การผจญภัยของเซนกิ (Sengi story)
7.0
เขียนโดย milktea
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.33 น.
5 ตอน
1 วิจารณ์
6,555 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2560 23.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ทดสอบนักรบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 4 ทดสอบนักรบ
ใจกลางเมืองที่เคยเป็นลานกว้างขนาดใหญ่บัดนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่มารวมตัวกันเพื่อสมัครสอบนักรบในวันนี้กลุ่มคนมากหน้าหลายตาที่ดูเหมือนพกทั้งกำลังกายและเทคนิคต่างๆมาอย่างเต็มเปี่ยมยืนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ บางคนก็ยืนจับกลุ่มคุยกันบางคนก็หลบอยู่ในมุมซอกตึกเงียบๆบริเวณหนึ่งของลานใจกลางเมืองที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเคยเป็นแค่ลานกว้างสุดลูกหูลูกตาตอนนี้เต็มไปด้วยกระโจมผ้าทั้งขนาดใหญ่ขนาดกลางวางเรียงกันเต็มไปหมด กระโจมที่ใหญ่ที่สุดและไม่มีประตูเป็นจุดรับลงทะเบียนที่มีเหล่าชายผู้กล้าหาญทั้งยืนและนั่งต่อแถวยาวเหยียดราวกับมีการแจกของฟรีทั้งๆที่จริงทุกคนต้องเสียค่าสมัครคนละ 5 ทาต แต่เงินแค่นั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสักเท่าใด เซนกิและฮิวยืนต่อแถวมาหลายชั่วโมงจนสุดท้ายก้ต้องนั่งกินข้าวเที่ยงกันตรงนั้นและมีอีกหลายคนที่ต้องทำแบบพวกเขา เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนมีทั้งหมด 20 คน ซึ่งดูยังไงก็คงไม่พอกับจำนวนผู้สมัครแม้แต่น้อย
“เขารับ 500 คนจริงหรอ ทำไมฉันรู้สึกว่ามันเกินมาเยอะยังไงไม่รู้ดิ” เซนกิว่าพรางเขียวข้าวตุ้ยๆอย่างสบายอารมณ์ เขาทอดสายตามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเคยเห็นคนมีฝีมือมารวมตัวกันมากขนาดนี้ แต่ที่แย่หน่อยก็ตรงที่เขายังไม่เห็นเด็กรุ่นเดียวกันกับพวกเขาเลยสักคนส่วนใหญ่จะเป็นชายอายุประมาณ 20-40 ปี ซะมากกว่า
“เห็นว่าปีนี้จะรับเพิ่มและลดจำนวนคนได้เป็นนักรบลงด้วย” ฮิวตอบเพื่อนรักก่อนจะกระดกน้ำเข้าปากแล้วลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เซนกิเงยหน้ามองตามฮิวขึ้นไปก่อนจะระบายยิ้มที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับเรื่องที่ได้ยินแม้แต่น้อย
“ลดโอกาสว่างั้นเถอะ” เซนกิลุกขึ้นยืนตาม เขาลงมือบัดก้นสองสามทีอย่างลวกๆ ก่อนจะก้มลงไปเก็บขยะที่ตนกินไว้แล้วยัดลงในกระเป๋าผ้า เซนกิแย่งน้ำจากมือของเพื่อนมาดื่มจนหมดขวด แล้วจึงยัดขยะที่ใช่ห่ออาหารลงในขวดทีละชิ้นๆเขาปิดฝาและเริ่มมองหาทั้งขยะที่ใกล้ที่สุด
“โหไกลอยู่แฮะ” เขาพูดหลังจากเห็นว่าถังขยะอยู่ไกลออกไปเกือบ 10 เมตร
“นายคงไม่คิดจะเดินไปทิ้งใช่ไหม” ฮิวเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างสงสัย เขารู้ว่าถ้าเซนเดินออกจากแถวไปตอนนี้แล้วกลับเข้ามาคงเป็นไปได้ยากเพราะยังไงพวกข้างหลังคงอยากให้เซนไปต่อหลังแม้เขาจะอยู่ตรงนี้มาก่อนก็ตาม
“ไม่อยู่แล้ว” พูดจบเซนกิก็หันหน้าไปทางถังขยะทันที เขาเล็งเป้าไปที่ถังขยะขนาดกลางที่ตั้งอยู่มุมตึก ก่อนจะปาขวดในมือออกไปอย่างแม่นยำ ฟุบ! ขวดใส่น้ำตกลงไปในถังอย่างสวยงามทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเซนกิและฮิวสามสี่คนที่เห็นเหตุการณ์หันไปซุบซิบกันทันที เมื่อเห็นว่าขวดหายวับลงไปในถังก็ยืนยิ้มอย่างภูมิใจในการกระทำของตัวเองอย่างมาก แต่ไม่ทันไรก็มีเสียงมารร้ายขัดขึ้นมาจนเขาหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“กระจอกจริง แค่นั้นฉันก็ทำได้” ฮิวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนทุกทีแต่มันกรีดลึกลงไปในใจของเซนจนเขาอยากจะจับเพื่อนโยนตามขวดน้ำนั้นไปเต็มทน
“เอาไว้วัดกันตอนสอบนักรบเหอะเพื่อน” เซนกิพูดจบก็หันไปทางหัวแถวทันทีทิ้งให้ฮิวยืนนิ่งอยู่ข้าหลังคนเดียว ดูเหมือนฮิวเองก็คิดแบบเดียวกับเซนกิเช่นกันว่าน่าจะวัดกันตอนทดสอบนักรบให้รู้ๆกันไป
“อีกแค่สองคนจะถึงแกแล้ว” ฮิวพูดก่อนจะสะกิดไหล่เซนที่มัวแต่ยืนเหม่ออยู่ เซนกิละสายตาจากท้องฟ้าก่อนจะมองไปทางต้นแถวทันที
“เยส!อีกนิดเดียวจะได้กินข้าวเย็นแล้ววุ้ย” เซนกิพูดอย่างร่าเริงก่อนจะหันหลังกลับไปมองหน้าฮิวที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างเห็นด้วยกับคาวคิดของเขา
“ฉันโคตรหิวเลย” ฮิวพูดขึ้น
“เดียวไปหาไรกินกัน คืนนี้ยังอีกยาวไกล” เซนกิว่าพรางแตะไหล่เพื่อนเบาๆก่อนจะหันหน้ากลับไปที่หัวแถวดังเดิม ชายที่อยู่หน้าเขาก้มเขียนอะไรบางอย่างก่อนจะวางปากกาแล้วรับสายรัดข้อมือหนังที่มีจี้สัญลักษณ์ของสมาพันธ์นักรบแล้วเดินออกจากแถวไป
“เชิญท่านต่อไป”
“ครับ” เซนกิเดินเข้าไปที่โต๊ะยาวตรงหน้าก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนข้อมูลที่วางอยู่ตรงหน้า เขาเขียนชื่อนามสกุล อายุ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเจอคำถามข้อต่อไป เจ้าหน้าที่ที่มองอยู่ตลอดจึงหยิบกระดาษตรงหน้าเขาขึ้นมาตรวจสอบความผิดพลาด
“ทำอะไรน่ะลุง” เซนกิหรี่ตามองชายวัยกลางคนร่างใหญ่ไว้หนวดเคราลุงลังตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์กับการกระทำของเขานัก แต่เขากลับทำเป็นไม่ได้ยินที่ชายหนุ่มพูด
“ชื่อ-สกุล เซนกิ เบอรอฟ อายุ 17 ปี เกิดที่เกาะเนื้อ…” ชายร่างใหญ่หยุดอ่านข้อมูลในกระดาษก่อนจะเงยหน้าสบตากับเซนกิ เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะพูดคำถามต่อไปในกระดาษออกมา
“อาชีพ?” เซนกิมองชายตรงหน้านิ่งในขณะที่ในใจเขากำลังอยากจะบ้าตาย จะให้เขาเขียนว่าอะไรเล่า ถ้าบอกว่าขโมยจะถูกทางการลากเข้าตารางไปตอนนี้เลยก็ได้
“ผมยังไม่มีอาชีพหรอก” เซนกิยิ้มหน้าระรื่น ชานเจ้าหน้าที่ยกยิ้มอย่างรู้ทันเขาจึงถามต่อไป
“เขียนอาชีพของที่บ้านก็ได้” เซนกิเลิกขึ้นขึ้นสูงก่อนจะถอนหายใจออกมา ลุงบ้านี่ตื้อสุดๆไปเลยแต่ถ้าเขียนโกหกเขาก็กลัวจะสมัครนักรบไม่ได้ ยังไม่ทันที่เซนกิจะได้คิดอะรต่อชายร่างใหญ่ก็พูดแทรกความคิดของเขาขึ้นมาซะก่อน
“เขียนความจริงมาเถอะหนุ่มน้อย ฉันรู้จักโจนาธาน เบอรอฟดี เขาคงเป็นพ่อของเธอสินะ” เสียงของชายร่างยักษ์ฟังดูอ่อนโยนและนิ่มนวนแต่มันทำให้ทั้งเซนกิและฮิวที่ยืนอยู่ใกล้ได้ยินถึงกับผงะ
“คุณรู้จักพ่อ” เซนกิพูดขึ้นอย่างตกใจ ถ้าจะมีใครรู้จักพ่อก็อาจไม่แปลกแต่ที่แปลกคือรู้ชื่อจริงได้ยังไง ชายคนนี้เป็นอะไรกับพ่อของเขากันแน่
“เราเป็นเพื่อนกัน ตอนเด็กๆเขาเคยบอกว่าเก็บเด็กมาเลี้ยงคนหนึ่งไม่คิดว่าจะโตมาหล่อขนาดนี้ ฮ่าๆ” ชายร่างยักษ์หัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะพูดต่อ
“ ที่จริงฉันอยากเล่าให้ฟังอยู่หรอกเรื่องของฉันกับโจนน่ะแต่คงไม่ได้เพราะคนยังต่อแถวกันยาวเหยียด ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีกแน่นอน” พูดจบลุงหนวดเครายาวก็ดันกระดาษคืนให้เซนกิ เขารับมันมาก่อนจะหยิบปากกาขึ้นอีกครั้ง
“เขียนอาชีพของเธอสิ สมาพันธ์นักรบไม่ได้มีหน้าที่จับหัวขโมย เพราะฉะนั้นเธอจะเป็นอะไรก็ไม่ใช้ปัญหา” ชายร่างใหญ่พูดขึ้นอีกและมันทำให้เซนกิมั่นใจมากขึ้นเขาเขียนความจริงทุกอย่างที่เขาพอจะให้ได้ลงไปก่อนจะส่งกระดาษคืน
“รับไปสิ” ชายร่างใหญ่ยื่นบางอย่างมาให้เขา มันเป็นสายรัดข้อมือหนังแบบเดียวกับที่ชายคนก่อนหน้าเขาได้ไป จี้ขนาดพอเหมาะสีเงินที่ห้อยอยู่เป็นรูปหัวสิงโตเพศผู้ดูน่าเกรงขามในปากของมันคาบตรีศูลสีเงินเช่นเดียวกันมันคือสัญลักษณ์ของสมาพันธ์นักรบแต่ที่มาในรูปแบบสายรัดข้อมือนั้นเพราะมันเป็นแค่ของชั่วคราว ตัวจี้ทำจากเงินบริสุทธิ์แค่มองพราดเดียวหัวขโมยอย่างเซนกิก็รู้แล้ว และมันเป็นเหตุผลที่ดีพอจะเก็บค่าสมัครสอบ 5 ทาต ทั้งที่ควรจะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร
“ขอบคุณครับ หวังว่าจะเจอคุณอีก” พูดจบเซนกิก็เดินออกจากแถวไปแต่ไม่ทันได้ไปไหนไกลก็มีเสียงของชายเจ้าหน้าที่ร่างยักษ์คนเดิมตะโกนตามหลังมา
“ถ้าอยากเจอฉันก็พ้นคืนนี้มาให้ได้ก่อนเถอะ”
เซนกิเดินออกมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดยืนอยู่ใกล้กับน้ำพุกลางลานกว้างเขามองไปที่แถวที่เริ่มสั้นลงเรื่อยๆทุกคนคงจะเสร็จหมดภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มและค่อยๆมืดลงอย่างช้าๆแสงไฟในเมืองถูกเปิดขึ้นทันทีที่ฟ้ามืดสนิทดวงไฟสีส้มจากร้านค้าและริมทางทำให้เมืองนี้สว่างราวกับตอนกลางวันเสียงเพลงและเสียงคุยกันจากร้านเหล้าและร้านค้าต่างๆดังขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงผู้คนหายไปบางส่วนจากตอนกลางวันแต่ก็ยังมีคนเดินเยอะอยู่ดีเพียงแค่เปลี่ยนจากชีวิตกลางวันเป็นกลางคืนหญิงสาวในช่วงกลางวันจะแต่งตัวแบบแม่บ้านปิดเนื้อหนังแต่ผู้หญิงที่มาเดินตอนกลางคืนจะเป็นอีกแบบที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ริมน้ำพุที่เซนกิยืนถูกประดับด้วยไฟที่เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆราวกับสายรุ่งและรอบๆก็มีคู่รักหลายคู่กำลังพลอตรักกันซึ่งถ้าเป็นกลางวันคงไม่มีให้เห็น ถึงเซนกิจะตกใจนิดหน่อยเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้จากหมู่บ้านของเขาเองที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆออกมา ในหัวของเขาตอนนี้ยังคงนึกถึงคำพูดของคุณลุงแปลกหน้าวนไปวนมา รอดคืนนี้ไปให้ได้ มันดูมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ เขาสะบัดหัวตัวเองแรงเพื่อสลัดความคิดบ้าๆออกไป
“เซนทำอะไรว่ะ” ฮิวเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะชูข้อมือที่มีสายรัดอยู่ให้ดูเป็นเชิงว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เซนกิจึงยกมือข้างที่มีสายรัดขึ้นก่อนจะยิ้มจนแก้มแทบฉีกให้เพื่อนรัก
“เสร็จหมดแล้วก็ไปหาไรกินดีกว่า” เซนพูดขึ้น
“เอาสิ จะกินอะไร” ฮิวถามก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่กำลังคิดหนักกับรายการอาหารอยู่
“ฉันอยากกินหลายอย่างเลยแต่ถ้าทำงั้นได้ถังแตกแน่” เซนพูดขึ้น
“งั้นถูกๆ เพราะคืนนี้เราต้อนพักที่เมือง”
“อ่าว? ไม่กลับหรอว่ะ” เซนมองหน้าเพื่อนซี้อย่างสงสัย ฮิวจึงได้แต่ถอนหายใจ เขาเข้าใจว่าเซนไม่ค่อยสนใจอะไรที่ยุ่งยากมากนักแต่เรื่องแค่นี้มันก็ไม่รู้รึไง
“พรุ่งนี้มีทดสอบแต่เช้า ถ้ากลับก็เสียเวลา”
“อืม เอางี้ไหมหาที่พักก่อนแล้วค่อยไปกินที่พักทีเดียว” เซนพูดขึ้น
“ก็ได้” พูดจบฮิวก็เตรียมเดินไปหาที่พักทันทีแต่ไม่ทันได้ไปไหนก็ถูกชายแปลกหน้าคนหนึ่งเรียกว้าทำให้เขาต้องหยุดเดินแล้วหันไปทางต้นเสียงทันที
“ขอโทษทีนะที่พี่ขัดจังหวะพวกนาย” ชายแปลกหน้าผอมแห้งหน้าตาดูโทรมและขาวซีดแต่เขากลับแต่งตัวดีอย่างน่าประหลาดพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ทั้งสอง
“มีอะไรหรอครับ” เซนกิถามขึ้น ชายแปลกหน้ามีท่าทางเลิ้กลักก่อนจะตอบกลับไป
“คือ..ได้ยินว่าพวกนายหาที่พักอยู่พี่ขอแนะนำร้านพี่ได้ไหมพักแค่คืนละ 2 ทาต เท่านั้นอยู่ใกล้ๆนี้เอง” ฮิวและเซนกิหันไปมองหน้ากันพวกเขารู้ดีว่าต้องจัดการยังไงกับคนแปลกหน้าที่มาทักแบบนี้
“ตกลง พาไปที่ร้านสิ” เซนพูดด้วยรอยยิ้ม ฮิวก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการกระทำของเพื่อนเขาไม่รู้ว่าเซนคิดอะแต่ที่เขารู้ก็คือทุกครั้งที่มันทำอะไรไร้เหตุผลแบบนี้ก็เพราะ มันไม่ได้คิดอะไร
“โอ้ ได้ครับๆ เชิญทางนี้เลย” ชายผอมแห้งเดินนำทั้งคู่ไปตามทางที่มีคนพรุกพร่านเรื่อยๆระหว่างทางที่ทั้งคู่เดินไปก็ได้ยินเสียงชาวเมืองและคนบางกลุ่มคุยกันแต่ถ้าเป็นคนปกติคงไม่ได้ยินแน่แต่ไม่ใช่กับพวกเขา ถึงจะมีเสียงแทรกเยอะแต่ถ้าเพ่งสมาธิไปที่เสียงที่สนใจพวกเขาก็สามารถตัดเสียงอย่างอื่นออกไปได้และดูเหมือนเสียงชาวเมืองบางกลุ่มที่พูดถึงจะน่าสนใจมากซะด้วยเพราะพวกนั้นกำลักพูดถึงชายหนุ่มสองคนนั้นก็คือพวกเขานั้นเอง
“พวกนั้นเอาอีกแล้ว” เสียงของชาวเมืองพูดขึ้น “หล่อเสียด้วย”
“ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ”
ใจกลางเมืองที่เคยเป็นลานกว้างขนาดใหญ่บัดนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่มารวมตัวกันเพื่อสมัครสอบนักรบในวันนี้กลุ่มคนมากหน้าหลายตาที่ดูเหมือนพกทั้งกำลังกายและเทคนิคต่างๆมาอย่างเต็มเปี่ยมยืนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ บางคนก็ยืนจับกลุ่มคุยกันบางคนก็หลบอยู่ในมุมซอกตึกเงียบๆบริเวณหนึ่งของลานใจกลางเมืองที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเคยเป็นแค่ลานกว้างสุดลูกหูลูกตาตอนนี้เต็มไปด้วยกระโจมผ้าทั้งขนาดใหญ่ขนาดกลางวางเรียงกันเต็มไปหมด กระโจมที่ใหญ่ที่สุดและไม่มีประตูเป็นจุดรับลงทะเบียนที่มีเหล่าชายผู้กล้าหาญทั้งยืนและนั่งต่อแถวยาวเหยียดราวกับมีการแจกของฟรีทั้งๆที่จริงทุกคนต้องเสียค่าสมัครคนละ 5 ทาต แต่เงินแค่นั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสักเท่าใด เซนกิและฮิวยืนต่อแถวมาหลายชั่วโมงจนสุดท้ายก้ต้องนั่งกินข้าวเที่ยงกันตรงนั้นและมีอีกหลายคนที่ต้องทำแบบพวกเขา เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนมีทั้งหมด 20 คน ซึ่งดูยังไงก็คงไม่พอกับจำนวนผู้สมัครแม้แต่น้อย
“เขารับ 500 คนจริงหรอ ทำไมฉันรู้สึกว่ามันเกินมาเยอะยังไงไม่รู้ดิ” เซนกิว่าพรางเขียวข้าวตุ้ยๆอย่างสบายอารมณ์ เขาทอดสายตามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเคยเห็นคนมีฝีมือมารวมตัวกันมากขนาดนี้ แต่ที่แย่หน่อยก็ตรงที่เขายังไม่เห็นเด็กรุ่นเดียวกันกับพวกเขาเลยสักคนส่วนใหญ่จะเป็นชายอายุประมาณ 20-40 ปี ซะมากกว่า
“เห็นว่าปีนี้จะรับเพิ่มและลดจำนวนคนได้เป็นนักรบลงด้วย” ฮิวตอบเพื่อนรักก่อนจะกระดกน้ำเข้าปากแล้วลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เซนกิเงยหน้ามองตามฮิวขึ้นไปก่อนจะระบายยิ้มที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับเรื่องที่ได้ยินแม้แต่น้อย
“ลดโอกาสว่างั้นเถอะ” เซนกิลุกขึ้นยืนตาม เขาลงมือบัดก้นสองสามทีอย่างลวกๆ ก่อนจะก้มลงไปเก็บขยะที่ตนกินไว้แล้วยัดลงในกระเป๋าผ้า เซนกิแย่งน้ำจากมือของเพื่อนมาดื่มจนหมดขวด แล้วจึงยัดขยะที่ใช่ห่ออาหารลงในขวดทีละชิ้นๆเขาปิดฝาและเริ่มมองหาทั้งขยะที่ใกล้ที่สุด
“โหไกลอยู่แฮะ” เขาพูดหลังจากเห็นว่าถังขยะอยู่ไกลออกไปเกือบ 10 เมตร
“นายคงไม่คิดจะเดินไปทิ้งใช่ไหม” ฮิวเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างสงสัย เขารู้ว่าถ้าเซนเดินออกจากแถวไปตอนนี้แล้วกลับเข้ามาคงเป็นไปได้ยากเพราะยังไงพวกข้างหลังคงอยากให้เซนไปต่อหลังแม้เขาจะอยู่ตรงนี้มาก่อนก็ตาม
“ไม่อยู่แล้ว” พูดจบเซนกิก็หันหน้าไปทางถังขยะทันที เขาเล็งเป้าไปที่ถังขยะขนาดกลางที่ตั้งอยู่มุมตึก ก่อนจะปาขวดในมือออกไปอย่างแม่นยำ ฟุบ! ขวดใส่น้ำตกลงไปในถังอย่างสวยงามทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเซนกิและฮิวสามสี่คนที่เห็นเหตุการณ์หันไปซุบซิบกันทันที เมื่อเห็นว่าขวดหายวับลงไปในถังก็ยืนยิ้มอย่างภูมิใจในการกระทำของตัวเองอย่างมาก แต่ไม่ทันไรก็มีเสียงมารร้ายขัดขึ้นมาจนเขาหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“กระจอกจริง แค่นั้นฉันก็ทำได้” ฮิวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนทุกทีแต่มันกรีดลึกลงไปในใจของเซนจนเขาอยากจะจับเพื่อนโยนตามขวดน้ำนั้นไปเต็มทน
“เอาไว้วัดกันตอนสอบนักรบเหอะเพื่อน” เซนกิพูดจบก็หันไปทางหัวแถวทันทีทิ้งให้ฮิวยืนนิ่งอยู่ข้าหลังคนเดียว ดูเหมือนฮิวเองก็คิดแบบเดียวกับเซนกิเช่นกันว่าน่าจะวัดกันตอนทดสอบนักรบให้รู้ๆกันไป
“อีกแค่สองคนจะถึงแกแล้ว” ฮิวพูดก่อนจะสะกิดไหล่เซนที่มัวแต่ยืนเหม่ออยู่ เซนกิละสายตาจากท้องฟ้าก่อนจะมองไปทางต้นแถวทันที
“เยส!อีกนิดเดียวจะได้กินข้าวเย็นแล้ววุ้ย” เซนกิพูดอย่างร่าเริงก่อนจะหันหลังกลับไปมองหน้าฮิวที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างเห็นด้วยกับคาวคิดของเขา
“ฉันโคตรหิวเลย” ฮิวพูดขึ้น
“เดียวไปหาไรกินกัน คืนนี้ยังอีกยาวไกล” เซนกิว่าพรางแตะไหล่เพื่อนเบาๆก่อนจะหันหน้ากลับไปที่หัวแถวดังเดิม ชายที่อยู่หน้าเขาก้มเขียนอะไรบางอย่างก่อนจะวางปากกาแล้วรับสายรัดข้อมือหนังที่มีจี้สัญลักษณ์ของสมาพันธ์นักรบแล้วเดินออกจากแถวไป
“เชิญท่านต่อไป”
“ครับ” เซนกิเดินเข้าไปที่โต๊ะยาวตรงหน้าก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนข้อมูลที่วางอยู่ตรงหน้า เขาเขียนชื่อนามสกุล อายุ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเจอคำถามข้อต่อไป เจ้าหน้าที่ที่มองอยู่ตลอดจึงหยิบกระดาษตรงหน้าเขาขึ้นมาตรวจสอบความผิดพลาด
“ทำอะไรน่ะลุง” เซนกิหรี่ตามองชายวัยกลางคนร่างใหญ่ไว้หนวดเคราลุงลังตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์กับการกระทำของเขานัก แต่เขากลับทำเป็นไม่ได้ยินที่ชายหนุ่มพูด
“ชื่อ-สกุล เซนกิ เบอรอฟ อายุ 17 ปี เกิดที่เกาะเนื้อ…” ชายร่างใหญ่หยุดอ่านข้อมูลในกระดาษก่อนจะเงยหน้าสบตากับเซนกิ เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะพูดคำถามต่อไปในกระดาษออกมา
“อาชีพ?” เซนกิมองชายตรงหน้านิ่งในขณะที่ในใจเขากำลังอยากจะบ้าตาย จะให้เขาเขียนว่าอะไรเล่า ถ้าบอกว่าขโมยจะถูกทางการลากเข้าตารางไปตอนนี้เลยก็ได้
“ผมยังไม่มีอาชีพหรอก” เซนกิยิ้มหน้าระรื่น ชานเจ้าหน้าที่ยกยิ้มอย่างรู้ทันเขาจึงถามต่อไป
“เขียนอาชีพของที่บ้านก็ได้” เซนกิเลิกขึ้นขึ้นสูงก่อนจะถอนหายใจออกมา ลุงบ้านี่ตื้อสุดๆไปเลยแต่ถ้าเขียนโกหกเขาก็กลัวจะสมัครนักรบไม่ได้ ยังไม่ทันที่เซนกิจะได้คิดอะรต่อชายร่างใหญ่ก็พูดแทรกความคิดของเขาขึ้นมาซะก่อน
“เขียนความจริงมาเถอะหนุ่มน้อย ฉันรู้จักโจนาธาน เบอรอฟดี เขาคงเป็นพ่อของเธอสินะ” เสียงของชายร่างยักษ์ฟังดูอ่อนโยนและนิ่มนวนแต่มันทำให้ทั้งเซนกิและฮิวที่ยืนอยู่ใกล้ได้ยินถึงกับผงะ
“คุณรู้จักพ่อ” เซนกิพูดขึ้นอย่างตกใจ ถ้าจะมีใครรู้จักพ่อก็อาจไม่แปลกแต่ที่แปลกคือรู้ชื่อจริงได้ยังไง ชายคนนี้เป็นอะไรกับพ่อของเขากันแน่
“เราเป็นเพื่อนกัน ตอนเด็กๆเขาเคยบอกว่าเก็บเด็กมาเลี้ยงคนหนึ่งไม่คิดว่าจะโตมาหล่อขนาดนี้ ฮ่าๆ” ชายร่างยักษ์หัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะพูดต่อ
“ ที่จริงฉันอยากเล่าให้ฟังอยู่หรอกเรื่องของฉันกับโจนน่ะแต่คงไม่ได้เพราะคนยังต่อแถวกันยาวเหยียด ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีกแน่นอน” พูดจบลุงหนวดเครายาวก็ดันกระดาษคืนให้เซนกิ เขารับมันมาก่อนจะหยิบปากกาขึ้นอีกครั้ง
“เขียนอาชีพของเธอสิ สมาพันธ์นักรบไม่ได้มีหน้าที่จับหัวขโมย เพราะฉะนั้นเธอจะเป็นอะไรก็ไม่ใช้ปัญหา” ชายร่างใหญ่พูดขึ้นอีกและมันทำให้เซนกิมั่นใจมากขึ้นเขาเขียนความจริงทุกอย่างที่เขาพอจะให้ได้ลงไปก่อนจะส่งกระดาษคืน
“รับไปสิ” ชายร่างใหญ่ยื่นบางอย่างมาให้เขา มันเป็นสายรัดข้อมือหนังแบบเดียวกับที่ชายคนก่อนหน้าเขาได้ไป จี้ขนาดพอเหมาะสีเงินที่ห้อยอยู่เป็นรูปหัวสิงโตเพศผู้ดูน่าเกรงขามในปากของมันคาบตรีศูลสีเงินเช่นเดียวกันมันคือสัญลักษณ์ของสมาพันธ์นักรบแต่ที่มาในรูปแบบสายรัดข้อมือนั้นเพราะมันเป็นแค่ของชั่วคราว ตัวจี้ทำจากเงินบริสุทธิ์แค่มองพราดเดียวหัวขโมยอย่างเซนกิก็รู้แล้ว และมันเป็นเหตุผลที่ดีพอจะเก็บค่าสมัครสอบ 5 ทาต ทั้งที่ควรจะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร
“ขอบคุณครับ หวังว่าจะเจอคุณอีก” พูดจบเซนกิก็เดินออกจากแถวไปแต่ไม่ทันได้ไปไหนไกลก็มีเสียงของชายเจ้าหน้าที่ร่างยักษ์คนเดิมตะโกนตามหลังมา
“ถ้าอยากเจอฉันก็พ้นคืนนี้มาให้ได้ก่อนเถอะ”
เซนกิเดินออกมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดยืนอยู่ใกล้กับน้ำพุกลางลานกว้างเขามองไปที่แถวที่เริ่มสั้นลงเรื่อยๆทุกคนคงจะเสร็จหมดภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มและค่อยๆมืดลงอย่างช้าๆแสงไฟในเมืองถูกเปิดขึ้นทันทีที่ฟ้ามืดสนิทดวงไฟสีส้มจากร้านค้าและริมทางทำให้เมืองนี้สว่างราวกับตอนกลางวันเสียงเพลงและเสียงคุยกันจากร้านเหล้าและร้านค้าต่างๆดังขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงผู้คนหายไปบางส่วนจากตอนกลางวันแต่ก็ยังมีคนเดินเยอะอยู่ดีเพียงแค่เปลี่ยนจากชีวิตกลางวันเป็นกลางคืนหญิงสาวในช่วงกลางวันจะแต่งตัวแบบแม่บ้านปิดเนื้อหนังแต่ผู้หญิงที่มาเดินตอนกลางคืนจะเป็นอีกแบบที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ริมน้ำพุที่เซนกิยืนถูกประดับด้วยไฟที่เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆราวกับสายรุ่งและรอบๆก็มีคู่รักหลายคู่กำลังพลอตรักกันซึ่งถ้าเป็นกลางวันคงไม่มีให้เห็น ถึงเซนกิจะตกใจนิดหน่อยเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้จากหมู่บ้านของเขาเองที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆออกมา ในหัวของเขาตอนนี้ยังคงนึกถึงคำพูดของคุณลุงแปลกหน้าวนไปวนมา รอดคืนนี้ไปให้ได้ มันดูมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ เขาสะบัดหัวตัวเองแรงเพื่อสลัดความคิดบ้าๆออกไป
“เซนทำอะไรว่ะ” ฮิวเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะชูข้อมือที่มีสายรัดอยู่ให้ดูเป็นเชิงว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เซนกิจึงยกมือข้างที่มีสายรัดขึ้นก่อนจะยิ้มจนแก้มแทบฉีกให้เพื่อนรัก
“เสร็จหมดแล้วก็ไปหาไรกินดีกว่า” เซนพูดขึ้น
“เอาสิ จะกินอะไร” ฮิวถามก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่กำลังคิดหนักกับรายการอาหารอยู่
“ฉันอยากกินหลายอย่างเลยแต่ถ้าทำงั้นได้ถังแตกแน่” เซนพูดขึ้น
“งั้นถูกๆ เพราะคืนนี้เราต้อนพักที่เมือง”
“อ่าว? ไม่กลับหรอว่ะ” เซนมองหน้าเพื่อนซี้อย่างสงสัย ฮิวจึงได้แต่ถอนหายใจ เขาเข้าใจว่าเซนไม่ค่อยสนใจอะไรที่ยุ่งยากมากนักแต่เรื่องแค่นี้มันก็ไม่รู้รึไง
“พรุ่งนี้มีทดสอบแต่เช้า ถ้ากลับก็เสียเวลา”
“อืม เอางี้ไหมหาที่พักก่อนแล้วค่อยไปกินที่พักทีเดียว” เซนพูดขึ้น
“ก็ได้” พูดจบฮิวก็เตรียมเดินไปหาที่พักทันทีแต่ไม่ทันได้ไปไหนก็ถูกชายแปลกหน้าคนหนึ่งเรียกว้าทำให้เขาต้องหยุดเดินแล้วหันไปทางต้นเสียงทันที
“ขอโทษทีนะที่พี่ขัดจังหวะพวกนาย” ชายแปลกหน้าผอมแห้งหน้าตาดูโทรมและขาวซีดแต่เขากลับแต่งตัวดีอย่างน่าประหลาดพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ทั้งสอง
“มีอะไรหรอครับ” เซนกิถามขึ้น ชายแปลกหน้ามีท่าทางเลิ้กลักก่อนจะตอบกลับไป
“คือ..ได้ยินว่าพวกนายหาที่พักอยู่พี่ขอแนะนำร้านพี่ได้ไหมพักแค่คืนละ 2 ทาต เท่านั้นอยู่ใกล้ๆนี้เอง” ฮิวและเซนกิหันไปมองหน้ากันพวกเขารู้ดีว่าต้องจัดการยังไงกับคนแปลกหน้าที่มาทักแบบนี้
“ตกลง พาไปที่ร้านสิ” เซนพูดด้วยรอยยิ้ม ฮิวก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการกระทำของเพื่อนเขาไม่รู้ว่าเซนคิดอะแต่ที่เขารู้ก็คือทุกครั้งที่มันทำอะไรไร้เหตุผลแบบนี้ก็เพราะ มันไม่ได้คิดอะไร
“โอ้ ได้ครับๆ เชิญทางนี้เลย” ชายผอมแห้งเดินนำทั้งคู่ไปตามทางที่มีคนพรุกพร่านเรื่อยๆระหว่างทางที่ทั้งคู่เดินไปก็ได้ยินเสียงชาวเมืองและคนบางกลุ่มคุยกันแต่ถ้าเป็นคนปกติคงไม่ได้ยินแน่แต่ไม่ใช่กับพวกเขา ถึงจะมีเสียงแทรกเยอะแต่ถ้าเพ่งสมาธิไปที่เสียงที่สนใจพวกเขาก็สามารถตัดเสียงอย่างอื่นออกไปได้และดูเหมือนเสียงชาวเมืองบางกลุ่มที่พูดถึงจะน่าสนใจมากซะด้วยเพราะพวกนั้นกำลักพูดถึงชายหนุ่มสองคนนั้นก็คือพวกเขานั้นเอง
“พวกนั้นเอาอีกแล้ว” เสียงของชาวเมืองพูดขึ้น “หล่อเสียด้วย”
“ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ