I'm Sir.ผมนี่แหล่ะคุณชายย้อนยุค [Yaoi]

-

เขียนโดย yayakim

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.38 น.

  3 บท
  1 วิจารณ์
  4,644 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2560 09.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 2 น้ำลึก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 2 น้ำลึก

พรึ่บ!

                ไฟทุกดวงในงานดับมืดสนิทลง ทุกคนต่างพากันตกใจ ร้องโหวกเหวกโวยวายกันใหญ่ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

                “...เวลาที่ล่วงเลย นั้นทำให้คนเปลี่ยนไป...” พลันปรากฏเสียงของใครสักคนดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง ทำเอาทุกคนที่อยู่ในงานขนลุกซู่ไปตามๆ กัน

                “สิ่งหนึ่งในใจ ยังไงก็ไม่เปลี่ยน...” เสียงหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน ทุกคนที่อยู่ภายในห้องโถงเงียบผิดปรกติจนสามารถได้ยินเสียงหายใจของใครหลายคน

                ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก!

                เสียงนาฬิกาดังขึ้นสองสามที ก่อนที่ไฟจะถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง...

                ปรากฏเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งหันข้างอยู่เก้าอี้ไม้บนเวที โดยข้างหน้าเป็นเปียโนรุ่นใหม่ที่ถูกเปิดอยู่ สักพักชายคนนั้นยกมือขึ้นมาให้สัญญาณอะไรสักอย่างก่อนจะวางมือลงบนเปียโนและเริ่มบรรเลงเพลง...

                “ต่อให้นานเพียงใด~ รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้~ ...ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปถ้ารักกันจริง~” เสียงทุ้มก้องกังวานดูสดใสที่ออกมาจากปากของเขาดังไปพร้อมกับเสียงของเปียโนที่เขากำลังดีดอยู่ในตอนนี้ มันกลบเสียงทุกๆ สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้อง ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เวที ไม่เว้นกระทั่งชายใหญ่ที่มองอีกคนอย่างไม่ละสายตา

                “นี่ไงฉวี คุณชายผู้มีความสามารถในด้านดนตรี” เสียงของสตรีดังขึ้นข้างๆ ชายใหญ่ ซึ่งกำลังจะเริ่มนินทาคนที่อยู่ข้างบนเวทีแล้ว

                “ใครรึ” เสียงของคู่สนทนาดังขึ้นตามติดๆ

                “ก็คนที่นั่งดีดเปียโนอยู่บนเวทีนั่นไง เขาเป็นถึงคุณชายเชียวนา”

                “อ้าว...จริงเหรอฉวิน ทำไมฉันถึงไม่เคยเจอคุณชายคนนี้เลยล่ะ แล้วคุณชายชื่อไรเหรอ” เสียงของหญิงสตรีเริ่มดังขึ้น ชายใหญ่เริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมา เขาหันไปมองพวกหล่อนด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยังคงมีความอดทนอดกลั้นอยู่ รอฟังว่าพวกหล่อนจะพูดสนทนาอะไรกันต่อไป

                “เขาคือคุณชายวีรภัทรแห่งวังทาราดา...” สิ้นประโยคของคนข้างๆ สติของคุณชายพศวีร์เริ่มกระหึ่มขึ้นมา เขาหันกลับไปมองคนที่อยู่บนเวทีตรงหน้า...

                คุณชายวีรภัทร ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักในนามชายวีหรือชายคนเล็กแห่งวังทาราดา เขาถูกส่งให้ไปเรียนดนตรีต่อที่ประเทศจีนตั้งแต่อายุสิบขวบ และความสามารถอย่างล้นหลามโดยเฉพาะการเจรจาต่อรองกับคนต่างชาติอย่างเชี่ยวชาญ และในช่วงปิดเทอมทุกๆ ปีกับการเรียนที่ต่างประเทศ ชายวีจะกลับมาอยู่ที่วังเป็นเวลา 3 เดือนเพื่อพักผ่อน และในทุกๆ การพักผ่อนเพียง 3 เดือน จะมีเพียงแค่หนึ่งครั้งเท่านั้นที่ชายวีจะออกมาแสดงความสามารถให้ทุกคนได้เห็น ซึ่งงานนี้ก็เป็นการเซอร์ไพรส์ใครต่อใครหลายๆ คนที่อยู่ในงานที่เป็นเพียงแค่การจัดเลี้ยงวันใหม่ของข้าราชการในทุกๆ เดือนก็เท่านั้น

และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่คุณชายพศวีร์ได้เห็นคุณชายวีรภัทรแห่งวังทาราดาเป็นครั้งแรกหลังจากที่คุณชายวีรภัทรถูกส่งตัวไปเรียนที่ต่างประเทศ... แถมการเจออีกคนในครั้งนี้เขากลับรู้สึกใจโหวงๆ ขึ้นมาผิดปกติ

“ทำไมเขาดูมีเสน่ห์จังเลยฉวิน แถมหน้าตาก็ดีอีก ตอนไหนเนี่ยฉันจะอยู่ในสายตาของเขาบ้างอ่ะ” สตรีทั้งสองคนก็ยังคงพล่ามไม่หยุด ชายใหญ่ถอนหายใจด้วยอาการหนักหน่วง

“นี่ๆ ฉวี เธอไม่ต้องรอแล้วละ ดูสิๆ เขาหันหน้ามามองพวกเราแล้ว” ก่อนที่พวกหล่อนทั้งสองคนจะพูดอะไรต่อ ก็มีเสียงขัดขึ้นมาจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญ “นี่...พวกเธอทั้งสองคนช่วยเงียบๆ ให้เราจะได้หรือไม่?”

หลังสิ้นเสียงสุภาพที่ดูเย็นๆ และจิกกัด ของคุณชายพศวีร์แล้ว หญิงสาวทั้งสองก็ต้องระงับฝีปากลงอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ก็เงียบลงเป็นปกติ มีเพียงคนที่อยู่ข้างหลังเช่นไทกำลังยิ้มอย่างสะใจให้สตรีทั้งสองคนที่ถูกเจ้านายของเขาสั่งให้เงียบลงอย่างฉับพลัน

และในระหว่างที่ชายใหญ่หันหน้ากลับไปมองอีกคนที่อยู่บนเวที ทว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นกลับหันหน้ามาสบตากับเขาในทันที...

เวลาหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน เสียงของหัวใจก็พูดขึ้นด้วยเพียงประโยคที่ว่า...

‘น้ำลึกที่ใด ย่อมมิเห็นใจผู้นั้นได้’

ประโยคนี้ผุดขึ้นหลังจากที่ติณห์สบตากับใครสักคนเข้าพอดีในช่วงที่เพลงจบลง...หัวใจกลับเต้นผิดจังหวะเพียงเพราะดวงตาคู่เดียวคู่นั้น...

                เขาเป็นผู้ชายคนเดียวในงานที่ยืนทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ข้างล่างเวที และที่สังเกตเห็นเมื่อกี้เขาหันไปพูดกับผู้หญิงทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ จนพวกเธอสีหน้าซีดลง และติณห์ก็อยากรู้เหตุการณ์ว่าจะเป็นยังไงต่อไป เขายังคงใช้สายตาจ้องไปที่อีกคน  แต่ก็ไม่ทันได้คิดว่าผู้ชายเคร่งขรึมคนนั้นจะหันกลับมามองเขาอีกครั้ง...

                ‘อย่ามองๆ’ เขาคิดพร้อมกับส่ายหน้า ก่อนจะรีบลุกจากเก้าอี้พูดกับผู้ชมอีกครั้ง “ขอบคุณครับ”

                แปะๆๆๆๆ~

                คุณชายวีรภัทรเดินลงจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือชื่นชมของคนดูอย่างล้นหลาม เฮ้อ...ภารกิจดีดเปียโนและร้องเพลงโชว์เสียงของเขาคงเสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้างานครั้งนี้จบลง เขาต้องไปเคลียร์กับแม่ตัวเองซะแล้ว อยู่ดีๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ในงานอะไรแปลกๆ มองไปทางไหนก็มีแต่คนแต่งตัวย้อนสมัยไปอีก นี่คงไม่ใช่การจัดงานเซอร์ไพรส์ของแม่เขาหรอกใช่ไหม?

                10 นาทีที่แล้ว...

                “แม่หมายความว่าไง ที่จะให้ผมไปดีดเปียโนน่ะ ผมไม่ได้ชอบดีดมันสักหน่อย” ติณห์พูดด้วยน้ำเสียงด้วยอาการไม่พอใจ

                “ลูกเป็นคนบอกเองไม่ใช่รึชายวี งานใหญ่เชียวนา แถมลูกก็บอกว่าชอบที่จะขึ้นเวทีอีก” แม่พูดพลางจับไหล่ลูกชาย

                “ผมเคยบอกแม่ไปแล้ว แล้วงานนี้มันคืออะไรกัน...งานย้อนยุคหรืองานการแข่งขันชุดสมัยโบราณ ทำไมผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรบ้างเลย” เขายังคงทำสีหน้าเคร่งเครียดใส่แม่ของตัวเอง

                “เฮ้อ...แม่ละอยากเอาหัวโขกประตูจริงเลย...” แม่กุมขมับก่อนจะพูดตัดบท “...แต่ก็ช่างเถอะ ไว้งานนี้จบเมื่อไรแล้วเรามาเคลียร์กันอีกที”

                หลังจบประโยค แม่ไม่รอให้ลูกชายตัวเองได้พูดอะไรก็เดินออกจากประตูไป ปล่อยให้อีกคนอ้าปากพะงาบๆ โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของอีกคน...

               

                กลับมาที่ปัจจุบัน...

                “งานจบแล้ว เรารีบกลับบ้านกันเถอะ ชายวี” แม่เดินมาหาลูกชายหลังจากที่เดินลงจากเวทีแล้ว ซึ่งก็ตามมาด้วยคนสนิทคนเดิมของคุณชายวีรภัทรที่ชื่อ 'เขม’

                “ตกลงครับ เคลียร์เสร็จเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก” ชายเล็กพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนทำเอาคนฟังเกิดอาการหวั่นๆ โดยเฉพาะเขมที่เป็นถึงคนสนิทของคุณชายวีรภัทร เจ้านายเขาดูเปลี่ยนไปตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำตรงนั้นแล้วเหมือนกับคนอีกคนที่ไม่ใช่คุณชายคนเดิมของเขาอีกต่อไป…

                “คุณชายครับ...” เขมเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นรถ

                “นี่คุณ...เลิกเรียกผมว่าคุณชายสักทีเถอะ ผมไม่ใช่คุณชายสักหน่อย” ชายวีรีบหันมาพูดขัดคนที่อยู่ข้างหลัง ทำให้เจ้าตัวที่ฟังอยู่ถึงกับงุนงงเข้าไปใหญ่

                “ชายวี...วันนี้ลูกดูแปลกเกินไปแล้วนะ” คุณหญิงก็พูดขัดอีกคน ชายวีขมวดคิ้วหันไปพูดด้วยน้ำเสียงบ่งบอกไม่พอใจอย่างหนัก “ขอให้มันเป็นแค่เรื่องของผมเถอะ”

                สิ้นประโยคของคุณชายวีรภัทร คุณหญิงก็เงียบสงบลงโดยไม่เอ่ยคำอะไรอีก และตอนนี้ทุกคนก็เดินมาถึงตรงที่รถจอดรออยู่แล้ว....

                “กรี๊ดดดดดดดด!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่งก่อนจะมีเสียงเหนี่ยวไกปืนดังตามมา

                ปัง! ปัง!

                “กรี๊ดด! หลบเร็วชายวี!!” คุณหญิงร้องด้วยความตกใจรีบดึงตัวลูกชายที่อยู่ข้างๆ ให้ไปหลบข้างๆ รถ

                “แม่! มันเกิดไรขึ้น!” คุณชายวีรภัทรพูดเสียงสั่นเพราะความตื่นเต้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาถ่ายทำละครกันหรือปล้นบ้านคนงั้นเหรอ?!

                “กระผมว่ามันไม่ปลอดภัยแล้วนะขอรับ! คุณชายกับคุณท่านควรกลับเข้าไปในงานก่อน ส่วนทางนี้กระผมจะจัดการเองขอรับ!!” เขมรีบออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักๆ

                “งั้นฝากหน่อยนะเขม! ไปกันเถอะชายวี!!” คุณหญิงเห็นด้วยทันที รีบดึงลูกชายให้วิ่งตามเข้าไปหลบภายในงาน ซึ่งผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นก็ต่างพากันวิ่งกระเสือกกระสนหนีกระสุนปืนที่จะตามมาอีกหลายนัด

                “สังหารหมู่!! รีบหนีไป!!!” เสียงประโยคของใครสักคนดังเข้าหูของคุณชายวีรภัทร สังหารหมู่อย่างงั้นเหรอ?

                ปัง!!!

                ไม่ถึงเพียงวินาทีที่กำลังก้าวเท้าจะถึงประตูภายในงาน หัวใจของผู้เป็นแม่ก็แทบจะสลายลงในพริบตา...

                “โอ้ยย!!” คุณชายวีรภัทรล้มลงพื้นอย่างรวดเร็วด้วยความเจ็บปวด กระสุนถูกแทงเข้าที่หัวใจข้างซ้ายอย่างจัง ก่อนจะตามด้วยเลือดที่เริ่มไหลออกมาอย่างรวดเร็ว

                “ชายวี!!” เสียงของแม่ดูสั่นเครืออย่างหนัก รีบนั่งลงกอดอีกคนที่นอนอยู่บนพื้น

                “มะ...แม่...”อีกคนพูดด้วยอาการที่หมดแรง คอของเขาเริ่มแห้งผาก และแม้จะพยายามขยับตัว แต่ทว่ายิ่งขยับมากเท่าไร ความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

                ‘จะไม่ไหวแล้ว’ เสียงของหัวใจดังขึ้น ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนอย่างหนัก...

                นี่เหรอชีวิตของซุปตาร์เบอร์หนึ่งของไทย อย่างติณห์ สดิษห์ ดาราหนุ่มที่ต้องจบลงเพราะเหตุการณ์สังหารหมู่ในงานแปลกๆ ด้วยวัยเพียง 20 ปี

                นี่เหรอชีวิตบั้นปลายที่เขาพยายามมาอย่างหนักแม้จะล้มทั้งยืนก็ตามที มันจบลงแค่นี้เหรอความฝันที่สานต่อจนเกิดขึ้นจริง เหอะ มันก็คงจะใช่อย่างที่ว่า ไม่หลงเหลืออะไรแล้ว มันคงจบลงแล้วอนาคตที่แสนดีของเขา มันคงจบสิ้นกันแล้ว มันคงจบลงทุกอย่าง...

                แต่ถ้าหากใครช่วยให้เขาฟื้นได้อีกครั้ง แม้จะยากเย็นเท่าไร เขาก็จะยอม...ยอมทุกอย่าง  ขอร้องละ! เขายังไม่อยากตายตอนนี้ ใครก็ได้ช่วยที! ช่วยเขาสักที!!

                ติ๊ด!

สิ้นเสียงของหัวใจครั้งสุดท้าย ทุกอย่างก็เงียบฉับพลัน และแล้วสติของติณห์ก็วูบดับลงไปพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดลงอย่างรวดเร็ว

“ไม่!!! ชายวี!!!!!!!!!!!!!!!!”

 --------------------------------------------------------------------------------------------------

โหยยยยย อยู่ดีๆ ตัวเอกก็พลันมาดับชีวิตลงในร่างของอีกคน แล้วใครจะมาช่วยชีวิตเขากันละ ขอร้อง...อย่าหยุดร้อง ใครก็ได้ช่วยติณห์ที ขนาดคนเขียนก็เริ่มจะดราม่าตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วคะ แถมให้หลายคนไปอ่านดูก็บอกว่างงเด้ งงเด้ เนื้อเรื่องดูสับสนมากมาย 555 เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะพยายามปรับเนื้อเรื่องให้เข้าใจนะคะ ช่วยติดตามกันหน่อยเนอะ แฮร่ๆ

ญาญ่าคิม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา