มนต์บุปผา
2.0
เขียนโดย NAT_N
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 08.13 น.
3 chapter
6 วิจารณ์
6,079 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 10.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ร่ายที่ ๑ – สู่อดีต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร่ายที่ ๑ – สู่อดีต
“กรี๊ดดดดดด”
ตุบ!
“โอยยย เจ็บๆสะโพกจะพังรึเปล่าเนี่ย” เสียงแนนบ่นเบาๆ เพราะพวกเธอหล่นลงกระแทกกับพื้นดินจะๆ แต่ เอ๊ะ!
ที่นี่มันที่ไหนล่ะเนี่ย
“ตาลๆ ทะ ที่นี่มันที่ไหนอะ” สะกิดอีกคนที่มัวแต่ลูบคลำสะโพกด้วยความเจ็บ
“ไม่รู้ หันไปที่ไหนก็มีแต่ป่ากับป่า นี่เราโดนพายุพัดมาตกที่ไหนเนี่ย แล้วไอ้พายุบ้าๆนั่นมันเกิดขึ้นได้ไงวะ กลางวันแสกๆแดดจ้าๆ โอ๊ยงง” ตาลที่นั่งลูบก้นอยู่หันไปมองรอบพร้อมกับการเรียงลำดับเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้
พอนึกขึ้นได้หญิงสาวสองคนจึงหันมามองหน้ากันตาโต
“เจ้าพ่อไก่แดง!!!!!!!”
“ฉันว่าแล้วถ้าใช่จริงๆ แกไม่น่าไปขออะไรแบบนั้นเลย ดูดิยังไม่ได้ไปสอบกลับโดนพัดมาตกที่ไหนก็ไม่รู้”
“เอ๊า แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้าพ่อไก่แดงจะให้พรเก่งแบบนี้ ฉันว่าเราช่วยกันหาทางออกจากป่านี่ก่อนจะค่ำเถอะ” ว่าแล้วก็พากันลุกขึ้นก่อนคนชวนจะนึกอะไรออกอีก
“แล้วว่าแต่เราจะไปทางไหนอะ” ตาลหันมาพูดกับแนนที่สมัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มจะเป็นกูรูในเรื่องต่างๆ
“ฉันก็ไม่รู้สิ แต่ว่าเราน่าจะเดินไปทางทิศตะวันออกนะเผื่อเจอคน บางทีอาจเจอหมู่บ้าน”
“แล้วในป่าแบบนี้จะมีคนได้ยังไง” ตาลมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความสงสัย
“เผื่อไงเผื่อ อาจเป็นชาวบ้านมาหาของป่าก็ได้”
“อ่า จริงสิ งั้นเรารีบไปกันเถอะ”
สองสาวจับมือกันเดินไปทางทิศตะวันออกเรื่อยๆชวนกันคุยตามทางเพื่อไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไปนัก
สำหรับตาลตลอดทางที่เดินผ่านนั้นก็ทำสัญลักษณ์ไว้กับต้นไม้ โดยมีดพกอันเล็กที่เธอกับเพื่อนพกติดตัวไว้เสมอเผื่อได้ใช้ในความจำเป็น ตามคำที่พ่อสอน
ครอบครัวของเธอสองคนรู้จักกันเพราะพ่อกับแม่เป็นเพื่อกันครอบครัวตาลทำงานในโลกมืดที่ไม่ดำจนเกินไปนัก เสมือนผู้มีอิทธิพลมากมากว่า ส่วนแนนนั้นพ่อเป็นผู้ดีเก่าที่ผันตัวไปเป็นนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่ โดยมีพ่อของตาลสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทำให้ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน
“นั่นอะไรอะ เหมือนมีคนนอนอยู่ที่ใต้ต้นไม้เลย” ด้วยความตาไว ทำให้ตาลสังเกตสิ่งรอบตัวได้ไวกว่าเพื่อนสาว เหลือบเห็นชายแขนเสื้อโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้
“อะไรอะ แกเห็นอะไร ฉันกลัวจริงๆนะ”
“น่าไปดูเถอะ ไม่มีอะไรจะเสียละ เผื่อเป็นคนจะได้ขอให้ช่วยพาเราออกจากป่าไง”
“เผื่อเขาเป็นโจรเราจะไม่แย่หรอ”
“โอ๊ย จะยากอะไรถ้าเป็นจริงๆเราก็ช่วยกันกระทืบโทษฐานทำให้เสียเวลาไง”
“ตกลงจะช่วยจริงๆใช่มั้ย บอกตามตรงกลางป่าแบบนี้ไม่อยากไว้ใจใคร”
“น่าๆมีไรเกิดขึ้นฉันรับผิดชอบเอง”
ไม่รอฟังคำตอบตาลจัดการลากเพื่อนซี้เดินไปดูใต้ต้นไม่ใหญ่ทันที
“กรี๊ดดดดด ศพพพพพ” เสียงคนที่พามากรีดร้องขึ้นพร้อมกับเพื่อนข้างๆกายจนนกที่อยู่บนต้นไม้ตกใจบินหนีขึ้นฟ้า
“เดี๋ยวๆเงียบก่อนยังไม่ตาย หน้าอกยังขยับอยู่ แต่ทำไมเลือดท่วมอย่างนี้ล่ะ”
“อ้าวยังไม่ตายหรอ ฉันว่ารับดูอาการก่อนเหอะ ถ้าไม่แล้วฉันว่าได้ตายแน่ๆ” ตาลบอกพร้อมกับเอานิ้วไปอังใต้จมูกชายแปลกหน้า
“ยังหายใจอยู่ถึงจะแผ่วๆก็เถอะ”
“งั้นเก็บอาวุธเขามาไว้กับเราก่อนเผื่อเขาเล่นไม่ซื่อ”
ตาลเก็บอาวุธของคนบาดเจ็บมาไว้กับแนน เมือเล็กคลำหาอาวุธเหมือนตำรวจตรวจสอบอาวุธคนน่าสงสัยก่อนเข้าห้างทอง พบเป็นมืดเล่มเล็กกับดาบอีกเล่มที่นอนอยู่ข้างกายชายหนุ่มเท่านั้น
“เอาไงต่อดี”
“คงต้องก่อไฟแล้วเพราะใกล้จะค่ำเต็มที ฉันได้ยินเสียงน้ำไหลเดี๋ยวจะไปตักน้ำมาให้ นั่นใบสาบเสือแกไปเก็บมาเยอะๆเลยนะ ก่อไฟด้วย” แนนสั่งความก่อนจะออกเดินตามเสียงน้ำไหล พบลำธารขนาดเล็กแต่น้ำสะอาดพอใช้ได้ ถ้าจะกินคงต้องต้มก่อน แต่ปัญหาคือ...
จะเอาน้ำใส่อะไรไป
ทว่าสายตากับเหลือบไปเห็นท่อนไม้ไผ่ที่ดูท่าน่าจะมีต้นอยู่แถวๆนี้ แนนเดินทวนน้ำขึ้นไปเห็นกอไผ่มีหน่อไม้พึ่งเกิด จึงใช้มีดที่ได้จากชายหนุ่มแปลกหน้าขุดหน่อไผ่และตัดละไม้ไผ่มาสามอันเอาไว้เก็บน้ำ
ฝ่ายตาลที่อยู่เฝ้าชายหนุ่มเริ่มก่อไฟโดนใช้ไม้ถูกันที่เธอจะบอกว่ากว่าจะจุดติดเล่นเอาเหนื่อยหอบ เสร็จแล้วเดินไปเก็บใบสาบเสือที่อยู่ไม่ใกล้นักมารอเพื่อนสาว
สักพักก็เห็นเพื่อนเดินมาตาลรีบเดินไปถือของช่วยเพื่อนมาวางไว้ใกล้ตัว
“แกจะเช็ดตัวหรือจะปลอกหน่อไม้” แนนถาม
“ฉันว่าฉันปลอกหน่อไม้ดีกว่า ส่วนนั่นแกจัดการเอาเองแล้วกัน”
“อ้าวแกเป็นคนเจอไม่ใช่หรอ”
“ฉันมือหนักจบนะ”
“จบ”
ตาลเริ่มทำหน้าที่ด้วยการใช้มีดปลอกเปลือกของหน่อไม้ออกหวิดจะทำมีดบาดมือไปก็หลายครั้ง แต่มันก็ยังดีกว่าการเช็ดเลือดจากคนที่ใกล้จะเป็นศพล่ะนะ งานหมอๆแบบนี้ต้องให้แนนจัดการ ส่วนงานใช้แรงเนี่ยขอให้บอก
อยากเป็นเมียวิศวะ ไม่ใช่เมียหมอนี่บอกเลย
ด้านอีกคนที่แกะปมเชือกเสื้อคนเจ็บออกอย่างระมัดระวัง เพราะไม่ทราบว่าบาดแผลมีที่ไหนบ้างพร้อมกับต้องเร่งมือหน่อย ยิ่งค่ำสัตว์หากินตอนกลางคืนจะได้กลิ่นเร็วเป็นพิเศษ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากไม่เจอพวกเธอชายหนุ่มคนนี้คงไม่รอดพ้นคืนนี้เป็นแน่
“ตาลไหนใบสาบเสือที่ให้ไปเก็บอะ”
“นั่นๆ อยู่เยื้องๆหัวคนเจ็บไปหน่อย”
“แล้วเอาไงกับหน่อไม้อ่ะ”
“ล้างแล้วใส่กระบอกไม้ไผ่ต้มเลย”
“โอเค”
แนนใช้วิธีที่ออกจะชาวบ้านโบราณไปสักหน่อย บดขยี้ใบสาบเสือใส่กระบอกไม้ไผ่ที่ล้างจนคิดว่าน่าจะสะอาดแล้ว จัดการเช็ดตัวชายหนุ่มแล้วพอกใบสาบเสือที่แผล
อย่างน้อยก็ไม่เสียเลือดจนตาลล่ะนะ
ทั้งคืนทั้งแนนและตาลผลัดกันเฝ้าหยามพร้อมกับดูคนป่วยไปด้วย เพราะมีอาการไข้ขึ้นเพ้อทั้งคืนกว่าจะสงบลงก็เกือบรุ่งสาง ทำเอาตาลที่เฝ้าคนสุดท้ายได้ยินเสียงแว่วจากเพื่อนสาวว่าจะออกไปหาของกิน ก่อนตาจะปิดพร้อมเอนตัวลงซบที่อกชายแปลกหน้าในที่สุด
“อืมม....” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆมาทับตรงช่วงอก พอสายตาปรับแสงได้แล้วจึงมองไปที่อกตนพบเป็นศีรษะของหญิงสาวนางหนึ่งวางซบกับอกตน
“นะ น้ำ น้ำ”
เสียงตนเจ็บดังขึ้นแต่ก็พอทำให้หญิงสาวที่นอนหลับตื่นจนตาสว่าง
“อ๊ะ ฟื้นแล้วหรอ เดี๋ยวหยิบน้ำให้นะ” หญิงสาวรูปกุลีกุจอไปหยิบน้ำแล้วประคองคนป่วยดื่ม
“ช้าๆสิ เดี๋ยวก็สำลักหรอก” ดุเบาเมื่อเห็นคนเจ็บรับดื่มจนสำลักน้ำ
นี่รอดตายจากแผล แต่จะมาสำลักน้ำตายแทน
“ออเจ้าเป็นผู้ใด แล้วช่วยชีวิตข้าไว้หรือ” ชายหนุ่มถามอย่างออกแรง
“ใช่ๆ ฉันกับเพื่อนอีกคนช่วยไว้เองแหละ ตอนแรกนึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”
“ขอบน้ำใจพวกออกเจ้านัก ว่าแต่พวกออเจ้าเป็นใครหรือ สำเนียงช่างแปลกหูนัก”
“เอ่อ...”
“จะเป็นใครไม่สำคัญหรอกค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องรู้” หญิงสาวผู้มาใหม่บอกเสียงเรียบทว่านุ่มนวล
หลวงทิศราธาราชมองหญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เช่นนั้นแม่หญิงมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรเล่า เอ่ยนามผู้มีพระคุณให้ข้ารู้เสียหน่อยเถิด” หลวงทิศถามด้วยเสียงระโหยเพราะยังไม่ค่อยมีแรงนัก
“คุณควรจะแนะนำตัวเองก่อนจะถามชื่อคนอื่นนะคะ”
“ข้าชื่อทิศ” หลวงหนุ่มตอบอย่างระวัง ยังไม่บอกศักดิ์ฐานะจนกว่าจะได้รู้จุดประสงค์ของสองแม่หญิงผู้ช่วยชีวิต
“งั้นเรียกฉันว่าลูกตาล ส่วนนั่นลูกน้ำค่ะ” เมื่อเห็นศึกน้ำลายจะยืดเยื้อ ตาลที่นิ่งฟังอยู่นานจึงเอ่ยขัดขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนและเติมชื่อให้ตัวเองและเพื่อนเสร็จสรรพ
“คืองี้ค่ะ คุณทิศพอดีเราหลงป่าค่ะก็เลยจะขอให้คุณทิศช่วยพาเราสองคนออกจากป่าหน่อยน่ะค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะไม่ใช่โจร”
“ข้าหาใช่โจรไม่ แล้วเห็นดาบกับมีดของข้าหรือไม่”
“อ้อ พวกเราเอาเก็บไว้ตรงนู้นน่ะค่ะ เผื่อคุณเล่นไม่ซื่อ”
หลวงหนุ่มได้แต่พิจารณาแม่หญิงสองนางที่ช่วยชีวิตตนไว้ บุญคุณครั้งนี้ช่วยชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะทดแทนได้หรือไม่
จริงอยู่ที่บิดามารดาเป็นผู้ให้ชีวิต หากแต่นางทั้งสองก็เป็นผู้ให้ชีวิตใหม่เช่นกัน
“แล้วแผลของคุณเป็นยังไงบ้างคะ รู้สึกปวดตรงไหนเพิ่มหรือเปล่า” คนที่จากแนนกลายเป็นลูกน้ำเอ่ยถาม
“มีปวดบ้างสักเล็กน้อย”
“แล้วคุณทิศคะ ฉันว่าคำพูดของคุณมันแปลกๆเหมือนคนสมัยโบราณเลย ตอนนี้พ.ศ.อะไรหรอคะ” ลูกตาลถามจากที่พอจะจับสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวได้ ทั้งป่าที่ไม่ถึงกับรกนักหากแต่มีความอุดมสมบูรณ์ แล้วยังจะสำเนียงการพูดแปลกๆไม่คุ้นหูนั่นอีก
“ร.ศ. 123 อย่างไรเล่า”
“หา!! ร.ศ. 123!!!” สองเพื่อนซี้หันมามองหน้ากันทันใด ใบหน้าทั้งสองคนซีดเผือดแทบจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“ร้อยกว่าปี ไม่...” ลูกน้ำ
“ร.ศ. 123... ไม่จริง” ลูกตาล
“กรี๊ดดดดดด ร.ศ. 123!!!” ทั้งสองกรีดร้องลั่นจนหลวงหนุ่มแอบสะดุ้งตกใจ สีหน้าเรียบเฉยเปลี่ยนไปเพียงนิดแล้วเปลี่ยนกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
“พวกออเจ้าจักกรีดร้องทำกระไรเล่า ทำเหมือนมิได้อยู่ในที่นี้เสียอย่างนั้น”
“ก็จริงน่ะสิ อุ๊บ” ลูกตาลด้วยปากที่ไปไวกว่าใจคิดทำให้เผลอหลุดปากบอกความจริงไปอย่างไม่ตั้งใจ
“ตาล!” เสียงเพื่อนรักเอ็ดเบาๆ เพราะยังไม่วางใจหลวงหนุ่มเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
“ง่ะ”
“ช่างมันเถอะค่ะ แล้วคุณพอเดินทางไหวหรือเปล่า ถ้าไหวเราจะได้รีบเดินทางกัน จะได้ออกจากป่านี้เสียที” ลูกน้ำตัดบทก่อนที่หลวงทิศจะได้พูดอะไรขึ้นมา
“ข้าดีขึ้นมากแล้ว พักอีกประเดี๋ยวคงเดินทางได้”
“งั้นก็ทานผลไม้ก่อนเถอะค่ะ” ลูกน้ำแบ่งผลไม้ให้หลวงหนุ่มกับเพื่อนรักทานเพื่อรองท้องก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินทางออกจากป่าก่อนย่ำค่ำ
NAT_N
“กรี๊ดดดดดด”
ตุบ!
“โอยยย เจ็บๆสะโพกจะพังรึเปล่าเนี่ย” เสียงแนนบ่นเบาๆ เพราะพวกเธอหล่นลงกระแทกกับพื้นดินจะๆ แต่ เอ๊ะ!
ที่นี่มันที่ไหนล่ะเนี่ย
“ตาลๆ ทะ ที่นี่มันที่ไหนอะ” สะกิดอีกคนที่มัวแต่ลูบคลำสะโพกด้วยความเจ็บ
“ไม่รู้ หันไปที่ไหนก็มีแต่ป่ากับป่า นี่เราโดนพายุพัดมาตกที่ไหนเนี่ย แล้วไอ้พายุบ้าๆนั่นมันเกิดขึ้นได้ไงวะ กลางวันแสกๆแดดจ้าๆ โอ๊ยงง” ตาลที่นั่งลูบก้นอยู่หันไปมองรอบพร้อมกับการเรียงลำดับเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้
พอนึกขึ้นได้หญิงสาวสองคนจึงหันมามองหน้ากันตาโต
“เจ้าพ่อไก่แดง!!!!!!!”
“ฉันว่าแล้วถ้าใช่จริงๆ แกไม่น่าไปขออะไรแบบนั้นเลย ดูดิยังไม่ได้ไปสอบกลับโดนพัดมาตกที่ไหนก็ไม่รู้”
“เอ๊า แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้าพ่อไก่แดงจะให้พรเก่งแบบนี้ ฉันว่าเราช่วยกันหาทางออกจากป่านี่ก่อนจะค่ำเถอะ” ว่าแล้วก็พากันลุกขึ้นก่อนคนชวนจะนึกอะไรออกอีก
“แล้วว่าแต่เราจะไปทางไหนอะ” ตาลหันมาพูดกับแนนที่สมัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มจะเป็นกูรูในเรื่องต่างๆ
“ฉันก็ไม่รู้สิ แต่ว่าเราน่าจะเดินไปทางทิศตะวันออกนะเผื่อเจอคน บางทีอาจเจอหมู่บ้าน”
“แล้วในป่าแบบนี้จะมีคนได้ยังไง” ตาลมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความสงสัย
“เผื่อไงเผื่อ อาจเป็นชาวบ้านมาหาของป่าก็ได้”
“อ่า จริงสิ งั้นเรารีบไปกันเถอะ”
สองสาวจับมือกันเดินไปทางทิศตะวันออกเรื่อยๆชวนกันคุยตามทางเพื่อไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไปนัก
สำหรับตาลตลอดทางที่เดินผ่านนั้นก็ทำสัญลักษณ์ไว้กับต้นไม้ โดยมีดพกอันเล็กที่เธอกับเพื่อนพกติดตัวไว้เสมอเผื่อได้ใช้ในความจำเป็น ตามคำที่พ่อสอน
ครอบครัวของเธอสองคนรู้จักกันเพราะพ่อกับแม่เป็นเพื่อกันครอบครัวตาลทำงานในโลกมืดที่ไม่ดำจนเกินไปนัก เสมือนผู้มีอิทธิพลมากมากว่า ส่วนแนนนั้นพ่อเป็นผู้ดีเก่าที่ผันตัวไปเป็นนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่ โดยมีพ่อของตาลสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทำให้ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน
“นั่นอะไรอะ เหมือนมีคนนอนอยู่ที่ใต้ต้นไม้เลย” ด้วยความตาไว ทำให้ตาลสังเกตสิ่งรอบตัวได้ไวกว่าเพื่อนสาว เหลือบเห็นชายแขนเสื้อโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้
“อะไรอะ แกเห็นอะไร ฉันกลัวจริงๆนะ”
“น่าไปดูเถอะ ไม่มีอะไรจะเสียละ เผื่อเป็นคนจะได้ขอให้ช่วยพาเราออกจากป่าไง”
“เผื่อเขาเป็นโจรเราจะไม่แย่หรอ”
“โอ๊ย จะยากอะไรถ้าเป็นจริงๆเราก็ช่วยกันกระทืบโทษฐานทำให้เสียเวลาไง”
“ตกลงจะช่วยจริงๆใช่มั้ย บอกตามตรงกลางป่าแบบนี้ไม่อยากไว้ใจใคร”
“น่าๆมีไรเกิดขึ้นฉันรับผิดชอบเอง”
ไม่รอฟังคำตอบตาลจัดการลากเพื่อนซี้เดินไปดูใต้ต้นไม่ใหญ่ทันที
“กรี๊ดดดดด ศพพพพพ” เสียงคนที่พามากรีดร้องขึ้นพร้อมกับเพื่อนข้างๆกายจนนกที่อยู่บนต้นไม้ตกใจบินหนีขึ้นฟ้า
“เดี๋ยวๆเงียบก่อนยังไม่ตาย หน้าอกยังขยับอยู่ แต่ทำไมเลือดท่วมอย่างนี้ล่ะ”
“อ้าวยังไม่ตายหรอ ฉันว่ารับดูอาการก่อนเหอะ ถ้าไม่แล้วฉันว่าได้ตายแน่ๆ” ตาลบอกพร้อมกับเอานิ้วไปอังใต้จมูกชายแปลกหน้า
“ยังหายใจอยู่ถึงจะแผ่วๆก็เถอะ”
“งั้นเก็บอาวุธเขามาไว้กับเราก่อนเผื่อเขาเล่นไม่ซื่อ”
ตาลเก็บอาวุธของคนบาดเจ็บมาไว้กับแนน เมือเล็กคลำหาอาวุธเหมือนตำรวจตรวจสอบอาวุธคนน่าสงสัยก่อนเข้าห้างทอง พบเป็นมืดเล่มเล็กกับดาบอีกเล่มที่นอนอยู่ข้างกายชายหนุ่มเท่านั้น
“เอาไงต่อดี”
“คงต้องก่อไฟแล้วเพราะใกล้จะค่ำเต็มที ฉันได้ยินเสียงน้ำไหลเดี๋ยวจะไปตักน้ำมาให้ นั่นใบสาบเสือแกไปเก็บมาเยอะๆเลยนะ ก่อไฟด้วย” แนนสั่งความก่อนจะออกเดินตามเสียงน้ำไหล พบลำธารขนาดเล็กแต่น้ำสะอาดพอใช้ได้ ถ้าจะกินคงต้องต้มก่อน แต่ปัญหาคือ...
จะเอาน้ำใส่อะไรไป
ทว่าสายตากับเหลือบไปเห็นท่อนไม้ไผ่ที่ดูท่าน่าจะมีต้นอยู่แถวๆนี้ แนนเดินทวนน้ำขึ้นไปเห็นกอไผ่มีหน่อไม้พึ่งเกิด จึงใช้มีดที่ได้จากชายหนุ่มแปลกหน้าขุดหน่อไผ่และตัดละไม้ไผ่มาสามอันเอาไว้เก็บน้ำ
ฝ่ายตาลที่อยู่เฝ้าชายหนุ่มเริ่มก่อไฟโดนใช้ไม้ถูกันที่เธอจะบอกว่ากว่าจะจุดติดเล่นเอาเหนื่อยหอบ เสร็จแล้วเดินไปเก็บใบสาบเสือที่อยู่ไม่ใกล้นักมารอเพื่อนสาว
สักพักก็เห็นเพื่อนเดินมาตาลรีบเดินไปถือของช่วยเพื่อนมาวางไว้ใกล้ตัว
“แกจะเช็ดตัวหรือจะปลอกหน่อไม้” แนนถาม
“ฉันว่าฉันปลอกหน่อไม้ดีกว่า ส่วนนั่นแกจัดการเอาเองแล้วกัน”
“อ้าวแกเป็นคนเจอไม่ใช่หรอ”
“ฉันมือหนักจบนะ”
“จบ”
ตาลเริ่มทำหน้าที่ด้วยการใช้มีดปลอกเปลือกของหน่อไม้ออกหวิดจะทำมีดบาดมือไปก็หลายครั้ง แต่มันก็ยังดีกว่าการเช็ดเลือดจากคนที่ใกล้จะเป็นศพล่ะนะ งานหมอๆแบบนี้ต้องให้แนนจัดการ ส่วนงานใช้แรงเนี่ยขอให้บอก
อยากเป็นเมียวิศวะ ไม่ใช่เมียหมอนี่บอกเลย
ด้านอีกคนที่แกะปมเชือกเสื้อคนเจ็บออกอย่างระมัดระวัง เพราะไม่ทราบว่าบาดแผลมีที่ไหนบ้างพร้อมกับต้องเร่งมือหน่อย ยิ่งค่ำสัตว์หากินตอนกลางคืนจะได้กลิ่นเร็วเป็นพิเศษ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากไม่เจอพวกเธอชายหนุ่มคนนี้คงไม่รอดพ้นคืนนี้เป็นแน่
“ตาลไหนใบสาบเสือที่ให้ไปเก็บอะ”
“นั่นๆ อยู่เยื้องๆหัวคนเจ็บไปหน่อย”
“แล้วเอาไงกับหน่อไม้อ่ะ”
“ล้างแล้วใส่กระบอกไม้ไผ่ต้มเลย”
“โอเค”
แนนใช้วิธีที่ออกจะชาวบ้านโบราณไปสักหน่อย บดขยี้ใบสาบเสือใส่กระบอกไม้ไผ่ที่ล้างจนคิดว่าน่าจะสะอาดแล้ว จัดการเช็ดตัวชายหนุ่มแล้วพอกใบสาบเสือที่แผล
อย่างน้อยก็ไม่เสียเลือดจนตาลล่ะนะ
ทั้งคืนทั้งแนนและตาลผลัดกันเฝ้าหยามพร้อมกับดูคนป่วยไปด้วย เพราะมีอาการไข้ขึ้นเพ้อทั้งคืนกว่าจะสงบลงก็เกือบรุ่งสาง ทำเอาตาลที่เฝ้าคนสุดท้ายได้ยินเสียงแว่วจากเพื่อนสาวว่าจะออกไปหาของกิน ก่อนตาจะปิดพร้อมเอนตัวลงซบที่อกชายแปลกหน้าในที่สุด
“อืมม....” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆมาทับตรงช่วงอก พอสายตาปรับแสงได้แล้วจึงมองไปที่อกตนพบเป็นศีรษะของหญิงสาวนางหนึ่งวางซบกับอกตน
“นะ น้ำ น้ำ”
เสียงตนเจ็บดังขึ้นแต่ก็พอทำให้หญิงสาวที่นอนหลับตื่นจนตาสว่าง
“อ๊ะ ฟื้นแล้วหรอ เดี๋ยวหยิบน้ำให้นะ” หญิงสาวรูปกุลีกุจอไปหยิบน้ำแล้วประคองคนป่วยดื่ม
“ช้าๆสิ เดี๋ยวก็สำลักหรอก” ดุเบาเมื่อเห็นคนเจ็บรับดื่มจนสำลักน้ำ
นี่รอดตายจากแผล แต่จะมาสำลักน้ำตายแทน
“ออเจ้าเป็นผู้ใด แล้วช่วยชีวิตข้าไว้หรือ” ชายหนุ่มถามอย่างออกแรง
“ใช่ๆ ฉันกับเพื่อนอีกคนช่วยไว้เองแหละ ตอนแรกนึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”
“ขอบน้ำใจพวกออกเจ้านัก ว่าแต่พวกออเจ้าเป็นใครหรือ สำเนียงช่างแปลกหูนัก”
“เอ่อ...”
“จะเป็นใครไม่สำคัญหรอกค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องรู้” หญิงสาวผู้มาใหม่บอกเสียงเรียบทว่านุ่มนวล
หลวงทิศราธาราชมองหญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เช่นนั้นแม่หญิงมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรเล่า เอ่ยนามผู้มีพระคุณให้ข้ารู้เสียหน่อยเถิด” หลวงทิศถามด้วยเสียงระโหยเพราะยังไม่ค่อยมีแรงนัก
“คุณควรจะแนะนำตัวเองก่อนจะถามชื่อคนอื่นนะคะ”
“ข้าชื่อทิศ” หลวงหนุ่มตอบอย่างระวัง ยังไม่บอกศักดิ์ฐานะจนกว่าจะได้รู้จุดประสงค์ของสองแม่หญิงผู้ช่วยชีวิต
“งั้นเรียกฉันว่าลูกตาล ส่วนนั่นลูกน้ำค่ะ” เมื่อเห็นศึกน้ำลายจะยืดเยื้อ ตาลที่นิ่งฟังอยู่นานจึงเอ่ยขัดขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนและเติมชื่อให้ตัวเองและเพื่อนเสร็จสรรพ
“คืองี้ค่ะ คุณทิศพอดีเราหลงป่าค่ะก็เลยจะขอให้คุณทิศช่วยพาเราสองคนออกจากป่าหน่อยน่ะค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะไม่ใช่โจร”
“ข้าหาใช่โจรไม่ แล้วเห็นดาบกับมีดของข้าหรือไม่”
“อ้อ พวกเราเอาเก็บไว้ตรงนู้นน่ะค่ะ เผื่อคุณเล่นไม่ซื่อ”
หลวงหนุ่มได้แต่พิจารณาแม่หญิงสองนางที่ช่วยชีวิตตนไว้ บุญคุณครั้งนี้ช่วยชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะทดแทนได้หรือไม่
จริงอยู่ที่บิดามารดาเป็นผู้ให้ชีวิต หากแต่นางทั้งสองก็เป็นผู้ให้ชีวิตใหม่เช่นกัน
“แล้วแผลของคุณเป็นยังไงบ้างคะ รู้สึกปวดตรงไหนเพิ่มหรือเปล่า” คนที่จากแนนกลายเป็นลูกน้ำเอ่ยถาม
“มีปวดบ้างสักเล็กน้อย”
“แล้วคุณทิศคะ ฉันว่าคำพูดของคุณมันแปลกๆเหมือนคนสมัยโบราณเลย ตอนนี้พ.ศ.อะไรหรอคะ” ลูกตาลถามจากที่พอจะจับสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวได้ ทั้งป่าที่ไม่ถึงกับรกนักหากแต่มีความอุดมสมบูรณ์ แล้วยังจะสำเนียงการพูดแปลกๆไม่คุ้นหูนั่นอีก
“ร.ศ. 123 อย่างไรเล่า”
“หา!! ร.ศ. 123!!!” สองเพื่อนซี้หันมามองหน้ากันทันใด ใบหน้าทั้งสองคนซีดเผือดแทบจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“ร้อยกว่าปี ไม่...” ลูกน้ำ
“ร.ศ. 123... ไม่จริง” ลูกตาล
“กรี๊ดดดดดด ร.ศ. 123!!!” ทั้งสองกรีดร้องลั่นจนหลวงหนุ่มแอบสะดุ้งตกใจ สีหน้าเรียบเฉยเปลี่ยนไปเพียงนิดแล้วเปลี่ยนกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
“พวกออเจ้าจักกรีดร้องทำกระไรเล่า ทำเหมือนมิได้อยู่ในที่นี้เสียอย่างนั้น”
“ก็จริงน่ะสิ อุ๊บ” ลูกตาลด้วยปากที่ไปไวกว่าใจคิดทำให้เผลอหลุดปากบอกความจริงไปอย่างไม่ตั้งใจ
“ตาล!” เสียงเพื่อนรักเอ็ดเบาๆ เพราะยังไม่วางใจหลวงหนุ่มเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
“ง่ะ”
“ช่างมันเถอะค่ะ แล้วคุณพอเดินทางไหวหรือเปล่า ถ้าไหวเราจะได้รีบเดินทางกัน จะได้ออกจากป่านี้เสียที” ลูกน้ำตัดบทก่อนที่หลวงทิศจะได้พูดอะไรขึ้นมา
“ข้าดีขึ้นมากแล้ว พักอีกประเดี๋ยวคงเดินทางได้”
“งั้นก็ทานผลไม้ก่อนเถอะค่ะ” ลูกน้ำแบ่งผลไม้ให้หลวงหนุ่มกับเพื่อนรักทานเพื่อรองท้องก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินทางออกจากป่าก่อนย่ำค่ำ
NAT_N
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ