ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  70.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

37) เสื้อคู่2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“แกอยากรู้ไม๊?”

ไอซ์ถามทุ่งธรออกมาหลังจากที่ทั้งคู่แอบมองโอมอยู่นาน ก็ยังไม่เห็นว่าคนที่โอมควงมานั้นเป็นใครกันแน่  เพราะโอมยืนบังไว้จึงทำให้มองเห็นไม่ถนัด

“ก็ต้องอยากรู้สิแก  เรื่องแบบนี้ฉันไม่เคยพลาด”

“เออเนาะ  ฉันนี้ไม่ควรถามแกให้มันเสียปากเลยจริงๆ”

“เชอะนางไอซ์  ว่าแต่ฉัน  แกก็อยากรู้ไม่ต่างจากฉันหรอก  อย่าคิดน่ะว่าฉันไม่รู้อะไร”

“อะไร?  แกรู้อะไรมาย่ะ”

ไอซ์ หันหน้ามาถามทุ่งธรพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นค้ำเอวทันที  พร้อมจิกสายตามายังทุ่งธรด้วยความไม่ไว้ว่างใจ

“แหม๋ๆ พูดยังกะฉันไม่ใช่เพื่อนแกเลยน่ะ  ฉันมองตาแกปรูดเดี๋ยวก็รู้แล้วว่าแกนะคิดไรกะไอ้โอม”

“คิดไร!!  เอ้ยยป่าวน่ะเว้ยยย  ???  ฉันไม่ได้คิด  กะ  แก  เข้าใจผิดแล้ว”

ไอซ์ อัยรดา ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ  ที่จู่ๆเพื่อนก็จับความในใจของเธอได้  เพราะเธอนั้นได้แต่แอบมองโอมอยู่ฝ่ายเดียว

“อย่ามา  ฉันเข้าใจ  มันก็เป็นธรรมดาป่ะว่ะที่เวลาเราอยู่ใกล้ชิดคนหน้าตาดี  จิตใจของเราก็จะหวั่นไหวไปบ้าง”

“อะ อ่อเหรอ  รู้ดีนะแก”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“แกเข้ามานั่งในใจของฉันตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบย่ะ?”

“เอาน่า  ฉันไม่ไปบอกใครหรอก”

“ทุ่งก็ฉันบอกแกแล้วไง  ว่าไม่ได้คิด  ก็ไม่ได้คิดสิ”

“จร้า   แม่คุณไม่ได้คิดหรอก  แต่สายตาเธอมันฟ้องย่ะ”

“เหรอว่ะแก  นี้ดวงตาฉันมันฟ้องขนาดนั้นเลยหรอ?”

“อืม”

“ทุ่ง  แกสัญญากะฉันก่อนสิ   ว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”

“เอ่อน่า  ฉันจะให้แกอกแตกตายไปเอง  ที่ต้องเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้แบบนี้”

“ช่างฉันเถอะน่า  แต่แกห้ามบอกโอมเด็ดขาด  ฉันกลัว เสียเพื่อนไป”

“ได้สิ  แกไม่ต้องห่วงหรอก    ....  สรุปแล้วเราจะรู้ไม๊ว่าไอ้โอมมากะใคร?”

ทุ่งธรพูดกับไอซ์แล้วก็พยายามมองไปยังโอมที่กำลังเลือกซื้ออุปกรณ์ในการวาดภาพอยู่อีกฝั่งกับใครอีกคน  แต่แล้วจู่ๆก็มีมือมาสะกิดที่ด้านหลังของทุ่งธรเบาๆ

“อะไรล่ะไอซ์  แกจะพูดอะไรก็พูดมา”

ทุ่งธรไม่ได้หันกลับมามองว่ามือที่มาสะกิดที่หลังตัวเองนั้นเป็นของใคร  เขาคิดแค่ว่าเป็นมือไอซ์  แต่มือนั้นก็ยังไม่หยุดสะกิดหลังเขาเสียที

“อะไรของแกวะไอซ์  มีไรก็พูดมาสิ  จะสะกิดทำไม  อยู่แค่นี้เอง”

“แอบดูอะไรอยู่?”

จู่ๆเสียงทุ่มๆคุ้นหูของทุ่งธรก็เปล่งออกมาข้างหูของเขาอย่างแผ่วเบา  ทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งต้องรีบหันกลับมามองทันที  ในขณะที่หันใบหน้ามาจมูกของทุ่งธรก็ไปเฉียบเข้ากับปลายจมูกของคนตัวโตที่ก้มตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว  ตาสบตา  กลิ่นกายหอมๆของป่าสักมันช่างชวนฝันจริงๆ

“ป่าสัก  ...   !!  เล่นบ้าไรเนี้ย  ตกใจหมดเลย”

“ก็เรียกตั้งนานแล้ว  ไม่ได้ยินเอง”

ป่าสักตอบทุ่งธรออกไปทันที  เมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามามองอย่างไม่พอใจที่ตนเองมาขัดจังหวะในการเป็นหน่วยสอดแนม  แต่จริงๆแล้วทุ่งธรเกิดอาการเขินมากกว่าเลยรีบพูดปกปิดความรู้สึกของตัวเองไว้

“แล้วนี้ธุระมึงเสร็จแล้วเหรอ? ทำไมไวจัง”

ทุ่งธรถามป่าสักออกไป  ด้วยท่าทางเก้อเขิน  ที่อีกฝ่ายกำลังมองเขาอย่างขำๆ

“อืม  เสร็จตั้งนานแล้ว”

“ไอซ์ทำไมแกไม่บอกฉันว่ะ”

“ฉันจะบอกแล้วแต่ไม่ทันวะ  โทษทีนะแก”

“แล้วนี้ได้เรื่องยังว่าไอ้โอมมันมากะใคร”

ป่าสักถามทุ่งธรออกไปทันที  หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าคนที่ทุ่งธรแอบดูอยู่นั้นเป็นใคร

“ก็ยังไม่รู้น่ะสิ  ถึงต้องแอบมองอยู่นี้”

“ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นทำไม  ไม่เข้าไปหามันเลยล่ะ?  ไม่ต้องแอบด้วย”

ป่าสักถามทุ่งธรออกไปทันที  เพื่อให้อีกฝ่ายได้หายข้องใจเสียที

“บ้าเหรอ  ใครจะกล้าล่ะ?”

“อ้าวไม่เห็นเป็นไรเลย  ก็เพื่อนกันทั้งนั้น  ไอ้โอมก็เพื่อนในเอกจะเป็นไรไป?”

“โอ้ยย  ไม่เอาหรอก  ถึงจะเป็นเพื่อนกัน ยังไงมันก็ต้องมีระยะห่างกันบ้างสิ”

“อ่อเหรอ  ทีงี้ทำเป็นพูดดี  แต่เมื่อกี้ใครน่า?ยังแอบมองมันอยู่เลย”

“โอ้ยยอย่าล้อได้ไหมล่ะ  กูอายก็เป็นนะเว้ย”

ทุ่งธรรีบห้ามการแซวของป่าสักทันที  เพราะตัวเขาเองก็เขินๆเหมือนกันที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ทำไงได้ก็มันอยากรู้จริงๆนี้น่าว่าใครกันน่ะที่ไอ้โอมพามาด้วย  หรือเพราะเหตุนี้ที่ทำให้ไอ้ตรีเพื่อนของตนซึมเศร้าไป  คิดได้แบบนั้นทุ่งธรก็รีบล้วงหามือถือโทรหาตรีภพทันที

“จะทำไร?”

ป่าสักเห็นทุ่งธรล้วงเอามือถือออกมาจากกางเกงยีนส์ตัวเก่งที่เขาบังคับให้ใส่เมื่อเช้านี้อย่างรีบร้อน

“ก็จะโทรหาไอ้ตรีไง?”

“โทรหาไอ้เชี่ยตรีทำไม?”

ป่าสักถามออกไปทันที  เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องโทรหาตรีภพด้วย

“เหอะน่า  เงียบๆเถอะ  หรือถ้าว่างก็ไปช่วยไอซ์เลือกของก็ได้”

พูดเสร็จทุ่งธรก็เดินหนีไปโทรศัพท์อีกด้านทันที  ปล่อยให้ป่าสักและไอซ์มองการกระทำของทุ่งธรอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นทั้งสองก็เลือกซื้ออุปกรณ์ในการวาดภาพต่อทันที

“ฮัลโล   ตรีมึงอยู่ไหนว่ะ?”

ทุ่งธรกรองเสียงผ่านมือถือไปอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงกังวลด้วยความเป็นห่วงเพื่อนอีกคน

“กูอยู่คณะ”

เสียงตรีภพตอบกลับมาอย่างกับคนไร้ชีวิตจิตใจ  ยิ่งทำให้ทุ่งธรมั่นใจว่านี้คือสาเหตุของอาการซึมเศร้าของตรีภพแน่ๆ

“วันนี้วันเสาร์ไม่มีเรียน     มึงไปทำไรที่คณะว่ะ?”

“กูก็มาทำงานส่งอาจารย์สิ”

“อ้าวเหรอ  กูนึกว่ามึงอยู่ห้อง  ...... ตรีมึงว่างเปล่า”

“ก็กูบอกเมื่อกี้ไงว่ามาทำงานส่งอาจารย์  มึงไม่มีหูเหรอ?”

“เออๆ  รู้แล้ว  ไม่ต้องรมณ์เสียใส่กูก็ได้นะมึง  ที่ถามก็เพราะกูเป็นห่วงมึง”

“มีอะไรอีกไม๊  ถ้าไม่มีกูจะทำงานต่อ”

แต่อีกฝ่ายกลับตอบมาอย่างหงุดหงิดทันที

“มะไม่มี  มึงทำงานต่อเถอะ”

จากนั้นปลายทางก็ตัดสายไปอย่างรวดเร็ว  ปล่อยให้ทุ่งธรได้แต่สงสารเพื่อนที่ต้องเก็บความทุกข์ไว้ในใจเพียงคนเดียว  เขาเดินกลับมาหาป่าสักด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าๆเพราะสงสารเพื่อนนั้นเอง

“ว่าไงว่ะทุ่ง  ได้เรื่องไหม?”

“ไม่ว่ะ  ไอ้ตรีมันไปทำงานส่งอาจารย์ที่คณะ”

“งั้นก็คงไม่มีไรหรอกมั้ง  ไอ้โอมมันก็ฮ๊อตเป็นธรรมดา  จะมากับใครก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน?”

“มันก็ไม่แปลกหรอก  แค่กูอยากรู้สาเหตุที่ทำให้ไอ้ตรีมันเป็นหมาเหงาเว้ย”

“อืม  รักเพื่อนว่างั้น”

“ก็เอ่อสิ”

“มึงคิดว่าไอ้โอมเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอ้เชี่ยตรีเศร้าหรือว่ะ?”

“กูคิดแบบนั้นน่ะ”

“มึงเอาอะไรมาวัดว่ะ  ว่าไอ้เชี่ยโอมเป็นคนทำให้ไอ้ตรีเป็นแบบนั้น”

“อ้าวก็หลังจากงานวันลอยกระทงเสร็จ  ไอ้ตรีมันก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย  ไม่คอยพูด เหงาๆ ซึมๆ ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว”

“แล้วทำไมมึงไม่ถามมันว่ะ  ก็ซ้อมกีฬาด้วยกันทุกวันนี้”

“กูถามมันแล้วแต่   มันไม่ยอมบอกอะไรเลย  ยิ่งไอ้เชี่ยโอมยิ่งแล้วใหญ่  ไอ้นั้นวันๆเอาแต่คลุกอยู่กับเหล้าขาว”

หลังจากที่คุยกับป่าสักแล้วทุ่งธรก็เดินมาหาไอซ์ที่ยืนรอที่จะจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์อยู่ก่อนแล้ว

“เสร็จยังแก”

“อืม  เรียบร้อย ...แล้วนี้แต่งตัว!อะไรยังไงของแกว่ะทุ่ง?”

ไอซ์ อัยรดา มองสับไปมาระหว่างทุ่งธรกับป่าสัก  อัยรดาเพิ่งจะสังเกตการแต่งตัวของทั้งคู่ว่าเหมือนกันอย่างกับแกะ

“อะไร?  ยังไง?  อยู่ๆก็มาถามฉันพร้อมกับจ้องอย่างกับไม่เคยเห็น”

“เอ้าก็วันนี้  เกิดไรขึ้นค่ะคุณเพื่อน  ....ทำไมถึงได้แต่งตัวเหมือนกันเดะเลย”

“โอ้ยย   ไม่มีไรหรอก  ก็ป่าสักน่ะสิ  บังคับให้ฉันใส่”

“อิอิอิ  จริงเหรอ?  ไม่ใช่ว่านี้เป็นการเปิดตัวน่ะ”

“บ้าเหรอ  เปิดตัวไร?”

“แต่แต่งแบบนี้ก็น่ารักดีวะ  ฉันชอบ”

“โอ้ยยไอซ์หยุดพูดเลยน่ะ”

ทุ่งธรรีบร้องห้ามไอซ์  พร้อมกับหันไปทางป่าสักทันที  เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธอะไรเลย

“ป่าสัก  มึงจะเงียบอะไรว่ะ  พูดอะไรหน่อยก็ได้น่ะมึง”

“อ้าว...  จะให้พูดอะไร  ก็เราแต่งตัวเหมือนกันจริงๆ ไอซ์เขาก็พูดถูก”

“โอ้ยยย   ก็พูดอะไรก็ได้  ไม่ใช่เอาแต่ยืนยิ้มอยู่แบบนี้”

“อ้าวก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี้  แล้วไม่ชอบเหรอ?”

“ป่าสัก มึงยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอว่ะ”

ทุ่งธรหน้าแดงเพิ่มขึ้นอีกเป็นสิบเท่า  ที่โดนเพื่อนสนิทจับพิรุธเรื่องการแต่งตัวในวันนี้

“เอาล่ะ  ไม่ต้องโทษป่าสักหรอก  ฉันไม่ล้อก็ได้ แล้วแกละได้ไรบ้างว่ะ?”

ไอซ์ถามเพื่อนกลับทันที  ที่เห็นทุ่งธรยืนเขินๆรอป่าสักที่เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์

“ได้กระดาษเพิ่มนิดหน่อยวะ  เอ่อนี้แก  เสร็จแล้วไปไหนต่อดีว่ะ?”

“ไปหาไรอร่อยๆกินไม๊?  แต่ฉันว่าแกคงไม่หิวมั้ง”

“ไอซ์แก  หุบปากเสียที  ถ้าแกไม่หุบฉันจะเอากระดาษร้อยปอนด์ยัดปากแกเดี๋ยวนี้เลย”

“เครๆไม่พูดก็ได้  งั้นเราไปหาของกินกันดีกว่าเนาะ”

ไอซ์ออกความคิดเห็นหลังจากที่ทั้งสามเดินออกมาจากร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนแล้ว

“เออ  พอดีว่าเราลืมชวนไอซ์   คือว่ามื้อกลางวันนี้พี่ฟ้าใส  พี่สาวเราน่ะ  จะเลี้ยงมือกลางวันเอง  ไอซ์ไปด้วยกันนะ”

ป่าสักหันไปชวนไอซ์  อัยรดาเพื่อนของทุ่งธรทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าพี่สาวตนเอ่ยปากชวนทานข้าวมื้อกลางวันด้วยกัน  เพราะนานๆทีพี่น้องคู่นี้จะได้เจอกัน  เพราะฟ้าใสพี่สาวของป่าสักนั้นต้องทำงานหลายอย่างดูแลกิจการของครอบครัวต่อจากบิดามารดา ไหนจะโรงแรงหรู ภัตตาคารแล้วยังต้องมาดูแลห้างสรรพสินค้าอีก  จึงทำให้ทั้งคู่นั้นไม่ค่อยได้มีโอกาสพบเจอกันบ่อยมากนัก

“อ้าวป่าสัก  นี้เราต้องไปกินข้าวกับพี่สาวนายเหรอ?”

“อืม  ไปเถอะไอซ์   ไปทานกลางวันด้วยกันทุ่งเขาจะได้มีเพื่อน”

“อ้าวแล้วนี้ทุ่งแกยังไม่เคยเจอพี่สาวของป่าสักเหรอว่ะ?”

ไอซ์หันไปถามเพื่อนทันที  ที่ได้ฟังเหตุผลจากป่าสักที่ชวนเขาไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน

“ยังเลยว่ะแก  เคยไปทานแต่กับคุณพ่อคุณแม่ของป่าสัก  ส่วนพี่ฟ้าใสยังไม่เคยเจอหน้ากันเลยสักที  ได้ยินแต่ป่าสักเขาเล่าให้ฟัง”

“อืม  งั้นก็ได้  ฉันจะไปเป็นเพื่อนแก”

ไอซ์พูดพร้อมเดินไปจับมือของเพื่อนมากุมไว้  เธอสัมผัสได้เลยว่าเพื่อนของตนนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก  จากนั้นทั้งสามก็ตรงไปยังห้องอาหารชั้นบนสุดสำหรับผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าทันที

“ก๊อก  ก๊อก”

ป่าสักเคาะประตูห้องอาหารของผู้บริหาร สักพักก็มีเสียงผู้หญิงอนุญาติให้เข้าห้องได้

“อ้าว   มากันแล้วเหรอจ๊ะเด็กๆ  มาๆเข้ามานั่งก่อน”

หญิงสาวท่าทางคล่องแคล้วบุคลิกของสาวอ๊อฟฟิตแต่มีมาดของความเป็นผู้นำสูง  ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรกล่าวต้อนรับทุ่งธรและไอซ์ อัยรดาที่เดินตามหลังป่าสักเข้ามายังห้องอาหาร

“ทุกคนครับ  นี้พี่ฟ้าใส  พี่สาวเราเอง”

“สวัสดีครับ/ค่ะ”

ทุ่งธรและอัยรดา กล่าวสวัสดีพี่สาวของป่าสักออกมาพร้อมกันพร้อมทั้งยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

“ตามสบายเถอะจ๊ะ  นี้คงเป็นทุ่งธรสิน่ะ  แหม่วันนี้แต่งตัวได้น่ารักมากๆเลยนะจ๊ะ”

พี่สาวของป่าสักหันไปทักทายทุ่งธรที่ดูออกจะเกรงๆอยู่ไม่น้อย  เธอจึงไม่กล้าที่จะแซวอะไรไปมากกว่านี้

“ครับพี่ฟ้า  นี้ทุ่งธร  แล้วก็ไอซ์ครับ”

“จ๊ะ  เอาล่ะคงหิวกันแล้วเนาะ  มาๆทานอาหารกันเถอะ”

หญิงสาวชักชวนให้ทุกคนมาทานอาหารมื้อกลางวันที่พนักงานได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว  หลังจากนั้นทั้งหมดก็ทานอาหารกันไป  บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายลงเนื่องด้วยพี่สาวของป่าสักนั้นดูท่าทางออกจะตามใจน้องชายเป็นอย่างมาก  ไม่ว่าป่าสักจะพูดอะไรไม่เคยขัดใจสักครั้งเลย

“เอ่อนี้  พี่ได้ยินมาว่า  ทุ่งยื่นใบสมัครรับทุนกับทางห้างของเราหรือจ๊ะ?”

“เออครับ  พอดีว่าทางห้างเปิดโอกาสให้กับนักกีฬาของมหาวิทยาลัยนะครับ   ทุ่งเลยลองยื่นสมัครขอทุนไปครับ”

“ดีแล้วล่ะจ๊ะ  พี่คิดว่าคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ  เดี๋ยวยังไงถ้าทางบอร์ดของผู้บริหารประชุมกันแล้วได้เรื่องยังไงพี่จะแจ้งผ่านป่าสักไปนะค่ะน้องทุ่ง”

“ขอบคุณพี่ฟ้ามากๆนะครับ”

“จ๊ะไม่เป็นไรหรอก   เอ่อว่าแต่เมื่อไรทุ่งจะมาฝึกงานเสียทีละ  เห็นคุณพ่อแจ้งไว้นานแล้ว”

“เออคือว่า  ช่วงนี้ทุ่งยังไม่ว่างจากซ้อมกีฬายุ่งๆอยู่เลยครับ  เอาไว้ทุ่งจะพยายามหาเวลาว่างมาช่วยงานนะครับพี่ฟ้า”

“พี่เข้าใจจ๊ะ  นักกีฬามหาวิทยาลัยก็งี้แหละ  หาเวลายาก  ต้องเอาเวลาส่วนใหญ่ไปให้กับการฝึกซ้อม   แต่ถ้าว่างตอนไหนก็ให้ป่าสักเขาพามาก็แล้วกันนะ   เออแล้วถ้าน้องไอซ์อยากลองมาหาประสบการณ์กับทางห้างของเราก็ยินดีต้อนรับเสมอนะจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะ”

อัยรดายกมือไหว้พร้อมขอบคุณพี่สาวของป่าสักอีกครั้งที่ใจดีมอบโอกาสให้เธอได้เข้ามาหาประสบการณ์กับทุ่งธรอีกคนด้วย

หลังจากที่ทานมือกลางวันเสร็จแล้วป่าสัก ทุ่งธร และอัยรดาต่างก็ขอตัวกลับทันทีเพราะต้องรีบมาทำงานที่ค้างไว้ให้ทันส่งอาจารย์ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้  ส่วนไอซ์นั้นก็กลับคนเดียวเพราะขับรถมาเอง 

“แก  ขับรถดีๆนะ  เอาไว้เจอกันวันจันทร์ที่ภาคศิลป์”

ทุ่งธรบอกเพื่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะขับรถออกจากลานจอดรถของห้างสรรสินค้าไปด้วยความระมัดระวังก่อนจะโบกมือบ่ายๆให้กับป่าสักและทุ่งธร

“ทุ่ง  เราจะกลับห้องหรือไปไหนต่อดีว่ะ?”

ป่าสักขอความคิดเห็นอีกฝ่ายในขณะที่กำลังจะขับรถออกจากห้างสรรพสินค้าของครอบครัว

“กูอยากไปหาไอ้ตรีว่ะป่าสัก”

“แล้วตอนนี้เชี่ยตรีอยู่ไหนล่ะ?”

“เดี๋ยวโทรหามันก่อนนะ”

จากนั้นทุ่งธรก็รีบโทรหาตรีภพทันที  แต่ปรากฏว่าปลายสายได้ปิดเครื่องไปแล้ว

“เป็นไง   ติดไม๊?”

“ไม่ว่ะ  ไอ้ตรีมันปิดเครื่อง”

“แล้วจะเอาไงต่อดีล่ะ?”

“กูว่าเราลองไปดูที่บ้านไร่ไม๊?”

“หรือว่าไอ้ตรีจะอยู่สนามวอลเลย์บอล?”

“คงไม่หรอก  กูว่ามันน่าจะอยู่ที่บ้านไร่มากกว่าเพราะเงียบ  ช่วงนี้มันเก็บตัว”

“อืมเอาแบบนั้นก็ได้  ลองไปดูก่อน  ถ้าไม่เจอแล้วค่อยว่ากัน”

ป่าสักออกความคิดเห็นก่อนจะขับรถมุ่งตรงไปยังบ้านไร่ของคณะเกษตรศาสตร์ทันที

“ทุ่ง  พี่สาวกูเป็นไงบ้าง?”

อยู่ป่าสักก็ถามทุ่งธรขึ้นมาทันที

“อืม  ก็สวย  ใจดี”

“แค่นั้นเหรอ?”

“ก็ดูตามใจมึงน่ะ  เป็นพี่สาวที่รักน้องชายเชี่ยๆอย่างมึงมาก”

“ฮ่า  ฮ่า  แล้วมึงรู้ไหมว่าพี่ฟ้าถามกูว่าไง?”

“เรื่องไร?”

“ก็ถามเรื่องของเราไง”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา