I'm Sir.ผมนี่แหล่ะคุณชายย้อนยุค [Yaoi]
เขียนโดย yayakim
วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.38 น.
แก้ไขเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2560 09.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่ 1 ความสับสนก็เพียงแค่แรกพบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1 ความสับสนก็เพียงแค่แรกพบ
เฮ้ย!!!
"ไร้สาระไปใหญ่แล้ว!" ติณห์สติหลุด แท็บเล็ตถูกวางลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเดินถอยออกมานั่งทรุดที่เก้าอี้เดิม
"ไม่ไร้สาระแน่ แถมตอนนี้ข่าวเธอดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศแล้วติณห์" หยวนหยวนกระซิบข้างหลังเสียงเบา ทำให้คนฟังถึงกับใจหวั่นขึ้นมา...มันคงไม่ร้ายแรงจนกระทบถึงครอบครัวของเขาหรอกใช่ไหม? ถ้าหากกระทบหนัก เขาต้องลำบากมากแน่ๆ ทุกคนต้องรู้ว่าเขาเป็นเพียงลูกบุญธรรม ที่พ่อกับแม่นำมาจากบ้านเด็กกำพร้าและนำมาเลี้ยงโดยไม่เคยมีใครสงสัยเลย ถึงตอนนั้นเขาก็คงถูกตราหน้าว่าเป็นพวกตีสองหน้า โกหกหน้าตายว่าเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลมหาเศรษฐี และก็คงจะมีคนเกลียดมากมายจนทนอยู่ไม่ได้ โอย...
ทำไมชีวิตของเขาต้องรันทดมากขนาดนี้เนี่ย!
"สีหน้าไม่ค่อยดี เป็นอะไรมากหรือเปล่า?" เสียงของผู้จัดการตัวยงดังแทรกความคิดของติณห์ ทำเอาเขาสะดุ้งเล็กน้อย รีบตอบกลับไป "ปะ...เปล่า"
"ก็ดีแล้ว คิดมากไปทำไม เดี๋ยวมันก็ผ่านไป" ใช่ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป...ผ่านไปด้วยความอับอายขายขี้หน้าของเขานั่นแหล่ะ!
"ผม...ขอไปสูดอากาศข้างนอกสักพัก พี่ไม่ต้องตามมานะครับ" ติณห์พูดดักอีกคนก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมจะเดินออกไป
"เดี๋ยวๆ ถ้านายเจอนักข่าวละ" หยวนหยวนขัด
"ช่างมัน"
ติณห์ก้าวเท้าออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง พร้อมกับมองซ้ายมองขวาเตรียมหาทางหนีทีไล่... ตอนนี้ที่เห็นมีเพียงลูกค้าที่เข้ามาพักรีสอร์ตกับพนักงานหน้าเคาเตอร์เท่านั้น
"เฮ้อ..." ติณห์โล่งใจขึ้นมาทันที เขาเดินตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำที่อยู่มุมสุด
ซ่า~ ก๊อกน้ำถูกเปิดออกช้าๆ ติณห์รีบก้มลงล้างหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะปิดก๊อกน้ำไว้ พลางจ้องตัวเองบนกระจกเงาด้วยสายตาเหนื่อยๆ 'อยากกลับบ้าน' เสียงในใจดังขึ้น บ่งบอกว่าเขากำลังเหนื่อยและอยากพักผ่อน
ก๊อกๆ ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องน้ำช้าๆ ซึ่งไม่ได้ทำให้ติณห์เกิดอาการสนใจอะไร
ก๊อกๆ ก๊อกๆๆ
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง เขาหันไปมองพร้อมกับหรี่ตาครุ่นคิดอย่างสงสัย หรือว่า... จะเป็นนักข่าวที่ตามเขามาที่ห้องน้ำ!
เอือก! น้ำลายถูกกลืนลงคออย่างลำบากใจ หัวใจของเขาเริ่มเต้นถี่ขึ้นเป็นระยะ พวกที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คงจะไม่หลุดพ้นไปจากพวกนักข่าว ที่พยายามตามมาเค้นเอาความจริงหลายอย่างจากปากเขา และคงจะตามไปสืบถึงชีวิตของเขาอีกด้วย โอย...
"คุณชายขอรับ เราต้องรีบไปให้ทันเวลา ได้โปรดเถอะขอรับ" เสียงดูรีบเร่งของใครสักคนดังอยู่ที่หน้าห้องน้ำ... ว่าแต่ว่าใครเป็นคุณชายวะ?
ติณห์หันซ้ายหันขวามองหาคนที่อยู่ในห้องน้ำ แต่ทว่ามีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ข้างใน
แอด... เขารีบเดินไปเปิดประตู "ที่นี่ไม่มีใคร มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นครับ"
ชายแปลกหน้าทำหน้างุนงงแต่สักพักก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่สนใจอะไร "ตอนนี้คุณชายอย่าพึ่งเอ่ยอะไรเลยขอรับ เราต้องเร่งลงไปข้างล่างให้ทันก่อนที่งานจะเริ่ม"
"เดี๋ยวๆ" กลับเป็นติณห์ที่ทำหน้างุนงงหนัก "งานอะไร แล้วเรียกผมว่าคุณชายทำไม"
"นี่คุณชายไม่ได้พักผ่อนเลยใช่ไหมขอรับ กระผมต้องขอประทานโทษที่ทรงละเลยคุณชายไป" เขาโค้งตัวลงด้วยความสำนึกผิด แต่นั่นไม่ได้ทำให้อีกคนเห็นอกเห็นใจอะไร กลับยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ "แต่..."
"เอ้า! ชายวี... ทำไมยังไม่ลงไปในงานละ" เสียงของใครสักคนดังขัด พร้อมกับปรากฏเป็นสตรีที่ติณห์คุ้นเคยเป็นอย่างดี
"แม่!" ติณห์เบิกตากว้างรีบเข้าไปกอดแม่บุญธรรมที่ไปอยู่ต่างประเทศ 5 เดือนด้วยความดีใจปนตกใจเพียงเล็กน้อย...คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว
"เป็นอะไรไปอีกละชายวี มากอดแม่อย่างนี้ คงตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเวทีใช่ไหม?"
"ขึ้นเวที!?" คนที่ถูกเรียกว่าชายวีรีบถอนกอดออกจากแม่ในทันที
"อะไรกันเล่า? แกล้งลืมอีกนะลูกคนนี้ รีบไปเตรียมตัวกันเถอะ" ผู้เป็นแม่ค้อนใส่ลูกชายก่อนจะลากแขนพามาอีกทาง ซึ่งมีชายแปลกหน้าคนเดิมกำลังเดินตาม ละ...แล้ว...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย!? ทำไมตัวเขาไม่รู้เรื่องเลยวะ เฮ้ย!
"ท่านหญิง...เมื่อไรชายใหญ่กับชายเล็กจะมาถึง นี่มันก็นานแล้วนะ" หม่อมเจ้ากฤตพจน์หันมาพูดกับภริยาของตนที่นั่งอยู่ด้านข้าง สายตาต่างมองซ้ายมองขวาหาใครสักคน
"ดิฉันก็ไม่ทราบ แต่ก็คงจะมาแล้วละ คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะเจ้าคะ" เธอพูดพลางปลอบสามีของตน
"เฮ้อ...รู้สึกไม่สบายใจเท่าไร" อีกคนพูดพลางถอดถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
"ลูกต้องขอโทษด้วยครับคุณพ่อคุณแม่...เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย" เสียงแทรกดังมาจากข้างหลัง ท่านชายและท่านหญิงรีบหันกลับมาตามเสียงที่คุ้นเคย
'คุณชายจิรานนท์' หรือ 'ชายเล็ก' กำลังยืนยิ้มสีหน้าระรื่นในวัย 19 ปี ทำให้คนมองอดเอ็นดูไม่ได้
"เฮ้อ...นึกว่าจะเป็นอะไรไปซะแล้ว ใจหายใจคว่ำเลย" ผู้เป็นแม่รีบเข้าไปลูบผมลูกชายตัวเอง
"ผมมิเป็นไรหรอกคุณพ่อคุณแม่ จิรานนท์ซะอย่าง" เจ้าตัวพูดอย่างมั่นใจพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ทำให้แม่ออกแรงตีแขนลูกชายตัวเองเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
"ฮ่าๆ" ส่วนผู้เป็นพ่อได้แต่หัวเราะอย่างไม่ถือสา ก่อนจะนึกคิดบางอย่างขึ้นได้ "เอ้อ...แล้วชายใหญ่ละ"
"ตามมาทีหลังครับคุณพ่อ ป่านนี้ก็คงถึงแล้ว"
"นั่นไงชายใหญ่" แม่ใบ้ทางไปหาอีกคน ทั้งสองจึงมองตาม...
ในขณะที่ทางหน้าประตูบานใหญ่ผู้คนกำลังเดินเข้ามาในงานอย่างล้นหลาม ก็มีชายร่างสูงคนหนึ่ง ซึ่งแต่งชุดสูทสีน้ำเงินอ่อนๆ เดินเข้ามาในงานพร้อมกับคนสนิทที่กำลังเดินตามมาอย่างกระชั้นชิด
‘คุณชายพศวีร์’ หรือ ‘ชายใหญ่’ ลูกชายคนโตของหม่อมเจ้ากฤตพจน์กับคุณหญิงพรวลัยแห่งวังพัศพิบูล วัยเพียง 22 ปีแต่บุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่เดินเข้ามาในงานด้วยหน้านิ่งๆ ก่อนจะใช้สายตามองไปรอบๆ เพื่อหาครอบครัวของตนเองที่รออยู่ในงานแล้ว
“คุณท่านทั้งสองกับคุณหนูเล็กอยู่ตรงนั้นขอรับ” คนสนิทในวัยหนุ่มอย่าง ‘ไท’ กระซิบที่หูพร้อมกับโบ้ยปากไปทางหน้าเวที ชายใหญ่หันไปตามที่คนของตนบอก ก่อนจะเอ่ยปากเบาๆ “ขอบคุณมาก”
“มิเป็นไรขอรับ” ไทก้มหน้าลง ชายใหญ่พยักหน้าอีกครั้งก่อนจะก้าวเท้าไปตรงจุดหมาย
“ขอโทษครับคุณพ่อคุณแม่ ผมมาช้าไปหน่อย” ชายใหญ่ยกมือไหว้พ่อกับแม่ด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกชายใหญ่ เห็นชายเล็กบอกว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ลูกมิเป็นไรหรอกครับ รถเกิดเสียกลางทาง ถ้าหากว่าช้าไปก็คงจะไม่ทันกาล ผมเลยให้เล็กมาก่อนน่ะครับ” ชายใหญ่อธิบาย
“ใช่แล้วครับคุณพ่อคุณแม่ อีกอย่างนะ...ที่นั่นมืดสนิทสุดๆ ขนลุกมั้กๆ เยย” ชายเล็กเสริมด้วยความไร้เดียงสาเกินอายุ จนทำให้พี่ชายอดอมยิ้มไม่ได้
“เจ้าเล็กนี่...” แม่แอบหยิกชายเล็กด้วยความหมั่นไส้และพูดขัด “เราอยู่ในงานใหญ่โต ควรทำตัวให้ดูเหมือนชายอกสามศอก เข้าใจมั้ย”
คุณชายจิรานนท์แกล้งทำหน้ามุ่ยก่อนจะทำตาปริบๆ ให้แม่ของตน ส่วนพ่อกับพี่ชายก็อมยิ้มไปมองดูสองแม่ลูกไป แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกันต่อ กลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น...
พรึ่บ!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ