ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  70.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) ปาร์ตี้บ้านนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

     หลังจากทานข้าวเที่ยงด้วยเมนูอาหารอีสานพื้นบ้านจนเป็นที่ติดอกติดใจใครต่อใครแล้ว  ทุ่งธรและจันได  ก็พาเพื่อนๆไปเที่ยวชมธรรมชาติท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นภูเขา  ป่าที่นี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้และสัตว์ป่าน้อยใหญ่เป็นจำนวนมากและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือมีวัดป่าบนยอดเขา ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านที่นี้เลย  แต่การเดินทางมาไหว้สักการบูชาพระพุทธรูปบนเขานี้ก็เล่นเอาทุกๆคนเหนื่อยจนจะก้าวขาไม่ออกเลยที่เดียวเพราะต้องขึ้นบันไดมาทั้งหมดพันกว่าขั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการขึ้นเขามาทำบุญที่คุ้มค่ามากๆเพราะนอกจากจะได้ทำบุญแล้วยังได้ชมวิวบนยอดเขา ซึ่งเขาลูกนี้สามารถมองได้360 องศาเลย

“ตรี  มึงขอพรอะไรจากพระท่านวะ  ทำไมนานจัง  กูเห็นมึงนั่งไหว้เป็นนานสองนานแล้วน่ะ”

โอม นั่งลงข้างๆตรี แล้วจุดธูปบูชาพระพุทธรูป ก่อนจะเอ่ยถามตรีภพออกไปหลังจากที่เห็นตรีภพยังไม่มีทีท่าว่าจะปักธูปสักที

“เรื่องของกู  มึงอยากขออะไรจากท่านมึงก็ขอไปสิเชี่ยโอม  อย่ามากวนสมาธิของคนมีบุญอย่างกู”

“อืม  คนมีบุญ  คนอย่างมึงนี้คงจะสูงส่งมากสิน่ะ  พ่อมหาจำเริญ พ่อคนดีศรีประเสริฐ”

“มึงนี้จริงๆเลยน่ะโอม  ไม่รู้เรื่องคนอื่นสักเรื่องจะได้ไหมวะ”

“อ้าวเชี่ยตรี ถ้ามึงจะพูดแบบนี้ มึงก็ด่ากูออกมาตรงๆเลยไม่ดีกว่าเหรอวะ เผือก คำเดียวสั้นๆจบป่ะ?? กูจะได้ไม่ต้องแปล”

“ไอ้โอม ต่อหน้าพระหน้าเจ้า เขาไม่พูดคำหยาบกันหรอก ไหนๆมึงจะประกวดเดือนมหาลัยอยู่อีกไม่กี่วันแล้ว  ทำไมมึงไม่ขอพรจากพระท่านละให้มึงได้ตำแหน่งอย่างที่ตั้งใจไว้ไง”

“เอ่อว่ะ  เชี่ยตรี  กูลืมไปเลย  ไหนๆมึงก็ยังไม่ปักธูปมึงก็ช่วยขอแทนกูทีเถอะน่ะนะๆ”

“อ้าวไอ้เชี่ย หงัยมาลงที่กูว่ะ  เรื่องของมึง  มึงก็ขอเองดิ”

“อ้าว  ก็กูปักธูปไปแล้วนี้มึง  น่ะนะ  ไหนๆมึงก็ขอพรจากท่านยังไม่เสร็จ มึงก็ขอให้กูอีกสักข้อเถอะ”

“เอ่อๆ ตลอดเลยมึง  ขอพรจากพระแค่นี้ก็ต้องให้กูลำบากด้วยตลอด”

“เอาน่ามึง ไหนๆก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว  มึงก็ช่วยๆกูหน่อย อย่างน้อยๆถ้ากูได้เป็นเดือนมหาลัยขึ้นมาจริงๆ มึงก็จะได้ภูมิใจในตัวว่าที่แฟนมึงไง”

“เชี่ยโอม  กูไม่น่าจะขอพรให้มึงเลย  ถ้ามึงจะปากหมาขนาดนี้  โอ้ยยกูไปดีกว่า  คุยกับมึงนี้มีแต่เข้าตัวเองแท้ๆ”

จากนั้นตรีภพก็ลุกเดินหนีโอม ศักดิ์พินิจ  มาหาทุ่งธร กังวานไพรและ

จันได ที่นั่งรออยู่หน้าบันไดที่จะลงจากวัดป่า

“อะไรพวกมึง  มึงสองนี้ จะขอพรอะไรกันนักหนา  กูเห็นนั่งอยู่เป็นนานสองนาน  หรือว่าพวกมึงสาบานความรักต่อหน้าพระพุทธรูปวะไอ้ตรี???”

เสียงทุ่งธร ทักตรีภพทันที  ที่ตรีภพเดินมาถึง

“สาบงสาบานไรวะสัสทุ่ง  กูขอพรจากพระท่านเฉยๆ  ไปๆๆนี้ก็จะค่ำแล้ว รีบไปเถอะวะ กูไม่อยากเห็นหน้าไอ้เชี่ยโอม”

“อ้าว รอด้วยสิวะตรี  แค่นี้ทำเป็นงอนไปได้  รอกูด้วย”

เสียงของโอม ศักดิ์พินิจ ร้องตามหลังตรีภพมาติดๆ ก่อนที่จะเดินลงบันไดของวัดตามตรีภพไป

“พวกมันเป็นบ้าไรวะทุ่ง  ตั้งแต่ตอนไปเก็บสายบัวแล้ว  แมร่งไอ้สองตัวนี้ท่าทางแปลกๆเข้าไปทุกทีแล้ว”

ป่าสักบนออกมา  หลังจากที่เห็นตรีภพและศักดิ์พินิจ เล่นบทพ่อแง่แม่งอนกันตลอดทริปการเที่ยวชมธรรมชาติและทำบุญ

“อ้าว  ป่าสักดูไม่ออกหรือจ๊ะ ว่าเขาสองคนนั้นน่ะ กำลังจีบๆกันอยู่ เห็นแล้วฟินดีเนาะ  จันนี้เป็นสาวกสาววายเลยนะอิอิอิ  แต่บางทีชะนีอย่างจันคงต้องอยู่บนคานต่อไปแน่ๆเพราะผู้ชายสมัยนี้เขาเล่นมาควงกันเองหมดแล้ววววววว”

จันไดพูดเสร็จก็เดินลงบันไดวัดตามตรีภพและศักดิ์พินิจไปทันที ปล่อยให้ทุ่งธรและกังวานไพรเดินตามหลังมาเป็นคู่สุดท้าย

“ทุ่ง  จริงเหรอวะ  ที่ไอ้โอมกับไอ้ตรีมันกำลังจะคลิ๊กกัน???”

“มึงกับกูก็มาด้วยกัน  แล้วแบบนี้มึงจะให้กูไปถามใคร  มึงอยากรู้ก็ถามพวกมันดูสิ  เชี่ยตรีกับเชี่ยโอม ก็เพื่อนมึงไม่ใช่เหรอว่ะ??”

     หลังจากที่กลับจากไปเที่ยวและทำบุญเสร็จ ก็เล่นเอาทุกคนนั้นเหนื่อยไปตามๆกัน พอมาถึงบ้านต่างรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพราะว่าจะต้องมาช่วยกันจัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ไว้สำหรับจัดปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้

“อ้าวป่าสัก เอาอะไรมาเยอะแยะเลยล่ะลูก”

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับแม่  ก็พวกอุปกรณ์ในการปิ้งย่างอาหารทะเล แล้วก็น้ำจิ้ม แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำครับ”

“อืม ก็ดีน่ะ เพราะถ้าให้แม่ทำอาหารอย่างนี้ แม่ก็คงทำไม่เป็นหรอกจ๊ะ  แล้วนี้ เตรียมกันเสร็จหรือยังละจ๊ะ มีอะไรขาดเหลือไหม?”

“จะเสร็จแล้วละครับแม่  เดี๋ยวแม่ไปนั่งรอตรงโน้นเลยครับ ถ้าผมปิ้งเสร็จแล้วจะยกไปให้ชิมนะครับ”

“อ่อจ๊ะ  งั้นแม่จะไปนั่งกับป้าลำไยลุงแหลมสิงห์แล้วกันนะ”

ลุงแหลมสิงห์ เป็นสามีของป้าลำไย พ่อของจันไดนั้นเอง ซึ่งได้กลับมาจากการไปทำไร่ข้าวโพดเมื่อตอนหัวค่ำ เย็นนี้เลยมาร่วมงานปาร์ตี้กับหลานๆ ซึ่งก็มี ทุ่งธร ป่าสัก ตรี โอม จันได ป้าลำไย และแม่ของทุ่งธร

“ครับแม่”

จากนั้นป่าสักก็จัดการกับอาหารทะเลมากมายที่ได้เตรียมมาต่อทันที

“กูเพิ่งรู้ว่ามึงก็ทำอาหารเป็นนะเนี้ย?? ว่าแต่จะกินได้เปล่าวะป่าสัก”

“อ้าวมึงรู้จักกูน้อยไปแล้วทุ่ง  กูนี้แหละพ่อครัวหัวป่าตัวจริงเสียงจริง”

“แหวะ  มึงพูดอย่างกับกูไม่รู้ว่า ไอ้อาหารพวกนี้มึงเอามาจากร้านพี่สาวมึงทั้งนั้น”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ แล้วดีปะละมึง  อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องเหนื่อยทำ  แค่จัดใส่ถาดแล้วก็กินได้เลย  อันนี้สุกแล้วยกไปเสิร์ฟโต๊ะแม่ได้แล้วมึง”

จากนั้นทุ่งธรก็รับจานอาหารจากป่าสักไปเสิร์ฟให้กับแม่และป้ากับลุงที่นั่งพูดคุยกันอยู่ที่โต๊ะข้างๆกองไฟกับเด็กๆ ซึ่งตอนนี้ โอม ศักดิ์พินิจกำลังเล่นกีต้าร์โดยมีนักร้องรับเชิญอย่าง จันได มาร่วมร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน

“โอม  เล่นเพลงนี้ได้ไหม  จันอยากร้องอยู่พอดีเลย”

“เพลงอะไรละจัน? บอกมาเลยเดี๋ยวเล่นให้”

“เพลงผู้สาวขี้เหล้าจ๊ะโอม  แต่ต้องขอให้โอมเป็นคอรัสให้ด้วยนะ”

“โอเคจัดไป”

**(จันได)“ถืกหักหลัง น้ำตาพังหย่าวๆเจ็บร้าว อ้ายฮักเขาผู้สาวเก่าจึงต้องทำใจย้อนว่าฮักอยากได้หยังกะประเคนให้    แต่ว่าฉากสุดท้าย  อ้ายมีคนใหม่ เจ็บ เด้  เดินเซ มาหาเสี่ยวขอเพียวๆ ให้เฮาจั๊กจอก เผื่อสิลืมคนหลอก  คือเขาได้2 8 5 อาชา ลีโอ จัดชุดโตงานนี้เฮาจ่าย เลี้ยงส่งกับการจากไปของคนไม่รักดี เมื่อก่อนเป็นคนแสนดี มาวันนี้เป็นคนขี้เหล้า กะย้อนผู้บ่าว เปลี่ยนผู้สาวทำให้ฮักพัง ตำแก้ว ตำแก้ว ตำจอก เมื่อถูกอ้ายหลอกมันก็เลยเป็นลายต่าง ปิดฉากความฮักพังๆ ด้วยน้ำเมา เดินเซ มาหาเสี่ยว ขอเพียวๆ ให้เฮาจั๊กจอก เผื่อสิลืมคนหลอกคือเขาได้ 2 8 5 อาชา ลีโอ จัดชุดโตงานนี้เฮาจ่าย เลี้ยงส่งกับการจากไป ของคนไม่รักดี เมื่อก่อนเป็นคนแสนดี มาวันนี้เป็นคนขี้เหล้า กะย้อนผู้บ่าว เปลี่ยนผู้สาวทำให้ฮักพัง ตำแก้ว ตำแก้ว ตำจอก เมื่อถูกอ้ายหลอกมันก็เลยเป็นลายต่าง ปิดฉากความฮักพังๆ ด้วยน้ำเมา **(โอม)เขาบ่แม่นพ่อและกะหน้าบ่คือแม่เจ้า สิไปแคร์เฮ็ดหยังน้องหล่า อย่าปล่อยให้พิษสุรา มาทำร้ายชีวิตของเจ้า ปล่อยคนที่เขาทิ้งขว้าง ให้ไปตามทางของเขา หลายคนที่ยังฮักเจ้ายังมีอยู่** **(จันได)เดินเซ มาหาเสี่ยว ขอเพียวๆ ให้เฮาจั๊กจอก เผื่อสิลืมคนหลอกคือเขาได้ 2 8 5 อาชา ลีโอ จัดชุดโตงานนี้เฮาจ่าย เลี้ยงส่งกับการจากไปของคนไม่รักดี เมื่อก่อนเป็นคนแสนดี มาวันนี้เป็นคนขี้เหล้า กะย้อนผู้บ่าว เปลี่ยนผู้สาวทำให้ฮักพัง ตำแก้ว ตำแก้ว ตำจอก เมื่อถูกอ้ายหลอกมันก็เลยเป็นลายต่าง ปิดฉากความฮักพังๆ ด้วยน้ำเมา ปิดฉากความฮักพังๆ ด้วยน้ำเมา”**(เพลงผู้สาวขี้เหล้า เมย์ จิราพร)

“อุบ๊ะ ไอ้พ่อหนุ่มคนนี้ มันเล่นกีต้าร์เก่งจริงๆแถมร้องเพลงเพราะอีกด้วย นี้ถ้าขืนให้นางจันมันร้องอยู่คนเดียว รับรองเพลงนี้ไม่มีใครทนฟังมันร้องจนจบแน่ๆ เอ้าๆๆตำจอกกันหน่อยหนุ่มๆ ถือว่าวันนี้ลุงแหลมสิงห์คนนี้ ขอเลี้ยงตอนรับหลานๆก็แล้วกันนะ  แต่ลุงมีแค่เหล้าโทเท่านั้น รับรองรสชาตินี้ดีสุดๆ ฝีมือการหมักของลุงเอง”

*เหล้าโทหรือสาโท คือ  สุราแช่ประเภทหนึ่ง ทำจากข้าวชนิดต่างๆ ที่ผ่านการหมักด้วยลูกแป้ง หรือเชื้อราและยีสต์ เพื่อเปลี่ยนแป้งในข้าวให้เป็นแอลกอฮอล์ โดยเหล้าโทหรือสาโทที่ผ่านกระบวนการหมักแล้วจะมีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 15 ดีกรี 

จากนั้นทั้งลุงแหลมสิงห์ ศักดิ์พินิจ ตรีภพ และจันได ก็ชนแก้วดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ไม่นานกังวานไพรและทุ่งธรก็เข้ามาร่วมวงร้องเพลง

“มาๆพ่อหนุ่ม  มาลองเหล้าโทของลุงสักแก้วหน่อยสิ  ว่ารสชาติมันจะสู้เหล้านอกกับเขาได้ไหม”

ลุงแหลมสิงห์ยืนแก้วเหล้าโทให้กับป่าสักที่นั่งลงข้างๆโอม ที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลง

“ขอบคุณครับลุง  ว่าแต่มันคืออะไรหรือครับ??”

“ลองเลยพ่อหนุ่ม  รับรองกินแล้วจะติดใจ”

จากนั้นวงเหล้าโทแบบอีสานบ้านๆก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที เพราะทุกคนอยู่กับครบหน้าครบตา มีทั้งเสียงเพลงที่ทุกคนสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันร้องและอาหารการกินที่รสชาติระดับภัตตาคารห้าดาว ทำให้ค่ำคืนที่ท้องทุ่งบ้านนาแห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันของชีวิตที่ผสมผสานระหว่างเด็กในเมืองและชีวิตของแม่และป้ากับลุงที่มาเติมเต็ม

“ตาสิงห์ ฉันว่าแกเมามากแล้วนะ ดูๆพูดกับหลานๆจนไม่รู้เรื่องแล้ว  อ้าวนางจัน แกช่วยพาพ่อไปนอนทีเถอะวะ”

ป้าลำไยบอกกับจันไดให้ช่วยพาพ่อของตัวเองไปพักผ่อนหลังจากเห็นอาการในการดื่มของสามีแล้ว  คงจะไม่ไหวแน่ๆถ้าขืนดื่มต่อไปพรุ่งนี้ไม่ได้ไปไร่ข้าวโพดกันพอดี

“จ๊ะแม่  ไปเถอะพ่อ คืนนี้ดื่มหนักมากแล้ว  หนุ่มๆจ๊ะเดี๋ยวจันขอตัวพาพ่อไปนอนก่อนนะ เอ่อทุ่ง ฝากเก็บของด้วยนะแก เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาช่วยล้างจานชามแต่เช้าหรอก”

“ได้ๆไม่ต้องห่วงเลยแก เดี๋ยวฉันจัดการเอง  แกรีบพาลุงสิงห์ไปนอนเถอะจัน”

ทุ่งธรรีบบอกเพื่อนกลับไปทันที  ที่เห็นว่าอาการของลุงแหลมสิงห์นั้นเมามากแล้ว

“งั้นป้าพาลุงไปนอนก่อนเด็กๆ คืนนี้ป้ามีความสุขมากๆเลยนานๆทีได้กินของอร่อยๆได้เห็นหลานๆมีความสุขคนเป็นป้าเป็นแม่ก็สุขใจไปด้วยเนาะแม่ทิพย์   ไปๆเถอะนางจัน พาพ่อเองไปนอนได้แล้ว”

“สวัดดีครับป้า”

“งั้นแม่ก็ขอตัวไปนอนเหมือนกันนะ  รู้สึกจะไม่ไหวแล้ว  เด็กๆก็ดูแลกันด้วยนะ  ทุ่งก็อย่าให้มันดึกเกินไปนะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ป่าสักจะขับรถกลับมหาวิทยาลัยไม่ไหว”

“อ้าวแม่จะเข้านอนแล้วเหรอ  งั้นทุ่งไปด้วยนะ  นานๆจะได้กลับบ้านที วันนี้ขอนอนกับแม่น่ะ”

“บ้าเหรอทุ่ง  เพื่อนๆยังสนุกกันอยู่เลย  ทุ่งต้องอยู่เป็นเพื่อนป่าสัก ตรี โอมนะลูก  ไม่ใช่ปล่อยให้เพื่อนอยู่กันแบบนี้”

“โอ้ยยยแม่  ไอ้พวกนี้ เหล้าเข้าปาก มีเสียงเพลง อีกนานกว่าพวกมันจะหมดฤทธิ์ ปล่อยไว้แบบนี้แหละ  ให้ทุ่งไปนอนกับแม่เถอะน่ะ”

“อ้าวทุ่ง  ถ้ามึงไปนอนกับแม่ แล้วกูละ จะนอนกับใคร”

ป่าสักที่นั่งอยู่ข้างๆทุ่งธรรีบพูดขึ้นทันที

“อ้าวเชี่ยป่าสัก  เต้นท์ก็กางไว้แล้ว มึงก็นอนในเต้นท์นั้นละ วันนี้กูจะนอนกับแม่กู”

“ไม่ได้นะเว้ย  ถ้าไม่มีมึงกูนอนไม่หลับ  มึงนอนไหนกูนอนนั้น”

“ไอ้บ้า  นี้กูกลับบ้านนะเว้ย  คืนนี้กูจะนอนกับแม่กู  มึงไม่เกี่ยว”

“อะไรวะ  ก็ทุกคืนกูก็นอนกับมึงตลอด ถ้าไม่มีมึงกูก็ไม่ชิน แล้วไหนจะแปลกที่อีก กูนอนไม่หลับแน่ๆ”

“เอาละจ๊ะเด็กๆ แม่ว่าทุ่งก็นอนที่เต้นท์เป็นเพื่อนป่าสักนั้นละนะ  เราโตแล้วไม่ต้องมานอนกับแม่หรอก นึกถึงป่าสักเขาด้วย มาต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ คงไม่ชินกับการนอนแปลกที่แปลกทาง”

“อ้าวแม่  ก็ทุ่งอยากนอนกอดแม่สักคืนนี้”

“แม่ไม่คุยด้วยแล้ว  เอาอย่างที่แม่ว่านั้นแหละ  เด็กๆสนุกกันเต็มที่เลยนะ แม่ขอตัวไปนอนก่อน”

“ขอบคุณแม่มากนะครับ  เดี๋ยวลูกชายแม่ผมจะดูแลเป็นอย่างดีเลยครับ”

ป่าสักรีบไหว้แม่ของทุ่งธรทันที

หลังจากนั้นไม่นานทุกคนที่เหลือก็ช่วยกับเก็บอุปกรณ์ถ้วยชามต่างๆ ดับกองไฟที่ก่อไว้ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันเข้านอนเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องกลับมหาวิทยาลัย กังวานไพรนอนกับทุ่งธร ส่วนตรีภพและศักดิ์พินิจก็นอนด้วยกัน

“ทุ่ง อากาศที่บ้านมึงนี้โคตรดีเลยเนาะ ยิ่งดึกๆลมเย็นๆสบายดีวะ”

“อืม มึงแน่ใจนะว่านอนในเต้นท์แบบนี้ได้ป่าสัก”

“กูสบายมากเลย  มึงนอนได้กูก็นอนได้  ทุ่งมึงก็อย่ามองว่ากูเป็นคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็นสิวะ”

“ก็ใครมันจะไปรู้วะ  ป่าสักวันนี้กูขอบใจมึงมากน่ะ ที่ทำให้แม่ ป้า ลุงมีความสุข มีเสียงหัวเราะ นานแล้วที่กูไม่เห็นแม่มีความสุขแบบนี้เลย”

“ไม่เป็นไรหรอก กูก็ต้องขอบใจมึงที่เปิดโอกาสให้กูได้มาทำความรู้จักอีกด้านของมึง มารู้จักที่นี้ กูก็มีความสุขวะทุ่ง”

ตาประสานกันนิ่งเนิ่นนาน จากนั้นกังวานไพรก็ค่อยๆยื่นหน้าหล่อๆของตัวเองเข้ามาใกล้กับคนที่นอนหันหน้ามาทางเขา ลมหายใจรดต้นคอของอีกฝ่ายก่อนที่จะปากสีชมพูรูปกระจับจะค่อยๆบรรจบจูบปากบางๆของทุ่งธรอย่างนิ่มนวลและอ่อนโยนทานกลางความมืดมิดของราตรีที่มีแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรขับกล่อมให้คืนนี้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา