เล่ห์ทรายร่ายรัก

8.0

เขียนโดย เข็มมุก

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 18.36 น.

  7 ตอน
  1 วิจารณ์
  8,993 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 19.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) คำขอที่ไม่อาจเข้าใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“เอี๊ยด!!” เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านเบรกเสียงดังสนั่น ทำให้ร่างบางที่กำลังนั่งหย่อนท่อนขาขาวเรียวแช่อยู่ในสระน้ำกว้าง เงยใบหน้างามขึ้นแล้วเหลือบสายตามองเพียงเล็กน้อยเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเป็นใคร
“แต๊กๆๆๆ” เสียงซอยเท้าวิ่งเร็วๆแบบนี้คงไม่ใช่ใครอื่น จิตใต้สำนึกของนาญ่าร้องบอกเธอโดยอัตโนมัติทันที
“โครม” เสียงของประตูห้องโถงใหญ่ซึ่งติดกับสระว่ายน้ำถูกเปิดออก พร้อมกับร่างอวบอิ่มในชุดแซคเกาะอกสีแดงเพลิง สั้นเหนือเข่าของเอลิซ่าเดินเข้ามาและจ้องมองนาญ่าอย่างหาเรื่อง
“ทำไมหล่อนยังไม่กลับไปที่บ้านหล่อนที่เมืองไทยยะ!...คุณปู่ก็หมดธุระกับหล่อนแล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมหล่อนถึงยังเสนอหน้าอยู่ที่นี่อีก!” คำถามของเอลิซ่า ทำให้นาญ่าต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับการชอบหาเรื่องเธอเสมอของเอลิซ่า เมื่อเธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ของตระกูลเดเยอร์ตั้งแต่ที่เธออายุได้เพียงแค่11ขวบเท่านั้น
“เธอเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เหรอเอลิซ่า? ถ้าไม่ใช่ก็รอให้เธอเป็นก่อนแล้วค่อยมาไล่ฉันก็แล้วกันนะ...” ร่างบางตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้เธอจะเป็นเพียงลูกครึ่งแต่เธอก็สูงไม่แพ้เอลิซ่าที่มีเชื้อสายตะวันตกแท้ๆเหมือนกัน
“ปากดีนักนะนาญ่า! ยายมุจรินทร์แม่ของเธอไม่ได้สั่งสอนให้รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวแบบแม่บ้างหรือยังไง?” เสียงของโซเฟีย...ภรรยาอีกคนหนึ่งของฟรานซิสโก้ดังขึ้นอย่างเยาะหยันหญิงสาว
ใบหน้างามหันไปมองหน้าผู้เดินเข้ามาใหม่ด้วยสายตาที่เรียบเฉยและเย็นชา นาญ่าคิดเสมอว่าเธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเคารพผู้หญิงคนนี้เช่นมารดาของเธอ ริมฝีปากบางจึงเอ่ยขึ้นลอยๆด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย็นชาไม่แพ้สีหน้าของเธอ
“คุณแม่ของดิฉันสอนให้รู้จักวางตัวดีเสมอและที่แน่ๆท่านก็ไม่เคยสอนให้ลูกสาวเที่ยวไปวิ่งไล่ตามผู้ชายที่เขาวิ่งหนีตัวเองด้วย”
สาเหตุที่นาญ่าเลือกตอบกลับสองแม่ลูกด้วยคำตอบแบบนี้ ก็เพราะตั้งแต่กลับมาจากอัลฮับบรา เอลิซ่าก็เอาแต่วิ่งไล่ตามจับชีคการิมที่เดินทางมาติดต่องานของบริษัทในเครืออัลฮับบราสาขากรุงโรมจนเป็นข่าวหน้า1อยู่ทุกวัน เนื่องจากเอลิซ่าเที่ยวตามหึงหวงหญิงสาวทุกคนที่เข้าไปใกล้ชีคหนุ่มในทุกที่ที่เขาไปเยือน
“เพี๊ยะ!!” เสียงฝ่ามือของโซเฟียตบลงมาบนใบหน้างามของนาญ่าดังลั่น ส่งผลให้ใบหน้างามสะบัดและหันตามแรงของฝ่ามือที่กระทบลงมา
“นี่เป็นการสั่งสอน...ที่เธอไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ จำเอาไว้!” นางเดเยอร์อีกคนเอ่ยอย่างเหยียดหยามและสะใจเป็นที่สุดที่เธอสามารถทำร้ายนาญ่าได้
“ผู้ใหญ่บางคน! ก็ไม่ได้น่านับถือหรือน่าเคารพอะไร แล้วทำไม?ฉันจะต้องเคารพคุณด้วย...คุณโซเฟีย!” เสียงหวานเอ่ยถามออกมาอย่างราบเรียบ หากแต่ดวงตาสีเขียวมรกตนั้นเป็นประกายวาวโรธอย่างเอาเรื่อง
“แก...นังนาญ่า!” เสียงของโซเฟียตะโกนคาดโทษ พร้อมกับตั้งท่าจะเดินเข้าไปทำร้ายหญิงสาว แต่ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตไปกว่านั้น น้ำเสียงทุ้มแต่ทรงอำนาจของเจ้าบ้านใหญ่แห่งตระกูลเดเยอร์ ก็ตะโกนก้องประกาศกร้าวลั่นไปทั่วบริเวณ
“หยุดได้แล้วโซเฟีย!!เอลิซ่า!! ที่นี่เป็นบ้านของฉัน พวกเธอไม่มีสิทธิ์มาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ที่นี่”
“คุณพ่อ/คุณปู่!!” สองสาวแม่ลูกจอมหาเรื่องอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นเจ้าของเสียงทรงอำนาจเดินเข้าในบริเวณสระน้ำที่พวกตนกำลังหาเรื่องนาญ่าอยู่
“ไม่ต้องพูดอะไรโซเฟีย!” สเตฟานเอ่ยห้ามเมื่อเหลือบสายตาเห็นภรรยาอีกคนของฟรานซิสโก้จะเอ่ยปากแก้ตัวให้เธอกับลูกสาว ร่างสูงใหญ่ของสเตฟานเดินเข้ามาใกล้และเขาก็เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่ต้น จึงไม่จำเป็นต้องถามถึงต้นสายปลายเหตุใดๆ
“ฉันต้องการให้พวกเธอไปพักที่บ้านหลังโน้น ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าที่นี่! จนกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น เข้าใจไหม?” เสียงทรงอำนาจตะโกนถามลั่นจนสองแม่ลูกตัวลีบแต่ก็ไม่วายเอ่ยค้าน
“แต่คุณพ่อคะ...” สเตฟานหันกลับไปมองเพียงนิดเดียว โซเฟียก็รีบดึงมือของลูกสาวให้เดินตามตนออกไป แต่ก็ไม่ลืมส่งสายตาเกลียดชังมองมาที่หญิงสาวที่ยืนกุมใบหน้างามอยู่
“เจ็บมากไหมลูก?...นาญ่า” ผู้เป็นปู่เอ่ยถามอย่างห่วงใย เมื่อละสายตาจากสองแม่ลูกสุดแสบมาเห็นรอยแดงๆที่ปรากฏบนใบหน้าขาวเนียนของหลานสาว
“นิดหน่อยค่ะ นาญ่าไม่เป็นอะไร ว่าแต่...คุณปู่เรียกนาญ่ามาที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” คิ้วเรียวงามเลิกขึ้นอย่างน่าเอ็นดูเหนือดวงตาสีเขียวใสอย่างเป็นปกติในยามที่เจ้าของเกิดสงสัยอะไรขึ้นมา
“ทำไมถึงคิดว่าปู่เรียกเรามาที่นี่ แล้วจะต้องมีเรื่องใช้งานเราทุกทีล่ะ?” สเตฟานถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดูร่างบางตรงหน้าของตนยิ่งนัก
“ก็เพราะว่า...ทั้งๆที่คุณปู่เป็นคนให้นาญ่าไปฝึกงานของบริษัทสาขาในมิลาน แต่กลับเรียกตัวนาญ่าให้กลับมาที่นี่แบบฉุกเฉินเลยนะสิคะ นาญ่าถึงว่ามันแปลก...” คำตอบของหลานสาวที่มีสายเลือดคนไทยอยู่ครึ่งหนึ่งคนนี้ ทำให้สเตฟานส่ายหน้าเล็กน้อย นึกชื่นชมกับความฉลาดทันคนอื่นเสมอของเธอ พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เอื้อมมือออกมาโอบไหล่บางให้เดินตามเข้าไปในตัวคฤหาสน์งามหลังใหญ่ของตระกูลเดเยอร์
“ปู่อยากให้เราไปรับแขกพิเศษที่สนามบินให้ปู่หน่อยนะสิ เที่ยวบินบ่ายสองโมงมาจากโตเกียว แล้วก็พาแขกพิเศษของเรามาหาปู่ที่นี่เลยด้วยล่ะ” สเตฟานเอ่ยยิ้มๆ
“รับแขกพิเศษ? แหม...ท่าทางจะพิเศษมากๆน่าดูนะคะ ถึงต้องเรียกตัวนาญ่ามาด่วนเพื่อให้ไปรับแขกพิเศษคนนี้” คิ้วเรียวบนใบหน้างามขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย
“เอาน่า...พอเราไปถึงก็รู้เองนั่นล่ะ” สเตฟานเอ่ยตัดบทเมื่อเห็นว่านาญ่าเริ่มจะซักถามรายละเอียดมากขึ้น และตนเองเริ่มจะจนกับคำตอบที่ทำท่าหาทางออกไม่ได้
“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนาญ่าออกไปเลยดีกว่านี่ก็บ่ายแล้ว ไปก่อนนะคะ” นาญ่าเอ่ยพร้อมกับเขย่งเท้าขึ้นเพื่อจุมพิตที่แก้มของปู่แบบที่ไม่ค่อยทำเท่าไรนัก ก็เนื่องด้วยสายตาของเธอเหลือบไปเห็นเอลิซ่าแอบดูอยู่จึงแกล้งประจบทำให้เห็นมันเสียเลย ส่งผลให้เอลิซ่ายืนกำมือแน่นอย่างเดือดดาลในใจและมีโซเฟียผู้เป็นแม่คอยพูดให้ท้ายอยู่ข้างๆ
“แม่คะ! ดูนังนาญ่ามันออดอ้อนคุณปู่สิคะ ลิซล่ะเกลียดมันที่สุดเลย”
“ใจเย็นๆนะลูก ยังไงๆมันก็ทำได้แค่นั้นแหละลูก หลานสาวที่คุณปู่รักมากที่สุดต้องเป็นเอลิซ่าลูกของแม่แน่นอนอยู่แล้ว” โซเฟียเอ่ยอย่างมั่นใจและลูบศีรษะงามของลูกสาวเธออย่างแสนรักและเอาใจ

เสียงประกาศเวลาและเที่ยวบินที่มาถึง ทำให้ร่างบางซึ่งอยู่ในกระโปรงทำงานทรงสอบเข้ารูป สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยเผยให้เห็นท่อนขาเรียวงาม อดคิดร้อนใจไม่ได้เมื่อไม่เห็นคนที่คุณปู่ของเธอบอกให้มารับเสียที เสื้อเชิ้ตสีฟ้าสดใสถูกพับแขนเสื้อขึ้นมาเหนือข้อศอกเรียว ทำให้ร่างบางดูทะมัดทะแมงแต่ไม่เป็นทางการนัก ส่วนเสื้อสูทตัวนอกนั้น หญิงสาวถอดทิ้งเอาไว้ในรถเพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อน เส้นผมสีดำมันเงาเป็นประกายถูกดัดให้เป็นลอนใหญ่ทันสมัย หยักศกเล็กน้อยราวกับเกรียวคลื่นในทะเลรับกับใบหน้ารูปไข่เป็นอย่างดี
“มาถึงกันหรือยังนะ...” ริมฝีปากบางพึมพำเล็กน้อยขณะชะโงกหน้าไปมาเพื่อมองหาคนที่คุณปู่ของเธอให้มารอรับ ผิวขาวเนียนอมชมพูดูละเอียดแบบลูกครึ่งของเธอไม่ได้หยาบกระด้างอย่างสาวชาวตะวันตกแท้ๆโดยทั่วไปนั้น เรียกสายตาของคนที่มารอรับและผู้โดยสารที่มาใหม่ให้ต้องแอบมองเธอบ่อยๆแถมบางคนยังจ้องมองอย่างไม่วางตาต้องหันกลับมามองอีกครั้ง แม้จะเดินผ่านหญิงสาวไปไกลแล้วก็ตาม
เมื่อไม่รู้รายละเอียดมากนักว่าคนที่คุณปู่ให้มารอรับเป็นใคร หญิงสาวจึงจำเป็นต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรกลับไปถามอีกครั้ง และเมื่อผู้อยู่ปลายสายกดตอบรับ เสียงใสจึงเอ่ยถามทันที
“คุณปู่คะ คนที่คุณปู่ให้นาญ่ามารอรับเป็นใครคะ? นี่บ่ายสองกว่าแล้วนะ ไม่เห็นสักทีเลย” เสียงใสตัดพ้อเล็กน้อย
“เอาน่า เมื่อสักครู่เขาโทรมาบอกปู่ว่าถึงแล้ว เดี๋ยวเราเจอหน้าเขาก็รู้เองแหละ แค่นี้นะ”
“โธ่!!คุณปู่นะคุณปู่” ร่างบางพึมพำเบาๆพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาคนที่คุณปู่ของเธอเอ่ยถึงอย่างหงุดหงิดอยู่คนเดียว
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าถ้าจะไปมองทริชารต์ ต้องติดต่อกับคุณหรือเปล่าคะ?” น้ำเสียงที่แสนจะคุ้นหูเอ่ยถามจากด้านหลัง ทำให้หญิงสาวรีบหันไปมองแล้วก็ร้องตะโกนด้วยความดีใจเป็นที่สุด
“แม่!! แม่มาได้ยังไงคะ? นาญ่าคิดถึงแม่ที่สุดเลย” ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดมารดาด้วยความดีใจ
“จ๊ะ...แม่ก็คิดถึงหนูเหมือนกัน” มุจรินทร์ตอบพร้อมกับทั้งกอดและหอมแก้มเนียนใสทั้งสองข้างของลูกสาวคนสวยให้หายคิดถึง
“แหมคุณปู่เนี่ย! ร้ายจริงๆเลยนะคะ แกล้งใช้งานนาญ่าหนักอย่างกับอะไรดี แล้วยังแกล้งทำเป็นวางแผนเซอร์ไพส์นาญ่าด้วยการให้มารับแม่อีกด้วย ที่จริงก็น่าจะบอกกันตรงๆก็ได้” เสียงใสเอ่ยอย่างนึกงอนคุณปู่ของเธอขึ้นมาทันที
“ถ้าบอกลูกตรงๆ ก็ไม่เรียกว่าเซอร์ไพส์สิจ๊ะ”
“เอาเถอะน่า...สองแม่ลูกจะกลับบ้านได้หรือยัง เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านเถอะนะ...” ฟรานซิสโก้เอ่ยพร้อมกับเข็นรถขนกระเป๋าเดินทางคันโต เดินตามสองแม่ลูกที่โอบกอดกันไม่ยอมปล่อยอย่างเอ็นดู

“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของร่างสูง ทำให้ท่านชีคเหลือบมองใบหน้าครามเล็กน้อย แล้วเอ่ยออกมาอย่างรู้ใจของหลานชาย
“เจ้าจะให้ปู่ทำอย่างไรการิม...ในเมื่อท่านพ่อของเจ้าก็คงจะไม่ยอมเลิกลาจากการเป็นผู้บูรณะและสนับสนุนศาสนาของเขาเป็นแน่ และตัวปู่เองก็แก่เต็มทีแล้ว อยากจะวางมือจากเรื่องการเมืองเสียที”
“ท่านปู่ครับ หลานคิดว่าหลานยังอายุน้อยไปเกินกว่าจะเป็นผู้ปกครองประเทศนี้ต่อจากท่านปู่ได้ อีกอย่างเสด็จป้าคงจะต้องพาพวกนักการเมืองทั้งหลายคัดค้านเป็นแน่ หลานเกรงว่าจะนำพาความร้อนใจมาให้ท่านปู่เสียเปล่าๆนะครับ” การิมเอ่ยอย่างเป็นห่วงคนตรงหน้า
“เจ้าไม่ต้องเกรงกลัวอะไรหรอกการิม ด้วยความสามารถของเจ้าเอง ก็เป็นที่ประจักษ์กับประชาชนของอัลฮับบราอยู่แล้วว่า...เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมเพียงพอหรือไม่?” ท่านชีคเอ่ยอย่างชื่นชม ทำให้การิมได้แต่นั่งนิ่งเงียบ
“แต่หลานยังไม่มีชายาคู่กายคงต้องรอไปอีกหน่อย” ราชนิกุลหนุ่มรีบยกเรื่องที่เขาอ้างได้ผลเสมอขึ้นมาพูดทันที
“ดีเลย! เมื่อเจ้าพูดแบบนี้...ปู่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อคราวที่ครอบครัวเดเยอร์มาเยือนที่อัลฮับบรา เจ้าคิดว่า...เจ้าถูกใจหลานสาวคนไหนของเดเยอร์หรือเปล่า?” ท่านฮิบบินลาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่การิมรู้แก่ใจว่าทรงต้องการคำตอบที่ดีที่สุด
“ท่านปู่หมายความว่าอย่างไรครับ?”
“ปู่กับสเตฟาน...มีพันธสัญญาของลูกผู้ชายซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงรับรู้และเป็นพยานของสัญญานี้ เพียงแต่เงื่อนไขของสัญญาระหว่างปู่และสเตฟานนั้นไม่อาจจะบอกเจ้าได้ และในเมื่อปู่ต้องการจะสละตำแหน่งผู้ปกครองของประเทศนี้ ปู่จึงมีความปรารถนาเดียวเพียงเท่านั้นคือ...ชายาของผู้ที่จะรับตำแหน่งจากปู่ ต้องเป็นหญิงสาวจากตระกูลนี้เท่านั้น” คำพูดของท่านปู่ทำเอาการิมแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเองว่าจะมีเรื่องแบบนี้ แต่ทำไมท่านปู่ไม่ให้เขาเลือกหญิงจากราชนิกุลอื่นที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์ก็ได้ ทำไมจะต้องเป็นคนตระกูลนี้!!
“ปู่รู้ว่าเจ้าลำบากใจ เหตุคงเป็นเพราะเจ้าไม่อาจตัดความแค้นที่เกิดขึ้นเพราะน้องสาวของเจ้าที่จากไป แต่ยังไงปู่ก็ยังยืนยันคำเดิม นอกเสียจากเจ้าต้องการจะปล่อยให้ประเทศนี้ตกไปอยู่ในมือของอัสมินตา ซึ่งทั้งเจ้าและปู่ต่างก็รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร”
“แต่...”
“การิม...ที่ปู่เร่งรัดเจ้า....เพราะปู่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน...” เสียงทุ้มของท่านชีคแห่งอัลฮับบราขาดช่วงไป เมื่อจะเอ่ยถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทรงเก็บไว้ในใจมานาน
“ท่านปู่หมายความว่าอย่างไรครับ?” การิมรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง
“ปู่เป็นโรคหัวใจและถึงจะเข้าทำการผ่าตัดปู่ก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน และที่ยังไม่มีใครรู้...เพราะปู่ห้ามไม่ให้หมอหลวงบอกใคร เจ้าก็เอาไปคิดดูให้ดีนะ...ว่าเจ้าต้องการจะฝากอนาคตของประเทศนี้ไว้กับใคร เอาล่ะตอนนี้...เจ้าก็ออกไปได้แล้วการิม ปู่อยากจะพักผ่อนเสียที” ท่านชีคเอ่ยทิ้งท้ายให้ได้ใช้ความคิด พลางโบกมือเล็กน้อยทำให้ชีคหนุ่มต้องทำความเคารพและเดินเลี่ยงออกมาอย่างจนใจ
ใครจะไปคาดคิดว่าท่านปู่เกิดจะมาทำเผด็จการเรื่องของเขาเอาตอนนี้ แถมยังยกเรื่องการเจ็บป่วยของท่านมาบีบบังคับเขาด้วย ทั้งๆที่ก่อนหน้าไม่เคยบังคับการิมเรื่องคู่ครองเลย ท่านพ่อของการิมเองก็แต่งงานกับแม่เขาที่เป็นหญิงนอกศาสนา ท่านปู่ก็ไม่เคยบังคับแถมยอมรับมาเป็นสะใภ้หลวงด้วยความเต็มใจ แต่ทำไมเมื่อถึงเขาจึงได้บังคับให้ไปเกี่ยวดองกับครอบครัวที่นำให้น้องสาวเขาตายอย่างอัปยศนั้น ชายหนุ่มส่ายใบหน้าครามไปมาอย่างไม่เข้าใจ
********************************************************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา