Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ
8.1
เขียนโดย zusuran
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.
28 ตอน
0 วิจารณ์
28.10K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) แดนมายา จุดจบของผู้ทรยศ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 14 แดนมายา จุดจบของผู้ทรยศ
ท่ามกลางแสงสว่างอันน้อยนิดภายในห้องแคบๆที่ถูกปิดสนิท เปลือกตาอันหนักอึ้งได้เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังสั่นระริก
“ที่นี่…ที่ไหน”
ริมฝีปากแห้งผากพยายามขยับและเปล่งเสียงที่แหบแห้งออกมา ซาคุโระลืมตาตื่นพร้อมกับความรู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่าง แม้จะขยับเล็กน้อยก็ลำบากเกินบรรยาย สิ่งที่ม่านตาพล่ามัวได้มองเห็นคือน้ำแข็งย้อยแหลมคมที่อยู่บนเพดานที่เหมือนผนังถ้ำ ภายในห้องเต็มไปด้วยน้ำแข็ง กระทั่งเตียงที่เธอนอนอยู่ก็เป็นน้ำแข็ง แปลกเหลือเกินที่เธอไม่รู้สึกเย็นหรือเหน็บหนาวแม้แต่น้อย
“ได้สติแล้วรึ”
“ใครน่ะ”
ซุ่มเสียงที่ไม่คุ้นหูและสถานที่ๆไม่คุ้นเคย ทำให้ความกลัวที่ก่อตัวอยู่ลึกๆเริ่มทวีคูณและเอ่อล้นออกมาทางสีหน้า แต่เพราะร่างกายที่เหมือนเป็นอัมพาตทำให้ซาคุโระทำอะไรไม่ได้นอกจากเอี้ยวคอหันไปมองต้นตอของเสียง ร่างโปร่งบางค่อยๆเดินพ้นออกมาจากเงาที่แสงสีซีดส่องไปไม่ถึง ซาคุโระรู้ว่าคนๆนั้นเป็นผู้หญิง แต่เพราะดวงตาที่พล่ามัวและระยะห่างทำให้เธอมองไม่เห็นรายละเอียดบนใบหน้าและร่างกายของเธอคนนั้นมากนัก
“อย่าเพิ่งขยับ เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย”
“เธอเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ซาคุโระยิงคำถามใส่หญิงสาวที่เพิ่งโผล่พ้นออกมาจากเงาสลัวและมาหยุดอยู่ข้างเตียง ภาพใบหน้าของเธอเริ่มชัดเจนเห็นรายละเอียดทุกระเบียดนิ้ว รูปร่างสูงเพรียวสวมชุดสีเทาที่ขาดเป็นริ้ว ผิวขาวซีดไร้สีเลือด มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่มีสีแดงสดอิ่มสวย แก้มข้างหนึ่งมีลวดลายคล้ายแผลเป็นที่ถูกของมีคมกรีดตั้งแต่ขอบตาลงมาถึงปลายคาง และที่สำคัญและเด่นชัดก็คือใบหูสีดำเหมือนหูหมาป่า ทำให้ซาคุโระกลัวมากกว่าเดิมหลายเท่า
“เธอเป็น ปะ…ปีศาจ!?”
“รู้ด้วยรึ”
“ยะ อย่าเข้ามานะ!”
“วางใจเถอะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอกเทพธิดาสีเงิน”
“เฮือก!”
รอยยิ้มตีความหมายไม่ออกนั้นทำให้ซาคุโระยิ่งหวาดกลัว ตอนนี้เธอไม่ใช่เทพธิดาอะไรนั่น และจะไม่มีทางกลับเป็นริคกะในตอนนี้ด้วย เธอพยายามยันกายลุกแต่ก็ทำได้เพียงขยับถอยร่นไปจนหลังชิดผนังห้องที่เป็นน้ำแข็งที่อยู่ใกล้เพียงคืบ
“ยะ อย่าเข้านะ ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการเธอจริงๆด้วย!”
“หึ สภาพแบบนั้นน่ะรึจะไปทำร้ายคนอื่น”
“….!”
“ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า ข้าชื่อเซนริ ที่นี่คือแดนมายา”
“แดนมายา”
“เป็นดินแดนที่ไม่มีทางเข้าออก นอกจากวิญญาณแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเร็ดรอดเข้ามาได้ แม้จะเป็นเทพที่มีพลังสูงก็ตาม”
“วะ วิญญาณ! ถ้าอย่างนั้นเธอก็เป็นวิญญาณน่ะสิ แล้วฉันล่ะ ฉะฉัน ตะตายแล้ว?…”
“เจ้ายังไม่ตายหรอก แต่เพราะเจ้ามีวิญญาณอีกดวงสิงสถิตอยู่ต่างหาก”
“วิญญาณอีกดวงเหรอ”
“ประตูของแดนมายาจะปรากฏและเปิดรับเมื่อผู้ที่มาเยือนนั้นเป็นวิญญาณ มีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่มองเห็น ท่าทางเจ้าจะถูกวิญญาณเทพธิดาสีเงินพามาที่นี่น่ะ”
เซนริอธิบายพอเข้าใจ ซาคุโระรู้สึกว่าเธอพยายามทิ้งระยะห่างเท่าที่พื้นที่ในห้องแคบๆจะเอื้ออำนวย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ซาคุโระหายจากความหวาดระแวงมากมายนัก ถึงเซนริจะเป็นวิญญาณแต่ยังไงซะเธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับคำพูดของเธอที่บอกว่าที่นี่เป็นโลกมายาไร้ทางเข้าออก
“ฉันหลงทาง ฉันไม่ได้เต็มใจมาที่นี่ ฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง ช่วยบอกทีเถอะ”
“นั่นข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก มันสุดแล้วแต่ความสามารถของเจ้าและวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในตัวเจ้า”
“หมายความว่าฉันต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปเหรอ!”
“ในนี้ปลอดภัยที่สุดสำหรับมนุษย์เช่นเจ้า เจ้าคงถูกอสูรงูขาวเล่นงานมาสินะ เจ้า…”
“ซาคุโระ”
“ซาคุโระ…ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะรอดพ้นเงื้อมมือของเนรีวมาได้ คงเป็นเพราะวิญญาณของเทพธิดาสีเงินในตัวเจ้าสินะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็คงจะใช่มั้ง”
“ช่างเถอะ เจ้าคงต้องพักอีกมาก อยู่ในนี้เจ้าจะไม่หนาวตายแล้วจะไม่เป็นเหยื่อของพวกวิญญาณชั้นต่ำที่อยู่ข้างนอก”
“ตะแต่ว่า ฉันต้องกลับไปหาโฮโนโอะ”
“เจ้าพร่ำเพ้อชื่อนี้ตลอดเวลาที่หมดสติเลยนะ”
“เรามาด้วยกัน”
“โฮโนโอะเป็นคนรักของเจ้ารึ”
“ไม่ใช่!….ว่าแต่ เธอรู้จักเขาเหรอ!”
“ใครบ้างที่จะไม่รู้จักและกริ่งเกรงเหล่าทายาทแห่งราชันย์ทั้งสาม โดยเฉพาะโฮโนโอะที่มีศัตรูมากกว่ามิตรไปทั่วหล้า”
มิน่าล่ะเจ้าอสูรกาโระนั่นถึงได้เคียดแค้นเขานัก เจ้าคนปากเสียที่เอาแต่บ่นให้เธอคนนั้นคงจะไปสร้างวีรกรรมเอาไว้บานตะไทเลยสินะ
“เอาเถอะ ถึงเจ้าจะบอกอย่างนั้น แต่ก็เสียใจด้วยที่ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ เพราะที่แห่งนี้นอกจากวิญญาณแล้วก็ไม่มีใครเข้ามาได้ นอกเสียจาก…”
เซนริหยุดคำพูดเอาไว้พลางส่งสายตามองมาที่ซาคุโระเหมือนกำลังตัดสินที่จะบอกหรือไม่บอกดี
“นอกจากอะไร”
“ยมทูต”
“ยมทูตเหรอ”
“ที่ดินแดนแห่งนี้มีเพียงวิญญาณที่รอการปลดปล่อยจากยมทูต เจ้าเป็นแค่คนหลงทาง และคงจะดีหากว่าเจ้ายอมเชื่อฟังข้า อยู่ในนี้อย่าออกไปไหน”
เซนริมีสีหน้าเรียบเฉย คำพูดของเธอเหมือนคำสั่งผสมกับคำขอร้องฟังดูเยือกเย็นจนไร้ความรู้สึก
ซาคุโระไม่กล้าต่อปากต่อคำจึงได้เพียงเงียบและเชื่อฟัง เพราะตอนนี้เธอเองก็เดินเหินไม่ได้ แต่ที่เธอสงสัยไม่หายก็คือคำว่า ‘ยมทูต’ จะใช่ยมทูตที่อยู่ในหนังสือนั่นหรือเปล่า ชายหนุ่มที่มีดาบสองเล่มเหน็บอยู่ข้างหลัง ผ้าคลุมสีดำที่ห่อหุ้มร่างขาดวิ่นราวกับว่าผ่านศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน คนๆนั้นคือยมทูตที่พี่ชายของเธอออกแบบเอาไว้ แต่หากยมทูตที่เซนริพูดถึงคือตัวละครตัวนั้นจริงๆล่ะก็ เธอจะมีโอกาสได้พบเห็นกับตารึเปล่า ถ้าหากได้พบสักครั้งก็คงจะดีไม่น้อย เพราะยมทูตคนนั้นมีหน้าตาคล้ายกับคนที่สร้างมันขึ้นมาไม่มีผิดเพี้ยน เซนริยังคงนั่งอยู่บนแท่นน้ำแข็งมุมสุดของห้อง ทิ้งระยะห่างจากซาคุโระมากเท่าที่ห้องแคบๆจะเอื้ออำนวย ซาคุโระยังรู้สึกเกร็งแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองปีศาจสาวเมื่อตอนที่เธอเผลอ ท่าทางของเซนริเรียบเฉยสัมผัสไม่ได้ถึงความโหดร้ายที่ปีศาจควรมี หรืออาจจะเป็นเพราะเธอเป็นเพียงแค่วิญญาณจึงไม่ใส่ใจทั้งที่รู้ว่าซาคุโระมีดวงวิญญาณของผู้พิทักษ์อย่างเทพธิดาสีเงินอยู่
“คิดอะไรอยู่”
“ปะ เปล่าๆ”
“คิดว่าจะปิดบังวิญญาณอย่างข้าได้รึ”
ซาคุโระก้มหน้าสลด เซนริอ่านความรู้สึกของเธอออกทะลุปรุโปร่ง คงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังสักเรื่อง สู้ถามไปตรงๆคงดีกว่า พอคิดได้อย่างนั้นซาคุโระก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากถาม
“นี่เซนริ ขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามา”
“เธอเป็นปีศาจ แล้วทำไมถึง เอ่อ…”
“ทำไมข้าถึงไม่ฆ่าเจ้าทั้งที่รู้ว่าเจ้ามีดวงวิญญาณของผู้พิทักษ์สินะ”
“ใช่”
“จะบอกว่าข้าไม่สนใจเจ้าก็คงเชื่อยากล่ะสิ…ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกเจ้าอย่างหนึ่ง ซาคุโระ ความจริงแล้ว ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าเคยเป็น….”
ตูมมมมมมมมม!!!
กรี๊ดดดดดดดด!!!! อ๊ากกกกกก!!!!
“กะ เกิดอะไรขึ้นน่ะ!”
แรงสั่นสะเทือนจากระเบิดที่มองไม่เห็นทำให้ซาคุโระพลัดตกลงจากเตียงน้ำแข็งที่นอนอยู่ พร้อมกันนั้นแรงกดดันที่มืดดำก็เข้ามากระทบกับโสตประสาทจนไม่มีแม้แต่แรงจะลุกนั่งเอง เสียงกรีดร้องของเหล่าภูตผีและวิญญาณดังเร็ดรอดเข้ามาในห้อง ก่อนที่จะมีวิญญาณอัปลักษณ์ดวงหนึ่งปรากฏขึ้นข้างๆเซนริ
วูบ!
“ทะ ท่านเซนริ!”
“เกิดอะไรขึ้น!”
“วิ วิหคดำ!!! ปีศาจวิหคดำบุกเข้ามา!!!”
“เป็นไปได้ยังไง!”
“ไหนบอกว่านอกจากวิญญาณแล้วไม่มีใครเข้ามาได้ไงล่ะ แล้ววิหคดำคืออะไร”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย รีบหนีไปจากที่นี่ก่อนเร็วเข้า!”
ซาคุโระเห็นการเปลี่ยนแปลงของเซนริเต็มตา ปีศาจสาวกลายร่างเป็นหมาป่าสีเทาตัวใหญ่และวิ่งเข้ามาคาบเธอเหวี่ยงขึ้นไปบนหลังที่เต็มไปด้วยขนยาวรุงรัง และกระโดดทะลุเพดานน้ำแข็งออกไปอย่างรวดเร็ว ซาคุโระเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ทัน เธอหลับตาแน่นและยึดขนของเซนริเอาไว้แน่นที่สุดเท่าที่ทำได้สายลมเย็นเยียบที่พัดผ่านใบหน้าทำให้หญิงสาวที่หลับตาตลอดเริ่มเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง ขนยาวนุ่มนิ่มสีเทาสะบัดตามแรงสะเทือนเหมือนกำลังวิ่ง สิ่งที่สายตาพอจะมองเห็นมีเพียงทุ่งหิมะสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ไร้ซึ่งต้นไม้และโขดหิน ไม่นานนักเสียงแหบแห้งก็ดังขั้นข้างหู
“ไม่เป็นไรนะแม่หนูน้อย”
“เอ๊ะ!”
ซาคุโระรู้ว่าไม่ใช่เสียงเซนริและยังรู้สึกว่ามันใกล้เสียจนชิด พยายามกลอกกลิ้งลูกตาไปตามต้นตอของเสียง จนกระทั่งสายตาได้หยุดชะงักที่ร่างอัปลักษณ์ร่างหนึ่งที่คล้ายคลึงกับแมวขี้เรื้อน เกาะอยู่ที่หางของหมาป่า
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”
“นายเป็นใคร!”
“ข้าชื่อจากะ เป็นสมุนคู่กายของท่านเซนริ”
“นี่เรากำลังจะไปไหน”
“ไม่รู้ แต่เราต้องหนีวิหคดำนั่นให้พ้น”
“หา!”
“เงียบซะทั้งคู่”
“ซะ…เซนริ นี่มันอะไรกัน!”
“จับแน่นๆ!”
เสียงทรงพลังเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำแต่ก็อัดแน่นไปด้วยพลังและความหมาย ซาคุโระไม่มีเวลาลังเลนอกจากจะทำตาม เซนริในร่างของหมาป่าตัวใหญ่วิ่งไปบนทุ่งหิมะอย่างปราดเปรียว ก่อนที่เธอจะกระโดดทะยานขึ้นกลางอากาศและข้ามหน้าผากว้างๆได้อย่างเฉียดฉิว ซาคุโระกระชับขนสีเทาเต็มสองมือพร้อมกับหลับตาแน่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันทีที่ลมพัดผ่านใบหน้า สิ่งที่ได้ยินคละเคล้ากับเสียงลมก็คือเสียงร้องหลงยุคของจากะ
“อะจ๊ากกกกกกก!!! ท่านเซนรี้!!!!”
ฟ้าววววว~
ตูมมมมมมมม!!!
ซาคุโระรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกทันทีที่เหยียบย่ำลงบนพื้นหิมะ แต่เซนริก็ยังคงวิ่งไม่หยุด จนกระทั่งพักใหญ่ที่รู้สึกว่าแรงสั่นสะเทือนได้หยุดลง พอลืมตาขึ้นจึงได้พบว่ารอบตัวนั้นคือต้นไม้น้อยใหญ่ที่เรียงรายสลับกันอย่างหนาแน่น เซนริหมอบลงพร้อมทั้งเอียงตัวเล็กน้อยเพื่อให้เธอลงจากหลัง
“อะ ที่นี่ ที่ไหนกัน”
“ที่นี่คงหลบสายตาของวิหคดำได้ซักพัก”
ซาคุโระมองไปรอบๆ นอกจากต้นไม้ที่สลับซับซ้อนหนาแน่นแล้วก็มีเพียงทุ่งหิมะโล่งเตียนสุดลูกหูลูกตา
“เรามาไกลแค่ไหน แล้วทำไมเธอต้องหลบวิหคดำนั่นด้วยล่ะ เธอ…สู้มันไม่ได้เหรอ”
“น้อยๆหน่อยแม่หนูน้อย ท่านเซนริหวังดีกับเจ้าขนาดนี้ยังสำนึกบุญคุณอีกรึ!”
จากะแทรกขึ้นในขณะที่หายใจเอาอากาศเข้าปอด ซาคุโระไม่รู้ว่าจะเปรียบปีศาจนนี้เป็นอะไรดี รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้ต่างไปจากคนแคระหิวโซ แถมยังมีปีกเล็กๆเหมือนลูกเจี๊ยบเกิดใหม่ ขนาดตัวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก็คงจะเท่ากับแมวตัวใหญ่ที่โตเต็มที่ เซนริกลับมาอยู่ในร่างหญิงสาวและคุกเข่าลงต่อหน้าซาคุโระเพื่อจะดูบาดแผลที่ยังลึกและสาหัส
“เจ้าไม่เป็นไรนะ”
“อะ อื้อ”
“ท่านเซนริ ข้าว่าเราไปจากที่นี่กันเถอะ”
“วิญญาณเช่นเราจะไปที่ไหนได้ ข้าไม่มีพลังพอที่จะพาเจ้าออกไปจากดินแดนแห่งนี้หรอกนะ จากะ”
“ตะแต่ว่า ทำไมเมด์ถึงเข้ามาได้ล่ะขอรับ วิหคดำไม่ใช่วิญญาณนะขอรับ แสดงว่าต้องมีทางที่เข้าออกได้แน่ๆ”
“เมด์งั้นเหรอ ปีศาจเหรอ ทำไมปีศาจต้องล่ากันเองล่ะ เซนริ…เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงต้องช่วยฉัน”
คำถามที่สงสัยมานาน เมื่อถูกเอ่ยออกมาแล้วก็เรียกสายตาทุกคู่ให้หันมาจับจ้อง เซนริมองซาคุโระด้วยท่าทางหยิ่งๆไม่นานก็หลบหน้าไปทางอื่น ขณะที่จากะก็ก้มหน้าเหมือนกำลังยำเกรงความเงียบเชียบนี้ยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่นานนักเซนริก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบสนิทโดยไม่หันกลับมามอง
“ข้ายังพูดไม่จบสินะ”
“เอ๊ะ”
“ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าเคยเป็นสมุนมือขวาของจอมมาร”
“มะ ไม่จริง!”
“เป็นความจริง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้ารู้ว่าใครที่เล่นงานเจ้า แล้วก็รู้จักปีศาจวิหคดำนั่นด้วย”
ความจริงที่ถูกเปิดเผยทำให้ซาคุโระอึ้งไปพักใหญ่ เซนริเป็นปีศาจแถมยังเป็นถึงมือขวาของจอมปีศาจที่ต้องการจะกำจัดเธอ แต่ว่าทั้งที่เป็นอย่างนั้นหญิงสาวตรงหน้ากลับไม่คิดทำร้ายเธอ
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงได้หนีล่ะ แล้วทำไมเธอต้องช่วยฉัน วิหคดำนั่นเป็นพวกเดียวกับเธอไม่ใช่เหรอ เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่ เซนริ!”
“หุบปากเจ้าซะ แม่หนูน้อย ถ้าหากเจ้าลบหลู่ท่านเซนริอีกครั้งหนึ่งละก็ ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
“พอได้แล้ว จากะ”
“ท่านเซนริ…”
“เจ้าคงยังไม่รู้ ว่าในหมู่อสูรปีศาจก็มีการหักหลังกันเฉียดเช่นมนุษย์ บาดแผลที่ใบหน้าของข้าถึงตายไปก็ไม่มีวันลบเลือน มันคือคำสาปของจอมมารที่สาปแช่งข้าไม่ให้ข้ามีอิสระ มีเพียงยมทูตกับเทพธิดาสีเงินเท่านั้นที่จะถอนคำสาปนี้ได้”
“เพราะอย่างนี้ท่านเซนริถึงได้ถูกกักขังไว้ในดินแดนแห่งนี้ไงล่ะ ความหวังของพวกเราตอนนี้คือยมทูต เจ้าน่ะมีวิญญาณของเทพธิดาก็จริงอยู่ แต่เจ้าก็ยังไม่มีความสามารถ ดูสิ แม้จะลุกขึ้นยืนเจ้ายังทำไม่ได้เลยแบบนี้แล้วยังจะมาดูถูกท่านเซนริที่ยอมเปิดเผยตัวช่วยชีวิตเจ้าอีกรึ”
“ฉะ ฉันไม่รู้นี่ ปีศาจก็คือปีศาจไม่ใช่รึไง”
“เจ้านะเจ้า! ข้าควรทำยังไงกับเจ้าดีนะ ปีศาจแล้วยังไงล่ะ ปีศาจก็มีหัวใจนะ บางทีอาจจะมีจิตใจใสสะอาดกว่าพวกมนุษย์หรือเทพชั้นสูงก็ได้จะบอกให้!”
คำพูดประโยคสุดท้ายของจากะทำเอาซาคุโระอึ้งไปทันที ภาพใบหน้าของโฮโนโอะปรากฏขึ้นมาในหัว หลายครั้งที่เธอได้ยินพวกอสูรปีศาจทั้งหลายเรียกโฮโนโอะว่าอสูร และโฮโนโอะก็ยอมรับอย่างไม่ลังเลหญิงสาวก้มหน้านิ่ง ตอนนี้ในหัวเห็นแค่ใบหน้าของเหล่าทายาทแห่งราชันย์ทั้งสามในอิริยาบถต่างๆ ตลอดการเดินทางพวกเขามีท่าทางต่างๆหลากหลายอารมณ์และอยู่ข้างเธอไม่ห่าง โดยเฉพาะโฮโนโอะที่อยู่ไม่ห่าง ถึงจะมีท่าทียะโสและชอบกวนประสาทให้อารมณ์เสีย แต่เขาก็คอยปกป้องเธอโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ ความกลัวจึงเริ่มเข้ามากัดกินหัวใจจนสึกหรอลงทุกที
“เป็นอะไรไป”
เสียงเซนริดังขึ้นไม่ไกลนัก ปีศาจสาวจับจ้องมาทางนี้และคงเห็นท่าทีสั่นเทาของเธอ ซาคุโระพยายามควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นแต่ก็ทำได้เพียงกุมมือเอาไว้แน่น
“โฮโนโอะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นอสูรเพราะฉันคนเดียว…เพราะฉันคนเดียว!”
“นี่เป็นชะตากรรมที่ต้องเผชิญ จะข้าหรือโฮโนโอะก็ต้องเดินไปตามเส้นทางที่ถูกขีดไว้ ไม่มีใครเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเราได้หรอก”
จู่ๆเซนริก็ขัดขึ้น ดูเหมือนเธอจะปลงตกและยอมรับตัวตนและไม่คิดขัดขืน เหมือนกันจริง เธอเหมือนกับโฮโนโอะมากจริงๆ นี่รึเปล่านะที่เรียกว่าจิตใจเบื้องลึกที่ไม่ว่าใครก็เข้าไม่ถึง
“แล้วถ้าฉันจะเปลี่ยนล่ะ”
“พูดเรื่องอะไร”
“ฉันจะเปลี่ยนเส้นทางที่พวกนายเดินอยู่ไงล่ะ!”
“อย่างเจ้าจะทำอะไรได้ เจ้าไม่ใช่ผู้ที่สร้างโลกนี้จะไปทำอะไรได้ล่ะ ถึงใช่ เจ้าก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนมันได้หรอก”
“ต้องได้สิ!”
เซนริชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะมีสีหน้าที่เรียบเฉยดังเดิม
“ถึงจะพูดอย่างนั้น ข้าก็คงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก เพราะข้าเองก็เป็นแค่วิญญาณ แค่หาทางส่งเจ้าออกไปจากที่นี่ยังไม่ได้เลย”
“เซนริ…”
“เรื่องที่เจ้าจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของโลกใบนี้ข้าอาจจะเชื่อเจ้าอยู่บ้าง และหากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ สิ่งที่ควรทำในตอนนี้ก็คือรักษาชีวิตเอาไว้จนกว่าจะไปถึงจุดหมายไม่ใช่รึ”
ซาคุโระฟังน้ำเสียงและคำพูดที่ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดๆของปีศาจจสาวซึ่งยืนหันหลังให้ ท่าทางของเธอช่างคล้ายคลึงกับโฮโนโอะจริงๆ
ไม่นานที่ความเงียบทำให้เคลิ้มไปไกล พายุหิมะลูกใหญ่ก็เกิดขึ้นและเคลื่อนตัวเข้าหาที่ๆซาคุโระและเซนริหลบซ่อนตัวอยู่ เสียงจากะดังแทรกเข้ามาท่ามกลางพายุหิมะทันที
ครืนนนนนนนนนนนน!!
“อ๊า!!! ท่านเซนริ มันมาแล้ว!”
“อะไรน่ะ!”
“แย่ล่ะสิ เมด์ตามหาเราเจอจนได้! เราต้องรีบไปแล้วล่ะ”
“ปะ ไปไหน…”
“ไปจากที่นี่ แล้วก็หาทางส่งเจ้าออกไปไงล่ะ!”
“คงจะให้ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก”
“เฮือก!”
ซาคุโระตกตะลึงกับร่างที่ปรากฏขึ้นต่อหน้า หญิงงามสวมชุดดำเปิดไหล่จนเห็นร่องอก มีปีกสีดำคล้ายปีกนกขนาดใหญ่อยู่บนหลัง จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวิหคดำอย่างที่จากะและเซนริพูดถึง
เซนริจ้องมองผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยท่าทางเย็นยะเยือก แต่กลับไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายกริ่งเกรงเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ได้พบกันนานนะ เซนริ”
“เมด์”
“ดูท่าทางจะสบายดีนี่นะ ตามอรรถภาพของวิญญาณ”
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง”
“จำเป็นที่ข้าต้องตอบคำถามเจ้าด้วยรึ”
หญิงงามคล้ายกันแต่แตกต่างที่สายพันธุ์ เซนริจ้องเมด์ตาเขม็ง จากะหลบไปเกาะที่ขาข้างหนึ่งของเจ้านายอย่างหวาดกลัว ซาคุโระขยับไปไหนไม่ได้และต้องตกเป็นเป้าสายตาของเมด์ไปโดยปริยาย วิหคดำจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เหี้ยมเกรียม ผิดกับรอยยิ้มที่ตีความหมายไม่ออก พลันน้ำเสียงไร้อารมณ์ของเซนริแทรกเข้ามาทำลายความกดดันให้ทุเลา
“มีธุระอะไรกับข้ารึ เมด์”
“ข้าไม่มีธุระกับวิญญาณเช่นเจ้า แต่ข้าต้องการเด็กที่อยู่ข้างหลังเจ้าต่างหาก”
“นางเป็นเพียงมนุษย์ เจ้าติดใจอะไรนางนักหนารึ”
“นี่เจ้าแกล้งโง่รึเปล่า เซนริ ไม่รู้รึว่าในตัวของมันมีอะไรอยู่”
“ไม่เกี่ยวกับข้า”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบส่งมันมาให้ข้าซะ!”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก”
“ว่าไงนะ!”
“ที่นี่เป็นดินแดนของข้า นางเป็นคนในความดูแลของข้า คงจะยกให้ใครง่ายๆไม่ได้หรอก”
“นี่เจ้าอยากลองดีกับข้ารึ!”
“ที่นี่เป็นดินแดนของท่านเซนริ เจ้าอย่าโอหังให้มากนัก วิหคดำ!”
“หึ เจ้ามันก็แค่ปีศาจอัปลักษณ์ชั้นหางแถว บังอาจมาสั่งข้ารึ!”
เมด์ตวาดถลึงตาใส่จากะที่ขัดขึ้น จากะรีบหลบตัวลีบอยู่ข้างหลังเซนริอย่างสั่นกลัว ถึงยังไงมันก็เป็นแค่ปีศาจชั้นหางแถวคงจะสู้กับเมด์ไม่ได้ ซาคุโระพยายามยันกายลุกอย่างยากลำบาก เมด์ยังจับจ้องมาทางเธอก่อนจะหันไปหาเซนริด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“เป็นวิญญาณแล้วยังมาทำเก่ง อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ เซนริ!”
“ทะ ท่านเซนริ”
“จากะ…พาเด็กนั่นไปจากที่นี่ซะ”
“หา!”
“เร็วเข้าสิ”
ร่างของปีศาจอัปลักษณ์ขยายใหญ่ขึ้น แต่ก่อนที่จะได้อ้าปากคาบซาคุโระขึ้นไปบนหลัง เมด์ก็ลั่นปากขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
“คิดหนีรึ ไม่มีทางซะล่ะ!”
ลมกระโชกแรงพอที่จะพัดต้นไม้ให้หัก ซาคุโระถอยร่นไปตามแรงลม แต่ก่อนที่มันจะพัดร่างของเธอให้ทะยานขึ้นกลางอากาศ ปากหมาป่าของเซนริก็งับชายเสื้อเธอเอาไว้ได้ก่อน
“ซะ เซนริ!”
สิ่งที่ทันได้เห็นคือดวงตาสีทองของหมาป่าสีเทา เซนริเหวี่ยงซาคุโระขึ้นบนหลังก่อนที่จะวิ่งเข้าไปคาบเอาจากะและกระโดดฝ่าพายุหิมะออกไปก่อนที่มันจะเข้ามาบีบรัดและทับถมให้จม
“คิดหนีรึ!”
เสียงแหลมสูงยิ่งกว่าเสียงร้องของอีกาดังก้องตามมาติดๆ ซาคุโระพยายามไม่หลับตาและเหลียวกลับไปมองเมด์ที่ตามมาติดๆ ใบหน้าและรูปร่างอันงดงามของวิหคดำได้เปลี่ยนแปลงไปจนน่าขยะแขยง แววตาที่เมด์จ้องมองมานั้นฉายแววเหี้ยมเกรียมไม่ต่างจากเนรีว ซาคุโระรู้สึกเหมือนถูกดวงตามืดดำนั้นสะกดจนร่างกายหนักอึ้ง แต่ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะปล่อยจากขนหมาป่าที่ยึดเกาะนั้น เสียงทรงพลังของเซนริก็ดังแทรกเข้ามาเรียกสติ
“อย่ามองตามันนะ!”
“เฮือก!”
“จับข้าไว้แน่นๆ!”
เสียงทรงพลังดังเสียดสีกับอากาศที่พัดสวนทาง ซาคุโระได้สติกลับมาอีกครั้งและทำตามที่ได้ยินอย่างไม่ขัดข้อง หมาป่าสีเทากระโดดทะยานขึ้นกลางอากาศเพื่อจะข้ามหน้าผาที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ในขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ คลื่นพลังสีดำที่เต็มไปด้วยปีกนกที่แหลมคมดุจใบมีดก็พุ่งเข้ามาเชือดเฉือนร่างนั้นอย่างไร้ปราณี
ฉัวะ! ฉึก!
“อึ้ก!”
“เซนริ!”
“ท่านเซนริ!”
พลั่ก!!
ร่างหมาป่าสีเทาอาบโชกไปด้วยเลือดสีดำร่วงลงสู่พื้นหิมะสีขาวโพลนอีกฟากของหน้าผา ซาคุโระกระเด็นออกจากหลังเซนริและกลิ้งออกไปไกล เช่นเดียวกับจากะที่กระเด็นไปติดโขดหินจนถูกหิมะร่วงลงมาทับถมจนมิด ซาคุโระยังมีสติและพยายามยันกายลุกความเจ็บปวดเพิ่มเป็นทวีคูณ แต่ก็ไม่เท่ากับความห่วงหมาป่าที่นอนจมกองเลือดอยู่ริมหน้าผา
“อึก~ เซนริ!”
เซนริกลับมาอยู่ในร่างของหญิงสาวและพยายามลุกขึ้น แต่ก็ยากลำบากเหลือแสน เมด์ตามมาถึงและลอยตัวอยู่กลางอากาศ เหนือฝ่ามือข้างหนึ่งปรากฏปีกนกที่แหลมคมเสมือนดาบ ซาคุโระพยายามลุกขึ้น สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาคือปลายขนนกที่แหลมคมจ่อเข้ามายังร่างโชกเลือดของเซนริ
“น่าเสียดายนะเซนริ ข้าคิดว่าจะได้เล่นสนุกมากกว่านี้ซะอีก”
“ชิ”
“ข้าสมเพชเจ้าจริงๆ เจ้าเก่งกาจเหนือเหล่าอสูรปีศาจใดๆ แต่ดูเจ้าในตอนนี้สิ เป็นวิญญาณเร่ร่อนไร้ที่พึ่ง หากเจ้าไม่คิดทรยศ เจ้าก็คงไม่พบจุดจบอย่างนี้หรอก!”
“ทรยศ…หมายความว่ายังไง”
“เจ้าเองก็คงอยากรู้สินะ จะบอกก็ได้ว่าทำไมเจ้าถึงถูกตามล่า นั่นก็เพราะว่าอสูรปีศาจทั้งหลายบนโลกนี้หวาดกลัวเจ้ายังไงล่ะ หวาดกลัวเทพธิดาสีเงินผู้พิทักษ์ หวาดกลัวเหล่าทายาทแห่งราชันย์ทั้งสาม”
“ทายาทแห่งราชันย์…”
“สิ่งที่พวกข้าต้องการกำจัดไม่ใช่ตัวเจ้า แต่เป็นดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในตัวเจ้าต่างหาก ถ้าหากไม่กำจัดภาชนะอย่างเจ้าซะ มันก็จะฟื้นคืนชีพและกวาดล้างพวกข้าเสียเอง”
“อึก!”
“น่าเสียดายนะเซนริ หากเจ้าไม่คิดทรยศขัดขวางท่านผู้นั้น เจ้าก็คงไม่ต้องมาตายแล้วก็เป็นวิญญาณที่ถูกสาป คิดรึว่าหากเจ้าช่วยให้มันฟื้นคืนชีพ แล้วเจ้าจะหายจากการเป็นปีศาจ ไม่มีทางซะหรอก สู้เจ้าส่งมันมาให้ข้าไปมอบให้ท่านผู้นั้นไม่ดีกว่ารึ บางทีเขาอาจจะถอนคำสาปปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระก็ได้”
“แฮ่กๆๆ~ หุบปากเจ้าได้แล้ว เมด์”
“หืม~”
“ชีวิตข้าเป็นของข้า อย่าเอาคำสาปมาขู่ข้า!”
“หึ ไม่ว่าเมื่อไหร่นิสัยเย่อหยิ่งดื้อรั้นของเจ้าก็ไม่หายไปสินะ ดี ถ้าเช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องลังเลที่จะกำจัดเจ้า จบกันแค่นี้แหล่ะ เซนริ!”
“อย่านะ!!!”
ซาคุโระไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปหาเซนริ ตอนนี้เธอไม่รู้สึกกลัวเซนริและมีเพียงความคิดที่อยากช่วยปีศาจสาวเท่านั้น ซาคุโระปัดขนนกของเมด์ออกไปอีกทางก่อนที่มันจะแทงทะลุร่างวิญญาณของเซนริ และใช้ตัวเองเป็นโล่กันปีศาจสาวไว้ข้างหลัง สายตาที่จับจ้องเมด์เริ่มแข็งกร้าวแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเมด์จะสะท้านใดๆ มิหนำซ้ำยังแสยะยิ้มเหมือนจะเยาะเย้ยยังไงอย่างนั้น
“เห~ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้ายอมลดตัวลงมาช่วยปีศาจ ช่างน่าประทับใจแทนจริงๆ ท่านเทพธิดาสีเงิน”
“ฉันไม่ใช่เทพธิดา! จะให้พูดซ้ำซากกี่ครั้งกัน!”
“ถอยไปซะ ซาคุโระ”
“ไม่!”
“เจ้า!!!...”
“ช่างกล้าหาญเสียจริง ท่านเทพธิดาสีเงิน แต่ยังไงซะเจ้าก็ต้องตาย!”
เมด์ยกดาบขนนกอันคมกริบขึ้นเหนือศีรษะหมายจะฟาดฟันร่างซาคุโระให้ขาดกระจุย แต่ในชั่วพริบตาก่อนที่คมดาบขนนกจะฟันร่างซาคุโระ ก็มีบางอย่างเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทัน
ฉัวะ!
ซาคุโระรู้สึกเหมือนมีของเหลวอุ่นๆสาดกระเซ็นเข้าที่ใบหน้า หญิงสาวลืมตาขึ้นเพื่อจะมองว่ามันคืออะไร แต่ทันทีที่ลืมตาขึ้นสิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาตรงหน้าก็แทบทำให้เธอผงะ
“จากะ!!!”
“ดันมีตัวน่าเกลียดมาขวางซะได้ อย่าขวางมือขวางเท้า รีบๆแหลกเป็นผงไปซะ!”
“ไม่นะ!!”
“ท่านเซนริ ยกโทษให้ข้าด้วยนะ”
ฉัวะ! ฉับ!!
ร่างของปีศาจอัปลักษณ์ถูกดาบขนนกสีดำตัดจนร่างกระจุยไปคนละทิศละทาง ต่อหน้าซาคุโระที่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง หิมะสีขาวถูกแต่งแต้มด้วยเลือดสีดำของปีศาจ กระทั่งใบหน้าของเธอก็ยังไม่ละเว้น
“จากะ~”
“พวกหน้าโง่ หวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ช่างน่าสมเพชจริงๆ”
“แก!”
“ไง โกรธรึ”
วิหคดำผู้เหี้ยมโหดแสยะยิ้มให้อย่างเย้ยหยัน ซาคุโระจ้องมองร่างนั้นอย่างโกรธแค้น ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาบีบรัดหัวใจจนเจ็บปวด ลืมไปแม้กระทั่งความหนาวเหน็บของหิมะที่รายล้อม
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงตาเจ้าล่ะนะ เทพธิดาสีเงิน”
“อันตราย!!”
“ตายซะ!”
ฉัวะ!!!!
ร่างโชกเลือดของปีศาจหมาป่าเข้าปัดป้องคมดาบได้ทันเวลา เลือดสีดำสาดกระเซ็นลงบนหิมะเป็นทาง วงแขนยาวๆโอบร่างซาคุโระเอาไว้แน่นก่อนที่มันจะค่อยๆคลายและร่วงลงอย่างสิ้นแรง
พลั่ก!!
“ฮ่าๆๆๆ!!”
“เซนริ!...เซนริ!!!!”
เสียงแผดร้องดังคละเคล้ากับเสียงกลั้วหัวเราะ ซาคุโระเอื้อมมือเข้าไปหาปีศาจสาวอย่างสั่นๆ แต่ก่อนจะได้แตะตัวเสียงสั่นเครือของเซนริก็ดังขึ้นแผ่วๆ
“ไปซะ~”
“เหะ!”
“ไปไหนก็ได้ หนีไปให้ไกลจากที่นี่ ไปซะ”
สิ้นสุดเสียงแผ่วเบาดวงตานั้นก็เอ่อล้นด้วยน้ำตาและปิดลงอย่างไร้ทางต้าน ซาคุโระไม่มีโอกาสกระทั่งจะเอื้อมมือเข้าไปหาเธอ จากร่างของหญิงงามผู้เลอโฉมกลับกลายเป็นร่างของหมาป่าตัวใหญ่ที่ไร้ซึ่งลมหายใจ เซนริเป็นเพียงวิญญาณ แต่ในดินแดนนี้เธอก็มีร่างกายได้และเจ็บปวดได้เหมือนคนอื่น และตอนนี้เธอก็ตายแล้ว ไม่มีที่ให้เธอหายใจอีกต่อไป
“ไม่จริง”
“ฮ่าๆๆๆๆ!! จะเอายังไง จะตายหรือว่าจะยอมไปกับข้าดีๆ”
“ทำไมทุกคนต้องมาปกป้องคนอย่างเราด้วยนะ ทำไมกัน!”
ซาคุโระพร่ำทั้งน้ำตาที่กำลังเอ่อไหล และทันใดนั้นแรงกระตุกที่กลางอกก็ปะทุขึ้นรุนแรง เหมือนมีบางอย่างที่เข้ามาควักเอาหัวใจออกไปยังไงอย่างนั้น
ตึกกกกก!!!
“เฮือกกกกก!!!! อะ~”
“เป็นอะไร กลัวจนหน้าถอดสีเชียวรึ”
“เจ็บ!”
ซาคุโระยกมือกุมอกซ้ายและบีบเอาไว้จนสุดแรง เธอไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อนเลย มันเจ็บเสียจนทำให้ร่างกายตายด้านไปเลยทีเดียว เสียงหัวใจยังคงเต้นแรงแต่ก็เสียแรงเปล่าหากจะให้เมด์มาสนใจ ปีศาจสาวยกขนนกสีดำอันเดิมที่ยังมีเลือดเซนริเปื้อนเปรอะขึ้นเหนือหัว ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาหญิงสาวที่เอาแต่นั่งกุมหน้าอก
“หึ งั้นรึ ไม่พูดก็หมายความว่ายอมตายที่นี่สินะ ก็ได้ ข้าจัดให้!”
“ฮึก~ ทนไม่ไหวแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!”
ครืนนนนนนนน!
“อะไรน่ะ!”
การโจมตีของเมด์ถูกสะท้อนกลับทันทีที่เสียงแหลมสูงนั้นกรีดร้องขึ้น เสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้หน้าผาถล่มลงไปเป็นเกือบหมด และยิ่งกว่านั้นซาคุโระก็ยังกรีดร้องออกมาโดยไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงง่ายๆ
“กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!”
“อะไรกันเด็กนี่ ทำไมถึง….มีไอปีศาจออกมาอย่างนี้เนี่ย เด็กนี่เป็นเทพธิดาสีเงิน เป็นเทพชั้นสูงไม่ใช่รึ!”
ตูมมมมมมมมมม!!!!!
“แย่แล้ว ต้องรีบจัดการมันก่อนล่ะ”
ว่าแล้วเมด์ก็ร่ายเวทมนตร์กักขระที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่นานก็ปรากฏพายุที่เต็มไปด้วยขนนกที่แหลมคม ขนนกทั้งหลายเคลื่อนตัวเข้ามารายล้อมซาคุโระตามคำสั่งของเจ้านาย และฉวัดเฉวียนเฉือนแขนขาเธอไปทีละน้อย
ฉัวะ! ฉัวะ!
“เอ้าๆ ถ้าไม่หนีก็จะไม่รอดนะ จะเอายังไงล่ะ”
“อึก~ เจ็บจริงๆ ใครก็ได้ ช่วยฉันที”
“จงตายไปพร้อมนางปีศาจทรยศนั่นซะเถอะ!”
“อย่ามาเรียกเซนริว่าปีศาจ!!!!!!”
“เฮือก!!!!”
“เจ้าสินะที่เรียกข้าออกมา หึๆๆๆ อยากเจอข้ามากสินะ”
“อะไรกันเด็กนี่ น้ำเสียงเปลี่ยนไป ไม่สิ เค้าไอปีศาจนี่มันอะไรกัน”
“หึๆๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะกักขระดังมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ซาคุโระยังคงมองเห็นสิ่งภายนอก เห็นสีหน้าของเมด์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง วิหคดำกำลังหวาดกลัวเธออยู่ เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวเธอเพราะอะไร แต่เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายได้แม้แต่ส่วนเสี้ยว มันต่างจากความรู้สึกตอนเทพธิดาสีเงินออกมา เธอรู้สึกปั่นป่วนไม่ได้เหน็บหนาวหรือร้อนรนใดๆ และไม่นานนักร่างกายทุกส่วนก็ขยับไปเองโดยที่เธอไม่ได้สั่งการจากสมอง ร่างกายของเธอลุกขึ้นยืนไม่สะท้านต่อคมมีดที่บาดตามร่างกาย เท้าทั้งสองข้างก้าวไปข้างหน้าผ่านร่างของหมาป่าสีเทาที่นอนนิ่ง ก่อนที่มือทั้งสองจะยื่นออกไปข้างหน้าเหมือนกำลังทำท่าจะปล่อยอะไรบางอย่างออกจากฝ่ามือ และเพียงเวลาเสี้ยวนาทีแสงสีแดงที่ถูกรายล้อมด้วยสายฟ้าสีดำก็ปะทุออกจากฝ่ามือทั้งสองและพุ่งเข้าไปคลอกร่างของเมด์อย่างไร้ปราณี
ตูมมมม!!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!!!”
เสียงกรีดร้องดังโหยหวนชวนทรมาน ซาคุโระรู้สึกตัวและรู้ว่าตัวเองกำลังหัวเราะชอบใจ ทั้งๆที่ไม่ได้สั่งการอะไรเลย
“หึ…หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!!”
“อะ อะไรกันเนี่ย พลังอะไรกัน! ร้อน!!!!”
เมด์ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสายฟ้าสีดำ ร่างกายทุกส่วนถูกตรึงเอาไว้เหมือนโซ่ตรวนที่หนักเป็นหมื่นกิโล ผิวหนังฉีกขาดเป็นริ้วแผลจนเลือดสีดำกระฉูดออกมาน่าสยดสยอง
ถึงจะรู้ว่าปีศาจตรงหน้าได้หมดสิ้นหนทางที่จะต่อกรด้วยแล้ว แต่ซาคุโระกลับควบคุมให้ร่างกายกลับเป็นอย่างเดิมไม่ได้ เธอยังหัวเราะทั้งที่มีน้ำตาไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง ร่างกายทุกส่วนเหมือนถูกปลดเปลื้องจนไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น เธอมองเห็นร่างหมาป่าสีเทาที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า มันกำลังขยับและเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงแหบพล่า
“ซะ….ซะ ซาคุโระ”
“หึ หึๆๆ….”
“ข้ากำลังจะไปแล้ว….แต่ขอร้อง อย่าให้ด้านมืดในจืตใจของเจ้ามาควบคุมร่างกายเจ้าอีกเลย”
“อึก!”
ด้านมืดของจิตใจอย่างนั้นเหรอ เธอมีด้านมืดที่น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ….
“ข้าดีใจที่ได้พบเจ้า เจ้าที่ไม่ใช่เทพธิดาสีเงิน…ข้าดีใจนะ ซาคุโระ”
สิ้นสุดคำพูดร่างหมาป่าก็แน่นิ่งและค่อยๆสลายเป็นฝุ่นผง ซาคุโระรู้สึกเจ็บแปลบกลางอก ปากที่แข็งทื่อพยายามเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูด เอ่ยชื่อของคนที่กำลังจะจากไปต่อหน้าต่อหน้า
“เซนริ…..เซนริ”
ในที่สุดซาคุโระก็สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอทรุดลงใกล้ๆร่างหมาป่าที่กำลังจะหายไป ใบหน้าของเซนริในคราบหญิงสาวปรากฏให้เห็นพักหนึ่ง ก่อนที่จะกลายเป็นฝุ่นผงไปพร้อมๆกับส่วนอื่นของร่างกาย ซาคุโระไม่มีโอกาสแม้จะแตะต้องเพียงปลายนิ้ว เซนริจากไปแล้ว ทั้งที่เคยบอกว่าจะเฝ้ารอยมทูตเพื่อมาปลดปล่อย แต่เธอก็ไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
“สวรรค์ ทำไมท่านไม่ให้โอกาสคนที่หลงทางบ้าง ทำไมกัน”
ซาคุโระพร่ำบ่นทั้งน้ำตาที่กำลังล้นทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง และในขณะนั้นเอง เมด์ก็หลุดพ้นจากวงล้อมสายฟ้าในสภาพที่สะบักสะบอมเลือดอาบ ปีศาจสาวแค้นจนเลือดขึ้นหน้า และไม่คิดจะปล่อยซาคุโระให้มีชีวิตอีกต่อไป
“บังอาจทำให้ข้าเสียโฉมรึ ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่ จงลงนรกไปซะเถอะ!!!!!”
เมด์รวบรวมกำลังทั้งหมดสะบัดมือข้างหนึ่งจนเกิดเป็นพายุที่เต็มไปด้วยขนนกแหลมคมบินฉวัดเฉวียนนับร้อย สายตาแข็งกร้าวจ้องมองไปยังหญิงสาวที่นั่งนิ่ง ก่อนที่จะขว้างมันออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเหนือการควบคุม
“ตายซะเถอะ!!!!”
ถึงรู้ว่ามีอะไรพุ่งมาหา แต่เรี่ยวแรงทั้งหมดกลับไม่หลงเหลือที่จะให้หลบหลีก ซาคุโระนั่งนิ่งและมองขนนกนับร้อยที่กำลังพุ่งเข้ามาเชือดเฉือนปลิดลมหายใจ น่าแปลกที่ในหัวสมองตอนนี้ว่างเปล่า ลืมไปกระทั่งชื่อของคนที่เธอมักจะเรียกร้องหาทุกครั้งที่ตกอยู่ในอันตราย เธอหลับตาเหมือนนักโทษที่รอการประหาร
พรึ่บ!
เสียงผ้าเสียดสีกับอากาศดังพอที่จะให้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และสิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาที่ถูกบดบังด้วยน้ำตาคือชายผ้าผืนบางที่งดงามและคุ้นตากับร่างสูงโปร่งที่ยืนขวางและสะท้อนขนนกพวกนั้นจนแตกกระจายไปคนละทาง ซาคุโระจดจำแผ่นหลังกว้างของคนๆนี้ได้ไม่มีลืม
“ฮะ~โฮโนะโอะ”
ตูมมมมมมมม!!!!
“อะไรกัน!!!”
เมด์สบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อชายหนุ่มที่เพิ่งโผล่หน้ามาให้เห็น สะท้อนและทำลายท่าไม้ตายของเธอได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าอสูรกึ่งเทพโฮโนโอะ!”
“รู้จักข้าด้วยเหรอ”
“บังอาจมาขวางทางข้าอย่างนั้นเหรอ! คิดจะลองดีกับข้าสินะ!”
เมด์ตั้งท่าจะร่ายเวทอีกครั้ง แต่ก่อนที่เธอจะได้อ้าปากเอื้อนเอ่ยอะไรก็ต้องชะงัก เมื่อมีบางอย่างที่เธอทั้งเกลียดและหวาดกลัวเข้ามาใกล้และประชิดจากด้านหลัง
“เฮือกกกก!!!!”
ไม่มีสิ่งใดประจักษ์ต่อสายตานอกจากเค้าไอที่น่ากลัวและต้องหนีเอาตัวรอดเท่านั้น เมด์ไม่รอให้สิ่งนั้นเข้าใกล้และรีบหายตัวไปจากตรงนั้นทันที
จะเพราะอะไรก็ช่างแต่ความเศร้าโศกเสียใจของซาคุโระก็ยังไม่หายไป ถึงเซนริจะกลายเป็นฝุ่นผงและหายไป แต่คราบเลือดสีดำที่แต้มอยู่บนหิมะสีขาวยังคงอยู่ โฮโนโอะหันหน้ากลับมาหาและคุกเข่าลงต่อหน้าพร้อมกับคำถามที่เธอคุ้นเคย
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“………..”
“ซาคุโระ”
“โฮโนโอะ ทำไมสวรรค์ ถึงไม่ให้โอกาสคนที่หลงทางบ้างนะ…ทำไมกัน ทำไม~”
ซาคุโระหมดเสียงจะเปล่งออกมาแม้เพียงครึ่งคำ โฮโนโอะดึงร่างอันเย็นเฉียบเข้ามาสวมกอดเอาไว้เพื่อให้ความอบอุ่น ทว่าอ้อมอกของชายหนุ่มก็ทำให้น้ำตาและความเสียใจเพิ่มเป็นทวีคูณและล้นทะลักออกมาจนหยุดไม่อยู่ แรงกดดันทำให้ซาคุโระแผดเสียงร้องออกมาอย่างไม่กลัวอาย
“ข้าอยู่นี่ ซาคุโระ”
“ฮึก~ ฮืออออออออออออ!!!!!! ฉันเจ็บเหลือเกิน โฮโนโอะ เจ็บจริงๆ!”
ความแปรปรวนของทุ่งหิมะเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงเพราะเสียงที่ดังขึ้นจากหญิงสาวที่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่มองไม่เห็น ความแปรปรวนที่แม้แต่โฮโนโอะก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกมา
“อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ตูมมมมมมมมมมม!!!!
พลั่ก!!
“อุ๊บ! อะไรกัน!”
ครืนนนนนนนนนน!!!
“ซาคุโระ!”
“กรี๊ดดดดดดด!!!!~”
ซาคุโระกรีดร้องเกินกว่าสติจะควบคุมได้ และเสียงร้องอันทรงพลังนั้นก็ทำให้เหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายที่แอบซ่อนอยู่ในทุ่งหิมะโผล่ออกมารายล้อมเธออย่างแน่นหนา เหมือนกับว่าพวกมันเหล่านั้นกำลังจะอาศัยเสียงของเธอมาเป็นอาหาร
“อะไรกัน! วิญญาณพวกนั้น….”
“วิญญาณที่ไร้ซึ่งอิสระ หิวโหยจนกระทั่งออกมาขออาหารไงล่ะ”
“เจ้าเป็นใคร”
โฮโนโอะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจ้าของเสียงที่นำทางเขามาจนถึงที่นี่ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมสีเข้มดุจพระอาทิตย์ยามเย็น ผ้าคลุมสีรัตติกาลผืนใหญ่ขาดวิ่นพร้อมทั้งดาบสองเล่มที่ไขว้อยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มแปลกหน้าไม่ได้ตอบแต่ก้มลงมองเขาด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก ก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าวิญญาณที่ทยอยออกมารายล้อมหญิงสาวและดูดเอาพลังงานที่ล้นออกมาจากตัวเธอ ขณะที่โฮโนโอะรีบตีตัวออกห่างใช้ตัวเองขวางระหว่างชายแปลกหน้าและหญิงสาวเอาไว้อย่างหวาดระแวง
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร!”
“จำเป็นต้องตอบคำถามของอสูรเช่นเจ้าด้วยรึ”
“ตอบมา!”
“หึ ก็ได้ ข้าชื่อเร็นกะ เป็นยมทูต”
“ยมทูต!”
“จะจ้องข้าอีกนานหรือเปล่า หรือว่าจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นถูกดึงพลังชีวิตออกไปจนตาย”
เร็นกะเอ่ยสะกิดให้โฮโนโอะหันกลับไปสนใจหญิงสาวที่ล้มลงกองกับพื้นอย่างสิ้นแรง เหล่าวิญญาณทั้งหลายยังคงสูดเอาพลังชีวิตจากเธออยู่เรื่อยๆไม่หยุด
“ซาคุโระ!”
โฮโนโอะยังจำได้ดีถึงตอนที่เขาได้ใช้อาภรณ์สวรรค์ควบคุมอาการบ้าคลั่งของฟุยูกิ มาถึงตอนนี้เขาก็จะใช้ผ้าผืนเดียวกันนี้ช่วยหยุดยั้งความแปรปรวนของซาคุโระ พอคิดได้ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องผ้าผืนบางอันงดงามจากเอวและฝ่าวงล้อมเหล่าวิญญาณที่หิวโหยเข้าไปหาหญิงสาวก่อนจะใช้มันห่อหุ้มกายเธอจนมิดชิด
พรึ่บ!
“ซาคุโระ หยุดเถอะ พอได้แล้ว”
“อึก~”
“พอแล้ว ข้าอยู่นี่แล้ว”
โฮโนโอะกอดกระชับร่างบางที่อยู่ใต้ผืนผ้าอันงดงามนั้นแน่น ซาคุโระอ่อนปวกเปียกแม้แต่ตาสักข้างก็ยังไม่ลืม เสียงสะอื้นค่อยๆหายไปจนในที่สุดเธอก็แน่นิ่งไปโดยไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ เขาสัมผัสถึงลมหายใจอันรวยริน เธอกำลังจะขาดใจเพราะถูกแย่งชิงพลังชีวิตไปเกือบหมด
“ซาคุโระ!”
“เรียกไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ว่าไงนะ”
“นางกำลังจะตาย”
“ข้าไม่เชื่อ!”
“ยมทูตไม่มีความจำเป็นต้องโกหก”
“ไม่!...มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ซาคุโระ ตื่นขึ้นมาก่อน ลืมตาขึ้นมา!”
ชายหนุ่มพยายามเขย่าร่างที่กำลังเย็นเยียบลงเรื่อยๆนั้นอย่างกระอักกระอ่วนใจ ร่างกายซาคุโระกำลังถูกน้ำแข็งเกาะเพราะไร้ซึ่งอุณหภูมิในร่างกายที่ใช้ต่อต้านความหนาวเย็นภายนอก โฮโนโอะทำอะไรไม่ถูกกระทั่งมือทั้งสองข้างก็ยังสั่น เขาสวมกอดร่างอันแน่นิ่งนั้นอย่างหมดหนทาง
“นี่เจ้าต้องมาตายที่นี่จริงๆเหรอ เพราะข้าคนเดียว”
“อยากช่วยนางหรือเปล่า”
คำพูดของยมทูตหนุ่มที่แทรกเข้ามาสะกิดให้โฮโนโอะรีบเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเจ้าของคำพูดนั้นอย่างไม่รั้งรอ เร็นกะจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แต่คำพูดเมื่อครู่ยังคงกระเด้งกระดอนอยู่ในหัวโฮโนโอะไม่จางหาย และเขาก็ไม่รอช้าที่จะถามข้อกังขา
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่ายังไงนะ”
“เจ้าอยากช่วยนางให้ฟื้นขึ้นมาไม่ใช่รึ ข้าจะช่วยเอาไหมล่ะ”
“ไม่เห็นต้องถาม ก็ต้องช่วยน่ะสิ!”
“แต่มีข้อแม้”
“อะไร”
“หากเด็กนั่นฟื้นแล้ว เจ้าก็จงไปลงนรกซะ”
“ว่าไงนะ!”
“ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต ได้ฟังอย่างนี้แล้ว เจ้ายังจะอยากช่วยนางอีกหรือเปล่า อสูรกึ่งเทพโฮโนโอะ”
ข้อแม้ของยมทูตเร็นกะทำให้โฮโนโอะต้องคิดหนัก ข้อแลกเปลี่ยนที่เขาไม่อาจเลี่ยงหากจะช่วยคืนลมหายใจให้หญิงสาวที่แน่นิ่งอยู่ในอ้อมอก แต่ยังไงก็ช่างซาคุโระก็จำเป็นต้องฟื้นขึ้นมา ส่วนตัวเขาอาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่
“ตกลง”
“หือ”
“แต่ข้าก็มีเรื่องขอร้องเจ้าเช่นกัน”
“อะไร”
“ช่วยลบภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ออกไปจากความทรงจำของยายนี่ที แล้วก็พาเราออกไปจากที่นี่”
“จะถือว่าเป็นคำขอก่อนตายละกัน”
เร็นกะตกลงโดยง่าย โฮโนโอะกอดกระชับร่างบางอันแน่นิ่งให้แนบอกและหลับตาลง ไม่นานก็มีน้ำไหลเชี่ยวกรากเข้ามารายล้อมและดูดกลืนเขากับหญิงสาวให้จมลงไป ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากที่ความเย็นของน้ำแตะใบหน้าและท่วมทะลักจนทำให้ร่างกายหนักอึ้งและมืดมน ไร้เสียงและภาพต่างๆ กระแสน้ำกดเขาให้ดำดิ่งลงไป ดิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ไม่อาจรู้ ก่อนที่ทุกอย่างจะแตกกระจายออกไปเหมือนฟองสบู่และหายไปจนหมดสิ้น
ท่ามกลางแสงสว่างอันน้อยนิดภายในห้องแคบๆที่ถูกปิดสนิท เปลือกตาอันหนักอึ้งได้เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังสั่นระริก
“ที่นี่…ที่ไหน”
ริมฝีปากแห้งผากพยายามขยับและเปล่งเสียงที่แหบแห้งออกมา ซาคุโระลืมตาตื่นพร้อมกับความรู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่าง แม้จะขยับเล็กน้อยก็ลำบากเกินบรรยาย สิ่งที่ม่านตาพล่ามัวได้มองเห็นคือน้ำแข็งย้อยแหลมคมที่อยู่บนเพดานที่เหมือนผนังถ้ำ ภายในห้องเต็มไปด้วยน้ำแข็ง กระทั่งเตียงที่เธอนอนอยู่ก็เป็นน้ำแข็ง แปลกเหลือเกินที่เธอไม่รู้สึกเย็นหรือเหน็บหนาวแม้แต่น้อย
“ได้สติแล้วรึ”
“ใครน่ะ”
ซุ่มเสียงที่ไม่คุ้นหูและสถานที่ๆไม่คุ้นเคย ทำให้ความกลัวที่ก่อตัวอยู่ลึกๆเริ่มทวีคูณและเอ่อล้นออกมาทางสีหน้า แต่เพราะร่างกายที่เหมือนเป็นอัมพาตทำให้ซาคุโระทำอะไรไม่ได้นอกจากเอี้ยวคอหันไปมองต้นตอของเสียง ร่างโปร่งบางค่อยๆเดินพ้นออกมาจากเงาที่แสงสีซีดส่องไปไม่ถึง ซาคุโระรู้ว่าคนๆนั้นเป็นผู้หญิง แต่เพราะดวงตาที่พล่ามัวและระยะห่างทำให้เธอมองไม่เห็นรายละเอียดบนใบหน้าและร่างกายของเธอคนนั้นมากนัก
“อย่าเพิ่งขยับ เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย”
“เธอเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ซาคุโระยิงคำถามใส่หญิงสาวที่เพิ่งโผล่พ้นออกมาจากเงาสลัวและมาหยุดอยู่ข้างเตียง ภาพใบหน้าของเธอเริ่มชัดเจนเห็นรายละเอียดทุกระเบียดนิ้ว รูปร่างสูงเพรียวสวมชุดสีเทาที่ขาดเป็นริ้ว ผิวขาวซีดไร้สีเลือด มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่มีสีแดงสดอิ่มสวย แก้มข้างหนึ่งมีลวดลายคล้ายแผลเป็นที่ถูกของมีคมกรีดตั้งแต่ขอบตาลงมาถึงปลายคาง และที่สำคัญและเด่นชัดก็คือใบหูสีดำเหมือนหูหมาป่า ทำให้ซาคุโระกลัวมากกว่าเดิมหลายเท่า
“เธอเป็น ปะ…ปีศาจ!?”
“รู้ด้วยรึ”
“ยะ อย่าเข้ามานะ!”
“วางใจเถอะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอกเทพธิดาสีเงิน”
“เฮือก!”
รอยยิ้มตีความหมายไม่ออกนั้นทำให้ซาคุโระยิ่งหวาดกลัว ตอนนี้เธอไม่ใช่เทพธิดาอะไรนั่น และจะไม่มีทางกลับเป็นริคกะในตอนนี้ด้วย เธอพยายามยันกายลุกแต่ก็ทำได้เพียงขยับถอยร่นไปจนหลังชิดผนังห้องที่เป็นน้ำแข็งที่อยู่ใกล้เพียงคืบ
“ยะ อย่าเข้านะ ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการเธอจริงๆด้วย!”
“หึ สภาพแบบนั้นน่ะรึจะไปทำร้ายคนอื่น”
“….!”
“ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า ข้าชื่อเซนริ ที่นี่คือแดนมายา”
“แดนมายา”
“เป็นดินแดนที่ไม่มีทางเข้าออก นอกจากวิญญาณแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเร็ดรอดเข้ามาได้ แม้จะเป็นเทพที่มีพลังสูงก็ตาม”
“วะ วิญญาณ! ถ้าอย่างนั้นเธอก็เป็นวิญญาณน่ะสิ แล้วฉันล่ะ ฉะฉัน ตะตายแล้ว?…”
“เจ้ายังไม่ตายหรอก แต่เพราะเจ้ามีวิญญาณอีกดวงสิงสถิตอยู่ต่างหาก”
“วิญญาณอีกดวงเหรอ”
“ประตูของแดนมายาจะปรากฏและเปิดรับเมื่อผู้ที่มาเยือนนั้นเป็นวิญญาณ มีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่มองเห็น ท่าทางเจ้าจะถูกวิญญาณเทพธิดาสีเงินพามาที่นี่น่ะ”
เซนริอธิบายพอเข้าใจ ซาคุโระรู้สึกว่าเธอพยายามทิ้งระยะห่างเท่าที่พื้นที่ในห้องแคบๆจะเอื้ออำนวย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ซาคุโระหายจากความหวาดระแวงมากมายนัก ถึงเซนริจะเป็นวิญญาณแต่ยังไงซะเธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับคำพูดของเธอที่บอกว่าที่นี่เป็นโลกมายาไร้ทางเข้าออก
“ฉันหลงทาง ฉันไม่ได้เต็มใจมาที่นี่ ฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง ช่วยบอกทีเถอะ”
“นั่นข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก มันสุดแล้วแต่ความสามารถของเจ้าและวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในตัวเจ้า”
“หมายความว่าฉันต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปเหรอ!”
“ในนี้ปลอดภัยที่สุดสำหรับมนุษย์เช่นเจ้า เจ้าคงถูกอสูรงูขาวเล่นงานมาสินะ เจ้า…”
“ซาคุโระ”
“ซาคุโระ…ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะรอดพ้นเงื้อมมือของเนรีวมาได้ คงเป็นเพราะวิญญาณของเทพธิดาสีเงินในตัวเจ้าสินะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็คงจะใช่มั้ง”
“ช่างเถอะ เจ้าคงต้องพักอีกมาก อยู่ในนี้เจ้าจะไม่หนาวตายแล้วจะไม่เป็นเหยื่อของพวกวิญญาณชั้นต่ำที่อยู่ข้างนอก”
“ตะแต่ว่า ฉันต้องกลับไปหาโฮโนโอะ”
“เจ้าพร่ำเพ้อชื่อนี้ตลอดเวลาที่หมดสติเลยนะ”
“เรามาด้วยกัน”
“โฮโนโอะเป็นคนรักของเจ้ารึ”
“ไม่ใช่!….ว่าแต่ เธอรู้จักเขาเหรอ!”
“ใครบ้างที่จะไม่รู้จักและกริ่งเกรงเหล่าทายาทแห่งราชันย์ทั้งสาม โดยเฉพาะโฮโนโอะที่มีศัตรูมากกว่ามิตรไปทั่วหล้า”
มิน่าล่ะเจ้าอสูรกาโระนั่นถึงได้เคียดแค้นเขานัก เจ้าคนปากเสียที่เอาแต่บ่นให้เธอคนนั้นคงจะไปสร้างวีรกรรมเอาไว้บานตะไทเลยสินะ
“เอาเถอะ ถึงเจ้าจะบอกอย่างนั้น แต่ก็เสียใจด้วยที่ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ เพราะที่แห่งนี้นอกจากวิญญาณแล้วก็ไม่มีใครเข้ามาได้ นอกเสียจาก…”
เซนริหยุดคำพูดเอาไว้พลางส่งสายตามองมาที่ซาคุโระเหมือนกำลังตัดสินที่จะบอกหรือไม่บอกดี
“นอกจากอะไร”
“ยมทูต”
“ยมทูตเหรอ”
“ที่ดินแดนแห่งนี้มีเพียงวิญญาณที่รอการปลดปล่อยจากยมทูต เจ้าเป็นแค่คนหลงทาง และคงจะดีหากว่าเจ้ายอมเชื่อฟังข้า อยู่ในนี้อย่าออกไปไหน”
เซนริมีสีหน้าเรียบเฉย คำพูดของเธอเหมือนคำสั่งผสมกับคำขอร้องฟังดูเยือกเย็นจนไร้ความรู้สึก
ซาคุโระไม่กล้าต่อปากต่อคำจึงได้เพียงเงียบและเชื่อฟัง เพราะตอนนี้เธอเองก็เดินเหินไม่ได้ แต่ที่เธอสงสัยไม่หายก็คือคำว่า ‘ยมทูต’ จะใช่ยมทูตที่อยู่ในหนังสือนั่นหรือเปล่า ชายหนุ่มที่มีดาบสองเล่มเหน็บอยู่ข้างหลัง ผ้าคลุมสีดำที่ห่อหุ้มร่างขาดวิ่นราวกับว่าผ่านศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน คนๆนั้นคือยมทูตที่พี่ชายของเธอออกแบบเอาไว้ แต่หากยมทูตที่เซนริพูดถึงคือตัวละครตัวนั้นจริงๆล่ะก็ เธอจะมีโอกาสได้พบเห็นกับตารึเปล่า ถ้าหากได้พบสักครั้งก็คงจะดีไม่น้อย เพราะยมทูตคนนั้นมีหน้าตาคล้ายกับคนที่สร้างมันขึ้นมาไม่มีผิดเพี้ยน เซนริยังคงนั่งอยู่บนแท่นน้ำแข็งมุมสุดของห้อง ทิ้งระยะห่างจากซาคุโระมากเท่าที่ห้องแคบๆจะเอื้ออำนวย ซาคุโระยังรู้สึกเกร็งแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองปีศาจสาวเมื่อตอนที่เธอเผลอ ท่าทางของเซนริเรียบเฉยสัมผัสไม่ได้ถึงความโหดร้ายที่ปีศาจควรมี หรืออาจจะเป็นเพราะเธอเป็นเพียงแค่วิญญาณจึงไม่ใส่ใจทั้งที่รู้ว่าซาคุโระมีดวงวิญญาณของผู้พิทักษ์อย่างเทพธิดาสีเงินอยู่
“คิดอะไรอยู่”
“ปะ เปล่าๆ”
“คิดว่าจะปิดบังวิญญาณอย่างข้าได้รึ”
ซาคุโระก้มหน้าสลด เซนริอ่านความรู้สึกของเธอออกทะลุปรุโปร่ง คงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังสักเรื่อง สู้ถามไปตรงๆคงดีกว่า พอคิดได้อย่างนั้นซาคุโระก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากถาม
“นี่เซนริ ขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามา”
“เธอเป็นปีศาจ แล้วทำไมถึง เอ่อ…”
“ทำไมข้าถึงไม่ฆ่าเจ้าทั้งที่รู้ว่าเจ้ามีดวงวิญญาณของผู้พิทักษ์สินะ”
“ใช่”
“จะบอกว่าข้าไม่สนใจเจ้าก็คงเชื่อยากล่ะสิ…ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกเจ้าอย่างหนึ่ง ซาคุโระ ความจริงแล้ว ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าเคยเป็น….”
ตูมมมมมมมมม!!!
กรี๊ดดดดดดดด!!!! อ๊ากกกกกก!!!!
“กะ เกิดอะไรขึ้นน่ะ!”
แรงสั่นสะเทือนจากระเบิดที่มองไม่เห็นทำให้ซาคุโระพลัดตกลงจากเตียงน้ำแข็งที่นอนอยู่ พร้อมกันนั้นแรงกดดันที่มืดดำก็เข้ามากระทบกับโสตประสาทจนไม่มีแม้แต่แรงจะลุกนั่งเอง เสียงกรีดร้องของเหล่าภูตผีและวิญญาณดังเร็ดรอดเข้ามาในห้อง ก่อนที่จะมีวิญญาณอัปลักษณ์ดวงหนึ่งปรากฏขึ้นข้างๆเซนริ
วูบ!
“ทะ ท่านเซนริ!”
“เกิดอะไรขึ้น!”
“วิ วิหคดำ!!! ปีศาจวิหคดำบุกเข้ามา!!!”
“เป็นไปได้ยังไง!”
“ไหนบอกว่านอกจากวิญญาณแล้วไม่มีใครเข้ามาได้ไงล่ะ แล้ววิหคดำคืออะไร”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย รีบหนีไปจากที่นี่ก่อนเร็วเข้า!”
ซาคุโระเห็นการเปลี่ยนแปลงของเซนริเต็มตา ปีศาจสาวกลายร่างเป็นหมาป่าสีเทาตัวใหญ่และวิ่งเข้ามาคาบเธอเหวี่ยงขึ้นไปบนหลังที่เต็มไปด้วยขนยาวรุงรัง และกระโดดทะลุเพดานน้ำแข็งออกไปอย่างรวดเร็ว ซาคุโระเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ทัน เธอหลับตาแน่นและยึดขนของเซนริเอาไว้แน่นที่สุดเท่าที่ทำได้สายลมเย็นเยียบที่พัดผ่านใบหน้าทำให้หญิงสาวที่หลับตาตลอดเริ่มเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง ขนยาวนุ่มนิ่มสีเทาสะบัดตามแรงสะเทือนเหมือนกำลังวิ่ง สิ่งที่สายตาพอจะมองเห็นมีเพียงทุ่งหิมะสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ไร้ซึ่งต้นไม้และโขดหิน ไม่นานนักเสียงแหบแห้งก็ดังขั้นข้างหู
“ไม่เป็นไรนะแม่หนูน้อย”
“เอ๊ะ!”
ซาคุโระรู้ว่าไม่ใช่เสียงเซนริและยังรู้สึกว่ามันใกล้เสียจนชิด พยายามกลอกกลิ้งลูกตาไปตามต้นตอของเสียง จนกระทั่งสายตาได้หยุดชะงักที่ร่างอัปลักษณ์ร่างหนึ่งที่คล้ายคลึงกับแมวขี้เรื้อน เกาะอยู่ที่หางของหมาป่า
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”
“นายเป็นใคร!”
“ข้าชื่อจากะ เป็นสมุนคู่กายของท่านเซนริ”
“นี่เรากำลังจะไปไหน”
“ไม่รู้ แต่เราต้องหนีวิหคดำนั่นให้พ้น”
“หา!”
“เงียบซะทั้งคู่”
“ซะ…เซนริ นี่มันอะไรกัน!”
“จับแน่นๆ!”
เสียงทรงพลังเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำแต่ก็อัดแน่นไปด้วยพลังและความหมาย ซาคุโระไม่มีเวลาลังเลนอกจากจะทำตาม เซนริในร่างของหมาป่าตัวใหญ่วิ่งไปบนทุ่งหิมะอย่างปราดเปรียว ก่อนที่เธอจะกระโดดทะยานขึ้นกลางอากาศและข้ามหน้าผากว้างๆได้อย่างเฉียดฉิว ซาคุโระกระชับขนสีเทาเต็มสองมือพร้อมกับหลับตาแน่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันทีที่ลมพัดผ่านใบหน้า สิ่งที่ได้ยินคละเคล้ากับเสียงลมก็คือเสียงร้องหลงยุคของจากะ
“อะจ๊ากกกกกกก!!! ท่านเซนรี้!!!!”
ฟ้าววววว~
ตูมมมมมมมม!!!
ซาคุโระรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกทันทีที่เหยียบย่ำลงบนพื้นหิมะ แต่เซนริก็ยังคงวิ่งไม่หยุด จนกระทั่งพักใหญ่ที่รู้สึกว่าแรงสั่นสะเทือนได้หยุดลง พอลืมตาขึ้นจึงได้พบว่ารอบตัวนั้นคือต้นไม้น้อยใหญ่ที่เรียงรายสลับกันอย่างหนาแน่น เซนริหมอบลงพร้อมทั้งเอียงตัวเล็กน้อยเพื่อให้เธอลงจากหลัง
“อะ ที่นี่ ที่ไหนกัน”
“ที่นี่คงหลบสายตาของวิหคดำได้ซักพัก”
ซาคุโระมองไปรอบๆ นอกจากต้นไม้ที่สลับซับซ้อนหนาแน่นแล้วก็มีเพียงทุ่งหิมะโล่งเตียนสุดลูกหูลูกตา
“เรามาไกลแค่ไหน แล้วทำไมเธอต้องหลบวิหคดำนั่นด้วยล่ะ เธอ…สู้มันไม่ได้เหรอ”
“น้อยๆหน่อยแม่หนูน้อย ท่านเซนริหวังดีกับเจ้าขนาดนี้ยังสำนึกบุญคุณอีกรึ!”
จากะแทรกขึ้นในขณะที่หายใจเอาอากาศเข้าปอด ซาคุโระไม่รู้ว่าจะเปรียบปีศาจนนี้เป็นอะไรดี รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้ต่างไปจากคนแคระหิวโซ แถมยังมีปีกเล็กๆเหมือนลูกเจี๊ยบเกิดใหม่ ขนาดตัวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก็คงจะเท่ากับแมวตัวใหญ่ที่โตเต็มที่ เซนริกลับมาอยู่ในร่างหญิงสาวและคุกเข่าลงต่อหน้าซาคุโระเพื่อจะดูบาดแผลที่ยังลึกและสาหัส
“เจ้าไม่เป็นไรนะ”
“อะ อื้อ”
“ท่านเซนริ ข้าว่าเราไปจากที่นี่กันเถอะ”
“วิญญาณเช่นเราจะไปที่ไหนได้ ข้าไม่มีพลังพอที่จะพาเจ้าออกไปจากดินแดนแห่งนี้หรอกนะ จากะ”
“ตะแต่ว่า ทำไมเมด์ถึงเข้ามาได้ล่ะขอรับ วิหคดำไม่ใช่วิญญาณนะขอรับ แสดงว่าต้องมีทางที่เข้าออกได้แน่ๆ”
“เมด์งั้นเหรอ ปีศาจเหรอ ทำไมปีศาจต้องล่ากันเองล่ะ เซนริ…เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงต้องช่วยฉัน”
คำถามที่สงสัยมานาน เมื่อถูกเอ่ยออกมาแล้วก็เรียกสายตาทุกคู่ให้หันมาจับจ้อง เซนริมองซาคุโระด้วยท่าทางหยิ่งๆไม่นานก็หลบหน้าไปทางอื่น ขณะที่จากะก็ก้มหน้าเหมือนกำลังยำเกรงความเงียบเชียบนี้ยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่นานนักเซนริก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบสนิทโดยไม่หันกลับมามอง
“ข้ายังพูดไม่จบสินะ”
“เอ๊ะ”
“ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าเคยเป็นสมุนมือขวาของจอมมาร”
“มะ ไม่จริง!”
“เป็นความจริง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้ารู้ว่าใครที่เล่นงานเจ้า แล้วก็รู้จักปีศาจวิหคดำนั่นด้วย”
ความจริงที่ถูกเปิดเผยทำให้ซาคุโระอึ้งไปพักใหญ่ เซนริเป็นปีศาจแถมยังเป็นถึงมือขวาของจอมปีศาจที่ต้องการจะกำจัดเธอ แต่ว่าทั้งที่เป็นอย่างนั้นหญิงสาวตรงหน้ากลับไม่คิดทำร้ายเธอ
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงได้หนีล่ะ แล้วทำไมเธอต้องช่วยฉัน วิหคดำนั่นเป็นพวกเดียวกับเธอไม่ใช่เหรอ เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่ เซนริ!”
“หุบปากเจ้าซะ แม่หนูน้อย ถ้าหากเจ้าลบหลู่ท่านเซนริอีกครั้งหนึ่งละก็ ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
“พอได้แล้ว จากะ”
“ท่านเซนริ…”
“เจ้าคงยังไม่รู้ ว่าในหมู่อสูรปีศาจก็มีการหักหลังกันเฉียดเช่นมนุษย์ บาดแผลที่ใบหน้าของข้าถึงตายไปก็ไม่มีวันลบเลือน มันคือคำสาปของจอมมารที่สาปแช่งข้าไม่ให้ข้ามีอิสระ มีเพียงยมทูตกับเทพธิดาสีเงินเท่านั้นที่จะถอนคำสาปนี้ได้”
“เพราะอย่างนี้ท่านเซนริถึงได้ถูกกักขังไว้ในดินแดนแห่งนี้ไงล่ะ ความหวังของพวกเราตอนนี้คือยมทูต เจ้าน่ะมีวิญญาณของเทพธิดาก็จริงอยู่ แต่เจ้าก็ยังไม่มีความสามารถ ดูสิ แม้จะลุกขึ้นยืนเจ้ายังทำไม่ได้เลยแบบนี้แล้วยังจะมาดูถูกท่านเซนริที่ยอมเปิดเผยตัวช่วยชีวิตเจ้าอีกรึ”
“ฉะ ฉันไม่รู้นี่ ปีศาจก็คือปีศาจไม่ใช่รึไง”
“เจ้านะเจ้า! ข้าควรทำยังไงกับเจ้าดีนะ ปีศาจแล้วยังไงล่ะ ปีศาจก็มีหัวใจนะ บางทีอาจจะมีจิตใจใสสะอาดกว่าพวกมนุษย์หรือเทพชั้นสูงก็ได้จะบอกให้!”
คำพูดประโยคสุดท้ายของจากะทำเอาซาคุโระอึ้งไปทันที ภาพใบหน้าของโฮโนโอะปรากฏขึ้นมาในหัว หลายครั้งที่เธอได้ยินพวกอสูรปีศาจทั้งหลายเรียกโฮโนโอะว่าอสูร และโฮโนโอะก็ยอมรับอย่างไม่ลังเลหญิงสาวก้มหน้านิ่ง ตอนนี้ในหัวเห็นแค่ใบหน้าของเหล่าทายาทแห่งราชันย์ทั้งสามในอิริยาบถต่างๆ ตลอดการเดินทางพวกเขามีท่าทางต่างๆหลากหลายอารมณ์และอยู่ข้างเธอไม่ห่าง โดยเฉพาะโฮโนโอะที่อยู่ไม่ห่าง ถึงจะมีท่าทียะโสและชอบกวนประสาทให้อารมณ์เสีย แต่เขาก็คอยปกป้องเธอโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ ความกลัวจึงเริ่มเข้ามากัดกินหัวใจจนสึกหรอลงทุกที
“เป็นอะไรไป”
เสียงเซนริดังขึ้นไม่ไกลนัก ปีศาจสาวจับจ้องมาทางนี้และคงเห็นท่าทีสั่นเทาของเธอ ซาคุโระพยายามควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นแต่ก็ทำได้เพียงกุมมือเอาไว้แน่น
“โฮโนโอะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นอสูรเพราะฉันคนเดียว…เพราะฉันคนเดียว!”
“นี่เป็นชะตากรรมที่ต้องเผชิญ จะข้าหรือโฮโนโอะก็ต้องเดินไปตามเส้นทางที่ถูกขีดไว้ ไม่มีใครเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเราได้หรอก”
จู่ๆเซนริก็ขัดขึ้น ดูเหมือนเธอจะปลงตกและยอมรับตัวตนและไม่คิดขัดขืน เหมือนกันจริง เธอเหมือนกับโฮโนโอะมากจริงๆ นี่รึเปล่านะที่เรียกว่าจิตใจเบื้องลึกที่ไม่ว่าใครก็เข้าไม่ถึง
“แล้วถ้าฉันจะเปลี่ยนล่ะ”
“พูดเรื่องอะไร”
“ฉันจะเปลี่ยนเส้นทางที่พวกนายเดินอยู่ไงล่ะ!”
“อย่างเจ้าจะทำอะไรได้ เจ้าไม่ใช่ผู้ที่สร้างโลกนี้จะไปทำอะไรได้ล่ะ ถึงใช่ เจ้าก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนมันได้หรอก”
“ต้องได้สิ!”
เซนริชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะมีสีหน้าที่เรียบเฉยดังเดิม
“ถึงจะพูดอย่างนั้น ข้าก็คงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก เพราะข้าเองก็เป็นแค่วิญญาณ แค่หาทางส่งเจ้าออกไปจากที่นี่ยังไม่ได้เลย”
“เซนริ…”
“เรื่องที่เจ้าจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของโลกใบนี้ข้าอาจจะเชื่อเจ้าอยู่บ้าง และหากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ สิ่งที่ควรทำในตอนนี้ก็คือรักษาชีวิตเอาไว้จนกว่าจะไปถึงจุดหมายไม่ใช่รึ”
ซาคุโระฟังน้ำเสียงและคำพูดที่ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดๆของปีศาจจสาวซึ่งยืนหันหลังให้ ท่าทางของเธอช่างคล้ายคลึงกับโฮโนโอะจริงๆ
ไม่นานที่ความเงียบทำให้เคลิ้มไปไกล พายุหิมะลูกใหญ่ก็เกิดขึ้นและเคลื่อนตัวเข้าหาที่ๆซาคุโระและเซนริหลบซ่อนตัวอยู่ เสียงจากะดังแทรกเข้ามาท่ามกลางพายุหิมะทันที
ครืนนนนนนนนนนนน!!
“อ๊า!!! ท่านเซนริ มันมาแล้ว!”
“อะไรน่ะ!”
“แย่ล่ะสิ เมด์ตามหาเราเจอจนได้! เราต้องรีบไปแล้วล่ะ”
“ปะ ไปไหน…”
“ไปจากที่นี่ แล้วก็หาทางส่งเจ้าออกไปไงล่ะ!”
“คงจะให้ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก”
“เฮือก!”
ซาคุโระตกตะลึงกับร่างที่ปรากฏขึ้นต่อหน้า หญิงงามสวมชุดดำเปิดไหล่จนเห็นร่องอก มีปีกสีดำคล้ายปีกนกขนาดใหญ่อยู่บนหลัง จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวิหคดำอย่างที่จากะและเซนริพูดถึง
เซนริจ้องมองผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยท่าทางเย็นยะเยือก แต่กลับไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายกริ่งเกรงเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ได้พบกันนานนะ เซนริ”
“เมด์”
“ดูท่าทางจะสบายดีนี่นะ ตามอรรถภาพของวิญญาณ”
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง”
“จำเป็นที่ข้าต้องตอบคำถามเจ้าด้วยรึ”
หญิงงามคล้ายกันแต่แตกต่างที่สายพันธุ์ เซนริจ้องเมด์ตาเขม็ง จากะหลบไปเกาะที่ขาข้างหนึ่งของเจ้านายอย่างหวาดกลัว ซาคุโระขยับไปไหนไม่ได้และต้องตกเป็นเป้าสายตาของเมด์ไปโดยปริยาย วิหคดำจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เหี้ยมเกรียม ผิดกับรอยยิ้มที่ตีความหมายไม่ออก พลันน้ำเสียงไร้อารมณ์ของเซนริแทรกเข้ามาทำลายความกดดันให้ทุเลา
“มีธุระอะไรกับข้ารึ เมด์”
“ข้าไม่มีธุระกับวิญญาณเช่นเจ้า แต่ข้าต้องการเด็กที่อยู่ข้างหลังเจ้าต่างหาก”
“นางเป็นเพียงมนุษย์ เจ้าติดใจอะไรนางนักหนารึ”
“นี่เจ้าแกล้งโง่รึเปล่า เซนริ ไม่รู้รึว่าในตัวของมันมีอะไรอยู่”
“ไม่เกี่ยวกับข้า”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบส่งมันมาให้ข้าซะ!”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก”
“ว่าไงนะ!”
“ที่นี่เป็นดินแดนของข้า นางเป็นคนในความดูแลของข้า คงจะยกให้ใครง่ายๆไม่ได้หรอก”
“นี่เจ้าอยากลองดีกับข้ารึ!”
“ที่นี่เป็นดินแดนของท่านเซนริ เจ้าอย่าโอหังให้มากนัก วิหคดำ!”
“หึ เจ้ามันก็แค่ปีศาจอัปลักษณ์ชั้นหางแถว บังอาจมาสั่งข้ารึ!”
เมด์ตวาดถลึงตาใส่จากะที่ขัดขึ้น จากะรีบหลบตัวลีบอยู่ข้างหลังเซนริอย่างสั่นกลัว ถึงยังไงมันก็เป็นแค่ปีศาจชั้นหางแถวคงจะสู้กับเมด์ไม่ได้ ซาคุโระพยายามยันกายลุกอย่างยากลำบาก เมด์ยังจับจ้องมาทางเธอก่อนจะหันไปหาเซนริด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“เป็นวิญญาณแล้วยังมาทำเก่ง อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ เซนริ!”
“ทะ ท่านเซนริ”
“จากะ…พาเด็กนั่นไปจากที่นี่ซะ”
“หา!”
“เร็วเข้าสิ”
ร่างของปีศาจอัปลักษณ์ขยายใหญ่ขึ้น แต่ก่อนที่จะได้อ้าปากคาบซาคุโระขึ้นไปบนหลัง เมด์ก็ลั่นปากขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
“คิดหนีรึ ไม่มีทางซะล่ะ!”
ลมกระโชกแรงพอที่จะพัดต้นไม้ให้หัก ซาคุโระถอยร่นไปตามแรงลม แต่ก่อนที่มันจะพัดร่างของเธอให้ทะยานขึ้นกลางอากาศ ปากหมาป่าของเซนริก็งับชายเสื้อเธอเอาไว้ได้ก่อน
“ซะ เซนริ!”
สิ่งที่ทันได้เห็นคือดวงตาสีทองของหมาป่าสีเทา เซนริเหวี่ยงซาคุโระขึ้นบนหลังก่อนที่จะวิ่งเข้าไปคาบเอาจากะและกระโดดฝ่าพายุหิมะออกไปก่อนที่มันจะเข้ามาบีบรัดและทับถมให้จม
“คิดหนีรึ!”
เสียงแหลมสูงยิ่งกว่าเสียงร้องของอีกาดังก้องตามมาติดๆ ซาคุโระพยายามไม่หลับตาและเหลียวกลับไปมองเมด์ที่ตามมาติดๆ ใบหน้าและรูปร่างอันงดงามของวิหคดำได้เปลี่ยนแปลงไปจนน่าขยะแขยง แววตาที่เมด์จ้องมองมานั้นฉายแววเหี้ยมเกรียมไม่ต่างจากเนรีว ซาคุโระรู้สึกเหมือนถูกดวงตามืดดำนั้นสะกดจนร่างกายหนักอึ้ง แต่ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะปล่อยจากขนหมาป่าที่ยึดเกาะนั้น เสียงทรงพลังของเซนริก็ดังแทรกเข้ามาเรียกสติ
“อย่ามองตามันนะ!”
“เฮือก!”
“จับข้าไว้แน่นๆ!”
เสียงทรงพลังดังเสียดสีกับอากาศที่พัดสวนทาง ซาคุโระได้สติกลับมาอีกครั้งและทำตามที่ได้ยินอย่างไม่ขัดข้อง หมาป่าสีเทากระโดดทะยานขึ้นกลางอากาศเพื่อจะข้ามหน้าผาที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ในขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ คลื่นพลังสีดำที่เต็มไปด้วยปีกนกที่แหลมคมดุจใบมีดก็พุ่งเข้ามาเชือดเฉือนร่างนั้นอย่างไร้ปราณี
ฉัวะ! ฉึก!
“อึ้ก!”
“เซนริ!”
“ท่านเซนริ!”
พลั่ก!!
ร่างหมาป่าสีเทาอาบโชกไปด้วยเลือดสีดำร่วงลงสู่พื้นหิมะสีขาวโพลนอีกฟากของหน้าผา ซาคุโระกระเด็นออกจากหลังเซนริและกลิ้งออกไปไกล เช่นเดียวกับจากะที่กระเด็นไปติดโขดหินจนถูกหิมะร่วงลงมาทับถมจนมิด ซาคุโระยังมีสติและพยายามยันกายลุกความเจ็บปวดเพิ่มเป็นทวีคูณ แต่ก็ไม่เท่ากับความห่วงหมาป่าที่นอนจมกองเลือดอยู่ริมหน้าผา
“อึก~ เซนริ!”
เซนริกลับมาอยู่ในร่างของหญิงสาวและพยายามลุกขึ้น แต่ก็ยากลำบากเหลือแสน เมด์ตามมาถึงและลอยตัวอยู่กลางอากาศ เหนือฝ่ามือข้างหนึ่งปรากฏปีกนกที่แหลมคมเสมือนดาบ ซาคุโระพยายามลุกขึ้น สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาคือปลายขนนกที่แหลมคมจ่อเข้ามายังร่างโชกเลือดของเซนริ
“น่าเสียดายนะเซนริ ข้าคิดว่าจะได้เล่นสนุกมากกว่านี้ซะอีก”
“ชิ”
“ข้าสมเพชเจ้าจริงๆ เจ้าเก่งกาจเหนือเหล่าอสูรปีศาจใดๆ แต่ดูเจ้าในตอนนี้สิ เป็นวิญญาณเร่ร่อนไร้ที่พึ่ง หากเจ้าไม่คิดทรยศ เจ้าก็คงไม่พบจุดจบอย่างนี้หรอก!”
“ทรยศ…หมายความว่ายังไง”
“เจ้าเองก็คงอยากรู้สินะ จะบอกก็ได้ว่าทำไมเจ้าถึงถูกตามล่า นั่นก็เพราะว่าอสูรปีศาจทั้งหลายบนโลกนี้หวาดกลัวเจ้ายังไงล่ะ หวาดกลัวเทพธิดาสีเงินผู้พิทักษ์ หวาดกลัวเหล่าทายาทแห่งราชันย์ทั้งสาม”
“ทายาทแห่งราชันย์…”
“สิ่งที่พวกข้าต้องการกำจัดไม่ใช่ตัวเจ้า แต่เป็นดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในตัวเจ้าต่างหาก ถ้าหากไม่กำจัดภาชนะอย่างเจ้าซะ มันก็จะฟื้นคืนชีพและกวาดล้างพวกข้าเสียเอง”
“อึก!”
“น่าเสียดายนะเซนริ หากเจ้าไม่คิดทรยศขัดขวางท่านผู้นั้น เจ้าก็คงไม่ต้องมาตายแล้วก็เป็นวิญญาณที่ถูกสาป คิดรึว่าหากเจ้าช่วยให้มันฟื้นคืนชีพ แล้วเจ้าจะหายจากการเป็นปีศาจ ไม่มีทางซะหรอก สู้เจ้าส่งมันมาให้ข้าไปมอบให้ท่านผู้นั้นไม่ดีกว่ารึ บางทีเขาอาจจะถอนคำสาปปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระก็ได้”
“แฮ่กๆๆ~ หุบปากเจ้าได้แล้ว เมด์”
“หืม~”
“ชีวิตข้าเป็นของข้า อย่าเอาคำสาปมาขู่ข้า!”
“หึ ไม่ว่าเมื่อไหร่นิสัยเย่อหยิ่งดื้อรั้นของเจ้าก็ไม่หายไปสินะ ดี ถ้าเช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องลังเลที่จะกำจัดเจ้า จบกันแค่นี้แหล่ะ เซนริ!”
“อย่านะ!!!”
ซาคุโระไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปหาเซนริ ตอนนี้เธอไม่รู้สึกกลัวเซนริและมีเพียงความคิดที่อยากช่วยปีศาจสาวเท่านั้น ซาคุโระปัดขนนกของเมด์ออกไปอีกทางก่อนที่มันจะแทงทะลุร่างวิญญาณของเซนริ และใช้ตัวเองเป็นโล่กันปีศาจสาวไว้ข้างหลัง สายตาที่จับจ้องเมด์เริ่มแข็งกร้าวแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเมด์จะสะท้านใดๆ มิหนำซ้ำยังแสยะยิ้มเหมือนจะเยาะเย้ยยังไงอย่างนั้น
“เห~ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้ายอมลดตัวลงมาช่วยปีศาจ ช่างน่าประทับใจแทนจริงๆ ท่านเทพธิดาสีเงิน”
“ฉันไม่ใช่เทพธิดา! จะให้พูดซ้ำซากกี่ครั้งกัน!”
“ถอยไปซะ ซาคุโระ”
“ไม่!”
“เจ้า!!!...”
“ช่างกล้าหาญเสียจริง ท่านเทพธิดาสีเงิน แต่ยังไงซะเจ้าก็ต้องตาย!”
เมด์ยกดาบขนนกอันคมกริบขึ้นเหนือศีรษะหมายจะฟาดฟันร่างซาคุโระให้ขาดกระจุย แต่ในชั่วพริบตาก่อนที่คมดาบขนนกจะฟันร่างซาคุโระ ก็มีบางอย่างเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทัน
ฉัวะ!
ซาคุโระรู้สึกเหมือนมีของเหลวอุ่นๆสาดกระเซ็นเข้าที่ใบหน้า หญิงสาวลืมตาขึ้นเพื่อจะมองว่ามันคืออะไร แต่ทันทีที่ลืมตาขึ้นสิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาตรงหน้าก็แทบทำให้เธอผงะ
“จากะ!!!”
“ดันมีตัวน่าเกลียดมาขวางซะได้ อย่าขวางมือขวางเท้า รีบๆแหลกเป็นผงไปซะ!”
“ไม่นะ!!”
“ท่านเซนริ ยกโทษให้ข้าด้วยนะ”
ฉัวะ! ฉับ!!
ร่างของปีศาจอัปลักษณ์ถูกดาบขนนกสีดำตัดจนร่างกระจุยไปคนละทิศละทาง ต่อหน้าซาคุโระที่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง หิมะสีขาวถูกแต่งแต้มด้วยเลือดสีดำของปีศาจ กระทั่งใบหน้าของเธอก็ยังไม่ละเว้น
“จากะ~”
“พวกหน้าโง่ หวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ช่างน่าสมเพชจริงๆ”
“แก!”
“ไง โกรธรึ”
วิหคดำผู้เหี้ยมโหดแสยะยิ้มให้อย่างเย้ยหยัน ซาคุโระจ้องมองร่างนั้นอย่างโกรธแค้น ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาบีบรัดหัวใจจนเจ็บปวด ลืมไปแม้กระทั่งความหนาวเหน็บของหิมะที่รายล้อม
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงตาเจ้าล่ะนะ เทพธิดาสีเงิน”
“อันตราย!!”
“ตายซะ!”
ฉัวะ!!!!
ร่างโชกเลือดของปีศาจหมาป่าเข้าปัดป้องคมดาบได้ทันเวลา เลือดสีดำสาดกระเซ็นลงบนหิมะเป็นทาง วงแขนยาวๆโอบร่างซาคุโระเอาไว้แน่นก่อนที่มันจะค่อยๆคลายและร่วงลงอย่างสิ้นแรง
พลั่ก!!
“ฮ่าๆๆๆ!!”
“เซนริ!...เซนริ!!!!”
เสียงแผดร้องดังคละเคล้ากับเสียงกลั้วหัวเราะ ซาคุโระเอื้อมมือเข้าไปหาปีศาจสาวอย่างสั่นๆ แต่ก่อนจะได้แตะตัวเสียงสั่นเครือของเซนริก็ดังขึ้นแผ่วๆ
“ไปซะ~”
“เหะ!”
“ไปไหนก็ได้ หนีไปให้ไกลจากที่นี่ ไปซะ”
สิ้นสุดเสียงแผ่วเบาดวงตานั้นก็เอ่อล้นด้วยน้ำตาและปิดลงอย่างไร้ทางต้าน ซาคุโระไม่มีโอกาสกระทั่งจะเอื้อมมือเข้าไปหาเธอ จากร่างของหญิงงามผู้เลอโฉมกลับกลายเป็นร่างของหมาป่าตัวใหญ่ที่ไร้ซึ่งลมหายใจ เซนริเป็นเพียงวิญญาณ แต่ในดินแดนนี้เธอก็มีร่างกายได้และเจ็บปวดได้เหมือนคนอื่น และตอนนี้เธอก็ตายแล้ว ไม่มีที่ให้เธอหายใจอีกต่อไป
“ไม่จริง”
“ฮ่าๆๆๆๆ!! จะเอายังไง จะตายหรือว่าจะยอมไปกับข้าดีๆ”
“ทำไมทุกคนต้องมาปกป้องคนอย่างเราด้วยนะ ทำไมกัน!”
ซาคุโระพร่ำทั้งน้ำตาที่กำลังเอ่อไหล และทันใดนั้นแรงกระตุกที่กลางอกก็ปะทุขึ้นรุนแรง เหมือนมีบางอย่างที่เข้ามาควักเอาหัวใจออกไปยังไงอย่างนั้น
ตึกกกกก!!!
“เฮือกกกกก!!!! อะ~”
“เป็นอะไร กลัวจนหน้าถอดสีเชียวรึ”
“เจ็บ!”
ซาคุโระยกมือกุมอกซ้ายและบีบเอาไว้จนสุดแรง เธอไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อนเลย มันเจ็บเสียจนทำให้ร่างกายตายด้านไปเลยทีเดียว เสียงหัวใจยังคงเต้นแรงแต่ก็เสียแรงเปล่าหากจะให้เมด์มาสนใจ ปีศาจสาวยกขนนกสีดำอันเดิมที่ยังมีเลือดเซนริเปื้อนเปรอะขึ้นเหนือหัว ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาหญิงสาวที่เอาแต่นั่งกุมหน้าอก
“หึ งั้นรึ ไม่พูดก็หมายความว่ายอมตายที่นี่สินะ ก็ได้ ข้าจัดให้!”
“ฮึก~ ทนไม่ไหวแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!”
ครืนนนนนนนน!
“อะไรน่ะ!”
การโจมตีของเมด์ถูกสะท้อนกลับทันทีที่เสียงแหลมสูงนั้นกรีดร้องขึ้น เสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้หน้าผาถล่มลงไปเป็นเกือบหมด และยิ่งกว่านั้นซาคุโระก็ยังกรีดร้องออกมาโดยไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงง่ายๆ
“กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!”
“อะไรกันเด็กนี่ ทำไมถึง….มีไอปีศาจออกมาอย่างนี้เนี่ย เด็กนี่เป็นเทพธิดาสีเงิน เป็นเทพชั้นสูงไม่ใช่รึ!”
ตูมมมมมมมมมม!!!!!
“แย่แล้ว ต้องรีบจัดการมันก่อนล่ะ”
ว่าแล้วเมด์ก็ร่ายเวทมนตร์กักขระที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่นานก็ปรากฏพายุที่เต็มไปด้วยขนนกที่แหลมคม ขนนกทั้งหลายเคลื่อนตัวเข้ามารายล้อมซาคุโระตามคำสั่งของเจ้านาย และฉวัดเฉวียนเฉือนแขนขาเธอไปทีละน้อย
ฉัวะ! ฉัวะ!
“เอ้าๆ ถ้าไม่หนีก็จะไม่รอดนะ จะเอายังไงล่ะ”
“อึก~ เจ็บจริงๆ ใครก็ได้ ช่วยฉันที”
“จงตายไปพร้อมนางปีศาจทรยศนั่นซะเถอะ!”
“อย่ามาเรียกเซนริว่าปีศาจ!!!!!!”
“เฮือก!!!!”
“เจ้าสินะที่เรียกข้าออกมา หึๆๆๆ อยากเจอข้ามากสินะ”
“อะไรกันเด็กนี่ น้ำเสียงเปลี่ยนไป ไม่สิ เค้าไอปีศาจนี่มันอะไรกัน”
“หึๆๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะกักขระดังมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ซาคุโระยังคงมองเห็นสิ่งภายนอก เห็นสีหน้าของเมด์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง วิหคดำกำลังหวาดกลัวเธออยู่ เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวเธอเพราะอะไร แต่เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายได้แม้แต่ส่วนเสี้ยว มันต่างจากความรู้สึกตอนเทพธิดาสีเงินออกมา เธอรู้สึกปั่นป่วนไม่ได้เหน็บหนาวหรือร้อนรนใดๆ และไม่นานนักร่างกายทุกส่วนก็ขยับไปเองโดยที่เธอไม่ได้สั่งการจากสมอง ร่างกายของเธอลุกขึ้นยืนไม่สะท้านต่อคมมีดที่บาดตามร่างกาย เท้าทั้งสองข้างก้าวไปข้างหน้าผ่านร่างของหมาป่าสีเทาที่นอนนิ่ง ก่อนที่มือทั้งสองจะยื่นออกไปข้างหน้าเหมือนกำลังทำท่าจะปล่อยอะไรบางอย่างออกจากฝ่ามือ และเพียงเวลาเสี้ยวนาทีแสงสีแดงที่ถูกรายล้อมด้วยสายฟ้าสีดำก็ปะทุออกจากฝ่ามือทั้งสองและพุ่งเข้าไปคลอกร่างของเมด์อย่างไร้ปราณี
ตูมมมม!!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!!!”
เสียงกรีดร้องดังโหยหวนชวนทรมาน ซาคุโระรู้สึกตัวและรู้ว่าตัวเองกำลังหัวเราะชอบใจ ทั้งๆที่ไม่ได้สั่งการอะไรเลย
“หึ…หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!!”
“อะ อะไรกันเนี่ย พลังอะไรกัน! ร้อน!!!!”
เมด์ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสายฟ้าสีดำ ร่างกายทุกส่วนถูกตรึงเอาไว้เหมือนโซ่ตรวนที่หนักเป็นหมื่นกิโล ผิวหนังฉีกขาดเป็นริ้วแผลจนเลือดสีดำกระฉูดออกมาน่าสยดสยอง
ถึงจะรู้ว่าปีศาจตรงหน้าได้หมดสิ้นหนทางที่จะต่อกรด้วยแล้ว แต่ซาคุโระกลับควบคุมให้ร่างกายกลับเป็นอย่างเดิมไม่ได้ เธอยังหัวเราะทั้งที่มีน้ำตาไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง ร่างกายทุกส่วนเหมือนถูกปลดเปลื้องจนไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น เธอมองเห็นร่างหมาป่าสีเทาที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า มันกำลังขยับและเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงแหบพล่า
“ซะ….ซะ ซาคุโระ”
“หึ หึๆๆ….”
“ข้ากำลังจะไปแล้ว….แต่ขอร้อง อย่าให้ด้านมืดในจืตใจของเจ้ามาควบคุมร่างกายเจ้าอีกเลย”
“อึก!”
ด้านมืดของจิตใจอย่างนั้นเหรอ เธอมีด้านมืดที่น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ….
“ข้าดีใจที่ได้พบเจ้า เจ้าที่ไม่ใช่เทพธิดาสีเงิน…ข้าดีใจนะ ซาคุโระ”
สิ้นสุดคำพูดร่างหมาป่าก็แน่นิ่งและค่อยๆสลายเป็นฝุ่นผง ซาคุโระรู้สึกเจ็บแปลบกลางอก ปากที่แข็งทื่อพยายามเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูด เอ่ยชื่อของคนที่กำลังจะจากไปต่อหน้าต่อหน้า
“เซนริ…..เซนริ”
ในที่สุดซาคุโระก็สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอทรุดลงใกล้ๆร่างหมาป่าที่กำลังจะหายไป ใบหน้าของเซนริในคราบหญิงสาวปรากฏให้เห็นพักหนึ่ง ก่อนที่จะกลายเป็นฝุ่นผงไปพร้อมๆกับส่วนอื่นของร่างกาย ซาคุโระไม่มีโอกาสแม้จะแตะต้องเพียงปลายนิ้ว เซนริจากไปแล้ว ทั้งที่เคยบอกว่าจะเฝ้ารอยมทูตเพื่อมาปลดปล่อย แต่เธอก็ไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
“สวรรค์ ทำไมท่านไม่ให้โอกาสคนที่หลงทางบ้าง ทำไมกัน”
ซาคุโระพร่ำบ่นทั้งน้ำตาที่กำลังล้นทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง และในขณะนั้นเอง เมด์ก็หลุดพ้นจากวงล้อมสายฟ้าในสภาพที่สะบักสะบอมเลือดอาบ ปีศาจสาวแค้นจนเลือดขึ้นหน้า และไม่คิดจะปล่อยซาคุโระให้มีชีวิตอีกต่อไป
“บังอาจทำให้ข้าเสียโฉมรึ ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่ จงลงนรกไปซะเถอะ!!!!!”
เมด์รวบรวมกำลังทั้งหมดสะบัดมือข้างหนึ่งจนเกิดเป็นพายุที่เต็มไปด้วยขนนกแหลมคมบินฉวัดเฉวียนนับร้อย สายตาแข็งกร้าวจ้องมองไปยังหญิงสาวที่นั่งนิ่ง ก่อนที่จะขว้างมันออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเหนือการควบคุม
“ตายซะเถอะ!!!!”
ถึงรู้ว่ามีอะไรพุ่งมาหา แต่เรี่ยวแรงทั้งหมดกลับไม่หลงเหลือที่จะให้หลบหลีก ซาคุโระนั่งนิ่งและมองขนนกนับร้อยที่กำลังพุ่งเข้ามาเชือดเฉือนปลิดลมหายใจ น่าแปลกที่ในหัวสมองตอนนี้ว่างเปล่า ลืมไปกระทั่งชื่อของคนที่เธอมักจะเรียกร้องหาทุกครั้งที่ตกอยู่ในอันตราย เธอหลับตาเหมือนนักโทษที่รอการประหาร
พรึ่บ!
เสียงผ้าเสียดสีกับอากาศดังพอที่จะให้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และสิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาที่ถูกบดบังด้วยน้ำตาคือชายผ้าผืนบางที่งดงามและคุ้นตากับร่างสูงโปร่งที่ยืนขวางและสะท้อนขนนกพวกนั้นจนแตกกระจายไปคนละทาง ซาคุโระจดจำแผ่นหลังกว้างของคนๆนี้ได้ไม่มีลืม
“ฮะ~โฮโนะโอะ”
ตูมมมมมมมม!!!!
“อะไรกัน!!!”
เมด์สบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อชายหนุ่มที่เพิ่งโผล่หน้ามาให้เห็น สะท้อนและทำลายท่าไม้ตายของเธอได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าอสูรกึ่งเทพโฮโนโอะ!”
“รู้จักข้าด้วยเหรอ”
“บังอาจมาขวางทางข้าอย่างนั้นเหรอ! คิดจะลองดีกับข้าสินะ!”
เมด์ตั้งท่าจะร่ายเวทอีกครั้ง แต่ก่อนที่เธอจะได้อ้าปากเอื้อนเอ่ยอะไรก็ต้องชะงัก เมื่อมีบางอย่างที่เธอทั้งเกลียดและหวาดกลัวเข้ามาใกล้และประชิดจากด้านหลัง
“เฮือกกกก!!!!”
ไม่มีสิ่งใดประจักษ์ต่อสายตานอกจากเค้าไอที่น่ากลัวและต้องหนีเอาตัวรอดเท่านั้น เมด์ไม่รอให้สิ่งนั้นเข้าใกล้และรีบหายตัวไปจากตรงนั้นทันที
จะเพราะอะไรก็ช่างแต่ความเศร้าโศกเสียใจของซาคุโระก็ยังไม่หายไป ถึงเซนริจะกลายเป็นฝุ่นผงและหายไป แต่คราบเลือดสีดำที่แต้มอยู่บนหิมะสีขาวยังคงอยู่ โฮโนโอะหันหน้ากลับมาหาและคุกเข่าลงต่อหน้าพร้อมกับคำถามที่เธอคุ้นเคย
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“………..”
“ซาคุโระ”
“โฮโนโอะ ทำไมสวรรค์ ถึงไม่ให้โอกาสคนที่หลงทางบ้างนะ…ทำไมกัน ทำไม~”
ซาคุโระหมดเสียงจะเปล่งออกมาแม้เพียงครึ่งคำ โฮโนโอะดึงร่างอันเย็นเฉียบเข้ามาสวมกอดเอาไว้เพื่อให้ความอบอุ่น ทว่าอ้อมอกของชายหนุ่มก็ทำให้น้ำตาและความเสียใจเพิ่มเป็นทวีคูณและล้นทะลักออกมาจนหยุดไม่อยู่ แรงกดดันทำให้ซาคุโระแผดเสียงร้องออกมาอย่างไม่กลัวอาย
“ข้าอยู่นี่ ซาคุโระ”
“ฮึก~ ฮืออออออออออออ!!!!!! ฉันเจ็บเหลือเกิน โฮโนโอะ เจ็บจริงๆ!”
ความแปรปรวนของทุ่งหิมะเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงเพราะเสียงที่ดังขึ้นจากหญิงสาวที่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่มองไม่เห็น ความแปรปรวนที่แม้แต่โฮโนโอะก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกมา
“อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ตูมมมมมมมมมมม!!!!
พลั่ก!!
“อุ๊บ! อะไรกัน!”
ครืนนนนนนนนนน!!!
“ซาคุโระ!”
“กรี๊ดดดดดดด!!!!~”
ซาคุโระกรีดร้องเกินกว่าสติจะควบคุมได้ และเสียงร้องอันทรงพลังนั้นก็ทำให้เหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายที่แอบซ่อนอยู่ในทุ่งหิมะโผล่ออกมารายล้อมเธออย่างแน่นหนา เหมือนกับว่าพวกมันเหล่านั้นกำลังจะอาศัยเสียงของเธอมาเป็นอาหาร
“อะไรกัน! วิญญาณพวกนั้น….”
“วิญญาณที่ไร้ซึ่งอิสระ หิวโหยจนกระทั่งออกมาขออาหารไงล่ะ”
“เจ้าเป็นใคร”
โฮโนโอะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจ้าของเสียงที่นำทางเขามาจนถึงที่นี่ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมสีเข้มดุจพระอาทิตย์ยามเย็น ผ้าคลุมสีรัตติกาลผืนใหญ่ขาดวิ่นพร้อมทั้งดาบสองเล่มที่ไขว้อยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มแปลกหน้าไม่ได้ตอบแต่ก้มลงมองเขาด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก ก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าวิญญาณที่ทยอยออกมารายล้อมหญิงสาวและดูดเอาพลังงานที่ล้นออกมาจากตัวเธอ ขณะที่โฮโนโอะรีบตีตัวออกห่างใช้ตัวเองขวางระหว่างชายแปลกหน้าและหญิงสาวเอาไว้อย่างหวาดระแวง
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร!”
“จำเป็นต้องตอบคำถามของอสูรเช่นเจ้าด้วยรึ”
“ตอบมา!”
“หึ ก็ได้ ข้าชื่อเร็นกะ เป็นยมทูต”
“ยมทูต!”
“จะจ้องข้าอีกนานหรือเปล่า หรือว่าจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นถูกดึงพลังชีวิตออกไปจนตาย”
เร็นกะเอ่ยสะกิดให้โฮโนโอะหันกลับไปสนใจหญิงสาวที่ล้มลงกองกับพื้นอย่างสิ้นแรง เหล่าวิญญาณทั้งหลายยังคงสูดเอาพลังชีวิตจากเธออยู่เรื่อยๆไม่หยุด
“ซาคุโระ!”
โฮโนโอะยังจำได้ดีถึงตอนที่เขาได้ใช้อาภรณ์สวรรค์ควบคุมอาการบ้าคลั่งของฟุยูกิ มาถึงตอนนี้เขาก็จะใช้ผ้าผืนเดียวกันนี้ช่วยหยุดยั้งความแปรปรวนของซาคุโระ พอคิดได้ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องผ้าผืนบางอันงดงามจากเอวและฝ่าวงล้อมเหล่าวิญญาณที่หิวโหยเข้าไปหาหญิงสาวก่อนจะใช้มันห่อหุ้มกายเธอจนมิดชิด
พรึ่บ!
“ซาคุโระ หยุดเถอะ พอได้แล้ว”
“อึก~”
“พอแล้ว ข้าอยู่นี่แล้ว”
โฮโนโอะกอดกระชับร่างบางที่อยู่ใต้ผืนผ้าอันงดงามนั้นแน่น ซาคุโระอ่อนปวกเปียกแม้แต่ตาสักข้างก็ยังไม่ลืม เสียงสะอื้นค่อยๆหายไปจนในที่สุดเธอก็แน่นิ่งไปโดยไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ เขาสัมผัสถึงลมหายใจอันรวยริน เธอกำลังจะขาดใจเพราะถูกแย่งชิงพลังชีวิตไปเกือบหมด
“ซาคุโระ!”
“เรียกไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ว่าไงนะ”
“นางกำลังจะตาย”
“ข้าไม่เชื่อ!”
“ยมทูตไม่มีความจำเป็นต้องโกหก”
“ไม่!...มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ซาคุโระ ตื่นขึ้นมาก่อน ลืมตาขึ้นมา!”
ชายหนุ่มพยายามเขย่าร่างที่กำลังเย็นเยียบลงเรื่อยๆนั้นอย่างกระอักกระอ่วนใจ ร่างกายซาคุโระกำลังถูกน้ำแข็งเกาะเพราะไร้ซึ่งอุณหภูมิในร่างกายที่ใช้ต่อต้านความหนาวเย็นภายนอก โฮโนโอะทำอะไรไม่ถูกกระทั่งมือทั้งสองข้างก็ยังสั่น เขาสวมกอดร่างอันแน่นิ่งนั้นอย่างหมดหนทาง
“นี่เจ้าต้องมาตายที่นี่จริงๆเหรอ เพราะข้าคนเดียว”
“อยากช่วยนางหรือเปล่า”
คำพูดของยมทูตหนุ่มที่แทรกเข้ามาสะกิดให้โฮโนโอะรีบเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเจ้าของคำพูดนั้นอย่างไม่รั้งรอ เร็นกะจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แต่คำพูดเมื่อครู่ยังคงกระเด้งกระดอนอยู่ในหัวโฮโนโอะไม่จางหาย และเขาก็ไม่รอช้าที่จะถามข้อกังขา
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่ายังไงนะ”
“เจ้าอยากช่วยนางให้ฟื้นขึ้นมาไม่ใช่รึ ข้าจะช่วยเอาไหมล่ะ”
“ไม่เห็นต้องถาม ก็ต้องช่วยน่ะสิ!”
“แต่มีข้อแม้”
“อะไร”
“หากเด็กนั่นฟื้นแล้ว เจ้าก็จงไปลงนรกซะ”
“ว่าไงนะ!”
“ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต ได้ฟังอย่างนี้แล้ว เจ้ายังจะอยากช่วยนางอีกหรือเปล่า อสูรกึ่งเทพโฮโนโอะ”
ข้อแม้ของยมทูตเร็นกะทำให้โฮโนโอะต้องคิดหนัก ข้อแลกเปลี่ยนที่เขาไม่อาจเลี่ยงหากจะช่วยคืนลมหายใจให้หญิงสาวที่แน่นิ่งอยู่ในอ้อมอก แต่ยังไงก็ช่างซาคุโระก็จำเป็นต้องฟื้นขึ้นมา ส่วนตัวเขาอาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่
“ตกลง”
“หือ”
“แต่ข้าก็มีเรื่องขอร้องเจ้าเช่นกัน”
“อะไร”
“ช่วยลบภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ออกไปจากความทรงจำของยายนี่ที แล้วก็พาเราออกไปจากที่นี่”
“จะถือว่าเป็นคำขอก่อนตายละกัน”
เร็นกะตกลงโดยง่าย โฮโนโอะกอดกระชับร่างบางอันแน่นิ่งให้แนบอกและหลับตาลง ไม่นานก็มีน้ำไหลเชี่ยวกรากเข้ามารายล้อมและดูดกลืนเขากับหญิงสาวให้จมลงไป ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากที่ความเย็นของน้ำแตะใบหน้าและท่วมทะลักจนทำให้ร่างกายหนักอึ้งและมืดมน ไร้เสียงและภาพต่างๆ กระแสน้ำกดเขาให้ดำดิ่งลงไป ดิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ไม่อาจรู้ ก่อนที่ทุกอย่างจะแตกกระจายออกไปเหมือนฟองสบู่และหายไปจนหมดสิ้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ