ห้องสามเดอะซีรี่ย์
9.0
เขียนโดย มุมฉาก
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.14 น.
26 ตอน
0 วิจารณ์
25.49K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2560 08.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) รอยแดงที่ต้นคอ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรอยแดงที่ต้นคอ 2
ลมหนาวเดือนธันวาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พัดเศษหญ้าในสนามปลิวละล่องก่อนร่วงหล่น ใครบางคนหนาวสะท้านใช้สองมือกอดอก ใครบางคนหน้ามุ่ยไม่แยแสสภาพอากาศ แสงแดดร้อนระอุแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บ บอกเป็นนัยว่าไม่นานพระอาทิตย์จะลับลาไป ความมืดมิดและพระจันทร์จะเข้ามาแทนที่ พร้อมเสียงโทรศัพท์เรียกตัวจากผู้ปกครอง
ผมชำเลืองมองเพื่อนสาวข้างกายบ่อยครั้ง ชิดชนกถอนหายใจเสียงดังรอบที่สิบ เธอนั่งห่อตัวใช้สองมือเท้าปลายคางอย่างตั้งใจ สมองใช้ความคิดคิ้วขมวดดูคล้ายเลขแปด ดวงตากลมโตคู่งามเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่าง ความในใจของเธอคนนี้ผมรับรู้ได้ทั้งหมด สาวน้อยชิดชนกกำลังมีความทุกข์…ทุกข์เพราะเป็นห่วงอาจารย์สมพิศ
สายตาของผมมองไปยังเพื่อนสาวอีกคน นิตยาเงียบขรึมกว่าเดิมซึ่งแย่อยู่แล้ว เธอนั่งหลังตรงเชิดคอระหงส์เม้มปากแน่น ดวงตาซุกซนจับจ้องไปยังตัวอาคารชั้นสอง ในแววตาเปิดเผยความรู้สึกค่อนข้างชัดเจน ความในใจของเธออีกคนผมรับรู้เช่นกัน สาวน้อยนิตยาไม่ได้ทุกข์ใจแต่กำลังโกรธ…โกรธเพราะเป็นห่วงอาจารย์สมพิศ
สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ดีเอาเสียเลย อันที่จริงมันก็ไม่ดีตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว หน้าจอโทรศัพท์แสดงเวลาห้าโมงยี่สิบนาที ขืนนั่งรอต่อไปอาจมีใครบางคนบุกเข้าไปแน่ จึงคิดทบทวนวิธีการแก้ไขอย่างถี่ถ้วน ทุกครั้งที่มีปัญหาผมมักหาทางออกได้เสมอ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม
ให้ฟ้าผ่ามนต์ชัยเถอะ…ทำไมผมถึงคิดไม่ออก ไม่มีสิ่งใดผ่านเข้ามาในหัว ไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ อย่าว่าแต่หาทางแก้ไขเลย ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม คิดสิคิด ตั้งใจหน่อย หาทางแก้ไขเข้า…ปั๊ดโธ่เอ๊ย !
“นาย หันมาทางนี้หน่อย อำนาจกับทรงเดชด้วย”
เสียงหวาน ๆ ของลูกสาวเฮียอ๋าดังขึ้น ฉุดให้ผมหลุดออกมาจากกรอบความคิด หันไปมองจึงพบเจ้าของเสียงหวาน กำลังจ้องหน้าห่างออกไปเพียงสองฝ่ามือ แววตาคนพูดมีความรู้สึกหลายอย่างปะปน
“นายสามคนย่องไปที่อาคาร แอบดูว่าในนั้นทำอะไรกันอยู่” คนเรียกได้พูดต่อ
“ย่องเข้าไป ! แอบดู ! ล้วงความลับ ! นี่มันพล๊อตเรื่องคดีฆาตกรรมปริศนาชัด ๆ”
ทรงเดชเริ่มจินตนาการพร้อมทำตาโต ก่อนที่เขาจะเพ้อเจ้อต่อชิดชนกได้พูดสวน
“จะล้วงความลับหรือล้วงความรักก็เชิญ แค่อย่าเซ่อซ่าโดนจับได้เป็นพอ”
“ชะหนอยแน่ ! ดูถูกเหลือเกินนะยายนก” ทรงเดชชักเริ่มมีน้ำโห
“จะดีเหรอนก นั่นอาจารย์สมพิศเชียวนะ เราว่ารอก่อนเถอะ”
ผมรีบแย้งด้วยความแปลกใจอย่างถึงที่สุด เพราะไม่รู้ว่าแม่คุณนึกอะไรอยู่ในใจ บทจะมีน้ำตาเธอมักทำให้ผมพลอยโศกเศร้า ครั้นบทจะห้าวเป้งเธอก็ทำให้ผมกังวลใจ ชิดชนกหันมาสบตากันอีกครั้ง พร้อมตอกกลับน้ำเสียงห้วน ๆ
“เราไปเองก็ได้ นิดไปด้วยกันนะ” เธอค้อนขวับแล้วหันไปหาเพื่อนสาว
“เราไปเองดีกว่า นกกับนิดนั่งอยู่ตรงนี้แหละ แล้วจะรีบกลับมาบอก”
ผมชิงตัดสินใจรวดเร็วปานฟ้าผ่า พร้อมลากตัวอำนาจกับทรงเดชให้ลุกขึ้น สามหนุ่มสามมุมเดินกระย่องกระแย่งไปยังรถกระบะสีส้ม ห่างออกไปไม่กี่เมตรเป็นทางเข้าสถานีอนามัย ขณะที่เดินผมแอบชำเลืองมองมาทางด้านหลัง พวกเธอต่างยิ้มมุมปากจ้องมองตามหลังพวกเรามา เป็นรอยยิ้มที่เหมือนกันทว่าความหมายต่างกัน
“ทีนี้จะเอายังไงต่อ นายไม่น่าบ้าจี้ทำตามเลย”
อำนาจเริ่มบ่นกระปอดกระแปดไปตามนิสัย เขายืนพิงรถกระบะขยับแว่นตาคู่ใหม่เข้าที่ ส่วนทรงเดชก้ม ๆ เงย ๆ จ้องมองไปยังเป้าหมาย ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสายลับชื่อเสียงก้องโลก ผมต้องใช้สมองอย่างหนักในการตัดสินใจ
“นายสองคนย่องไปด้านหลังอาคาร” ผมตอบพลางชี้มือ “เห็นแทงค์น้ำที่อยู่ติดต้นหูกวางนั่นไหม ตรงนั้นมีบันไดพาดอยู่ ทรงเดชปีนขึ้นไปแอบฟังแล้วกัน ส่วนนายช่วยจับบันไดกับดูต้นทาง”
“นายไม่ไปด้วยเหรอ” ทรงเดชผู้มีแววตาเป็นประกายหันมาถาม
“เราว่าจะซุ่มโป่งอยู่แถวนี้ อาจารย์ออกมาจะได้บอกพวกนายทัน”
นักบาสร่างโตพยักหน้าเป็นมั่นเป็นเหมาะ เขาเกิดมาเพื่อทำภารกิจสำคัญอยู่แล้ว ทรงเดชตรงไปยังแทงค์น้ำใหญ่หลังอาคาร ทิ้งให้อำนาจวิ่งบ้าง ก้มบ้าง คลานต่ำบ้าง กระทั่งทันกัน ส่วนตัวผมมองหาที่นั่งใกล้รถกระบะ เพราะตรงนี้คือจุดซุ่มโป่งที่ดีที่สุด ทั้งนี้เนื่องมาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มีความซับซ้อนมากขึ้นจนไม่น่าไว้ใจ
เรื่องราวที่อยู่ด้านหน้าผมเองก็อยากทราบ แต่เรื่องราวที่อยู่ด้านหลังผมเองไม่อยากพลาด ชิดชนกต้องการอะไร ทำไมถึงให้พวกเรามาแอบฟัง ทั้งที่ตัวเองอยากเข้าไปใจจะขาด ไม่ว่าเธอวางแผนไว้อย่างไร ผมต้องทันเกมส์เพื่อหาทางแก้ไขล่วงหน้า ดังนั้นผมจึงส่งเพื่อนรักไปสนามรบ ใช้สองตาเฝ้ามองสองหนุ่มน้อยจากตรงนี้ และใช้สองหูแอบฟังสองสาวน้อยพูดคุย
มีเสียงกุกกักขณะทรงเดชปีนบันได และแล้วในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ อำนาจคอยช่วยเหลือกับดูต้นทาง บริเวณชั้นสองยังไม่มีใครเดินออกมา ทางนั้นยังไม่มีอะไรน่าหนักใจ เหลือก็แต่ทางนี้กับเธอสองคนนี้
“นกวางแผนไว้แบบไหน บอกเราได้ป่ะ”
คำแรกที่ได้ยินมาจากสาวน้อยนิตยา มีเสียงกึกกึกคล้ายว่าเธอขยับตัว นี่เป็นคำถามที่ตรงใจผมเหลือเกิน หวังว่าคำตอบจะตรงใจผมด้วยนะ แล้วคนวางแผนก็ตอบคำถามเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ไม่มีแผนหรอกนิด เราแค่เห็นว่า…พวกผู้ชายเคร่งเครียดเกินไป โดยเฉพาะนายหัวหน้าห้องของนิด หน้าบึ้งอย่างกับโกรธใครมาสิบชาติ แอบมีเคาะกระโหลกตัวเองด้วยนะ”
คำตอบจากชิดชนกทำเอาผมเส้นกระตุก แต่ต้องพยายามทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ให้เนียนที่สุด รับรู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่กำลังจ้องมองมา เสียงหัวเราะเบา ๆ ของนิตยาตามมาทันควัน
“จริงดิ…ตลกอ่ะ” คนหัวเราะเงียบไปพักหนึ่ง “อาจใช้คำความคิดอยู่ล่ะมั้ง”
“ไม่น่าใช่” สาวผมม้าปฎิเสธ “เขาคงไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้ แต่โดนเราลากตัวมาด้วย ก็เลยแฟ่ว”
การแอบฟังผู้หญิงคุยกันเป็นเรื่องยากพอตัว เพราะคุณเธอพูดเร็วมากราวกับปืนกลอัตโนมัติ น้ำเสียงก็แหลมขึ้นจมูกมากกว่าผู้ชาย ขณะที่ผมปวดหัวกับคำว่าแฟ่วอยู่นั้น สาวน้อยนิตยาได้ชวนคุยต่อ
“ว่าแต่…เขาได้ยินที่พวกเรานินทาไหม” คนพูดกังวลใจ
“ซื่อบื้อแบบนี้คงไม่หรอก นี่ก็อยู่ห่างตั้งเยอะ ตอนนินทาในห้องยังไม่ได้ยินเล๊ย”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักรอบใหม่ แม้เจ้าตัวจะพยายามอั้นไว้แล้วก็ตาม ในสมองเกิดความรู้สึกปลื้มปิติปนระเหี่ยใจ เพราะไม่รู้ว่าตนเองเล่นละครได้อย่างดีเยี่ยม จนเป้าหมายไม่รู้ตัวเลยซักนิด หรือว่าตนเองเป็นผู้ชายซื่อบื้อกันแน่
“แล้วจะเอายังไงต่อ ลุยเข้าไปเลยหรือรออาจารย์ออกมาก่อน”
สาวผมหยักโศกถามคำถามโดนใจอีกครั้ง ทำให้ผมต้องเงี่ยหูรอลุ้นผลจนตาเหลือก
“กลับบ้าน รอพวกผู้ชายกลับมาก่อน แล้วเราขับรถไปส่ง”
ผมเส้นกระตุกครั้งที่สองในรอบสองนาที เมื่อได้ยินคำตอบจากคนสำคัญของหัวใจ ก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แม่คุณยังแต่งหน้าพร้อมออกศึกอยู่เลย นี่ถ้าผอ.ยอดรักไม่ขับรถเข้ามาเสียก่อน ป่านนี้คงเกิดสงครามครูเสดครั้งใหม่ไปแล้ว ไฉนตอนนี้เธอถึงบอกให้กลับบ้าน ง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ…อะไรกันวุ้ย
“แล้วเรื่องอาจารย์สมพิศล่ะ” นิตยาถามคำถามโดนใจอีกแล้ว
“อีกสองวันถ้ารอยแดงยังไม่หาย เราจะไปถามอาจารย์ด้วยตัวเอง”
“ก็ดี เราไปด้วยนะ” คู่สนทนาตอบกลับสั้น ๆ
นิตยากับชิดชนกเริ่มพูดคุยเรื่องกระหนุงกระหนิง ผมเองพลอยโล่งใจเมื่อปัญหาคลี่คลาย แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมอย่างไรหรือเหตุใด ก่อนหน้านี้เคยพยายามทำความเข้าใจผู้หญิง เพื่อพบว่าตัวเองไม่เข้าใจอะไรเลย พวกเธอมีวิธีคิด วิธีจัดการ วิธีแก้ไข แตกต่างกันออกไปจนเดาทางไม่ถูก ยกตัวอย่างซักเรื่องแล้วกัน ชิดชนกรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่อยากมา
“เราอิจฉานกนะ ที่สนิทกับแก๊งค์นี้มาก พวกเขาสนุกดีออก”
ขณะแอบฟังอย่างเพลิดเพลินใจอยู่นั้น นิตยาได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนารอบที่สิบ ใจความของเรื่องย้อนกลับมาหาตัวผม จึงต้องรีบกางใบหูให้มากกว่าเดิม เพื่อแอบฟังคำตอบจากชิดชนก
“แก๊งค์ 3 หื่นเหรอ ไม่นะ…เพิ่งคุยกันมากขึ้นเทอมนี้เอง” มีเสียงอุทานจากคนถาม “พวกผู้ชายเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ม.ต้น ส่วนเราเพิ่งเข้ามาตอนม.ปลาย เทอมแรกที่นิดยังไม่มาเรียนที่นี่ เรามีปัญหาเรื่องการเรียนหนักมาก เพราะทุกคนไปกันเร็วตามแทบไม่ทัน เราเครียดจนแทบไม่คุยกับใครเลยนะ”
“ไม่น่าเชื่อ ! เราว่านกสดใสร่าเริงที่สุดแล้ว”
ซุ่มเสียงนิตยาแสดงความแปลกใจสุดขีด เมื่อได้รับรู้เรื่องราวเพื่อนสาวข้างกาย เป็นจริงอย่างที่ชิดชนกพูดทั้งหมด เธอแทบไม่พูดคุยเลยถ้าไม่ใช่เรื่องเรียน อาจเป็นเพราะชิดชนกต้องช่วยงานที่บ้าน จึงไม่มีเวลาทบทวนตำราเฉกเช่นคนอื่น กระทั่งเทอมนี้เมื่อเธอปรับตัวได้แล้ว ชิดชนกจึงกลับมาสดใส น่ารัก และยิ้มเก่งอีกครั้ง
สองสาวน้อยกลอยใจสนทนาอย่างเพลิดเพลิน ช่วงกำลังเมาท์มอยพวกเธอจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ผมเหลือบมองนาฬิกาบนโทรศัพท์อีกครั้ง ถึงเวลาเรียกตัวทรงเดชและอำนาจเสียที ให้ทั้งคู่บอกว่าไม่พบเรื่องผิดปรกติ คนในอาคารนั่งคุยเหมือนที่เราเห็นเนี่ยแหละ แล้วให้ชิดชนกขับรถคนนี้ออกจากตรงนี้ เพียงเท่านี้ความวุ่นวายในวันนี้ก็จะสิ้นสุด
“นิด ผู้ชายคนนั้นดูคุ้นหน้าจัง”
ขณะกำลังส่งข้อความไปหายอดสายลับ ชิดชนกได้ตั้งคำถามพร้อมใช้นิ้วชี้นำ ผมรู้สึกสะดุดใจยังไงพิกล จึงชายตามองไปยังชายคนนั้นบ้าง พบชายไทยผิวคล้ำสีหน้าบอกบุญไปรับ ควบมอเตอร์ไซค์สีชมพูใกล้เข้ามาทุกที
“พี่สมานลูกน้องพ่อเราไง คงขี่รถไปซื้อของกิน” นิตยาเฉลยคำตอบ
“นิดว่า…พี่สมานรู้จักพยาบาลตุ๋งไหม” ชิดชนกตั้งคำถามข้อต่อไป
“นั่นสินะ เราก็อยากรู้”
ผมกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังเอี๊อก เมื่อเห็นนิตยาวิ่งออกไปกลางถนน จากนั้นไม่นานเธอได้กลับที่เดิม พร้อมรปภ.หน้าโหดผู้มีถุงยำแหนมและน้ำตกหมู คิ้วขวาผมกระตุกอย่างแรงสี่ครั้ง เป็นลางสังหรณ์ว่ากำลังจะเกิดเรื่องยุ่ง
“พี่สมานรู้จักพยาบาลตุ๋งหรือเปล่า” นิตยาชิงถามเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“รู้จักครับ เคยพาอองรีมาทำแผลหลายครั้งนิ” เจ้าตัวยอมรับ
“แล้วพี่สมาน เคยเห็นอาจารย์สมพิศมาที่นี่ไหมคะ ผู้หญิงในรูปคนนี้ไง”
ชิดชนกก็ไม่ยอมให้เสียเวลา เธอหยิบซัมซูงกาแลคซี่ออกมาโชว์รูป รปภ.หน้าดุหรี่ตามองอย่างชั่งใจ ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า มองอาคารสีขาวขุ่น รวมทั้งปลายเล็บทั้งสิบ
“ย่ะ…ผู้หญิงคนนี้มาหาพยาบาลตุ๋งบ่อยมาก แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นอาจารย์นิ”
“โอเคค่ะ หนูถามต่อนะ” เจ้าของโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นรูปอาจารย์วิบูลย์ “แล้วผู้ชายคนนี้ล่ะ”
คราวนี้พี่สมานถึงกับใช้สองมือขยี้หัวไปมา พลางถอนหายใจสลับหรี่ตามากกว่าเดิม ใบหน้าหนุ่มระยองเต็มไปด้วยความสับสน ใบหน้าสองสาวน้อยรอลุ้นผลใจระทวย อำนาจและทรงเดชย่องออกมาจากแทงค์น้ำ สถานการณ์ด้านนี้ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง ผมจึงรีบก้าวเท้าออกมาจากที่ซุ่มโป่ง
“ย่ะ...” พี่สมานยิ้มกว้างราวกับนางงามโคลัมเบีย “คืนก่อนตอนดึก พยาบาลตุ๋งมาที่นี่กับนายคนนี้”
นิตยาและชิดชนกหันควับมองหน้ากัน พยาบาลตุ๋งมีความสัมพันธ์กับอาจารย์สมพิศ และพาอาจารย์วิบูลย์มาที่นี่ตอนกลางคืน สีหน้าพวกเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ผมรีบใส่เกียร์หมามุ่งตรงเข้ามารวมกลุ่ม และทำสำเร็จก่อนมีใครเอ่ยปาก
“เดี๋ยวก่อนนะ พี่สมานครับ ที่ทำงานพี่อยู่ตั้งตรงโน้น…อาจมองผิดคนก็ได้มั้ง”
คนมาใหม่ชี้มือไปยังจวนนายอำเภอ ตรงนั้นเองมีด่านตรวจมองเห็นเลือนลาง ชิดชนกจ้องมองคนพูดด้วยความสงสัย เธอคงแปลกใจกับการปรากฎตัวชนิดปุบปับ รปภ.หน้าดุยิ้มโชว์ฟันจอบที่ตนภูมิใจ ก่อนพูดจาฉะฉานมั่นใจเต็มร้อย
“ไม่ผิดแน่นอน คืนนั้นผมกับอองรีเดินมาซื้อน้ำเต้าหู ผมเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเต็มสองตานิ”
เจ้าตัวใช้มือขวาชี้ไปยังริมถนนใหญ่ เป็นที่ตั้งร้านข้าวต้มโต้รุ่งครัวลุงนิด กับร้านน้ำเต้าหูปาท่องโก๋แม่หน่อย ทั้งสองร้านเป็นที่รู้จักทั่วทั้งอำเภอ พวกเราได้อาศัยฝากท้องยามดึกก็หลายครั้ง จากร้านครัวลุงนิดมุ่งตรงไปยังจวนนายอำเภอ เส้นทางตัดผ่านสถานีอนามัยแห่งนี้ จึงมั่นใจได้ว่าพี่สมานเป็นพยานที่ดีแน่
“เล่าทุกอย่างที่พี่รู้เดี๋ยวนี้เลย เรื่องอาจารย์สมพิศด้วย” นิตยาทำหน้างุ้มขณะพูด
“ได้ครับ อาจารย์ผู้หญิงแวะหาพยาบาลตุ๋งแทบทุกวัน ขนาดวันหยุดยังไปเที่ยวด้วยกันเลยนิ จะว่าเป็นพี่น้องก็หน้าตาไม่เหมือน ผมแปลกใจตั้งแต่เห็นทีแรกแล้วนะ แต่ผมไม่เคยคิดไปในทางที่แย่เลยนิ” พี่สมานหยุดพูดเพื่อวางถุงยำแหนม “คืนก่อนตอนกลับจากซื้อของกิน ผมเดินมาหยุดตรงนี้พร้อมอองรีและน้ำเต้าหู้ เห็นพยาบาลตุ๋งพาผู้ชายเข้าไปในห้อง ใช้สองมือประคองแบบนี้เลยนะคุณหนู นี่ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะ แค่สงสัยว่าทำไมต้องประคองกันด้วยนิ”
คนพูดแสดงท่าประกอบอย่างออกนอกหน้า ถุงน้ำตกหมูเฉี่ยวหัวผมไปอย่างจวนเจียน
“ทั้งคู่เข้าไปในห้องตรวจ ซักพักผมได้ยินเสียงผู้ชายร้องโอย โอย โอย…เลยให้อองรีวิ่งมาแอบดูตรงนี้เลย ซักพักหมอนั่นวิ่งด๊อก ๆ มาบอกว่า ในห้องมีเหล้าขวดเบ้อเริ่มตั้งอยู่นิ”
“ขวดเหล้าตั้งอยู่ ?? หรือว่าจะเป็น…การดื่มย้อมใจก่อนลงมือ !!”
เสียงเหน่อ ๆ ดังใส่รูหูฝั่งขวามือ ผมหันไปมองพบทรงเดชทำตาโตใส่ เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ มาถึงก็แสดงวิสัยทัศน์เหนือจินตนาการ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม
“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว ไม่ได้เป็นอย่างที่นายพูดหรอก” ผมรีบปรามเพื่อนไว้ก่อน
“พี่สมานคะ จากนั้นยังไงต่อ” แต่ผมปรามชิดชนกไม่ได้เนี่ยสิ
“ผมไม่แน่ใจนิ เลยให้อองรีไปแอบดูอีกรอบ แต่มันส่ายหัวแล้วขอกลับก่อน ผมเลยต้องมาแอบดูเสียเอง” คนพูดทำตาเหลือก “คุณหนูครับ…ผมเห็นฝ่ายชายนอนนิ่งอยู่บนเตียง ส่วนพยาบาลตุ๋งใช้สองมือลูบคลำไปมา ซักพักก็ก้มลงหน้าแนบหน้าอกเลยนิ ผมทนดูไม่ได้เลยวิ่งออกมาดื่มน้ำเต้าหู้ บัดสีบัดเถลิงมากเลยนิ”
ชายไทยหน้าดุผู้ไม่เคยคิดไปในทางที่แย่ ได้กล่าวปิดประเด็นเรื่องราวสุดระทึกใจ ผมเพิ่งรู้ว่ามีคนปากปีจอยิ่งกว่าอำนาจ และมีต่อมจินตนาการสุงส่งไม่แพ้ทรงเดช เขาผู้นี้ยืนอยู่ตรงนี้ในสถานที่นี้ แต่เวลานี้ผมเลิกสนใจนายคนนี้ชั่วคราว เนื่องจากชั้นสองอาคารเกิดความเคลื่อนไหว
ผอ.ยอดรักเดินลงบันไดมายังชั้นล่าง ตามติดมาด้วยอาจารย์วิบูลย์และพยาบาลตุ๋ง ทุกคนล้วนมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ผิดจากครึ่งชั่วโมงก่อนราวฟ้ากับเหว อาจารย์สมพิศจอมเฮี๊ยบเดินลงมาอย่างอ้อยอิ่ง หล่อนเป็นคนเดียวที่ดูเศร้าโศกและเคร่งเครียด ครั้นอาจารย์สาวถอดแว่นออกเพื่อซับขอบตา เพื่อนสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างพลันวิ่งเข้าไปหา
ผมรีบใส่เกียร์หมาวิ่งตามพวกเธอไป ทั้งที่ในใจบอกว่าซวยแน่แล้วงานนี้ คนในอาคารเดินมายืนบริเวณลานกว้าง เพื่อพบนักเรียนมัธยมปลายยืนทำหน้ามุ่ยใส่ อาจารย์สมพิศถึงกับใช้สองมือขยี้ตา ผอ.ยอดรักยืนอยู่หน้าสุดจึงเอ่ยปากถาม
“อ้าวนักเรียน…มาทำอะไรกัน วันนี้อนามัยปิดแล้ว” คนพูดทำคอเอียงใส่
“อาจารย์สมพิศคะ หนูขอถามอาจารย์ตรง ๆ นะคะ รอยแดงที่ต้นคอเกิดจากอะไรกันแน่”
ลูกสาวเฮียอ๋าเป็นผู้เอ่ยประโยคคำถาม ชิดชนกวิ่งมาถึงลานกว้างคนแรกสุด เธอเม้มปากแน่นเฝ้ารอคำตอบอย่างมุ่งมั่น คนโดนถามหันมามองสีหน้าแปลกใจ พลางใช้มือขวาลูบคลำต้นคอทันที
“อะไรกันชิดชนก จะมาถามอะไรตอนนี้” อาจารย์สมพิศตอบตะกุกตะกัก
“อาจารย์โดนแมลงกัด หรือใครซักคนทำให้เป็นรอยกันแน่คะ” ชิดชนกถามต่อทันที
“เฮ้ย !” อาจารย์จอมเฮี๊ยบอุทานเสียงดัง หล่อนคงตกใจและไม่คาดคิดมาก่อน
“นก ชิดชนก ใจเย็นก่อนนะครับ…เดี๋ยวอาจารย์ก็บอกเองแหละ”
ผมรีบวิ่งเข้าไปรั้งร่างเล็ก ๆ ของคนพูด พลางรอคำตอบจากผู้มีรอยแดงอีกคนด้วย ทว่าหล่อนปิดปกเงียบไม่พูดไม่จาอะไรเลย ทั้งยังถอยห่างไปที่ด้านหลังอย่างตั้งใจ แปลกมาก…อาจารย์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“นักเรียนกลับบ้านก่อนดีไหม ผู้ปกครองจะเป็นห่วงนะ” ผอ.ยอดรักพยายามช่วยแก้ไข
“พี่ตุ๋งคะ” นิตยาใบหน้าบึ้งตึงเอ่ยปากบ้าง “พี่ตุ๋งเป็นอะไรกับอาจารย์วิบูลย์คะ”
“เฮ้ย !” พยาบาลผมสั้นอุทานเสียงดัง หล่อนคงตกใจและไม่คาดคิดเช่นกัน
“นักเรียนเอาอะไรมาพูด เลอะเทอะใหญ่แล้ว” ผอ.ยอดรักเข้ามาห้ามโดยพลัน
นิตยาอยากเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม แต่ทำไม่ได้เพราะโดนร่างหนา ๆ บดบัง พี่สมานวิ่งตามพวกเรามาจนทัน ครั้นเกิดเรื่องวุ่นวายจึงรีบตรงเข้าขวาง เห็นดังนั้นทรงเดชจึงทำหน้าที่แทน
“พยาบาลตุ๋งพาอาจารย์วิบูลย์มาที่นี่ ในห้องนั้นมีขวดเหล้า มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ๆ ด้วย”
“เฮ้ย !” อาจารย์พละจอมโหดอุทานเสียงดัง เขาคงตกใจและไม่คาดคิดเช่นคนอื่น
เนื่องจากไม่มีใครว่างไปกันทรงเดช หมอนี่จึงเริ่มสุมไฟให้ลุกโชนมากกว่าเดิม พอได้จังหวะผมเหวี่ยงแข้งขวาไปที่ชายโครง นักบาสร่างโตร้องเจี๊ยกก่อนนอนแอ้งแม้ง ชิดชนกและนิตยาโดนคุมตัว ส่วนทรงเดชก็หมดฤทธิ์เดชเป็นที่เรียบร้อย ไม่น่ามีเรื่องวุ่นวายมากไปกว่านี้ แต่มันรู้สึกตะหงิด ๆ ยังไงพิกล เหมือนมีบางอย่างใกล้ตัวได้หายไป ว่าแต่สิ่งนั้นคืออะไร
เดี๋ยวก่อนนะ…อำนาจ ??? หมอนี่ไม่อยู่ในกลุ่ม เขาหายไปไหนกันแน่ หายไปไหน !!
“อาจารย์สมพิศ ผมมาล้างแค้นให้แล้ววว !!”
พลันมีเสียงแหลม ๆ เด็กวัยรุ่นดังกระหึ่ม นายอำนาจสี่ตาได้ปรากฎตัวอีกครั้ง พร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยความโทสะ เจ้าของความสุง 155 เซนติเมตรลากไอเท็มลับติดมือ มันคือสายดับเพลิงขนาดมาตราฐาน ต่อตรงมาจากแทงค์น้ำใหญ่ติดต้นหูกวาง ลูกชายหมอประสาทมุ่งไปยังพยาบาลตุ๋ง ก่อนเล็งยิงแล้วปล่อยน้ำความแรงสุงสุด
เสี้ยววินาทีก่อนมวลน้ำพุ่งเข้าปะทะ ผอ.ยอดรักได้เสี่ยงตายเอาตัวเองเข้าขวาง ร่างของเขาเปียกโชกทั่วทั้งตัว แว่นกันแดดสีชากระเด็นหล่นหาย ทรงผมบาร์โค้ดยู่ยี่ยับเยินทันควัน พยาบาลตุ๋งร้องว้ายแล้วรีบวิ่งหนี หญิงสาวคนอื่นแผดเสียงแหลมแปดหลอด ผมและทรงเดชพยายามแย่งสายดับเพลิง แต่ไม่รู้อำนาจไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน จึงไม่มีใครขโมยไอเท็มลับจากเขาได้ ความชุลมุนวุ่นวายพุ่งขึ้นสู่จุดสุงสุด กระทั่งสิ้นสุดลงเมื่อวาวล์น้ำได้ถูกปิด โดยรปภ.ร่างเล็กชื่อนายอองรี ณ.หนองแค
---------------------------------------------
แสงสุดท้ายของวันหายลับจากท้องฟ้า ความมืดมิดเข้าปกคลุมล้อมรอบอาคารสีขาวขุ่น รถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์สีส้มคันงาม โดนแสงสีเหลืองนวลจากโคมไฟส่องกระทบ เจ้าของรถกลับเข้ามารวมกลุ่มอีกครั้ง ผอ.ยอดรักโทรศัพท์บอกผู้ปกครองนักเรียน ว่ามีการประชุมและพวกเราจะต้องกลับดึก เขาสัญญาว่าจะไปส่งทุกคนให้เอง ผมจึงรอดตัวไม่โดนอาม่าแพ่นกะบาล
“อย่างนี้นี่เอง เฮ้อ…พวกเธอเนี่ยนะ”
อาจารย์ประจำชั้นห้องสามได้เอ่ยปาก หลังฟังเรื่องราวจากปากนักเรียนในสังกัด หล่อนขยับผ้าพันคอสีฟ้าให้แน่นหนา ไม่แน่ใจว่าหนาวหรืออำพลางรอยแดงกันแน่
“เป็นความผิดของพวกเราทุกคน ถ้าอาจารย์จะลงโทษผมก็เต็มใจ”
เพราะเห็นว่าบรรยากาศเริ่มเงียบเกินไป ผมจึงได้แสดงความเป็นแมนให้ปรากฎ หลังเหตุการณ์วุ่นวายจบลงแล้ว พวกเราได้รับผ้าเช็ดตัวจากพยาบาลตุ๋ง เธอยังใจดีชงกาแฟร้อนแจกผู้ใหญ่ นักเรียนได้โอวัลตินพร้อมขนมปังปิ้งหอมกรุ่น พวกเรารีบเขมือบทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า เพื่อต้องการกักตุนถ้าคืนนี้จะต้องติดคุก
“บทลงโทษมีแน่นอน แต่จะต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงก่อน”
ผอ.ยอดรักจัดทรงผมตัวเองเรียบร้อยแล้ว โชดดีที่เขาพกน้ำมันใส่ผมตันโจมาด้วย ผู้มีเคราแพะรับแก้วกาแฟจากผู้ดูแลอาคาร ก่อนเดินมาหยุดข้างอาจารย์วิบูลย์หน้าห้องตรวจ นักเรียนทุกคนนั่งอยู่บนม้านั่งสีฟ้า ถัดไปหน่อยเดียวคือพี่สมานและพี่อองรี พวกเขามาอยู่ที่นี่ในฐานะพยานปากเอก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าของฝ่ายไหนกันแน่
“ไม่ต้องชี้แจงหรอกครับ พวกเราผิดเต็มประตูอยู่แล้ว” ผมแสดงความเป็นแมนอีกครั้ง
“ทำแบบนั้นไม่ได้” คู่สนทนาส่ายหัว “เราจะสรุปความตอนจบได้อย่างไร ในเมื่อต้นสายปลายเหตุยังคงคลุมเครือ ความผิดเป็นส่วนของความผิด มูลเหตุเป็นส่วนของมูลเหตุ เพราะฉะนั้น…พวกเธอมีสิทธิ์รับฟังข้อเท็จจริงก่อน”
พวกเราบางคนถึงกับแคะขี้หูตัวเอง เมื่อได้ยินคำพูดจากผู้มีแนวคิดทันสมัย ผอ.ยอดรักแตกต่างจากผอ.คนเก่า คำพูดที่ใช้ไม่เคยแบ่งว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยปรกติเขาไม่ยึดติดกฎระเบียบโบราณคร่ำครึ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันไม่ปรกตินี่นา
“เริ่มที่ดิฉันก่อนนะคะ” พยาบาลตุ๋งลุกขึ้นยืนพลางยิ้มแฉ่ง “ขอแทนตัวเองว่าพี่ตุ๋งแล้วกัน ใครเรียกน้าตุ๋งจะไม่เลี้ยงขนมนะเออ เรื่องแรกทิ่อยากบอกก็คือ พี่ตุ๋งเป็นญาติกับอาจารย์สมพิศค่ะ”
อำนาจและทรงเดชอ้าปากค้างด้วยตะลึง ส่วนผมทำถาดน้ำหล่นพื้นเสียงดังโครม สองคนนี้เป็นญาติกันได้อย่างไร ในเมื่อพยาบาลตุ๋งผิวขาวราวกับไข่ปอก ส่วนอาจารย์จอมเฮี๊ยบของเรานั้น หล่อนมีสีผิวออกไปทาง เอ่อ…
“หยุดเลย รู้นะพวกแกคิดอะไร พี่ตุ๋งเหมือนทางแม่ ส่วนชั้นเหมือนทางพ่อย่ะ”
ญาติผู้น้องได้กล่าวออกมาแบบมีเคือง พร้อมมองปะหลับปะเหลือกด้วยหางตาใส่อีกรอบ ทุกคนในอาคารแจกรอยยิ้มกันถ้วนหน้า เป็นยิ้มแรกในวันนี้ของสาวน้อยชิดชนก และเป็นยิ้มจากใจยิ้มแรกของผมเช่นกัน
“ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พี่ตุ๋งมาทานข้าวเย็นที่ร้านครัวลุงนิด พอดีเปิดกระจกรถทิ้งไว้ แมวที่ไหนไม่รู้เลยเข้าไปนั่งสบายหรา อาจารย์วิบูลย์ผ่านมาเลยอาสาช่วยเหลือ สุดท้ายโดนแมวกัดมือขวา พี่ตุ๋งเลยพามาทำแผลที่อนามัยนี่แหละค่ะ”
พยาบาลผมสั้นชี้แจงอย่างใจเย็น เธอยกมือขวาอาจารย์วิบูลย์แสดงหลักฐาน เมื่อพิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรม รอยแผลที่ปรากฎมาจากเขี้ยวแมวร้อยเปอร์เซนต์ ผมทราบดีเพราะเคยโดนกัดเช่นกัน
“แต่พี่ตุ๋งคะ พี่อองรีเห็นขวดเหล้าในห้องตรวจ พี่สมานเห็นพี่ตุ๋งลวนลามอาจารย์วิบูลย์”
นิตยาสาวน้อยดวงตาซุกซน ปล่อยคำถามเด็ดโดนใจออกมาทันควัน พี่สมานตกใจสะดุ้งตัวโก่ง ส่วนพี่อองรีส่ายหัวไปมา รปภ.ร่างเล็กรีบอธิบายความอย่างเร็วจี๋
“ไม่ใช่ขลับ ผมบอกพี่สมานว่า ในนั้นมีขวดแอลกอฮอล์ขลับ” อองรีโยนขี้ให้เพื่อนทันควัน
“อ้าว ไอ้นี่” สมานทำตาดุใส่คู่หู แล้วหันมาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจขลับ ได้ยินว่าแอลกอฮอล์เลยนึกว่าเหล้า”
รปภ.หน้าโหดตกใจจนพูดเพี๊ยน แกเป็นคนระยองนิสัยดีและอารมณ์ดีมากไปนิด พวกเราทุกคนเอามือกุมหัวโดยพร้อมเพรียง โดนพี่สมานเล่นงานรอบสองเข้าให้แล้วไง
“มาที่เรื่องสำคัญเลยนะคะ” สาวผิวขาวเริ่มอธิบายต่อ ในหน้าหล่อนแดงระเรื่อขณะพูด “ระหว่างพี่ตุ๋งเย็บแผลเข็มสุดท้าย อาจารย์วิบูลย์กลัวเข็มเลยตกใจเป็นลม พี่ไม่รู้นึกว่าแกเกิดช๊อคหัวใจวาย เลยช่วยผายปอดกับตรวจชีพจรหน้าอกให้ ไม่ได้ลวนลามหรือทำอะไรนะคะ พูดแบบนี้พี่ตุ๋งเสียหายแย่เลย”
พวกเราหันไปมองพี่สมานผู้นั่งจ๋องหงอง จากนั้นจึงมองผู้ตกใจเป็นลมบ้าง อาจารย์พละจอมโหดประจำโรงเรียน เอาแต่ก้มหน้าหาเศษตังค์ไม่ยอมสบตาใคร เขาคงเขินอายที่มีคนรู้ว่าตนกลัวเข็ม
“เฮ้ย” ทรงเดชแอบกระซิบข้างหู “แล้วไอ้เสียงเอี๊ยดอ๊าด ๆ นี่มันอะไรฟระ”
นักบาสร่างโตแหกปากร้องโอดโอย เมื่อโดนเพื่อนสาวแพ่นกระบาลเสียงดังเพลี๊ยะ คดีในคืนก่อนถูกปิดเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีการลวนลาม ไม่มีเหล้าขวดโต มีแต่คนโดนแมวกัดกับรปภ.สติเฟื่อง
ผมถอนหายใจเสียงดังได้ยินกันทั่ว ก็มันสบายใจนี่นา จะว่าเสียมารยาทก็ขออภัย ชิดชนกเดินนำเพื่อไปไหว้ผู้เกี่ยวข้อง พวกเรารีบทำตามด้วยความเต็มใจยิ่ง รวมทั้งนายอำนาจผู้สติแตกคนนั้น
“ผมขอโทษพี่ตุ๋งครับ ตอนนั้นโมโหเลือดขึ้นหน้า ไม่รู้ทำไปได้อย่างไร”
เด็กหนุ่มผู้มีสิวประปรายกล่าวออกมาจากใจ เขาละอายกับการกระทำของตนมาก พยาบาลผมสั้นรับไหว้ก่อนหัวเราะร่วน เธอโดนอำนาจเล่นงานแต่ก็ยังอารมณ์ดีได้
“ไม่เป็นไรจ้า พี่ตุ๋งไม่ถือสา พิศโชดดีจังที่มีลูกศิษย์น่ารัก แต่คราวหลังพี่ขอขันน้ำพอนะคะ”
ญาติผู้พี่ชายตามองญาติผู้น้อง อาจารย์สมพิศยังคงแยกตัวออกห่าง ใบหน้าของหล่อนบึ้งตึงน้อยลงกว่าเดิม ชิดชนกและนิตยาจด ๆ จ้อง ๆ คล้ายอยากเข้าไปขอโทษ บังเอิญผอ.ยอดรักได้เดินเข้ามาแทรกกลางเสียก่อน
“ในเมื่อทุกคนเข้าใจกันดี จึงถึงเวลาที่อาจารย์จะกำหนดบทลงโทษ”
รอยยิ้มเดอะแก๊งค์ได้เลือนหายจากใบหน้า พวกเราต่างเดินเอื่อยเฉื่อยกลับมาที่เก่า สายตาจ้องมองคนพูดด้วยความเว้าวอนใจ โดยหวังว่าเขาจะมีความเมตตาปราณีให้
“อาทิตย์หน้ามีงานวิทยาศาสตร์ พวกเธอจะต้องเป็นตัวแทนของห้อง และที่สำคัญที่สุดก็คือ” ผอ.ยอดรักหยุดพูดชั่วขณะ พร้อมกับผมหยุดหายใจชั่วคราว “พวกเธอจะต้องชนะเลิศระดับโรงเรียน ย้ำ ! อันดับหนึ่งของโรงเรียน”
มีเสียงโห่ฮาตามมาหลังทราบบทลงโทษ ทุกคนมีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างถึงที่สุด
“แต่อาจารย์ค่ะ พวกเราอยู่แค่ม.4 นะคะ จะเอาอะไรไปสู้พวกรุ่นพี่”
นิตยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด เป็นครั้งแรกที่เธอแสดงความไม่มั่นใจ
“เรื่องนี้อาจารย์ไม่ทราบ แต่ถ้าห้อง 4/3 ไม่ได้ที่หนึ่ง โดนหักคะแนน 20 คะแนน !”
“แต่อาจารย์คะ พวกเราแทบไม่เหลือคะแนนแล้วนะคะ” นิตยาทักท้วงอีกครั้ง
“คะแนนหมดก็ต้องถูกลงโทษ ด้วยการมาช่วยทำงานช่วงปิดเทอม ตกลงตามนี้เข้าใจนะ”
เสียงโห่ฮาดังหนักกว่าเดิมหลายเท่าตัว จนอาจารย์วิบูลย์ต้องออกโรงเพื่อห้ามปราม ผมนั่งคอพับคออ่อนอยู่บนมีม้านั่งสีฟ้าสด ด้วยว่าเรี่ยวแรงสูญหายไปหมดพร้อมบทลงโทษ จริงอยู่ที่ห้องเราเป็นห้องคิงของระดับชั้น แต่ให้แข่งขันกับรุ่นพี่ที่เรียนสุงกว่านั้น คงไม่ต่างกับส่งเขาทรายไปชกกับไมค์ ไทสัน ปิดเทอมฤดูร้อนคงไม่ได้ไปไหนกันล่ะ
---------------------------------------------
พี่สมานและพี่อองรีได้ก้าวเดินจากไป เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับจวนนายอำเภอ ถึงเวลาต้องเดินทางกลับบ้านเสียที ผมรีบพาทุกคนมุ่งไปยังรถกระบะสีเขียว ไม่มีใครอิดออดหรือพร่ำบ่นเป็นคำพูด ทั้งที่เพิ่งได้รับบทลงโทษขั้นสุดสุงก็ตาม พวกเราได้ก้าวข้ามเส้นบาง ๆ แบ่งกั้นระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ จึงเป็นบทลงโทษที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
“ประตูเปิดไม่ออก แล้วจะกลับบ้านยังไง”
อำนาจหันหน้ามาถามความเห็น เพราะเขา ทรงเดช และนิตยาติดแหงกอยู่ที่ประตู ผมรู้สึกตะหงิด ๆ ยังไงพิกล เหมือนมีบางอย่างใกล้ตัวได้หายไป ว่าแต่สิ่งนั้นคืออะไร
เดี๋ยวก่อนนะ…ชิดชนก ??? เธอไม่อยู่ในกลุ่ม ชิดชนกหายไปไหนกันแน่ หายไปไหน !!
“อาจารย์สมพิศคะ หนูขอถามอาจารย์ตรง ๆ นะคะ รอยแดงที่ต้นคอเกิดจากอะไรกันแน่”
ลูกสาวเฮียอ๋าเป็นผู้เอ่ยประโยคคำถาม ชิดชนกย้อนกลับมาที่ลานกว้างอีกครั้ง เธอเม้มปากแน่นเฝ้ารอคำตอบอย่างมุ่งมั่น คนโดนถามหันมามองสีหน้าแปลกใจ พลางใช้มือขวาลูบคลำต้นคออีกครั้ง
“นก ชิดชนก ใจเย็นก่อนนะ…ไม่มีอะไรแล้ว”
ผมวิ่งตามจนมาทันเป็นคนแรก จึงได้ตรงเข้าไปรั้งร่างเล็ก ๆ ของคนพูด ชิดชนกหันมาสบตาอย่างเชื่องช้า ภายใต้ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อล้น ทำให้ผมกลายเป็นเตมีย์ใบ้ในบัดดล
“เรายังไม่ได้คำตอบเรื่องนี้ อาจารย์สมพิศเป็นอะไร ทำไมถึงไม่บอกพวกหนู”
ลูกสาวเฮียอ๋าสะบัดหน้ากลับที่เดิม เธอยังเฝ้าคอยคำตอบจากอาจารย์สาว ถึงตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมกรอบ ไม่เว้นกระทั่งเจ้าของรถกระบะสีส้ม ด้วยความที่เป็นผู้นำเขาต้องทำอะไรบ้าง
“นักเรียนกลับบ้านก่อนดีไหม ผู้ปกครองจะเป็นห่วงนะ” ผอ.ยอดรักพยายามช่วยแก้ไขอีกแล้ว
“อาจารย์โดนแมลงกัด หรือใครซักคนทำให้เป็นรอยกันแน่คะ” ชิดชนกถามอีกครั้งด้วยแววตามุ่งมั่น
“บอกมาเถอะค่ะ อย่าเดินหนีพวกหนูอีกเลย” นิตยาก้าวเข้ามาเคียงคู่ขณะพูดผสมโรง
“อาจารย์ไม่ได้โดนแมลงกัด และไม่มีใครซักคนทำให้เป็นรอย”
ในที่สุดอาจารย์สมพิศก็เอ่ยปาก ดึงความสนใจจากทุกคนไปที่หล่อน เจ้าของมิตซูบิชิ แชมป์ 3 ประตูจับผ้าพันคอสีฟ้าสดใส ก่อนถอดมันออกเผยลำคอต้นเหตุเรื่องทั้งปวง
“อาจารย์เป็นอีสุกอีใสระยะผื่นขึ้น คิดว่าพรุ่งนี้คงเริ่มเป็นตุ่มใสแล้วล่ะ”
สีหน้าคนพูดแสดงความโล่งใจ เมื่อได้เผยสิ่งที่ตนเก็บไว้มานาน ผมและทรงเดชผวาเข้ามาดูต้นคอ มันคือผื่นที่เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา เพราะมีผื่นไม่มากจึงดูคล้ายรอยแมลงกัด
“อาจารย์ลาป่วย 2 อาทิตย์ เลยต้องซื้ออาหารกักตุนเต็มคันรถ” ผู้มีรอยแดงกล่าวต่อ “พอดีเย็นนี้ก่อนกลับบ้าน เธอสองคนแวะมาคุยเรื่องงานวิทยาศาสตร์ อาจารย์เป็นห่วงอยากอยู่ช่วยงาน จึงขับรถไปถามเพื่อนเรื่องฉีดวัดซีนป้องกัน”
ผมและอำนาจต่างสะดุ้งโหยง ที่เข้าไปคุยด้วยก็เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้นเอง
“เพื่อนอาจารย์บอกว่าไม่มีประโยชน์ ดันทุรังไปเด็กนักเรียนอาจติดโรคตาม อาจารย์เลยโทรไปปรึกษาผอ.ยอดรัก สุดท้ายผอ.ขับรถมาเกลี้ยกล่อมด้วยตัวเอง เรื่องทั้งหมดก็มีแค่นี่แหละจ้า สงสัยอะไรอีกหรือเปล่า”
“อาจารย์สมพิศแค่เป็นอีสุกอีใส สบายใจแล้วนะนก นก…ชิดชนก”
เมื่อคนที่คุยด้วยไม่ตอบกลับเสียที จึงได้หันไปมองพร้อมสีหน้าหมาสงสัย ชิดชนกและนิตยาหายตัวไปอย่างลึกลับ ผมเกาหัวดังแกรกขณะจ้องมองรอบตัว กระทั่งมาหยุดที่รถกระบะสีเขียวหลังคาสุง ตรงนั้นเองมีเงาตะคุ่มนักเรียนหญิงสองคน ท่าทางลุกลี้ลุกลนก้ม ๆ เงย ๆ ตลอดเวลา พวกเธอก็คือสองสาวน้อยที่ผมตามหา
“ชิดชนก นิตยา มาคุยกับอาจารย์สมพิศหน่อย”
ผมตะโกนเรียกชื่อพร้อมก้าวเท้าเข้าไปหา ชิดชนกโผล่หัวขึ้นมาสีหน้าหวาดหวั่นสุดกำลัง
“อย่าเข้ามานะ เรา เรา… เรากลัวติดอีสุกอีใส” น้ำเสียงของเธอขาด ๆ หาย ๆ
“เฮ้ย ! ติดได้ไง เราไม่ได้เป็น” ผมรีบอธิบายความขณะที่เบิ่งตาโต
“นั่นแหละ ไม่รู้ล่ะ…บอกว่าอย่าเข้ามาก็อย่าเข้ามาสิ” ชิดชนกเริ่มงอแงเสียงดัง
“เชื้อโรคอาจแฝงมากับนายก็ได้นะ” นิตยาโผล่หัวขึ้นมาพูดแล้วหลบที่เดิม
ท่าทางพวกเธอดูแล้วเป็นที่ขบขัน ในที่สุดอาจารย์สมพิศก็ยิ้มออก ผมเองพลอยยิ้มตามหล่อนไปด้วย ขณะจ้องมองสองสาวแสบผู้หมดฤทธิ์เดช ผู้หญิงก็คือผู้หญิงวันยังค่ำ พวกเธอย่อมรักสวยรักงามเป็นชีวิตจิตใจ
“ฮึ ฮึ ฮึ…หุ หุ หุ…ฮี่ ฮี่ ฮี่…ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ว๊ากกก…!!”
ทันใดนั้นเองเกิดเรื่องไม่คาดคิด อำนาจที่ยืนติดกันได้แหกปากหัวเราะเสียงดัง เริ่มจากในลำคอกระทั่งสุดเสียงคล้ายคนโดนผีเข้า อารามตกใจผมจึงกระโดดกอดคอทรงเดช
“อาจารย์สมพิศครับ ผมว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ” อำนาจมองตาขวาง “เอาแบบนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะไปลากตัวชิดชนกมาคุยกับอาจารย์ รอผมครู่เดียวนะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เด็กหนุ่มผู้มีสิวประปรายหัวเราะร่วน เขารีบหันหลังกลับสายตาจับจ้องมองเหยื่อ สามหนุ่มสามมุมเคยติดอีสุกอีใสจากมนต์ชัย ร่างกายจึงมีภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสวาริเซลลากันทุกคน
“อย่าเข้ามานะ เรากลัวแล้ว ไม่นะ ไม่…!!”
สาวน้อยนิตยาผู้แสนเคร่งขรึม แหกปากโวยลั่นเมื่อเห็นอำนาจเดินเข้าหา ก่อนตัดสินใจวิ่งหนีไปไกลลิบ ทิ้งให้เพื่อนรักเผชิญเคราะห์อย่างเดียวดาย ชิดชนกเห็นจวนตัวจึงรีบวิ่งตาม ทว่าโชดร้ายลื่นล้มหน้ารถกระบะสีเขียว
“อย่านะอำนาจ เรายอมเธอทุกอย่าง บอกแล้วไงว่ายอมแล้ว…”
แม่สาวผมม้าอ้อนวอนขอความเห็นใจ ตอนนี้เธอจนแต้มทำอะไรไม่ถูก แค่ได้ยินคำว่าอีสุกอีใสเท่านั้น ร่างกายของเธอก็เริ่มคันยิก ๆ ทั่วตัว ขืนเป็นขึ้นมาจริง ๆ คงได้เกาทั้งวันทั้งคืนแน่ ชิดชนกนึกถึงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น หัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ยอมให้เกิดขึ้น ทว่าตอนนี้เธอไม่รู้จะหนีไปทางไหน
อำนาจยังคงหัวเราะใส่อย่างเสียสติ เขาได้กลับมาเป็นผู้มีอำนาจเต็มอีกครั้ง เด็กหนุ่มย้อนคิดถึงเรื่องคดีพี่เตงบอดี้สลิม วันนี้แหละเขาจะได้ล้างแค้นสมใจเสียที ร้องเข้าไปสิ ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก…ยายหูกางเอ๋ย
สายตาที่อำนาจจ้องมองชิดชนก ประหนึ่งหมาป่าเขี้ยวยาวจ้องมองลูกแกะตัวน้อย
---------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ