Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ

8.1

เขียนโดย zusuran

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.

  28 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) โง่เขลา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 11 โง่เขลา

“เจ้านั่นคืออสูรงูขาว… ต้องใช่คนที่ซาคุโระเห็นในความฝันแน่ๆ มันจ้องจะชิงตัวยายนั่นตอนที่เราไม่อยู่ หนอย! เล่นละครเหรอ โธ่เว้ย! ทำไมข้ามันโง่อย่างนี้นะ จะมาแย่งของสำคัญไปจากข้างั้นเหรอ ฝันไปเถอะ! ชอบเล่นละครปั่นหัวให้คนเขาเข้าใจผิดกันดีนักใช่ไหม เดี๋ยวพ่อจะกลับไปอัดให้กระเด็นออกไปนอกโลกเลยคอยดูสิ!”
ชายหนุ่มพร่ำบ่นหลากหลายอารมณ์และวิ่งหน้าตั้งลงไปตามไหล่เขาที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า เป็นไปได้เขาอยากกระโดดดึ๋งๆได้เหมือนจิ้งโจ้รึไม่ก็กลิ้งได้เหมือนลูกหินจะได้ไปถึงที่หมายเร็วๆ
หมู่บ้านจอมปลอมที่เต็มไปด้วยฝูงงูน้อยใหญ่ มิราอิที่ยังพยายามฝืนยันกายต่อกรกับเนรีวเพื่อจะชิงตัวซาคุโระคืนมาจากเนรีว แต่เพราะควันพิษที่อบอวลทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงและเป็นโอกาสที่เนรีวจะเข้ามาจัดการได้ง่ายขึ้น
“อึก! บะ บ้าจริง นี่เราโดนอะไรเข้าไป”
“หึ ขอตัวเทพธิดาสีเงินไปล่ะนะ”
เนรีวแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน มิราอิกำมือแน่นสายตาเริ่มอ่อนล้าแทบจะปิด จับจ้องอยู่ที่ร่างบางๆในอ้อมแขนของอสูรหนุ่มผมขาว ความรู้สึกคับแค้นใจบรรยายออกมาเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด แค้นทั้งผู้ที่ยืนหัวเราะเยาะอยู่ต่อหน้าและแค้นทั้งตัวเองที่สะเพร่าและใจดีเกินเหตุ
“ขยับไม่ได้…บัดซบเอ๊ย!”
ประโยคที่เปล่งออกอย่างเจ็บแค้นได้หยุดลงพร้อมกับม่านตาที่ค่อยๆปิดลงจนสนิท ร่างกายทุกส่วนไม่สามารถขยับได้อีกแล้ว และมันก็ถูกแทนที่ด้วยความหนาวเหน็บที่คืบคลานเข้ามาห่อหุ้ม
“หึ อย่าโกรธกันเลยนะทูนหัว เจ้าเป็นหญิงที่งดงามข้าเองก็ชอบเจ้า แต่เจ้ามันโชคร้ายที่มีดวงจิตของคนที่จะกำจัดพวกข้า หากข้าไม่กำจัดเจ้า อสูรอย่างข้าก็คงจะถูกเจ้ากำจัดซะเอง”
เนรีวพูดกับคนที่หลับไร้สติในอ้อมแขนอย่างเสียดายพลางก้าวขึ้นขี่หัวงูยักษ์ บริวารคู่ใจออกไป
“ไปกันได้แล้ว อาซารีส”
ฟ่อ!
เนรีวจากไปท่ามกลางค่ำคืนที่มืดสลัวจากเมฆสีดำก้อนใหญ่ที่เข้ามาบดบังแสงจันทร์ในราตรีนี้จนสิ้นแสง
โฮโนโอะมาถึงหมู่บ้านเห็นเพียงความว่างเปล่าที่ราบเป็นหน้ากลอง หัวใจของเขาก็กระตุกวูบหล่นไปอยู่แทบเท้าทันที หมู่บ้านหายไปไม่เหลือแม้ส่วนเสี้ยว ห่างจากที่ยืนอยู่คือร่างของน้องชายทั้งสองที่นอนแน่นิ่ง และที่สำคัญซาคุโระได้หายไปพร้อมๆกับเนรีว
“ไม่จริง เรามาช้าไปงั้นเหรอ เจ้าเนรีว!”
ชายหนุ่มคำรามเสียงสั่นพลางกวาดตามองไปรอบๆ ฟุยูกินอนนิ่งไม่มีบาดแผลแต่มิราอิกลับหนักเอาเรื่อง ในขณะที่โฮโนโอะเดินไปมาด้วยความโกรธที่กำลังพุ่งพรวดก็รู้สึกถึงแรงกระตุกที่ขากางเกง
หมับ!
“ท่าน…พี่”
“มิราอิ!” โฮโนโอะรีบประคองน้องชายที่มีสภาพร่อแร่ลุกขึ้น
“เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น แล้วซาคุโระอยู่ที่ไหน!”
“เนรีวเอาตัว…ท่านซาคุโระไป เจ้านั่นเป็นอสูร”
“ขอโทษนะ ถ้าข้าฉุกใจคิดมากกว่านี้ล่ะก็!…”
“ใช่ ท่านมันโง่เขลาเสียยิ่งกว่าลา”
โฮโนโอะรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าแรงๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกหลับตาข่มความรู้สึกเอาไว้สุดความสามารถ
“เนรีวพาท่านซาคุโระไปทางนั้น….อึ้ก~อ๊อก!”
ไม่ทันที่จะพูดจบประโยคสมบูรณ์มิราอิก็กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรงก่อนที่จะร่อแร่และหมดสติไปในอ้อมแขนโฮโนโอะที่ตกลึงทำอะไรไม่ถูก
“มิราอิ!”
“ไม่ตามไปล่ะ”
เสียงเล็กๆดังขึ้นพร้อมกับร่างน้อยที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีทองปรากฏขึ้นตรงหน้า ลีอาปรากฏตัวชัดเจนครบถ้วน เธอเดินเข้าจับชีพจรของมิราอิโดยที่ไม่รอให้เอ่ยเรียก
“ข้าไม่ใช่ศัตรูของใครทั้งนั้น รีบไปสิ”
เด็กน้อยชิงพูดตัดโดยไม่รอคำถาม แต่โฮโนโอะยังคงคิดหนัก
“อาการของพวกเขาไม่ถึงตาย ข้าจะรักษาให้เองไม่ต้องห่วงหรอก ไปเถอะ”
“ฝากด้วยนะ แล้วข้าจะรีบกลับมา”
โฮโนโอะพูดทิ้งท้ายและรีบมุ่งหน้าไปทางทิศที่มิราอิชี้บอกโดยมีสายตาของลีอามองตามส่งจนลับตา อยากพูดออกมาเหลือเกินว่าเขาจะได้กลับมาจริงหรือ แต่ก็ปิดปากกลืนคำพูดกลับลงไป เด็กหญิงละสายตาจากความมืดของป่าก่อนที่จะแหงนขึ้นไปมองบนฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆสีดำ
“คืนนี้แล้วสินะที่ท่านจะตื่นขึ้นมา แล้วคนที่จะทรมานไปพร้อมกับการตื่นของท่านก็คือ….”
คำพูดประโยคสุดท้ายเลือนหายพร้อมกับดวงตาสีทองที่หลุบลงต่ำหันไปมองเด็กหนุ่มที่นอนราบอยู่ไม่ไกล ลีอามองใบหน้าที่อ่อนหวานงดงามของฟุยูกิอย่างเหนื่อยใจ นึกจินตนาการไปถึงตอนที่มันจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวพร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญที่ดังขึ้นอย่างทรมาน
“ความเจ็บปวดที่หลีกหนีไม่ได้ ยิ่งวิ่งหนีก็ยิ่งไล่ตาม ฉะนั้นจงเผชิญหน้ากับมันให้ถึงที่สุดเถอะ ทายาทแห่งราชันย์ ฟุยูกิ”

ในป่าทึบท่ามกลางคืนเดือนหงายที่มีเมฆคอยบดบัง เปลือกตาคู่บางค่อยๆเปิดออกอย่างโรยแรง ซาคุโระลืมตามองผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆ มีบางอย่างที่ผิดแปลกไป และพอปรับภาพตรงหน้าจนชัดเจน สิ่งที่เห็นก็ทำให้เธอกรีดร้องออกมาทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดด!!”
ฟ่อออ!!
“งะๆๆๆ งู!!!! กรี๊ดดดดดดด!!!”
ซาคุโระกรีดร้องเสียงหลง ยิ่งเห็นใบหน้าขรุขระของเจ้าอสูรกายเลื้อยคลานชัดขึ้นเท่าไหร่สติก็กระเจิดกระเจิงไปมากเท่านั้น เธอรีบยันกายลุกและดันตัวถอยห่างจากเจ้าสัตว์ร่างยักษ์นั่นจนหลังไปชนเข้ากับผิวขรุขระของต้นไม้ที่ขวางอยู่
“ยะๆ อย่าเข้ามานะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ไป๊!!”
ฟ่อออ~
“พอได้แล้วอาซารีส เล่นสนุกมากพอแล้ว”
เสียงกระชิบแผ่วเบาทำให้งูยักษ์ที่ทำท่าจะฉกเธอถึงกับนิ่งสนิท กลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่อง แต่นั่นก็ไม่ทำให้ซาคุโระหายสงสัยกับเสียงที่เธอรู้สึกว่าคุ้นหูและเคยได้ยินจากที่ไหน เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงนั้นจนกระทั่งได้พบกับบุคคลที่เหนือความคาดหมาย นั่นก็คือเนรีวที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่บนหัวของงูยักษ์อาซารีส
“เนรีว!”
“ฟื้นแล้วรึ ท่านเทพธิดาสีเงิน” น้ำเสียงเย็นเยียบเหมือนในความฝันทำให้ซาคุโระเสียววาบเหมือนมีก้อนน้ำแข็งมาประคบ
ซาคุโระพยายามทำใจให้นิ่งที่สุด และคนๆเดียวที่คิดถึงในตอนนี้ก็คือโฮโนโอะ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยป่าทึบและหน้าผาปราศจากชายหนุ่มแม้แต่เงาก็ไม่ปรากฏให้เห็น และก็เหมือนกับว่าความคิดที่อยู่ในใจและเอ่อล้นออกมาทางสีหน้านั้นจะถูกเนรีวอ่านออกจนหมดเปลือก
“มองหาใคร ไม่มีประโยชน์หรอก และถึงเจ้าจะร้องเรียกให้คอแตกตายยังไงก็มีใครได้ยินทั้งนั้น”
“แกเป็นใครกันแน่!”
“หึ มาถึงขั้นนี้แล้วยังดูไม่ออกอีกรึ เจ้ามันไร้เดียงสาหรือว่าโง่กันแน่”
สิ้นคำ ภาพที่เปลี่ยนแปลงและปรากฏต่อหน้า แทบจะทำให้สติขาดผึง ชายผมยาวสีขาวที่มีสายตาอาฆาตและเยือกเย็นนี้เธอจำได้ดีว่าคือ…คนที่อยู่ในความฝัน! ซาคุโระลุกวิ่งออกไปสุดกำลัง แต่น่าแปลกที่เนรีวไม่มีท่าทีว่าจะตาม ในป่าทึบที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมีเพียงกิ่งไม้ใบหญ้าเท่านั้นที่สัมผัสแขนขาให้รู้สึก แล้วหัวใจตกวูบลงไปเทียบตาตุ่มเมื่อปลายเท้าทั้งสองข้างเกือบจะก้าวออกไปกลางหน้าผา
ครึ่ก~
“แฮ่กๆๆ~…นะ หน้าผา! ไม่จริงน่า!”
หญิงสาวค่อยๆถอยห่างจากโขดหินผุพังที่กำลังร่วงกราวลงไปเบื้องล่าง ก่อนที่จะทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างใจหาย ตอนนี้ไม่เหลือกระทั่งเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืน และคนๆเดียวที่เธอคิดถึงก็คือโฮโนโอะ รู้สึกผิดที่ไม่เชื่อฟังเขาและรั้นจนเกิดเรื่อง
“โฮโนโอะ ฮึก! โฮโนโอะอยู่ที่ไหน ถ้าฉันเชื่อนายตั้งแต่แรกก็คงจะดีหรอก”
ซาคุโระรู้สึกว่าพละกำลังทั้งหมดได้หดหายไปพร้อมกับคำพูด ตอนนี้ไม่มีแรงที่จะลุกไปไหนจึงได้แต่หวังว่าเนรีวจะไม่หาเจอเร็วนัก แต่และความหวังเล็กๆนั้นก็ถูกทำลายลงในชั่วพริบตา เมื่อเสียงคำรามของงูยักษ์ดังขึ้นข้างๆหู พร้อมกับร่างของมันที่โผล่ขึ้นมาจากหน้าผาพร้อมๆกับเนรีว
“หึๆๆ มาได้แค่นี้เองรึคนเก่ง”
“นะ เนรีว!”
ซาคุโระสิ้นแรงที่จะดิ้นรนลุก และเลี่ยงไม่ได้ที่จะจับจ้องใบหน้าขาวซีดสีเดียวกับเส้นผมนั้น รอยยิ้มเย็นยะเยือกชวนผวาปรากฏขึ้นพร้อมกับคำพูดที่เหมือนป้ายยาพิษใส่ซึ่งๆหน้า
“เจ้าอสูรกึ่งเทพนั่นคงจะร้อนรนน่าดู ข้าชักอยากจะเห็นสีหน้าของมันตอนนี้จริงๆ”
“โฮโนโอะไม่ใช่อสูร!”
“โฮ่ กล้าพูดออกมาแล้วรึ แล้วยังไง อสูรก็ต้องเป็นอสูรอยู่วันยังค่ำ แถมยังโง่เขลา”
คำว่าอสูรที่ได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ซาคุโระรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาตงิดๆ เนรีวเรียกโฮโนโอะว่าอสูรเช่นเดียวกับอสูรร่างยักษ์กาโระ ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอที่จะไปข้องเกี่ยว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงไม่พอใจและยังโกรธเคืองคนที่พูดเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“หุบปากนะ ถ้าขืนนายพูดอีกคำเดียวล่ะก็…”
“ทำไม ข้าพูดแทงใจดำเจ้ารึ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คงรู้สิว่า ว่ามันรู้สึกนึกคิดยังไงกับเจ้า!”
“หมายความว่าไง”
“จะบอกให้เอาบุญไหมล่ะ โฮโนโอะน่ะ มันรักเจ้า!”
“….!”
“แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้ามองไม่เห็นความรักที่มันมีต่อเจ้า เพราะอสูรยังไงก็หนีชาติกำเนิดตัวเองไม่พ้น ถึงเจ้าจะไม่ยอมรับ แต่อสูรอย่างมันยังไงก็ต้องเป็นอสูรอยู่วันยังค่ำ…”
เพียะ!!!
เสียงฝ่ามือตบฉาดเข้าที่เนื้อนิ่มๆเสียงดังสนั่นป่า ซาคุโระไม่รู้ว่าตัวเองเอาความกล้ามาจากไหน แต่พอได้ยินคำว่าอสูรครั้งแล้วครั้งเล่ามันก็ทำให้เธอมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นยืน และกล้าเดินเข้าไปตบหน้าคนที่เธอหวาดกลัวได้อย่างหน้าตาเฉย เสียงฝ่ามือที่กระทบใบหน้านั้นดังก้องสะท้อนกลับมาให้ได้ยิน สัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยหลับนอนอยู่แถวนั้นได้ตื่นขึ้นและกระเจิดกระเจิงไปคนละทางราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจะมีอันตรายครั้งใหญ่หลวงเข้ามากร้ำกรายชีวิตของพวกมัน
เลือดสีดำของอสูรไหลซิบออกมาตรงมุมปาก รอยนิ้วมือทั้งห้าของหญิงสาวยังคงปะทับอยู่บนแก้มของเนรีวชัดเจน ชายหนุ่มใช้นิ้วเช็ดเลือดที่มุมปากทิ้งแบบส่งๆพลางส่งสายตาอันเย็นยะเยือกจ้องมองผู้ที่ทำให้มันเกิดขึ้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา ก่อนที่จะสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวเธอเพียงชั่วอึดใจ
“ข้าชักสนใจเจ้าเข้าแล้วสิ รู้ไหมว่าเจ้าเป็นคนแรกที่กล้าตบหน้าข้า”
“อย่าเข้ามานะ”
ซาคุโระใจคอไม่สู้ดีพยายามถอยห่างเรื่อยๆ แต่เธอก็หมดทางที่จะหนี เมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับลำตัวของอาซารีสที่นอนขวางอยู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยเกล็ดแข็งๆโผล่เข้ามาทำท่าจะงับให้ได้ ทำให้เธอเกือบวูบ เนรีวแสยะยิ้มเหมือนพอใจ ก่อนที่จะเข้ามาประชิดและกระชากเธอจนตัวลอยละลิ่วเข้าไปซบกับอก
“ปล่อยนะ!!”
“เป็นอะไรไป ไม่เห็นกล้าเหมือนเมื่อกี้เลยนี่”
เนรีวจับจ้องเธอด้วยสายตาเย็นเยียบ นิ้วที่เปื้อนเลือดสีดำเข้มยกขึ้นมาเชยคางเธอขึ้นและบีบมันไว้แน่น ซาคุโระทั้งกลัวทั้งผวากับใบหน้าของชายคนนี้ แต่อีกด้านหนึ่งของจิตใจก็ยังคิดถึงและร่ำร้องหาโฮโนโอะไม่หยุดหย่อน
“ปะ ปล่อยนะ!”
“ง่ายไปหน่อยล่ะมั้ง เจ้าตบข้าซะแรงเลย ข้าควรจะเอาคืน”
“อย่านะ!”
“เป็นไรไปเล่า หือ”
เนรีวแสยะยิ้มเย้ยหยัน พลางก้มหน้าลงมาใกล้ห่างจากใบหน้าของเธอเพียงคืบ เป่าลมจากปากแผ่วๆปัดเส้นผมออกจากใบหน้าหญิงสาว มองเห็นปานดอกไม้สีแดงเพลิง
“เจ้าคิดถึงมันอยู่ ข้าพูดถูกใช่ไหม”
“ก็แล้วยังไง!”
“ก็ไม่ยังไง” ว่าพลางเลื่อนมือขึ้นมาหมายจะแตะบนปานดอกไม้
“อย่ามายุ่งกับหน้าของฉัน เจ้าอสูรสกปรก!”
ซาคุโระพยายามดึงดันที่จะออกจากพันธนาการนั้นเต็มที่ แต่เรี่ยวแรงก็ยังมีไม่พอและไม่สามารถต้านทานแรงของอสูรได้ สิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงร่ำร้องหาคนนั้นที่หวังว่าเขาจะมาหา
“อย่านะ~….โฮโนโอะ!!!”
เสียงกรีดร้องดังลั่น ทันทีที่เอ่ยชื่อของชายหนุ่มออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ พลันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเข้ามากระชากจนลอยละลิ่วออกจากพันธนาการของเนรีวได้สำเร็จ พอลืมตามองเท่านั้นสิ่งที่ได้พบเห็นก็ทำให้เธอเลิกคิ้วสูงทันที
“ฮะ…โฮโนะโอะ!”
ชายหนุ่มที่เธอพยายามร่ำร้องหาได้ปรากฏตัวขึ้นและช่วยเธอออกจากเงื้อมมืออสูรได้ทันท่วงที เขายังรั้งเธอเอาไว้ในอ้อมอก ในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่เนรีวที่หันมาหา
“เจ้า!”
“ไง รอข้านานรึเปล่า เนรีว”
โฮโนโอะยอกย้อนยิ้มเยาะกวนประสาท ยั่วอารมณ์โทสะฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่ต้องเสียเวลา เนรีวยังข่มอารมณ์ได้และสวนกลับด้วยท่าทางที่ยังนิ่ง
“ตามมาทันจนได้สินะ ทำไมถึงรู้ว่าข้าอยู่นี่”
“รู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม”
“อ้อ ใช่สินะ…เจ้ามันเป็นอสูรนี่นา เรื่องตามกลิ่นคงจะไม่ใช่เรื่องยาก”
เนรีวพูดเออออตามใจชอบ สีหน้าโฮโนโอะยังเรียบเฉยในขณะที่ซาคุโระรู้สึกโกรธสุดขีด เธอเม้มริมฝีปากแน่นจ้องใบหน้าขาวซีดของอสูรหนุ่มนั้นด้วยสายตาขุ่นมัว แต่อีกใจหนึ่งก็แปลกใจในความนิ่งของชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ทั้งที่ถูกว่าขนาดนี้แต่ทำไมเขายังนิ่งเฉยไม่มีท่าทีว่าจะโกรธหรือรู้สึกอะไรเลย
“ว่าไงล่ะ คงจะยอมรับแล้วสินะ”
“ใช่”
ซาคุโระหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าท่าทางที่ยังนิ่งของเขาทำให้เธอไม่เข้าใจเป็นสองเท่า เขาไม่หันมามองหน้าเธอแม้แต่น้อย เธออยากเอ่ยปากถามแต่ก็ยั้งปากเอาไว้เพราะรู้ดีว่าเขาคงจะไม่ตอบอย่างแน่นอน ทันใดนั้นงูยักษ์อาซารีสก็โผล่พรวดเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว โฮโนโอะพาเธอหลบหางที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมนั้นได้อย่างหวุดหวิดขณะที่สีหน้าเนรีวยังคงเค้าเดิม แถมยังแสยะยิ้มเหมือนพอใจอะไรบางอย่าง
ตูมมมมมม!!!
“หลบได้ดีนี่นะ”
ซาคุโระรู้สึกเหมือนได้อยู่กลางวงล้อมของปีศาจ เธอสัมผัสได้ถึงความเหี้ยมเกรียมจากเนรีวและความเหี้ยมเกรียมนั้นก็มีอยู่ในตัวของโฮโนโอะเช่นกัน และในขณะที่ทั้งคู่กำลังท้าทายกันอยู่นั้น เธอก็รู้สึกอึดอัดกลางอกขึ้นมากะทันหัน
“อึก! แค่กๆๆ~…หะ หายใจไม่ค่อยออก”
ซาคุโระไร้เรี่ยวแรงไปโดยปริยาย โชคดีที่โฮโนโอะยังประคองเธอไว้ ชายหนุ่มพยายามที่จะร้องเรียกเธอให้คืนสติ แต่เธอก็ไม่ไหวแถมยังอ่อนแรงลงเรื่อยๆเหมือนคนเป็นอัมพาตกะทันหันยังไงอย่างนั้น
“ได้ยินข้ารึเปล่า ทำใจดีๆเอาไว้นะ!”
“หึๆๆดูท่าทางพิษคงกระจายไปทั่วร่างแล้วสินะ อากาศรอบๆนี้เต็มไปด้วยไอพิษของอสูรและปีศาจ มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถทนหายใจได้นานนักหรอก หึๆๆ เป็นการสังหารถึงขั้ววิญญาณเลยทีเดียว อีกไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็จะ…ตาย!”
เนรีวย้ำคำสุดท้ายด้วยเสียงหนักพลางใช้นิ้วตวัดคอตัวเองประกอบคำพูดให้สมจริง นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการยั่วโมโหฝ่ายตรงข้าม และก็เป็นไปตามคาดเสียด้วย เมื่อโฮโนโอะพุ่งเข้าหาหมายจะตัดคอเจ้าของคำพูดด้วยมือเปล่า ลืมความเยือกเย็นสุขุมไปชั่วขณะ ซึ่งนั่นก็คือโอกาสที่เนรีวรอคอย
“ย้ากกกกกกกก!!!!”
“เห….เกินคาดแฮะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนเดียวจะทำให้คนอย่างเจ้าเดือดพล่านได้ขนาดนี้”
“หนวกหูโว้ย! ตายซะเดี๋ยวนี้เถอะ!”
“ใครกันแน่ที่จะตาย!”
เนรีวยิ้มเยาะพร้อมใช้ฝ่ามืออัดกระแทกสวนกลับ ฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังมารอัดกระแทกเข้ากลางอกโฮโนโอะจนทำให้ร่างทั้งร่างลอยละลิ่วเหมือนนุ่นที่ไร้น้ำหนัก ก่อนที่แผ่นหลังของเขาจะอัดกระแทกเข้ากับผิวขรุขระของต้นไม้ที่อยู่ข้างหลัง
พลั่ก!
“อั๊ก!”
“หึ อ่อนแอกว่าที่คิดอีกนะ”
“โฮโนโอะ! อุ๊บ!...แค่กๆ~”
“ร่างกายคงจะชาไปหมดแล้วสินะเจ้าหญิง เป็นขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาห่วงอสูรอย่างมันอีกรึ”
ซาคุโระรู้สึกเหมือนร่างกายทุกส่วนเป็นอัมพาต ร่างกายหนักอึ้งเหมือนถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน แต่คำว่าอสูรที่ออกมาจากปากเนรีวครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เธอฉุนและไม่คิดที่จะรับฟังฝ่ายเดียว
“หนวกหุน่า! ฉันห่วงใครแล้วหนักกบาลแกนักรึไง แกนั่นแหล่ะที่เป็นอสูรของแท้ อสูรชั้นต่ำไม่มีหัวใจ ไม่สิ ไม่ใช่แค่หัวใจ แค่ลมหายใจก็แทบจะไม่มีกับเขาด้วยซ้ำ แกมันก็คือสัตว์ชั้นต่ำดีๆนี่เอง!!!”
ซาคุโระต่อว่าเนรีวอย่างเอาจริงเอาจัง และมันก็ทำให้คนที่เยือกเย็นอย่างเนรีวเดือดพล่านขึ้นมาได้ ดวงตาสีเหลืองทองแข็งกร้าวหันไปหางูร่างยักษ์เป็นการออกคำสั่งทางสายตาให้มันเข้ามารัดร่างของเธอ
“ปากดีนักนะ”
ฟ่ออ~
“อึ้ก!”
“หึ ทรมานมากใช่ไหมล่ะ”
เนรีวจับจ้องเธอด้วยสายตาอาฆาตพร้อมทั้งยื่นมือเข้ามาบีบคอเธอราวจะให้ขาดใจตายคามือ ซาคุโระรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนขัดขืน ทันใดนั้นแสงวูบวาบก็ส่องสะท้อนและพุ่งเข้ามาทางด้านหลังของเนรีว ก่อนที่มันจะปรากฏเป็นกลุ่มก้อนของเพลิงขนาดย่อม กระแทกหัวอาซารีสอย่างแรง!
ตูมมมมมมมมม!!!
ก๊าซซซซซซซซซซซซซ!!!
อาซารีสดิ้นพล่านอย่างทรมาน มันเผลอเหวี่ยงซาคุโระขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะทุรนทุรายเลื้อยไปตามดิน หญิงสาวหลับตาแน่นเมื่อรู้ว่ากำลังดิ่งพสุธา แต่หลัวจากนั้นไม่นานก็รู้สึกเหมือนใบหน้าได้ซบเข้ากับอกกว้างแทนที่จะเป็นดินหรือหิน
ตุ้บ!
พอเงยหน้าขึ้นมองก้รู้ว่าเป็นโฮโนโอะ ชายหนุ่มประคองเธอไว้ในอ้อมแขนและพาเธอลอยตัวอยู่กลางอากาศ เนรีวจ้องมองอย่างอาฆาตในขณะที่อาซารีสเลื้อยหาน้ำเพื่อดับไฟที่ลุกโชนอยู่บนหัวของมัน ในที่สุดมันก็เลื้อยลงไปในหน้าผาลึก ปล่อยให้เนรีวอยู่ตามลำพัง
“ทำกับทาสของข้าได้แสบนักนะ!”
“รนหาเรื่องเองมันก็ช่วยไม่ได้”
โฮโนโอะตอบเสียงเรียบพร้อมกับดวงตาสีฟ้าที่กลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง ชายหนุ่มพาซาคุโระร่อนลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยแต่เรี่ยวแรงของเธอก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมา
“ชิ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่มีทางเลือก นอกจากจะส่งพวกเจ้าทั้งสองลงนรก!”
ว่าแล้วเนรีวก็ชักดาบออกมาจากผ้าคาดเอว รูปร่างของดาบไม่ได้ต่างไปจากเขี้ยวของอสรพิษเลยแม้แต่น้อย หยดน้ำสีขาวที่หยดจากปลายดาบลงบนพื้นได้หลอมละลายทุกอย่างให้เป็นผงในพริบตา กระทั่งต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆยังละลายและหายไปเพียงชั่วอึดใจ ซาคุโระทรุดลงไปกอง รู้สึกหวาดผวากับภาพที่ปรากฏต่อหน้า ในตอนนี้เธอมองเห็นทุกอย่างเป็นสีเทา เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนใบหน้ามากมายไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ ในขณะที่โฮโนโอะยืนจังก้าท้าทายเหมือนกำลังเจอเรื่องสนุก
“น่าสนุกดีนี่”
“คิดจะต่อกรกับเขี้ยวอสรพิษของข้างั้นรึ ดูท่าอยากจะตายเต็มทีแล้วสิ”
“แล้วใครบอกว่าข้าจะยอมให้เจ้าเล่นอยู่ฝ่ายเดียวกันเล่า”
โฮโนโอะยืนกอดอกประจันหน้าโดยไร้ซึ่งอาวุธในมือ สำหรับอสูรผู้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีอย่างเนรีวแล้ว นี่คือการดูถูกฝีมืออย่างร้ายแรง
“ชักอาวุธของเจ้าออกมา!”
“ข้าไม่มีอาวุธ”
“โกหก!”
“ข้าไม่เคยโกหกเหมือนใครบางคน”
โฮโนโอะเป็นคนที่ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว แต่สำหรับเนรีวมันคือการหลอกด่าทางอ้อม ที่พูดมาทั้งหมดนั้นได้เข้าตัวเขาเต็มๆ และมันก็ทำให้ความเยือกเย็นขาดสะบั้นในทันที
“จะดูถูกกันมากไปแล้ว!”
เนรีวฟาดฟันดาบอย่างบ้าคลั่ง ปลายดาบที่ยืดได้ตามใจเจ้าของได้พุ่งเข้าหาโฮโนโอะอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบได้ ปลายดาบจึงเข้าบดขยี้ต้นไม้และก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆจนแหลกละเอียด
ตูมมมมมมม!!!
“ร้ายกาจจริงๆ ดาบนั่น”
“โฮโนโอะ!...”
“อย่าขยับนะ ซาคุโระ”
“เอ๊ะ!”
“ยิ่งขยับพิษในตัวเจ้าก็ยิ่งกระจายเร็วขึ้น”
“ตะ แต่ว่า…”
“อยากตายรึไง! บอกให้อยู่เฉยๆก็อยู่เฉยๆสิ!”
ซาคุโระได้ลิ้มรสชาติอารมณ์โกรธของโฮโนโอะมาก็มาก แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่รู้สึกเสียววาบเท่ากับครั้งนี้ น้ำเสียงที่จริงจังทำเอาเธอขนลุกไปทั้งตัว เนรีวชักดาบเขี้ยวอสรพิษกลับไปหาตัวก่อนที่จะตวัดมันเข้ามาหาโฮโนโอะด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ชายหนุ่มหลบการโจมตีที่ร้ายกาจนั้นอย่างคล่องแคล่วแต่ความเร็วที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาเริ่มหลบหลีกลำบาก ยิ่งกว่านั้นยังมีซาคุโระที่ต้องปกป้องและกันให้ห่างจากวิถีของอาวุธที่พุ่งเข้าจู่โจม
ตูมมมมมมม!!!
ครืนนนนนนนน~
“ฮ่าๆๆ!!... จะทำยังไงต่อล่ะ ไม่มีทางให้เจ้าหนีได้อีกแล้วล่ะนะ”
“ชิ”
“ตายซะเถอะ เริ่มจากเจ้าก่อนล่ะ! จงกัดกระชาก เขี้ยวอสรพิษดำ!!!”
เนรีวร่ายเวทเสียงดังก้องกังวานไปทั้งป่า ไม่นานดาบอสรพิษในมือเขาก็เปลี่ยนเป็นงูสีดำตัวใหญ่และพุ่งตรงเข้ามาหาซาคุโระที่อ่อนปวกเปียกไม่ต่างจากคนเป็นง่อย งูสีดำน่ากลัวกว่าอาซารีสเลื้อยแหวกอากาศเข้ามาพร้อมกับอ้าปากกว้างให้เห็นเขี้ยวที่อาบโชกด้วยน้ำลายเหนียวยืดน่าสยดสยอง ซาคุโระไร้เรี่ยวแรงจะฝืนจึงได้แต่หลับตาแน่นรอรับเขี้ยวของอสรพิษที่จะเข้ามากัดกระชากแยกร่างของเธอ แต่ในเวลานั้นเสียงของโฮโนโอะก็ดังก้องกังวานสะกิดให้เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“กำแพงวารีเจ็ดชั้น!!!”
ตูมมมมมมมมม!!!!
โฮโนโอะยืนอยู่ตรงหน้ากั้นระหว่างเธอกับงูยักษ์สีดำที่กำลังเลื้อยเข้ามาหา มือของเขาข้างหนึ่งยกขึ้นระดับเดียวกับสายตา พอร่ายเวทเพียงไม่กี่คำน้ำจำนวนมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา กลายเป็นกำแพงที่ทั้งสูงและหนาแน่น ต้านแรงโจมตีและทำลายงูเวทมนตร์ของเนรีวก่อนที่จะหายไปกับธาตุอากาศเมื่อหมดหน้าที่
ซาคุโระใจเต้นแทบทะลักออกมาข้างนอก เธอมองเห็นแค่แผ่นหลังของเขาเท่านั้น และไม่มีคำพูดใดๆที่ออกมาจากปากของเขาแม้แต่คำเดียว พอละสายตาไปมองที่เนรีวก็ได้เห็นสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกได้ถึงความตกใจและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
“เจ้า!...เป็นอสูรธาตุไฟทำไมถึงบังคับน้ำได้ ทำไมกัน! เหมือนกับท่านผู้นั้น…เจ้าเป็นใครกันแน่ โฮโนโอะ!”
“จะไปรู้เหรอ” โฮโนโอะตอบด้วยท่าทางซื่อๆ
“ว่าไงนะ!”
“แต่ถึงจะรู้ ข้าก็ไม่คิดบอกเจ้าอยู่แล้ว เนรีว”
“ยอกย้อนเก่งนักนะ”
ท่าทางของเนรีวโกรธจนแสดงอาการออกมาชัดเจน คำถามของเนรีวเมื่อครู่ทำให้ซาคุโระสงสัยขึ้นมาด้วยเหมือนกัน ใครต่อใครบอกว่าโฮโนโอะเป็นอสูรและยังเป็นอสูรธาตุไฟด้วย แต่ทำไมเขาถึงมีพลังที่บังคับน้ำได้ล่ะ เขาเป็นใครกันแน่ นอกจากเป็นอสูรกึ่งเทพและทายาทของราชันย์ผู้ใช้ไฟ เป็นพี่ชายของมิราอิกับฟุยูกิ แล้วเขายังมีอะไรอีกที่ยังไม่ได้บอกให้เธอหรือใครต่อใครรู้
“โฮโนโอะ…นายเป็นใครกันแน่” แน่นอนว่าคำพูดนั้นเบาเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะได้ยิน
“ชิ บอกไปก็ไม่อยากรู้หรอก ยังไงซะเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี!”
เนรีวใช้เวทจู่โจมเข้าอย่างงไม่เปิดโอกาส แต่คราวนี้โฮโนโอะไม่คิดที่จะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว เขาหลับตาลงพร้อมทั้งปากขมุบขมิบร่ายเวทบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่นานลูกไฟสีแดงสุกใสก็ปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือ ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าไปปะทะกับพลังโจมตีของเนรีวอย่างสูสี
ตูมมมม!
ซาคุโระเริ่มรู้สึกว่าร่างกายทุกส่วนเป็นอัมพาต เธอมองโฮโนโอะได้เพียงแผ่นหลังของเขา ในขณะที่พลังทั้งสองขั้วเข้าปะทะกันพร้อมกับเจ้าของพลังที่ประมือกันด้วยดาบ ท่วงท่าของเนรีวดูจะเป็นคนที่ใช้ดาบได้ช่ำชองกว่าโฮโนโอะหลายเท่า ภาระตกมาที่โฮโนโอะซึ่งรับมากกว่ารุก
“หึ ดูท่าว่าเชิงดาบของเจ้าจะอ่อนเสียยิ่งกว่าเด็กด้วยซ้ำนะ เจ้าหนู”
“หนวกหู”
“ข้าขี้เกียจเล่นไร้สาระกับเด็กที่เพิ่งจับดาบเช่นเจ้าเต็มทีแล้ว จบกันแค่นี้ดีกว่า…จบโดยที่ข้าเป็นฝ่ายชนะ!!”
“แย่แล้ว!”
“จงตื่นขึ้นมากระชากเหยื่อซะ พญางูขาวแห่งห้วงหิมะโลหิต!!!”
ทันทีที่ร่ายเวทจบดาบในมือเนรีวก็กลายเป็นพายุอันบ้าคลั่ง ราวกับร่างของงูสีขาวขนาดมหึมาที่โผล่ขึ้นมาจากพายุสีแดงฉานดุจโลหิต โฮโนโอะเตรียมตั้งรับเต็มกำลังเมื่อมองเห็นช่องโหว่ แต่ความตั้งใจของเขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อวิถีทางของมันไม่ได้พุ่งตรงมาเล่นงานเขา แต่มันกลับพุ่งเข้าหาผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังของเขาแทน!
“อะไรกัน!!”
“หึ เสียใจด้วยนะ เป้าหมายของมันไม่ใช่เจ้า แต่เป็นเทพธิดาสีเงินนั่นต่างหาก!”
เนรีวยิ้มเหยียดอย่างผู้ชนะ ขณะที่พายุอสรพิษนั้นกำลังเข้ามาเพื่อจะกลืนกินซาคุโระเหหมือนงูที่กำลังจะงับเหยื่อ หญิงสาวไม่สามารถมองเห็นสิ่งรอบตัวนอกจากดวงตาของอสรพิษที่กำลังคืบคลานเข้ามาหา ร่างกายของเธอด้านชามากขึ้นไม่เหลือกระทั่งเสียงที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา ภาพสุดท้ายที่เห็นคือเขี้ยวอันแหลมคมพร้อมกับเสียงหวีดร้องของมันที่สะท้านไปถึงขั้วหัวใจ แต่ท่ามกลางเสียงเหล่านั้นก็ยังมีเสียงอีกเสียงที่แทรกเข้ามา เสียงนั้นคือเสียงที่ร้องเรียกชื่อของเธออย่างตื่นกลัว
“ซาคุโระ!”
กร้วมมมม!!!~
เพียงไม่นานที่ความมืดมิดเข้ามาเยือนพร้อมกับเสียงขย้ำเหยื่อที่หยุดลง ซาคุโระค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และสิ่งที่เธอได้เห็นก็ทำให้เธอแทบผงะ
“ฮะ โฮโนะโอะ!”
“อ๊อก!”
อสรพิษที่ดุร้ายพุ่งเข้าหาเธอหมายจะกัดกระชากตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่มันก็พลาดเมื่อโฮโนโอะได้เข้ามาและใช้ร่างตัวเองเป็นที่รองรับเขี้ยวอันแหลมคมนั้นแทน เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากหัวไหล่ทั้งสองข้างและอาบชโลมลงบนแผ่นหลัง ทั้งยังพุ่งออกมาทางปากทันทีที่เขาไอ ซาคุโระรู้สึกสะอิดสะเอียนอยากอาเจียนแต่ก็ยังพยายามรวบรวมความกล้าและกำลังที่เหลือประคองร่างโชกเลือดของชายหนุ่ม
“โฮโนโอะ!...โฮโนโอะ!!”
“ไม่มีประโยชน์”
น้ำเสียงเย็นเยียบแทรกเข้ามาสะกดหัวใจให้หยุดเต้นไปเสี้ยวนาทีหนึ่ง ซาคุโระหันไปมองทางต้นตอของเสียงพร้อมทั้งรวบตัวโฮโนโอะเข้าไปกอดเอาไว้แน่น สายตาแข็งกร้าวจ้องมองเนรีวที่กำลังสาวเท้าเดินเข้าหาด้วยสีหน้าเรียบสนิท
“พลาดไปหรอกรึ เหลือเชื่อจริงๆ อสูรอย่างมันปกป้องคนอื่นเป็นด้วยหรือนี่แถมยัง…ปกป้องคนที่มันรู้ว่าจะกำจัดมันในอนาคต”
“หยุดนะ”
“ไม่พอใจรึ…ยอมรับซะเถอะ อสูรยังไงก็หนีชาติกำเนิดตัวเองไม่พ้นหรอก”
“แต่อย่างน้อยโฮโนโอะก็ไม่ได้เลวทรามอย่าพวกแกหรอก!”
ซาคุโระสวนกลับด้วยความฉุนสุดขีด ลืมแม้กระทั่งความกลัวที่อยู่ในหัว เนรีวจ้องมองเธอด้วยสายตาอาฆาต แต่เพียงไม่นานก็เปลี่ยนมายิ้มแย้มอย่างน่ากลัว
“อย่างงั้นรึ…นั่นสิ เจ้านั่นเป็นอสูรกึ่งเทพนี่นะ น่าสมเพชจริงๆ ไม่มีแม้กระทั่งเลือดเนื้อที่แท้จริงของตัวเอง”
“แล้วยังไงล่ะ ไม่เห็นสนเลยซักนิด!”
“ว่าไงนะ”
“ฉันไม่สนหรอกว่าโฮโนโอะจะเป็นใครมาจากไหน อย่างน้อยเขาก็มีความจริงใจมากกว่าอสูรที่มีเลือดเนื้อเป็นของตัวเองอย่างพวกแก เป็นครึ่งอสูรแล้วไงล่ะ ไม่เห็นต้องไปสนใจเลย!”
“งั้นเหรอ หึ จะพูดยังไงก็เชิญ ยังไงซะเจ้าก็ต้องตาย ตอนนี้มันคงไม่มีปัญญาลุกขึ้นมาปกป้องเจ้าอีกแล้ว…เทพธิดาสีเงิน”
เนรีวพูดพร้อมจรดปลายดาบเข้าที่ปลายคางของซาคุโระ ความกลัวเริ่มกลับมาครอบงำจิตใจอีกครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมคลายวงแขนที่กอดโฮโนโอะเอาไว้และหลับตาลงเหมือนยอมรับชะตากรรมพร้อมกับความคิดที่ว่าคงจะมาได้เพียงเท่านี้จริงๆ แต่ในระหว่างนั้นก็รู้สึกเหมือนคนที่อยู่ในอ้อมกอดจะขยับเขยื้อน และพอลืมตาขึ้นองก็ต้องเบิกตาค้างชะงักไปอีกหน เมื่อเห็นปลายดาบของเนรีวหักเป็นสองท่อนเพราะน้ำมือของโฮโนโอะ
ครึ่ก~ เคร้ง!
“ดาบของเจ้ามันเปราะจริงๆเลยว่ะ เนรีว”
“ยังไม่ตายอีกรึ!!!”
เนรีวรีบตีตัวออกห่างหลายเมตร ก่อนที่จะถูกอาวุธของตัวเองย้อนกลับมาเล่นงาน ปลายดาบหักเป็นสองท่อนลอยแหวกอากาศเข้ามาหาและเฉี่ยวแก้มของอสูรหนุ่มไปแบบเฉียดๆ ซาคุโระคลายวงแขนออกอย่างว่าง่าย เพราะถึงอยากรั้งก็รั้งไม่ไหว
“โฮโนโอะ”
“โทษที เผลอหลับไป แต่ตอนนี้ข้าตื่นแล้ว”
ซาคุโระไม่มีคำพูดใดจะเอื้อนเอ่ย ลำพังเสียงของเธอก็แทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว ตอนที่ตะโกนด่าเนรีวไปเป็นชุดก็ทำให้คอของเธอเริ่มแห้งผากจนแทบกลายเป็นผง
“รอก่อนนะ ข้าจะเอาเลือดของมันมาถอนพิษให้เจ้าเอง”
“หือ ทำได้รึ”
เป๊าะ!
เนรีวดีดนิ้วดังพอที่จะให้อีกฝ่ายได้ยิน และทันใดนั้นเอง งูยักษ์อาซารีสที่หายไปนานก็โผล่ขึ้นมาจากหน้าผา และใช้หางที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมฟาดลงระหว่างโฮโนโอะกับซาคุโระ
ตูมมมมมมม!!!!
“อั๊ก!”
แรงมหาศาลของอาซารีสทำให้แผ่นดินแตกกระจายเป็นหลุมใหญ่ โฮโนโอะถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปคนละทางกับซาคุโระ และนี่ก็คือโอกาสที่เนรีวรอคอยมานาน
“ทำได้ดีมาก อาซารีส”
“หนอย~เจ้างูบ้านั่นอีกแล้วเหรอ!”
“หึๆๆ ก่อนอื่นต้องกำจัดตัวยุ่งอย่างเจ้าซะก่อน เจ้าอสูรกึ่งเทพ!”
“อย่าฝันหวานให้มันมากนัก!... คลื่นน้ำเจ็ดสวรรค์!!!”
ตูมมมมม!!!
โฮโนโอะใช้พลังน้ำโจมตีเนรีวอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ทำให้เนรีวแค่สำลักเล็กน้อยเท่านั้น
“แค่กๆ…ฝีมือดีนี่ แต่ก็น่าเสียดาย พลังเดิมๆใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก!”
“ชิ!”
“ปิดฉากกันซะทีเจ้าลูกอสูรกึ่งเทพ!”
“ไม่นะ! โฮโนโอะ!!!”
ซาคุโระพยายามฝืนเปล่งเสียแผ่วเบาร้องเรียกชายหนุ่มที่อยู่ไกลออกไปจากเธอมาก ชายหนุ่มถูกโจมตีรอบด้าน ทั้งเนรีวและงูยักษ์อาซารีสต่างก็เล่นงานเขาอย่างไร้ความปราณี
ตูมมมม!!!
แรงระเบิดกินบริเวณนั้นจนโล่งเตียน ม่านควันบดบังทุกสิ่งทุกอย่าง ซาคุโระมองผ่านม่านน้ำตาที่ขึ้นมาคลอเบ้าอย่างเลื่อนลอย แต่ในระหว่างที่ความโศกเศร้าจะเข้ามากลืนกินทั้งหมด มือเรียวยาวขาวซีดก็โผล่ออกมาจากม่านควันนั้น และเข้ามาบีบคอระหงของเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
หมับ!
“อะ อึ้ก!!”
“การต่อสู้ไร้ความหมายได้จบลงแล้ว เทพธิดาสีเงิน…ต่อไปก็จัดการเจ้าเท่านี้ก็จบ”
เนรีวพูดพร้อมทั้งออกแรงบีบคอซาคุโระให้แน่นเข้าราวกับจะให้ขาดคามือ ก่อนที่จะหย่อนร่างเธอลงไปในหน้าผา เท้าทั้งสองข้างกวัดแกว่งไปมา ข้างล่างนั้นไม่ใช่พื้นดิน แต่เป็นหุบเหวที่ทั้งมืดและลึกสุดหยั่ง ทว่ามือขาวซีดของอสูรผู้เหี้ยมโหดนี้ปล่อยจากคอของเธอเมื่อไหร่ ร่างของเธอก็คงต้องตกลงไปเมื่อนั้น
‘นี่เราต้องมาตายอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ จะกลับบ้านไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ…แบบนี้ไม่เอานะ ไม่เอา!’

อีกฟากหนึ่งของหุบเขาอันซับซ้อน ที่ลานกว้างของหมู่บ้านจอมปลอม การรักษายังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน ลีอาใช้พลังของตัวเองรักษามิราอิที่บาดเจ็บ ส่วนฟุยูกิยังคงนอนนิ่งและคงจะใกล้เวลาที่เขาต้องลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว
“อีกไม่นานแล้วสินะ เมฆสีดำ…กำลังจะหายไป”
เด็กหญิงพึมพำพลางมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสลับกับมองฟุยูกิที่กำลังขยับเขยื้อนเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ม่านตาของเด็กหนุ่มเปิดกว้างและเหม่อมองขึ้นไปยังกลุ่มดาวเลือนรางบนท้องฟ้าโดยมีสายตาของเด็กน้อยคอยจับจ้องการเปลี่ยนแปลงของเขาอย่างไม่วางตา ในขณะที่เฆสีดำกำลังลอยห่างออกไปจากแสงอันเลือนรางของดวงจันทร์นั้นเรื่อยๆ
ตึก…. ตึก~ ตึก!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา