รักหมดใจ...เจ้าชายกระดาษ (Re-Write)
8.0
เขียนโดย ภรณ์นิชา
วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.19 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
11.47K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 11.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) 2 | เพื่อนร่วมห้อง (100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรักหมดใจ...เจ้าชายกระดาษ
2 : เพื่อนร่วมห้อง (100%)
'เป็นโรคจิตเหรอ' - ปริ๊นซ์
ชั่วโมงแรกของวันนี้เป็นวิชาโฮมรูม ซึ่งแน่นอนว่าครูไม่เข้าและคงไม่คิดจะเข้า ทำให้ชั่วโมงนี้เป็นเวลาทองของคนที่ทำการบ้านที่ยังไม่เสร็จ รวมถึงยัยเพื่อนซี้ฉันด้วย
“ต้นข้าว การบ้านวิชาภาษาไทยที่ให้ถอดคำประพันธ์น่ะเสร็จยัง? ขอดูหน่อยจิ”
ยัยนี่เคยทำการบ้านบ้างไหมเนี่ย เสร็จอีกวิชาก็ต่ออีกวิชา เฮ้อ
ครืด
บรรยากาศจอแจในห้องเงียบลงทันควัน เมื่อครูอมร ครูที่ปรึกษาประจำห้องม.5 ของฉันเลื่อนประตูโผล่หน้าเข้ามาแบบขรึมๆ
“เอ้า นั่งที่ให้เรียบร้อย เธอลงจากโต๊ะด้วย”
ทุกคนรีบกระวีกระวาดเข้านั่งที่ของตนเอง แม้จะยังงงๆ ว่าทำไมวันนี้ไม่เหมือนปกติ
“วันนี้ครูจะขอเวลาพวกเราแค่แป๊บเดียวนะ” ครูอมรว่าพลางเท้าแขนนึงลงบนโต๊ะแล้วกวาดสายตาไปทั่วห้อง
ยัยน้ำค้างป้องปากแล้วพูดเสียงเบา “แหม่ ให้แป๊บจริงเถอะ งานฉันยังไม่เสร็จเลยเนี่ย”
“นาดา เดี๋ยวครูก็ปล่อยไปให้ทำการบ้านแล้ว ไม่นานหรอก โอเคมั้ย”
นาดาของครู หรือ น้ำค้างของเพื่อน สะดุ้งโหยงแล้วหันไปยิ้มแห้งๆ ให้ครู แต่ก็ไม่วายแอบทำปากขมุบขมิบ
“วันนี้ที่ครูมาพบปะพวกเรา เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้ง คือ โรงเรียนเรามีนักเรียนย้ายมาใหม่ และนักเรียนคนนั้นก็จะมาอยู่ห้องเรา เดี๋ยวจะ…”
“อ๊ายยย ผู้หญิงหรือผู้ชายคะคุณครู!?” มือยัยน้ำค้างลอยหวือขึ้นกลางอากาศแล้วถามเสียงตื่นเต้น
“ก็กำลังจะแนะนำอยู่นี่ไง” ครูอมรจิ๊ปากอย่างขัดอารมณ์ “ปิยวัช เข้ามาได้แล้วจ้ะ”
สิ้นเสียงครูอมร ร่างสูงที่ยืนหลบอยู่หลังประตูก็ก้าวออกมาช้าๆ ก่อนจะมาหยุดยืนข้างๆ ครูอมรพร้อมกวาดสายตาไปทั่วห้อง
“สวัสดีครับ” เขาว่าพลางก้มหัวลงน้อยๆ “ปริ๊นซ์ ปิยวัช ธนศิลป์ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน”
“กรี๊ดดด”
เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในห้องรวมถึงน้ำค้างที่กรี๊ดพร้อมข่วนโต๊ะไปด้วยดังขึ้นทันทีที่ประโยคแนะนำตัวนั้นจบลง
หากแต่ทุกอย่างไม่ได้สะเทือนเข้าไปในห้องหัวสมองฉันเลยสักนิด เพราะทันทีที่ได้มองหน้านักเรียนใหม่เต็มตา ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกฮุคเข้าที่ปลายคางอย่างจัง ทุกอย่างเหมือนภาพช้า เสียงทุกเสียงเงียบไปเมื่อได้เห็นหน้าเขา
ผู้ชายตัวสูงราว 185 เซนติเมตร ผิวขาวซีด ผมดำเงา ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มและริมฝีปากระเรื่อเป็นกระจับนั่น…
เขาคือปริ๊นซ์ คนๆ เดียวกับในฝันของฉันแน่นอน!
“พอได้แล้วสาวๆ ยังไงก็ยินดีต้อนรับสู่เขมินทรานะจ้ะปิยวัช อืม…นั่งตรงนั้นล่ะกันนะ”
ฉันจ้องมองเขาจนกระทั่งเขาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงมาที่ฉันช้าๆ แล้วพยักพเยิดไปที่นั่งข้างๆ ฉันก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง
ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งใช่ ผู้ชายคนนี้เหมือนกันกับผู้ชายในความฝันฉันอย่างกับแกะ
โอ้ มาย ก็อดดด
“เฮ้ พวกเธอได้ยินฉันบ้างไหม” เสียงเรียบๆ แต่ติดจะหงุดหงิดทำฉันได้สติก่อนจะละล่ำละลักถามออกไป
“อะ อะไรนะ”
เขาถอนหายใจพรืดแล้วพูดซ้ำ “ครูอมรให้ฉันมานั่งข้างเธอ แต่เพื่อนเธอไม่ลุก ช่วยบอกเพื่อนเธอด้วย”
ยัยน้ำค้างที่เพิ่งได้สติหันไปถามครูเสียงแหลม “คุณครูคะ ทำไมต้องให้หนูย้ายออกอะ”
“ก็เธอชอบจ้อ ชวนพิมพิศาคุยตลอด”
“งั้นให้พิมพิศาย้ายออก แล้วให้ปริ๊นซ์มานั่งข้างหนูแทนสิคะ”
ฉันหันไปถลึงตาใส่เพื่อนซี้ทันที ยัยเพื่อนคนนี้นี่ เห็นผู้ชายสำคัญกว่าเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?
“ไม่ เดี๋ยวเธอก็ชวนเพื่อนใหม่คุยจ้อไม่เป็นอันเรียนพอดี ไปนั่งโต๊ะเดี่ยวที่ยังว่างข้างหลังเลย แหนะ ไม่ต้องเถียงแล้ว” ครูอมรบอกเสียงเฉียบขาดก่อนจะขัดขึ้นเมื่อน้ำค้างกำลังจะอ้าปากพูด
“แกนี่ทำบุญด้วยอะไรนะ กระซิกๆ” สุดท้ายน้ำค้างจึงต้องเก็บข้าวของอพยพไปนั่งโต๊ะเดี่ยวแถวหลังสุดด้วยหัวใจอันชอกช้ำ แต่ก็ยังไม่วายหันมาขอสมุดการบ้านภาษาไทยของฉันติดมือไปด้วย
“อ่อ เรียนเสร็จเรามีเรื่องต้องคุยกันนะยะ” น้ำค้างทิ้งท้ายพลางบุ้ยใบ้ไปทางนักเรียนใหม่ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ขยายความต่อว่าเรื่องที่ว่านั้นคือเรื่องอะไร
นักเรียนใหม่ก้มหัวขอบคุณน้ำค้างเล็กน้อยก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ฉัน กลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูกอย่างจัง
นี่เหรอ ผู้ชายที่ฉันฝันถึงมานาน
ฝัน...เขาเป็นแค่ภาพในฝันแน่ๆ เลย
ฉันจ้องเขาอย่างนั้นไม่รู้นานเท่าไหร่ จนเขาหันมาเลิกคิ้วให้เป็นเชิงว่า ‘มีอะไร’ ฉันจึงรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ขอจับหน่อยได้มั้ย”
“อะไรนะ!?”
เขาท้วงเสียงดังก่อนจะหุบขาเข้าอย่างทันควัน ฉันที่เห็นอย่างนั้นก็ได้สติทันที
ตะกี้ฉันพูดอะไรน่าอายออกไปเนี่ยยย
“ไม่ๆๆ ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น” ฉันส่ายหัวไปมาจนแว่นแทบหลุดพร้อมทำหน้าตาให้ดูน่าเชื่อถือ ไม่ออกแนวโรคจิตจนเกินไป
“ฉันหมายถึงขอจับมือทักทายได้มั้ย”
ปริ๊นซ์เลิกคิ้วอีกรอบเหมือนอยากจะถามอะไร แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นมือมา
ฉันมองมือเรียวสลับกับใบหน้าเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนเขาถอนหายใจพรืดแล้วยื่นมือมาใกล้ขึ้นอีก
ฉันเคยเห็นเขาเพียงแค่ในฝัน แต่ตอนนี้เขากลับมานั่งอยู่ตรงหน้า
เหมือนฝัน เหมือนฝันเสียจริงๆ
ฉันค่อยๆ ยื่นมือไปสัมผัสมือตรงหน้า มือฉันที่เล็กอยู่แล้วยิ่งเล็กไปใหญ่เมื่ออยู่ในอุ้งมือของเขา
อุ่น…นุ่ม
และสัมผัสได้
แม่จ๋าา หนูไม่ได้ฝัน!
สุดท้ายฉันก็เผลอยิ้มออกมาอย่างลิงโลด
“ยิ้มทำไมน่ะ” ปริ๊นซ์ทำหน้าประหลาดพร้อมดึงมือกลับ ฉันไม่คิดยื้อมือเขาไว้แต่กลับเปลี่ยนท่ามานั่งจ้องหน้าเขาจริงๆ จังๆ แล้วถาม
“นายรู้จักฉันมั้ย”
เขาหันหน้ามามองฉันแว๊บนึง แล้วหันไปสนใจกับสมาร์ทโฟนในมือต่อก่อนจะตอบสั้นๆ
“ไม่”
“แต่นายออกมาจากในฝันฉันนี่ นายน่าจะรู้ชื่อฉัน”
จบประโยค ปริ๊นซ์ก็หันหน้ามามองฉันเหมือนมองสัตว์ประหลาด
“หลุดออกมาจากไหนนะ?”
“ก็ในฝันไง” ฉันย้ำอีกรอบ “ฉันฝันถึงนายมาตั้งแต่จำความได้ ฉันวาดรูปนายออกมาเป็นสิบๆ กว่ารูปติดเต็มผนังห้องนอนเลย”
“ยัยแว่น เธอ…” เขามองฉันอย่างอึ้งๆ “เป็นโรคจิตเหรอ”
“ฮะ? ไม่ใช่นะฉันแค่…” ฉันพูดได้เท่านั้น คนตรงหน้าก็หยิบหูฟังขึ้นมายัดใส่หูเป็นสัญญาณขอยุติการสนทนาทั้งสิ้นลง
อีตาบ้านี่ กล้าใช้ใบหน้าชายในฝัน เรียกฉันว่า ‘ยัยแว่น’ ได้ยังไง แย่มาก!
ฉันเหล่ตามองคนข้างๆ ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย เพราะค่อนข้างผิดคาดเรื่องนิสัยใจคอของเขาไปหน่อย
ก็ปริ๊นซ์ที่ฉันจำได้ เป็นคนยิ้มง่าย หัวเราะได้สดใสที่สุดในโลก ไม่มีเสียหรอกที่จะมาทำหน้านิ่งๆ เรียกฉันว่า ‘ยัยแว่น’ แบบไร้มนุษยสัมพันธ์น่ะ
หรือจะเป็นไปได้มั้ยนะว่าการหลุดออกมาเป็นคน มีตัวตน จะทำให้ความทรงจำส่วนนั้นของเขาหายไป
“ถ้านายจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันจะหาหลักฐานมาให้นายดูจนกว่านายจะจำได้ คอยดู”
ฉันเปรยออกมาเสียงเข้ม ซึ่งดูเหมือนคนข้างๆ จะได้ยินเพราะเขาหันหน้ามามองฉันก่อนจะยักไหล่ ราวกับจะบอกว่า ‘แล้วแต่’
“อย่าถลึงตาใส่อีกก็พอ” ว่าแล้วก็ชี้มาที่แว่นของฉัน “อย่างกับตาจะถลนออกมา”
ฉันคว้าหมับเข้าที่แว่นแล้วถลึงตาใส่เขาอีกรอบ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ให้ความสนใจกับฉันอีกต่อไป
หมั่นไส้อีตาปริ๊นซ์เวอร์ชั่นนี้จัง…ฮึ่ม
----------------------------------- (100%)
ปริ๊นซ์คิดว่าต้นข้าวจะขอจับอะไร ถึงได้รีบหุบขาฉับแบบนั้น นางเอกเราออกจะไสยๆ 5555
จะบอกว่าปริ๊นซ์เวอร์ชั่นก่อนรีไรท์นี่อบอุ่นม้ากกก (ก.ไก่ล้านตัว) พูดไปยิ้มไปทุกคำ ต้นข้าวว่าไง ปริ๊นซ์ว่าตาม คิดไปคิดมาลองเปลี่ยนลุคเป็นเจ้าชายเย็นชาดีกว่า (ไรท์ชอบ 555)
สาวๆ เจอปริ๊นซ์แล้ว เป็นยังไงบ้าง มาเมาธ์กันได้เด้ออ
รัก
ภรณ์นิชา
2 : เพื่อนร่วมห้อง (100%)
'เป็นโรคจิตเหรอ' - ปริ๊นซ์
ชั่วโมงแรกของวันนี้เป็นวิชาโฮมรูม ซึ่งแน่นอนว่าครูไม่เข้าและคงไม่คิดจะเข้า ทำให้ชั่วโมงนี้เป็นเวลาทองของคนที่ทำการบ้านที่ยังไม่เสร็จ รวมถึงยัยเพื่อนซี้ฉันด้วย
“ต้นข้าว การบ้านวิชาภาษาไทยที่ให้ถอดคำประพันธ์น่ะเสร็จยัง? ขอดูหน่อยจิ”
ยัยนี่เคยทำการบ้านบ้างไหมเนี่ย เสร็จอีกวิชาก็ต่ออีกวิชา เฮ้อ
ครืด
บรรยากาศจอแจในห้องเงียบลงทันควัน เมื่อครูอมร ครูที่ปรึกษาประจำห้องม.5 ของฉันเลื่อนประตูโผล่หน้าเข้ามาแบบขรึมๆ
“เอ้า นั่งที่ให้เรียบร้อย เธอลงจากโต๊ะด้วย”
ทุกคนรีบกระวีกระวาดเข้านั่งที่ของตนเอง แม้จะยังงงๆ ว่าทำไมวันนี้ไม่เหมือนปกติ
“วันนี้ครูจะขอเวลาพวกเราแค่แป๊บเดียวนะ” ครูอมรว่าพลางเท้าแขนนึงลงบนโต๊ะแล้วกวาดสายตาไปทั่วห้อง
ยัยน้ำค้างป้องปากแล้วพูดเสียงเบา “แหม่ ให้แป๊บจริงเถอะ งานฉันยังไม่เสร็จเลยเนี่ย”
“นาดา เดี๋ยวครูก็ปล่อยไปให้ทำการบ้านแล้ว ไม่นานหรอก โอเคมั้ย”
นาดาของครู หรือ น้ำค้างของเพื่อน สะดุ้งโหยงแล้วหันไปยิ้มแห้งๆ ให้ครู แต่ก็ไม่วายแอบทำปากขมุบขมิบ
“วันนี้ที่ครูมาพบปะพวกเรา เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้ง คือ โรงเรียนเรามีนักเรียนย้ายมาใหม่ และนักเรียนคนนั้นก็จะมาอยู่ห้องเรา เดี๋ยวจะ…”
“อ๊ายยย ผู้หญิงหรือผู้ชายคะคุณครู!?” มือยัยน้ำค้างลอยหวือขึ้นกลางอากาศแล้วถามเสียงตื่นเต้น
“ก็กำลังจะแนะนำอยู่นี่ไง” ครูอมรจิ๊ปากอย่างขัดอารมณ์ “ปิยวัช เข้ามาได้แล้วจ้ะ”
สิ้นเสียงครูอมร ร่างสูงที่ยืนหลบอยู่หลังประตูก็ก้าวออกมาช้าๆ ก่อนจะมาหยุดยืนข้างๆ ครูอมรพร้อมกวาดสายตาไปทั่วห้อง
“สวัสดีครับ” เขาว่าพลางก้มหัวลงน้อยๆ “ปริ๊นซ์ ปิยวัช ธนศิลป์ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน”
“กรี๊ดดด”
เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในห้องรวมถึงน้ำค้างที่กรี๊ดพร้อมข่วนโต๊ะไปด้วยดังขึ้นทันทีที่ประโยคแนะนำตัวนั้นจบลง
หากแต่ทุกอย่างไม่ได้สะเทือนเข้าไปในห้องหัวสมองฉันเลยสักนิด เพราะทันทีที่ได้มองหน้านักเรียนใหม่เต็มตา ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกฮุคเข้าที่ปลายคางอย่างจัง ทุกอย่างเหมือนภาพช้า เสียงทุกเสียงเงียบไปเมื่อได้เห็นหน้าเขา
ผู้ชายตัวสูงราว 185 เซนติเมตร ผิวขาวซีด ผมดำเงา ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มและริมฝีปากระเรื่อเป็นกระจับนั่น…
เขาคือปริ๊นซ์ คนๆ เดียวกับในฝันของฉันแน่นอน!
“พอได้แล้วสาวๆ ยังไงก็ยินดีต้อนรับสู่เขมินทรานะจ้ะปิยวัช อืม…นั่งตรงนั้นล่ะกันนะ”
ฉันจ้องมองเขาจนกระทั่งเขาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงมาที่ฉันช้าๆ แล้วพยักพเยิดไปที่นั่งข้างๆ ฉันก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง
ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งใช่ ผู้ชายคนนี้เหมือนกันกับผู้ชายในความฝันฉันอย่างกับแกะ
โอ้ มาย ก็อดดด
“เฮ้ พวกเธอได้ยินฉันบ้างไหม” เสียงเรียบๆ แต่ติดจะหงุดหงิดทำฉันได้สติก่อนจะละล่ำละลักถามออกไป
“อะ อะไรนะ”
เขาถอนหายใจพรืดแล้วพูดซ้ำ “ครูอมรให้ฉันมานั่งข้างเธอ แต่เพื่อนเธอไม่ลุก ช่วยบอกเพื่อนเธอด้วย”
ยัยน้ำค้างที่เพิ่งได้สติหันไปถามครูเสียงแหลม “คุณครูคะ ทำไมต้องให้หนูย้ายออกอะ”
“ก็เธอชอบจ้อ ชวนพิมพิศาคุยตลอด”
“งั้นให้พิมพิศาย้ายออก แล้วให้ปริ๊นซ์มานั่งข้างหนูแทนสิคะ”
ฉันหันไปถลึงตาใส่เพื่อนซี้ทันที ยัยเพื่อนคนนี้นี่ เห็นผู้ชายสำคัญกว่าเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?
“ไม่ เดี๋ยวเธอก็ชวนเพื่อนใหม่คุยจ้อไม่เป็นอันเรียนพอดี ไปนั่งโต๊ะเดี่ยวที่ยังว่างข้างหลังเลย แหนะ ไม่ต้องเถียงแล้ว” ครูอมรบอกเสียงเฉียบขาดก่อนจะขัดขึ้นเมื่อน้ำค้างกำลังจะอ้าปากพูด
“แกนี่ทำบุญด้วยอะไรนะ กระซิกๆ” สุดท้ายน้ำค้างจึงต้องเก็บข้าวของอพยพไปนั่งโต๊ะเดี่ยวแถวหลังสุดด้วยหัวใจอันชอกช้ำ แต่ก็ยังไม่วายหันมาขอสมุดการบ้านภาษาไทยของฉันติดมือไปด้วย
“อ่อ เรียนเสร็จเรามีเรื่องต้องคุยกันนะยะ” น้ำค้างทิ้งท้ายพลางบุ้ยใบ้ไปทางนักเรียนใหม่ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ขยายความต่อว่าเรื่องที่ว่านั้นคือเรื่องอะไร
นักเรียนใหม่ก้มหัวขอบคุณน้ำค้างเล็กน้อยก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ฉัน กลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูกอย่างจัง
นี่เหรอ ผู้ชายที่ฉันฝันถึงมานาน
ฝัน...เขาเป็นแค่ภาพในฝันแน่ๆ เลย
ฉันจ้องเขาอย่างนั้นไม่รู้นานเท่าไหร่ จนเขาหันมาเลิกคิ้วให้เป็นเชิงว่า ‘มีอะไร’ ฉันจึงรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ขอจับหน่อยได้มั้ย”
“อะไรนะ!?”
เขาท้วงเสียงดังก่อนจะหุบขาเข้าอย่างทันควัน ฉันที่เห็นอย่างนั้นก็ได้สติทันที
ตะกี้ฉันพูดอะไรน่าอายออกไปเนี่ยยย
“ไม่ๆๆ ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น” ฉันส่ายหัวไปมาจนแว่นแทบหลุดพร้อมทำหน้าตาให้ดูน่าเชื่อถือ ไม่ออกแนวโรคจิตจนเกินไป
“ฉันหมายถึงขอจับมือทักทายได้มั้ย”
ปริ๊นซ์เลิกคิ้วอีกรอบเหมือนอยากจะถามอะไร แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นมือมา
ฉันมองมือเรียวสลับกับใบหน้าเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนเขาถอนหายใจพรืดแล้วยื่นมือมาใกล้ขึ้นอีก
ฉันเคยเห็นเขาเพียงแค่ในฝัน แต่ตอนนี้เขากลับมานั่งอยู่ตรงหน้า
เหมือนฝัน เหมือนฝันเสียจริงๆ
ฉันค่อยๆ ยื่นมือไปสัมผัสมือตรงหน้า มือฉันที่เล็กอยู่แล้วยิ่งเล็กไปใหญ่เมื่ออยู่ในอุ้งมือของเขา
อุ่น…นุ่ม
และสัมผัสได้
แม่จ๋าา หนูไม่ได้ฝัน!
สุดท้ายฉันก็เผลอยิ้มออกมาอย่างลิงโลด
“ยิ้มทำไมน่ะ” ปริ๊นซ์ทำหน้าประหลาดพร้อมดึงมือกลับ ฉันไม่คิดยื้อมือเขาไว้แต่กลับเปลี่ยนท่ามานั่งจ้องหน้าเขาจริงๆ จังๆ แล้วถาม
“นายรู้จักฉันมั้ย”
เขาหันหน้ามามองฉันแว๊บนึง แล้วหันไปสนใจกับสมาร์ทโฟนในมือต่อก่อนจะตอบสั้นๆ
“ไม่”
“แต่นายออกมาจากในฝันฉันนี่ นายน่าจะรู้ชื่อฉัน”
จบประโยค ปริ๊นซ์ก็หันหน้ามามองฉันเหมือนมองสัตว์ประหลาด
“หลุดออกมาจากไหนนะ?”
“ก็ในฝันไง” ฉันย้ำอีกรอบ “ฉันฝันถึงนายมาตั้งแต่จำความได้ ฉันวาดรูปนายออกมาเป็นสิบๆ กว่ารูปติดเต็มผนังห้องนอนเลย”
“ยัยแว่น เธอ…” เขามองฉันอย่างอึ้งๆ “เป็นโรคจิตเหรอ”
“ฮะ? ไม่ใช่นะฉันแค่…” ฉันพูดได้เท่านั้น คนตรงหน้าก็หยิบหูฟังขึ้นมายัดใส่หูเป็นสัญญาณขอยุติการสนทนาทั้งสิ้นลง
อีตาบ้านี่ กล้าใช้ใบหน้าชายในฝัน เรียกฉันว่า ‘ยัยแว่น’ ได้ยังไง แย่มาก!
ฉันเหล่ตามองคนข้างๆ ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย เพราะค่อนข้างผิดคาดเรื่องนิสัยใจคอของเขาไปหน่อย
ก็ปริ๊นซ์ที่ฉันจำได้ เป็นคนยิ้มง่าย หัวเราะได้สดใสที่สุดในโลก ไม่มีเสียหรอกที่จะมาทำหน้านิ่งๆ เรียกฉันว่า ‘ยัยแว่น’ แบบไร้มนุษยสัมพันธ์น่ะ
หรือจะเป็นไปได้มั้ยนะว่าการหลุดออกมาเป็นคน มีตัวตน จะทำให้ความทรงจำส่วนนั้นของเขาหายไป
“ถ้านายจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันจะหาหลักฐานมาให้นายดูจนกว่านายจะจำได้ คอยดู”
ฉันเปรยออกมาเสียงเข้ม ซึ่งดูเหมือนคนข้างๆ จะได้ยินเพราะเขาหันหน้ามามองฉันก่อนจะยักไหล่ ราวกับจะบอกว่า ‘แล้วแต่’
“อย่าถลึงตาใส่อีกก็พอ” ว่าแล้วก็ชี้มาที่แว่นของฉัน “อย่างกับตาจะถลนออกมา”
ฉันคว้าหมับเข้าที่แว่นแล้วถลึงตาใส่เขาอีกรอบ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ให้ความสนใจกับฉันอีกต่อไป
หมั่นไส้อีตาปริ๊นซ์เวอร์ชั่นนี้จัง…ฮึ่ม
----------------------------------- (100%)
ปริ๊นซ์คิดว่าต้นข้าวจะขอจับอะไร ถึงได้รีบหุบขาฉับแบบนั้น นางเอกเราออกจะไสยๆ 5555
จะบอกว่าปริ๊นซ์เวอร์ชั่นก่อนรีไรท์นี่อบอุ่นม้ากกก (ก.ไก่ล้านตัว) พูดไปยิ้มไปทุกคำ ต้นข้าวว่าไง ปริ๊นซ์ว่าตาม คิดไปคิดมาลองเปลี่ยนลุคเป็นเจ้าชายเย็นชาดีกว่า (ไรท์ชอบ 555)
สาวๆ เจอปริ๊นซ์แล้ว เป็นยังไงบ้าง มาเมาธ์กันได้เด้ออ
รัก
ภรณ์นิชา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ