ทาสรักซาตาน

8.3

เขียนโดย zusuran

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 13.32 น.

  15 ตอน
  2 วิจารณ์
  13.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) เจ็บปวด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 “ได้ยินว่าซาตานทีอายุเป็นพันปี แล้วตอนนี้เดียร์อายุเท่าไหร่เหรอ”

พรูดดดดดดดด!!!!

นมรสสตรอเบอร์รี่พุ่งเป็นสายรุ้งออกมาจากปากเด็กสาวที่กำลังดูดดื่มเต็มปาก

เดียร์หันมามองเจ้าของคำถามตาปริบๆ

“จะให้บอกจริงเหรอ”

“ใช่สิ เราเองก็อยากรู้อายุของตัวเองเหมือนกัน”

“เพียวก็อายุสิบหกไง”

“แล้วเดียร์ล่ะ”

“ม่ายบอก”

“บอกหน่อยสิ นะๆๆ”

“ไม่เอาหรอก”

“เดียร์อ่ะ”

“อ้อนยังไงก็ไม่บอกหรอก ถึงยังไงเดียร์ก็น่ารักแบบนี้ไปตลอดเลย ฮิๆๆๆ”

เดียร์ยกนิ้วจิ้มแก้มตัวเองพร้อมกับเอียงคอยิ้มหวานดูแล้วน่ารักจนคนผ่านไปผ่านมาต้องหันกลับมามอง เพียวอมยิ้มกับท่าทางของเพื่อนสาวที่ตอนนี้เพิ่มสถานะมาเป็นผู้พิทักษ์ประจำตัวเขา แต่เดียร์ก็ยังเป็นเดียร์ เด็กสาวน่ารักที่ใครๆต่างก็เอ็นดู

ไม่เว้นแม้แต่…

“ท่านลูฟ สนใจเด็กสาวนั่นเหรอครับ ให้ข้านำตัวนางมาให้ท่านรึไม่”

ชายร่างสูงสองคนสวมชุดดำเข้ารูปหน้าตาคมคายยืนกอดอกมองเด็กสาวไม่วางตา รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนที่มันจะหายไปเหลือไว้เพียงความบึ้งตึง

“กลับกันได้แล้ว”

ร่างสูงหันหลังเดินกลับออกจากรั้วมหาลัยปะปนกับฝูงชนที่เดินสวนกันไปมาเพื่อกลบกลิ่นสาบไม่ให้ใครตามเจอ

ลูฟสนใจแม่สาวน้อยคนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะได้สัมผัสความอ่อนโยนจากเธอ เพียงครั้งเดียวก็ทำให้เขาเฝ้าตามหาเธอมาหลายปี

ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ เลเดียร์…..

หลายปีก่อน ลูฟได้รับบาดเจ็บและหลงเข้ามาในหมู่บ้าน เขาสูญเสียพลังและเหลือไว้แค่ลมหายใจรวยริน ตอนนั้นแม้จะแปลงร่างเป็นมนุษย์ยังทำไม่ได้ เขาจึงต้องอยู่ในร่างของสุนัขพื้นบ้านตัวหนึ่งและนอนรอความตายอยู่ริมถนนตรงชายป่า

“น่าสงสารจัง เจ้าหมาน้อย”

เสียงนั้นอบอุ่นมากและสัมผัสอ่อนโยนนั้นลูฟเพิ่งได้รับครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา สายตาพร่าเลือนของเขามองเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กสาว เขาสัมผัสได้ถึงพลังของผู้พิทักษ์และรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ แต่เพราะเขาบาดเจ็บและเสียพลังไปจนหมดทำให้อีกฝ่ายสัมผัสพลังในตัวเขาไม่ได้ และพาเขาไปรักษาใส่ยาที่บ้าน ตอนนั้นลูฟถึงได้รู้ว่าเธอคนนั้นเป็นสายเลือดของผู้พิทักษ์และมีเชื้อไขของเผ่าซาตานไหหลเวียนอยู่ในตัว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ลูฟสนใจในตอนนั้น เขาแค่อยากมีชีวิตอยู่ 

“เลเดียร์ ไปเก็บหมาน้อยมาจากไหนอีก”

“ข้างทางริมป่าทางโน้นจ้ะพ่อ มันบาดเจ็บ น่าสงสารมากเลย”

“ติดนิสัยอ่อนโยนขี้สงสารมาจากเพียวแล้วล่ะสิ”

“หนูไม่ได้ติดนิสัยเขามาสักหน่อย”

“ฮะๆๆๆ เอาเถอะ รักษามันเสร็จแล้วก็ปล่อยมันกลับบ้านได้แล้ว”

“หนูอยากเลี้ยงมันจัง ได้ไหมจ๊ะพ่อ”

“อีกหน่อยเพียวต้องไปเรียนต่อ ลูกก็ต้องไปคอยปกป้องเขา จะเลี้ยงได้ยังไง ปล่อยมันไปหาเจ้าของมันเถอะ”

นั่นเป็นครั้งแรกที่ลูฟได้รับการโอบกอด เลเดียร์กอดร่างหมาน้อยนุ่มนิ่มของเขาและยังมอบจุมพิตแสนหวานให้เป็นการล่ำลา นับแร่นั้นมาลูฟก็กลับมาที่หมู่บ้านทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เขาไม่ได้เจอกับเลเดียร์อีกแล้ว จนกระทั่งเขาได้กลิ่นของเธอจากตัวเด็กหนุ่มที่ชื่อเพียวคนนั้น เด็กหนุ่มมนุษย์นั่นเป็นลูกหนี้ของเอลเดอร์พี่ชายต่างมารดาของเขาและตอนนี้มันคงจะเป็นมากกว่าของเล่นของพี่ชายเขา แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของลูฟ เพราะในที่สุดแล้วเขาก็ตามหาเธอจนพบ

รอก่อนนะ เลเดียร์….ข้าจะกลับมาหาเจ้าแน่……..

 

“เอลเดอร์ เป็นอะไรรึเปล่า”

“แฮ่กๆๆๆ….”

“ท่านคิดอะไรอยู่”

เสียงแหลมสูงปนกังวลถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของป่าทึบ

จอยส์ลีนเพิ่งจัดการกับปีศาจที่เข้ามาจู๋โจมกะทันหันตัวสุดท้ายไปหมาดๆหันมองแผ่นหลังของพี่ชายที่ยังสวมชุดเกราะเปื้อนเลือด ทั้งคู่เพิ่งผ่านสงครามกันมาและยังอยู่ในระหว่างทางกลับอาณาจักร ศัตรูจากทุกทิศทุกทางรายล้อมเข้ามาแทบจะไม่ได้หยุดพัก

เพราะการแย่งชิงที่ไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งภายนอกและภายใน บัลลังก์ที่แม้จะเป็นราชาก็ไม่อาจขึ้นไปนั่งได้ ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหนก็ล้วนแต่อยากแย่งชิงมันไป

“บาดแผลท่านลึกมาก รีบกลับไปที่ปราสาทก่อนเถอะ”

เอลเดอร์หลับตาลงผ่อนลมหายใจออกช้าๆก่อนจะยกนิ้วกรีดอากาศสร้างประตูมิติขึ้นมาและก้าวข้ามไปเงียบๆ

แต่สถานที่ที่เอลเดอร์จะไปไม่ใช่ปราสาท แต่เป็นโลกมนุษย์ หลายสิ่งตบตีกันอยู่ในหัวของราชาหนุ่มจนเขาสับสน อยากกัดกระชากและปลดปล่อยความอึดอัดในกายออกมา

คนเดียวที่เขานึกถึงก็คือคนร่างเล็กที่มีสิ่งที่เขาต้องการ

“วันนี้เดียร์มีงานต้องค้างที่มหาลัย ถ้าไงเดียร์ไปส่งเพียวก่อนดีไหม”

“ไม่เป็นไรหรอก เพียวเรากลับเองดีกว่า”

“แต่ว่า…”

“สัญญาแล้วนะว่าจะไม่เป็นห่วงเกินเหตุ เราไม่เป็นไรจริงๆ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้”

เพียวเลือกที่จะเดินกลับแทนการนั่งรถเมล์ ถึงจะบอกเดียร์ว่าไม่เป็นไรแต่เพียวก็ยังฝังใจเรื่องรถเมล์อยู่ดี เด็กหนุ่มเดินไปตามฟุตบาทเรื่อยๆ ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกตามเริ่มทำให้เพียวกลัวและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ สองขาที่จัดได้ว่ายาวก้าวฉับๆไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เพียวจะอาศัยช่วงเวลาที่เดินสวนกับกลุ่มนักท่องเที่ยวเลี้ยวเข้าไปในซอยแคบ

“แฮ่กๆๆ……”

เด็กหนุ่มพิงกำแพงพักหายใจ แอบปาดเหงื่อเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะเดินต่อร่างกายบางๆก็ถูกกระชากเข้าไปในซอกมืดอย่างรวดเร็ว

ฟึ่บ!!!

“อื้อ!!!”

“เงียบๆ”

เสียงทุ้มคุ้นหูทำให้เพียวสงบลง เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเจ้าของเสียงนั้นและไม่ได้เหนือความคาดหมายเท่าไหร่นัก

เอลเดอร์สวมชุดคลุมหุ้มเกราะใบหน้ายังเปื้อนทั้งโคลนและเลือด ปลายเท้าข้างหนึ่งของเขายังอยู่ในประตูมิติอยู่เลย เพียวหันหันกลับไปเผชิญหน้าและมองใบหน้านิ่งสนิทของคนรักอย่างสงสัย

“เอลเดอร์ คุณเป็นอะไรรึเปล่า”

มือน้อยๆพยายามเกลี่ยคราบดินโคลนออกจากใบหน้าของร่างสูง การกระทำไร้เดียงสานั้นทำให้เอลเดอร์อดกลั้นอารมณ์ต่อไปอีกไม่ไหว

เขาพาร่างน้อยบอบบางในชุดนักศึกษาแพทย์เข้ามาในประตูมิติและทะลุออกมาอีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นอ่างน้ำวนในห้องอาบน้ำส่วนตัวของเขา เอลเดอร์โยนเพียวลงอ่างอย่างไม่ปราณีปราศรัย

ตู้ม!!!

“อุ๊บ! แค่กๆๆ เอลเดอร์คุณทำอะไรเนี่ย เปียกหมดแล้ว”

เพียวร้องประท้วงออกมาทันทีที่โผล่หน้าขึ้นมาเหนือน้ำ แต่ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นก็คือ ซาตานหนุ่มเปลื้องผ้าทุกชิ้นออกให้พ้นตัวก่อนจะลงมาในอ่างและคว้าตัวเขาเข้าไปกอดเอาไว้

จ๋อม…

“เอลเดอร์ คุณเป็นอะไร…อ่ะ!!!!!”

ความรู้สึกเจ็บจี๊ดเย็นยะเยือกฝังเข้าไปในคอระหงของเพียว มือบอบบางยกขึ้นขยุ้มเส้นผมของอีกฝ่ายเพื่อระบายความเจ็บแสบ

“อึก!”

เอลเดอร์ดื่มเลือดจากกายบางอึกแล้วอึกเล่า แขนข้างหนึ่งกอดรัดร่างน้อยๆนั้นแน่นกว่าเดิม ก่อนที่มืออีกข้างจะฉีกกระชากเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายนั้นออกให้พ้นทาง

แคว่ก!!

“อ่ะ ไม่ได้นะ เอลเดอร์”

“ทำไมจะไม่ได้ ข้าต้องการเจ้า เจ้าจะขัดขืนข้ารึ”

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“ทำไมเจ้าต้องห้ามข้า น่ารำคาญชะมัด!!!”

แล้วมือหนาก็บีบคั้นแก้มก้นของร่างบางอย่างไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆก่อนจะบิแยกออกและสอดใส่ท่อนเอ็นแข็งขืนร้อนผ่าวนั้นเข้าไปในช่องทางคับแคบอย่างไม่มีการเปิดทางใดๆ

“อ๊ากกกก!!!!”

ร่างของเพียวเกร็งแน่น ปลายเล็บจิกทึ้งลำแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นเพื่อระบายความเจ็บเสียดที่โจมตีเข้ามา เอลเดอร์ไม่รอให้เด็กหนุ่มผ่อนคลาย เขาขยับเข้าออกจนร่างเล็กโยกคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้นของเขา น้ำวนในอ่างกระเพื่อมเป็นคลื่นตามแรงกระฉอกล้นปริ่มขอบอ่าง

“เบาหน่อย ผมเจ็บ อ๊า!!!”

เพียวร้องขอเสียงกระเส่า ผวาเข้าโอบกอดรอคอร่างสูงเอาไว้แน่น ความเจ็บไม่ได้ลดลงถึงแม้จะมีความเสียวซ่านเข้ามาร่วมด้วยก็ตาม การกระทำของเอลเดอร์ทั้งดิบเถื่อนและหยาบโลนและไม่มีการปลอบประโลมอย่างที่เคยทำ

จากในอ่างน้ำวน ร่างของเพียวยังมีท่อนเอ็นรอนผ่าวเชื่อมคาอยู่ถูกยกหมุนคว้างขึ้นนอนคว่ำบนขอบอ่างก่อนที่ส่วนแข็งขืนในช่องทางด้านหลังจะสวนกระแทกเข้ามาจนเริ่มจุก

สวบ!

“อ๊า!!!”

อกขาวครูดไปตามพื้นหินเย็นๆไปมาตามแรงสวนกระแทกเข้าออกของฝ่ายที่กระทำ จนหน้าอกของเพียวรู้สึกเจ็บ ปลายนิ้วจิกครูดไปบนพื้นหินจนถลอกแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความปวดร้าวด้านหลังทุเลาลงเลย

เอลเดอร์ยังจ้วงจุ่มส่งความร้อนแรงเข้าไปในช่องทางคับแน่นนั้นไม่หยุด ลึกเข้าไปอีกแรงขึ้นอีกหลายเท่า ก่อนจะฉีดพ่นราคะสีขาวขุ่นเข้าไปจนล้นปริ่มออกมาข้างนอก

“พอแล้ว ผมเจ็บ”

เสียงน้อยกระเส่าขอร้องเขาอย่างน่าสงสาร แต่อารมณ์ปั่นป่วนของเอลเดอร์ก็ยังไม่สงบลงเลยแม้แต่น้อย เขาต้องการตักตวงจากเพียวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงคำว่าต้องการ ต้องการ และต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเลือดอันหอมหวานหรือแม้แต่เสียงร้องครางยามสอดใส่เข้าไปในร่างของเด็กหนุ่ม มือหนาดึงร่างเล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้าและมอบจูบร้อนแรงให้อย่างหยาบคาย เรือนร่างอ่อนนุ่มถูกเค้นคลึงบนเขียวช้ำ

เพียวเริ่มหวาดกลัวร่างตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก ความดิบเถื่อน หยาบโลนที่เขามอบให้เพียวมันทำให้เพียวเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“อื้ม”

สองขาเกี่ยวกระหวัดรอบเอวสอบก่อนที่มันจะเกร็งแน่นเมื่อความแข็งขืนของท่อนเอ็นร้อนในช่องทางด้านหลังเริ่มขยับเข้าออกอีกครั้ง

“ฮึกๆๆ อ๊า!!!”

เอลเดอร์ฝังเขี้ยวลงบนไหล่นวลเนียนนั้นอย่างไม่ยั้งแรง สองมือบีบคั้นแก้มก้นกลมมนและบิออกราวกับบิผลส้ม ส่งความร้อนแรงเข้าไปในช่องทางคับแคบนั้นไม่ได้หยุด ในขณะที่เดินขึ้นจากอ่างน้ำวนพร้อมๆกับทำกิจกรรมร้อนแรงไปด้วยไม่ได้หยุด

ตึง!!!

เพียวถูกบดขยี้แผ่นหลังแนบชิดกำแพงหินเย็นเฉียบ สองขายังเกี่ยวเอวสอบของร่างสูงเอาไว้แน่นในขณะที่ปากยังถูกประกบปิดจนมิดชิดปิดกั้นเสียงร้องคราง

ลึกอีก แรงอีก จนร่างเล็กกระตุกอย่างแรงก่อนที่ลาวาสีขาวขุ่นจะฉีดพ่นออกมาเลอะหน้าท้องของร่างสูงที่เต็มไปด้วยซิกแพค เพียวหมดแรงร่อแร่ลงแต่เอลเดอร์ยังไม่หยุดและจ้วงจุ่มความร้อนแรงนั้นเข้าไปในช่องทางด้านหลังเด็กหนุ่มอย่างไม่ปรานี

พั่บๆๆๆ!!!!....

“อะๆๆๆๆ…”

แผ่นหลังของเพียวครูดกำแพงขึ้นลงไปตามแรงสวนกระแทกเข้าออกจากร่างสูง ใบหน้าหวานฉ่ำซบลบบนไหล่แกร่งพร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว

“เอลเดอร์ ผมไม่ไหวแล้ว พอเถอะ”

“……….”

“ถ้าเกลียดผมมากขนาดนั้นก็ปล่อยผมไปเถอะ”

กึก!

การกระทำทุกอย่างหยุดชะงัก มือหนาคว้าปอยผมของร่างเล็กและกระชากมันออกมาจากไหล่ของตัวเอง

“ข้ารึเกลียดเจ้า วันเดอร์เรอร์”

“ผมไม่ใช่…..”

“เจ้านั่นแหละ วันเดอร์เรอร์ ทำไมต้องเป็นเจ้า แล้วทำไมต้องเป็นข้า ทำไม!”

เพียวมองใบหน้าคมคายของราชาหนุ่มด้วยสายตาพร่าเลือนไปด้วยน้ำตา เจ็บปวดเหลือเกิน มันเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เอลเดอร์เหวี่ยงร่างของเพียวลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ ก่อนที่จะตามขึ้นมาคร่อมทับเอาไว้ เพียวเริ่มถอยหนีแต่ก็ถูกมือหนาคว้าข้อเท้าและดึงกลับไปนอนแผ่เป็นปลาแห้งใต้ร่างสูงเหมือนเดิม แขนทั้งสองข้างของเพียวถูกมัดตรึงไว้กับหัวเตียง ก่อนที่ร่างกายทุกส่วนจะถูกกัดฝังเขี้ยวเรียกโลหิตสีสดออกมา ร่างกายเล็กๆบิดเร้าเพราะความเจ็บแสบปนเสียวซ่านจาก ลิ้นสากที่ละเลียดชิมของเหลวบนร่างกายอย่างตะกรุมตะกราม

และบทรักเร่าร้อนแสนเจ็บปวดก็ดำเนินต่อไป ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเพียวสลบไปทั้งที่ร่างกายยังโยกไหวจากการกระทำอันหยาบโลนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก

เอลเดอร์หยุดการกระทำทั้งหมดและดึงร่างเล็กที่ช้ำเขียวทั้งตัวขึ้นมากอดประคองเอาไว้อย่างหวงแหน ก่อนที่จะพาไปชำระล้างคราบสกปรกที่เกิดจากการย่ำยีของเขา น้ำวนในอ่างสามารถรักษาแผลและความบอบช้ำให้เด็กหนุ่มได้ในเวลาไม่นาน หากแต่ความบอบช้ำภายในนั้นต่อให้เป็นยาวิเศษก็ไม่มีทางที่จะแทรกซึมเข้าไปถึง

“ข้าขอโทษ….ข้าควบคุมมันไม่ได้”

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เพียวคงจะต้องตายด้วยน้ำมือของเขาเข้าสักวัน

ลาก่อน เพียว…………

พรึ่บ!

“เฮือก!!!”

“เพียว! ดีจัง ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว”

“เดียร์”

เพียวสะดุ้งดีดตื่นขึ้นบนเตียงของโรงพยาบาล ความปวดร้าวยังแล่นปราดไปทั่วร่าง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเอลเดอร์ล่ะ”

“เพียวยังจะถามหามันทำไม มันทำให้เพียวต้องเป็นขนาดนี้นะ”

“เดียร์”

“ฮึก!!! รู้ไหมว่าสภาพที่เดียร์เห็นเพียวตอนแรกเป็นยังไง แล้วเพียวยังจะถามหาตาบ้านั่นอีกเหรอ”

ภาพทุกอย่างย้อนกลับมาในห้วงความทรงจำของเพียว มันทั้งเจ็บปวดและเจ็บใจ เพียวไม่รู้ว่าทำไมเอลเดอร์ถึงทำร้ายเพียวได้ขนาดนี้

“เพียว….รักตานั่นจริงๆงั้นเหรอ”

“เดียร์……”

แปะ….

น้ำตาหยุดแรกของวันหล่อนแหมะลงมากระทบหลังมือที่ขยุ้มผ้าห่มจนยับย่น เดียร์เองก็ได้แค่เพียงโอบกอดร่างสั่นเทาของเพื่อนสนิทเอาไว้เงียบๆเท่านั้น

“ไม่เป็นไรนะ เพียว….ไม่เป็นไรหรอก”

ลืมมันไปซะเถอะ….

วูบ~~

แสงอ่อนๆจากฝ่ามือของเดียร์ฉาบทั่วศีรษะของเพียวก่อนที่เด็กหนุ่มจะหลับไป

“บางอย่างก็ลืมมันไปซะ ต่อไปนี้จะมีแค่เพียวเพื่อนของเดียร์……ไม่มีซาตาน ไม่มีวันเดอร์เรอร์ และจะไม่มีเอลเดอร์”

ทุกอย่างถูกลบล้างไปจนหมดสิ้น…….

วูบ…

ดวงตาสีหวานบ๊องแบ็วกลายเป็นสีทองระเรื่อตวัดมองร่างเรือนร่างที่ปรากฏขึ้นด้านหลัง

“อย่ามาให้ข้าเห็นเจ้าอีก หากเจ้ากล้าย่ำกรายเข้ามาใกล้เขาอีกละก็ ข้าจะจัดการเจ้าเป็นคนแรก”

สิ้นเสียงเย็นยะเยือกจากเด็กสาวร่างเลือนรางก็หายไปพร้อมกับบรรยากาศปลอดโปร่งที่กลับมาอีกครั้ง

เอลเดอร์ยังคงมองร่างบอบบางของคนรักผ่านม่านน้ำ สีหน้าของเพียวดูสงบนิ่งและหลับสนิท

ดีแล้ว แบบนี้แหละดีแล้ว ทุกอย่างควรจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นของมัน

“แบบนี้แหละ……..ดีแล้ว”

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา