Path to the God พลิกชะตาท้าอสูร
8.0
เขียนโดย NStill
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 09.06 น.
8 บท
4 วิจารณ์
9,558 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2560 16.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) พันธนาการ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 5 พันธนาการ
ภายในถ้ำมืดมิดมีเพียงแสงเล็กน้อยที่สามารถเล็ดรอดเข้ามาได้ ภายในถ้ำมีโซ่จำนวนนับไม่ถ้วนปักอยู่กับผนัง และที่ปลายโซ่เหล่านั้นมีร่างของชายแก่ผู้หนึ่งถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา เขามีร่างกายที่ซูบผอมผิวสีขาวซีดหนวดเครายาวรกรุงรังและกำลังอยู่ในท่าคุกเข่าโดยที่มือกุมดาบสีดำที่งดงามที่ปักอยู่กับหินเล่มหนึ่งไว้
ตึกๆ เสียงฝีเท้าเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมาขจัดความเงียบสงัดภายในถ้ำ ชายแก่คนนั้นลืมตาขึ้นก่อนจะค่อยๆหันไปมองต้นเสียงจึงเห็นผู้มาเยือนในชุดผ้าคลุมสีดำขลิบทองดูสง่า
“ในที่สุดข้าก็พบท่าน ซามาเอล”ผู้มาเยือนตอบ
“ไปให้พ้น...”ชายแก่หรือซามาเอลตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ข้าไม่ขออ้อมค้อมนะ...ข้าต้องการพลังของดาบเล่มนั้น โปรดมอบมันให้ข้าด้วย”ผู้มาเยือนตอบ
“ไม่มีทาง...ข้าผนึกมันมาหลายปีเพื่อไม่ให้มีใครนำมันไปใช้ได้อีก เจ้าไม่มีทางนำพลังของมันไปใช้ในทางที่ดีแน่ ไม่ว่ายังไงก็ตามเจ้าอย่าหวังจะได้แตะมัน”ชายแก่ตอบ
“ข้าว่าท่านคงเข้าใจผิดแล้วละ...”ชายหนุ่มตอบก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ซามาเอล “ข้าไม่ได้มาขอมันจากท่าน”เขาหยุดเดินเมื่อมาอยู่เบื้องหน้าซามาเอล“ข้ามานำมันไปต่างหาก!!!!” สิ้นเสียงนั้นดาบสีทองก็ปรากฎขึ้นบนมือของชายหนุ่ม เพียงพริบตาเดียวดาบนั้นก็พุ่งผ่านร่างของซามาเอล ทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการเขาไว้ทั้งหมด
ซามาเอลไม่มีแม้แรงจะส่งเสียงกรีดร้องร่างของเขาค่อยๆสลายไปเนื่องจากบาดแผล ควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากปากแผลไม่ขาดสาย‘ดาบต้องคำสาป’คือคำสุดท้ายที่ซามาเอลคิดก่อนจะสลายไปกับควันสีดำ
ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบดาบที่ปักอยู่กับหินออกมาพลังงานสีดำพวยพุ่งออกมาอย่างมหาศาล เขารีบสะบัดมันทิ้งอย่างตกใจ “พลังขนาดนี้เลยเหรอ...” ประโยคเดียวที่เขาคิดตอนที่เขาจับมันคือ ‘เขาตายแน่ๆ’ โชคดีที่เขาตั้งสติและสะบัดมันทิ้งได้ก่อน “หึหึ นี่ล่ะดาบที่ข้าตามหามาตลอด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!” เขาเอื้อมมือออกไปลำแสงพลังงานบางอย่างก็พุ่งเข้าไปยกดาบเล่มนั้นขึ้น จากนั้นเขาจึงค่อยๆเดินออกจากถ้ำนั้นอย่างช้าๆทิ้งเศษซากของโซ่นับพันไว้เบื้องหลัง
ซู่ๆๆๆๆ เสียงของพายุทะเลทรายยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ลูเคียที่กำลังนั่งดื่มซุปที่อลิเซียทำให้ค่อยๆหันออกไปมองภายนอกถ้ำ ซึ่งเขาก็ยังมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากมวลทรายที่ถาโถม
“เจ้าคงอยากไปแล้วสินะ”อลิเซียที่นั่งข้างๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวน
“สองวันแล้วพายุยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบเลยเหรอ”ลูเคียหันมาสบตากับอลิเซีย
“ก็ข้าบอกเจ้าไปแล้วไงว่าอีกห้าวันน่ะ”อลิเซียตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ขอโทษด้วยพอดีข้ารีบน่ะ”ลูเคียตอบ
“ท่านจะรีบไปไหนคนรักรออยู่รึไง”อลิเซียถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้
“คนรักอะไรกันล่ะก็บอกอยู่ว่าข้าต้องรีบไปช่วยหมู่บ้าน”ลูเคียหันมาตอบ
“ก็เห็นท่านหน้าตาดีทีเดียวก็นึกว่ามีคนรักแล้วซะอีก ที่แท้ก็ยังขายไม่ออกนี่เอง”อลิเซียตอบด้วยน้ำเสียงยียวนเช่นเดิม
“ขายไม่ออกอะไรกัน! ว่าแต่เจ้าเถอะคงมีเทพหนุ่มหล่อๆควงอยู่แล้วซิท่า”ลูเคียตอบด้วยเสียงรำคาญสองวันมานี้ยัยนี่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากกวนประสาทเขา เป็นเทพีประสาอะไรตามกวนประสาทมนุษย์กัน นิสัยไม่เหมือนหน้าตาเลยซักนิด!!!
“นี่พูดให้มันดีๆหน่อย ข้าก็ยังไม่มีใครเหมือนกันย่ะ”อลิเซียตอบด้วยเสียงไม่พอใจ
“อ้าวที่แท้ก็ยังไม่มีใครเอาเหมือนกันนี่เอง”ลูเคียได้ทีจึงสวนกลับ
“นี่เจ้า!!!”อลิเซียหน้าแดงก่อนจะลุกหนีไปอีกมุมหนึ่งแถมหันหลังให้ลูเคียอีกต่างหาก
“อ้าว!”ลูเคียฉงนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอะไรของยัยนี่เนี่ยทีนางปั่นประสาทข้าข้ายังไม่ว่าอะไรเลย แต่พอข้ากวนนางกลับนิดหน่อยก็โกรธข้าเฉยเลย ข้าไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆ!!
“นี่อลิซข้าขอโทษ”ลูเคียค่อยๆลุกขึ้นไปนั่งด้านหลังอลิเซียที่กำลังโมโห
“ถ้าข้าพูดอะไรผิดไปข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจข้าแค่จะปั่นประสาทเจ้าเท่านั้น”ลูเคียพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
อลิเซียค่อยๆหันมามองหน้าลูเคียช้าก่อนจะแลบลิ้นใส่ด้วยท่าทางจิ้มลิ้ม “รู้ไว้ด้วยว่าผู้หญิงเกลียดคำว่าไม่มีใครเอา!”อลิเซียตอบเสียงแข็ง “ครั้งนี้ถือว่าเจ้าไม่รู้แต่ครั้งหน้าข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่” ลูเคียแทบจะลมจับกับคำพูดนี้ ‘โอเคข้าจะจำให้ขึ้นใจเลยยัยเทพีไร้คู่เอ้ย!!!’
ประตูของร้านเหล้าแห่งหนึ่งถูกเปิดออก ชายผมเงินยาวสลวยในชุดหนังซึ่งสวมหมวกทรงสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขามีปืนยาวสีเงินและมีดสีแดงสามเล่มแขวนอยู่ข้างกาย เขาค่อยๆนั่งลงบนโต๊ะตัวหนึ่งก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาดูเขามองไปที่มันพักหนึ่งก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า “โรเบิร์ทเจ้ามอบภาระใหญ่ให้ข้าซะแล้ว...”เขาค่อยมองออกไปยังท้องฟ้าสีดำสนิทพลางคิดถึงเมืองที่ได้จากมา...เมืองเฟเทอร์ดัสท์ ‘อดทนหน่อยนะแม็กนัสพี่กับลูเคียจะช่วยปลดปล่อยบ้านของเราจากอสุรกายเหล่านั้นเอง’ เขาคิดในใจพลางกุมกระดาษในมือแน่น
“ขอโทษนะพี่ชาย พี่ชายหน้าคุ้นจังข้าขอทราบนามของพี่ชายหน่อยได้หรือไม่?”ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามชายคนนั้น
“นามของข้าเหรอ?”เขาปรายตรามองชายคนนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“นามของข้าคือไมเนอร์ริช เคอร์เทีย”เขาพูดก่อนจะเว้นจังหวะ “หรืออีกชื่อหนึ่งคือเดอะ แวน เฮลซิ่ง...”
ถ้าชอบก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เลยครับ หรือถ้าอยากให้ปรับปรุงตรงไหนก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เหมือนกัน ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านครับ^^
ภายในถ้ำมืดมิดมีเพียงแสงเล็กน้อยที่สามารถเล็ดรอดเข้ามาได้ ภายในถ้ำมีโซ่จำนวนนับไม่ถ้วนปักอยู่กับผนัง และที่ปลายโซ่เหล่านั้นมีร่างของชายแก่ผู้หนึ่งถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา เขามีร่างกายที่ซูบผอมผิวสีขาวซีดหนวดเครายาวรกรุงรังและกำลังอยู่ในท่าคุกเข่าโดยที่มือกุมดาบสีดำที่งดงามที่ปักอยู่กับหินเล่มหนึ่งไว้
ตึกๆ เสียงฝีเท้าเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมาขจัดความเงียบสงัดภายในถ้ำ ชายแก่คนนั้นลืมตาขึ้นก่อนจะค่อยๆหันไปมองต้นเสียงจึงเห็นผู้มาเยือนในชุดผ้าคลุมสีดำขลิบทองดูสง่า
“ในที่สุดข้าก็พบท่าน ซามาเอล”ผู้มาเยือนตอบ
“ไปให้พ้น...”ชายแก่หรือซามาเอลตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ข้าไม่ขออ้อมค้อมนะ...ข้าต้องการพลังของดาบเล่มนั้น โปรดมอบมันให้ข้าด้วย”ผู้มาเยือนตอบ
“ไม่มีทาง...ข้าผนึกมันมาหลายปีเพื่อไม่ให้มีใครนำมันไปใช้ได้อีก เจ้าไม่มีทางนำพลังของมันไปใช้ในทางที่ดีแน่ ไม่ว่ายังไงก็ตามเจ้าอย่าหวังจะได้แตะมัน”ชายแก่ตอบ
“ข้าว่าท่านคงเข้าใจผิดแล้วละ...”ชายหนุ่มตอบก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ซามาเอล “ข้าไม่ได้มาขอมันจากท่าน”เขาหยุดเดินเมื่อมาอยู่เบื้องหน้าซามาเอล“ข้ามานำมันไปต่างหาก!!!!” สิ้นเสียงนั้นดาบสีทองก็ปรากฎขึ้นบนมือของชายหนุ่ม เพียงพริบตาเดียวดาบนั้นก็พุ่งผ่านร่างของซามาเอล ทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการเขาไว้ทั้งหมด
ซามาเอลไม่มีแม้แรงจะส่งเสียงกรีดร้องร่างของเขาค่อยๆสลายไปเนื่องจากบาดแผล ควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากปากแผลไม่ขาดสาย‘ดาบต้องคำสาป’คือคำสุดท้ายที่ซามาเอลคิดก่อนจะสลายไปกับควันสีดำ
ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบดาบที่ปักอยู่กับหินออกมาพลังงานสีดำพวยพุ่งออกมาอย่างมหาศาล เขารีบสะบัดมันทิ้งอย่างตกใจ “พลังขนาดนี้เลยเหรอ...” ประโยคเดียวที่เขาคิดตอนที่เขาจับมันคือ ‘เขาตายแน่ๆ’ โชคดีที่เขาตั้งสติและสะบัดมันทิ้งได้ก่อน “หึหึ นี่ล่ะดาบที่ข้าตามหามาตลอด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!” เขาเอื้อมมือออกไปลำแสงพลังงานบางอย่างก็พุ่งเข้าไปยกดาบเล่มนั้นขึ้น จากนั้นเขาจึงค่อยๆเดินออกจากถ้ำนั้นอย่างช้าๆทิ้งเศษซากของโซ่นับพันไว้เบื้องหลัง
ซู่ๆๆๆๆ เสียงของพายุทะเลทรายยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ลูเคียที่กำลังนั่งดื่มซุปที่อลิเซียทำให้ค่อยๆหันออกไปมองภายนอกถ้ำ ซึ่งเขาก็ยังมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากมวลทรายที่ถาโถม
“เจ้าคงอยากไปแล้วสินะ”อลิเซียที่นั่งข้างๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวน
“สองวันแล้วพายุยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบเลยเหรอ”ลูเคียหันมาสบตากับอลิเซีย
“ก็ข้าบอกเจ้าไปแล้วไงว่าอีกห้าวันน่ะ”อลิเซียตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ขอโทษด้วยพอดีข้ารีบน่ะ”ลูเคียตอบ
“ท่านจะรีบไปไหนคนรักรออยู่รึไง”อลิเซียถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้
“คนรักอะไรกันล่ะก็บอกอยู่ว่าข้าต้องรีบไปช่วยหมู่บ้าน”ลูเคียหันมาตอบ
“ก็เห็นท่านหน้าตาดีทีเดียวก็นึกว่ามีคนรักแล้วซะอีก ที่แท้ก็ยังขายไม่ออกนี่เอง”อลิเซียตอบด้วยน้ำเสียงยียวนเช่นเดิม
“ขายไม่ออกอะไรกัน! ว่าแต่เจ้าเถอะคงมีเทพหนุ่มหล่อๆควงอยู่แล้วซิท่า”ลูเคียตอบด้วยเสียงรำคาญสองวันมานี้ยัยนี่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากกวนประสาทเขา เป็นเทพีประสาอะไรตามกวนประสาทมนุษย์กัน นิสัยไม่เหมือนหน้าตาเลยซักนิด!!!
“นี่พูดให้มันดีๆหน่อย ข้าก็ยังไม่มีใครเหมือนกันย่ะ”อลิเซียตอบด้วยเสียงไม่พอใจ
“อ้าวที่แท้ก็ยังไม่มีใครเอาเหมือนกันนี่เอง”ลูเคียได้ทีจึงสวนกลับ
“นี่เจ้า!!!”อลิเซียหน้าแดงก่อนจะลุกหนีไปอีกมุมหนึ่งแถมหันหลังให้ลูเคียอีกต่างหาก
“อ้าว!”ลูเคียฉงนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอะไรของยัยนี่เนี่ยทีนางปั่นประสาทข้าข้ายังไม่ว่าอะไรเลย แต่พอข้ากวนนางกลับนิดหน่อยก็โกรธข้าเฉยเลย ข้าไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆ!!
“นี่อลิซข้าขอโทษ”ลูเคียค่อยๆลุกขึ้นไปนั่งด้านหลังอลิเซียที่กำลังโมโห
“ถ้าข้าพูดอะไรผิดไปข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจข้าแค่จะปั่นประสาทเจ้าเท่านั้น”ลูเคียพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
อลิเซียค่อยๆหันมามองหน้าลูเคียช้าก่อนจะแลบลิ้นใส่ด้วยท่าทางจิ้มลิ้ม “รู้ไว้ด้วยว่าผู้หญิงเกลียดคำว่าไม่มีใครเอา!”อลิเซียตอบเสียงแข็ง “ครั้งนี้ถือว่าเจ้าไม่รู้แต่ครั้งหน้าข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่” ลูเคียแทบจะลมจับกับคำพูดนี้ ‘โอเคข้าจะจำให้ขึ้นใจเลยยัยเทพีไร้คู่เอ้ย!!!’
ประตูของร้านเหล้าแห่งหนึ่งถูกเปิดออก ชายผมเงินยาวสลวยในชุดหนังซึ่งสวมหมวกทรงสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขามีปืนยาวสีเงินและมีดสีแดงสามเล่มแขวนอยู่ข้างกาย เขาค่อยๆนั่งลงบนโต๊ะตัวหนึ่งก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาดูเขามองไปที่มันพักหนึ่งก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า “โรเบิร์ทเจ้ามอบภาระใหญ่ให้ข้าซะแล้ว...”เขาค่อยมองออกไปยังท้องฟ้าสีดำสนิทพลางคิดถึงเมืองที่ได้จากมา...เมืองเฟเทอร์ดัสท์ ‘อดทนหน่อยนะแม็กนัสพี่กับลูเคียจะช่วยปลดปล่อยบ้านของเราจากอสุรกายเหล่านั้นเอง’ เขาคิดในใจพลางกุมกระดาษในมือแน่น
“ขอโทษนะพี่ชาย พี่ชายหน้าคุ้นจังข้าขอทราบนามของพี่ชายหน่อยได้หรือไม่?”ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามชายคนนั้น
“นามของข้าเหรอ?”เขาปรายตรามองชายคนนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“นามของข้าคือไมเนอร์ริช เคอร์เทีย”เขาพูดก่อนจะเว้นจังหวะ “หรืออีกชื่อหนึ่งคือเดอะ แวน เฮลซิ่ง...”
ถ้าชอบก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เลยครับ หรือถ้าอยากให้ปรับปรุงตรงไหนก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เหมือนกัน ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านครับ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ