หยีกับเพชร

7.0

เขียนโดย Annakan

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.19 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,819 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอน 4 การเป็นผีเบื้องต้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
      “ฮือๆ ลูกหยี แม่ไม่น่าปล่อยให้หนูมาเลย” ศศิธรกอดร่างไร้ลมหายใจของลูกสาวด้วยหัวใจแหลกสลาย เมื่อคืนลูกไม่โทรมาเธอกับภวพลร้อนใจเป็นอย่างมากจนต้องไปตามให้คำแก้วมาดูแล้วก็ได้รู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวจากไปแล้ว
        “จะอยู่ที่ไหนลูกก็จากไปได้ทั้งนั้นแหละคุณอย่าคิดแบบนั้น อย่างน้อยเราก็ได้ทำให้ลูกมีความสุขก่อนตายนะคุณก็รู้ว่าลูกหยีดีใจแค่ไหนที่ได้มาเรียนที่นี่” ภวพลพยายามข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้หรือจริงๆ มันจุกเจ็บอยู่ข้างในจนน้ำตาไหลออกมาไม่ได้เขาก็ไม่รู้ มันเร็วเกินไปลูกหยียังอายุไม่ถึงยี่สิบเลยด้วยซ้ำก็ต้องจากโลกนี้ไปแล้วมันไม่มีสัญญาณบ่งบอกอะไรสักนิดเพราะลูกก็ดูปกติดีทุกอย่างยาก็กินตรงเวลาเสมอแล้วทำไมมันเป็นแบบนี้ทำไมคนบนฟ้าต้องพรากหัวใจของเขากับศศิธรไปด้วย
        “ฮือๆ ลูกจะเจ็บจะทรมานแค่ไหนคุณ”
        “หนูไม่ทรมานเลยจ้ะแม่ ไม่ต้องร้องแล้วนะคะ” ลูกหยีนั่งอยู่ข้างๆ มารดา เธอพยายามจะจับมือแม่จะกอดแม่พูดคุยกับแม่แต่ก็ไม่มีใครเห็นเธอเลยสักคน พ่อ แม่ น้าแก้วมองผ่านเธอไปเหมือนเธอไม่มีตัวตน
        “ฮือๆๆ ลูกหยี” ศศิธรกอดร่างลูกสาวแล้วร้องไห้จนเป็นลม
        “ไม่ร้องนะคะแม่เดี๋ยวแม่จะไม่สบายไปอีกคน” ลูกหยีไปนั่งบนเตียงของตัวเองที่ตอนนี้มารดานอนอยู่ พ่อโทรติดต่อเรื่องนำส่งร่างของเธอกลับกรุงเทพส่วนน้าแก้วก็กำลังโทรไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องฌาปนกิจ
        “นี่เราตายแล้วจริงๆ หรอ คนตายเป็นแบบนี้เหมือนกันทุกคนไหม” ลูกหยีนั่งมองพ่อที่คุยโทรศัพท์ด้วยเสียงเรียบนิ่งแต่สีหน้าแสนทุกข์ทรมานด้วยความไม่เข้าใจเธอไม่เคยสนใจเรื่องชีวิตหลังความตายมาก่อน เคยแต่ได้ยินผ่านหูว่าคนตายจะกลายเป็นวิญญาณแล้วก็จะถึงเวลาแตกดับในที่สุดแล้วเธอจะแตกดับเมื่อไหร่แล้วเธอจะต้องติดอยู่ในโลกนี้ด้วยร่างที่ไร้ตัวตนไม่มีใครมองเห็นไปอีกนานแค่ไหนไปผุดไปเกิดนี่มันทำกันยังไงมหาลัยมีสอนไหมแบบตำราเรียน “ไปสู่ที่ชอบ 101”
        “ขอโทษนะพลที่ดูหลานไม่ดี” เมื่อคุยธุระเสร็จคำแก้วก็ไปนั่งสะอึกสะอื้นที่โซฟา หลานเธอเพิ่งจะเป็นสาวเต็มตัวยังไม่ได้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าก็มาด่วนจากไปซะแล้ว
        “ไม่ใช่ความผิดใครเลยค่ะเลิกโทษตัวเองกันซะทีหนูมีเวลาบนโลกแค่นี้ทุกคนเข้าใจไหมคะ” ลูกหยีอับจนหนทางจะอธิบายพ่อ แม่ น้าแก้วไม่มีใครผิดทั้งนั้นถ้าจะผิดก็ผิดที่เธอดันเกิดมาอ่อนแอแบบนี้
        “ปกติผีต้องกลัวแสงสว่างไม่ใช่หรอ” ลูกหยีเพิ่งรู้สึกว่ากำลังนั่งมองร่างของตัวเองที่มีแสงแดดส่องเข้ามารำไร มันไม่เหมือนที่เธอคิดหรือดูในหนังเลยสักนิดเท่าที่เคยเห็นคนตายก็ต้องไปนรกที่มีไฟร้อนๆ หรือไม่ก็สวรรค์ที่มีก้อนเมฆปุยขาวๆ แล้วทำไมเธอมาติดอยู่บนโลกไม่ไปไหนสักที่
        “กลับก็ได้นะแก้วถ้าไม่สบายใจ” เย็นย่ำแล้วก็เพิ่งจะติดต่อทุกอย่างเรียบร้อย พรุ่งนี้รถตู้จะมารับร่างของลูกหยีกลับกรุงเทพมันจึงไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากนอนพักที่นี่เธอกับภวพลไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเพราะนี่คือลูกต่อให้ตายไปแล้วยังไงลูกหยีก็ยังเป็นลูกของเธอ
        “นอนด้วยกันนี่แหละเผื่อลูกหยีจะมาหา” คำแก้วรักลูกหยีไม่ต่างจากลูกแท้ๆ เธอไม่กลัวหรอกที่ต้องนอนกับร่างไร้วิญญาณของหลาน
        “ฝันดีนะลูก” ศศิธรจูบหน้าผากลูกสาวแล้วน้ำตาก็ไหลรินลูกเหมือนแค่หลับสนิทต่างกันแค่ลูกไม่หายใจแล้วเท่านั้นเอง จากเช้าจนค่ำลูกหยีทำได้แค่มองทั้งสามคนแล้วก็ร้องไห้น่าแปลกที่เธอมีน้ำตาเธอเหมือนคนปกติทุกอย่างแต่ที่ไม่ปกติคือเธอตายแล้ว
        เช้าวันรุ่งขึ้นรถตู้ของโรงพยาบาลก็มารับร่างของเธอไปลูกหยีนั่งไปบนรถด้วยมันบรรยายไม่ถูกจริงๆ ว่าสิ่งที่เธอเห็นมันแปลกประหลาดขนาดไหนเธอมองดูทั้งสามคนนั่งเศร้าโศกร้องไห้สลับกับมองร่างของตัวเองที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง จากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพทั้งสามคนไม่ได้แวะกินอะไรกันเลยสักนิดมีก็แค่หยุดพักรถเพื่อให้คนขับได้ยืดเส้นยืดสายและเธอก็รู้แล้วว่าร่างบนเตียงกับร่างตอนนี้ต่างกันยังไง
เธอไม่หิวตั้งแต่ตายวิญญาณออกจากร่างหรือจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่เธอไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลยกระหายน้ำสักนิดยังไม่มีซึ่งปกติเธอจะจิบน้ำแทบจะตลอดวัน ลูกหยีผิดหวังมากที่พ่อกับแม่พามาที่วัดแทนที่จะกลับบ้านแต่เธอลืมไปเลยว่าตัวเองตายแล้วคนตายต้องไปนอนในโลงไม่ใช่ที่บ้าน
        “แล้วพอโดนเผาเราจะร้อนรึเปล่า” ลูกหยีมองร่างตัวเองที่กำลังถูกบรรจุลงในโลงขนาดพอดีตัวด้วยความรู้สึกสยองหน่อยๆ เข้ามาในเขตวัดแล้วทำไมไม่เห็นเจอวิญาณหรือร่างแบบเธอเลยสักคนมีก็แต่หมาวัดที่เห่าใส่เธอ
        “กลับบ้านกันเถอะคุณ” ภวพลประคองภรรยาแต่เธอก็ขัดขืน ศศิธรอยากอยู่กับลูกอยากนอนกับลูกที่นี่
        “กลับบ้านนะคะแม่” ลูกหยีกระซิบเบาๆ ใส่หูมารดา ศศิธรขนลุกชันไปทั้งตัวกับสิ่งที่ได้ยิน
        “จ้ะลูก” ศศิธรลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามสามีไป ภวพลไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปรึเปล่าเมื่อกี้ภรรยาของเขาพูดว่าอะไรนะ
        สองสามีภรรยามาถึงบ้านอันเงียบสงบแล้วก็ร้องห่มร้องไห้อีกครั้งไม่มีอีกแล้ววันที่ลูกหยีจะกลับบ้านมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ลูกจะไม่ได้มานอนหนุนตักมาอ้อนให้ได้ยิ้มได้หัวเราะอีกแล้ว
        “ฮือๆ ลูกหยี” ศศิธรซบหน้าร้องไห้กับอกสามีด้วยหัวใจที่แสนปวดร้าว
        “เข้าบ้านกันเถอะค่ะ” และครั้งนี้ทั้งศศิธรและภวพลก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ ภวพลไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลยที่จะแยกว่าเสียงเมื่อกี้คือเสียงใคร
        “ถ้าหนูอยู่หนูมาหาแม่นะลูก” ศศิธรกระซิบเบาๆ แล้วปิดไฟหัวเตียง ลูกหยีคิดทบทวนทุกอย่างแล้วก็เข้าใจว่าพ่อกับแม่จะได้ยินเสียงเธอเฉพาะตอนที่อยู่กันสองคนเท่านั้นตอนที่น้าแก้วอยู่เธอพูดยังไงแต่ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ยิน
        “เอาว่ะ มันต้องมีครั้งแรก” ลูกหยีพยายามนึกว่าการเข้าฝันมันทำยังไง เธอต้องเข้าไปในหัวแม่รึเปล่าหรือเธอต้องเข้าไปสิงร่างแม่
        “แม่จ๋า” ความพยายามจะสิงร่างแม่ตัดไปเพราะเธอกลัวจะออกมาไม่ได้และแม่ก็จะลำบากเธอจึงตัดสินใจยืนอยู่ปลายเตียงแล้วเรียกแม่เบาๆ
        “ลูกหยี” ศศิธรลืมตาขึ้นมาก็พบกับลูกสาว
        “หนูไม่ได้ทรมานจ้ะหนูเจ็บหัวใจแล้วก็หยุดหายใจไปเฉยๆ แม่ไม่ต้องร้องไห้ไม่ต้องโทษตัวเองนะ”
        “ลูกหยี ฮือๆ”
        “อยู่กันสองคนดูแลกันดีๆ นะคะ หนูมีเวลาบนโลกแค่นี้พ่อกับแม่ไม่ต้องเศร้านะ”
        “หยี ลูกหยีของพ่อ” ภวพลไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองแต่นั่นคือลูกสาวของเขาจริงๆ
        “หนูรักพ่อกับแม่นะคะ”
        “แม่ก็รักหนูลูก”
        “พ่อรักลูกที่สุด”
        ลูกหยีค่อยๆ พาร่างทะลุผ่านประตูไปเทคนิคนี้เธอเพิ่งค้นพบเมื่อช่วงหัวค่ำและมันยอดมากเธอสามารถทะลุผ่านกำแพงหรือประตูได้สบายบรื๋อโดยไม่ต้องใช้มือเปิดปิดให้เมื่อย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา