ลมหวาน ป่าหนาว
เขียนโดย เพียงแสงจันทร์
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) ฝากเนื้อฝากตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่ได้ทานขนมจีนน้ำยาที่แสนจะอร่อยแล้ว คณะของทุ่งธรก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านทันที เพราะจะได้มีเวลาเที่ยวชมกินลมดูภูเขา ลำธาร ที่ทุ่งธรได้นำเสนอมาตลอดเส้นทาง
“แม่ครับ แม่อยู่ไหมครับ ทุ่งกลับมาแล้ว”
“อ้าวทุ่ง กลับมาแล้วหรอ มาๆพาเพื่อนๆเข้ามานั่งในบ้านก่อนเถอะ มากันเหนื่อยๆจะได้กินน้ำกินท่า”
“หวัดดีครับแม่ คิดถึงแม่จัง แม่สบายดีนะ”
ทุ่งธรเข้าไปโอบกอดแม่ทันที ที่เดินเข้ามาใต้ถุนบ้าน เพราะบ้านของทุ่งธรนั้นเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ส่วนใต้ถุนของบ้านนั้นก็มีแคร่ไม้ไผ่ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนและใช้เป็นที่ทานอาหารเพราะใต้ถุนของบ้านอีกฝั่งทำเป็นห้องครัวของบ้านไปในตัว
“จ๊ะแม่สบายดี”
แม่ของทุ่งธรตอบกลับลูกชายพร้อมโอบกอดด้วยความคิดถึงเพราะทั้งสองห่างกันไปนาน ตั้งแต่ทุ่งธรย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในตัวเมือง
“ทุกคน นี้แม่เราเอง”
“สวัสดีครับคุณแม่”
ทั้งป่าสัก ตรี และโอม ยกมือไหว้แม่ของทุ่งธรพร้อมๆกันหลังจากที่ทุ่งธรได้แนะนำให้รู้จักกับแม่ของตัวเอง แม่ของทุ่งธรนั้นยังไม่แก่เลยอายุก็น่าจะประมาณสี่สิบต้นๆ ลักษณะท่าทางนั้นคล่องแคล่วว่องไว สู้การสู้งานเพราะดูจากผิวที่หมองคล้ำ คงจะต้องดิ้นรนทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แต่ใบหน้านั้นแฝงไปด้วยรอยยิ้มดูเป็นคนอ่อนโยนและมีเมตตามากๆ
“แม่ครับ นี้ป่าสัก เรียนอยู่คณะสัตวแพทย์ เป็นรูมเมทของทุ่งเอง ส่วนนั้นก็ตรี เป็นเพื่อนนักกีฬาวอลเลย์บอลเรียนพืชไร่ ส่วนคนสุดท้ายที่หล่อๆหน่อยก็โอม เรียนเอกเดียวกับทุ่ง”
“วันนี้พวกเราขอรบกวนคุณแม่ด้วยนะครับและขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกเป็นหลายด้วยนะครับคุณแม่”
ป่าสักเอ่ยฝากตัวกับแม่ของทุ่งธรออกมาอย่างสุภาพนอบน้อม ไม่เหลือมาดของคุณหนูไฮโซเลยแม้แต่น้อย
“ตามสบายเถอะจ๊ะ แต่บ้านแม่ก็อย่างที่เห็นละน่ะ อาจจะไม่สะดวกสบาย แต่ก็ไม่ต้องเกรงใจ เพื่อนของทุ่ง ก็เหมือนลูกของแม่จ๊ะ ดีใจนะที่เพื่อนๆของทุ่งอยากมาเที่ยวบ้านนอกคอกนาแบบนี้ ไปทุ่งไปหาน้ำมาให้เพื่อนๆกินก่อน มากันเหนื่อยๆ”
“ครับแม่ เอ่อ แล้วนี้แม่กินข้าวเช้ายังครับ”
“เรียบร้อยมาแล้ว พอดีป้าลำไยแกเรียกไปกินที่บ้านแก เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงจะมาบ้านเรา เพราะแม่บอกว่าทุ่งกับเพื่อนๆจะมาเที่ยวที่บ้าน”
“อืมครับ งั้นเดี๋ยวทุ่งไปเอาน้ำมาให้เพื่อนๆก่อนนะแม่”
“จ๊ะ อ้าวเด็กๆไม่ต้องยืนหรอก มา มานั่งบนแคร่นี้แหละ อาจจะไม่นุ่มเหมือนโซฟานะ แต่ก็นั่งพักได้หายเหนื่อยดีนัก”
“ครับแม่ แม่ครับพอดีมีของฝากเล็กน้อย ผมกับเพื่อนๆเอามาฝากแม่ครับ”
ป่าสักยื่นถุงใส่ของใบใหญ่ให้กับแม่ทุ่งธรทันที หลังจากที่นั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อะไรละจ๊ะพ่อหนุ่ม จะเอามาทำไมให้มันเปลืองเงินเปลืองทอง แม่อยู่บ้านนอกคอกนาก็ไม่จำเป็นต้องได้ใช้อะไรหรอกจ๊ะ”
“คุณแม่รับไว้เถอะครับ ถือว่าเป็นของฝากจากลูกๆ.....อีกคนครับ”
ป่าสักยังไม่ยอมแพ้ในการที่จะมอบของฝากที่เขาได้สั่งให้คนขับรถจัดหามาให้ตั้งแต่เมื่อเช้า เพื่อจะได้แสดงให้รู้ว่าเขามีความปรารถนาดีต่อแม่ของทุ่งธร
“ครับคุณแม่ รับไว้เถอะครับ เพราะไอ้ป่าสักมันตั้งใจเอามาฝากเลยครับ ถ้าคุณแม่ไม่รับไว้ป่าสักมันต้องเสียใจแน่ๆเลยที่แม่ไม่ยอมรับของฝากจากมันนะครับ”
โอมรีบพูดสนับสนุนเพื่อนทันที ที่เห็นท่าทางลังเลของแม่ทุ่งธร
“พ่อหนุ่มนี้ นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังหว่านล้อมเก่งด้วยนะ สงสัยว่าที่มหาลัยคงมีสาวๆติดกันตรึมแน่ๆเลย เอาเถอะแม่จะรับไว้แล้วกันนะ ว่าแต่ของข้างในเป็นอะไรละจ๊ะเด็กๆ”
แม่ของทุ่งธรกล่าวกับโอมแล้วก็รับของฝากจากป่าสักมาด้วยความเกรงใจในน้ำใจของอีกฝ่าย
“อ้าว นั้นอะไรอะแม่ ถุงอะไร??”
ทุ่งธรเดินมาพร้อมขวดน้ำในมือที่จะเอามาให้ป่าสักและเพื่อนๆดื่มแต่บังเอิญมาเจอถุงของฝากที่อยู่บนตักของแม่ตัวเองเสียก่อน
“อ่อ พอดีเพื่อนของลูก เอามาฝากจ๊ะ แม่ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นอะไร”
“ใครให้อะ ???”
ทุ่งธรถามทันที พร้อมหันไปทางป่าสักโดยอัตโนมัติ แล้วก็จ้องด้วยสายตาที่ไม่พอใจในการกระทำของอีกฝ่าย
“เอ่อ คือว่า กูก็แค่ถือของมาไหว้แม่เฉยๆไม่มีไรหรอกมึง มาบ้านท่านก็มีของติดไม้ติดมือมาแค่นี้เอง ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยวะทุ่ง มึงก็อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่สิวะ”
ยังไม่ทันที่ทุ่งธรจะตอบป่าสักกลับไป ก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีเสียงร้องมาจากหน้าบ้านนั้นเอง
“ทิพย์ ทิพย์ ไอ้ทุ่งหลานฉันมาแล้วใช่ไหมวะ.... ตายแล้วววว นี้รถใครกันละเนี้ย ทำไมมันถึงได้คันใหญ่โต หรูหราแบบนี้วะ”
“อ่อ พี่ลำไย ไอ้ทุ่งมาถึงแล้วจ๊ะ พี่ลำไยเข้ามานั่งในบ้านก่อนสิจ๊ะ”
“สวัสดีครับป้าลำไย ป้ายังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”
ทุ่งธรยกมือไหว้ป้า พร้อมกับกล่าวชมอีกฝ่ายอย่างรู้ทันเพราะป้าลำไยเป็นคนที่บ้ายอเอามากๆๆ
“แหม่ๆหลานของป้าก็รูปหล่อขึ้นเป็นกองเลยนะ แล้วนี้รถใครวะไอ้ทุ่ง อย่าบอกนะว่าพวกเองนั่งรถคันนี้มาเที่ยวที่บ้าน”
“จ๊ะป้า รถเพื่อนทุ่งเอง เอ่อป้าลำไยครับ นี้ป่าสัก ตรี แล้วก็โอม เพื่อนทุ่งเองครับ”
“สวัสดีครับป้าลำไย”
“ไหว้พระเถอะจ๊ะพ่อคุณ ตายแล้วแต่ละคน หน้าตานี้อย่างกับดาราหนังเลยเนาะแม่ทิพย์ ว่าแต่ใครละจ๊ะที่เป็นเจ้าของรถคันโก้นั้นอะ”
ป้าลำไยยังไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องรถคันที่แกสนใจไปเสียที
“อ่อ รถของป่าสักนะป้า พอดีมากันหลายคน เลยขอรบกวนรถที่บ้านของป่าสักเขาขับมาจ๊ะป้า”
ทุ่งธรรีบตอบกลับคนเป็นป้าไปทันทีเพราะรู้นิสัยของป้าตนเองเป็นอย่างดี
“คนนี้เหรอจ๊ะป่าสัก อุ้ยตายแล้วรูปหล่อจริงๆ เป็นไงบ้างละจ๊ะ ขับรถขับรามาถึงที่นี้ คงจะเหนื่อยน่าดูเลยสิน่ะ มาๆกินน้ำกินท่าเสียก่อน”
จากนั้นป่าลำไยก็คว้าเอาขวดน้ำจากมือของทุ่งธร แล้วรีบเทใส่แก้วส่งให้ป่าสักทันที
“ขอบคุณครับป้า”
ป่าสัก ยกมือไหว้แล้วรีบรับแก้วน้ำจากมือของป้าลำไยไปถือไว้
“แม่ๆ แม่ มาบ้านน้าทิพย์ก็ไม่ชวนฉันเลยนะ ฉันก็คิดถึงไอ้ทุ่งมันเหมือนกันนะ ไหนๆไอ้ทุ่งมาถึงแล้วใช่ไหม?? อุต๊ะ........ทำไมมีแต่คนหล่อๆอย่างนี้ล่ะ”
จันไดเดินเข้ามาใต้ถุนบ้านของทุ่งธรก็เจอหนุ่มหล่อทันที ทำให้เธอจ้องตาไม่กระพริบเลย
“อ้าวนางจันได ข้าก็นึกว่าเองน่ะไปหานางเพ็ญคุ้มใต้นะสิว่ะ เลยไม่ได้ชวน มาๆมานี้เลยแก มารู้จักกับเพื่อนๆของไอ้ทุ่งมันสิ นี้ๆๆคนนี้เขาชื่อป่าสัก เป็นเจ้าของรถคนโก้คันนั้นเชียวนะเว้ยย”
ป้าลำไย รีบเรียกลูกสาวคนเดียวของแก่ให้เข้ามาทำความรู้จักกับป่าสักทันที
“สวัสดีจ๊ะทุกคนๆคน ฉันชื่อจันไดน่ะ เรียกจัน เฉยๆก็ได้ เป็นลูกสาวของแม่ลำไย บ้านอยู่ใกล้ๆกับบ้านของทุ่งนี้แหละจ๊ะ”
“หวัดดีครับจัน”
ทุกๆคนกล่าวทักทายจันได ญาติสนิทของทุ่งธรและก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ทุ่งธรและจันไดเรียนหนังสือมาด้วยกันจนจบมัธยมปลายแต่จันไดเลือกที่จะอยู่บ้านดูแลพ่อกับแม่ส่วนทุ่งธรนั้นเลือกที่จะไปศึกษาต่อในตัวจังหวัด เพื่อหวังว่าจะได้ทำตามความฝันตัวเองและทำให้แม่สบาย
“เอ่อจัน พอดีว่าเพื่อนๆฉัน เขาอยากไปเที่ยวเชิงเขาท้ายหมู่บ้านของเรา ตอนบ่ายๆนี้แกว่างเปล่าวะ พาไปหน่อยสิ”
“ได้สิ สบายอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันจะพาไปไหว้พระบนเขาด้วย จะได้ตักบาตรทำบุญร่วมชาติด้วยกันงั้ย เนาะหนุ่มๆ”
“เอ่อนี้เด็กๆก่อนที่จะวางแผนไปเที่ยวที่ไหน แม่ว่าทุ่งกับจันไปเก็บสายบัวที่สระของเรามาให้แม่แกงสายบัวให้กินตอนเที่ยงดีไหม?”
“อ่อได้สิแม่ ทุ่งก็อยากกินอยู่พอดีเลย งั้นทุ่งไปตอนนี้เลยนะแม่จะได้ทันแกงตอนเที่ยง”
ทุ่งธรตอบแม่กลับไปด้วยอาการกระตือรือร้น เพราะเขาก็อยากกินแกงสายบัวมานานแล้วนั้นเอง
“เอ่อพี่ลำไย หอยขมที่พี่งมมาเมื่อสองวันก่อนละอยู่ไหน ฉันจะเอามาต้มใส่ยอดมะขามอ่อนเอาไว้กินกับส้มตำมื้อเที่ยงด้วย”
“เอ่อๆฉันก็ลืมเสียสนิทเลย เดี๋ยวไปเอามาต้มไว้ตอนนี้เลยแล้วกันน่ะทิพย์ เด็กๆป้าขอตัวไปเอาหอยขมก่อนนะจ๊ะ”
จากนั้นป้าลำไย ก็รีบลุกกลับบ้านไปทันที สงสัยป้าแกคงจะลืมจริงๆ
“เอ่อพวกมึง มากันเหนื่อยๆนั่งพักอยู่บ้านกูก่อนนะหรือมึงจะไปนอนเล่นใต้ต้นมะม่วงในสวนก็ได้ เดี๋ยวกูจะไปเก็บสายบัวกับจันเอง”
“เอ้ยยได้ไงวะทุ่ง มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิวะ ให้พวกกูไปช่วยเถอะ อีกอย่างเดินทางมาแค่นี้ไม่เหนื่อยเลยพวกกูไหวสบายอยู่แล้ว”
เสียงตรีภพบอกกับทุ่งธรทันที ที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินไปกับจันไดเพื่อไปเก็บสายบัวมาทำอาหารมื้อเที่ยงนั้นเอง
“ไม่ได้ไอ้ตรี กูกับจันไปรถซาเล้ง พวกมึงขี่ไม่เป็นหรอก เดี๋ยวตกลงมาแขนขาหักกันพอดี รอกูอยู่บ้านกับแม่นี้แหละ”
“รถซาเล้ง คืออะไรวะ กูอยากลองขี่วะทุ่ง ให้พวกกูไปด้วยนะมึง”
เสียงป่าสักดังขึ้นมาอีกคน หลังจากที่นั่งสังเกตการอยู่นาน
“โอเคจ๊ะ หมุ่นๆ จันยินดีบริการ ถ้าอยากจะไปผจญภัย เดี๋ยวจันจัดให้ มาๆตามมาเลย ถ้าช้าเดี๋ยวแดดจะแรงกว่านี้”
จากนั้นทั้งหมดก็ตามจันไดมาที่รถซาเล้งของเธอ (รถซาเล้งคือการเอารถมอไซค์มาดัดแปลงพ่วงล้อด้านข้าง สามารถนั่งได้หลายๆคนหรือบรรทุกสิ่งของ)
“นี้หรอรถซาเล้งที่มึงพูดเมื่อกี้อะทุ่ง”
ป่าสักเอ่ยปากถามทุ่งธรออกไปเมื่อเดินมาถึงรถซาเล้งของจันไดที่จอดไว้ใต้ต้นมะขามข้างบ้านของเธอ
“ก็นี้แหละ รถซาเล้ง ขวัญใจของจันได ถือเป็นเพื่อนคู่กายนางเลยน่ะเนี้ย ไปไหนไปกัน ตอนสมัยพวกกูเรียนมัธยม ก็ได้คันนี้แหละขี่ไปโรงเรียน”
ทุ่งธรบอกป่าสักและเพื่อนๆจากนั้นก็ขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายจันไดทันที
“อ้าวพวกมึง มัวยืนเซ่อทำแปะไรอยู่วะ ขึ้นมาสิ ไม่เห็นหรอว่าจันมันสตาร์ทเครื่องรอแล้ว”
“เอ่อๆขึ้นเดี๋ยวนี้แหละ แค่นี้กูสบายมาก”
ตรีภพเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นมานั่งบนรถซาเล้ง จากนั้นก็ตามมาด้วยโอม ส่วนป่าสักนั้น ยังยืนมองด้วยอาการลังเลที่จะขึ้นไปนั่งกับเพื่อนๆอยู่
“นี้ๆพ่อรูปหล่อของจัน ไหนบอกว่าอยากลองขี่รถซาเล้งดูไงจ๊ะ แต่ทำไมถึงดูท่าทางกล้าๆกลัวๆอย่างนั้นละ ขึ้นมาเถอะน่า รับรองไม่ตกหรอก จับให้แน่นๆเดี๋ยวแม่จะพาซิ่ง”
เสียงของจันได เร่งให้ป่าสักรีบขึ้นรถซาเล้งของเธอทันที เพราะว่าทุกคนนั่งประจำที่พร้อมหมดแล้ว จากนั้นป่าสักก็ก้าวขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย ด้วยอาการเกรงสุดขีด เมื่อทุกคนขึ้นมานั่งบนรถซาเล้งพร้อมแล้ว จันไดก็ทำหน้าที่เป็นโซเฟอร์ขับรถมุ่งหน้าสู่สระน้ำทันที
“ถึงแล้วจร้าทุกคน เชิญผู้โดยสารรูปหล่อของจันได ลงจากรถได้แล้ว
จร้า”
“ถึงแล้วใช่ไหมจัน สนุกวะ เราไม่เคยทำอะไรที่มันตื่นเต้นแบบนี้มาก่อนเลยนะ...ขากลับเราขอลองขับได้ไหมจัน”
เสียงของป่าสักถามจันไดทันที ที่ลงจากซาเล้งแล้ว
“พอเถอะไอ้ป่าสัก กูยังไม่อยากตายที่นี้ กูยังมีสาวๆรอดูใบหน้าหล่อๆบนเวทีประกวดดาว-เดือนมหาลัยอยู่นะเว้ย มึงให้จันเขาขับนั้นแหละดีที่สุดแล้ว”
เสียงของโอมคัดค้านความคิดของป่าสักทันที
“อ้าวไอ้เชี่ยโอม กูขับได้น่ามึง เชื่อฝีมือระดับเทพกูเถอะ”
ป่าสักยังไม่ยอมแพ้กับความตั้งใจของตัวเองในการที่จะลองขับรถซาเล้งดู
“พอๆเถอะพวกมึงหยุดกัดกันก่อน มาช่วยกูเก็บสายบัวไปแกงดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันแกงแดรกตอนเที่ยงกันพอดี”
ทุ่งธรห้ามทัพระหว่างป่าสักกับโอม แล้วจากนั้นทุกคนก็เดินตามทุ่งธรและจันไดไปที่สระน้ำทันที
“เอ้ยยยพวกมึง น้ำไสมากๆเลยวะ น่าลงไปแช่น้ำเล่นจังเลย”
พอสิ้นเสียงพูดของตัวเอง โอม ศักดิ์พินิจ ก็เล่นทีเผลอรีบผลักตรีภพให้ตกลงไปในสระน้ำทันที
ตูม ..... เสียงตรีภพตกลงไปในสระน้ำแบบไม่เป็นท่า เพราะผลการผลักของโอมด้วยแรงมหาศาลนั้นเอง
“ไอ้เชี่ยโอม ไอ้สัส มึงเล่นกูทีเผลอใช่ไหม ได้ๆๆถ้ามึงจะเล่นแบบนี้เดี๋ยวกูจัดให้เลย”
พอตรีภพพูดเสร็จก็มุดน้ำลงไปคว้าเอาดินโคลนใต้น้ำขึ้นมาขว้างใส่เพื่อนๆที่ยืนหัวเราะอยู่ขอบสระทันที ทำให้เพื่อนๆพากันรีบวิ่งหลบโคลนตมกันแทบไม่ทัน เมื่อปาโคลนตมไม่โดนโอมสักครั้ง ตรีภพเลยต้องรีบขึ้นจากสระน้ำเพื่อมาไล่จับโอม ที่ทำตัวเองตกน้ำ
“ไอ้เชี่ยโอม มึงอย่าหนีนะเว้ยยย วันนี้ถ้ากูจับมึงไม่ได้ อย่ามาเรียกกูว่าไอ้ตรีภพเลย”
“เชี่ยตรี กูแค่ผลักมึงเบาๆนะเว้ย มึงเผือกกระโดดลงสระเอง ไม่เกี่ยวกับกู”
โอม พูดแก้ต่างให้ตัวเอง พร้อมวิ่งหลบตรีภพไปรอบสระน้ำ แต่แล้วโอมก็ไปสะดุดตอไม้ทำให้ตรีภพที่วิ่งตามหลังมาติดๆสะดุดแล้วร่างของทั้งสองก็ร่วงลงสระน้ำอีกครั้ง
ตูม......ด้วยความตกใจทำให้ตรีภพรีบคว้าตัวของโอมเข้ามากอดไว้ ทำให้ทั้งสองกอดกันกลมในสระน้ำ เนื้อแนบเนื้อกล้ามหน้าอกของชายหนุ่มทั้งสองที่แน่นแข็งเบียดเสียดสีกันไปมา ฝ่ามือของโอมลูบไล้เอวของตรีอย่างเบามือ ตามองตาจ้องกันประสานอย่างกับจะค้นหาอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจ
“ตรี น้ำก็ไม่ได้ลึก ทำไมมึงตกใจมากขนาดนี้เลยหรอ ถึงได้กอดกูซะแน่นเชียว”
โอมถามตรีออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ แต่สายตาของโอมก็ยังจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ละสายตา
“ไอ้เชี่ย กูแค่ตกใจเว้ยยย ก็มึงเล่นหยุดวิ่งไปดื้อๆแบบนั้น”
“แล้วตอนนี้มึงหายตกใจหรือยังวะ”
“เอ่อ หายแล้ว ทำไม??”
“ถ้ามึงหายตกใจแล้ว... ก็ปล่อยกูได้แล้วนะ กูหายใจไม่ออกวะกอดแน่นเชียวนะมึง”
“บ้า ไอ้สัส ปากดีนักใช่มั้ยยย นี้เลยมึง มาร์คหน้าด้วยโคลนเลยมึงไอ้โอม555555”
ตรีภพได้โอกาสรีบคว้าโคลนตมมาป้ายหน้าโอม ศักดิ์พินิจทันที
“ไอ้เชี่ย มึงเล่นกูแบบนี้เลยใช่ไหม ได้ๆเดี๋ยวกูจัดให้ มึงไม่ต้องหนีกูเลยไอ้ตรี มาให้กูจับซะดีๆ”
“55555555555555555 เก่งจริงก็มาจับกูให้ได้เถอะไอ้เชี่ยโอม”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ