- - - - - - H A L F - - - - - - [ Y a o i ]

7.2

เขียนโดย Suhadelle

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 01.51 น.

  6 ตอน
  3 วิจารณ์
  8,652 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 02.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Chapter: 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เอ็มและฮาฟมาถึงวิหารโฮลี่แลนด์ตั้งแต่เช้าตรู่ แม้จะถือว่าเร็วกว่าปกติ ที่เอ็มมักจะเลือกมาส่งของช่วงบ่ายเสียมากกว่า เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดต้องใช้เวลาในการเตรียมหรือตากแห้งไว้ค่อนข้างนาน ถึงจะเอามาทำยาได้ จนบางทีกว่าจะปั้นยาเม็ดสุดท้ายเสร็จ ก็ต้องทำกันอย่างกระชั้นชิดในวันส่งของ
 
แต่ฮาฟจำได้ดี ว่าโนวาต้องฝึกใช้เวทย์ทุกเช้า เขาจึงถ่างตาตื่นจนดึกและทำงานนานกว่าปกติ เพื่อช่วยเอ็มเตรียมของส่งให้ทันช่วงเช้า 
 
หากในวันให้ทาน จะเป็นเพียงวันเดียวที่โนวาจะเปลี่ยนที่ฝึก จากลานฝึกชั้นในของวิหาร เป็นโรงทานของฮีลเลอร์ที่จะเปิดรักษาฟรี ถือเป็นการฝึกใช้เวทย์รักษาและทำความรู้จักกับเหล่าผู้ศรัทธาไปในเวลาเดียวกัน ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับฮาฟที่จะได้เจอกับโนวา ในฐานะประชาชนทั่วไปที่ไม่สามารถเข้าไปในวิหารชั้นในได้ 
 
แม้จะมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ฮาฟก็อดตื่นเต้นเสียมิได้ เมื่อมาถึงวิหารโฮลี่แลนด์ ที่ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้ง ก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อลังการ ข่มให้เขารู้สึกตัวเล็กกระจ้อยร่อย
 
วิหารหินสีขาวสะอาดตาขนาดมหึมาดูเหมือนกับปราสาทมากกว่าโบสถ์ ทั้งสวยงาม ดูสูงส่ง และศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองด้านของตัววิหารมีทางหินโค้งยาว เชื่อมจากตัวอาคารลงมายังลานกว้าง คล้ายกับมีสองปีกโอบรอบวิหาร  ดูเหมือนสร้างเพื่อความสวยงามมากกว่าจะใช้งานจริง 
 
วิหารแห่งนี้เป็นถือเป็นหนึ่งในวิหารหลัก เนื่องจากมีโรงเรียนผู้วิเศษผสมอยู่ด้วย รวมถึงหอสมุดที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอาณาจักรเวทย์ ทำให้มีผู้ใช้เวทย์และผู้วิเศษจากทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้ามาศึกษาและฝึกงาน 
 
วิหารใหญ่จึงแบ่งออกเป็นสองส่วน คือวิหารชั้นใน และวิหารชั้นนอก โดยชั้นในจะเป็นหอที่อยู่และโรงเรียนของผู้วิเศษ ลานฝึกและหอสมุด ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้ ต่างจากวิหารชั้นนอกที่เปิดให้ผู้ศรัทธาและนักท่องเที่ยวเข้ามาแสวงบุญ หรือติดต่อกับผู้วิเศษได้ เช่นโบสถ์สำหรับทำพิธีและสวดมนตร์ โรงทานที่ปกติจะเป็นโรงอาหารและห้องพยาบาลของผู้วิเศษ และลานกว้างหน้าวิหารสำหรับจัดพิธีกลางแจ้งหรืองานเทศกาลต่างๆ
 
ในวันให้ทานมักจะมีตลาดและร้านค้ามาเปิดใกล้ๆกับวิหารเสมอ เนื่องจากคนจำนวนมากที่มารวมกัน ไม่ว่าจะมารับทาน ให้ทาน และสวดมนตร์แสวงบุญ ทำให้บรรยากาศสุดสัปดาห์แถววิหารนั้นคึกคักเป็นพิเศษ เอ็มและฮาฟจึงเดินเลี่ยงลานกว้างที่แน่นไปด้วยฝูงชน
 
ทั้งสองพาดอนนี่ไปยังคอกสำหรับลูกจ้างของวิหารโฮลี่แลนด์ ฮาฟช่วยเอ็มลำเลียงสมุนไพรและยาไปส่งยังห้องเก็บสมุนไพรติดกับโรงทานของฮีลเลอร์ 
 
แต่ก่อนที่จะถึงที่หมาย เอ็มก็เอาของทั้งหมดไป แล้วปล่อยให้ฮาฟไปหาโนวาเอง โดยนัดเจอกันที่คอกหลังเที่ยง โดยเอ็มจะทำหน้าที่ไปรับเสบียง แล้วเอากลับมากินกับเขาเอง
 
ฮาฟพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้จะอยากช่วยจนสุดทาง แต่การปรากฏตัวของเขาคงจะทำให้นางเดือดร้อนมากกว่า เนื่องจากเอ็มค่อนข้างมีชื่อเรื่องเข้าไม่ได้กับเด็ก ดังนั้นเด็กคนเดียวที่อยู่ข้างนางได้จึงเป็นเขาเสมอ แม้จะยังใส่ผ้าคลุมอยู่ แต่ก็คงจะเดาไม่ยากว่าเป็นเขา หากโผล่ไปให้เห็นพร้อมกัน
 
อย่างน้อยเอ็มก็ไว้ใจเขามากพอที่จะดูแลตัวเองได้ ฮาฟพยายามคิดในแง่บวกไว้ก่อน ซึ่งก็ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น
 
แต่ก่อนที่ฮาฟจะแยกกับเอ็ม นางจ้องเขาเงียบๆ จนฮาฟนึกว่าผ้าคลุมของตัวเองมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ไม่ทันที่เขาจะยกมือขึ้นจัดผ้าคลุม เอ็มก็เอ่ยขึ้นในที่สุด
 
“ข้าไม่ห้ามเจ้าเป็นเพื่อนกับโนวาก็จริง แต่เจ้าต้องระวังสายตาคนอื่นเป็นพิเศษ ต่อให้เจ้ากำลังเดือดร้อน ก็อย่าให้เขาช่วยให้ใครเห็น เข้าใจไหม” 
 
ดวงตาสีมรกตมองเขาอย่างห่วงใย เอ็มมักจะพูดกับเขาตรงๆเสมอ และฮาฟก็โดนรังเกียจมามากพอ ที่จะรู้ว่าพวกผู้ใหญ่นั้นมักไม่ชอบให้เขาเข้าใกล้ลูกหลานของตัวเอง 
 
แม้จะเศร้าใจ แต่ฮาฟก็เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องคบกับโนวาแบบหลบๆซ่อนๆ 
 
“เจ้าปรับตัวเร็วเสมอ แถมเข้าใจง่ายเหมือนอาซาเลียไม่มีผิด” เอ็มยิ้มอย่างเอ็นดูปนเห็นใจ
 
แม้จะมีรสขมจากความไม่เป็นที่ต้องการของผู้อื่น แต่รสชาตินั้นก็เจือจางลงเมื่อรู้ว่ายังมีอีกสองคนที่มองเขาด้วยสายตาที่ห่วงใยเช่นนี้ 
 
ฮาฟกอดเอวของเอ็มแทนคำลา ก่อนจะจากมาเพื่อไปหาโนวา 
 
 
 
 
โรงทานของฮีลเลอร์มีขนาดเทียบเท่ากับห้องโถงใหญ่เพดานสูง ภายในดูสว่างและอากาศถ่ายเทได้ดี เตียงผู้ป่วยตั้งเรียงรายอยู่เต็มห้อง ซึ่งโดนจับจองโดยไม่เหลือที่ว่าง แถมยังมีคนรอใช้บริการอีกมาก จนล้นออกมาเป็นคิวยาวอยู่นอกห้อง
 
ฮาฟไม่ต้องเสียเวลานานในการหาโนวา เนื่องจากผู้วิเศษส่วนมากที่มาทำหน้าที่ฮีลเลอร์ จะต้องผ่านการฝึกฝนหลายปี จึงจะเข้ามารักษาผู้ป่วยในโรงทานได้ หากเป็นผู้ป่วยที่อาการไม่หนักมาก ก็จะถูกส่งให้กับนักเรียนผู้วิเศษได้ฝึกวิชา ถึงกระนั้นนักเรียนที่จะผ่านเกณฑ์ก็มักจะอยู่ในปีศึกษาที่สูง อายุเฉลี่ยที่สิบหกปี แต่โนวาที่มีพลังเวทย์แก่กล้ากว่าผู้วิเศษทั่วไป และเรียนข้ามหลักสูตรไปไกลกว่าคนวัยเดียวกัน ทำให้เขาได้มาฝึกใช้เวทย์รักษาตั้งแต่เด็ก 
 
เพียงมองหาฮีลเลอร์ที่อายุน้อยสุดในโรงทาน ฮาฟก็เจอโนวาที่ดูโดดเด่นในชุดผู้วิเศษสีขาวสะอาดตา 
 
ฮาฟที่แอบมองหาโนวาตรงหน้าต่าง ไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปหาอีกฝ่ายได้อย่างไร มีเพียงผู้ป่วยเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าโรงทาน สงสัยเขาคงต้องรอจนกว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าที่เสร็จ แล้วไปดักรอตรงทางออก 
 
เมื่อตัดสินใจได้ ฮาฟก็ได้แต่เกาะขอบหน้าต่างรอต่อไป 
 
ดวงตาสีดำขลับจ้องมองการรักษาในห้องอย่างเพลิดเพลิน และใฝ่ฝันว่าซักวันตัวเองจะมีโอกาสได้รักษาผู้อื่นแบบนั้นบ้าง 
 
ฮาฟไม่ได้ต้องการที่จะเป็นผู้วิเศษเพื่อใช้เวทย์ได้ แต่ที่เขาต้องการ...คือสายตายอมรับจากผู้คนต่างหาก 
 
ไม่เคยมีใครกล้าเข้าใกล้ฮาฟ ไม่ว่าจะพยายามเป็นมิตรด้วยเท่าไหร่ก็ตาม
 
แต่ถ้าเขาสามารถรักษาผู้อื่น อย่างที่ผู้วิเศษทำได้ คำขอบคุณและสายตาชื่นชมแสนเป็นมิตรเหล่านั้น อาจจะมองมาทางเขาบ้าง 
 
ฮาฟต้องการเป็นที่ยอมรับ
 
 
 
 
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฮาฟก็ได้โอกาส โนวามีทีท่าว่าจะเดินออกมาจากโรงทาน ฮาฟรีบตามไปรอยังทางออกที่โนวามุ่งหน้าไป
 
“โนวา” 
 
ฮาฟส่งเสียงเรียกจากหลังเสาที่ตัวเองแอบอยู่ เจ้าของชื่อที่เพิ่งเดินพ้นประตูออกมา เหมือนไม่เชื่อหูตัวเองในตอนแรก ฮาฟจึงเรียกอีกครั้ง โดยพยายามไม่ให้ดังเกินไปจนเรียกความสนใจจากคนอื่น
 
เหมือนโนวาจะจำเสียงเขาได้ เด็กชายหันมาตามเสียงพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะตรงไปยังหลังเสาที่ฮาฟซ่อนอยู่
 
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?!” 
 
โนวาดูดีใจที่ได้เจอเขา ฮาฟรู้สึกอุ่นในอกอย่างอธิบายไม่ถูก รอยยิ้มเผยบนใบหน้าอย่างหยุดไม่ได้
 
“ข้าอยากเจอเจ้า” 
 
ฮาฟบอกออกไปตรงๆ ทำเอาคนฟังตั้งตัวไม่ทัน หน้าแดงกับความซื่อตรงของอีกฝ่าย
 
โนวามองไปรอบด้าน ก่อนจะจูงมือพาฮาฟเดินหลบไปยังมุมลับตาคนไม่ห่างไปนัก หลังพุ่มไม้ในสวนหย่อมติดกับโรงทานของฮีลเลอร์ 
 
“ข้าอยากไปหาเจ้าหลายคืนแล้ว แต่หาโอกาสไม่ได้เสียที” โนวาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด 
 
ฮาฟยอมปลดผ้าคลุมออกในที่สุด เผยรอยยิ้มสดใส ไม่มีทีท่าว่าจะหงุดหงิดที่ต้องรอเก้อมาหลายคืน
 
“ไม่เป็นไรหรอก เรามาเจอกันทุกวันให้ทานแบบนี้ก็ได้ เจ้าจะได้ไม่ต้องเสี่ยงหนีออกมาเองตลอด” 
 
รอยยิ้มยังคงไม่หายไปจากใบหน้าของฮาฟ ดวงตาสีดำขลับเป็นประกายดูน่ารัก จนใครเห็นก็รู้สึกอยากจะกอดเสียมิได้
 
“จริงสิ เจ้าบอกว่าถ้าเจอกันอีก จะแสดงความสามารถใหม่ให้ดู” 
 
ฮาฟมองอย่างคาดหวัง กระชับมือที่โนวายังจูงค้างไว้ พอรู้ตัวว่ายังไม่ได้ปล่อยมืออีกฝ่าย โนวาก็ยอมปล่อยอย่างขัดเขิน 
 
“ท...ทำตรงนี้ไม่ได้หรอก มันค่อนข้างสะดุดตาน่ะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”  
 
แววตาเสียดายของฮาฟ ทำให้โนวาอยากจะหาทางปลอบอีกฝ่าย ก่อนจะทันนึกบางอย่างขึ้นได้
 
“เรามาหา ‘ฐานลับ’ กันดีกว่า” 
 
“ฐานลับ?”
 
“ใช่! ฐานลับที่เราจะมาเจอกันที่วิหารได้ทุกวันให้ทาน แล้วก็กว้างพอให้เราสองคนเล่นได้ ข้าจะได้แสดงเวทย์ใหม่ๆให้เจ้าดู อ้อ! แล้วเจ้าจะได้เป็นเพื่อนฝึกกับข้าอีกด้วย”
 
โนวาเอ่ยอย่างตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกาย เขาไม่เคยสนิทกับใครมากพอที่อยากจะหาฐานลับไว้เล่นด้วยกันมาก่อน ฮาฟก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน คำว่า ‘ฐานลับ’ เต็มไปด้วยอารมณ์ผจญภัย จนเขาอยากจะพุ่งออกจากพุ่มไม้ไปหาด้วยกันกับโนวาทันที
 
ทั้งสองสบตากัน โดยไม่ต้องเอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น โนวาและฮาฟก็ออกวิ่ง ตามหาฐานลับพร้อมเสียงหัวเราะ
 
 
 
 
การผจญภัยมักมีอุปสรรคเสมอ 
 
โนวาเจออาจารย์ระหว่างทาง แม้จะพยายามเลี่ยงสายตา แต่สุดท้ายก็โดนเรียกให้เข้าไปคุยในตัวโบสถ์ด้วยอยู่ดี ฮาฟจึงได้แต่รออยู่ข้างนอกห่างๆ พยายามจัดผ้าคลุมให้บังใบหน้ามากขึ้น  
 
ตอนนี้พวกเขามาอยู่แถวโบสถ์สำหรับทำพิธีและสวดมนตร์ หลังจากสำรวจแถวโรงทานของฮีลเลอร์และโรงอาหารแล้ว ยังไม่เจอฐานลับที่ต้องการ เนื่องจากมีผู้คนผ่านไปผ่านมาเยอะเกินไป ทั้งยังไม่มีห้องว่างหรือเขตร้างที่ไม่โดนใช้งาน ซึ่งจะหาได้ง่ายกว่าในวิหารชั้นใน แต่ฮาฟก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ถ้าโนวาไม่ได้เรียนและใช้ชีวิตอยู่กินในวิหารโฮลี่แลนด์ พวกเขาอาจจะหาฐานลับได้ง่ายกว่านี้
 
ระหว่างที่รอโนวาอยู่นั้น มีกลุ่มนักเรียนผู้วิเศษวัยรุ่นสามคนเดินผ่าน ฮาฟพยายามหลบให้พ้นสายตาของทั้งสาม แต่ดูเหมือนว่าผ้าคลุมเก่าๆของเขาจะไปสะดุดตาเข้า 
 
“เฮ้ แถวนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นะ ถอดผ้าคลุมออกซะ” 
 
นักเรียนผู้วิเศษที่ตัวสูงสุดในกลุ่มร้องทัก จนคนอื่นเริ่มหันมาสนใจ  
 
“ใช่แล้ว เจ้าไม่ให้เกียรติสถานที่อย่างนี้ได้ไง ห้ามใส่ผ้าคลุมและหมวกในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นะ” นักเรียนผู้วิเศษที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยสมทบ
 
ที่จริงแล้วกฏที่ว่านั้นมันใช้ ‘ใน’ ตัวโบสถ์ที่มีการสวดมนตร์ แต่เมื่อคำสอนของโฮลี่เป็นที่นิยมและมีคนศรัทธาเพิ่มขึ้น ก็มีคนที่เคร่งครัดมากขึ้น จนบางทีกฏระเบียบถูกเอามาปฏิบัติเกินจริง หรือไม่ก็ตีความหรือต่อยอดจนเข้มงวดกว่าเดิม 
 
เช่นกฏห้ามปกปิดศีรษะและใบหน้าเมื่ออยู่ภายใต้สายตาของโฮลี่นั้น เมื่อก่อนก็ใช้เมื่ออยู่ในที่ๆมีเทวรูปของโฮลี่ตั้งอยู่ อย่างในโบสถ์เป็นต้น แต่บางคนที่เคร่งขึ้นกลับตีความกฏข้อนี้ว่า โฮลี่นั้นมองเห็นทุกสิ่ง ดังนั้นในวิหารทุกจุดจึงไม่ควรใส่หมวกหรือผ้าคลุมหน้าคลุมตาเด็ดขาด พอทำไปทำมาก็ทำตามๆกัน จนกลายเป็นธรรมเนียมที่เข้าใจว่าเป็นกฏ
 
ฮาฟอยากจะเถียงว่าตัวเองอยู่นอกตัวโบสถ์จึงไม่ต้องปลดผ้าคลุม แต่เขาก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเพื่อเรียกความสนใจจากรอบข้าง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากปลดผ้าคลุมออก ฮาฟจึงตัดสินใจที่จะก้มหัวแทนการขอโทษ แล้วเดินเลี่ยงออกมาแทน 
 
แม้จะทำท่านอบน้อม แต่การที่ฮาฟไม่ยอมถอดผ้าคลุมออก กลับทำให้นักเรียนผู้วิเศษหงุดหงิดมากขึ้น กับท่าทางไม่เชื่อฟังจนรู้สึกเหมือนโดนท้าทายอำนาจ 
 
ก่อนที่ฮาฟจะทันหนีรอดไปได้ หนึ่งในนักเรียนผู้วิเศษก็ยื่นมือมากระชากผ้าคลุม แต่ด้วยความเก่าของเนื้อผ้า รวมทั้งแรงออกตัวของฮาฟ และแรงกระชากของฝ่ายตรงกันข้าม ทำให้ผ้าคลุมขาดติดคามือนักเรียนผู้วิเศษ!
 
ฮาฟหันกลับมาตามแรงกระชากอย่างตื่นตระหนก แต่ฝ่ายที่ตกตะลึงมากกว่าคือสามนักเรียนผู้วิเศษ เมื่อได้พบกับเด็กรูปงามราวกับทูตสวรรค์ รูปลักษณ์หน้าตาชวนหลงไหล แม้จะอยู่ในชุดชาวบ้านเก่าๆยังดูน่ารักน่าเอ็นดู
 
ในขณะที่นักเรียนผู้วิเศษทั้งสามยังมองฮาฟตาค้างอยู่ หนึ่งในนั้นก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก ประกายตาต้องมนตร์เสน่ห์แปรเปลี่ยนเป็นเกลียดชังในพริบตา 
 
“ข...ข้ารู้จักเจ้านี่ ฮาฟที่มีตาดำ ผมดำ ผิวขาว มันเป็นปีศาจที่งามที่สุด ป้าข้าเคยบอกเอาไว้”
 
เพียงได้ยินคำว่า ‘ฮาฟ’ คนฟังก็เข้าใจในทันทีว่าเด็กรูปงามชวนหลงไหลตรงหน้าเป็นลูกผสมพ่อมดแม่มดดำ แม้ฮาฟจะไม่ค่อยออกมาจากป่าเท่าไหร่ แต่เนื่องจากรูปลักษณ์หน้าตาที่โดดเด่น ทำให้เป็นที่รู้จักอยู่พอควร แถมเขายังเป็นฮาฟเพียงคนเดียวในเมืองแห่งนี้
 
“เจ้ากล้าดียังไง ถึงมาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้!” 
 
“ใช่แล้ว! เจ้ากล้าดียังไงมาทำให้วิหารแปดเปื้อน!!!”
 
“ตายละ! ข้าเผลอแตะมันเข้า พรุ่งนี้ข้าจะสอบอยู่แล้ว ซวยจริงๆ!!!” นักเรียนผู้วิเศษที่กระชากผ้าคลุมของฮาฟติดมือมาด้วย รีบโยนของในมือทิ้งอย่างขยะแขยง 
 
เจ็บ
 
ฮาฟนึกว่าตัวเองควรจะชินกับท่าทางแบบนี้แล้ว แต่มันก็ยังคงเจ็บในอกอยู่ดี 
 
ทั้งเจ็บใจทั้งโมโหกับท่าทางของกลุ่มคนตรงหน้า รสขมของการถูกรังเกียจเพียงเพราะชาติกำเนิดที่เขาเลือกไม่ได้ และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเลือดของพ่อมดดำที่ไหลเวียนอยู่ในตัว 
 
คำดูถูกที่ทำให้เขารู้สึกสกปรก ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด 
 
แต่ฮาฟไม่มีเวลาโต้เถียง เสียงของพวกนักเรียนผู้วิเศษเริ่มเรียกความสนใจจากคนที่เดินผ่านไปมา
 
ทั้งๆที่ไม่อยากมีเรื่องกับใคร แต่ฮาฟไม่คาดคิดว่าจะมีคนจำเขาได้เร็วเท่านี้ ขนาดเขาไม่ยอมถอดผ้าคลุม กลุ่มคนตรงหน้ายังโมโหขนาดนี้ พนันได้เลยว่าการที่เขาเป็นลูกผสมพ่อมดดำคงโดนหนักกว่าเดิม 
 
สำหรับหลายคน...การที่เขาหายใจก็ผิดแล้ว
 
ฮาฟเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เขารู้ดีว่าหากปล่อยไปเรื่อยๆ คงได้ทะเลาะกันจนเลือดตกยางออกแน่ และคนที่ผิดเสมอก็คือเขา 
 
แม้จะลังเลที่จะทิ้งโนวาไปเฉยๆ แต่ทันทีที่ฮาฟสังเกตเห็นเรือนผมสีทองสว่าง และสีหน้าโมโหเหมือนจะเอาเรื่องของโนวา ที่กำลังตรงเข้ามาทางทิศของเขา คำเตือนของเอ็มก็ย้อนกลับมาในหัว 
 
“...เจ้าต้องระวังสายตาคนอื่นเป็นพิเศษ ต่อให้เจ้ากำลังเดือดร้อน ก็อย่าให้เขาช่วยให้ใครเห็น เข้าใจไหม...” 
 
ฮาฟไม่รอช้า รีบคว้าผ้าคลุมเก่าๆขาดวิ่นของตัวเอง แล้วกระโจนข้ามรั้วหิน วิ่งตัดสวนจากไปอย่างรวดเร็ว
 
 
 
 
“ทำไมเจ้ามาช้าจัง ข้ามารอตั้งนานแล้ว”
 
โนวาเอ่ยทักฮาฟและเอ็มที่เพิ่งขี่ดอนนี่กลับมายังกระท่อม ร่างเล็กนั่งรอหน้าประตูไม้เก่าๆ โดยไม่สนใจว่าชุดขาวสะอาดตาของตัวเองจะเปราะเปื้อนหรือไม่ โนวาลุกขึ้นเดินตรงมาหาเจ้าบ้านที่เพิ่งกลับมา
 
“ข้าต้องรอเอ็มน่ะ ถึงจะกลับมาพร้อมกันได้” 
 
ฮาฟกระโดดลงจากหลังดอนนี่อย่างคล่องแคล่ว รอยยิ้มดีใจปรากฏบนใบหน้า แม้ดวงตาสีดำขลับนั้นจะไม่เป็นประกายเท่าเดิมก็ตาม
 
“เจ้าหนีเรียนมาหรือ? เดี๋ยวก็โดนลงโทษอีกหรอก” ฮาฟเอ่ยอย่างเป็นห่วง 
 
“ไม่เป็นไร ข้ายอม” 
 
โนวาเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริง หากแววตาแน่วแน่ของเด็กชายก็บ่งบอกชัดเจน ว่าเจ้าตัวพร้อมจะเจ็บตัวเพื่อมาหาอีกฝ่ายให้ได้ 
 
ฮาฟไม่รู้ว่าในขณะนี้เขารู้สึกอะไรบ้าง อารมณ์มากมายปะปนจนเขาสับสน ความดีใจเคล้าคลอไปกับความห่วงใย และความเศร้าที่แฝงเข้ามา เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องเสี่ยงเจ็บตัว เพียงเพื่อมาหาเขา
 
“ไม่ต้องห่วงน่า วันให้ทานเป็นวันที่ข้ามีเวลาว่างที่สุด แค่กลับไปทันสวดมนตร์ช่วงเย็นก็พอแล้ว” 
 
โนวาปลอบเพื่อนที่ดูซึมไป แต่ไม่ทันได้คุยไปมากกว่านั้น เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นประท้วงผู้วิเศษน้อยที่พุ่งมาดักรอเพื่อนจนลืมกินข้าวเที่ยง
 
“ข...ข้ารีบมาน่ะ” โนวาเอ่ยพร้อมหน้าแดงกับท้องเจ้ากรรมที่ยังประท้วงไม่เลิก
 
ฮาฟอดยิ้มเสียไม่ได้ เขาพยายามกลั้นหัวเราะโดยการเอ่ยชวน “งั้นเราไปปิกนิกกัน!”
 
ปกติหลังวันส่งของ ฮาฟและเอ็มมักจะให้รางวัลตัวเองโดยการไปปิกนิกที่ริมทะเลสาบเสมอ วันนี้พวกเขากลับมาเร็ว จึงวางแผนจะไปปิกนิกช่วงบ่ายด้วยกัน 
 
แต่เอ็มพอจะดูจากสีหน้าและท่าทางของฮาฟออก ว่าเจ้าตัวเจอเรื่องมาระหว่างแยกกันที่วิหารโฮลี่แลนด์ ยิ่งได้เห็นผ้าคลุมขาดวิ่นของฮาฟ นางยิ่งมั่นใจ 
 
เอ็มปล่อยให้ฮาฟและโนวาไปปิกนิกกันสองคน เปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้คุยกัน โดยอ้างว่านางยังต้องดูแลดอนนี่และสะสางงานให้เสร็จก่อน 
 
เอ็มไม่เปิดโอกาสให้ฮาฟเปลี่ยนใจ จัดเตรียมตะกร้าอาหารให้เสร็จสรรพ แล้วยึดผ้าคลุมของฮาฟมาเพื่อซ่อมแซม
 
ฮาฟกอดเอ็มอย่างขอบคุณ แล้วจากมา
 
 
 
 
โนวาไม่เคยรู้มาก่อนว่าในป่าของผู้วิเศษจะมีทะเลสาบที่สวยขนาดนี้
 
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องบนผิวน้ำระยิบระยับ ดอกไม้นานาพันธุ์แต่งแต้มสีสันของฤดูใบไม้ผลิทั่วทะเลสาบ อากาศเย็นสบาย ชวนพักให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสงบๆที่งดงาม
 
“สวยใช่ไหมล่ะ พ่อข้าขอแม่แต่งงานที่นี่” 
 
ฮาฟเอ่ยพร้อมรอยยิ้มสดใส โนวาพยักหน้าเห็นด้วย เขารู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเห็นได้ชัดว่าฮาฟกำลังพาเขามาในที่ๆสำคัญสำหรับเจ้าตัว มันทำให้เขารู้สึกได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากกว่าเดิม แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฮาฟเอ่ยถึงพ่อของตัวเอง ราวกับเจ้าตัวเริ่มเปิดใจกับเขามากขึ้น
 
ฮาฟพาโนวาเดินลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบ จนมาหยุดอยู่หน้าเนินดินแห่งหนึ่ง พุ่มดอกไม้ที่โนวาไม่รู้ชื่อโตอยู่รอบๆ เหนือเนินดินมีป้ายหลุมศพไม้เรียบๆ ที่ชาวบ้านมักใช้กันเพราะไม่มีเงินพอซื้อป้ายหิน บนป้ายไม้มีภาพสลักของดอกไม้งามชนิดเดียวกันกับที่โตอยู่รอบๆ ใต้ภาพมีชื่อกับวันเกิดและวันตายของเจ้าของหลุมศพ ที่เริ่มเลือนลางไปตามกาลเวลาจนยากจะอ่านออก 
 
“แม่ ข้าพาโนวามาหาตามสัญญาแล้ว! คนที่ข้าเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อนสนิทข้าเอง” ฮาฟเอ่ยทักทายหลุมศพพร้อมรอยยิ้ม 
 
โนวารู้สึกขัดเขินเล็กน้อย เมื่อฮาฟพูดอย่างเต็มปากว่าเขาเป็น ‘เพื่อนสนิท’ แถมยังพามารู้จักกับแม่ของฮาฟที่เขาเคยแต่ได้ยินจากอีกฝ่ายอย่างรักใคร่เสมอ แม้ฮาฟจะไม่เคยได้รู้จักด้วยตัวเองก็ตาม
 
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” โนวาโค้งคำนับป้ายหลุมศพตรงหน้า
 
“น่าเสียดายนะ ที่นี่ไกลจากวิหารไปหน่อย เราคงเอาเป็นฐานลับไม่ได้ แถมแม่ข้าคงได้เห็นหมดว่าเราทำอะไรกันบ้าง” 
 
ฮาฟเอ่ยอย่างเสียดาย ก่อนจะเริ่มปูผ้าตรงหน้าหลุมศพ แล้วเอาอาหารจากตะกร้าออกมาจัดเรียง โนวาไม่เคยปิกนิกหน้าหลุมศพมาก่อน แต่วิวรอบด้านก็สวยงาม ไม่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนป่าช้าแม้แต่น้อย
 
ทั้งสองกินมื้อเที่ยงเรียบๆ แม้จะไม่มีเมนูหรูหราหรือวัตถุดิบชั้นยอดที่โนวาคุ้นปาก แต่เขากลับรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ที่กินกับฮาฟสองคนหน้าหลุมศพริมทะเลสาบ กลับอร่อยยิ่งกว่าอาหารมื้อใดที่เขาเคยได้ลิ้มรส
 
“โนวา” 
 
ฮาฟเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทั้งสองจัดการมื้อเที่ยงเสร็จ พวกเขานั่งมองวิวทะเลสาบตรงหน้าอย่างสบายๆ
 
“ข้าขอโทษนะ” 
 
โนวาหันกลับมามองฮาฟที่ดูสำนึกผิด ถ้าเขาคาดเดาถูก อีกฝ่ายคงกำลังโทษตัวเอง ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นกับกลุ่มนักเรียนผู้วิเศษวันนี้เป็นแน่
 
“เจ้าไม่ผิด! จะขอโทษทำไม คนที่ต้องขอโทษคือสามคนนั้นต่างหาก” 
 
โนวาเอ่ยอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เขาโมโหจนอยากใช้กำลังกับพวกผู้วิเศษเป็นครั้งแรก
 
“พวกนั้นไม่รู้จักเจ้าด้วยซ้ำ แต่เกือบทำร้ายเจ้าแค่เพราะรู้ว่าเจ้าเป็นฮาฟ” 
 
คำว่า ‘ปีศาจ’ และท่าทางขยะแขยงของผู้วิเศษด้วยกันเองที่ทำร้ายเด็กตัวเล็กๆ ทำให้โนวาทั้งโมโหและอับอาย
 
“สามคนนั้นผิดก็จริง แต่จะโทษพวกเขาไปเสียทั้งหมดก็ไม่ถูก พวกเขาโดนสอนตั้งแต่เด็กว่าพ่อมดแม่มดดำอันตราย จะกลัวข้าก็ไม่แปลก”
 
“เจ้าไม่ใช่พ่อมดดำ!”
 
“แต่ข้าเป็นฮาฟ”
 
ทั้งสองเงียบลง โนวายังคงดูหงุดหงิดไม่ชอบใจ ในขณะที่ฮาฟดูจะยอมรับกับท่าทางไม่เป็นมิตรของคนอื่นมากกว่า 
 
แต่ทั้งคู่ก็เข้าใจ ถึงน้ำหนักของคำว่า ‘ฮาฟ’ เพราะพวกเขาโตมาในสังคมที่หวั่นเกรงพ่อมดแม่มดดำ จนกระทั่งใครที่มีความเกี่ยวข้องแม้เพียงเล็กน้อยหรือเป็นแค่ข่าวลือก็ตาม ผู้คนรอบข้างก็พร้อมที่จะลงทัณฑ์และกีดกันให้ไกลห่าง 
 
“โนวา...ทำไมเจ้ายังดีกับข้าเหลือเกิน ทั้งๆที่รู้ว่าข้ามีเลือดพ่อมดดำอยู่”
 
โนวาครุ่นคิดกับคำถามที่เขาเคยตั้งไว้หาคำตอบเช่นกัน แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่แน่ใจ ว่าเหตุใดฮาฟจึงดึงดูดเขาขนาดนี้
 
“ไม่รู้ซิ...ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้าน่าสนใจ ข้าอยากเล่นกับเจ้ามากกว่าทุกคนที่ข้าเคยรู้จัก”
 
คำตอบตรงๆของโนวา ทำเอาฮาฟหน้าแดง พร้อมเผยรอยยิ้มดีใจเหมือนเจ้าตัวเก็บไว้ไม่อยู่ ดูน่ารักเสียจนโนวาอยากจะหยิกแก้มแรงๆ
 
“แล้วเจ้าล่ะ ทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนกับข้านัก เท่าที่ข้าดูมา พวกผู้วิเศษไม่น่าจะดีกับเจ้าเท่าไหร่” โนวาพยายามหยุดมือตัวเองไม่ให้ไปหยิกแก้มอีกฝ่าย พร้อมเอ่ยคำถามที่เขาสงสัยมานาน
 
“ไม่หรอก บางคนก็ใจดีกับข้านะ แค่ทำต่อหน้าคนอื่นไม่ได้เท่านั้นเอง แต่มีเจ้านี่แหละที่ดีที่สุด” 
 
แม้คำตอบแรกจะทำให้โนวาสงสัยว่า ‘บางคน’ นั้นเป็นใคร จนรู้สึกตะหงิดๆเล็กน้อย แต่ประโยคสุดท้ายก็ทำให้เขาชื่นใจจนอดยืดอกเสียมิได้
 
“เจ้าไว้ใจคนมากไป”
 
“ส่วนเจ้าก็ขี้ระแวงเกินไป”
 
 
ทั้งสองสบตากัน ก่อนจะแย้มรอยยิ้ม แล้วหัวเราะอย่างออกรสก้องทะเลสาบ ตามมาด้วยเสียงเล่นกันอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายของฤดูใบไม้ผลิ

---------------------
 
 
 
 
สำหรับวิหารโฮลี่แลนด์ เอาภาพพจน์บางส่วนมาจากปราสาท Numara จากเกมส์ Lost Odyssey ค่ะ เป็นเกมส์ที่ทำเนื้อเรื่องดีมาก ใครไม่เคยเล่นลองไปหามาลองดูได้ค่ะ
 

 
รูปเล็กไปนิด ขออภัย
 
 
 
 

ตรงช่วงที่ฮาฟต้องเผชิญหน้ากับนักเรียนเวทย์ ทำให้คิดถึงเหตุการณ์ในชีวิตจริงและประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ที่มีการเหยียดเชื้อชาติ สีผิว ความเชื่อ และเพศสภาพกัน 
 
เช่นการกดขี่คนดำจนแม้กระทั่งห้องน้ำก็ต้องใช้แยกของคนผิวขาวหรือผิวดำ แยกโรงเรียนคนผิวขาวหรือผิวดำ แยกที่นั่งของคนผิวขาวหรือผิวดำ หรือการที่คนผิวดำทำผิดกฏหมายหากนั่งข้างคนผิวขาวในโรงหนัง หรือพบว่ามีความสัมพันธ์ด้วยกัน คล้ายกับการที่นักเรียนเวทย์นั้นรู้สึกขยะแขยงเมื่อเผลอแตะผ้าคลุมของฮาฟเข้า และพร้อมจะตีห่างหรือใช้กำลัง
 
นิยายเรื่องนึงที่เขียนดีมากเกี่ยวกับเรื่องการเหยียดสีผิวคือเรื่อง 'To kill a Mockingbird' หรือแปลไทยว่า 'ผู้บริสุทธิ์' เป็นนิยายคลาสสิคที่เขียนดีมาก พิมพ์แล้วพิมพ์อีก ลองไปหามาอ่านดูได้ค่ะ
 
คนเรามักจะกลัวสิ่งที่แตกต่าง เนื่องจากเป็นส่วนที่ติดมากับสัญชาตญาณเอาตัวรอดในการวิวัฒนาการของมนุษย์ 
 
ลองคิดดูนะคะว่าทำไมเราถึงกลัวคนที่ดูแตกต่าง หรือบางทีดูเหมือนกับเรา แต่พอมีป้ายแปะเท่านั้นแหล่ะว่าความเชื่อไม่เหมือนเรา รสนิยมไม่เหมือนเรา เราก็เริ่มตั้งแง่ หรือพร้อมที่จะเกลียดหรือทำร้ายในทันที
 
เราเกลียด เพราะโดนสอนให้เกลียดหรือไม่
 
และเราเกลียดพอที่พร้อมจะทำร้ายคนแปลกหน้า เพียงเพราะได้ยินมาว่าคนพวกนี้สมควรโดนทำร้ายหรือไม่
 
เราได้ทำความรู้จักคนเหล่านั้น ก่อนที่จะเชื่อข่าวลือหรือไม่
 
เราพร้อมจะเกลียดและทำร้ายคนที่โดนแปะป้ายว่าแตกต่างเหล่านั้น เพราะอะไร?

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา