มนต์บุปผา
เขียนโดย NAT_N
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 08.13 น.
แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 10.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ร่ายที่ ๒ – เดินทาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร่ายที่ ๒ – เดินทาง
ค.ศ. 2010
คฤหาสน์เทพาบดินทร์
เพล้ง
เสียงแก้วใบสวยกระทบฝาผนังเกิดเสียงดังสนั่น ทำเอาบรรดาลูกน้องของเสี่ยวิชัยและท่านรัฐมนตรีไพโรจน์สะดุ้งตกใจจนแทบจะก้าวขาหนี แต่หน้าที่ที่ค้ำคอจึงจำต้องยืนนิ่งอยู่กับที่
“พวกแกทำงานกันยังไง จนป่านนี้ถึงหาลูกกับหลานสาวฉันไม่เจอ หา!”
“ขอโทษครับนาย”
ฮึ่ย! ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ เหลือบมองเพื่อนที่ท่าทางเงียบขึม แต่เขาก็รู้ดีว่าเพื่อนก็กังวลไม่พ้นตัวเอง ที่อยู่ๆลูกสาวตัวเองกับเพื่อนก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย
3 วันแล้วที่ลูกสาวกับหลานสาวสุดที่รักหายตัวไป พวกเขาร้อนใจจนแทบจะไม่เป็นอันกินอันนอน
“ไป! ถ้าเกิดยังหาลูกกับหลานสาวฉันไม่เจอก็ไม่ต้องกลับมาให้พวกฉันเห็นหน้าอีก!!!!!”
ต่อให้ต้องพลิกทั้งโลกตามหาพวกเขาก็ต้องตามหาดวงใจทั้งสองคืนสู่อ้อมอกให้ได้ งานนี้ใครขวางทางตายสถานเดียวเท่านั้น!
ร.ศ. 123
ณ เรือนของพระยาสุภัณธรัตน์
“แม่บัวเจ้าเลิกเดินไปเดินมาเสียทีเถิด พี่เวียนหัวไปหมดแล้วหนา” พระยาสุภัณธรัตน์กล่าวแก่เมียรักเสียงอ่อน เพราะแม่บัวผู้เป็นศรีภริยาเดินวนไปเวียนมาหลายรอบเสียจนท่านกลัวพื้นไม้จะสึก
“จักให้อิฉันเลิกได้อย่างไรเจ้าคะ ก็ลูกยังมิกลับเรือนทั้งๆที่เลยกำหนดมา 3 วันแล้วหนาเจ้าคะ หากเดินทางอย่างช้าที่สุดน่าจะครึ่งวันหรือวันหนึ่งก็ถึงแล้ว แต่นี่ 3 วันแล้วหน้าเจ้าคะ อิฉันร้อนใจมากนักเจ้าค่ะคุณพี่” ผู้เป็นภริยาตอบกลับพร้อมกับเดินมานั่งข้างผู้เป็นสามี
“อิฉันกลัวลูกจักเป็นอันตรายเจ้าค่ะ”
“พี่ก็ห่วงลูกเช่นกันนั่นแล เพียงแต่เพลานี้จักให้ร้อนรนก็เกรงจะเสียนายให้บ่าวไพร่นินทาเอาหนา”
“เช่นนั้นจักทำเช่นไรดีเจ้าคะ น้องรอจนจักทนไม่ไหวเสียแล้ว”
“เช่นนั้นพี่จักไว้วานให้พ่อเทพช่วยสืบข่าวอีกแรงก็แล้วกัน” พระยาสุภัณธรัตน์ว่าแล้วก็สั่งความบ่าวไพร่ไปเชิญคุณพระเทพไกรยานุรักษ์มาที่เรือน
.
.
.
“คุณพระขอรับไอ้ขินมันนำความคุณท่านมาบอกว่าเชิญคุณพระที่เรือนใหญ่ขอรับ” เติมบ่าวรับใช้ข้างกายคุณพระเทพไกรยานุรักษ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
“คุณพี่ได้บอกหรือไม่ว่าเรื่องกระไร”
“คงจักเป็นเรื่องคุณหลวงทิศกระมังขอรับ”
“อืม”
บทสนทนาระหว่างนายบ่าวจบลงพร้อมกับคุณพระเทพไกรยานุรักษ์เดินก้าวมาจนถึงเรือนใหญ่ ความจริงพระยาสุภัณธรัตน์ผู้เป็นพี่ก็ได้เอ่ยชวนตนขึ้นไปอยู่ด้วยกันเสียเรือนใหญ่ เพียงแต่คุณพระเทพปฏิเสธเพราะได้ยกเรือนใหญ่ให้เป็นเรือนหอของผู้พี่ตามประสงค์ผู้เป็นบิดา
“อ้าวพ่อเทพมาแล้วรึ มาๆนั่งลงก่อน” พระยาสุภัณธรัตน์กล่าวเชิญน้องชายร่วมสายโลหิต หากแต่ท่านกลับมีอายุมากกว่าแทบจะเรียกว่าเป็นพ่อได้เลยกระมัง
เหตุเพราะพระยาสุภัณธรัตน์เป็นพี่คนโตพร้อมน้องชายอีกสองไม่รวมคุณพระเทพไกรยานุรักษ์ที่เป็นลูกหลงของเจ้าคุณพ่อแลคุณแม่ กว่าจะมีคุณพระเทพตัวท่านเองก็ปาไปกว่ายี่สิบหนาวแล้ว ทำให้คุณพระเทพถูกเลี้ยงดูมาควบคู่กับบุตรชายที่อายุห่างกันห้าปี หรือก็คือหลวงทิศราธาราชนั่นเอง
ส่วนคุณหญิงบัวขอตัวไปโรงครัวก่อนเพราะจนจะเที่ยงถึงยามรับสำรับแล้ว
“คุณพี่มีกระไรให้กระผมรับใช้หรือขอรับ”
“พูดกระไรเช่นนั้น เพียงแต่พ่อคงได้ข่าวแล้วกระมังว่าเจ้าทิศยังมิกลับเรือน ตัวพี่แลคุณหญิงร้อนใจนัก อยากจักขอไว้วานพ่อให้ช่วยสืบข่าวคราวเพิ่มเติมให้เสียหน่อย”
“ขอรับกระผมจะช่วยจะเต็มที่”
“ขอบน้ำใจพ่อมากหนา นี่ก็จวนจะเที่ยงแล้วพ่ออยู่รับสำรับเสียที่นี่เลยเถิด” ว่าแล้วท่านก็เห็นผู้เป็นภริยาเดินนำบ่าวไพร่ยกสำรับมาแต่ไกล จึงเอ่ยชวนน้องชายนั่งร่วมรับประทานข้าวด้วยกัน
“คุณท่าน คุฯท่านขอรับ”
“มีกระไรไอ้ขินถึงได้เอะอะเสียงดังมาแต่ไกล”
“มีนกส่งสารมาขอรับ”
“ไหนเร่งเอามาให้ข้า” พระยาสุภัณธรัตน์รับสารจากบ่าวรับใช้แล้วคลี่อ่าน พบว่าเป็นสารของลูกชายตัวเองและกำลังจะกลับมาจากทางเหนือที่ไปทำภารกิจอยู่
“แม่บัวตอนนี้เจ้าทิศอยู่ทางเหนือจักเร่งเดินทางกลับแล้วพร้อมกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้หนา” ท่านหันมาบอกเมียรักที่นั่งข้างกาย หากมิใช่เรื่องบ้านเมืองหรือเกี่ยวกับการงานที่สำคัญพระยาสุภัณธรัตน์ก็จะบอกกับภริยาเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความกินแหนงแคลงใจซึ่งกันและกันเช่นเดียวกับคุณหญิงบัว
“จริงหรือเจ้าคะอิฉันค่อยหายห่วงลงไปบ้าง แต่ผู้มีพระคุณนี่พ่อทิศเป็นกระไรหรือเจ้าคะ”
“เห็นบอกว่าบาดเจ็บระหว่างเดินทางกลับน่ะเจ้า”
“เดี๋ยวกระผมจะเดินทางไปรับพ่อทิศเองขอรับ” คุณพระเทพบอกกับพี่ชายแลพี่สะใภ้
“ขอบน้ำใจพ่อมากหนา ครานี้เราคงต้องรบกวนพ่อแล้วจริงๆ” คุณหญิงบัวบอก
“มิได้ขอรับ เช่นนั้นกระผมขอลา” คุณพระเทพยกมือพนมไหว้ลาพี่ชายแลพี่สะใภ้
ทางด้านคนส่งสาร เมื่อได้เดินทางออกจากป่าแล้วก็ขอค้างแรมกับชาวบ้านที่บ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะถามทางไปซื้อนกส่งสารเพื่อสงข่าวถึงทางบ้าน
ป่านนี้คุณหญิงบัวผู้เป็นแม่คงร้อนใจจนอยู่ไม่สุข เพราะตนไม่ได้กลับตามกำหนดที่บอกไว้
“แล้วพ่อจักเดินทางกลับพระนครเมื่อไหร่เล่า” ตาไพรผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านผู้แบ่งปันที่พักพิงให้แก่สองสาวกับหนึ่งหนุ่มถาม
“คงจักพรุ่งนี้ขอรับ เพราะทางนั้นคงร้อนใจแย่แล้ว”
“เอาเถอะก่อนจะไปก็พักกินข้าวกินยาตอนเช้าก่อนค่อยออกไปแล้วกันหนาพ่อ”
“ขอพระคุณมากขอรับ” หลวงหนุ่มยกมือไหว้ตาไพรอย่างนอบน้อม
“แล้วน้องสาวทั้งสองของพ่อเล่า”
“คงจักไปอาบน้ำกับสาวๆในหมู่บ้านขอรับ” หลวงทิศเลือกที่จะบอกว่าแม่หญิงทั้งสองเป็นน้องสาวตน เพราะหากบอกเป็นอื่น ชื่อเสียงของแม่หญิงทั้งสองตงหมองหม่นเป็นแน่
พอคิดถึงตรงนี้ภาพแม่หญิงน้ำเสียงราบเรียบทว่ารักษากริยาก็พลันฉายเข้ามาให้ใจเต้นผิดจังหวะ ผิดกับอีกคนที่ช่างกระโดกกระเดกเป็นม้าดีดกะโหลกให้ตนปวดหัวตั้งแต่ในป่าจนออกจากป่า แทบจะไม่เชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
“นี่ๆลูกน้ำแล้วเราจะเอาไงต่ออ่ะ ตอนี้ก็ออกจากป่ามาแล้วนะ แถมนี่เรายังย้อนเวลามาตั้งร้อยกว่าปีอีก” ลูกตาลถามเพื่อนที่นั่งอาบน้ำอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้สาวๆในหมู่บ้านกำลังเล่นน้ำไมห่างไปจากตัวเองมากนัก
“ก็คงหาทางกลับยุคปัจจุบันมั้ง เราไม่ใช่คนที่นี่ถึงจะอยู่ที่นี่ได้แต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี”
“แล้วเราจะไปกับคุณทิศต่อรึเปล่า”
“คงจะไม่แล้วล่ะ รีบอาบกันเถอะจะได้ขึ้นจากน้ำ” ลูกน้ำบอกกับเพื่อนที่เริ่มสนใจสิ่งต่างๆที่นี่จนอาจเกิดความผูกพันร้ายแรงที่สุดที่สองสาวกลัวคงจะเป็น...
...ความรัก...
“อู้ววว น้ำที่นี่มันเย็นจริงๆเลย” ลูกตาลว่าแล้วก็ลอยคอไปเล่นกับสาวๆในหมู่บ้านจนเกิดเสียงหัวเราะพออกพอใจ แน่สิได้กลับมาในอดีตทั้งทีก็ควรใช้ชีวิตให้สนุกสุดเหวี่ยงจะมัวมานั่งกังวลก็ใช่เรื่อง งานนี้แม่จะป่วนให้ยุ่งกันให้หมดเลย คิก
“สนุกจริงเลย แล้วพวกเอ็งจะกลับเมื่อใด พวกข้าไม่อยากให้เอ็งกลับไปเลย อยู่ด้วยกันเสียที่นี่เถอะ” หนึ่งในสาวๆของหมู่บ้านพูดขึ้น
“คงไม่ได้หรอก พวกเราคงต้องกลับบ้านน่ะ แต่สัญญาว่าจะคิดถึงทุกคนน้าาา” ลูกตาลตอบเสียงทะเล้น
“กลับมากันแล้วหรือ” หลวงหนุ่มถามทันทีเพราะนั่งรอสองแม่หญิงได้สักพักแล้ว
“มีอะไรรึเปล่าคะ” ลูกตาลถาม
“เราจักเดินทางกันพรุ่งนี้ ข้าอยากให้แม่หญิงเตรียมตัวกันให้พร้อม”
“เรา หมายถึงพวกเรากับคุณหรอคะ ทำไมพวกเราต้องไปกับคุณด้วยล่ะ” ลูกน้ำ
“นั่นสิคะ ออกจากป่าแล้วเราแยกกันไปตามทางของตัวเองไม่ใช่หรอ”
“พวกออเจ้าเป็นหญิงจักเดินทางกันเองได้เยี่ยงไร มันอันตรายหนาเจ้า อีกอย่างกลับพระนครกับข้าเถิด ถึงแล้วจักแยกทางก็ไม่ว่ากระไร” หลวงหนุ่มพูดโน้มน้าวสองแม่หญิงที่หนึ่งในนั้นมีคนที่ตนเองปักใจ
“แต่มันก็จริงนะน้ำ เราไม่รู้จักใครหรือเส้นทางอะไรเลย ไว้ถึงที่อย่างที่คุณทิศบอกเราค่อยแยกทางกันก็ได้นะ ยังไงเดินทางกลับผู้ชายเราน่าจะปลอดภัยกว่าอ่ะ”
“เฮ้อ ก็ได้ ยังไงเราขอเดินทางไปที่พระนครด้วยแล้วกันนะคะ” ลูกน้ำตอบแบบจำใจ แต่กลับทำให้หลวงหนุ่มยิ้มในใจทว่าสีหน้ายังคงความเรียบเฉย
รุ่งเช้าหลวงหนุ่มและสองสาวบอกลาชาวบ้านและตาไพรที่ให้ที่พักพิง พร้อมกันนั้นก็ได้เสบียงและของฝากจนล้นมือ เตรียมตัวเดินทางสู่พระนคร
NAT_N
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ