยตัดสินใจสารภาพรัก และฉันก็โดนหักอก มันเลยเป็นจุดเปลี่ยนให้ฉันเปลี่ยนตัวเองจนกลายเป็นสาว(ร่าง)น้อยบอบบางอย่างเช่นในปัจจุบัน โอ้พระเจ้าช่วยให้หมอนี่จำฉันไม่ได้ด้วยเถอะ~ ฉันภาวนาในใจอย่างร้อนรนแต่ฉันต้องสงวนท่าทีภายนอกไม่ให้กระโตกกระตากเดี๋ยวหมอนี่จะสงสัยเอาได้ ฮือ~ใจฉันเต้นรัวราวกับกลองชุดฉันพยายามลอบมองหมอนี่เป็นพักๆอย่างไม่ให้หมอนี่สงสัย(หรือสงสัยไปแล้ว)
“เอาล่ะครับวันนี้เราจะเริ่มประชุมกันเรื่องงานที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้านะครับ...”และแล้วก็ถึงเวลาเริ่มประชุม ฉันจะบอกว่าคณะบดีคนนี้หล่อมาก ใบหน้าคมเข้มจมูกเป็นสันใส่แว่นสี่เหลี่ยมไร้กรอบ ตาสีน้ำตาลนั่นดูดีมาก ตัวหนาๆแบบคนมีกล้าม ผิวคล้ำๆเหมือนคนออกกำลังกายกลางแจ้ง ฉันบอกเลยการประชุมครั้งนี้ไม่ได้แย่อะไรเลย ฉันขอบอกเลยว่าให้นั่งประชุมทั้งวันฉันก็นั่งได้ โอ้ยผู้ชายอะไรหล่อจัง~
“เอาล่ะทุกคนทราบหน้าที่กันดีแล้วนะ”เอ๋จบแล้วหรอ โถ่ฉันตั้งใจฟังมากเลยนะ ว่าแต่เค้าพูดอะไรบ้างนะ(นี่ฉันตั้งใจฟังแล้วหรอ ฮือ~ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย)
“ครับ/ค่ะ”ทุกคนพร้อมใจกันขานรับแต่ฉันต้องสงวนท่าทีเพียงแค่ขยับปากเล็กน้อยและนั่งเชิดๆอย่างมีมาด ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคณะบดีพูดอะไรบ้างก็เถอะ
“คุณคือ คู่หูของผมใช่ไหมครับ”อีตามือกลองทักฉันตอนฉันกำลังเดินออกจากห้องประชุม ทำเอาฉันตกใจนึกว่าหมอนี่จะจำฉันได้ซะอีก อย่าเว้นวรรคประโยคนานได้ไหม~ หัวใจฉันจะวาย แต่อย่างน้อยก็โล่งอกไปทีอย่าให้หมอนี่จำฉันได้เลย
“ใช่”ฉันตอบสั้นๆเพราะหมอนี่นี่แหละทำให้ฉันไม่ชอบผู้ชาย การสารภาพรักครั้งแรกของฉันป่นปี้ แต่เพราะฉันไม่สวยด้วยแหละจะไปโทษใครก็ไม่ได้ฮือ~ ชีวิตฉันมันชั่งน่าเศร้า
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ ผมชื่อ ดรัม นะ”เขาแนะนำตัวกับฉัน นั่นเป็นสิ่งที่ดีเพราะนั่นหมายความว่าหมอนี่จำฉันไม่ได้ฉันควรฉลองสินะ ฮูเร่~¯
“แต่ว่าคุณนี่หน้าคุ้นๆนะ”ฉันดีใจยังไม่ถึง5นาทีเลยนะความซวยก็มาเยือนแล้วหรอ พระเจ้าคะลบความทรงจำของหมอนี่ที~
“คุ้นอะไรของนาย ฉันยังไม่เคยคุ้นหน้านายเลยสักนิด”ฉันต้องเก็กขรึมไว้ก่อน แต่หัวใจฉันนี่สิแทบจะกระเด็นออกจากอกมาเต้นบนพื้นราวกับปลาขาดน้ำได้อยู่แล้ว โอ้ยตายฉันตายแน่เลย
“อืม~ ก็ผมเห็นคุณมองมาที่ผมบ่อยๆนึกว่าเราคุ้นหน้ากันซะอีก”ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าหน้าฉันกำลังร้าวและร้อนผ่าวมาก ฉันคิดว่าหมอนี่จะไม่รู้ตัวซะอีกว่าฉันแอบมองเขาอยู่ ฉันจะแก้ตัวยังไงเนี่ย~
“ฉันมองนายงั้นหรอ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”ฉันทำตาดุๆเพื่อข่มหมอนี่ แต่เขากลับยิ้มเหมือนกับสายตาฉันใช้ไม่ได้ผลกับเขา ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่กล้าแล้วล่ะ แล้วหมอนี่เป็นใคร~
“ถ้าไม่ได้มองผม งั้นก็มองหมอนั่นใช่ไหมครับ”เขายิ้มกริ่ม แล้วชี้ไปที่ผู้ชายผิวคล้ำคนหนึ่งที่บนใบหน้ามีสิวเห่อขึ้นตรงแก้มทั้งสองข้าง เอิ่ม~ ฉันจะบ้าตายฉันจะไปมองหมอนั่นทำไมกันเล่า~
“ฉันจะมองใครก็เรื่องของฉัน”ฉันพูดพร้อมกับจะเดินออกจากตรงนั้น ฉันอายสุดๆเลยให้ตายสิ
“ถ้างั้นผมเข้าไปบอกหมอนั่นดีไหมนะว่าคุณแอบมอง~¯”อีตามือกลองพูดกวนประสาทฉันด้วยการร้องเป็นทำนองเพลง ฉันจะบ้าตายนี่เมื่อก่อนฉันชอบหมอนี่เข้าไปได้ยังไงกันเนี่ย~
“นายต้องการอะไร”ฉันตัดสินใจเดินไปเผชิญหน้ากับเขา เขาสูงมากขนาดฉันใส่รองเท้าส้นสูง5เซนติเมตรนะฉันเงยหน้ามองหมอนี่เล็กน้อย จะสูงไปไหนเนี่ยตาบ้า~
“แค่คุณบอกว่าคุณมองใคร เท่านั้นเองครับ”หมอนี่ก้มหน้าลงมามองฉันจนหน้าเราห่างกันแค่คืบ ฉันเลยจำเป็นต้องถอยห่างออกมาเล็กน้อย เพื่อที่จะได้ต่อปากต่อคำกับหมอนี่ได้ถนัด ความจริงฉันเป็นห่วงเรื่องกลิ่นปากตัวเองต่างหาก(เพราะกลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก)ฉันจำมาจากโฆษณา และฉันก็กังวลเกี่ยวกับมันสุดๆ
“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย”ถ้าทำได้ฉันอยากหายตัวออกจากตรงนี้ ฉันตื่นเต้นสุดๆจนมือฉันเริ่มชาแล้ว เวลาตื่นเต้นฉันมักเป็นแบบนี้ทุกทีเลย พระเจ้าช่วยลูกด้วย~
“ก็ผมอยากรู้นี่ครับ”หมอนั่นส่งยิ้มกลับมาให้ฉัน พอมาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้หมอนี่ทำไมดูดีจัง ลูกครึ่งอิตาลีต้องงานดีขนาดนี้ไหม~ พี่ชายฉันเป็นลูกครึ่งอินเดียเหมือนกับฉันยังไม่งานดีขนาดนี้เลย(หรือเพราะฉันไม่เคยเห็นพี่ชายแต่งตัวเป็นผู้เป็นคนเหมือนหมอนี่กันนะ)
“แต่ฉันไม่อยากบอก”ฮือ~ นี่มันจะกลายเป็นสงครามน้ำลายแล้วนะเนี่ย ฉันอยากออกไปจากตรงนี้~
“คุณไม่บอกก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้น ผมไปบอกหมอนั่นว่าคุณแอบมองก็แล้วกัน~¯”ประโยคสุดท้ายหมอนี่ร้องออกมาเป็นทำนองเพลง ทำไมหมอนี่ถึงได้กวนประสาทฉันนักนะ หักอกฉันไม่พอจะหักหน้าฉันอีกหรือไง~
“โอเคฉันบอกก็ได้”ฉันตัดสินใจจะบอกไปให้มันจบเรื่องๆ ฉันจะได้พาตัวเองออกจากสถานการณ์อันแสนอึดอัดนี้
“ตามนั้นเลยครับ ผมรอฟังอยู่”ฉันเกลียดรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนี้ที่สุดเลย เวลาเจอรอยยิ้มแบบนี้ทีไรมันมักจะพาความซวยมาหาฉันเสมอ พระเจ้าท่านเกลียดลูกหรืออย่างไร~
“ฉันมองนาย จบนะฉันขอตัว”ฉันพูดทิ้งท้ายก่อนนะรีบเดินออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะฉันได้ยินประโยคเด็ดนะ
“งั้นคุณแอบชอบผมใช่ไหมครับ”ประโยคนี้ทำให้ฉันหยุดเดินและหันไปมองหน้าเขาแทบจะทันทีที่ประโยคนั่นจบลง ผู้ชายบ้าอะไรเนี่ยหลงตัวเองเป็นบ้าเลย~
“นายนี่เป็นผู้ชายประเภทไหนเนี่ย หลงตัวเองที่สุด”ฉันพูดด้วยเสียงหงุดหงิด ถึงแม้ว่าฉันจะเคยชอบเขาไปแล้วก็เถอะ ให้ตายสิถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ขอสารภาพรักกับหมอนี่เด็ดขาด
“เป็นประเภทไหนไม่สำคัญหรอกครับ มันสำคัญที่คุณมองผม”หมอนั่นพูดแล้วก็เดินผ่านฉันไป ฉันแทบจะตะโกนด่าอีตาบ้านี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ติดตรงที่ว่าคนเยอะไปหน่อย ตาบ้านี่กวนประสาทฉันมากๆ แถมฉันจะต้องมาทำงานกับอีตาบ้านี่อีก ทำไมชีวิตฉันมันชั่งซวยอะไรขนาดนี้ นี่พระเจ้าไม่รักลูกแล้วหรอแง~
หลังจากจบการทะเลาะของฉันกับอีตาบ้ามือกลองฉันก็มานั่งอยู่ในห้องเรียนที่มีคนน้อยมาก ฉันเรียนคณะออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย สาขาออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายสตรี คนส่วนใหญ่ไปเรียนสาขาออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายบุรุษกันหมดเพราะง่ายกว่า ที่ฉันเลือกเรียนสาขานี้เพราะแม่ฉันทำแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่ในร้านก็มีแต่เสื้อผ้าบุรุษซะเป็นส่วนใหญ่ ฉันเลยอยากสร้างความแตกต่างให้กับร้านของแม่บ้างเลยเรียนสาขานี้ การเรียนของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากปล่อยให้พวกปี1ได้ปรึกษาหารือและปรึกษากันเรื่องงานสานสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนหน้า เท่ากับตอนนี้เหลือเวลาแค่เดือนเดียว อาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ฉันยังไม่เดินออกจากห้องเพราะฉันตั้งใจจะโดดงานประชุม ฉันไม่อยากไปเจออีตาบ้ามือกลองกวนประสาทนั่น!
แก๊ก แก๊ก แก๊ก
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นและทิศทางของเสียงมันตรงมาทางฉันแน่นอน ฉันหันไปมองน้ำตาฉันแทบจะไหลเพราะปีศาจเดินเข้ามาในห้องแถมยังเดินมาหาฉันอย่างมุ่งมั่นและรอยยิ้มอำมหิต ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกคริสตัลนั่นแหละ ฉันไม่อยากไปประชุม~
“ทำไมยังไม่ไปประชุมอีก”น้ำเสียงชวนขนหัวลุกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ
“คือ ฉันเหม่อไปหน่อยน่ะ อ่าวนี่เรียนเสร็จแล้วหรอ แฮะๆ”ฉันหัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมกับเก็บของลงในกระเป๋าผ้าลายกระต่ายมิฟฟี่สีชมพูถือแครอทที่ฉันเย็บเองกับมือ ก่อนจะเดินผ่านเธอไป
“นั่นเธอจะไปไหน”น้ำเสียงยังชวนขนหัวลุกเหมือนเดิม ฉันจำใจไปยืนหน้าเธออย่างช่วยไม่ได้ ฮือ~ ให้ฉันได้เป็นอิสระเถอะนะ
“ก็จะไปข้างนอกไง”ฉับตอบพร้อมกับปั้นยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดไปให้
“งั้นหรอ งั้นดีเลยไปด้วยกันสิเดี๋ยวฉันไปส่งเธอไปประชุมเอง”น้ำเสียงชวนขนหัวลุกกับรอยยิ้มสดใสนั่นไม่ได้เข้ากันเลย และรอยยิ้มก็ไม่ได้ทำให้ฉันสดใสไปด้วยเลย ตายแน่~ เสียงในหัวฉันมันร่ำร้องเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ เธอจับมือฉันและพาฉันไปส่งถึงที่นั่งภายในห้องประชุมแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับทักทายคนที่ทักทายเธออย่างเป็นกันเอง อิจฉาท่าทางนั้นจังดูเป็นธรรมชาติมากๆเลย แต่ฉันสิต้องพยายามสร้างภาพลักษณ์อยู่เสมอ เฮ้อ~ อยากทำได้แบบเธอจัง
“คุณอิจฉาหรอ”จู่ๆดรัมก็พูดขึ้นทำให้ฉันไปมองเขาทันทีจนคอเกือบเคล็ด แต่จะให้เอามือขึ้นมานวดก็ไม่ใช่ที่
“อิจฉาอะไรของนาย”ฉันถามก่อนจะวางตัวให้เป็นปกติที่สุด โอ้ย~ ฉันจะบ้าตายทำไมฉันจะต้องมาเจอหมอนี่อีกเนี่ย ฉันไม่ได้อยากคู่หูเป็นหมอนี่เลยให้ตายสิ
“ก็เธอทำได้เป็นธรรมชาติมากกว่าคุณนี่”ดรัมพูดพร้อมกับลูบหัวฉันและฉันก็ปัดมันออกแทบจะในทันที ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผมเลยเพราะผมคือเครื่องประดับธรรมชาติของผู้หญิง และวันนี้ฉันตั้งใจเปียแบบมงกุฎมาอย่างดี ฉันนั่งถักมันเป็นชั่วโมงเลยนะ ถ้ามันพังเพราะมือของหมอนี่ฉันคงสติแตกแน่นอน หมอนี่เป็นตัวทำลายล้างชัดๆเลย ครั้งแรกก็ความมั่นใจ ครั้งที่สองก็จะทำลายภาพลักษณ์ของฉัน ครั้งนี้ยังมาทำทรงผมฉันอีก พระเจ้าคะเอาหมอนี่ออกจากชีวิตหนูที~
“อย่ามาทำเป็นรู้ใจฉันหน่อยเลย”ฉันพูดแล้วเชิด ถึงหมอนี่จะพูดถูกแต่นี่มันก็เรื่องของฉัน ฉันจะอิจฉาใครก็ได้ แต่ฉันแน่ใจว่ามันไม่ได้เดือดร้อนใคร
“ผมว่าเหมือนผมเคยเห็นคุณที่ไหน สักที่นะ”หมอนี่พูดขึ้นมาทำเอาฉันจุกในลำคอ ได้โปรดอย่านึกเลย~ พระเจ้าคะช่วยลบสิ่งต่างๆเกี่ยวกับตัวฉันออกจากหัวหมอนี่ทีเถอะค่ะไม่งั้นหนูคงอับอายแน่ๆ ฮือ~
“จริงด้วย”หมอนี่พูดอย่างตื่นเต้นทำเอาหัวใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม หรือว่าหมอนี่จำฉันได้กันล่ะเนี่ย
“อะไรของนาย”ฉันพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นรวมถึงตัวของฉันด้วย
“ผมเคยเห็นคุณประกวดดาวเดือนนี่นา แถมคุณได้เป็นดาวมหาลัยด้วยนี่”ฉันโล่งอกจริงๆนะที่หมอนี่จำฉันในลุคนี้มากกว่าลุค อ้วนดำของฉัน
“ขอบคุณที่นายจำได้แล้วกันนะ”ฉันพูดแล้วก็พยายามตั้งใจที่หัวหน้าของปีหนึ่งพูด จนท้ายที่สุดแล้วฉันก็แทบจะไม่เข้าใจอะไรเลยรู้แค่ธีมที่จะจัดงานเท่านั้นเอง คือ เมื่อพวกออกแบบเสื้อผ้ามาจับคู่กับโบราณคดีมันเลยออกมาในแนวงานย้อนยุคของแต่ละประเทศ แต่ละสมัย ซึ่งจะต้องระดมสมองช่วยกันออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย พอวางแผนได้แล้วจึงเอามารวมกันกำหนดคือต้องคิดให้ได้ภายในสองอาทิตย์ จัดว่าเป็นงานยากมากเพราะสาขาเครื่องแต่งกายสตรีมีสมาชิกน้อยนิดเหลือเกิน ส่วนหัวหน้างานก็ตกไปเป็นของสาวประเภทสองของสาขา ส่วนฉันคือรองหัวหน้าจัดว่างานยักษ์มาก ส่วนคู่หูฉันได้เป็นหัวหน้างานของคณะโบราณคดี ฉันเดินออกจากห้องประชุมด้วยสมองอันหนักอึ้ง แค่สองอาทิตย์ฉันจะคิดอะไรออก
“ถ้าผมพอช่วยอะไรได้คุณบอกผมได้นะ”ดรัมเสนอตัวจะช่วย แต่ว่าอย่างหมอนี่จะช่วยอะไรฉันได้ล่ะเนี่ย
“คุณมองแบบนี้คิดว่าผมจะช่วยอะไรคุณไม่ได้เลยสินะ”เมื่อเห็นฉันมองเขาแบบไม่ค่อยมั่นใจก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบซึ่งต่างจากเมื่อตอนกลางเช้าอย่างสิ้นเชิง เป็นอะไรของหมอนี่เนี่ย
“ก็นายเรียนโบราณคดีจะช่วยอะไรฉันได้”ฉันพูดพร้อมกับกอดอกมองหน้าหมอนั่นตรงๆ แต่พอหมอนี่ทำหน้านิ่งๆมันก็ทำให้ฉันรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาซะแล้วสิ
“คุณนี่แทบจะไม่รู้จักผมเลยด้วยซ้ำ แถมยังจะ...”หมอนั่นพูดไม่ทันจบก็หยุดพูดไปดื้อๆ อะไรของเขานะ
“เอาเถอะคุณคอยดูก็แล้วกัน”เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปยังบันไดเพื่อลงไปยังชั้นล่าง ว่าแต่ทำไมเขาไม่ใช้ลิฟท์นี่มันชั้น10นะ เดินลงแบบนั้นเหนื่อยตายเลย พอฉันลงลิฟท์ไปชั้นล่างก็เดินไปที่รถแล้วก็ขับรถกลับบ้าน โอ้ยนี่ฉันจะคิดแบบชุดออกไหมเนี่ย~มีเรื่องให้คิดเยอะแยะอีกแล้วให้ตายสิ
____________________________________________________________
อันนี้ขอสารภาพเลยว่ายังไม่ได้แก้ แฮะๆ แต่ว่าถ้าอยากอ่านตอแบบไม่ต้องรอนานไปตาอ่านได้ในเด็กดีนะคะ พิมพ์ชื่อเรื่องนี้เลย สามารถแนะนำติ ชม กันได้เลยนะคะ (ในเด็กดีจะแก้ไปแล้วเป็นส่วนใหญ่) ถ้าชอบเรื่องนี้ไปโหวตให้ได้ในเด็กดีนะคะ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ