ลำนำนิยายรักแห่งห้วงนิทรา
1) ชายที่ฉัน(ไม่)คุ้นเคย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนับจากวันนั้นผ่านมาเป็นเวลาสามเดือนแล้วที่ฉันต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปกับการอ่านนิยายเรื่องใหม่ ๆ ของนักเขียนคนใหม่ ๆ หลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นมีอิทธิพลกับตัวฉันอย่างไร ที่จริงแล้วฉันคือเจ้าอิงอิง นักศึกษาปี 2 ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค ผู้คนมักจะรู้จักฉันในนามนักวิจารย์นิยายบนเว็บบอร์ดชื่อดัง และเป็นแฟนคลับนิยายตัวยงของเวนน์ เทรนซ์ นักเขียนนิยายหน้าตาดี ลูกครึ่งจีน-อเมริกาชื่อดัง วัย 39 ปี จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้เป็นแฟนคลับนิยายแบบคนทั่วไป แต่เป็นเพราะครั้งแรกที่เราเจอกัน ในตอนนั้นฉันยังไม่ได้เริ่มอ่านนิยายเป็นจริงเป็นจังมากนัก บังเอิญในเขตถนนแถวๆหอพักของฉันมีงานฉลองเปิดร้านเช่าหนังสือร้านใหม่อยู่ใกล้ ๆ พอดี ฉันเห็นคนต่อแถวรับของแจกกันฉันจึงเดินไปต่อบ้าง พอเข้าไปใกล้ก็ปรากฎว่าเขาคือเทรนซ์ นักเขียนนิยายที่ใครก็รู้จักแถมยังเป็นเจ้าของร้านเช่าแห่งนี้กำลังแจกของสะสมเกี่ยวกับนิยายของเขาอยู่ ฉันเป็นคนสุดท้ายในแถวซึ่งของที่เขาเอามาแจกก็หมดพอดี พอเขารู้ว่าฉันยังไม่เคยอ่านนิยายของเขาเขาเลยเอานิยายเรื่องแรกที่เขาเขียนมาให้ฉันยืมอ่านแบบฟรี ๆ พอฉันได้อ่านนิยายฉันก็ตกหลุมรักเขา และเริ่มเสพติดนิยายของเขาทุกเล่ม สะสมของที่เขาทำออกมาทุกชิ้น เข้าไปชื่นชมงานเปิดตัวนิยายทุกงานจนกระทั่งมีเว็บบอร์ดสนับสนุนนิยายเป็นของตัวเองและเริ่มมีคนรู้จักฉันบ้าง ส่วนมากก็เป็นคนในมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ และข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของฉันก็ได้เกิดขึ้นกับเขาเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว มันอาจจะฟังดูเวอร์เกินไปที่ฉันเสียใจขนาดนี้ แต่เป็นเพราะฉันรักเขาจริง ๆ ตอนนี้เขาจากฉันไปตลอดกาลแบบไม่จากลา เหลือทิ้งไว้เพียงบทนำของนิยายเล่มสุดท้ายที่ยังแต่งไม่จบไว้ให้ฉันอ่านบนบอร์ดของเขาวนไปวนมาซ้ำ ๆ รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็เหือดแห้ง กาลเวลาผ่านพ้นมานานมากกว่าที่ฉันจะจมปลักอยู่อย่างนั้น ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติเหมือนที่ผ่านมา แต่บางสิ่งอาจจะขาดหายไปบ้าง ถึงแม้ว่านิยายที่ฉันอ่านพวกนั้นจะไม่มีนานปากกาชื่อ Ink. อีกต่อไปแล้วก็ตาม
ฉันกลับไปที่ร้านเช่าหนังสือร้านนั้นอีกครั้ง ชั้นหนังสือถูกจัดวางตำแหน่งใหม่แลดูแปลกตา ฉันค่อย ๆ เดินทอดสายตาผ่านหนังสือใหม่เหล่านั้นอย่างช้า ๆ หนังสือนิยายแนวใหม่ดูแปลกตาและนามปากกาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันเริ่มออกวางจำหน่ายมากขึ้น แต่จากที่อ่านปกหลังดูกราย ๆ ก็พบเพียงเนื้อเรื่องทำนองเดียวกันและไม่มีส่วนแตกต่างกันมากนัก และตอนจบไม่สะเทือนอารมณ์เท่าที่ควร สามารถเข้าถึงจิตใจผู้อ่านได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉันเดินวนไปมาอยู่หลายรอบจนกระทั่งผ่านมาเห็นชั้นหนังสือเก่า ๆ 2 ชั้นวางระหว่างกันแต่ความห่างไม่มากเท่าชั้นอื่น ๆ ทำให้ทางเดินช่วงนั้นแคบและเดินลำบาก ฉันค่อย ๆ ขยับตัวและเดินเช้าไประหว่างชั้นช้า ๆ สายตากวาดมองไปยังหนังสือเก่า ๆ บนชั้นอย่างใจจดจ่อ หวังจะเจอหนังสือดี ๆ สักเล่มให้ฉันเช่าไปอ่านแก้เหงา พลันเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งดูใหม่มากกว่าเล่มอื่น ๆ บนชั้น และปกถูกออกแบบมาดีเป็นพิเศษ ฉันเอื้อมมือไปหยิบหนังสือนั้นด้วยความสงสัยและพลิกดูหลังเล่มหนังสือตามความเคยชิน พบเพียงปกหลังที่ว่างเปล่า
"หนังสือเล่มนี้มีแค่บทนำครับ ไม่มีเนื้อเรื่อง ไม่มีเกริ่นนำ"
เสียงนุ่ม ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากอีกฝั่งของชั้นหนังสือ ฉันที่กำลังก้มมองหนังสืออยู่จึงหันหน้าขึ้นไปมองทางต้นเสียง ปรากฎสายตาคู่หนึ่งที่เล็ดลอดออกมาจากช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างชั้นหนังสือ เขาคนนั้นเดินไปตามชั้นวางหนังสือเรื่อย ๆ ฉันที่ถือหนังสืออยู่ก็เดินตามจนมาถึงสุดปลายชั้นหนังสือ ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
"เทรนซ์!" ฉันอุทานเบา ๆ
"ผมคิดว่าคุณน่าจะจำคนผิดนะครับ ผมไม่ใช้เทรนซ์"
"ถ้าไม่ใช่เทรน แล้วคุณเป็นใครกัน"
"ผมเป็นใครไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือธุระที่ผมจะคุยกับคุณ"
"ธุระ! ธุระอะไรคะ"
"หนังสือเล่มนั้น" เขาชี้มาที่หนังสือที่ถือฉันถืออยู่
"คุณลองดูที่นามปากกาของผู้แต่งหน่อยสิครับ" ฉันทำตามที่เขาบอก ในหัวของฉันมืดไปหมด ฉันมองไปที่มุมล่างขวาของหนังสือมองหานามปากกาตามที่หนังสือทุกเล่มควรจะเป็น
"ไม่ใช่ตรงนั้นครับ ตรงนี้ต่างหากล่ะ" เขาดึงหนังสือออกจากมือแล้วเปิดเข้าไปที่หน้าปกข้างในพลางชี้ไปที่มุมซ้ายบนของหนังสือ ฉันมองตามปลายนิ้วที่เรียวสวยของเขา
"Ink.! นี่มัน...อะไรกัน"
"นี่คือหนังสือเล่มสุดท้ายของเทรนซ์ที่เขาเคยพูดไว้ว่าจะต้องรีบส่งต้นฉบับไปตีพิมพ์ให้ทันก่อนสิ้นเดือน เดิมทีเราเก็บไว้ตรงนั้นเพื่อยกให้คนที่แตะต้องมัน และบังเอิญคน ๆ นั้นคือคุณที่ชอบเขาเป็นพิเศษ ว่าแต่ทำไมคุณถึงชอบเขามากขนาดนี้นะ"
"มันอาจจฟังดูเพ้อเจ้อ แต่นามปากกาของเขาคล้ายชื่อของฉันและมีความหมายดี ฉันรู้สึกเหมือนได้รับพรจากเขา"
"เป็นคำตอบที่ดี นี่ของคุณ" เขาปิดหนังสือแล้วยื่นให้ฉันก่อนจะเดินหันหลังตรงไปหลังร้าน
"อ่ะ เดี๋ยวก่อนเทรนซ์ ไม่สิ! เอ่อ...คุณ..."
"ผมบอกไปแล้วนะว่าผมไม่ใช่เขา อีกอย่างผมพึ่งอายุแค่ 22 ปีเท่านั้น ต่างจากเทรนซ์ของคุณตั้ง 17 ปี ดังนั้นคุณควรจะเลิกเรียกผมด้วยชื่อนั้น และหวังว่าเราจะไม่ได้พบหน้ากันอีกนะครับ"
เขายิ้มให้ฉันแล้วจากเข้าไปในหลังร้าน ปล่อยไว้เพียงแค่ฉันกับหนังสือเปล่า ๆ เล่มนั้นที่ฉันเคยอ่านบทนำไปแล้วและในสมองของฉันที่สับสนไปหมด ทุกอย่างขาวโพลน ไม่มีความคิดดี ๆ ในหัวที่จะเอามาเป็นข้ออ้างว่าเขาคนนั้นไม่ใช่เทรนซ์ เพียงเพราะเขา 2 คนอายุไม่เท่ากันงั้นหรอ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ