ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  70.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) พรหมลิขิตหรือ..แค่บังเอิญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ในที่สุดการประชุมนักกีฬาโควต้าของมหาวิทยาลัยก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย...แต่ก็เล่นเอาผมและเพื่อนๆหอบไปตามๆกันเพราะจะว่าไปแล้วก็ไม่เชิงประชุม???แต่เป็นการเรียกมาพบเพื่อนๆในทีม  และทำความรู้จักรุ่นพี่ เพื่อให้รุ่นพี่ได้ทำการทดสอบฝีไม้ลายมือกันเล็กน้อย  ซึ่งเล่นเอาผมลิ้นห้อยไปเลย  ปีนี้มีนักกีฬาวอลเลย์บอลหน้าใหม่เข้ามาร่วมทีมได้เพียง 10 คนเท่านั้น  แบ่งเป็นชาย 6 คน หญิง 4 คน แต่จริงๆแล้วจะมีชายแท้ๆหรือเปล่าอันนี้ต้องดูกันไปยาวๆเพราะเท่าที่ผมดูตอนนี้ก็มีแต่คนเก็บหางจิ้งจอกซ่อนไว้

"ไอ้เชี่ยทุ่ง   เสร็จแล้วไปหาไรแดกกันวะ"

เสียงไอ้ตรีทักผมตอนที่จะออกมาจากโรงยิมของมหาวิทยาลัย

"จะไปกินแถวไหน??? อย่าไกลหอนักนะมึง..กูเหนื่อยวะ"

ผมบอกไอ้ตรีไปเพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าขาจะก้าวไม่ออกเสียแล้ว

"ได้ๆกูให้มึงเลือกร้านแดกเลย  ถือว่ากูเลี้ยงต้อนรับเพื่อนใหม่อย่างมึง"

"เอ่อไอ้ทุ่ง  มึงได้รูมเมทเป็นใครวะ??"

"หึ...รูมเมทกูเหรอ??  กูยังไม่เห็นโผล่หน้ามาเลย นี้ก็เล่นให้กูเก็บกวาดห้องอยู่คนเดียว" ผมบอกไอ้ตรีออกไป

"กูว่านะ  น่าจะให้พวกเรา อยู่ห้องเดียวกันจะได้สะดวกในการซ้อมกีฬา  มึงว่าปะ"

คงไม่ดีมั้ง  แทนที่จะได้ซ้อมกีฬา กูว่ามันจะพากันเม้าท์มอยเสียมากกว่าอย่างอื่น" ผมบอกไอ้ตรีไปตามความคิด

"55555มันก็จริงของมึงวะ  โดยเฉพาะนักกีฬาวอลเลย์บอลอย่างพวกเรา ดูๆไปแล้วแต่ละคน เหมือนองค์พร้อมจะลงวะ"  

เสียงไอ้ตรีหัวเราะชอบใจในความคิดของผม

"ปะ  ไปรถกู วันนี้กูเอามอร์ไซค์คู่ใจมาเว้ย"

"เอ่อ  ดีๆกูหมดแรงแล้วเนี้ย"

"ไปกินไหนวะมึง???" ไอ้ตรีถามผมหลังจากที่ขับออกมาจากที่จอดรถของโยงยิมมหาวิทยาลัย

"โรงเตี้ยม หลังมอ เป็นไง?? มีอาหารบ้านๆอีสานถูกปากกูเยอะเลย"

"มึงจะกินลาบ หรือน้ำตก??"

"กูหมดแรงไปเยอะ  ขอแบบอาหารหนักๆเถอะ จะลาบหรือน้ำตกกูแดกหมดตอนนี้"

"โอเคตามนั้นเพื่อน" ไอ้ตรีตอบผมพร้อม ขับมอร์ไซค์คู่ใจของมันมุ่งหน้าสู่ร้านอาหารอีสานชื่อ โรงเตี้ยมทันที

 

 

"เจ้เอาลาบน้ำตก แล้วก็ตำลาวใส่ปูนา แล้วก็เอ่อ..ข้าวเหนียวอีก 2 ครับ" พอถึงโรงเตี้ยมผมก็จัดการสั่งเจ้เจ้าของร้านทันที

"รอหน่อยนะค่ะคุณน้อง  วันนี้ลูกค้าแน่นร้านเจ้ม๊ากมาก"

เจ้ดิ้งตอบผมกลับมาพร้อมอาการจีบปากจีบคอตามสไตล์ของสาวสอง

"เอ่อคุณน้องค่ะ ..  เหลือที่นั่งแค่โต๊ะมุมด้านในสุดเพียงโต๊ะเดียวนะค่ะ"

"อ่อได้ครับ  ไม่มีปัญหาเจ้  ขอแค่อาหารรสแซ่บๆก็พอ"

ผมตอบเจ้ดิ้งไปพร้อมกับเดินเข้าไปในร้านตรงโต๊ะที่เหลือตัวสุดท้ายมุดสุดด้านในของร้าน

โรงเตี้ยมถือเป็นร้านอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมในหมู่นักศึกษาเป็นอย่างมากเพราะราคาไม่แพง รสชาติถูกปาก น้ำและผักต่างๆบริการตัวเองได้ตามต้องการเลย  จึงไม่แปลกใจที่จะมีนักศึกษาทั้งหญิงชายมาอุดหนุนเจ้ดิ้งแบบไม่ขาดสายเลยทีเดียว โดยเฉพาะพวกถึกๆเถื่อนออกแนวบ้านๆแบบเด็กเกษตรอย่าไอ้ตรี หรือไม่ก็พวกต้องการพลังงานอย่างผม

หลังจากได้กินอาหารที่ถูกปาก  รสชาติถูกใจแล้ว พละกำลังที่หมดไปในการทดสอบเพียงเล็กน้อยจากรุ่นพี่ในทีมวอลเลย์บอลก็กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้ให้ผมไปเสิร์ฟตบอีกสัก100ลูกก็บ่หยั่นเลยอิอิอิอิ ผมกับไอ้ตรีกินเสร็จก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆกินข้าวไปก็พูดคุยกันไปตามประสาเพื่อนใหม่ที่ทำความรู้จักกัน  ผมกับไอ้ตรีอยู่หอในของมหาวิทยาลัย อยู่หอเดียวกันหรือจะพูดให้ถูกคือนักกีฬาชั้นปีที่1 ทุกคนต้องพักทีหอในของมหาวิทยาลัยนั้นเอง  (เอ๊ะแบบนี้ผมกับไอ้หล่อนักบาสปากปีจอ ก็ต้องได้อยู่หอเดียวกันสิ แล้วจะนึกถึงเขาทำมั้ยวะเนี้ย) ผมกับไอ้ตรีอยู่คนละชั้น คนละห้อง ผมอยู่ชั้น3ห้อง308 ส่วนไอ้ตรีอยู่ชั้น2ห้อง201 ไม่รู้ว่าเขาวัดกันตรงไหน ว่าใครจะได้อยู่ห้องไหน ชั้นอะไร เพราะดูๆจากรูปร่างไอ้ตรีแล้ว  หุ่นมันหนากว่าผม ตัวสูงใหญ่กว่า สูง 185 เซนติเมตรได้ เพราะมันเล่นบอลในตำแหน่งหัวเสา ส่วนผมเป็นพวกสูงชะลูดตูดปอดยอดขุนพล5555 สูง 177 เซนติเมตร หนัก 63 กิโลกรัม ถือว่าเตี้ยสุดในการเล่นตำแหน่งตัวตีบอลเร็ว  หรือว่าเขาเห็นหุ่นบอบบาง ร่างเล็ก เลยให้ไปอยู่ชั้น 3 โถ่ๆๆสวรรค์ช่างไม่ปราณีผมเลย  ต้องเดินขึ้นบันไดไปชั้น3

"ขอบใจมึงมากนะเว้ยตรี  ที่วันนี้มึงใจดีเลี้ยงกู"

ไม่เป็นไร เอาไว้วันหลังมึงเลี้ยงกูคืนแล้วกัน55555"

"ได้ๆแต่เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้งข้าหอนะเว้ยอิอิอิอิอิอิ"

ผมตอบไอ้ตรีไปด้วยความสบายใจที่ได้เพื่อนดีๆแบบมัน

"โอเค กูจะเข้าห้องแล้ว คืนนี้โชคดีนะมึง นอนคนเดียว...ระวังดีๆนะเว้ย"

ผมหันไปจ้องหน้ามันพร้อมตั้งใจฟัง  ว่าไอ้ตรีมันจะบอกให้ระวังเรื่องอะไร  หรือมันจะให้ระวังเรื่องผู้ชายจะมาข่มขืน(แบบนี้ก็ดีสิอิอิอิอุ้ยยยคิดอะไรออกไปวะเนี้ยเรา  เป็นนายเอกนะเว้ยต้องรักษาภาพพจน์)

"ระวัง  จะมีผีมาบายหัว 555555555"

"ไอ้เชี่ยตรี  ปากมึงนะ"

ก่อนที่ผมจะยกเท้าไปถีบมัน  ไอ้ตรีก็รีบเอาร่างหนาๆของมันหลบเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้ผมเดินขึ้นชั้น3เพียงลำพัง ว่าไปแล้วก็เสียวๆเหมือนกันนะเนี้ย  มันยังไม่สามทุ่มเลย นี้ก็ยังไม่ดึก ทำไมหอมันดูวังเวงพิกลแบบนี้วะ

"เชี้ย..????นี้กูลืมล๊อคประตูห้องเหรอวะ"

ผมอุทานออกมาเบาๆพร้อมกับมือค่อยๆบิดลูกบิดประตูห้องเข้าไปข้างใน   ผมถึงกับตกตะลึง?????ไปทันที  เตียงฝั่งตรงข้าม มีร่างหนาๆใหญ่ๆนอนนิ่งไม่ไหวติง  โอ้!!!!!คุณพระคุณเจ้า ช่วยลูกช้างที  เจ้าที่เจ้าทางอย่าได้มาหลอกมาหลอนลูกเลยสาธุ  สาธุ....เอ๊ะ!!!แต่สายตาเจ้ากรรมของผมก็เพ่งไปที่เตียงอีกที  เอ้ยยยยนั้นมันเป็นร่างคน  คนจริงๆไม่ใช่ผีสางนางไม้ที่ไหน  เอ๊ะหรือว่า?????ผมจะเบลอเข้าห้องผิดวะ  คิดได้แบบนั้นผมก็ต้องรีบเอาร่างกลับออกมา  อ่านป้ายหน้าห้องอีกครั้ง  เลขป้ายหน้าห้องก็เขียนชัดเจน 308 นี้หว่า.......พอดูป้ายหน้าห้องอย่างชัดเจน  จนมั่นใจว่าไม่ได้เข้าห้องผิด  ผมก็ตัดสินใจเข้าห้องไปพร้อมเปิดไฟทันที

"เอ้ยยยย...ใครมาเปิดไฟวะ"

เสียงดังออกมาจากเตียงเจ้ากรรม

"เอ่อ...เอ่อ..นายพักอยู่ห้องนี้หรือ???"

"อ้าว  ถ้ากูไม่ได้พักห้องนี้   แล้วจะเผือกมานอนบนเตียงนี้ได้ไงวะ...พูดไม่รู้จักคิด"

ร่างที่นอนตะแคงหลบแสงไฟตอนที่ผมเปิดไฟในห้อง เปล่งเสียงดังออกมาด้วยความรำคาญ

"อ้าว!!!!????  ...  นายพูดแบบนี้ได้งัยวะ  ก็ทางหอพัก เขาให้นักศึกษาเข้าพักตั้งเป็นอาทิตย์แล้ว นายไปอยู่ไหนมาละ  จู่ๆก็โผล่มาแบบนี้  จะไม่ให้เราตกใจได้ไง"

ผมพยายามใจเย็น พร้อมอธิบายให้คนที่นอนตะแคงหันหลังให้ผมฟัง  สิ้นเสียงของผม  ไอ้ร่างสูงใหญ่ก็ลืมตาพร้อมหันมาเผชิญหน้ากับผมอย่างจัง

"เอ้ยยย!!!!!!! เชี่ยแล้วววววว " ผมอุทานออกมาพร้อมกับกระโดดถอยหลังไปติดกำแพงห้องอีกด้านเลยทีเดียว ผมขยี้ตาดูชัดๆอีกรอบ

"นาย นายมาอยู่นี้ได้งัยกัน???" ผมถามออกไปแบบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าไอ้สุดหล่อนักบาส ปากปีจอ นามว่าป่าสัก จะมานอนในห้องเดียวกันกับผมได้

"กูพักห้อง 308  แล้วนี้มันก็ห้อง 308 "

"ความซวยบังเกิดกับกูแล้ว"

"มึงว่าไงนะ...ไอ้ขี้อ่อย  ใครซวย  มึงพูดดีๆสิ"

"เปล่า....เราว่าบังเอิญจัง  ที่ได้เจอคนอย่างนาย"

"คนอย่างกูเป็นยังไงวะ....ไหนมึงลองบอกมาสิ"

ป่าสักพูดพร้อมลุกขึ้นจากเตียงแล้วค่อยๆเดินตรงมายังผม  ใช้มือทั้งสองข้างกันตัวผมติดกำแพงห้อง  เพื่อไม่ใช้ผมหนีไปไหนได้

"ไหนมึงลองบอกกูมาสิ  ว่ากูเป็นคนยังไงในสายตามึง"

ผมไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของไอ้นักบาสสุดหล่อปากปีจอ พูดด้วยซ้ำก็หัวใจตอนนี้มันเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย  อยู่ๆก็มีผู้ชายหน้าตาดี หุ่นนายแบบ เป็นที่หมายปองของสาวๆมากมาย มายืนจ้องหน้า  ระยะห่างแค่ไม่ถึงคืบแบบนี้จะทำยังไงดี พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยเถอะนะ

"ว่างัย...กูถามว่า...คนอย่างกูมันเป็นงัยยย มึงถึงจะต้องซวยเหอะ ไอ้ขี้อ่อยยยย"

ป่าสักพูดกับผมเบาๆแต่ลีลาและน้ำเสียงของมันช่างดูมีเสน่ยั่วยวนใจจริงๆเอ้ยๆๆหยุดๆๆตอนนี้กำลังตกใจ ห้ามหลงเสน่  จะหาวิธีไหนหนีออกจากการจองจำของมันเนี้ยยย?????

"จะให้พูดตรงๆเหรอวะ"

"อืม.....ก็ว่ามากูรอฟังอยู่"

"นะนาย....นายก็เป็นคนหน้าตาดี รูปหล่อ  แตะแต่..แต่ว่าเสียอยู่อย่างปากปีจอและกวนบาทาไปหน่อย"

"อืม...มึงก็พูดตรงดีนี้หว่า..แต่กูจะบอกให้นะเว้ย  กูปากหมาเฉพาะคนขี้อ่อยหรอก แต่กับคนอื่นกูออกจะสุภาพ"

ป่าสักพูดออกมาพร้อมกับใช้สายตาสำรวจทุกส่วนของร่างกายของผมอย่างถี่ถ้วน  ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยก็ว่าได้  แล้วมาหยุดตรงปากบางๆได้รูปของผมนั้นเอง

"ถึงกูจะปากหมา.. แต่ปากกูหวานนะเว้ย...มึงอยากลองบ้างไหมวะฮึ???"

ผมยังไม่ได้ตอบโต้ว่าอะไรเลย  ปากรูปกระจับก็ตรงดิ่งเข้ามาประกบกับปากของผมอย่างเร็วแต่แผ่วเบา สัมผัสมันช่างนุ่ม...อ่อนโย...ราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าก็ไม่ปาน  ใจสั่นสิครับ  นี้เป็นจูบแรกในชีวิตของผมเลยยยยยแม่จ้ายกโทษให้ลูกด้วย  ที่ลูกทำตัวเหลวไหล  ทำตัวไม่ดี  ปล่อยให้ชายหนุ่มรูปงามจูบปากได้ง่ายๆแบบนี้  หวังว่าแม่คงไม่โกรธลูกนะ  ทะทำไมแขนขามันไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้??จะยกแขนขึ้นมาพลักอกไอ้คนหล่อออกจากตัวก็ทำไม่ได้  ทำอะไรสักอย่างสิ  ทุ่งธร   ไม่ใช่หลงเสน่รสจูบของเขาแบบนี้  สติ สติ  สติ  สติมาปัญญาเกิด  แต่ตอนนี้สติเตลิดไปกับรสจูบเขาแล้วววววววววว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา