Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ

8.1

เขียนโดย zusuran

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.

  28 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ใครกันที่อยู่ตรงนี้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 ใครกันที่อยู่ตรงนี้

 

     สามวันผ่านไปเร็วเหมือนโกหก

                ในระหว่างที่ง่วนอยู่กับการเลือกหนังสือบนชั้นที่สูงจนท่วมหัว สายตาของซาคุโระก็สะดุดเข้ากับหนังสือเก่าๆที่วางอยู่บนโต๊ะมุมห้อง หนังสือเก่าที่จวนจะพังเล่มหนึ่งแล้วยังมีกรอบรูปเล็กๆเท่าฝ่ามือที่ถูกวางคว่ำหน้าเอาไว้ใกล้ๆกัน กระตุ้นให้ขาสองข้างก้าวเดินตรงเข้าไปหา หญิงสาวหยิบกรอบรูปขึ้นมาและปัดฝุ่นที่เกาะกรังอยู่หน้ารูปภาพออกพอส่งๆจนเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่นั่งกอดไม้สกียิ้มจนตาหยีท่าทางมีความสุข เธอคุ้นเคยกับคนในรูปนี้มากกว่าใคร

 

เพราะนั่นคือพี่ชายของเธอเอง

 

“นั่นรูปของซาเคียวเหรอ หนังสือนั่นคงจะเป็นของเขาด้วยกระมัง”

 

             คุณยายที่นั่งทำงานอยู่ในมุมโปรดของตนเองพูดแทรกเข้ามา ซาคุโระถึงกับเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เชื่อ ไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายที่ชอบสกีเป็นชีวิตจิตใจจะมีปัญญามานั่งเขียนนิยายเป็นกับเขาได้ หญิงสาวมองรูปภาพในมืออยู่ซักพักก็วางลงบนโต๊ะตามเดิม ก่อนที่จะกลับมาสนใจหนังสือที่วางอยู่ข้างๆ หน้าปกของหนังสือที่ขาดวิ่นแทบไม่มีชิ้นดี ความรู้สึกแปลกประหลาดชักนำให้เธอสนใจมันมากขึ้น จนไม่คิดจะหาหนังสือเล่มอื่นและเอาแค่หนังสือที่ขาดแหล่มิขาดแหล่เล่มนั้นออกไปจากห้องแทน

 

            ในห้องเล็กๆใต้หลังคาคือสถานที่ๆซาคุโระยึดเป็นห้องส่วนตัวสำหรับอ่านนิยาย ที่ตรงนี้ก็สามารถมองเห็นภูเขาหิมะได้เด่นชัดและสวยงามไร้ซึ่งสิ่งมาบดบังไม่แพ้ห้องทำงานสุดโปรดของคุณยายเหมือนกัน

            หน้าแรกที่พยายามเปิดออกก็พบกับตัวละครที่ถูกบรรจงวาดเอาไว้อย่างสวยงาม แต่ละตัวจะมีชื่อเขียนเอาไว้พร้อมทั้งประวัติพอเข้าใจ ฝีมือประณีตสมเป็นตัวละครที่นักวาดตัวยงสร้างขึ้นจริงๆ และพอเปิดไปได้สองสามหน้าก็ได้สบตากับตัวละครตัวหนึ่งเข้า ดวงตานั้นราวกับจะมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ผมสีดำสนิทเข้ากับใบหน้าคมคาย รอยยิ้มที่ผุดขึ้นที่มุมปากเพียงน้อยนิดเหมือนจะทำให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า ซาคุโระถึงกับต้องรีบส่ายหน้าไปมาแรงๆเมื่อความคิดบ้าๆปรากฏในหัว รีบละสายออกจากภาพของตัวละครหน้าคมคายนั้นอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะเปิดดูตัวอื่นๆในหน้าต่อไป ต่อจากชายหนุ่มหน้าคมคายนั้นก็ยังมีชายหนุ่มอีกสองคนที่แต่งตัวประหลาดพอๆกัน คนหนึ่งผมยาวสีดำแซมเงินส่วนอีกคนก็หน้าละอ่อนปานหญิงสาวแรกรุ่นผมสีเงินระต้นคอ มีทั้งชื่อทั้งประวัติ ทำให้รู้ว่าพี่ชายฝีมือดีใช่เล่น และพอเปิดไปหน้าสุดท้ายก็เห็นตัวละครอีกตัวที่มีหน้าตาไม่ต่างไปจากคนที่วาดมันขึ้นมาเลย คิดไปว่าเขาลงทุนใช้ตัวเองเป็นแบบสำหรับตัวละครตัวนี้รึเปล่า เหมือนกันราวกับฝาแฝด แต่ดูประวัติที่เขาแต่งเอาไว้นี่สิ หลุดโลกไปเลย ถึงขั้นทำให้ซาคุโระชักอยากเห็นคนวาดแต่งคอสเพลย์เป็นตัวละครตัวนี้ขึ้นมาทันที

 

ยมทูต…

 

            พอเปิดดูและอ่านประวัติของตัวละครของพี่เพียงผ่านๆก็เริ่มอ่านบทแรกที่เริ่มต้นได้แปลกประหลาดมาก แค่การเริ่มต้นก็ต้องมีการพลัดพรากซะแล้ว เป็นเรื่องที่ประหลาดกว่านิยายของคุณยายที่เธอเคยอ่านซะอีก และในขณะที่ทั้งอ่านไปวิจารณ์ไปด้วยนั้น จู่ๆมือก็เริ่มสั่นหัวใจก็เริ่มเต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ และทันใดนั้นเองก็มีแสงประหลาดพวยพุ่งขึ้นมาจากหน้ากระดาษ จนหนังสือหลุดมือและกระเด็นออกไปไกลทั้งที่ไม่ได้จับมันขว้างออกไป ราวกับว่ามันจะมีชีวิตและขยับเขยื้อนได้เองยังไงอย่างนั้น หน้ากระดาษเริ่มกระพือเปิดออกอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ภายในห้องไม่มีลมแม้แต่น้อย

 

พั่บๆๆๆ!

“อะ อะไรกันเนี่ย”

           แสงสว่างจ้าจนแสบตาแผ่พุ่งออกมาจากหน้าหนังสือ ซาคุโระได้แต่หรี่ตาหลบแสงที่สว่างจ้าบดบังทุกสิ่งในห้อง ไม่นานนักก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่หนักหน่วงแข็งแรงชนเข้าอย่างจังจนเธอล้มนอนหงายราบกับพื้น พร้อมๆกับความรู้สึกหนักอึ้งที่เข้ามาทับเอาไว้จนขยับไม่ได้

 

พลั่ก!

 

            แสงสีขาวค่อยๆดับวูบลง ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กจึงกลับมาเงียบเชียบเหมือนเดิม ทว่าความรู้สึกหนักอึ้งยังคงอยู่ และทันทีที่ลืมตาขึ้นก็มองเห็นใบหน้าคมคายของชายหนุ่มแปลกหน้าอยู่ใกล้ในระยะเผาขน ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลจับจ้องอยู่เงียบๆ ร่างกายกำยำนี้เข้ามาคร่อมร่างของเธออย่างถือสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเมื่อกี้ได้ยินเสียงดังโครม เหมือนอะไรบางอย่างที่มีน้ำหนักชนเข้าที่ฝาห้องด้วย

 

“เจ็บ”

          เสียงทุ้มที่ดังแผ่วเบาทำให้สติที่กำลังกระเจิดกระเจิงของซาคุโระกลับมาทันที เธอรวบรวมพลังช้างสารผลักอกกำยำนั้นจนกระเด็นออกไปแล้วรีบถอยกรูดออกห่างจนแผ่นหลังชนเข้ากับกล่องกระดาษที่วางระเกะระกะอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มหน้าตาคมคายแต่งตัวประหลาดคล้ายคอสเพลย์ยังกับเจ้าชายในเทพนิยายสามคน ไม่รู้ว่าจะแต่งไปอวดใครแต่ตอนนี้พวกนั้นหันมามองเธอเป็นตาเดียว ก่อนที่ใครคนหนึ่งในสามคนนั้นจะเอ่ยขึ้น

“ที่นี่ ที่ไหนกัน”

“เรายังไม่ตายเหรอ”

          ชายหนุ่มรูปงามที่คล้ายคลึงกับสาวแรกรุ่นสองคนกะพริบตาปริบๆ ซาคุโระทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งตัวลีบอยู่มุมห้อง หากว่านี่คือความฝันเธอก็อยากตื่นโดยเร็ว!

 

          และทันใดนั้นเอง เสียงทุ้มนุ่มลึกแสนจะเย็นเฉียบดุจน้ำแข็งขั้วโลกเหนือก็ดังสอดแทรกเข้ามา

“เจ้าผู้หญิง เจ้าเป็นใคร”

          พอได้ฟังกับหูได้เห็นกับตาก็มั่นใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน สติของเธอครบถ้วนตาก็ไม่พล่าด้วย เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่เคยได้เจอะเจอจากที่ไหนมาก่อนในชีวิตจริงๆ

“ฉะ ฉันน่าจะถามพวกนายมากกว่าว่าพวกนายเป็นใคร มาจากไหน บอกมานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องออกมาจริงๆด้วย อุ๊บ!...”

           ยังพูดไม่จบก็มีมืออุ่นๆที่หยาบกร้านก็เข้ามาปิดปากเอาไว้พร้อมกับวงแขนแข็งกร้าวที่เข้ามาล็อกตัวไม่ให้ขยับ

“ถ้าแหกปากร้องออกมาล่ะก็ ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”

           คนที่พูดก็คือเจ้าคนผิวสีแทนที่คร่อมทับเธออยู่ก่อนหน้านี้นี่เอง เธอมัวแต่สนใจผู้ชายหน้าละอ่อนสองคนนั้นจนลืมเขาคนนี้ไปสนิท พอมารู้ตัวอีกทีก็ถูกเขารวบตัวเอาไว้ซะแล้วแถมยังคาดคั้นจะเอาคำตอบจากเธอให้ได้

“ที่นี่คือที่ไหน บอกมา!”

           แขนแกร่งเริ่มกระชับแน่นยิ่งขึ้นไปอีก ปิดปากเขาไว้แล้วยังจะให้เขาตอบคำถามตัวเองอีก ผู้ชายคนนี้คงประสาทจับแน่ๆ และความอึดอัดก็ทำให้ซาคุโระทนต่อไปไม่ไหวกระทุ้งข้อศอกใส่หน้าท้องของเขาอย่างแรงเสียงดัง ปึก!

“อุ๊ก!”

           ชายหนุ่มรีบผละออกจากเธอแทบจะทันที มือข้างหนึ่งกุมหน้าท้องตัวงออย่างจุกเสียด

“อึก~ เจ้า!” เขาคำรามอย่างหาเรื่อง แต่ทว่าการลงฑัณฐ์ของซาคุโระยังไม่หมด เธอเข้าไปประจันหน้ากับเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะยื่นมือเข้าไปบีบคอระหงนั้นเหมือนกับจะให้ขาดคามือ

“กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวฉัน!”

“อ๊อก! ปล่อยข้านะนังเด็กบ้า”

            คำสั่งห้าวหาญแต่ซาคุโระไม่สะทกสะท้านอะไรและบีบคอระหงนั้นจนสุดแรง ยังไงเสียเธอก็ต้องลงโทษคนที่เสียมารยาทกับเธออย่างถึงที่สุด ถึงจะไม่รู้ว่ามาว่าจากไหนชื่ออะไรแต่เธอก็ไม่คิดจะถามให้เสียเวลา เพราะคนที่เสียมารยาทกับนักกีฬาเทควันโดอย่างเธอน้อยนักที่จะรอด

“ปล่อยข้านะ เจ้าผู้หญิงบ้า!”

“ฮึ่ม! ปล่อยเหรอ ได้เลย!”หญิงสาวรับคำโดยง่ายก่อนจะออกแรงฮึดเหวี่ยงร่างกำยำของชายหนุ่มแปลกหน้าจนปลิวหวือไปหาอีกสองคนที่ได้แต่อ้าปากค้างเพราะความตกตะลึง

 

โครมมมมม!!!

 

            เสียงของมีน้ำหนักกระทบพื้นไม้และของต่างๆที่ถูกวางเอาไว้มุมห้องจนกระจัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี ซาคุโระลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากมือสองสามทีและหันไปมองคนที่ตัวเองเพิ่งจะทุ่มไปพร้อมชี้หน้าเขาและรัวคำพูดใส่ด้วยอารมณ์ที่ยังฉุน

“นายเป็นใครมาจากไหนฉันไม่สน แต่อย่าบังอาจมาเสียมารยาทกับเลดี้น่ารักอย่างฉัน จำเอาไว้!”

            ดวงตาคมกริบจ้องมาที่เธออย่างเอาเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอกลัวเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังนึกอยากบีบคอให้ขาดคามือด้วยซ้ำ ในระหว่างนั้นผู้ชายอีกคนก็รีบปรี่เข้ามาหาพร้อมกับคำถามที่เป็นห่วงเป็นใย

“เป็นอะไรหรือเปล่าขอรับท่านพี่โฮโนโอะ”

            ซาคุโระชะงักทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้ชายหน้าคมผมยาวที่เรียกคนที่เธอเพิ่งบีบคอนั้นว่าพี่ ชื่อโฮโนโอะเหรอ คุ้นหูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่ความจำของเธอก็ดันสั้นแถมตอนนี้คนที่ถูกเธอเล่นงานจนล้มกอง ก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นมากระโจนใส่เธออีกรอบ

“แค่กๆ ข้าจะฆ่าเจ้า!”

           โฮโนโอะตั้งท่าจะเข้ามาเอาเรื่อง แต่ก็ถูกมิราอิตะคลุบเอาไว้ซะก่อน

“พอทีเถอะขอรับท่านพี่ นางเป็นผู้หญิงนะ!”

“ปล่อยข้านะมิราอิ ข้าจะสั่งสอนมันให้รู้สำนึก!”

           ดูท่ามิราอิจะเป็นคนเดียวที่มีพละกำลังที่จะรั้งตัวโฮโนโอะเอาไว้ได้ ในขณะที่ทั้งสองดิ้นพรวดพราดนัวเนีย ซาคุโระก็หันมาและได้สบตากับหนุ่มน้อยที่ยืนกุมหน้าอกตัวเองและมองมาที่เธอ ดวงตาสีเงินคู่นั้นจับจ้องเธอราวกับว่ากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

 

“เธอคือ…”

        หญิงสาวทักค้างไว้ คนแรกชื่อโฮโนโอะ คนที่สองชื่อมิราอิ แล้วนี่อย่าบอกนะว่าชื่อฟุยูกิ

“ฟุยูกิ”

        ไปเป็นหมอดูท่าทางจะรุ่ง… ทำไมถึงได้บังเอิญราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นล่ะเนี่ย!

“ท่านเป็นคนเรียกข้าอย่างนั้นเหรอ”

        เป็นคำถามที่ผู้ถูกถามไม่เข้าใจเลยสักนิด ซาคุโระได้แต่เอียงคอโคลงศีรษะคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเธอไปเรียกเขาได้ยังไงและตอนไหน เพราะแม้แต่ใบหน้าของพวกเขาสามคนเธอก็ยังไม่เคยเห็น แต่ในขณะที่กำลังครุ่นคิดกลับรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มสั่นและมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาตามใบหน้าอย่างรวดเร็ว

“นั่นมัน เกิดอะไรขึ้นน่ะ ท่าทางผู้หญิงคนนั้นท่าทางแปลกๆ ฟุยูกิก็ด้วย”

        ได้ยินเสียงของชายหนุ่มคนใดคนหนึ่งพึมพำออกมา น้ำเสียงของเขาเหมือนไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ สักพักก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้และก้มมองใบหน้าเธอ คนๆนั้นคงจะเป็นโฮโนโอะไม่ผิด ในขณะที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอเริ่มสั่นจนทรุดฮวบลงกับพื้น

“ฟุยูกิ!”

         มิราอิเข้ามาประคองร่างเด็กหนุ่มเอาไว้ก่อนที่จะล้มตึงไปบนพื้น ซาคุโระเริ่มหายใจติดขัดเหมือนกับว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจยังไงอย่างนั้น เห็นโฮโนโอะทำหน้าเคร่งเครียดและพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่เธอกลับไม่ได้ยินเสียงนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายสั่นสะท้านจนต้องทรุดลงกับพื้นประจวบเหมาะกับแสงจันทร์ที่สะท้อนกับภูเขาหิมะได้สาดส่องแสงสีเงินมากระทบยังที่ๆเธออยู่ เพียงเท่านั้นซาคุโระก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิด เหมือนเปลือกตามันปิดลงโดยที่ฝืนไม่ไหว

“อะ อะไรน่ะ”

         โฮโนโอะแทบไม่อยากเชื่อในสายตาตัวเอง มีใครอีกคนที่กำลังลืมตาและพยายามที่จะออกมาปรากฏตัวภายนอก เค้าโครงที่เคยเป็นของหญิงสาวปากจัดมือหนักคนเดิมกำลังเลือนหายไปก่อนที่จะปรากฏร่างหญิงสาวอีกคนขึ้นมาต่อหน้าต่อตา

 

         สายตาโฮโนโอะยังจับจ้องที่ร่างของหญิงสาวแปลกหน้าที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาให้เห็น เส้นผมสีเงินยาวสลวยพลิ้วไหวไปมาเหมือนกำลังหยอกล้อกับสายลม ดวงตาสีเงินส่องประกายดุจเพชรจับจ้องมาทางเขาอย่างเรียบเฉย ท่าทางของหญิงสาวเหมือนอยากพูดอะไรออกมา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีพลังพอ แล้วเธอก็หายวับไปจากตรงนั้น

วูบ!

“หายไปไหนแล้ว”

        ชายหนุ่มรำพึงเสียงแผ่วเมื่อมือที่กำลังยื่นเข้ามาหาไขว่คว้าได้เพียงความว่างเปล่า

“ภูเขาสีเงิน…นางอยู่ที่นั่น”

           คำพูดที่คละเคล้ากับเสียงหายใจหอบเหนื่อยของฟุยูกิทำให้พี่ชายทั้งสองหันกลับมามองอย่างสงสัย แต่ไม่นานก็ละสายตากลับไปเพราะสิ่งที่พวกเขาควรทำในตอนนี้ก็คือตามหาเธอคนนั้นให้พบ ซึ่งสถานที่ก็คือยอดเขาหิมะที่ตอนนี้ได้ถูกแสงของพระจันทร์อาบชโลมจนกลายเป็นสีเงินระยิบระยับ

 

           บนยอดเขาหิมะที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็น ร่างของสาวน้อยผมสีเงินเดินโซเซมาหยุดอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะที่กว้างสุดตา สติของเธอค่อยดับลงทั้งที่พยายามฝืนเอาไว้สุดฤทธิ์

“หนาวจัง…ที่นี่ที่ไหน เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

           เสียงที่จากข้างในตัวของเด็กสาวผมสีเงินก้องกังวานออกมาด้านนอก นั่นคือเสียงของซาคุโระที่ถูกบางอย่างกดเอาไว้ข้างในจิตของผู้ที่กำลังครอบครองร่างกายเธออยู่ในขณะนี้ เธอมองเห็นสิ่งภายนอกได้อย่างประหลาด แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับความอยากรู้ ว่าใครทำให้ร่างกายของเธอเคลื่อนไหวและมาอยู่ที่นี่ได้

“ใครน่ะ…ใครอยู่ข้างนอก ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยฉันออกไป!”

           เสียงร้องขอและดิ้นรนสุดฤทธิ์ของดวงจิตผู้ที่ถูกกักขังเอาไว้ข้างใน ทำให้ร่างกายที่ถูกครอบครองด้วยจิตดวงอื่นดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด และพยายามจะควบคุมมันเอาไว้ดังเดิม ร่างบางทรุดลงต่อหน้าหลุมฝังศพอย่างโรยแรง เพราะดวงจิตทั้งสองกำลังต่อต้านกันอย่างรุนแรง

“เจอแล้ว!”

           มิราอิพูดออกมาอย่างโล่งใจเมื่อเจอร่างของผู้ที่กำลังตามหา แต่ความยินดีก็วูบหายไปในทันใด เมื่อหญิงสาวที่ถูกพบกลับรีบลุกหนีและหายวับไปอย่างรวดเร็ว

“หายไปอีกแล้ว”

           โฮโนโอะสบถออกมาอย่างหัวเสีย ในใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยปริศนาว่าเด็กสาวที่พวกเขากำลังไล่ตามอยู่นี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่

“ตามไปกันเถอะขอรับ บางทีนั่นอาจจะพาเราพบทางกลับบ้านก็ได้”

           มิราอิสะกิดพี่ชายที่ยืนหัวเสียอยู่กับที่ เขากระชับร่างน้องชายคนเล็กไว้บนหลังอย่างมั่นคง โฮโนโอะไม่มีทางเลือกนอกจากจะทำตามโดยไม่มีข้อแม้

          เด็กสาวผมสีเงินที่เดินโซเซอยู่ท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บก็ถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น เพราะดวงจิตของผู้ที่เป็นเจ้าของร่างกายยังไม่เลิกราที่จะต่อต้านและดึงดันจะออกมาให้ได้

“อย่านะ! นั่นมันหน้าผานะ คิดจะทำอะไรกับร่างของฉัน หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

          ซาคุโระที่ตอนนี้ไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ดิ้นรนสุดฤทธิ์ เมื่อร่างกายที่ถูกสิ่งอื่นครอบงำกำลังเดินไปที่หน้าผาที่ทั้งลึกและมืดมน การเคลื่อนไหวของร่างกายที่ถูกบังคับเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ขาทั้งสองก็ไม่ยอมแพ้และยังคงก้าวต่อไปเรื่อยๆ

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

             ได้ยินเสียงชายหนุ่มร้องตะโกนมาแต่ไกล แต่รู้สึกว่ามันจะสายไปเสียแล้วเมื่อสิ่งที่ครอบครองร่างกายของเธอได้ล่องลอยอยู่กลางอากาศโดยที่ไม่ตกลงไปในหุบเหว ก่อนที่จะหันกลับไปมองชายหนุ่มที่เหมือนจะตกใจสุดขีดกับสิ่งที่เห็น ซาคุโระอยากร้องให้ช่วยแต่แล้วนิ้วของเธอก็ชี้ลงไปข้างล่างซึ่งเป็นเหวลึก

“อะไรน่ะ”

“จะให้ลงไป อย่างนั้นเหรอ”

            มิราอิที่แบกฟุยูกิตามมาถึงพึมพำเสียงแผ่ว แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบนอกการพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่ร่างบางๆจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

            ในที่สุดซาคุโระก็ได้ร่างของตัวเองกลับคืนมา แต่เธอก็ต้องกรีดร้องออกมาเพราะความตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังได้ดิ่งลงลงไปในหุบเหว

กรี๊ดดดดด!!!

“อันตราย!!”

             เสียงร้องดังมาพร้อมๆกับมือเรียวยาวที่เข้ามาคว้าข้อศอกของเธอเอาไว้ได้ทันก่อนที่ร่างของเธอจะดิ่งลงไปในหุบเหว แต่ความตกใจทำให้เธอต้องหมดสติไปจริงๆ

ครืนนนน~

“อะไรอีกล่ะ”

“หิมะถล่ม!!”

             เสียงสุดท้ายที่เปล่งออกมาถูกหิมะกลบเกลื่อนจนหมดสิ้น ร่างของชายหนุ่มทั้งสามดิ่งลงไปในหุบเหวลึกเบื้องล่าง พร้อมๆกับหญิงสาวที่ช็อกจนหมดสติไปก่อนหน้านั้น

 

ว๊ากกกกกก!!!!!!!

 

            เสียงร้องค่อยๆจางหายไปกับสายลมที่พัดเอื่อยๆบนภูเขา

 

            แรงสั่นสะเทือนและเสียงดังที่มาจากบนยอดเขา ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องล่างได้ยินและอดที่จะหันหน้าขึ้นไปมองเสียไม่ได้

 

“หิมะถล่มที่ฟากโน้นสินะ….แต่เหมือนจะได้ยินเสียงคนร้องด้วยนี่นา”

              หญิงชราที่ละสายตาจากหนังสือตรงหน้าพึมพำออกมาด้วยความสงสัยระคน แต่ไม่นานก็ละความสนใจนั้นทิ้งและหันกลับมาสนใจงานเขียนของตัวเองที่กำลังราบรื่นแทน

 

             ท่ามกลางหิมะขาวโพลนสะท้อนกับแสงของพระจันทร์จนกลายเป็นสีเงินระยิบระยับ ยังเหลือร่องรอยของหิมะที่ถล่มลงไปในหุบเหวลึกและมืด ความเงียบยังคงปลกคลุมพร้อมกับเสียงอ่อนๆของสายลมหนาวที่พัดผ่านอย่างมีมารยาท จะมีใครรู้บ้างว่าหญิงสาวคนหนึ่งได้ตกลงไปในหน้าผาแห่งนี้

 

..........................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา