Injury project รักอันตรายของยัยสโลว์ไลฟ์
เขียนโดย Mepale
วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.53 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560 13.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) Dangerous 04 : แม่เฒ่าที่ไม่เหมือนแม่เฒ่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสองวันผ่านไปไวเหมือนโกหก โรสเลิกงอนเดลโลนส์ เนื่องจากยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่พอเธอหายงอนเด็กชายกลับหาเรื่องแกล้งเธอเรื่อยๆ ซึ่งหากโรสไม่นิ่งก็จะวิ่งไล่ตีเดลโลนส์ นับว่าเป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งตลอดสองวันที่ได้เอาคืนพี่ชายขี้แกล้ง วันนี้เธอต้องเดินทางไปกับแม่เฒ่าแห่งป่ามนตรา ขณะที่ตนและครอบครัวใหม่ยืนรอแม่เฒ่าอยู่นั้น เดลโลนส์รู้สึกเหงาขึ้นมานิดๆที่ต้องแยกกับยัยน้องสาว จึงเอ่ยถามผู้เป็นมารดา
"เสด็จแม่ โรสไม่ไปไม่ได้หรือพะยะค่ะ" เอ่ยเสียงหงอย ก้มหน้าลงต่ำ
"การฝึกฝนพลังของหนูโรสแตกต่างจากคนอื่น จะต้องให้แม่เฒ่าเฟย์ย่าเป็นผู้ดูแล" ลีอาร์เอ่ยเสียงเอ็นดูบุตรชาย "หากยามใดที่หนูเดลว่างก็เข้าป่ามนตราไปหาหนูโรสได้"
เดลโลนส์ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าสดใส แววตาเจ้าเล่ห์นิดๆส่วนโรสที่เห็นท่าทีอันสุขขีของเด็กชาย ก็รับรู้ถึงเค้าลางหายนะ 'เสด็จแม่จะชี้โพลงให้กระรอกทำไมเพคะ'
"ยิ้มหน้าระรื่นเชียวนะหนูเดล ดีใจเรื่องอะไร" เอซที่กำลังเดินมาหยุดอีกด้านของภรรยา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจริงจังเท่าไรนัก
"เสด็จแม่บอกลูกว่า หากลูกว่างเมื่อไหร่ก็ไปหาโรสได้พะยะค่ะ" เอ่ยเสียงระรื่นราวกับพอเจอเรื่องสนุก
เอซพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาพอจะรู้ว่าใบหน้ายิ้มๆของไอ้หนูเดลตัวแสบคิดอะไรอยู่ มันคงไม่พ้นเรื่องแกล้งน้องสาวบุญธรรม ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ลูกสาวที่ยืนข้างเดลโลนส์เป็นเชิงปลอบใจ เด็กสาวยิ้มกลับเช่นกันและบอกผ่านทางสายตาว่า 'ลูกรับมือได้เพคะ'
"หนูโรสพอไปถึงแล้ว ก็ตั้งใจฝึกฝนมากนะจ๊ะ แม่เป็นกำลังใจให้" ลีอาร์เอ่ยเสียงอ่อนโยน
"ขอบพระทัยเพคะ เสด็จแม่" เด็กสาวเอ่ยเสียงน้อบน้อม
"โธ่...เสด็จแม่แล้วลูกล่ะพะยะค่ะ ไม่ให้กำลังใจ" เดลโลนส์เอ่ยเสียงตัดพ้อ
ทั้งสามหัวเราะขบขันในท่าทีของเดลโลนส์ สักพักเสียงหัวเราะก็เงียบลง เมื่อรถม้าสีขาวที่มียูนิคอร์นลากก็มาหยุดลงหน้าปราสาท ประตูเปิดออกอัตโนมัติราวกับรู้ใจว่าจะมีใครออกมา ร่างเพียวในอาภรณ์สีม่วงอ่อนกระโปรงฟูฟองบริเวณช่วงบนประดับลูกไม้สีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลประกายแดงเมื่อยามต้องแสงแดงถูกถักเปียเอาไว้ประดับประดาด้วยดอกไม้ ผิวขาวอมชมพูเปร่งปรั่งราวกับสาวน้อยวัยแรกแย้ม ริมฝีปากแดงอวบอิ่มประดับไปด้วยรอยยิ้มอันงดงาม ร่างเพียวเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าคนทั้งสี่ หญิงสาวย่อบกายเคารพด้วยท่วงท่างดงามอ่อนหวาน ราวกับสตรีในวัง
"ถวายบังคมเพคะ องค์ราชาเอซ คาริซม่า องค์ราชินีลีอาร์ คาริซม่า" เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อบน้อมไร้ซึ่งการเสแสร้ง
"ไม่ต้องมากพิธีหรอกท่านแม่เฒ่า ไม่ได้พบกันนานสยายดีหรือไม่"
"หม่อมฉันสบายดี เด็กสาวคนนี้สินะเพคะ" นัยตาสีครามมองมาอย่างเป็นมิตรขณะเอ่ย "ยินดีที่ได้รู้จักเด็กน้อย เรียกฉันว่า แม่เฒ่าเฟย์ย่า เธอคือโรสสินะ"
"เจ้าค่ะ ท่านคือคนที่จะสอนฉันใช่ไหมเจ้าคะ" โรสมองสำรวจแม่เฒ่าขณะเอ่ย ใบหน้างามขมวดคิ้วมุน 'ช่างเป็นแม่เฒ่าที่ไม่เหมือนแม่เฒ่า'
เฟย์ย่าหันมาสบเข้ากับอีกคน พลางว่า "ส่วนเด็กน้อยอีกคนคือ หนูเดลสินะ"
"ป้าอย่ามาเรียกผมว่าหนูเดลนะ" เดลโลนส์เอ่ยเสียงยียวน
ฉึก!
ราวกับมีอะไรมาทิ่มแทงหัวใจของเฟย์ย่า ก็จริงอยู่ที่เธอไม่แก่และใช้ชีวิตมานาน แต่เธอสวยเหมือนสาวแรกรุ่นขนาดนี้ ไอ้เด็กน้อยนี่กลับเรียกเธอว่าป้า หากไม่ใช่เจ้าชาย เฟย์ย่าคงเดินเข้าไปตบปากเด็กชายคนนี้ซะแล้ว โทษฐานที่มาเรียกเธอว่าป้า เฟย์ย่าส่งยิ้มไม่ถึงดวงตาไปให้เดลโลนส์ ส่วนเจ้าตัวแสบยักไหล่อย่างกวนๆ เอซและลีอาร์ส่งได้แต่ยิ้มแหยๆ ในการกระทำอันแสบทรวงของบุตรชาย
"เอาล่ะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลานานกว่านี้ ไปกันเถอะหนูโรส ทูลลาเพคะองค์ราชาและองค์ราชินี" เฟย์ย่าและโรสถวายบังคมลาทั้งสอง พวกเขาอวยพรโรสสองสามประโยค ก่อนที่ร่างเล็กจะตามขึ้นรถม้าสีขาว เดลโลนส์ได้ยัดบางอย่างใส่มือเล็ก พลางทำหน้าเจ้าเล่ห์
มือเล็กแบออกมาก็พบกับ สิ่งมีชีวิตสีน้ำตาล มีหนวดสองข้าง ที่ตายไปแล้วเพราะช่วงร่างของมันขาดอแกจากกัน เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผู้หญิงทุกคนขยะแขยงต้องรีบตีมันให้ตาย "กรี๊ด!! ไอ้พี่บ้า"
โรสปาแมลงสาบที่ตายแล้วใส่หน้าเดลโลนส์ที่กำลังหัวเราะชอบอกชอบใจอยู่ แต่เขาหลบได้ทัน มหกรรมวิ่งไล่ตีพี่ชายก่อนออกเดินทางจึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง "ไอ้พี่บ้า!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!"
"หยุดก็โง่แล้ว ยัยน้องสาว 55555" เด็กชายหัวเราะไปวิ่งหนีเด็กสาวรอบๆลานหน้าปราสาท ผู้ใหญ่ทั้งสามขบขันปนเอ็นดูเด็กทั้งสอง แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขและเสียงเด็กวิ่งไล่กันคงอยู่ได้ไม่ตลอดไป
.
.
.
ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง เมื่อโรสออกเดินทางไปยังป่ามนตรา ผ่านไปหลายสัปดาห์ เดลโลนส์เรียนวิชาตามสายของตนตามเดิมเพิ่มเติมคือคอสนรก เขาเรียนหนักพอสมควรเนื่องจาก เขามีพลังมากกว่าสองสาย ซึ่งได้แก่ สายผู้ใช้เวทย์มนต์ สายนักรักษา สายนักรบ สายผู้ใช้ศาสตร์ลับ หากเป็นสามัญชนจะมีสายพลังแค่สายเดียวหรืออาจจะไม่มี แต่หากเด็กจากตระกูลยากจนมีสายพลังหรือมีพลังธาตุหายาก พวกเขาจะถูกรับไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมของขุนนาง อย่างเช่นเด็กธาตุแสงบริสุทธิ์และเด็กธาตุไฟบริสุทธิ์ในอาณาจักรสเวน ตระกูลที่รับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงคือตระกูลครอฟ ตระกูลที่ทอดทิ้งโรสนั่นเอง เดลโลนส์พอจะรู้อดีตของโรสมากพอ เพราะเขาเค้นจากปากองค์รักษ์ด้วยตนเอง
นึกโกรธแทนโรสอยู่ไม่น้อย เขาอยากกำจัดคนตระกูลนั้นให้สิ้นซาก แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ก่อน เขายังแข็งแกร่งไม่พอ พอคิดเรื่องอดีตของโรส เปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นก็ลุกฮือขึ้นมา เดลโลนส์ขยันเรียนมากขึ้นเป็นเท่าตัว ลีอาร์รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ลูกชายตั้งใจร่ำเรียนและฝึกฝน แต่ก็ไม่ได้ถามผู้เป็นสวามี เพราะตนนั้นรู้เหตุผลอยู่ก่อนแล้ว ความสามารถของเดลโลนส์เป็นที่ประจักษ์ต่อชาวประชาแห่งลูมินัส แต่จำต้องปิดเงียบเอาไว้ และสร้างข่าวลือให้อาณาจักรต่างๆลงเชื่อว่า เดลโลนส์ไร้ความสามารถ ตามคำสั่งองค์ราชาเพื่อดูท่าทีของอาณาจักรเพื่อนบ้าน ว่าจะมีปฏิริยาอย่าไรต่อลูมินัส
# มาที่อีกด้านหนึ่งของทวีปพันเจียร่า ณ ป่ามนตรา
ผ่านไปหลายสัปดาห์การฝึกฝนของโรสก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว วันนี้เธอจะต้องฝึกสายผู้ใช้อนิม่า แม่เฒ่าเฟย์ย่าจึงพาเธอเข้ามายังส่วนลึกที่สุดของป่ามนตรา จากนั้นจึงเริ่มอธิบาย "เมื่อวานฉันให้หนูโรสศึกษาทฤษฎีเกี่ยวกับการใช้อนิม่าแล้ว หนูโรสมีอะไรสงสัยตรงไหนบ้างจ๊ะ"
"คือว่าท่านอาจารย์เจ้าคะ ผู้ใช้อนิม่าสามารถคุยกับสัตว์อสูรได้หรอคะ" เอ่ยถามด้วยแววตาต้องการคำตอบ
"สำหรับสายผู้ใช้อนิม่า สามารถสื่อสารกับสัตว์อสูรในพันธสัญญา แต่ไม่สามารถสื่อสารกับสัตว์อสูรและสัตว์ทั่วไปได้ ยกเว้นสายพิเศษอย่างเรา ที่สามารถสื่อสารกับสรรพสัตว์และพืชพรรณนานาชนิดไ้ด้"
โรสพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ อย่างกระจ่างแจ้งเนื่องจาก ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาเธอมักจะได้ยินเสียงนกและกระรอกบนต้นไม้คุยกัน หลังจากสงสัยมานานจึงได้คำตอบ "เดี๋ยวอาจารย์จะเก็บสมุนไพรอยู่แถวนี้ วันนี้หนูโรสจะต้องหาสัตว์อสูรมาทำพันธสัญญา แต่อย่าออกไปไกลจนถึงพื้นที่สีดำล่ะ"
"รับทราบค่ะ" โรสตอบรับพลางเดินไปมัดด้ายสีแดงไว้กับต้นไม้บริเวณที่อาจารย์ตนอยู่ เพื่อป้องกันการหลงทาง และผูกด้ายไว้บนข้อมือ จากนั้นจึงเดินไปอีกด้านของป่า
ระหว่างโรสจะต้องระวังไม่ให้ตนเองก้าวล้ำเข้าไปในพื้นที่สีดำ ที่แม่เฒ่าเอ่ยไว้เมื่อครู่ พื้นที่สีดำเป็นเขตๆหนึ่งบนทวีปพันเจียร่าถูกล้อมลอบด้วยป่ามนตรา ซึ่งยังไม่ถูกสำรวจและเต็มไปด้วยอันตราย ราวกับเขาวงกต หากเข้าไปโดยไม่มีพลังสายนักพเนจรก็ยากที่จะออกมาได้ หรืออาจจะตายภายในนั้น แม้ว่าโรสจะมีพลังทุกสายแต่เธอก็ยังไม่ได้ฝึกสายนักพเนจร เท้าเล็กก้าวเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบ ร่างเล็กชะงักฝีเท้า นัยตาสีฟ้าสบเข้ากับ ดาบสีเงินปรอทที่ปักอยู่บนเนินหญ้า ดาบมีอัญมณีสีแซฟไฟร์ประดับอยู่ทั้งหมดเจ็ดที่ บริเวณต่ำกว่าด้ามจับลงไปเล็กน้อย เป็นมังกรสองตัวหันหน้าออกไปคนล่ะด้าน ยามเมื่อแสงแดดลอดผ่านใบไม้กระทบเข้ากับดาบเปร่งแสงระยิบระยับ
"แรร์ไอเทม!!" โรสอุทานเสียงดัง ก้าวเดินตรงเข้าไปหาดาบสีเงินปรอทราวกับต้องมนต์สะกด มือเล็กกำลังจะคว้าดาบ กับหยุดชะงักกลางคัน เมื่อตนได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากดาบ สติกลับมาอีกครั้ง ร่างเล็กถอนมือกลับมาพลางเอ่ยขึ้นกับตนเอง
"ฉันทำบ้าอะไรอยู่เนี้ย อาจารย์ให้มาหาสัตว์อสูรไม่ใช่มาหาแรร์ไอเทม" โรสเตรียมจะหมุนตัวกลับไป
หมับ!
เด็กสาวเอี้ยวหน้าหันมามอง ก็สบเข้ากับหญิงสาวผมสีเงินนัยตาสีเดียวกันกับเส้นผม เธอส่งรอยยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร "ไม่คิดจะลองดึงดาบดูหน่อยหรอเจ้าคะ"
"ไม่อ่ะเสียเวลา ฉันจะไปตามหาสัตว์อสูรปล่อยมือได้แล้ว" โรสเอ่ยเสียงเย็นชา แต่มือเรียวของหญิงสาวยังคงจับข้อมือเล็กแน่น น้ำตาค่อยๆไหลริงมาจากดวงตาสีเงินคู่งาม
"ฮึก....ฮือ.....ได้โปรดดึงดาบเถอะเจ้าค่ะ ข้านั้นถูกจองจำไว้ที่แห่งนี้เพื่อรอผู้เหมาะสม มาเป็นเจ้านาย ทั้งเปลี่ยวเหงาและเดียวดาย ขอร้องเถอะนะเจ้าคะ ด้วยเกียตริของข้ารับรองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านแน่นอน" การบีบน้ำตาของดาบสีเงินปรอทในร่างสาวงามค่อนข้างได้ผล โรสเอ่ยถามเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
"ไหนลองว่าประโยชน์ของเธอมาสิ ถ้ามันไม่น่าสนใจ ฉันก็ไม่ดึงมันขึ้นมาหรอกนะ" ร่างเล็กสะบัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมของหญิงสาว สาวผมเงินจำต้องปล่อยข้อมือของอีกฝ่าย
"ต้องขอแนะนำตัวก่อนเจ้าค่ะ ข้านั้นมีนามว่า เพนนี เป็นมังกรเงินสัตว์อสูรระดับตำนาน ความสามารถของข้าคือ สามารกลายร่างเป็นอาวุธได้ทุกรูปแบบ และช่วยเสริมพลังธาตุให้แกร่งขึ้นสำหรับผู้ฝึกสายพิเศษเจ้าค่ะ" หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงภูมิอกภูมิใจ โรสที่ได้ยินว่าหญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนร่างเป็นอาวุธได้ก็สนใจไม่น้อย ร่างเล็กทำท่าครุ่นคิด
'ดีเหมือนกันฉันจะได้ไม่ต้องไปหาแรร์ไอเทมให้เปลืองเวลา ตามตำราของท่านอาจารย์บอกไว้ว่า มังกรเงินเป็นสัตว์อสูรระดับตำนานที่หายากพอสมควร ค่อนข้างจะเย่อหยิ่งทะนงตน แต่ทำไมมังกรตัวนี้มันไม่เห็นเหมือนในตำราว่าเอาไว้ รึตัวปลอม'
"ได้โปรดดึงดาบขึ้นมาเถอะนะเจ้าคะ" นัยตาสีเงินออดอ้อนร่างเล็ก
"เธอน่ะใช่มังกรเงินจริงๆรึเปล่า ตามปกติมังกรเงินจะเย่อหยิ่งเป็นพิเศษ เพราะหลงตนว่าตนเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา และรังเกียจมนุษย์" เอ่ยเสียงเรียบ
"อย่าเหมารวมสิเจ้าคะ ข้าเป็นมังกรเงินที่แตกต่างจากมังกรตัวอื่นๆในเผ่า ดังนั้นได้โปรดดึงดาบเถอะนะเจ้าคะ" ยังคงส่งสายตาออดอ้อนเช่นเดิม
"เฮ้อ...ก็ได้ๆ จะลองดูถ้าไม่ได้อย่ามาว่าฉันนะ" ร่างเล็กถอนหายใจอย่างปลงๆ หญิงสาวกลับคืนเป็นดาบอีกครั้ง มือเล็กดึงดาบสีเงินปรอทออกมาจากเนินหญ้าได้อย่างง่ายดาย 'ยังไงๆก็เจอของดีล่ะ เก็บไว้คงไม่เสียหายอะไรมั้ง'
มือเล็กค่อยๆลงบนคมดาบ เลือดของเธอค่อยๆซึมเข้าไปในดาบ ปรากฏวงเวทย์อักขระโบราณสีเงิน โรสเอ่ยด้วยน้ำเสียงนักแน่น "ข้าผู้ได้รับนามใหม่จากกษัตริย์แห่งลูมินัส นามนั้นคือ โรซาน คาริซม่า จะขอรับมังกรเงินตนนี้ไว้ ดั่งเป็นมิตรสหาย มิใช่ข้าทาสแต่อย่างใด สัญญานี้จะคงอยู่จนกว่าชีวิตจะหาไม่"
วงเวทย์อักขระโบราณ ค่อยๆจางหายไปบนข้อมือขวาปรากฏสัญลักษณ์แห่งพันธสัญญา การทำสัญญากับสัตว์อสูรเสร็จสิ้น ดาบสีเงินปรอทสลายเป็นระอองสีเงินดุจทองคำขาว ระอองเหล่านั้นเข้าไปยังสัญลักษณ์บนข้อมือด้านขวา โรสพยักหน้าอย่าพึงพอใจหลังจากที่ได้สัตว์อสูรมาฟรีๆแบบไม่ต้องเปลืองแรง เด็กสาวก้าวเดินกลับทางเดิม ตามด้ายสีแดงที่ตนผูกไว้ ระหว่างที่เดินเด็กสาวก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันดังแว่วเข้ามาจากอีกฟากของป่า
เคร้งๆ! เคร้ง!
ร่างเล็กไม่มีความคิดจะไปดู เพราะเธอรับรู้ถึงเค้าลางแห่งความวุ่นวายบางอย่าง ถ้าเธอเดาไม่ผิดและมีความเป็นไปได้สูงว่า พวกที่สู้กันป่ามนตราได้น่าจะเป็นปีศาจ เสียงมันดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ขณะก้าวเท้าเดิน นัยตาสีฟ้าก็เลือบไปเห็นการต่อสู้ระหว่างปีศาจเด็กหนึ่งตนกับปีศาจผู้ใหญ่หลายตน ประมาณสิบตนกว่าๆได้ เธอจึงหลบอยู่ในพุ่มไม้ จ้องมองคนเหล่านั้นด้วยแววตาว่างเปล่า ด้ายสีแดงถูกตัดขาดเพราะการต่อสู้ของพวกเขา
'ทำไมพวกแกต้องมาสู้กันบริเวณทางกลับกระท่อมฉันด้วยว่ะคะ'
ปีศาจเด็กพลาดท่าและถูกแทงหลายสิบแผล ทรุดตัวล้มลงกับพื้น ปีศาจผู้ใหญ่ที่ปิดหน้าปิดตา เมื่อเห็นว่าปีศาจเด็กนอนแน่นิ่งไม่ติงไหว ก็รีบจากไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองปีศาจเด็ก โรสออกมาจากพุ่มไม้ที่ตนซ่อนอยู่ ก้าวเท้ามาหยุดตรงหน้าเด็กชายปีศาจ ร่างนั้นยังหายใจแผ่วเบา ใกล้เข้าสู่ความตาย มือเล็กหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋า ประครองเด็กชายขึ้นมา ค่อยๆเทยาเข้าไปในปากเด็กชายปีศาจ
ร่างที่หายใจแผ่วเบาเมื่อครู่ กลับมาหายใจเป็นปกติอีกครั้ง เปลือกตาของเด็กชายปีศาจลืมขึ้นมา จับจ้องใบหน้าของเด็กสาวผู้ช่วยเหลือชีวิตตน โรสเห็นว่ายาออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว แผลของเด็กชายปีศาจสมานกันดี จึงถอยออกมาดันกายลุกขึ้นเตรียมจะเดินจากไป "ขอบใจที่ช่วยผมไว้ ขอทราบชื่อเธอ...."
"ไม่จำเป็น ที่ช่วยเพราะจรรยาบรรณในฐานะนักรักษา" โรสเอ่ยขัดอย่างเย็นชาและก้าวเดินออกไป เด็กชายปีศาจทอดสายตามองตามร่างเล็กจนร่างนั้นลับตา เขาสัญญากับตนเองว่าจะตอบแทนเด็กสาวอย่างแน่นอน การกระทำในครั้งนี้ของโรสจะทำให้เธอได้พบกับเด็กชายปีศาจอีกครั้งในอนาคต
------------To be continued-----------
โรสได้รับ มังกรสารพัดประโยชน์ 1
ช่วยชีวิตเด็กปีศาจ 1
โทดทีที่ลงช้าจร้าาาาา พอดีวันนี้ค่อนข้างวุ่นวายมากๆ
ขออภัยหากมีอะไรผิดพลาด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ