ทาสรักซาตาน
8.3
เขียนโดย zusuran
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 13.32 น.
15 ตอน
2 วิจารณ์
13.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ความกระหาย (NC)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเพียวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงราชาหลังจากเมื่อคืนผ่านศึกหนักแสนหวาน ร่างกายบอบบางแทบฉีกออกเป็นชิ้นๆเพราะการกระทำของซาตานหนุ่มที่เป็นเจ้าหนี้ของเขา ร่องรอยโหดร้ายบนร่างกายบอกได้ชัดเจนว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ข้างๆคือถุงยาเม็ดสีสวยวางอยู่ เพียวแทบจะไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ เด็กหนุ่มกอดร่างเปลือยเปล่าของตน กัดริมฝีปากจนได้รสเลือดในปาก
“แบบนี้ก็ไม่ต่างไปจากขายตัว”
พูดแล้วน้ำตามันก็ไหล เพียวเองก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากมาย เขาเพิ่งสิบหก และยังเด็กสำหรับเรื่องโหดร้ายนี้
ร่างบางค่อยๆขยับลงจากเตียง มีเพียงผ้าห่มผืนบางคลุมกายเปลือยเปล่าปกปิดความอัปยศ สองเท้าก้าวช้าๆไปยังอ่างกระจกที่มีน้ำไหลมาจากทุกทิศทุกทาง ร่างเล็กเปลื้องผ้าคลุมกายออกและลงไปแช่ในน้ำสีฟ้าในอ่าง ความเย็นของน้ำทำให้อาการปวดร้าวค่อยๆจางหายไป เพียวแช่น้ำอยู่นานเกือบจะหลับไปด้วยซ้ำหากว่าไม่มีแขกแปลกหน้าเข้ามาทัก
“อยู่ที่นี่จริงๆด้วย”
เสียงใสๆแต่แอบเย่อหยิ่งดังมาจากด้านหลัง เพียวหันขวับไปมองก็พบร่างสะโอดสะองอันของหญิงสาวนางหนึ่ง เธอผู้มีเส้นผมสีดำยาวสลวย ผิวขาวออกจะซีดเสียมากกว่า สวมชุดสีดำยาวเฟื้อยคว้านอกกว้างโชว์หัวไหล่แถมกระโปรงยังกรีดขึ้นมาจนถึงโคนขาน่าหวาดเสียว
“คุณคือ…”
“อ้า จริงสินะ ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวกับเจ้าสินะ ข้าชื่อจอยส์ลีน”
“คุณเป็นซาตานเหรอครับ”
“ว้าว ตาถึงนะ ใช่แล้ว ข้าคือธิดาโลกันต์ น้องสาวของเอลเดอร์….หึ ดูจากสภาพเจ้าตอนนี้แล้ว ดูท่าทางพี่ชายข้าคงทำกับเจ้าไว้หนักหนาเหลือเกินสินะ”
ถึงตรงนี้เพียวถึงกับหน้าขึ้นสีไม่กล้าสบตากับจอยส์ลีนเสียอย่างนั้น ใช่สิ เขามันเป็นลูกหนี้ของซาตาน ก็ไม่ได้ต่างจากคนขายตัว
“ข้าเอาเสื้อมาให้เจ้าใส่ รีบขึ้นมาจากน้ำเสียเถอะ หาไม่แล้ว เจ้าจะแข็งตายอยู่ในนั้นได้ เอลเดอร์ออกไปทำภารกิจ กว่าจะกลับก็คงอีกซักระยะ เจ้ายังพอมีเวลาที่จะพักผ่อน”
เพียวขึ้นจากน้ำคว้าผ้าที่กองอยู่มาคลุมตัวก่อนจะเอาชุดมาใส่อย่างรวดเร็ว ในใจก็คิด ว่าถ้าหากเป็นเธอคนนี้เพียวอาจจะขอให้เธอพากลับบ้านได้
“ช่วยพาผมไปส่งที่บ้านที”
“หืม”
“ผมไม่ได้เต็มใจมาที่นี่ เอลเดอร์ต่างหากที่บังคับผมมา คุณเป็นน้องสาวเขาคุณก็ต้องมีพลังพาผมกลับไปได้ใช่ไหมครับ”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ”
“ทำไม!”
“เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือดินแดนซาตาน แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าซาตานไม่ใช่นักบุญที่จะมาฟังเสียงของสิ่งที่เรียกว่า “อาหาร” หรอกนะ”
ฟังถึงตรงนี้เพียวถึงกับชะงักไปทันที จะไม่ให้ชะงักได้ยังไง ในเมื่อหญิงสาวตรงหน้าเริ่มแยกเขี้ยวแหลมๆออกมาให้เห็นแล้ว
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวกว่าเอลเดอร์ เพียวรู้สึกแบบนั้น และร่างกายมันก็ซื่อสัตย์ต่อความกลัวเหลือเกิน ทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าอันตราย ร่างกายของเพียวก็ขยับถอยห่างทีละก้าวสองก้าว สายตาลอกแลกมองหาทางหนี และก็เจอจริงๆ เพียวไม่รอช้าที่จะวิ่งออกไปจากห้องนอน
ตึกๆๆๆๆ….
สองเท้าเปล่าวิ่งไปบนทางเดินในปราสาทที่เย็นเฉียบ บรรยากาศรอบกายอึดอัดจนเพียวเริ่มหายใจไม่ออก
“แฮ่กๆๆ…ต้องไปทางไหนดี”
ทางข้างหน้าทอดยาวแถมยังมืดสลัวน่ากลัว จะลงบันไดดีไหมหนอ แต่ที่แน่ๆเพียวไม่กลับไปที่ห้องนั่นเด็ดขาด
“ลงบันไดละกัน”
พูดกับตัวเองเสร็จก็สาวเท้าออกไปทันที แต่ทว่า
ปึก!
“อุ๊บ!”
“โอ๊ะโอ ใครล่ะเนี่ย”
เพียวชนเข้ากับใครบางคน
“มนุษย์นี่นา”
เสียงทุ้มฟังลื่นหูหากแต่แฝงด้วยความอำมหิต นิ้วเย็นเยียบเชยใบหน้าเด็กหนุ่มเงยขึ้นมา
“กลิ่นหอมชะมัด”
“อึก!!!!”
ร่างสูงผู้มีเรือนผมสีดำสนิทเรี่ยลำคอ เฉียดเช่นดวงตาที่มีสีดำสนิท ริมฝีปากบางเฉียบมีรอยยิ้มบางๆแต่แอบแฝงความเหี้ยมเกรียมเอาไว้จนล้นปรี่ ผิดจากการเครื่องแต่งกายที่มีเพียงสีขาวกับสีทอง
เพียวขยับไม่ได้เหมือนถูกดวงตาคู่นั้นสะกดไปชั่วขณะ ก่อนจะได้สติกลับมาพร้อมกับร่างกายที่ขยับตามสัญชาตญาณ คือ หนี!
“อุตส่าห์มีของเล่นมาประเคนถึงมือแบบนี้ ปราสาทโอเอซิสท์นี่สุดยอดไปเลยนะท่าน”
เสียงห้าวๆของอีกคนดังกระทบโสตประสาทของเพียวที่กำลังวิ่งหนีสุดชีวิต เหมือนมีบางอย่างที่กระตุ้นให้เพียวหันกลับไปมองด้านหลัง และเมื่อหันกลับไปสิ่งที่เห็นคือรอยยิ้มบางของชายหนุ่มที่ทำให้เพียวชาวาบไปทั้งตัว
ปึก!
พลั่ก!
“อั่ก!”
ร่างเล็กสะดุดขาตัวเองล้มลงบนพื้นหินเย็นยะเยือก เลือดไหลซิบออกจากบาดแผลถลอกเพียงน้อยนิดทำให้อาการสงบเสงี่ยมของชายหนุ่มกับคนติดตามอีกคนเริ่มเปลี่ยนไป
กรอด!
“อ้า เลือดนี่นา กลิ่นหอมดีแท้ ท่านลูฟ คนนี้ข้าขอละกัน!”
แล้วซาตานในชุดเกราะก็พุ่งเข้ามาหาเพียว เขี้ยวแหลมๆกับน้ำลายไหลยืดนั่นทำให้สติเพียวกระเจิดกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน นี่เขาต้องมาตายตรงนี้จริงๆแล้วสินะ!
“อย่าบังอาจแตะต้องของๆพี่ชายข้าเชียว เจ้าทหารชั้นต่ำ”
จอยส์ลีนดังมาพร้อมกับผ้าคลุมสีดำบางๆผืนหนึ่งลอยข้ามหัวเพียวไปคลุมลงที่ตัวของซาตานชุดเกราะตนนั้น ก่อนที่บางอย่างจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเพียว
เปรี๊ยะ!
“อ๊ากกกกกกกก!!!!”
เสียงหวีดร้องโหยหวนดังออกมาจากผ้าคลุมสีดำที่กำลัง “กิน” ร่างที่อยู่ภายในนั้นอย่างช้าๆ ไฟสีแดงแผดเผาเหมือนลิ้นกับฟันที่กำลังละเลียดร่างข้างในนั้นทั้งเป็นทีละน้อย ทีละน้อย จนเหลือเพียงกระดูก ก่อนที่ผ้าผืนเดิมจะลอยกลับไปยังผู้เป็นเจ้าของราวกับมีชีวิต
เพียวถูกหิ้วขึ้นมาเท้าแกว่งอยู่กลางอากาศ ตอนนี้เด็กหนุ่มช็อกเสียยิ่งกว่าช็อก
“วางใจเถอะ วันนี้ข้าอิ่มแล้ว”
จอยส์ลีนแสยะยิ้มให้เพียวก่อนจะวางเขาลงให้ยืนเอง เพียวเพิ่งจะมารู้ว่าบาดแผลที่ขาหายไปแล้ว
“เข้ามาโดยพละกาลแบบนี้เรียกว่าบุกรุก เจ้ารู้รึไม่ ลูฟ เนวีด์”
ธิดาโลกันตร์มองไปยังร่างสูงชุดขาวที่ยืนเงียบ
“แหม เจ้าเองก็กินทหารเอกของข้าไปทั้งคนนะ ท่านหญิง”
“มันคงดีกว่านี้หากเป็นเจ้า”
“ฮะๆๆ อย่าพูดอย่างนั้นสิ”
ทั้งสองฝ่ายจ้องกันราวกับจำเปิดศึก แม้จะมีเสียงหัวเราะจางๆก็ดังขึ้นมาจากชายหนุ่มแต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศตรึงเครียดลดลงไปเลย
“พอได้แล้ว”
เสียงเอลเดอร์ดังมาพร้อมกับร่างของเพียวที่ถูกอุ้มลอยขึ้นไป
“อะ เอลเดอร์”
“ไง ข้าไม่อยู่ เจ้าชักจะซนใหญ่แล้วนะ”
เจ้าชายซาตานยื่นหน้าเข้ามาเกือบชิดใบหน้าของเพียวที่มันชักจะร้อนเห่อ
“เจ้าชาย ไม่ได้เจอกันนานนะขอรับ”
ลูฟยกมือขวาวางทาบอกซ้ายและโค้งตัวด้วยท่วงท่าสง่างามให้กับเอลเดอร์ แต่เอลเดอร์เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
“โทษที ลูฟ วันนี้ข้าเหนื่อยมาก หากเจ้ามีธุระสำคัญก็คุยกับน้องสาวข้าก็แล้วกัน”
พูดเพียงเท่านั้นเอลเดอร์ก็หันหลัง พาเพียวกลับไปยังห้อง
“เจ้าชาย ท่านสนิทกับมนุษย์น้อยผู้นั้นรึนี่”
“เขาเป็นลูกหนี้คนสำคัญของข้า”
“โอ้ เช่นนั้นก็ต้องขออภัยขอรับ”
นั่นคือคำพูดที่หาความจริงใจไม่ได้เลยต่างหาก เพียวรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“อะ เอลเดอร์ ปล่อยผมเถอะ”
“พูดออกมาได้แล้วรึ เจ้านี่มันหาเรื่องตายแล้วไหมเล่า”
“ครับ?”
“หากจอยส์ลีนไม่ช่วยเจ้าป่านนี้เจ้าคงถูกซาตานนั่นกินไปแล้ว รู้ตัวบ้างรึเปล่า”
“คุณจอยส์ลีนก็จะกินผมเหมือนกันนั่นแหล่ะ!”
“นี่เจ้าเถียงข้ารึ!”
“ก็แล้วทำไมเล่า!”
“จอยส์ลีนนางก็แค่ล้อเจ้าเล่น แต่ลูฟไม่! เจ้านั่นโหดเหี้ยมเกินกว่ามนุษย์อย่างเจ้าจะเข้าใจ”
“ซาตานก็โหดด้วยกันทั้งนั้นแหล่ะ ผมเห็นกับตา!”
ภาพที่ผ้าคลุมผืนบางของจอยส์ลีนกินซาตานชุดเกราะตนนั้นอย่างทารุณ
“คุณเองก็คงไม่ต่างกันหรอก!”
เพียวดิ้นรนขืนตัวออกจากอ้อมแขนเอลเดอร์ แต่เขาแรงน้อยบวกกับยังไม่ได้กินอะไร ตอนนี้ก็เหลือแรงเท่ามด
“ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ”
“ก็พูดความจริงนี่ ปล่อยผมนะ!”
“ได้”
เอลเดอร์ยอมปล่อย แต่
ซ่า!!!....
ร่างบางถูกโยนลงในอ่างน้ำแทน
“แค่กๆ!”
เพียวสำลักน้ำเข้าไปสองสามอึก ไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากร้อนผ่าวของอีกฝ่ายก็เข้ามาจู่โจมประกบปากเขาเอาไว้ทันที
“อื้อ!!!”
ลิ้นของอีกฝ่ายเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นของเพียว กวาดต้อนทุกหยดหยาดในโพรงปากจนเพียวแทบสำลัก
“แฮ่กๆๆ ยะ หยุดนะ!”
สองมือผลักดันอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ก็ต้านแรงรัดของวงแขนแกร่งนั้นไม่ไหว
กึด!
“เฮือก!”
เอลเดอร์ฝังเขี้ยวลงบนหัวไหล่ของเพียวและปล่อยให้เลือดไหลอาบร่างบางลงมาช้าๆ เล็บสีดำค่อยๆกรีดเนื้อผ้าออกให้พ้นจากร่างอรชร
“เอลเดอร์ ผมหนาว”
“มาสิ ข้าจะกอดเจ้าเอง เจ้าจะได้อุ่นไงเด็กน้อย”
เอลเดอร์นั่งที่ขอบอ่างมองร่างระหงไร้อาภรณ์ปกปิดที่แช่อยู่ในน้ำ เลือดสีแดงสดราวกลีบกุหลาบไหลอาบร่างบางส่งกลิ่นยั่วยวนจนเขาแทบคลั่ง แต่ด้วยความต้องการปราบพยศเด็กน้อยเขาจำต้องอดทน ทั้งที่กลางกายมันเริ่มตื่นให้เขาทรมาน
“มาสิ”
เอลเดอร์ยื่นมือรอรับ เพียวสั่นเพราะความหนาว หรือเพราะความกลัวกันแน่ แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ยอมเคลื่อนตัวเข้าไปหาอ้อมอกของซาตานหนุ่ม
“ดีมาก แบบนี้สิ คนดีของข้า”
เอลเดอร์กอดรัดร่างเล็กนั้นโดยเร็วและอุ้มขึ้นจากน้ำพร้อมกับจูบซับขมับเหมือนจะปลอบใจ
ไม่นานแผ่นหลังก็สัมผัสลงบนเตียง เพียวรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งที่รู้หัวใจก็ยังเต้นแรง เลือดในกายสูบฉีดขึ้นหน้าจะกลายเป็นสีระเรื่อ ร่างกายสั่นสะท้านไปกับปลายลิ้นของร่างเบื้องบนที่กำลังละเลียดไปบนเรือนร่างของเขา
“อึก!”
“หึๆๆ ไม่ต้องกลั้นไว้ก็ได้ ร้องให้ข้าฟังอีกสิ”
เพียวกัดปากตัวเองจนได้รสเลือด แต่เพียงไม่นานรสชาติในโพรงปากก็ถูกลิ้นของอีกฝ่ายกวาดต้อนเอาไปจนหมด ใบหน้าหวานหงายเริ่ดไปด้านหลังทันทีเมื่อจุดอ่อนไหวถูกปรนเปรอ ปลายเท้าจิกลงบนที่นอนเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ
“แฮ่กๆๆๆ…..”
เอลเดอร์ละเลียดชิมผิวกายเนียนนุ่ม กัดเรียกโลหิตสีกุหลาบออกมาและดื่มด่ำมันอย่างเพลิดเพลิน ในขณะปลายนิ้วก็สำรวจเปิดเส้นทางความรักจนได้ที่พร้อมจะมอบให้เด็กหนุ่ม
เพียวหมดแรงหลังจากปลดปล่อยความทรมานออกไปครั้งแรก ร่างกายอ่อนระทวยถูกจับพลิกคว่ำหน้าลงและถูกยกสะโพกให้ลอยเด่น
“อ๊า!!!!”
ความคับแน่นร้อนปานไฟแทรกเข้ามาในช่องทางด้านหลังแรงๆทีเดียวจนเพียวจุกในท้อง หน้าหงายเริ่ดไปด้านหลัง ความใหญ่โตคับแน่นด้านหลังขยับเข้าออกเสียแรงๆจนร่างเล็กโยกคลอนไปตามแรง จากช้ากลายเป็นเร็วและถี่ขึ้น มือสองข้างจิกทึ้งบนผ้าสั่นระริก
“ร้องออกมาสิ เด็กดี”
เสียงกระซิบกระเส่าคลอเคลียข้างหู ขณะที่ร่างกายก็โยกคลอนไปตามแรงกระทำ ไม่นานความอุ่นวาบก็ฉีดพ่นอัดเข้าไปในช่องทางด้านหลัง แต่เพียงก็หาได้โล่งเพราะความคับแน่นของอีกฝ่ายยังไม่ถอนออกจากช่องทางรักของเขา
หมับ!
ร่างของเพียวถูกจับพลิกกลับมาอยู่ในท่านั่งทับเจ้าความคับแน่นนั้นเต็มๆ
“ฮึก!”
“กอดข้าสิ กอดข้าแน่นๆ มองหน้าข้าด้วย”
ตาฉ่ำหวานถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำตา มองใบหน้าคมคายที่อยู่ใกล้จนแทบชิดอย่างขวยเขิน ความรู้สึกบางอย่างดึงดูดให้เพียวเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหาและจูบอีกฝ่าย วงแขนบอบบางกอดคอร่างสูงพร้อมกับบดเบียดร่างกายเข้าไปแนบชิดยิ่งกว่าเดิม
“คราวนี้จะรุกข้ารึ”
เอลเดอร์หยอกล้อจนเพียวหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า แต่จะหนีออกไปตอนนี้ก็ไม่ได้เพราะมือแกร่งกระชับสะโพกเล็กแน่น และจับโยกสวนขึ้นลงอย่างมันมือ
“อะ ฮ๊า!!!”
เพียวจิกเล็บลงบนไหล่แกร่งหน้าหงายไปด้านหลัง เปิดโอกาสให้เอลเดอร์ได้ฝังเขี้ยวดูดเลือดที่คออย่างถนัดถนี่
ความสุขสมถูกปรนเปรอครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งนานก็ยิ่งเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆจนต่างฝ่ายต่างก็กระหายซึ่งกันและกัน
“จำไว้ คราวหน้าอย่าเถียงข้าอีก”
เสียงกระซิบแผ่วๆเหมือนลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านให้หูแว่วย้ำเตือนเพียวที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราเพราะความเหนื่อยล้า ร่างบางถูกกกกอดเอาไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า จุมพิตอ่อนโยนประปรายบนดวงหน้าชื้นเหงื่อครั้งแล้วครั้งเล่าราวจะปลอบโยนและกล่อมเข้าสู่ห้วงนิทรา
“หลับซะเด็กดี”
………………………………………………………………
“แบบนี้ก็ไม่ต่างไปจากขายตัว”
พูดแล้วน้ำตามันก็ไหล เพียวเองก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากมาย เขาเพิ่งสิบหก และยังเด็กสำหรับเรื่องโหดร้ายนี้
ร่างบางค่อยๆขยับลงจากเตียง มีเพียงผ้าห่มผืนบางคลุมกายเปลือยเปล่าปกปิดความอัปยศ สองเท้าก้าวช้าๆไปยังอ่างกระจกที่มีน้ำไหลมาจากทุกทิศทุกทาง ร่างเล็กเปลื้องผ้าคลุมกายออกและลงไปแช่ในน้ำสีฟ้าในอ่าง ความเย็นของน้ำทำให้อาการปวดร้าวค่อยๆจางหายไป เพียวแช่น้ำอยู่นานเกือบจะหลับไปด้วยซ้ำหากว่าไม่มีแขกแปลกหน้าเข้ามาทัก
“อยู่ที่นี่จริงๆด้วย”
เสียงใสๆแต่แอบเย่อหยิ่งดังมาจากด้านหลัง เพียวหันขวับไปมองก็พบร่างสะโอดสะองอันของหญิงสาวนางหนึ่ง เธอผู้มีเส้นผมสีดำยาวสลวย ผิวขาวออกจะซีดเสียมากกว่า สวมชุดสีดำยาวเฟื้อยคว้านอกกว้างโชว์หัวไหล่แถมกระโปรงยังกรีดขึ้นมาจนถึงโคนขาน่าหวาดเสียว
“คุณคือ…”
“อ้า จริงสินะ ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวกับเจ้าสินะ ข้าชื่อจอยส์ลีน”
“คุณเป็นซาตานเหรอครับ”
“ว้าว ตาถึงนะ ใช่แล้ว ข้าคือธิดาโลกันต์ น้องสาวของเอลเดอร์….หึ ดูจากสภาพเจ้าตอนนี้แล้ว ดูท่าทางพี่ชายข้าคงทำกับเจ้าไว้หนักหนาเหลือเกินสินะ”
ถึงตรงนี้เพียวถึงกับหน้าขึ้นสีไม่กล้าสบตากับจอยส์ลีนเสียอย่างนั้น ใช่สิ เขามันเป็นลูกหนี้ของซาตาน ก็ไม่ได้ต่างจากคนขายตัว
“ข้าเอาเสื้อมาให้เจ้าใส่ รีบขึ้นมาจากน้ำเสียเถอะ หาไม่แล้ว เจ้าจะแข็งตายอยู่ในนั้นได้ เอลเดอร์ออกไปทำภารกิจ กว่าจะกลับก็คงอีกซักระยะ เจ้ายังพอมีเวลาที่จะพักผ่อน”
เพียวขึ้นจากน้ำคว้าผ้าที่กองอยู่มาคลุมตัวก่อนจะเอาชุดมาใส่อย่างรวดเร็ว ในใจก็คิด ว่าถ้าหากเป็นเธอคนนี้เพียวอาจจะขอให้เธอพากลับบ้านได้
“ช่วยพาผมไปส่งที่บ้านที”
“หืม”
“ผมไม่ได้เต็มใจมาที่นี่ เอลเดอร์ต่างหากที่บังคับผมมา คุณเป็นน้องสาวเขาคุณก็ต้องมีพลังพาผมกลับไปได้ใช่ไหมครับ”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ”
“ทำไม!”
“เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือดินแดนซาตาน แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าซาตานไม่ใช่นักบุญที่จะมาฟังเสียงของสิ่งที่เรียกว่า “อาหาร” หรอกนะ”
ฟังถึงตรงนี้เพียวถึงกับชะงักไปทันที จะไม่ให้ชะงักได้ยังไง ในเมื่อหญิงสาวตรงหน้าเริ่มแยกเขี้ยวแหลมๆออกมาให้เห็นแล้ว
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวกว่าเอลเดอร์ เพียวรู้สึกแบบนั้น และร่างกายมันก็ซื่อสัตย์ต่อความกลัวเหลือเกิน ทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าอันตราย ร่างกายของเพียวก็ขยับถอยห่างทีละก้าวสองก้าว สายตาลอกแลกมองหาทางหนี และก็เจอจริงๆ เพียวไม่รอช้าที่จะวิ่งออกไปจากห้องนอน
ตึกๆๆๆๆ….
สองเท้าเปล่าวิ่งไปบนทางเดินในปราสาทที่เย็นเฉียบ บรรยากาศรอบกายอึดอัดจนเพียวเริ่มหายใจไม่ออก
“แฮ่กๆๆ…ต้องไปทางไหนดี”
ทางข้างหน้าทอดยาวแถมยังมืดสลัวน่ากลัว จะลงบันไดดีไหมหนอ แต่ที่แน่ๆเพียวไม่กลับไปที่ห้องนั่นเด็ดขาด
“ลงบันไดละกัน”
พูดกับตัวเองเสร็จก็สาวเท้าออกไปทันที แต่ทว่า
ปึก!
“อุ๊บ!”
“โอ๊ะโอ ใครล่ะเนี่ย”
เพียวชนเข้ากับใครบางคน
“มนุษย์นี่นา”
เสียงทุ้มฟังลื่นหูหากแต่แฝงด้วยความอำมหิต นิ้วเย็นเยียบเชยใบหน้าเด็กหนุ่มเงยขึ้นมา
“กลิ่นหอมชะมัด”
“อึก!!!!”
ร่างสูงผู้มีเรือนผมสีดำสนิทเรี่ยลำคอ เฉียดเช่นดวงตาที่มีสีดำสนิท ริมฝีปากบางเฉียบมีรอยยิ้มบางๆแต่แอบแฝงความเหี้ยมเกรียมเอาไว้จนล้นปรี่ ผิดจากการเครื่องแต่งกายที่มีเพียงสีขาวกับสีทอง
เพียวขยับไม่ได้เหมือนถูกดวงตาคู่นั้นสะกดไปชั่วขณะ ก่อนจะได้สติกลับมาพร้อมกับร่างกายที่ขยับตามสัญชาตญาณ คือ หนี!
“อุตส่าห์มีของเล่นมาประเคนถึงมือแบบนี้ ปราสาทโอเอซิสท์นี่สุดยอดไปเลยนะท่าน”
เสียงห้าวๆของอีกคนดังกระทบโสตประสาทของเพียวที่กำลังวิ่งหนีสุดชีวิต เหมือนมีบางอย่างที่กระตุ้นให้เพียวหันกลับไปมองด้านหลัง และเมื่อหันกลับไปสิ่งที่เห็นคือรอยยิ้มบางของชายหนุ่มที่ทำให้เพียวชาวาบไปทั้งตัว
ปึก!
พลั่ก!
“อั่ก!”
ร่างเล็กสะดุดขาตัวเองล้มลงบนพื้นหินเย็นยะเยือก เลือดไหลซิบออกจากบาดแผลถลอกเพียงน้อยนิดทำให้อาการสงบเสงี่ยมของชายหนุ่มกับคนติดตามอีกคนเริ่มเปลี่ยนไป
กรอด!
“อ้า เลือดนี่นา กลิ่นหอมดีแท้ ท่านลูฟ คนนี้ข้าขอละกัน!”
แล้วซาตานในชุดเกราะก็พุ่งเข้ามาหาเพียว เขี้ยวแหลมๆกับน้ำลายไหลยืดนั่นทำให้สติเพียวกระเจิดกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน นี่เขาต้องมาตายตรงนี้จริงๆแล้วสินะ!
“อย่าบังอาจแตะต้องของๆพี่ชายข้าเชียว เจ้าทหารชั้นต่ำ”
จอยส์ลีนดังมาพร้อมกับผ้าคลุมสีดำบางๆผืนหนึ่งลอยข้ามหัวเพียวไปคลุมลงที่ตัวของซาตานชุดเกราะตนนั้น ก่อนที่บางอย่างจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเพียว
เปรี๊ยะ!
“อ๊ากกกกกกกก!!!!”
เสียงหวีดร้องโหยหวนดังออกมาจากผ้าคลุมสีดำที่กำลัง “กิน” ร่างที่อยู่ภายในนั้นอย่างช้าๆ ไฟสีแดงแผดเผาเหมือนลิ้นกับฟันที่กำลังละเลียดร่างข้างในนั้นทั้งเป็นทีละน้อย ทีละน้อย จนเหลือเพียงกระดูก ก่อนที่ผ้าผืนเดิมจะลอยกลับไปยังผู้เป็นเจ้าของราวกับมีชีวิต
เพียวถูกหิ้วขึ้นมาเท้าแกว่งอยู่กลางอากาศ ตอนนี้เด็กหนุ่มช็อกเสียยิ่งกว่าช็อก
“วางใจเถอะ วันนี้ข้าอิ่มแล้ว”
จอยส์ลีนแสยะยิ้มให้เพียวก่อนจะวางเขาลงให้ยืนเอง เพียวเพิ่งจะมารู้ว่าบาดแผลที่ขาหายไปแล้ว
“เข้ามาโดยพละกาลแบบนี้เรียกว่าบุกรุก เจ้ารู้รึไม่ ลูฟ เนวีด์”
ธิดาโลกันตร์มองไปยังร่างสูงชุดขาวที่ยืนเงียบ
“แหม เจ้าเองก็กินทหารเอกของข้าไปทั้งคนนะ ท่านหญิง”
“มันคงดีกว่านี้หากเป็นเจ้า”
“ฮะๆๆ อย่าพูดอย่างนั้นสิ”
ทั้งสองฝ่ายจ้องกันราวกับจำเปิดศึก แม้จะมีเสียงหัวเราะจางๆก็ดังขึ้นมาจากชายหนุ่มแต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศตรึงเครียดลดลงไปเลย
“พอได้แล้ว”
เสียงเอลเดอร์ดังมาพร้อมกับร่างของเพียวที่ถูกอุ้มลอยขึ้นไป
“อะ เอลเดอร์”
“ไง ข้าไม่อยู่ เจ้าชักจะซนใหญ่แล้วนะ”
เจ้าชายซาตานยื่นหน้าเข้ามาเกือบชิดใบหน้าของเพียวที่มันชักจะร้อนเห่อ
“เจ้าชาย ไม่ได้เจอกันนานนะขอรับ”
ลูฟยกมือขวาวางทาบอกซ้ายและโค้งตัวด้วยท่วงท่าสง่างามให้กับเอลเดอร์ แต่เอลเดอร์เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
“โทษที ลูฟ วันนี้ข้าเหนื่อยมาก หากเจ้ามีธุระสำคัญก็คุยกับน้องสาวข้าก็แล้วกัน”
พูดเพียงเท่านั้นเอลเดอร์ก็หันหลัง พาเพียวกลับไปยังห้อง
“เจ้าชาย ท่านสนิทกับมนุษย์น้อยผู้นั้นรึนี่”
“เขาเป็นลูกหนี้คนสำคัญของข้า”
“โอ้ เช่นนั้นก็ต้องขออภัยขอรับ”
นั่นคือคำพูดที่หาความจริงใจไม่ได้เลยต่างหาก เพียวรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“อะ เอลเดอร์ ปล่อยผมเถอะ”
“พูดออกมาได้แล้วรึ เจ้านี่มันหาเรื่องตายแล้วไหมเล่า”
“ครับ?”
“หากจอยส์ลีนไม่ช่วยเจ้าป่านนี้เจ้าคงถูกซาตานนั่นกินไปแล้ว รู้ตัวบ้างรึเปล่า”
“คุณจอยส์ลีนก็จะกินผมเหมือนกันนั่นแหล่ะ!”
“นี่เจ้าเถียงข้ารึ!”
“ก็แล้วทำไมเล่า!”
“จอยส์ลีนนางก็แค่ล้อเจ้าเล่น แต่ลูฟไม่! เจ้านั่นโหดเหี้ยมเกินกว่ามนุษย์อย่างเจ้าจะเข้าใจ”
“ซาตานก็โหดด้วยกันทั้งนั้นแหล่ะ ผมเห็นกับตา!”
ภาพที่ผ้าคลุมผืนบางของจอยส์ลีนกินซาตานชุดเกราะตนนั้นอย่างทารุณ
“คุณเองก็คงไม่ต่างกันหรอก!”
เพียวดิ้นรนขืนตัวออกจากอ้อมแขนเอลเดอร์ แต่เขาแรงน้อยบวกกับยังไม่ได้กินอะไร ตอนนี้ก็เหลือแรงเท่ามด
“ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ”
“ก็พูดความจริงนี่ ปล่อยผมนะ!”
“ได้”
เอลเดอร์ยอมปล่อย แต่
ซ่า!!!....
ร่างบางถูกโยนลงในอ่างน้ำแทน
“แค่กๆ!”
เพียวสำลักน้ำเข้าไปสองสามอึก ไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากร้อนผ่าวของอีกฝ่ายก็เข้ามาจู่โจมประกบปากเขาเอาไว้ทันที
“อื้อ!!!”
ลิ้นของอีกฝ่ายเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นของเพียว กวาดต้อนทุกหยดหยาดในโพรงปากจนเพียวแทบสำลัก
“แฮ่กๆๆ ยะ หยุดนะ!”
สองมือผลักดันอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ก็ต้านแรงรัดของวงแขนแกร่งนั้นไม่ไหว
กึด!
“เฮือก!”
เอลเดอร์ฝังเขี้ยวลงบนหัวไหล่ของเพียวและปล่อยให้เลือดไหลอาบร่างบางลงมาช้าๆ เล็บสีดำค่อยๆกรีดเนื้อผ้าออกให้พ้นจากร่างอรชร
“เอลเดอร์ ผมหนาว”
“มาสิ ข้าจะกอดเจ้าเอง เจ้าจะได้อุ่นไงเด็กน้อย”
เอลเดอร์นั่งที่ขอบอ่างมองร่างระหงไร้อาภรณ์ปกปิดที่แช่อยู่ในน้ำ เลือดสีแดงสดราวกลีบกุหลาบไหลอาบร่างบางส่งกลิ่นยั่วยวนจนเขาแทบคลั่ง แต่ด้วยความต้องการปราบพยศเด็กน้อยเขาจำต้องอดทน ทั้งที่กลางกายมันเริ่มตื่นให้เขาทรมาน
“มาสิ”
เอลเดอร์ยื่นมือรอรับ เพียวสั่นเพราะความหนาว หรือเพราะความกลัวกันแน่ แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ยอมเคลื่อนตัวเข้าไปหาอ้อมอกของซาตานหนุ่ม
“ดีมาก แบบนี้สิ คนดีของข้า”
เอลเดอร์กอดรัดร่างเล็กนั้นโดยเร็วและอุ้มขึ้นจากน้ำพร้อมกับจูบซับขมับเหมือนจะปลอบใจ
ไม่นานแผ่นหลังก็สัมผัสลงบนเตียง เพียวรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งที่รู้หัวใจก็ยังเต้นแรง เลือดในกายสูบฉีดขึ้นหน้าจะกลายเป็นสีระเรื่อ ร่างกายสั่นสะท้านไปกับปลายลิ้นของร่างเบื้องบนที่กำลังละเลียดไปบนเรือนร่างของเขา
“อึก!”
“หึๆๆ ไม่ต้องกลั้นไว้ก็ได้ ร้องให้ข้าฟังอีกสิ”
เพียวกัดปากตัวเองจนได้รสเลือด แต่เพียงไม่นานรสชาติในโพรงปากก็ถูกลิ้นของอีกฝ่ายกวาดต้อนเอาไปจนหมด ใบหน้าหวานหงายเริ่ดไปด้านหลังทันทีเมื่อจุดอ่อนไหวถูกปรนเปรอ ปลายเท้าจิกลงบนที่นอนเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ
“แฮ่กๆๆๆ…..”
เอลเดอร์ละเลียดชิมผิวกายเนียนนุ่ม กัดเรียกโลหิตสีกุหลาบออกมาและดื่มด่ำมันอย่างเพลิดเพลิน ในขณะปลายนิ้วก็สำรวจเปิดเส้นทางความรักจนได้ที่พร้อมจะมอบให้เด็กหนุ่ม
เพียวหมดแรงหลังจากปลดปล่อยความทรมานออกไปครั้งแรก ร่างกายอ่อนระทวยถูกจับพลิกคว่ำหน้าลงและถูกยกสะโพกให้ลอยเด่น
“อ๊า!!!!”
ความคับแน่นร้อนปานไฟแทรกเข้ามาในช่องทางด้านหลังแรงๆทีเดียวจนเพียวจุกในท้อง หน้าหงายเริ่ดไปด้านหลัง ความใหญ่โตคับแน่นด้านหลังขยับเข้าออกเสียแรงๆจนร่างเล็กโยกคลอนไปตามแรง จากช้ากลายเป็นเร็วและถี่ขึ้น มือสองข้างจิกทึ้งบนผ้าสั่นระริก
“ร้องออกมาสิ เด็กดี”
เสียงกระซิบกระเส่าคลอเคลียข้างหู ขณะที่ร่างกายก็โยกคลอนไปตามแรงกระทำ ไม่นานความอุ่นวาบก็ฉีดพ่นอัดเข้าไปในช่องทางด้านหลัง แต่เพียงก็หาได้โล่งเพราะความคับแน่นของอีกฝ่ายยังไม่ถอนออกจากช่องทางรักของเขา
หมับ!
ร่างของเพียวถูกจับพลิกกลับมาอยู่ในท่านั่งทับเจ้าความคับแน่นนั้นเต็มๆ
“ฮึก!”
“กอดข้าสิ กอดข้าแน่นๆ มองหน้าข้าด้วย”
ตาฉ่ำหวานถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำตา มองใบหน้าคมคายที่อยู่ใกล้จนแทบชิดอย่างขวยเขิน ความรู้สึกบางอย่างดึงดูดให้เพียวเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหาและจูบอีกฝ่าย วงแขนบอบบางกอดคอร่างสูงพร้อมกับบดเบียดร่างกายเข้าไปแนบชิดยิ่งกว่าเดิม
“คราวนี้จะรุกข้ารึ”
เอลเดอร์หยอกล้อจนเพียวหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า แต่จะหนีออกไปตอนนี้ก็ไม่ได้เพราะมือแกร่งกระชับสะโพกเล็กแน่น และจับโยกสวนขึ้นลงอย่างมันมือ
“อะ ฮ๊า!!!”
เพียวจิกเล็บลงบนไหล่แกร่งหน้าหงายไปด้านหลัง เปิดโอกาสให้เอลเดอร์ได้ฝังเขี้ยวดูดเลือดที่คออย่างถนัดถนี่
ความสุขสมถูกปรนเปรอครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งนานก็ยิ่งเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆจนต่างฝ่ายต่างก็กระหายซึ่งกันและกัน
“จำไว้ คราวหน้าอย่าเถียงข้าอีก”
เสียงกระซิบแผ่วๆเหมือนลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านให้หูแว่วย้ำเตือนเพียวที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราเพราะความเหนื่อยล้า ร่างบางถูกกกกอดเอาไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า จุมพิตอ่อนโยนประปรายบนดวงหน้าชื้นเหงื่อครั้งแล้วครั้งเล่าราวจะปลอบโยนและกล่อมเข้าสู่ห้วงนิทรา
“หลับซะเด็กดี”
………………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ