ทรายเสน่หามนตราไอยคุปต์

8.7

เขียนโดย เข็มมุก

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 20.43 น.

  6 ตอน
  2 วิจารณ์
  8,344 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 23.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) โชคชะตา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ร่างผอมบางเล็กของเด็กหญิงวิ่งฝ่าทะเลทรายอันร้อนระอุในช่วงเวลาเที่ยงของวัน เพื่อจะเข้าไปหาคนที่ตนต้องการอวดชุดใหม่ที่เธอซื้อมาจากตลาดขายของโบราณแถวๆกีซาร์กับพี่เลี้ยงของเธอ เมื่อตอนสายของวันที่ผ่านมา

“แม่คะ!..ดูนี่สิคะ!” เสียงใสตะโกนดังเข้ามาถึงข้างในเต็นท์ที่พัก ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาถึงข้างในด้วยซ้ำ ทำให้นาตาลีผู้เป็นแม่ต้องหันไปมองทางต้นเสียงอย่างเอ็นดู

“มีอะไรเหรอจ๊ะ...แม่จอมซน” ริมฝีปากบางยิ้มพร้อมกับเอ่ยทักทายลูกสาวตัวเล็ก ใบหน้างามคมคายฉายความเป็นคนใจดีเต็มดวงหน้า

“เป็นไงคะแม่ นิมสวยไหม?” เสียงใสเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสาตามวัยสาวแรกรุ่นของตน

"สวยจะ ลูกสาวของแม่คนนี้สวยอยู่แล้ว ว่าแต่...หนูไปเอาชุดนี้มาจากไหนจ๊ะ เท่าที่แม่จำได้...แม่ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าแบบนี้ให้หนูเลยนะ” สายตาอันเฉียบคมของผู้ที่ผ่านกาลเวลามามากกว่า กวาดขึ้นลงตามร่างเล็กมองดูการแต่งกายของลูกสาวสุดที่รักอย่างเอ็นดูพร้อมกับต้องเอ่ยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้

“ก็บังเอิญว่า...นิมไปตลาดขายของพื้นเมืองแถวกิซ่าร์กับมามีย่าไงคะ แล้วนิมไปเจอร้านขายของเก่าร้านหนึ่ง ก็เลยเดินเข้าไปดูของในนั้น คุณตาเจ้าของร้านเขาให้มาแถมไม่เก็บเงินเลยสักปอนด์ แต่แม่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ นิมไม่ชอบเอาของคนอื่นมาเปล่าๆ ก็เลยไปเหมาซื้อกระดาษปาปิรุสโบราณที่ร้านแกมาด้วย กองอยู่ในเต็นท์ของนิมโน่นไงคะ เดี๋ยวนิมจะไปเอามาให้แม่ดูดีกว่า” สาวน้อยนิมหรือนิมเฟียร์พูดจบก็ตั้งท่าจะวิ่งกลับไปทางเต็นท์ที่พักของตัวเองที่เพิ่งจะเดินออกมาไม่นาน

“นิมเฟียร์! ไม่ต้องหรอกลูก เราเดินไปหาคุณพ่อกับพี่ชายของหนูที่ไซต์งานกันดีกว่า” ผู้เป็นแม่เอ่ยท้วงเมื่อเห็นลูกสาวคนสวยกำลังจะวิ่งไปที่เต็นท์ เพื่อขนกระดาษปาปิรุสที่ซื้อมาให้เธอดูจริงๆ

“อืม...ก็ได้ค่ะ” เด็กสาวรับคำพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดเอวบางของผู้เป็นแม่ไปอย่างแสนรัก...

“พ่อคะ!!...” นิมเฟียร์ตะโกนเสียงใสลั่น พร้อมกับผละจากอ้อมกอดของแม่วิ่งไปหาพ่อของตน ที่กำลังนั่งตรวจงานอยู่กับโต๊ะในเต็นท์หนังสีน้ำตาลเข้มหลังใหญ่ทันสมัย ซึ่งได้ดัดแปลงให้มีระบบปรับอากาศอยู่ในตัว ทำให้อากาศเย็นสดชื่นท่ามกลางความร้อนระอุของทะเลทรายอันกว้างใหญ่ของอียิปต์

เนื่องจากบริษัทของโรแลนด์เป็นนายทุนให้กับรัฐบาลอียิปต์ในการซ่อมแซมมหาวิหารคาร์นัคแห่งนี้ เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศและสิ่งที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือ สัมปทานน้ำมันเส้นทางใหม่ในประเทศนี้ซึ่งจะตกเป็นของบริษัทในเครือโรแลนด์เพียงแห่งเดียว ทำให้เบอนาร์ดตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยู่ในเต็นท์กลางทะเลทรายอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

“ว่ายังไงล่ะ ดอกบัวน้อยของพ่อ ไปซนที่ไหนมาล่ะเรา แม่เขาถึงได้พามาส่งให้พ่อลงโทษถึงที่เลยเนี่ย...หืม” พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มนุ่มของลูกสาวสุดที่รักทั้งสองข้างสลับไป-มาจนคนตัวเล็กในอ้อมกอดต้องดิ้นหนีแต่ไม่จริงจังเท่าไรนัก

“เปล่านะคะ นิมไม่ได้ซนซะหน่อย แล้วเมื่อไรพ่อจะเลิกเรียกหนูว่าดอกบัวน้อยสักทีคะ หนูว่ามันไม่เห็นมันจะเข้าท่าเลย” คนตัวเล็กบ่นอุบ

“อ่าว...ก็ชื่อของลูกสาวพ่อคนนี้แปลว่าดอกบัวนี่นา แล้วเรารู้ไหม?ว่าชื่อเรามาจากไหน” เบอนาร์ดกล่าวพร้อมกับลูบศีรษะสาวน้อยตรงหน้าอย่างแสนรัก

“นิมจะทราบได้ไงล่ะคะ ถ้าคุณพ่อไม่บอก” เสียงใสเอ่ยแทนตัวสั้นๆอย่างน่ารักด้วยท่าทางยังงอนอยู่ไม่หาย

“พ่อลงทุนกระโดดลงแม่น้ำไนล์ไปเก็บดอกบัวกลางแม่น้ำ เพื่อมาขอแม่ของเราแต่งงานเชียวนะ” พ่อพูดพร้อมกับหันไปสบตากับภรรยาคู่ใจด้วยสายตาแสนหวาน

“แล้วพอวันที่หนูเกิด...พ่อก็คิดชื่อนี้ได้ในทันทีเลยรู้ไหม? แม่ดอกบัวน้อยของพ่อ...หืม” พูดจบผู้เป็นพ่อก็ก้มลงหอมแก้มนิ่มของลูกสาวอีกหน

“โอ้โห...พ่อครับ ชื่อของน้องมีความเป็นมาแบบนี้ แล้วชื่อผมเนี่ยเป็นมายังไงล่ะครับ” เสียงทุ้มแต่ไม่เข้มมากดังแทรกมากลางวงสนทนา ทำให้สาวน้อยที่นั่งอยู่บนตักของพ่อรีบวิ่งไปหาเจ้าของเสียงทันที

“พี่ไคโร!”

คนตัวโตที่ถูกน้องสาวสุดรักตะโกนเรียกชื่ออย่างดีใจ รีบเปิดอ้อมแขนกว้างรอรับแรงปะทะจากร่างเล็กของนิมเฟียร์โดยทันทีที่สายตาคมมองเห็นความเคลื่อนไหวของคนตัวเล็กที่วิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ พร้อมกับกอดแม่จอมยุ่งเอาไว้อย่างแสนรักและเอ็นดูน้องสาวยิ่งนัก

“ฮ่าๆๆ อยากรู้ที่มาเหรอไอ้ลูกชาย ได้ๆ...ชื่อไคโรของเรา ก็มาจากเมืองที่พ่อกลับมาฮันนีมูนกับแม่นั่นล่ะ จริงไหมคุณ?” เบอนาร์ดหันไปสบตากับภรรยาสาวคู่ใจให้เออออไปกับเขา แล้วก็หันไปพิจารณาเอกสารรายงานในมือของตนอีกครั้ง เพราะไม่อยากจะปวดหัวกับคำถามกวนๆอีกร้อยแปดพันประการจากบรรดาลูกสาวและลูกชายจอมเฮี้ยวของตน

เมื่อเห็นว่าโรแลนด์ผู้พ่อหันไปสนใจงานที่กองอยู่บนโต๊ะมากกว่าตน ลูกสาวคนสวยจึงหันมามองและพุ่งความสนใจให้กับพี่ชายตัวโตที่มาฝึกงานกับบริษัททุกปีทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบ ซึ่งกำลังยืนดูพิมพ์เขียวแบบแปลนการปรับปรุงมหาวิหารที่ใช้วิศวกรมือหนึ่งร่างออกมาด้วยความชำนาญจนได้สัดส่วนที่แน่ชัดด้วยความตั้งอกตั้งใจกับแม่แทน

“พี่ไคโรคะ! นิมอยากไปเข้าไปในไซต์งานของบริษัทเราที่อยู่ใกล้ๆกับมหาวิหารจัง พานิมไปหน่อยได้ไหมคะ?...นะๆๆๆๆ...” เสียงใสเริ่มเอื้อนเอ่ยขอร้องพี่ชายอย่างออดอ้อน เพราะขออนุญาตผู้เป็นพ่อไม่ได้สักทีสิน่า...

“เราจะเข้าไปทำไม! แดดข้างนอกร้อนออกจะตาย เดี๋ยวผิวก็เสียหมดกันพอดี แล้วถ้าเกิดเรามีรอยขีดข่วนหรือเป็นลมแดดขึ้นมานะ...พี่ไม่โดนพ่อกับแม่ดุแย่เลยเหรอ หืม?” ไคโรขมวดคิ้วเรียวถามพร้อมกับหันไปมองใบหน้าของพ่อกับแม่ที่นั่งปรึกษางานกันอยู่ไม่ไกลนัก

“นะคะ...พาไปหน่อยวันนี้เลย อุตส่าห์มาอียิปต์ทั้งที่ได้เห็นแต่ทะเลทราย นิมอยากเห็นอย่างอื่นบ้าง อย่างน้อยๆขอให้นิมได้เข้าไปดูใกล้ๆกว่านี้หน่อยนะ นะๆๆๆๆๆ”

“เฮ้อ!!!ก็ได้ แต่เราต้องสัญญาว่าจะไม่ซน ไม่ออกนอกเส้นทางที่พี่บอก รู้ไหมว่า...ต่อให้เราอยู่ในเส้นทางของวิหารก็ตาม ผืนทรายที่อยู่รอบๆตัวเราก็ไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเจอทรายดูดตอนไหน” ไคโรกล่าวเตือนและรับปากไปด้วยเพราะเขาไม่เคยปฏิเสธน้องสาวคนนี้ของเขาได้สักครั้ง

“ได้ค่ะ นิมสัญญา” คนตัวเล็กรีบรับปากอย่างดีพร้อมกับยกมือชูสามนิ้วอย่างลูกเสือเป็นการปฏิญาณตน

“ว่าแต่...เราไปเอาชุดแบบมาจากไหนเนี่ย มันเหมือนกับชุดทรงของพวกเจ้าหญิงโบราณที่พี่เห็นในวิหารเลยนะ” ร่างสูงเอ่ยถาม เมื่อสังเกตการแต่งกายของน้องสาวตนโดยละเอียด

“อ้อ!...นิมได้มาจากกีซาร์ค่ะ แล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แต่ก่อนอื่นช่วยพานิมไปที่มหาวิหารคาร์นัคก่อนเลยด้วย เร็วๆซิคะ...” นิมเฟียร์รบเร้าพี่ชาย

“ได้เลยยายตัวยุ่ง แต่พี่ขอไปบอกพ่อกับแม่แป๊บนะ”

นิมเฟียร์ มาริสา โรแลนด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ นิมเฟียร์หรือนิมที่เด็กสาวชอบแทนตัวเองบ่อยๆ เป็นลูกสาวสุดที่รักของเบอนาร์ด อโนชา โรแลนด์เศรษฐีลูกเสี้ยวไทย-อียิปต์-อเมริกัน เจ้าของธุรกิจขุดเจาะน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอเมริกา เบอนาร์ดหลงใหลในเรื่องของโบราณคดีมาตั้งแต่เด็กๆโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอียิปต์บ้านเกิดของครอบครัวทางพ่อชาวอียิปต์-อเมริกันของเขา จนมาได้เจอกับนาตาลีภรรยาแสนสวยชาวอังกฤษของเขาที่หลงใหลในโบราณคดีด้านอียิปต์วิทยาไม่แพ้กัน ในที่สุดทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นทั้งคู่จึงตกลงแต่งงานกัน และภรรยาสุดที่รักของเขาก็ได้ให้กำเนิดทายาทที่เป็นตัวแทนความรักแก่เขาถึงสองคนคือ หนึ่งคือลูกสาวสุดที่รักนิมเฟียร์ และสองคือลูกชายตนโตนาม ไคโร อนิรุธ โรแลนด์ อีกด้วย

“เอาล่ะนิม พี่อุตส่าห์พยายามขอร้องพ่อเพื่อให้ท่านยอมปล่อยให้เราได้เข้าใกล้มหาวิหารที่ไซต์งานนี้ เพราะฉะนั้นห้ามดื้อกับพี่เด็ดขาด เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับนักโบราณคดีแล้วก็ผู้เชี่ยวชาญด้านโน้นก่อนนะ แล้วพี่จะพาเราทัวร์ให้ทั่วเลย แต่ว่าตอนนี้...เราก็เดินดูแถวนี้ไปก่อนละ อย่าซนนะ!” ไคโรกล่าวเตือนพร้อมกับลูบศีรษะทุยได้รูปสวยของน้องสาวอย่างสุดหวง

“ค่ะ” นิมเฟียร์รับปากพร้อมเดินดูความยิ่งใหญ่ตระกานตาของรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าของวิหารหลังนี้เพลินจนลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ชาย

เด็กสาวจึงเดินเรื่อยเข้ามาในตัววิหาร และเห็นภาพวาดสีเป็นรูปเหมือนของเทพีไอซีสที่สวยงามราวกับมีชีวิตพร้อมกับมีอักษรเฮียโรกิฟฟิคที่สลักเรื่องราวของพระนางไว้อย่างชัดเจนไม่ขาดตกบกพร่อง แม้นิมเฟียร์จะมีอายุเพียง13ปีแต่ก็สนใจเรื่องของการเรียนรู้ภาษาพูดของชาวอียิปต์โบราณและอักษรภาพเฮียโรกิฟฟิคอยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งมาจากสายเลือดรักอียิปต์โบราณอันเข้มข้นที่มีอยู่ในตัวมาจากทางผู้เป็นพ่อก็อาจเป็นได้

“สวยจริงๆเลย ได้มาเห็นกับตาตัวเองแบบนี้สิ ถึงเรียกว่ามาถึงอียิปต์ของจริง ฮิฮิ...ถ้ายายเจนน่ารู้เรื่องนี้ล่ะก็จะต้องอิจฉาเราจนตาร้อนแน่ๆเลย” เด็กสาวพูดไปพร้อมกับคิดถึงเพื่อนสนิทที่บ้าเรื่องของอียิปต์โบราณเช่นเดียวกับตน

ขณะที่นิมเฟียร์กำลังเพลิดเพลินกับการอ่านอักษรภาพอย่างสนุกสนาน ก็มีสายลมเย็นวูบใหญ่พัดผ่านผิวเนื้อเนียนไปให้ความรู้สึกที่เย็นเหยียบอย่างยิ่ง

“อุ๊ย!! ลมอะไรเนี่ย” สายลมเย็นทำให้ร่างบางต้องกระชับแจ็คเก็ตกันแดดตัวเก่งให้แน่นกับตัว

“ไม่น่าแต่งชุดนี้มาเลยเรา หนาวเลยแฮะ” เด็กสาวนึกบ่นตัวเองอยู่ในใจ

แสงไฟวูบวาบจากตะเกียงน้ำมันที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั่วไป เกิดค่อยๆดับจนเหลือเพียงไม่กี่ดวง ด้วยหางตาเด็กสาวมองเห็นอะไรบ้างอย่างพลิ้วไหวผ่านไปทางซ้ายมือตนและหายเข้าไปทางห้องโถงกลาง ไวเท่าความคิดเธอจึงวิ่งตามไปเพื่อจะดูให้แน่ชัดว่าสิ่งที่ตนเห็นคืออะไร เมื่อวิ่งไปถึงก็เห็นแค่เพียงโต๊ะบูชาโบราณที่ตั้งอยู่หน้ารูปสลักขององค์เทพโอซิริสที่ชาวอียิปต์นับถือ

“เฮ้อ...คิดว่ามีอะไร” เด็กสาวพึมพำกับตัวเอง แล้วก็นั่งลงก้มคำนับรูปสลักขององค์เทพโอซีริสอย่างนอบน้อม แต่เมื่อนิมเฟียร์เงยหน้างามขึ้นมา พลัน!ก็มีลำแสงสว่างจ้าสีทองเป็นประกายสาดส่องลงมาตรงหน้า แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบไป

.............................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา