ลมหายใจ...แห่งรัตติกาล (dangerous man)

7.0

เขียนโดย sesom

วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.27 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,454 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560 11.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่ 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ต้นสนสูงทอดตัวยาวตามแนวถนนที่ลัดเลาะตามเชิงเขา ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำสาดแสงสีแดงอมส้มสร้างความวังเวงและหดหู่ในหัวใจชอบกลนัก ร่างสูงใหญ่เหยียบคันเร่งรถยนต์สมรรถนะสูงด้วยความเร็วเต็มสตรีมของมันอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ก็จะเข้าเขตเมืองดัฟ
 
วินเซนมองป้ายบอกทางที่บอกแนวเขตสุดแดนของเมืองโมทาน มันคือเมืองสุดท้ายและจุดสิ้นสุดของประเทศนี้ มุมปากหยักสวยเหยียดยิ้ม มันมีจุดสิ้นสุดของประเทศนี้ เมืองโมทาน แต่เมืองถัดไปนั้นไม่มีเอกสารหรือหลักฐานใดจะเอ่ยเอื้อยถึงมันสักครั้ง เมืองดัฟ
 
เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้งในรอบปีนี้ เขาคาดการว่าเขาจะมาเยี่ยมเยียนทอมอีกครั้งปีหน้า หากแต่เรื่องของเด็กสาวปาแปงนั่น กลับทำให้เขาอยากจะกลับไปอีกครั้ง อย่างน้อยก็ได้มาแสดงความเสียใจต่อการจากไปของพี่ชายเธอ มาแสดงให้เธอได้รับรู้ว่าเขาเองก็เสียใจเช่นกัน
 
เพราะอะไรกันเล่า? เพราะ...เพราะ...ฉันรู้ว่าเธอรอฉันด้วยความหวังแม้ฉันจะไม่ได้รับปากเธอก็ตาม มันก็ไม่ต่างกันกับฉันตอนนี้นักปาแปง ฉันยังรอใครบางคนด้วยความหวัง ไม่ต่างจากเธอตอนนั้นเท่าไร
 
วินเซนตัดสินใจพักร่างกายที่เริ่มเมื่อยล้าที่เมืองโมทาน ก่อนจะเดินทางต่อไปอีกหลายร้อยกิโลเมตร เมืองเล็กๆ เงียบสงบผู้คนบางตา สถานที่หลายอย่างยังคงไม่ทันสมัย เขามองหาร้านอาหารสักร้านก่อนจะเลี้ยวเขาไปยังร้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง
 
“เอสเพรสโซ่ร้อนแก้วหนึ่ง” เขาเดินไปสั่งกาแฟที่เค้าเตอร์ในร้านอาหารที่รายล้อมด้วยกระจกใส ก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะติดกระจก
 
“อย่าเพิ่งเข้าไปเลยเมืองดัฟ” วินเซนได้ยินเสียงโต๊ะด้านข้างเจรจากันเบาๆ กลุ่มชายฉกรรณ์ประมาณห้าคนนั่งที่โต๊ะติดกันกับเขา
 
“เมื่อวานเมืองดัฟมันเงียบมาก ไม่ค่อยมีใครเข้าไปเพราะนายใหญ่ฮาร์ดัสมันกกำลังปล่อยของล๊อตใหญ่ให้นายทุน ฉันว่าพวกนายรอเวลาสักสองสามวันดีกว่าถ้าไม่อยากมีปัญหากับพวกมัน”
 
วินเซนวางแก้วกาแฟลง สายตาคู่คมมองเมืองเล็กแห่งนี้ แต่สองหูนั่นได้ยินชัดเจนดีเรื่องห้ามเข้าเมืองดัฟ
 
ในช่วงนี้ เขาครุ่นคิดเล็กน้อยหากแต่ความตั้งใจเดิมมันมากกว่า เขาจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะคว้าเสื้อแจ็กเก็ตตัวสวยเดินออกมา
 
“มันกำลังมา มันกำลังมา” เสียงแผ่วเบาจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ที่ประตูร้านอาหาร วินเซนต้องหันไปมองขณะที่เขาเตรียมเปิดประตูออก หญิงสาวผมยาวสีดำสนิทอายุน่าจะประมาณสี่สิบปลายๆ เธอแต่งกายด้วยสีสันหลากหลาย เขาปรายตาองเธอแวบหนึ่งก็เข้าใจในทันทีว่าเธอน่าจะเป็นพวกหมอดูร่างทรงอะไรเทือกนั้น เขาเคยรู้มาก่อนว่าที่นี่ชอบทำนายทายทักแขกแปลกหน้าที่เดินทางผ่านมา แน่นอนว่ามันได้รายได้พอตัวจากใครหลายคนที่มีความเชื่อในเรื่องเดียวกัน
 
“มันกำลังมา” หญิงสาวนางนั้นยังคงก้าวตามวินเซนมาแต่เขาหาได้สนใจไม่ เขายกมือเป็นเชิงห้ามแม้ไม่ได้หันมามองสองขายังคงก้าวเดินไปยังรถยนต์คันสวยที่จอดอยู่ริมถนน
 
“หนึ่งชายกำลังจะกลับมา คุณจะอยู่ในโลกของความตายทั้งที่ยังหายใจ ทรชนยังยิ่งใหญ่คับฟ้า คาวเลือด ความตาย เธอคนนั้น คุณต้องยอมมัน คุณต้องยอมมันโดยไม่มีข้อแม้ คุณกำลังจะไปไหนทำไมมันน่ากลัวเช่นนี้” เสียงเธอสั่นและดูสับสนนักวินเซนคิดเช่นนั้น
 
“ขอโทษนะครับพอดีผมรีบคงไม่มีเวลาให้คุณทำนายทายทักอะไร” เขายิ้มก่อนจะหันไปเปิดประตูรถยนต์
 
“มืดมิดตลอดกาลกลับมาให้ได้นะ” เสียงสะท้อนของหญิงสาวยังคงดังกึกก้อง แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องแบบนั้น แต่เขาก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้เขารู้สึกหดหู่ได้เช่นกัน
 
สองเท้าเหยียบคันเร่งทะยานสู่เมืองดัฟ ท้องฟ้าเริ่มมืดมิดในคืนไร้ดาว ต้นสนสูงเรียงรายตามแนวถนน
 
ลัดเลาะชิงเขา มันดำทะมึนไม่ไหวติงดุจปิศาจที่กำลังจ้องมมองทุกการเคลื่อนไหวของหมู่มนุษย์มันดูน่าขนลุก เพียงเสี้ยววินาทีลางสังหรณ์บางอย่างกลับวูบไหวเข้ามา
 
ทำไมเขาถึงคิดว่าเขาจะไม่ได้กลับออกมาจากเมืองดัฟ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
 
 
 
นาฬิกาที่หน้าปัดรถยนต์บอกเวลายี่สิบนาฬิกาเขาเข้าเขตเมืองดัฟแล้ว มันเป็นเวลาเดิมเหมือนสองสามปีที่แล้วที่เขาเข้ามาที่นี่ สายตาคู่คมมองทั่วบริเวณเมืองดัฟที่ผิดแปลกไปจากเดิมมันปราศจากผู้คนที่เดินกันไปมา ร้านค้าต่างๆ ปิดทำการอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันเงียบสงัดนักทุกย่อมหญ้าดูมืดมิด วินเซนชะลอรถยนต์แสงไฟหน้ารถสาดส่องเป็นลำแสงให้เห็นไอหมอกจางๆ ก่อนเขาจะปรับสายตากับภาพด้านหน้า
 
รถบรรทุกหลายสิบคันจอดเรียงยาวจนสุดโค้งถนนของตัวเมือง มันดำทะมึนตามเส้นถนนจนสุดโค้งอีกด้าน เขาหยุดเคลื่อนตัวรถในทันทีเมื่อพบความผิดปรกติเพียงครู่เสียงเคาะกระจกรถยนต์ข้างคนขับก็ดังขึ้น
 
"“ไปไหน"”ชายในความมืดถามขึ้น มันสวมเสื้อสูทชั้นดีแต่ใบหน้าเหี้ยมเกรียมนัก
 
"“ฉันมาหาเพื่อน"”
 
"“มาผิดเวลากลับออกไปจากที่นี่ซะก่อนที่นายใหญ่จะมา"”วินเซนนิ่งคิดเพียงชั่วครู่ ก่อนเขาจะถอยรถกลับออกมาเพื่อจอดนิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงจะลงจากรถยนต์ เขาสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณก่อนมองเห็นพวกมันอยู่ไกลๆ
 
นี่มันภาพที่เลวร้ายที่สุดของเขา ภาพการขนย้ายอาวุธสงครามอย่างอิสระเสรีในดินแดนที่นอกเหนือจากการจารึกของโลก พวกมันเคลื่อนไหวดุจเงาร้ายของปิศาจในคืนอันมืดมิด ก่อนการปรากฏตัวของคนที่มันเรียกว่านายใหญ่จะเคลื่อนตัวเข้ามาภายใต้การคุ้มกันของเหล่าสมุนกระหายเงินนั่น
 
“นี่ใช่ไหมนายใหญ่ฮาร์ดัส” สำนึกบอกเขาเช่นนั้น ชายร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมตัวยาว มันเดินภายใต้วงล้อมของบอดี้การ์ห้าคน แสงไฟหน้ารถบรรทุกสาดส่องให้เห็นใบหน้าเหี่ยมเกรียมของมัน ดวงตาดุดันดุจสัตว์ร้ายกระหายเหยื่อ มันเดินตามแนวยาวของท้องถนนที่เงียบกริบยามที่ นายใหญ่ของที่นี่เคลื่อนตัวผ่าน
 
“นั่นคือฮาร์ดัส” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง วินเซนหันกลับมาทันที ชายร่างสูงนายหนึ่งเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เขาจอดรถอยู่ แปลกที่ว่าเขาไม่เห็นเมื่อครั้งเข้ามาหรือนายคนนั้นเพิ่งจะเดินเข้ามากันแน่
 
“ฮาร์ดัส นายใหญ่ของที่นี่” ความมืดมิดทำให้เขาไม่อาจเห็นใบหน้านั่น ร่างสูงนั่นเดินเข้ามาชิดเขาความสูงใหญ่ไล่เลี่ยกัน
 
“ไอ้ขี้ข้าเมื่อครู่ที่คุยกับนายมันไม่ได้กลัวนายเห็นหน้านายใหญ่ของมัน แต่มันกลัวนายเห็นคู่ค้าของมันที่มีหน้ามีตาและอำนาจอยู่มากโข” มันหันเสี้ยวหน้ามาหาวินเซน
 
“ฮาร์ดัสมีทุกอย่าง อาวุธ ยาเสพติด หญิงสาว มันกุมทุกชีวิตในเมืองดัฟ รวมทั้งอิสรภาพของใครบางคน”
 
“นายเป็นใคร” วินเซนจับจ้องเงาดำทะมึนในความมืด
 
“หากบางชีวิตที่เกี่ยวข้องกับนายต้องอยู่ในกำมือของนายใหญ่ฮาร์ดัส เมื่อนั้นนายจะรู้ว่าฉันชื่ออะไร จำไว้ว่าหากวันหนึ่งที่นายต้องมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกเศษสวะของโลกใบนี้ เมื่อนั้นเราจะได้เจอกัน” มันโค้งให้วินเซนด้วยความสุภาพสร้างความสงสัยให้เขาไม่น้อยก่อนชายร่างสูงนั่นจะหายไปในความมืด
 
 
 
วินเซนยืนมองปฏิบัติการดำมืดนั่นเกือบชั่วโมง เมื่อทุกอย่างสงบหมายถึงรถบรรทุกทุกคันแยกย้ายถนนทุกสายเริ่มมีการสัญจรปกติ ร้านค้าน้อยใหญ่เริ่มเปิดไฟฟ้าส่องสว่าง ความชุลมนกับธุรกิจดำมืดเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง เพียงไม่นานวินเซนก็พาตัวเองมาถึงค่ายมวยของพี่ชายคนสนิท แต่ทุกอย่างในอาคารใหญ่แห่งนี้กลับมืดสนิท
 
“เฮ้ ทอม” เขาเดินเข้าไปพร้อมส่งเสียงเรียกแต่ทุกอย่างยังคงเงียบสนิท เขาจึงตัดสินใจเดินอ้อมเข้าไปหลังค่ายมวย ที่ที่เป็นห้องพักของทอม
 
ก่อนเขาจะชะงักเท้าเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูเข้าไปเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าคือพี่ชายคนสนิทนอนเหยยียดยาวพร้อมบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด แสงไฟสีเหลืองนวลส่องสว่างอยุ่เหนือร่างเขามันส่งให้เห็นเลือดสีแดงฉาดชัดเจนนัก
 
“ทอม” เขาชะงักเท้าที่เตรียมจะก้าวเข้าไปเมื่อพบว่ามีชายคนหนึ่งอยู่ที่นั่น มันลุกขึ้นยืนมองไปที่ร่างสูงที่นอนเหยยียดยาวและดิ้นรนด้วยความเจ็บปว ด
 
“อย่าวินเซน” เสียงห้ามออกมาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเตรียมปรี่เข้าหาชายอีกคนที่นั่งอยู่
 
“โนเอล อย่าทำร้ายเขา” วินเซนเห็นชายหนุ่มที่ทอมเอ่ยนามว่า “โนเอล” ชายหนุ่มที่ใส่ชุดสูทแบบเดียวกันกับพวกฮาร์ดัส มันเดินออกมาก่อนจะสวนกันกับวินเซนที่ประตู ดวงตาคู่ดุดันปรายตามองวินเซนเพียงครู่ก่อนเดินออกไป
 
“พวกฮาร์ดัสทำร้ายพี่หรือ” วินเซนพยุงทอมลุกขึ้นนั่ง เขาไม่เอ่ยสิ่งใดก่อนจะเช็ดเลือดที่มุมปากและหันมามองหน้าวินเซน
 
“กลับมาทำไมวินเซน”
 
“ตั้งใจมาแสดงความเสียใจเรื่องของเด็กปาแปงนั่น แล้วนี่พวกมันทำร้ายพี่ด้วยเรื่องอะไร” เขาเห็นทอมชะงักเพียงครู่คล้ายนิ่งคิดบางอย่างก่อนหันมาหาวินเซน
 
“ธรรมดาของผู้ยิ่งใหญ่” ทอมเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นตามแรงพยุงของวินเซน
 
“ความจริงไม่ต้องกลับมาหรอกวินเซน วันส่งของของฮาร์ดัสไม่มีใครอยากออกไปวุ่นวายเพื่อล่อกระสุนพวกมันหรอก ส่วนไอ้ปาแปงมันอยู่ในเมืองนี้มันต้องห้ามอ่อนแอไม่ต้องกังวลกับเรื่องของมันหรอก” ทอมมองหน้าชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาฉายแววกังวลนัก ดูท่าทางเขาจะเป็นกังวลกับหญิงสาวที่ชื่อปาแปง
 
“อยากเจอเธอหรือ” ทอมเลิกคิ้วก่อนจะเห็นวินเซนพยักหน้าช้าๆ
 
“อาจจะขายบุหรี่แถวๆ นี้นายลองเดินหาเธอดูซิ อ่อและระวังตัวหน่อยก็ได้พวกฮาร์ดัสยังคงหลงเหลืออยู่นายคงเห็นแล้วเมื่อครู่”
 
“ทำไมมันถึง....”
 
“ที่นี่ไม่มีกฎหมาย ใครจะใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็ได้วินเซน” ทอมจ้องหน้าวินเซนเขม็ง ก่อนจะเดินมาจับไหล่หนานั่น
 
“ไปหาปาแปงถ้านายอยากเจอเธอ หากเสร็จภารกิจก็กลับไปซะเถอะเชื่อฉัน”
 
 
 
สายตาคู่คมสอดส่ายไปตามร้านค้าที่เริ่มคึกคักหวังเพียงจะเจอร่างเล็กๆ ของเธอคนนั้น เขาเดินออกมาจากเวทีมวยของทอมหลังจากที่ทอมได้ทำแผลและทานยา ร้านปืน ซ่อง ร้านเหล้าเถื่อน ยังปราศจากวี่แววของเธอ เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเตรียมหันหลังกลับเพื่อไปถามที่พักของเธอกับทอมอีกครั้ง แต่สายตาก็มองเห็นกลุ่มชายฉกรรณ์ที่สวมเสื้อสูทสองรายกำลังเดินสวนทางมา เขาจำได้แน่ว่ามันเป็นพวกเดียวกับฮาร์ดัส วินเซนทำทีท่าไม่สนใจเพราะเขาเชื่อแน่ว่าเขาไม่เคยมีเรื่องราวกับพวกมัน เขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาพบปาแปงสักครั้ง แต่ทันทีที่เดินสวนกันเขากลับได้ยินชื่อของใครบางคนที่หนึ่งในชายชุดสุทเอ่ยขึ้น
 
“เธอชื่อปาแปง” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นวินเซนชะงักเท้าทันที
 
“นายใหญ่สั่งการมายังไงก็ต้องได้ภายในคืนนี้” เสียงพูดคุยยังคงต่อเนื่องวินเซนหันหลังกลับไปมองพวกมันก่อนเขาจะเร่งฝีเท้าเพื่อไปถึงเวทีมวยโดยเร็วและจะได้จัดการถามไถ่ที่อยู่ของเธอจากทอม
 
“ชุมชนชานเมืองติดถนนสายสิบห้า” วินเซนทบทวนอีกครั้ง เขาเหยียบคันเร่งเพื่อไปถึงจุดหมายโดยเร็ว สายตาก็มองหาหญิงสาวตลอดเวลาเผือเป็นไปได้ว่าเธอยังไม่กลับที่พักนั่น
 
สิบห้านาทีผ่านไปเขาจอดรถหน้าชุมชนตามคำบอกกล่าวของทอม สองข้างทางเป็นป่ารกชันก่อนเสียงอันไม่ปรารถนาจะดังขึ้นตามมา เสียงรถยนต์ของพวกมัน
 
“อยู่ไหนกันละปาแปง” เขาพ่นลมหายใจ บ้านไม้หลังเล็กหลายหลังปลูกติดกันยาวเหยียดสภาพคล้ายคลึงกันคือทรุดโทรมนัก
 
เสียงพวกมันจอดรถแล้ว
 
ก่อนเสียงย่ำเท้าของพวกมันจะดังขึ้นตามหลังมา
 
วินเซนกระโดดลงข้างทางในทันที ก่อนเขาจะจ้องมองแสงไฟจากบ้านหลังเล็กๆ นั่นพร้อมก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เขาเห็นเงาดำทะมึนบนถนนเคลื่อนตัวเร็วนัก คล้ายกับว่ามันรู้พิกัดนั่นดี หากเพียงชั่วครูเสียงกรีดร้องนั่นก็ดังขึ้นจากเรือนหลังสุดท้ายของชุมชน
 
“ปาแปง!”
 
ปาแปงออกแรงดันประตูบ้านโกโรโกโสสุดแรงหลังจากที่เตรียมตัวจะเข้านอนเพราะความเหน็ดเหนื่อยเธอก็ได้ยินเสียงร้องเท้ากระทบพื้นไม้ที่เป็นสะพานเล็กๆ ข้ามมาที่บ้านหลังสุดท้ายของเธอ พวกมันตรงมาหาเธอที่กำลังปิดประตูบ้าน เธอรีบดันประตูไปสุดแรงก่อนพวกชายชุดสูทคนหนึ่งจะออกแรงผลัก ความกลัวทำให้เธอกรีดร้องขึ้นมาทันที
 
“ผลัก!” บานประตูกระแทกฝาผนังพร้อมร่างบางเซถลาไปที่ฝาอีกด้าน หญิงสาวอาศัยโอกาสที่คุ้นเคยสถานที่ดีกว่าดับไฟในทันที
 
ตุ๊บ! แม้จะกระแทกพื้นดินเพราะเธอกระโดดออกมาจากทางหน้าต่าง เธอตัดสินใจวิ่งออกมาจากที่นั่นทันทีโดยลืมความเจ็บปวด หญิงสาววิ่งผ่านป่ารกที่มีสะพานเล็กๆ อีกด้านจากหลังชุมชน หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม เธอไม่แน่ใจว่าพวกมันตามหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าเธอจะวิ่งต่อไปทางไหนดี แต่ทันใดนั่นเองหญิงสาวก็เบิกตาโพลงขึ้นมาทันทีเมื่อมีเงาโผล่ออกมาจากป่ารก มันกระโจนเข้ามาหาเธอพร้อมปิดปากเธอแน่น
 
“อย่าดิ้นปาแปงฉันเอง” หญิงสาวใจเต้นระส่ำ ก่อนจะมองใบหน้านั่นในความมืด ชายคนนั้นชายคนที่ชื่อวินเซนที่เธอเคยขอความช่วยเหลือ
 
“มันตามมา เธอค่อยๆ ตามฉันมาว่ายน้ำเป็นใช่ไหม”
 
ความเหน็บหนาวไม่อาจเทียบเท่าความชาไปทั่วร่างด้วยความกลัวสุดขีด ร่างเล็กเกาะเกี่ยวไหล่หน้าที่พาเธอซ่อนตัวอยู่ใต้พืชน้ำชนิดหนึ่ง เธอคาดเดาว่าเขาคงเลือกที่จะซ่อนตัวดีกว่าวิ่งหนีออกไปให้เป็นเป้าหมาย
 
“เสียงเหยียบย่ำใบแห้งเข้ามาช้าๆ พร้อมแสงไฟสว่างวาบ ปาแปงเคลื่อนตัวต่ำลงเมื่อเขาให้สัญญาณ และเมื่อมันเข้ามาใกล้ริมน้ำเขากับเธอก็ซ่อนตัวลงไปใต้น้ำทันที
 
“ร้องเท้ายัยเด็กนั่นอยู่ฝั่งโน้น แสดงว่ามันหนีออกไปแล้ว” เสียงหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น เพียงอึดใจเดียวแสงไฟนั่นก็ถอยหลังออกไป
 
วินเซนค่อยๆ ขึ้นมาจากน้ำ มือใหญ่ลูบใบหน้าก่อนหญิงสาวจะโผล่ขึ้นตามมา เขามองเห็นรองเท้าของหญิงสาวอยู่ริมฝั่งอีกด้านที่เขาตัดสินใจขว้างมันออกไปเพื่อลวงพวกมัน ก่อนเสียงรถยนต์ที่ถนนใหญ่จะดังขึ้นและเคลื่อนตัวไกลออกไป เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ดูตื่นตระหนก ก่อนเขาจะพาเธอเตรียมขึ้นฝั่ง
 
“ขอบคุณ” เธอเอ่ยก่อนจะเสยผมพร้อมเช็ดหยดน้ำตามใบหน้า เขาเห็นหญิงสาวก้มหน้านิ่ง เธอไม่เอ่ยถามเขาสักนิดว่ามาช่วยเธอได้อย่างไร หรืออย่างน้อยก็น่าจะต่อว่าเขาที่ไม่มาช่วยพี่ชายเธอ แต่เธอกลับนิ่งเงียบก่อนจะเตรียมเดินออกไปทางเดิมที่เธอหนีมา
 
“เธอจะกลับไปไหนปาแปง เธอไม่กลัวพวกมันจะย้อนมาหรือไง” เขาเห็นหญิงสาวหยุดชะงักทันที
 
“จะให้ฉันไปไหนละ กลับไปนอนในเมืองให้ใครลากไปไหนก็ได้หรือ” เขาได้เห็นแววตาเธอไหวระริกก่อนจะหันหลังให้เขา
 
“ไปกับฉันปาแปง” หญิงสาวยังคงยืนนิ่ง หากเพียงชั่วครู่เธอก็หันหลับมาหาเขา หญิงสาวมองมือใหญ่ที่ยื่นมารอเธอก่อนเธอจะขยับมาใกล้และส่งมือมาหาเขา
 
เขาไม่เอ่ยสิ่งใดก่อนจะกระชับมือบางแน่น ปาแปงรีบเดินตามเขาในทันทีกลัวว่าเขาจะไม่พาเธอไปด้วย กลัวว่ามือเธอจะหลุดจากมือใหญ่นั่น
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา