พ่ายรักเมียเก็บ

-

เขียนโดย Annakan

วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.33 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,716 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 09.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอน 2-5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 ความบังเอิญครั้งที่สอง

          เข้าเดือนที่สี่แล้วที่อ้อยออกตระเวนหางาน เธอไปสมัครด้วยตัวเองตามบริษัทและส่งประวัติการศึกษาไปตามอีเมลไม่รู้กี่ที่ต่อกี่ที่แต่ทุกอย่างก็ยังเงียบกริบไม่มีแม้แต่บริษัทเดียวที่ติดต่อกลับมาให้เธอเข้าไปสอบสัมภาษณ์และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอเดินตะลุยไปตามย่านธุรกิจ เธอไม่ได้เรียกว่าตกงานซะทีเดียวแต่เธอไม่อยากต๊อกต๋อยเป็นเด็กเสิร์ฟแบบนี้ไปตลอดเธออยากทำงานตามสายที่เรียนมานั่นคือด้านโฆษณา

          “สวัสดีค่ะ มาสมัครงานค่ะ” อ้อยเดินเข้าไปที่สำนักงานแห่งนึงด้านหน้าติดป้ายว่ารับสมัครครีเอทีฟ

          “กรอกใบสมัครเลยค่ะ” อ้อยรับกระดาษมากรอกด้วยความรวดเร็วเพราะเธอกรอกมาไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้ว ชื่อ นามสกุล อายุ วันเกิด ประวัติการศึกษา ความสามารถพิเศษ

          “ดิฉันพร้อมเริ่มงานได้ทันทีเลยนะคะ” อ้อยยื่นใบสมัครให้แล้วบอกด้วยความกระตือรือร้น

          “ค่ะ ไว้จะติดต่อไปนะคะ” พนักงานรับกระดาษมาโยนเข้าตะกร้าแบบไม่ใส่ใจ แค่นี้อ้อยก็รู้แล้วว่าเธอจะไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากบริษัทนี้

          “เฮ้อ อ้อยเอ๊ยแกจะเดินเตะฝุ่นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน” เด็กสาวนั่งพักเหนื่อยที่ป้ายรถเมล์และดูดน้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบเพื่อบรรเทาความร้อน

          “ว๊าย” เธอเผลอทำเหรียญสิบหล่นพื้นแล้วมันก็กลิ้งไปบนถนน

          “เอี๊ยด” รถหรูสีดำเบรกดังลั่นเพราะอยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนึงวิ่งทะเล่อทะล่ามากลางถนน

          “อยากตายรึไง” คนขับลดกระจกลงมาตะโกนใส่หน้าเธอ แค่แว่บเดียวเธอก็เห็นว่าเขาหล่อเหลาเหมือนนายแบบกลิ่นหอมฟุ้งจากในรถลอยมาเตะจมูกพร้อมกับแอร์เย็นฉ่ำ

          “ขะ ขอโทษค่ะ” อ้อยกำเหรียญสิบไว้แน่นเงินแค่สิบบาทมันมีค่ากับเธอมาก คนรวยแบบเขาไม่มีวันเข้าใจหรอก

          “บรื๊น” รถคันงามขับออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้เด็กสาวเวทนาในชะตากรรมของตัวเองต่อไป

 

          “โอนเงินห้าร้อยค่ะ” เดือนๆ นึง เธอต้องโอนเงินให้พ่อเกือบห้าพัน ถ้ามีเธอก็ไม่เคยอิดออดเพราะยังไงพ่อก็คือพ่อแต่วันนี้เธอให้ได้แค่ห้าร้อยเพราะมีเงินเหลือติดตัวแค่สองพันเท่านั้นและอีกสิบสองวันกว่าเงินเดือนจะออกเมื่อทำธุรกรรมเสร็จเธอก็นั่งจดบันทึกอย่างละเอียดว่าภายในงบหนึ่งพันห้าร้อยบาทเธอจะใช้ทำอะไรบ้าง

          “ค่ารถ” เงินสี่ร้อยบาทถูกแยกออกมา เธอไม่ค่อยชอบใช้บริการรถเมล์ฟรีเพราะมันจะแน่นเอี๊ยดทุกครั้งเวลาโดยสารทำให้ตัวมีแต่เหงื่อ พนักงานบริการแบบเธอจะไปทำงานด้วยตัวเหม็นๆ แบบนั้นคงไม่ดีและที่สำคัญสโลแกนของมันก็คือรถเมล์ฟรีวิ่งหนีประชาชนคันที่ว่างมักจะวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

          “ค่าข้าวเช้า” เงินสามร้อยหกสิบบาทถูกแยกไปใส่อีกช่องของกระเป๋า

          “เจ็ดร้อยสี่สิบ” อ้อยนับเงินแล้วก็ท้อแท้ใจเงินเจ็ดร้อยกว่าบาทเธอต้องแบ่งใช้ให้พอสำหรับข้าวอีกมื้อและยังไม่รวมกรณีฉุกเฉินที่รถเมล์ร้อนไม่มาเธอก็ต้องขึ้นรถปรับอากาศส่วนแท็กซี่ไม่ต้องฝันเธอไม่เคยขึ้นอยู่แล้วเพราะมันแพงเกินไป                                                                    

          “กินที่ร้านเยอะๆ ไปเลยแล้วกัน” อ้อยบอกตัวเองเพราะเธอได้อาหารหนึ่งมื้อฟรีในวันที่มาทำงาน

          เจนีซกับเลโอนาร์ดก็มาทำธุรกรรมการเงินเหมือนกันและทั้งสองเห็นทุกการกระทำของเด็กสาวที่จดบันทึกรายการและนับเงินแยกใส่ไว้ตามช่องกระเป๋าอย่างเรียบร้อย ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเงินนั่นคือก้อนสุดท้ายของเดือนนี้แน่นอน

          “ทำปากกาตกสิคุณ” เจนีซบอกสามี ทั้งคู่นั่งลงข้างๆ เด็กสาวแต่เธอไม่สนใจเลยเพราะกำลังพะวงกับการนับเงิน

          “ขอโทษครับ” เลโอนาร์ดแกล้งทำท่าตกใจเมื่อปากกาเล่มสวยร่วงไปที่พื้นตรงเท้าของเด็กสาวแบบพอดิบพอดี

          “นี่ค่ะ อ้าว คุณนั่นเอง” อ้อยหยิบปากกาส่งคืนให้เจ้าของ

          “บังเอิญจังเลยนะจ๊ะ” เจนีซส่งยิ้มไปให้เด็กสาว

          “ค่ะ” อ้อยฝืนยิ้มกลับไปเธอยังคงกังวลว่าจะอยู่ยังไงให้รอดไปจนถึงสิ้นเดือน เงินที่แยกมาทั้งหมดไม่ได้รวมค่าเดินทางวันที่ออกไปหางานสงสัยว่าเดือนนี้เธอคงต้องหยุดการสมัครงานไปก่อนรอเงินออกแล้วค่อยว่ากันใหม่

          “หนูขอตัวก่อนนะคะใกล้เวลาเข้างานแล้ว สวัสดีค่ะ” อ้อยลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้ทั้งคู่

          “อยากไปดื่มชาไหมครับคุณผู้หญิง” เลโอนาร์ดแกล้งถามภรรยา

          “รู้ใจจริงๆ เชียว” สามีภรรยาเดินคล้องแขนกันไป

          เลโอนาร์ดกับเจนีซมีลูกชายคนเดียวชื่อว่าลอเรนโซหลายสิบปีก่อนลอเรนโซแต่งงานกับผู้หญิงคนนึงที่ดีพร้อมและมีหลานมาให้ทั้งคู่อุ้มมีชื่อว่าลูเซียโน่ เด็กชายน่ารักและเป็นดั่งเทวดาประจำบ้านปู่กับย่าหลงหลานอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้และแน่นอนว่าพ่อกับแม่ก็รักลูก้าน้อยหมดหัวใจ

          แต่ความสุขก็ไม่จีรังวันนึงลอเรนโซกับคาริสม่านำลูก้าน้อยมาฝากปู่กับย่าเพราะทั้งคู่มีงานเลี้ยงช่วงหัวค่ำแต่สองสามีภรรยาหนุ่มสาวก็ไปไม่ถึงงานเพราะประสบอุบัติเหตุซะก่อนตั้งแต่วันนั้นลูก้าน้อยก็เหลือเพียงปู่กับย่า เลโอนาร์ดกับเจนีซใจสลายที่ต้องมาเสียลูกชายและลูกสะใภ้ไป ส่วนลูก้าน้อยร้องไห้จนหมดสติเมื่อปู่กับย่าบอกว่าปาป๊ากับมามี้จะไม่กลับมาอีกแล้ว

          “สวัสดีจ้ะ” เจนีซดีใจมากที่หนูอ้อยมารับออเดอร์ เธอกับสามีมาที่ร้านหลายครั้งแล้วแต่ไม่เจอเด็กสาวเลย

          “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”

          “เราทานข้าวมาแล้ววันนี้ขอแค่เครื่องดื่มแล้วกัน เอาเหมือนเมื่อวันก่อนเลยจ้ะ” เจนีซลองใจว่าเด็กสาวจะจำได้ไหมว่าเธอชอบดื่มอะไร

          “ของคุณผู้หญิงชาเปปเปอร์มิ้นท์ส่วนของคุณผู้ชายกาแฟดำ ถูกต้องไหมคะ” อ้อยทวนรายการให้ลูกค้าฟัง

          “ถูกต้องจ้ะหนูเก่งจังเลยนะจำเมนูโปรดลูกค้าได้ด้วย”

          “ขอบคุณค่ะ รอสักครู่นะคะ” ระหว่างรอเครื่องดื่มเจนีซก็มองเด็กสาวด้วยความชื่นชม เธอขยันคล่องแคล่วและเบิกบานสดใสผิดกับเมื่อสิบนาทีก่อนในธนาคารแบบลิบลับเธอช่างเข้มแข็งและอ่อนโยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

          “หนูอ้อยจ๊ะ พอดีว่าฉันสงสัยเรื่องไวน์ในเมนูหนูช่วยเรียกผู้จัดการให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ” เจนีซบอกเมื่อเด็กสาวนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ

          “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

          “สวัสดีครับคุณผู้หญิง มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” สกล ผู้จัดการร้านเดินโปรยยิ้มมาแต่ไกลทั้งที่ในใจหวั่นว่าจะโดนตำหนิเรื่องอะไรสักอย่าง

          “เชิญนั่งครับ” เลโอนาร์ดเชื้อเชิญ เขาไม่รู้ว่าภรรยาคิดจะทำอะไร

          “ขอบคุณครับ” สกล ยิ่งเกร็งหนักเข้าไปอีกสงสัยโดนชุดใหญ่แน่

          “ฉันพอใจกับอาหารร้านคุณมากค่ะ” เจนีซกล่าวแล้วยิ้มหวานให้

          “คะ ครับขอบคุณครับ”

          “แต่…” เจนีซเว้นช่องว่างไว้ให้ลุ้น

          “แต่อะไรครับคุณผู้หญิง” สกลใจตกไปที่ตาตุ่มอีกครั้ง

          “แต่ฉันชอบบริการจากพนักงานของคุณมากกว่า” เธอกล่าวแล้วยิ้มหวานอีกครั้ง

          “อ้อ คะ ครับ”

          “คุณว่าไหมคะต่อให้อาหารจะอร่อยแค่ไหนถ้าพนักงานบริการไม่ดีมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร”

          “จริงครับ”

          “พนักงานในร้านนี้ทุกคนมนุษยสัมพันธ์ดีมากค่ะ กิริยาน่ารักสุภาพทุกคน แต่…” สกลใกล้จะหัวใจวายตายอยู่แล้ว

          “ยกเว้นสองคนนั้น” เจนีซชี้ไปทางจุ๊บแจงกับอ้อย

          “คนนั้น ไม่น่ามาทำงานบริการพูดไม่เพราะและชอบรังแกรุ่นน้อง” เจนีซพูดถึงจุ๊บแจง

          “ส่วนคนที่ผมยาวประบ่าเธอน่ารักมาก สุภาพเรียบร้อยแถมจำเมนูโปรดลูกค้าได้ด้วย”

          “ขอบคุณมากครับ”

          “นี่คือทิปรวมสำหรับทุกคนในร้าน” เจนีซยื่นเงินให้ผู้จัดการร้านสามพันบาท

          “ส่วนนี่ของหนูอ้อยคนเดียว ทุกครั้งที่ฉันมาฉันขอแค่หนูอ้อยเท่านั้นคงไม่ลำบากเกินไปนะคะ”

          “ด้วยความยินดีครับคุณผู้หญิง”

          “ดิฉันขอรบกวนคุณเท่านี้ค่ะ ชาร้านคุณหอมมาก” เจนีซบอกแล้วยกชาหอมกรุ่นขึ้นมาจิบ เลโอนาร์ดได้แต่อมยิ้มให้ภรรยาจอมวางแผน

 

 

ตอนที่ 3 ลูเซียโน่

        “ไฮ ลูค” หญิงสาวทรงสะบึมทักทายชายหนุ่มด้วยการจูบแก้ม

          “ไฮ ดอนน่า” ลูเซียโน่จูบกลับแบบขอไปที

          “ทำไมหน้ายุ่งแบบนั้นคะดาร์ลิ้ง” ดอนน่าเชยคางของพ่อรูปหล่อขึ้นมา

          “เมื่อกี้เกือบชนคนตาย อยู่ดีไม่ว่าดีวิ่งมากลางถนนสงสัยกะให้ชนแล้วเรียกร้องค่าเสียหาย” ลูเซียโน่ยังคงสลัดความหงุดหงิดไปจากใจไม่ได้ อะไรดลใจให้ยัยเด็กคนนั้นวิ่งมาตัดหน้ารถถ้าเขาเบรคช้าอีกนิดเดียวยัยเปี๊ยกนั่นแบนเป็นกล้วยทอดแน่     

          “แล้วมาพาลใส่ดอนน่าแบบนี้หรอ” แม่สาวทรงโตทำหน้างอ

          “เปล่าจ้ะ ไหนดูสิถ้าทำแบบนี้จะหายงอนไหม” ท่อนแขนแข็งแกร่งของชายหนุ่มร่างโตฉุดให้ร่างอ้อนแอ้นนั่งบนตัก จมูกโด่งซุกไซ้ไปตามซอกคอเขาได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงแล้วก็พาให้อารมณ์เตลิดเปิดเปิง

          “อืม ลูค” จากนั่งหันข้างแม่สาวคนสวยก็เปลี่ยนมานั่งประกบหน้าชายหนุ่มรูปหล่อ เธอหลงใหลทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าคมเข้ม ร่างกายกำยำ เกมรักอันหนักหน่วงและที่สำคัญเงินของเขาก็หนักไม่ต่างกับเกมสวาทไม่ว่าอะไรที่เอ่ยปากขอจะมากองตรงหน้าแทบจะในทันที

          “ลูค อย่าสิคะ” เรียวปากสีแดงสดร้องห้ามแต่กลับแอ่นอกสู้กับริมฝีปากร้อนๆ ที่กำลังขบเม้มต่ำลงมาเรื่อยๆ

          “ห้ามแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้” ลูเซียโน่สอดนิ้วเข้าไปในร่องรักอุ่นๆ ที่กลางกายของหญิงสาว

          “คนใจร้าย” หญิงสาวทุบไปที่อกคนตัวโตแล้วแสร้งทำเป็นเขินอาย ผู้ชายต่อให้ชอบความเร่าร้อนขนาดไหนแต่ลึกๆ ก็โหยหาความไร้เดียงสาและขวยเขิน เธอเป็นให้เขาได้หมดจะเร่าร้อนหรือไม่ประสาขอให้ได้เงินและสุขสบายแบบนี้ไปตลอดชีวิตเธอทำได้ทุกอย่าง

          “วันนี้คุณสวยจังดอนน่า” ปากกระซิบคำหวานส่วนมือยังคงรุกล้ำอยู่ในของสงวนส่วนตัวของหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่ง

          “แถมเยิ้มสุดๆ” ลูเซียโน่ยิ้มกริ่มกับความเปียกลื่นในหลืบอุ่นๆ

          “คนบ้า” อกแกร่งโดนทุบอีกที

          เขาใช้เพียงมือเดียวกระตุกตะขอเสื้อในของเธอให้หลุดออกจากกันเสื้อตัวสวยถูกรั้งลงมากองที่เอว ทั้งคู่อยู่ในห้องทำงานของชายหนุ่มเป็นอันรู้กันว่าถ้าเธอเข้ามาในห้องนี้นั่นคือห้ามใครรบกวนเด็ดขาด

          “อ๊า ลูค” ดอนน่าเกาะไหล่เขาไว้แน่น นิ้วร้ายกาจยังคงชักเข้าชักออกไม่หยุดส่วนอีกมือก็กอบโกยทรวงงามของเธอ

          “หายงอนรึยังคนสวย”

          “ยัง”

          “โอเคครับผมจะง้อให้หนักกว่าเดิม” ลูเซียโน่รูดซิปกางเกงแล้วคว้าถุงยางจากในลิ้นชักมาใส่ให้อาวุธคู่กาย

          “นั่งตรงนี้นะครับ ผมจะได้ง้อถนัด” เขาวางเธอบนโต๊ะทำงานแล้วจับขาเรียวยาวให้ตั้งชันขึ้นมา สะโพกสอบกระแทกเข้าไปที่กลางลำตัวของหญิงสาวเต็มแรง

          “อู๊วว ลูค” ดอนน่าครางด้วยความพึงใจ สิ่งที่ใหญ่กว่าเงินก็อาวุธของเขานี่แหละการได้เสพสมกับเขามันทำให้เธอล่องลอยดั่งอยู่บนสรวงสรรค์ทุกครั้ง ลูคทั้งอึดทั้งทนแถมลีลายังเร้าใจแบบไม่มีใครเทียบได้

          “พั่บๆๆๆ” เสียงเนื้อกระแทกกันดั่งลั่นห้องทำงาน ชายหนุ่มบดขยี้ท่อนเนื้อเข้าใส่หญิงสาวอย่างไม่ปราณีเขาทั้งอัดทั้งควงหมุนวนไปมาเพื่อสร้างความสยิวที่แตกต่างกันส่วนนิ้วก็บดบี้ติ่งเนื้อแดงตรงรอยแยก

          “อ๊ะ อู๊ว ลูค” ดอนน่าใกล้จะพ่ายแพ้เต็มที เธอค่อยๆ นอนราบไปบนโต๊ะแล้วปล่อยให้เขากระหน่ำเอวเข้ามา เธอนอนลงเพื่อรอรับจุดสุดยอดที่เขากำลังจะมอบให้

          “ลูค” ช่องรักอุ่นๆ ตอดกระตุกเจ้าท่อนเนื้อจนปวดหนึบเขาเร่งสะโพกให้เร็วขึ้น มือขยำขยี้ไปที่ทรวงอกแล้วบี้หัวนมสีแดงของเธอ ดอนน่าเพ้อเรียกชื่อของเขาแล้วร่างบางๆ ก็กระตุกสั่น

          “ลูค ดาร์ลิ้งค์” เขาซบหน้าหล่อเหลาไว้บนอกอวบ ลิ้นสากๆ กำลังเลียตวัดยอดอก

          “อ๊า ลูค” ดอนน่าตั้งขาเรียวยาวไว้กับโต๊ะอีกครั้ง

          “ผมจะเสร็จแล้วดอนน่า” ลูเซียโน่เปลี่ยนจังหวะการตอกอัดให้ช้าลง

          “ซ่วบ..ซ่วบ…ซ่วบ” สามครั้งสุดท้ายที่ท่อนเนื้อขนาดใหญ่เสียบเข้าไปจนสุด

          “ซี๊ดดด” แล้วลูเซียโน่ก็ปล่อยน้ำขาวข้นจนเต็มถุงยาง สองร่างที่เปลือยกายแบบครึ่งๆ กลางๆ นอนพังพาบกอดกันอยู่บนโต๊ะอีกครู่ใหญ่

          “วันนี้ผมไม่เข้าออฟฟิศแล้วนะ” ลูเซียโน่ควงแขนดอนน่าออกมาจากห้องทำงานเขาแวะบอกเลขาแล้วพาคู่ควงออกไปหาอะไรกิน

          “อยากทานอะไรครับดอนน่า” ลูเซียโน่ถามหญิงสาวข้างกาย

          “ดอนน่าอยากทานอาหารอิตาลี่ค่ะ”

          “ได้ตามคำบัญชาครับคุณผู้หญิง” เขาจับมือของเธอมาจูบแล้วออกรถ ทั้งคู่ทานข้าวแล้วก็แน่นอนที่ดอนน่าต้องลากชายหนุ่มเข้าร้านเสื้อผ้า ลูเซียโน่นั่งรอด้วยความเคยชินผู้หญิงทุกคนบนโลกบ้าเครื่องแต่งกายเหมือนกันหมดไม่ว่ากี่คนที่ควงพอผ่านร้านแบบนี้ก็เหมือนโดนแม่เหล็กดูดเข้าไป

          “ขอโทษนะคะดาร์ลิ้งค์ คอยนานเลย” ดอนน่าแกล้งทำท่าเสียใจ วันนี้เธอได้มาเกือบสิบชุด

          “ไม่เป็นไรครับไว้คืนนี้ไถ่โทษให้ก็พอ” ลูเซียโน่กระซิบที่ข้างหูของเธอ

          “ด้วยความยินดีค่ะสุดหล่อ”

          ลูเซียโน่ จิโอวาน่า นักธุรกิจหนุ่มรูปงามแต่กำพร้าพ่อแม่เขาเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของปู่กับย่าถึงท่านทั้งสองจะรักและเอ็นดูเขาขนาดไหนแต่มันก็ทดแทนความรักจากบิดามารดาผู้ให้กำเนิดไม่ได้ อาจเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้ชายหนุ่มโหยหาความรักเหลือเกินแต่น่าเศร้าใจนักที่เขาแยกความรักกับความใคร่ไม่ออก

          ชายหนุ่มอายุยี่สิบแปดปีและเป็นเจ้าของคอนโดสูงระฟ้ามูลค่าร้อยล้านปลายๆ ถึงสามแห่ง ยังไม่รวมกับกิจการเล็กๆ น้อยๆ ที่ปู่กับย่าของเขามีอีกจึงไม่แปลกอะไรที่เขาจะเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงต้องการเข้าใกล้และอยากได้ไว้ครอบครอง กับดอนน่าเขาไม่เคยคิดจะหลงหลักปักฐานด้วยและเขาไม่เคยจริงจังกับใคร

          ลูเซียโน่พูดชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคือคู่ควงเท่านั้นจะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นเด็ดขาดแต่ดอนน่าก็พยายามเหลือเกินเขาก็ไม่ได้หนักใจอะไรเพราะสิ่งที่เธอทำก็ไม่ได้เกินเลยจนรับไม่ไหวเธอแค่ชอบแสดงความเป็นเจ้าของออกนอกหน้าไปนิดแต่เมื่อโดนปรามด้วยสายตาอาการหึงหวงก็จะหายไปอย่างรวดเร็วเพราะเธอรู้ว่าแค่เขาไม่พอใจนิดเดียว ความสะดวกสบายต่างๆ ในชีวิตของเธอจะจบลงทันทีนั่นรวมถึงคอนโดหรูย่านสุขุมวิทกับรถคันงามสีแดงเพลิงของเธอด้วยที่จะหายวับไปกับตา

 

 

ตอนที่ 4 ความบังเอิญครั้งสุดท้าย

          สัปดาห์ก่อนอ้อยได้ทิปสองพันบาทถ้วนจากลูกค้าใจดีเธอแบ่งไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่สองร้อยบาทเพราะคู่เก่าขาดเป็นรูโบ๋ส่วนเงินที่เหลือเธอแยกเก็บไว้อย่างดีเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เงินก้อนนี้ช่วยชีวิตเธอไว้ได้อย่างหวุดหวิดเพราะไม่ใช่แค่ได้ซื้อรองเท้าใหม่เธอยังได้เอาไปซื้อยามาทาแผลให้ตัวเองด้วย

          “อูย เจ็บชะมัด” เธอกำลังทายาให้แผลที่น่อง ก็รถเมล์ฟรีวิ่งหนีประชาชนไงที่เป็นต้นเหตุวันนั้นเธอคิดว่าโชคดีมากที่ได้ขึ้นรถฟรีแต่ก้าวขาไปได้แค่ข้างเดียวพี่คนขับก็ออกรถไปซะแล้วเธอเลยล้มก้นจ้ำเบ้ากระแทกกับขอบถนน เดชะบุญที่ไม่โดนรถทับสมองไหลได้แค่แผลถลอกตรงขา

          “ป่ะ ไปทำงานกัน” เธอยิ้มให้ตัวเองในกระจก การมีเงินสำรองในกระเป๋ามันทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจจนความเจ็บที่แผลก็ไม่สามารถมาลบล้างได้

          “เป็นไงบ้างอ้อยแผลหายเจ็บรึยัง” จุ๊บแจงเดินปรี่เข้ามาถาม

          “กะ เกือบแล้วค่ะ” อ้อยทำหน้าเหวอยัยเมย์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เช่นกัน

          “เอาไปทาตอนแผลหายนะจะได้ไม่มีแผลเป็น” จุ๊บแจงยื่นหลอดยาเล็กๆ ให้

          “อะ เอ่อ ขอบคุณค่ะพี่จุ๊บแจง” อ้อยรับมาแบบงงๆ และหวาดหวั่นมีสารเร่งตายปนอยู่รึเปล่า

          “ตัวปลอมป่าวว่ะ” เมย์กระซิบกระซาบข้างๆ หู

          สัปดาห์ก่อนสกลเรียกประชุมเด็กๆ ในร้านและแจ้งว่าลูกค้าคู่นึงประทับใจร้านอาหารของเรามากและฝากทิปรวมไว้ให้ทุกคนเมื่อแบ่งกันเรียบร้อยสกลก็ปล่อยเด็กๆ กลับบ้านแต่เรียกให้จุ๊บแจงอยู่ก่อน เขาบอกเด็กสาวไปตรงๆ ตามที่ลูกค้าคนนั้นแจ้งและจุ๊บแจงก็ดูเสียใจจริงๆ บางครั้งความอิจฉาริษยามันก็ครอบงำจนทำให้ประพฤติตัวผิดๆ

          “พี่เชื่อว่าจุ๊บแจงเป็นคนดีไม่อย่างนั้นคงไม่ดูแลแม่กับน้องโดยไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใคร ลองเปิดใจกับน้องๆ ในร้านดูโดยเฉพาะอ้อยน้องก็ลำบากไม่แพ้เราหรอกรายนั้นตัวคนเดียวอยู่คนเดียวมีพ่อก็ติดเหล้าเมายำเป วันๆ เอาแต่ขอเงิน” สกลบอกจุ๊บแจงและเขาเชื่อว่าเด็กทั้งสองคนจะเข้าใจกันในที่สุด

          “หนูขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ” อ้อยบอกเพื่อนในร้านแล้วถอดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้กับตะขอ

          “ครืดๆๆๆ” เสียงมือถือสั่นอยู่ในกระเป๋ากระโปรง

          “สวัสดีค่ะ” อ้อยคิดในใจว่าใครกันนะโทรมาได้จังหวะพอดี

          “นางสาววิชุดาใช่ไหมครับ” ปลายสายถามเสียงเป็นงานเป็นการเธอดีใจจนเนื้อเต้นเพราะคิดว่าเป็นบริษัทไหนสักแห่งโทรมาให้ไปสอบสัมภาษณ์หรือรับเธอเข้าทำงาน

          “ผมโทรมาจากสถานีตำรวจ นายชาตรีคุณพ่อของคุณโดนจับข้อหาลักทรัพย์ครับ”

          “อะไรนะคะ” อ้อยมือไม้อ่อนแค่ได้ยินคำว่าโดนจับเธอก็ตัวสั่นแล้วเพราะแน่นอนมันต้องใช้เงินไม่มากก็น้อยแล้วเธอจะไปช่วยพ่อยังไงคนโดนจับมันมีขั้นตอนหรือวิธีไหนที่จะไม่ต้องติดคุกไหม

          “คุณช่วยมาที่สถานีตำรวจตอนนี้ได้ไหมครับ”

          “ได้ค่ะ” อ้อยรีบวิ่งกลับไปที่ร้านแล้วขออนุญาตพี่สกลและลืมไปสนิทว่าตัวเองอยากเข้าห้องน้ำ

 

          “พ่อ ทำไมทำแบบนี้” เธอกำกระโปรงแน่นคิดหาหนทางหาคำพูดเพื่อจะช่วยพ่อให้พ้นคุก

          “พ่อ พ่อเมาแล้วมือมันก็ไปเอง”

          “เมาแล้วแทนที่จะนอนแต่ไปขโมยของเนี่ยนะแล้วขโมยอะไร”

          “ขโมยเหล้า” ชาตรีตอบเสียงอ่อย

          “โอ๊ย พ่อ” อ้อยอยากเอาก้านมะยมมาฟาดมือพ่อจริงๆ

          “คุณวิชุดานะครับ” ตำรวจหน้าตาเคร่งขรึมคนนึงนั่งลงที่เก้าอี้

          “ใช่ค่ะ” อ้อยตอบเสียงแผ่ว เธอจะช่วยพ่อยังไงทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินอยู่ไม่ถึงสองพัน

          “คุณพ่อของน้องขโมยเหล้าจากร้านชำหนึ่งกลม”

          “กลมเลยหรอพ่อ” อ้อยหันไปถามเสียงเขียว ให้มันได้ยังงี้ถ้าเธอจำไม่ผิดยิ่งของมีมูลค่ามากเท่าไหร่โอกาสในการนอนคุกก็มีมากขึ้นเท่านั้น

          คุณตำรวจอธิบายขั้นตอนต่างๆ ให้เธอฟังซึ่งเธอแทบไม่เข้าใจเลยมันอะไรนะ รอลงอาญา ค่าประกันตัว ความผิดลหุโทษ ทำโดยไม่ได้สติแต่ละคำเธอเพิ่งเคยได้ยินนี่แหละตั้งแต่เกิดมา เธอพยายามตั้งสติและทำความเข้าใจกับทุกคำที่ผ่านเข้าหูแต่ความกลัวและลนลานมันทำให้เธอแทบจะพูดไม่เป็นคำ น้ำตาหยดเล็กๆ เริ่มไหลออกมาเมื่อตำรวจพูดถึงเงินประกันหลักหมื่นที่เธอต้องหามาช่วยพ่อ

          “ขอบคุณมากนะครับที่สละเวลามา” นายตำรวจใหญ่เดินออกมาส่งพยานที่หน้าห้อง สามีภรรยาคู่นี้บังเอิญเห็นอุบัติเหตุจึงอาสามาเป็นพยานให้ปากคำและแน่นอนที่เขาต้องเดินออกมาส่งด้วยตัวเองเพราะทั้งคู่คือนักธุรกิจรุ่นบุกเบิกของเมืองไทยก็ว่าได้มีใครบ้างจะไม่รู้จักสามีภรรยาตระกูลจิโอวาน่า

          “ไม่เป็นไรค่ะด้วยความยินดีดิฉันกับสามีขอตัวนะคะ” เจนีซกับเลโอนาร์ดเดินออกมา

          “คุณ นั่นหนูอ้อยนี่” เลโอนาร์ดหันไปเจอกับเด็กสาวที่กำลังนั่งร้องไห้

          “ตายจริง มีเรื่องอะไรกัน” เจนีซสาวเท้าจ้ำอ้าวเปิดประตูพรวดเข้าไปทันที

          “คุณเจนีซมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” นายตำรวจยืนตัวตรงแน่วถามด้วยน้ำเสียงแข็งขัน

          “หนูอ้อยกำลังจะไปเป็นพนักงานที่บริษัทค่ะ มีอะไรกันหรอคะ” เจนีซนั่งลงข้างๆ เด็กสาวแล้วจับมือเล็กๆ มาบีบไว้

          “อ้อ ลูกน้องคุณเจนีซหรือครับ”

          “กำลังจะเป็นค่ะ รอให้หนูอ้อยทำเรื่องลาออกจากที่ทำงานเก่าให้ถูกต้องก่อนค่ะตกลงมีเรื่องอะไรกันคะ” เจนีซถามด้วยความร้อนใจส่วนเลโอนาร์ดนั่งลงข้างหลังขนาดนั่งไกลพอสมควรเขายังได้กลิ่นเหล้าโชยมาจากตัวผู้ชายคนนั้นเลย

          “คุณพ่อของน้องคนนี้ขโมยเหล้าครับ” นายตำรวจตอบ

          “ความผิดครั้งแรกรึเปล่าคะ” เจนีซถาม

          “ครั้งแรกครับ”

          “ถ้าอย่างนั้นคงประกันตัวได้ใช่ไหมครับ อีกอย่างเขาทำไปตอนสติไม่ครบถ้วนแน่ๆ กลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้” เลโอนาร์ดลุกขึ้นยืนแล้วพูดนิ่งๆ

          “คะ ครับ” นายตำรวจตอบ จริงอย่างที่ว่าทำไมเขาเพิ่งมาได้กลิ่นเหล้านะ

          “งั้นวันนี้เราขอประกันตัวไปก่อนแล้วเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลค่อยว่ากัน” เจนีซกล่าวสรุป

          อ้อยนั่งอ้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา