ทรายเสน่หามนตราไอยคุปต์
8.7
เขียนโดย เข็มมุก
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 20.43 น.
6 ตอน
2 วิจารณ์
8,365 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 23.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เจ้าชาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เจ้าชาย!! อยู่ที่ไหนพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายอัคเมนรา” เสียงของเหล่ามหาดเล็กทั้งหลายวิ่งวุ่นตามหากันอย่างโกลาหล เมื่อไม่มีผู้ใดพบเห็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งดินแดนไอยคุปต์หรือประเทศอียิปต์ในปัจจุบันอยู่ในพลับพลาที่ประทับของพระองค์เมื่อถึงยามค่ำแล้ว
เจ้าชายอัคเมนรา องค์รัชทายาทของฟาโรห์เนฟติ ฟาโรห์ผู้เป็นใหญ่ กษัตริย์องค์ที่เรื่องอำนาจที่สุด ทรงเป็นผู้ปกครองทั้งอียิปต์เหนือและอียิปต์ใต้โดยชอบธรรม องค์ฟาโรห์ทรงอภิเษกกับพระมเหสีเนเฟอเรติ สตรีผู้ที่งดงามที่สุดในมหานครอียิปต์ หากแต่พระมเหสีเนเฟอเรติทรงมีพระชนมายุสั้นนัก เมื่อประสูติองค์ชายรัชทายาทให้แก่ราชวงศ์ ก็ต้องสิ้นพระชนม์ชีพเพราะตกพระโลหิตไปมากในการประสูติพระโอรสนั่นเอง เจ้าชายอัคเมนราจึงเป็นที่รักยิ่งขององค์ฟาโรห์รองมาจากเสด็จแม่ของพระองค์ แต่หลังจากนั้นไม่นานนักองค์ฟาโรห์ก็ได้แต่งตั้งมเหสีองค์ใหม่ขึ้นมาจากหนึ่งในบรรดาพระสนมทั้งหลายคือ พระนางอนัคซูนามุน และก็ให้กำเนิดพระโอรสซึ่งร่วมสายพระโลหิตของพระบิดาเช่นเดียวกับพระองค์นามว่า รามูเนส ตามมาด้วยอีกพระองค์
“องค์ชาย ทรงประทับอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ออกมาเถอะ มหาวิหารแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จดี เกิดมันพังถล่มลงมา ฝ่าบาทจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากองค์ชายทรงเป็นอะไรไปอีกพระองค์” เสียงของนายพลมูเทต ทหารเอกคู่ใจของฟาโรห์เนฟติที่เป็นทั้งพระอาจารย์และองครักษ์คนสนิทในคราวเดียวกัน ตะโกนเรียกอยู่ด้านนอกห้องโถงบูชาของมหาวิหาร
“ท่านนี่ช่างรู้ใจเราดีเกินไปนะ นายพลมูเทต” เสียงทุ้มกังวานดังผ่านความมืดของตัววิหารออกไปอย่างขัดใจ พร้อมกับเจ้าของเสียงที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแต่เพียงอยากให้พระองค์เสด็จกลับไปพักยังพลับพลาหลวงที่ประทับทางด้านโน้นมากกว่า ทรงมาประทับอยู่มหาวิหารแห่งนี้ยามวิการณ์เช่นนี้ หากมีเหตุร้ายอันใดเกิดขึ้นกับพระองค์ กระหม่อมไม่รู้จะแก้ตัวกับฝ่าบาทเยี่ยงไร และต่อให้หัวขาดไปแล้วก็ไม่สามารถหาเหตุผลไปอธิบายให้กับพระมารดาของพระองค์ในโลกเบื้องหน้าได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” นายพลมูเทตกล่าว
“เฮ้อ!! พอเถอะท่านนายพล เรารู้ว่าท่านหวังดี แต่เราเหนื่อยกับการล่าสัตว์เมื่อตอนกลางวันเต็มที แล้วตอนนี้...เสด็จพ่อก็คงกำลังดื่มฉลองอยู่กับพระมเหสีและโอรสของพระองค์อยู่ เราไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศอันเป็นสุขของครอบครัวเสด็จพ่อ” อัคเมนรากล่าวพร้อมกับเดินดูการต่อเติมมหาวิหารไปด้วย
“องค์ชาย...ปีนี้พระองค์ก็มีพระชันษา18ชันษาแล้ว และก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งดินแดนอียิปต์แห่งนี้โดยชอบธรรมตามศักดิ์และสิทธิ์แห่งพระองค์เอง พระองค์ยังจะต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก องค์ฟาโรห์เนฟติถึงแม้จะมีพระมเหสีพระองค์ใหม่ก็ยังรักเสด็จแม่ของพระองค์ที่สุดอยู่องค์เดียวนะพ่ะย่ะค่ะ” มูเทตผู้เคยเป็นองค์รักษ์ประจำพระองค์ขององค์ฟาโรห์และเป็นคนสนิทด้วยนั้น กล่าวอย่างมั่นใจในความเชื่อของตน
ความจริงแม่ทัพหนุ่มใหญ่นั้นเข้าใจความรู้สึกขององค์ยุวกษัตริย์พระองค์นี้เป็นอย่างดี เจ้าชายอัคเมนราทรงมีความเข้มแข็งเช่นชายชาตรีพึงมี และมีความเป็นนักปกครองเช่นเดียวกันกับพระบิดาของพระองค์ อีกทั้งยังมีพระปรีชาสามารถในการศึก ทรงออกรบเคียงข้างกับเสด็จพ่อของพระองค์และชนะข้าศึกศัตรูมากมายตั้งพระชันษาได้เพียง13ชันษาเท่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าองค์รัชทายาทผู้เข้มแข็งสง่างามพระองค์นี้ จะมีความอ่อนไหวกับเรื่องอย่างนี้ด้วย แต่ก็นั่นล่ะเพราะว่าพระองค์ไม่เคยได้เห็นหน้าหรือรับความรักจากเสด็จแม่ที่จากไปเบื้องหน้าของพระองค์ จึงมีพระราชอัธยาศัยแข็งกระด้างไปบ้างก็ไม่แปลก ส่วนความอ่อนโยนนั้นก็คงมีเพียงพระนมซึ่งเป็นภรรยาของเขาคอยดูแลให้ความรักเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเท่านั้นที่จะได้เห็นจากเจ้าชายอัคเมนรา
“ก็ได้ เราจะทำตามที่ท่านบอกก็แล้วกัน” อัคเมนรารับคำพร้อมกับตวัดผ้าคุมพระองค์ที่ทำจากไหมชั้นดีที่เป็นบรรณาการมาจากอาณาจักรฮิตไทต์ ซึ่งปักด้วยเส้นด้ายทองเป็นรูปนกแร้งที่เป็นสัญลักษณ์แทนเทพมัตอย่างวิจิตรงามตานั้นขึ้นคุมกายของพระองค์ ทำให้ร่างสูงดูสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งขึ้นและก้าวเดินนำนายพลใหญ่ออกไปอย่างสง่างาม
“ฮ่าๆๆ เจ้าเก่งมากนะรามูเนส ออกมาล่าสัตว์คราวนี้ เจ้าใช้ลูกธนูเพียง18 ดอก ก็ได้ทั้งหมูป่า สุนัขจิ้งจอก นก และไก่ป่ารวมกันได้ถึง12ตัว ถือว่าเป็นผลงานที่ดีสำหรับเจ้าเลยนะ” องค์ฟาโรห์กล่าวชื่นชมในตัวพระโอรสองค์รองของพระองค์
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากมิได้บารมีของเสด็จพ่อ วันนี้ลูกอาจทำไม่ได้อย่างที่เห็นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” รามูเนสกล่าวอย่างถ่อมตัว โดยมีสายตาของพระมเหสีอนัคซูนามูนทอดพระเนตรมาอย่างพอใจที่โอรสของพระนางได้รับการชื่นชมจากองค์ฟาโรห์ แต่รอยยิ้มก็อยู่ไม่นานเมื่อได้ยินเสียงของทหารมหาดเล็กดังขึ้น
“องค์รัชทายาท!! เจ้าชายอัคเมนราขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ! องค์ราชินี!” ร่างสูงกล่าวทำความเคารพพร้อมกับโน้มกายลงอย่างสง่างามสมกับผู้ที่มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์สมมติเทพและว่าที่ฟาโรห์องค์ต่อไปยิ่งนัก
“ตามสบายอัคเมนรา นี่เจ้าหายไปที่แห่งใดมาจึงเพิ่งเข้ามาเอาเวลานี้ พ่อให้มูเทตไปตามเจ้าอยู่เสียนาน” องค์ฟาโรห์ทรงเอ่ยถามด้วยสุรเสียงฟังดูดุแต่เป็นก็ห่วงใยร่างสูงตรงหน้าอยู่ในที
“ลูกไปสำรวจการต่อเติมมหาวิหารคาร์นัคมากระหม่อม ลูกจึงมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อล่าช้า ลูกขอพระราชทานอภัยโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ” อัคเมนรากล่าวเรียบๆ แล้วเดินไปประทับตรงที่นั่งประจำพระองค์ทางขวามือขององค์ฟาโรห์ โดยมีสายตาของสองแม่ลูกมองตามอย่างริษยา หากแต่ก็ยังทรงเก็บอาการได้อย่างดีทั้งสองพระองค์
“อืม...พ่อเข้าใจ การต่อเติมมหาวิหารแห่งนี้ เจ้าร่วมรับผิดชอบดูแลมาตั้งแต่ต้น ก็ย่อมอยากจะเห็นความกล่าวหน้าของมันเป็นธรรมดา พ่อให้อภัยเจ้า” องค์ฟาโรห์กล่าวและนึกชื่นชมความสามารถพระโอรสของพระองค์ยิ่งนัก
“แล้ววันนี้เหล่าราชวงศ์ รวมทั้งบรรดาเสนาฯ อำมาตย์ และขุนนางทั้งหลายต่างก็แสดงฝีมือออกล่าสัตว์เพื่อมาสังเวยแด่องค์โอซิริส ผลงานของเจ้าเป็นอย่างไรไม่เห็นมารายงานพ่อเลย” องค์ฟาโรห์ตรัสถามเมื่อพระองค์ทรงนึกขึ้นได้
“ฝ่าพระบาท องค์รัชทายาททรงใช้หอกในการล่าสัตว์พ่ะย่ะค่ะ” มูเทตตอบแทนองค์รัชทายาทที่ทรงประทัยนั่งนิ่งเงียบราวกับรูปสลักหินในมหาวิหาร
“หอกรึ?? แล้วเจ้าล่าอะไรได้บ้างล่ะบุตรแห่งข้า”
“สิงโต 2 ตัวพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทหนุ่มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแสนเรียบและนิ่งสนิท หากแต่ทำให้ผู้ที่รอฟังคำตอบทรงชื่นชมยิ่งนัก
“ยอดเยี่ยมมากอัคเมนรา รามูเนสเจ้าต้องดูเสด็จพี่ของเจ้าเป็นตัวอย่างนะ เข้าใจหรือไม่” องค์ฟาโรห์ทรงกล่าวชื่นชมเจ้าชายอัคเมนราและหันไปรับสั่งกับพระโอรสองค์รองของพระองค์ด้วยความปลื้มปิติในตัวของสายเลือดแห่งสุริยเทพเฉกเช่นพระองค์
“พ่ะย่ะค่ะ” รามูเนสรับคำ หากแต่ภายในใจนั้นแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อได้ยินผลงานที่ดีกว่าตนของอัคเมนรา
คอยดูเถอะ สักวันบัลลังก์นี้ต้องเป็นของข้าไม่ใช่ของเจ้า ตำแหน่งรัชทายาทอาจเป็นของเจ้า แต่ตำแหน่งฟาโรห์ต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว เสียงในใจของเจ้าชายรามูเนสร่ำร้องก้องอยู่อย่างรอวันที่จะหาโอกาสแห่งอำนาจมาเป็นของตน
..................................................
เจ้าชายอัคเมนรา องค์รัชทายาทของฟาโรห์เนฟติ ฟาโรห์ผู้เป็นใหญ่ กษัตริย์องค์ที่เรื่องอำนาจที่สุด ทรงเป็นผู้ปกครองทั้งอียิปต์เหนือและอียิปต์ใต้โดยชอบธรรม องค์ฟาโรห์ทรงอภิเษกกับพระมเหสีเนเฟอเรติ สตรีผู้ที่งดงามที่สุดในมหานครอียิปต์ หากแต่พระมเหสีเนเฟอเรติทรงมีพระชนมายุสั้นนัก เมื่อประสูติองค์ชายรัชทายาทให้แก่ราชวงศ์ ก็ต้องสิ้นพระชนม์ชีพเพราะตกพระโลหิตไปมากในการประสูติพระโอรสนั่นเอง เจ้าชายอัคเมนราจึงเป็นที่รักยิ่งขององค์ฟาโรห์รองมาจากเสด็จแม่ของพระองค์ แต่หลังจากนั้นไม่นานนักองค์ฟาโรห์ก็ได้แต่งตั้งมเหสีองค์ใหม่ขึ้นมาจากหนึ่งในบรรดาพระสนมทั้งหลายคือ พระนางอนัคซูนามุน และก็ให้กำเนิดพระโอรสซึ่งร่วมสายพระโลหิตของพระบิดาเช่นเดียวกับพระองค์นามว่า รามูเนส ตามมาด้วยอีกพระองค์
“องค์ชาย ทรงประทับอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ออกมาเถอะ มหาวิหารแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จดี เกิดมันพังถล่มลงมา ฝ่าบาทจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากองค์ชายทรงเป็นอะไรไปอีกพระองค์” เสียงของนายพลมูเทต ทหารเอกคู่ใจของฟาโรห์เนฟติที่เป็นทั้งพระอาจารย์และองครักษ์คนสนิทในคราวเดียวกัน ตะโกนเรียกอยู่ด้านนอกห้องโถงบูชาของมหาวิหาร
“ท่านนี่ช่างรู้ใจเราดีเกินไปนะ นายพลมูเทต” เสียงทุ้มกังวานดังผ่านความมืดของตัววิหารออกไปอย่างขัดใจ พร้อมกับเจ้าของเสียงที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแต่เพียงอยากให้พระองค์เสด็จกลับไปพักยังพลับพลาหลวงที่ประทับทางด้านโน้นมากกว่า ทรงมาประทับอยู่มหาวิหารแห่งนี้ยามวิการณ์เช่นนี้ หากมีเหตุร้ายอันใดเกิดขึ้นกับพระองค์ กระหม่อมไม่รู้จะแก้ตัวกับฝ่าบาทเยี่ยงไร และต่อให้หัวขาดไปแล้วก็ไม่สามารถหาเหตุผลไปอธิบายให้กับพระมารดาของพระองค์ในโลกเบื้องหน้าได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” นายพลมูเทตกล่าว
“เฮ้อ!! พอเถอะท่านนายพล เรารู้ว่าท่านหวังดี แต่เราเหนื่อยกับการล่าสัตว์เมื่อตอนกลางวันเต็มที แล้วตอนนี้...เสด็จพ่อก็คงกำลังดื่มฉลองอยู่กับพระมเหสีและโอรสของพระองค์อยู่ เราไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศอันเป็นสุขของครอบครัวเสด็จพ่อ” อัคเมนรากล่าวพร้อมกับเดินดูการต่อเติมมหาวิหารไปด้วย
“องค์ชาย...ปีนี้พระองค์ก็มีพระชันษา18ชันษาแล้ว และก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งดินแดนอียิปต์แห่งนี้โดยชอบธรรมตามศักดิ์และสิทธิ์แห่งพระองค์เอง พระองค์ยังจะต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก องค์ฟาโรห์เนฟติถึงแม้จะมีพระมเหสีพระองค์ใหม่ก็ยังรักเสด็จแม่ของพระองค์ที่สุดอยู่องค์เดียวนะพ่ะย่ะค่ะ” มูเทตผู้เคยเป็นองค์รักษ์ประจำพระองค์ขององค์ฟาโรห์และเป็นคนสนิทด้วยนั้น กล่าวอย่างมั่นใจในความเชื่อของตน
ความจริงแม่ทัพหนุ่มใหญ่นั้นเข้าใจความรู้สึกขององค์ยุวกษัตริย์พระองค์นี้เป็นอย่างดี เจ้าชายอัคเมนราทรงมีความเข้มแข็งเช่นชายชาตรีพึงมี และมีความเป็นนักปกครองเช่นเดียวกันกับพระบิดาของพระองค์ อีกทั้งยังมีพระปรีชาสามารถในการศึก ทรงออกรบเคียงข้างกับเสด็จพ่อของพระองค์และชนะข้าศึกศัตรูมากมายตั้งพระชันษาได้เพียง13ชันษาเท่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าองค์รัชทายาทผู้เข้มแข็งสง่างามพระองค์นี้ จะมีความอ่อนไหวกับเรื่องอย่างนี้ด้วย แต่ก็นั่นล่ะเพราะว่าพระองค์ไม่เคยได้เห็นหน้าหรือรับความรักจากเสด็จแม่ที่จากไปเบื้องหน้าของพระองค์ จึงมีพระราชอัธยาศัยแข็งกระด้างไปบ้างก็ไม่แปลก ส่วนความอ่อนโยนนั้นก็คงมีเพียงพระนมซึ่งเป็นภรรยาของเขาคอยดูแลให้ความรักเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเท่านั้นที่จะได้เห็นจากเจ้าชายอัคเมนรา
“ก็ได้ เราจะทำตามที่ท่านบอกก็แล้วกัน” อัคเมนรารับคำพร้อมกับตวัดผ้าคุมพระองค์ที่ทำจากไหมชั้นดีที่เป็นบรรณาการมาจากอาณาจักรฮิตไทต์ ซึ่งปักด้วยเส้นด้ายทองเป็นรูปนกแร้งที่เป็นสัญลักษณ์แทนเทพมัตอย่างวิจิตรงามตานั้นขึ้นคุมกายของพระองค์ ทำให้ร่างสูงดูสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งขึ้นและก้าวเดินนำนายพลใหญ่ออกไปอย่างสง่างาม
“ฮ่าๆๆ เจ้าเก่งมากนะรามูเนส ออกมาล่าสัตว์คราวนี้ เจ้าใช้ลูกธนูเพียง18 ดอก ก็ได้ทั้งหมูป่า สุนัขจิ้งจอก นก และไก่ป่ารวมกันได้ถึง12ตัว ถือว่าเป็นผลงานที่ดีสำหรับเจ้าเลยนะ” องค์ฟาโรห์กล่าวชื่นชมในตัวพระโอรสองค์รองของพระองค์
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากมิได้บารมีของเสด็จพ่อ วันนี้ลูกอาจทำไม่ได้อย่างที่เห็นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” รามูเนสกล่าวอย่างถ่อมตัว โดยมีสายตาของพระมเหสีอนัคซูนามูนทอดพระเนตรมาอย่างพอใจที่โอรสของพระนางได้รับการชื่นชมจากองค์ฟาโรห์ แต่รอยยิ้มก็อยู่ไม่นานเมื่อได้ยินเสียงของทหารมหาดเล็กดังขึ้น
“องค์รัชทายาท!! เจ้าชายอัคเมนราขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ! องค์ราชินี!” ร่างสูงกล่าวทำความเคารพพร้อมกับโน้มกายลงอย่างสง่างามสมกับผู้ที่มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์สมมติเทพและว่าที่ฟาโรห์องค์ต่อไปยิ่งนัก
“ตามสบายอัคเมนรา นี่เจ้าหายไปที่แห่งใดมาจึงเพิ่งเข้ามาเอาเวลานี้ พ่อให้มูเทตไปตามเจ้าอยู่เสียนาน” องค์ฟาโรห์ทรงเอ่ยถามด้วยสุรเสียงฟังดูดุแต่เป็นก็ห่วงใยร่างสูงตรงหน้าอยู่ในที
“ลูกไปสำรวจการต่อเติมมหาวิหารคาร์นัคมากระหม่อม ลูกจึงมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อล่าช้า ลูกขอพระราชทานอภัยโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ” อัคเมนรากล่าวเรียบๆ แล้วเดินไปประทับตรงที่นั่งประจำพระองค์ทางขวามือขององค์ฟาโรห์ โดยมีสายตาของสองแม่ลูกมองตามอย่างริษยา หากแต่ก็ยังทรงเก็บอาการได้อย่างดีทั้งสองพระองค์
“อืม...พ่อเข้าใจ การต่อเติมมหาวิหารแห่งนี้ เจ้าร่วมรับผิดชอบดูแลมาตั้งแต่ต้น ก็ย่อมอยากจะเห็นความกล่าวหน้าของมันเป็นธรรมดา พ่อให้อภัยเจ้า” องค์ฟาโรห์กล่าวและนึกชื่นชมความสามารถพระโอรสของพระองค์ยิ่งนัก
“แล้ววันนี้เหล่าราชวงศ์ รวมทั้งบรรดาเสนาฯ อำมาตย์ และขุนนางทั้งหลายต่างก็แสดงฝีมือออกล่าสัตว์เพื่อมาสังเวยแด่องค์โอซิริส ผลงานของเจ้าเป็นอย่างไรไม่เห็นมารายงานพ่อเลย” องค์ฟาโรห์ตรัสถามเมื่อพระองค์ทรงนึกขึ้นได้
“ฝ่าพระบาท องค์รัชทายาททรงใช้หอกในการล่าสัตว์พ่ะย่ะค่ะ” มูเทตตอบแทนองค์รัชทายาทที่ทรงประทัยนั่งนิ่งเงียบราวกับรูปสลักหินในมหาวิหาร
“หอกรึ?? แล้วเจ้าล่าอะไรได้บ้างล่ะบุตรแห่งข้า”
“สิงโต 2 ตัวพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทหนุ่มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแสนเรียบและนิ่งสนิท หากแต่ทำให้ผู้ที่รอฟังคำตอบทรงชื่นชมยิ่งนัก
“ยอดเยี่ยมมากอัคเมนรา รามูเนสเจ้าต้องดูเสด็จพี่ของเจ้าเป็นตัวอย่างนะ เข้าใจหรือไม่” องค์ฟาโรห์ทรงกล่าวชื่นชมเจ้าชายอัคเมนราและหันไปรับสั่งกับพระโอรสองค์รองของพระองค์ด้วยความปลื้มปิติในตัวของสายเลือดแห่งสุริยเทพเฉกเช่นพระองค์
“พ่ะย่ะค่ะ” รามูเนสรับคำ หากแต่ภายในใจนั้นแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อได้ยินผลงานที่ดีกว่าตนของอัคเมนรา
คอยดูเถอะ สักวันบัลลังก์นี้ต้องเป็นของข้าไม่ใช่ของเจ้า ตำแหน่งรัชทายาทอาจเป็นของเจ้า แต่ตำแหน่งฟาโรห์ต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว เสียงในใจของเจ้าชายรามูเนสร่ำร้องก้องอยู่อย่างรอวันที่จะหาโอกาสแห่งอำนาจมาเป็นของตน
..................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ