พักรบสงบศึกรักของนายเต้าหู้กับยายนมสด ♡
7.3
เขียนโดย LazyGirl
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 03.11 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,687 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559 04.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บทที่3 ตั้งใจใช่ไหม?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 3
ตั้งใจใช่ไหม?
“หมดแล้วเหรอ?” ร่างบางถามขึ้นขณะวางหมอนลงบนเตียง เธอคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงตัวจะเล็กแต่กำลังไม่ได้เล็กตาม เธอสามารถยกของหนัก ๆ ขึ้นมาชั้นสองได้อย่างสบายโดยที่ไม่ต้องให้ผมช่วย นี่แหละพลังแห่งนักมวยเก่า ผมไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะบอบบางอย่างที่เห็น
“ใช่ครับ มีแค่นี้แหละ” ผมตอบพลางมองไปรอบห้องด้วยความปลื้มใจ เพราะได้พี่สาวช่วยจัดห้องแท้ ๆ มันถึงได้เสร็จเร็วแบบนี้
ห้องของผมอยู่ชั้นสองตรงข้ามกับห้องของนมสด จำได้ว่าตอนอยู่บ้านเก่าผมมักจะถูกเธอปลุกถึงห้องเกือบทุกเช้าจนต้องล็อคห้องหนี ปลุกไปเรียนไม่ว่า นี่ปลุกให้ผมมาเล่นเกมด้วย ขัดใจอะไรนิดหน่อยเอะอะก็ซ้อมผม ต่อยผม ทำร้ายร่างกายไม่พอยังทำ PS1 พังอีก สมัยนั้นมันแพงมากนะครับ กว่าจะขอพ่อซื้อได้ต้องทำงานบ้านแลก คิดแล้วก็โกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้ และผมคิดว่าช่วงเวลานี้แหละที่เหมาะแก่การเอาคืน หึ!
“นี่ เมื่อกี้ที่คุยกับแม่ พี่บอกว่าผมควรรังเกียจพี่มากกว่า มันหมายความว่าไง?” ผมเริ่มเปิดเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป ไม่รู้ว่าระหว่างที่นมสดหายไปเธอไปกินอะไรหรือไปประสบอุบัติเหตุที่ไหน ทำไมถึงกลายเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจาแบบนี้ ต้องให้ผมเปิดเรื่องคุยก่อนตลอด ทั้งที่ตอนเด็ก ๆ ยัยนี่ออกจะพูดมากแท้ ๆ
“ก็ตามที่ได้ยินนั่นแหละ ใครจะอยากอยู่บ้านหลังเดียวกับคนที่ทำตัวเองเกือบตายตั้งหลายครั้งกันล่ะ พี่รู้นะว่าเต้าหู้เกลียดพี่ ถ้าอยากเอาคืนก็ทำได้นะ พี่ไม่ว่าอะไร” รอยยิ้มใจดีถูกระบายบนใบหน้าสีขาวอมชมพูนั่น วิธีแบบนั้นใช้กับผมไม่ได้หรอก คิดจะหลอกให้ตายใจแล้วค่อยมาตบหัวทีหลังล่ะสิ คนบ้าที่ไหนจะยอมให้คนอื่นแก้แค้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มระรื่นแบบนั้น โคตรปลอม! มองตาก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่ ปิศาจยังไงก็เป็นปิศาจ คนขี้แกล้งยังไงก็ขี้แกล้งอยู่ดี มันเปลี่ยนไม่ได้ร้อกกก!
“อย่าคิดแบบนั้นสิ ตอนเด็กใคร ๆ ก็ซนกันทั้งนั้นแหละ ผมไม่คิดมากหรอก อย่าใส่ใจเลย จะให้ผมทรยศคนที่ให้ที่อยู่ผมได้ยังไงล่ะ” คำพูดที่แสนจะหล่อเหลาของผมทำเอาสาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เต้าหู้ยังใจดีไม่เปลี่ยนเลยนะ ถ้าตอนนั้นพี่ไม่ใจร้ายใส่ ป่านนี้เราคงคุยกันสนุกกว่านี้…” เสียงเธอค่อย ๆ แผ่วลง พร้อมกับเหลือบสายตามองไปทางอื่น
“ขอโทษนะเต้าหู้ พี่ขอโทษจริง ๆ …”
ฮึ่ย!!
“ก็บอกว่าอย่าคิดมากไง ไม่เห็นเหรอว่าผมรู้สึกเฉย ๆ ขนาดไหน ถ้าผมเกลียดพี่จริงคงไม่มาอยู่บ้านหลังเดียวกับพี่หรอก ฮ่า ๆ” ผมรีบหัวเราะปิดบังความรู้สึกตัวเองทันทีเพราะขืนฟังต่ออีกหน่อยคงอ้วกแตกแน่ แววตาแสนเศร้าที่เธอสร้างขึ้นมาทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งแค่ไหน เธอเคยทำให้ผมเป็นผู้รับเคราะห์ด้วยใบหน้าที่น่าสงสารนั่นมาหลายครั้งแล้ว ใช้มุขเดิม ๆ แบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไง?
“พี่แค่อยากพูดขอโทษให้ได้ยินน่ะ ถึงจะไม่ให้อภัยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าที่เต้าหู้พูดมาเมื่อกี้มันออกมาจากใจจริง ๆ ก็ขอบคุณนะ”
“ฮ่า ๆ ครับ…” ให้ตายเถอะ โดนสกิลพี่สาวแสนใจดีเข้าไปทำเอาพูดอะไรไม่ออกเลย -_-;
“เอ่อ…ว่าแต่พี่อยู่ปี3ใช่ไหม? วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ?” ผมเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเพราะกลัวว่าพี่แกจะวนไปพูดเรื่องน้ำเน่าอีก
“ไม่อ่ะ อาจารย์ ไปต่างจังหวัด แล้วเต้าหู้ล่ะ?”
“มีครับ แต่เพราะถูกไล่ออกกะทันหันตอนเช้าเลยไม่มีสมาธิจะไปเรียน มันคิดมากเพราะไม่มีที่อยู่น่ะ”
“ตอนนี้ก็มีแล้วไง ไม่มีอะไรให้คิดมากแล้วนี่ พี่ว่าเต้าหู้ไปเรียนเถอะ โดดเรียนบ่อยมันไม่ดีนะ” คำสอนของพี่สาวทำเอาอกผมคันยิก ๆ คำพูดเด็กเรียนแบบนั้นมันไม่น่าออกมาจากปากของเธอได้ เพราะเมื่อก่อนเธอนี่แหละที่ชวนผมโดดเรียน -_-!
“เอาน่า แค่วันเดียวเอง ไหน ๆ ก็โดดแล้วก็โดดให้มันสุดเลยเถอะ ยังไงวันนี้ผมก็ไม่ไป” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางทิ้งลงตัวลงนอนบนเตียงสีฟ้าแสนนุ่มนิ่ม นอนแบบนี้สบายกว่าไปนั่งหลังงอในห้องเรียนตั้งเยอะ
“ตามใจ งั้นพี่ไม่กวนแล้ว พักผ่อนให้สบายล่ะ” พูดจบเธอก็ลุกจากเตียง แต่ยังไม่ทันออกห้องเธอก็ชะงักไปเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
“เออใช่ เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกหน่อย ถ้าหิวก็หา-”
“ไปด้วย!”
“ฮะ? -O-”
“ไปด้วยครับ” ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินว่าหล่อนจะออกไปข้างนอก นอนเฉย ๆ อยู่ในห้องมันสบายก็จริง แต่การศึกษาวิถีชีวิตของศัตรูมันน่าสนุกกว่า
“จะไปด้วยกันจริงหรอ? แต่พี่ไปวาดรูปนะ…เต้าหู้จะเบื่อรึเปล่า?”
“วาดรูป?”
“ก็…” อาการพูดไม่ค่อยเก่งของพี่สาวผมกำเริบอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร ผมพอจะเดาออกแล้วว่าเธอไปวาดรูปทำไม
“พี่เรียนสถาปัตย์ใช่ไหม เห็นพกสมุดสเก็ตซ์ด้วย” ใช่ครับ สมุดแข็ง ๆ ที่เธอใช้ตีผมเมื่อตอนที่ผ่าน ๆ มานั่นแหละ -_-
“ใช่ พี่กลัวมัวแต่วาดรูปแล้วเต้าหู้จะเบื่อน่ะ”
“ไม่เบื่อหรอก อยู่บ้านเฉย ๆ น่าเบื่อกว่า ว่าแต่พี่จะไปไหน?”
“ตอนแรกคิดว่าจะไปวัด แต่ถ้าเต้าหู้ไปด้วยก็คงเป็นคาเฟ่” ทำถูกแล้วครับ ขืนให้ผมไปนั่งเฉย ๆ อยู่ในวัดรอพี่วาดรูปเป็นชั่วโมงคงเบื่อตาย
“ดีเหมือนกัน ผมหิวเค้กพอดี พี่คิดไว้หรือยังว่าจะไปร้านไหน?”
“Forest café”
“อ้อ งั้นไปกันเถอะ!” พูดจบผมก็ลุกออกจากเตียงแล้วลงบันไดไปโดยไม่รอพี่สาวตัวแสบเลย โดดเรียนไปนั่งชิวร้านเค้กมันฟังดูตุ๊ดไปไหมวะ? แต่ไม่เป็นไรหรอก ก็ผมไปส่งพี่สาวนี่นา ฮ่าๆ
ผมลงมาเก็บกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะห้องรับแขกก่อนจะตรงไปยังรถคันเล็กสีเหลืองของผม แต่ก่อนที่จะขึ้นรถ ผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงท่าทางแปลก ๆ คนหนึ่งเดินตามผมมา…
“พี่ใส่หมวกกันน็อคทำไม -_-”
“อ้าว นึกว่าจะเอารถพี่ไป” เธอทำหน้ามึนแล้วชี้ไปที่รถสกูปปี้สีเทาที่จอดอยู่ในโรงรถ และมืออีกข้างก็หิ้วหมวกกันน็อคสีดำมาด้วย อย่าบอกนะว่านั่นของผม =_=
“ร้านมันอยู่นอกเมืองไม่ใช่เหรอ แถมอากาศร้อนแบบนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหน้าได้ไหม้กันพอดี”
“ไปรถเต้าหู้เหรอ?”
“ครับ -_-”
“โอเค ๆ” เธอถอดหมวกออกแล้วเอาเก็บไว้ที่เดิมก่อนจะเดินตามผมขึ้นรถมา ไปเอาความมั่นใจที่ไหนมาว่าผมจะซ้อนมอเตอร์ไซค์หล่อน ขนาดปั่นจักรยานยังพาผมแหกโค้งข้างทางเลย ผมไม่เอาชีวิตไปฝากไว้กับผู้หญิงคนนี้หรอก -_-;
-Nomsod-
ร้าน Forest café
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ถูกป่าไม้และธรรมชาติโอบล้อม ตัวร้านถูกออกแบบอย่างทันสมัยแต่ใช้วัสดุธรรมชาติในการสร้างเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เสียงนกร้องขับขานผสมกับเสียงน้ำที่ไหลไปตามลำธารทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ที่นี่จะมีผู้คนผ่านมาและใช้บริการค่อนข้างเยอะแต่กลับไม่รู้สึกวุ่นวายเลยสึกนิด มันเงียบสงบจนน่าแปลกใจ
“เต้าหู้เอาอะไรไหม? มาดูเมนูตรงนี้สิ” ฉันทักขึ้นในขณะที่เต้าหู้กำลังสนุกกับการถ่ายภาพเก็บบรรยากาศอยู่ เขาดูตื่นเต้นเหมือนเด็กน้อยเลย ดีใจจังที่หมอนั่นชอบที่นี่
“พี่เลือกก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป” เขาโบกมือให้ก่อนจะเดินไปถ่ายรูปริมลำธารเล็ก ๆ ข้างร้าน
“เอ่อ…” จะสั่งเผื่อก็ไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไร ”งั้นเอาเทดดี้เค้กกับชาพีชก่อนแล้วกันค่ะ” ร้านนี้เขาเก็บตังค์ก่อนแล้วจะมาเสิร์ฟให้ทีหลัง กะจะเลี้ยงต้อนรับเต้าหู้สักหน่อย ดันหนีไปถ่ายรูปซะนี่ =_=;
“เทดดี้เค้กกับชาพีชนะคะ ทั้งหมด 255 บาทค่ะ”
“แป๊บนะคะ…” แค่ฉันคนเดียวยังเสียตั้งสองร้อย ถ้าเลี้ยงเต้าหู้อีกจะเสียเท่าไหร่ฟะ หมอนั่นดูท่าแล้วน่าจะเป็นคนกินเยอะด้วย กว่าจะตัวโตสูงโปร่งขนาดนั้นต้องยัดอะไรเข้าไปบ้างนะ -_-;
“นี่ครับ” ในขณะที่ฉันกำลังล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา จู่ ๆ ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นข้างตัว ใครก็ไม่รู้มาจ่ายเงินพร้อมฉัน เกือบคิดไปแล้วนะว่ามีคนออกตังค์ให้
“นี่ค่ะเงิน เอ๊ะ…” ยังไม่ทันจ่ายเงิน พนักงานก็ยื่นใบเสร็จมาให้เฉย อ้าว…งงสิ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า
“ฉันเลี้ยง” สิ้นประโยคใจดีนั่น ฉันจึงรีบหันไปหาเจ้าของเสียงเพื่อขอบคุณทันที!
“อ๊ะ สายฟ้า? -O-”
“หวัดดี ไม่เจอกันนานเลยนะ” ที่แท้แล้วชายคนที่เอ่ยปากเลี้ยงเค้กฉัน ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเลย เขาคือเพื่อนสมัยม.ปลายนี่เอง -O-
จริง ๆ เราเรียนมหาลัยเดียวกันแต่โอกาสที่จะเจอกันมีน้อยมาก เจอกันก็ทักแบบผ่านๆ นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีเลยที่เราได้คุยกันแบบนี้
“ใช่ ไม่เจอกันนานเลย แต่นายเลี้ยงฉันทำไมอะ เท่าที่จำได้ฉันไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้นายจนต้องมาเลี้ยงตอบแทนเลยนะ =_=;” หรือเมื่อก่อนฉันเคยไปช่วยเขาเขียนแบบหว่า?
“นี่เธอต้องมีบุญคุณกับฉันก่อนเหรอฉันถึงจะเลี้ยงเธอได้? แค่อยากเลี้ยงเพราะไม่ได้เจอกันนานเท่านั้นเอง” เขาพูดไปยิ้มไปพลางยกมือขึ้นดันหัวฉันเล่น
“โอ๊ย! หายไปไม่กี่เดือน แรงเยอะขึ้นน่าดูเลยนะ หัวแตกหมดแล้วมั้งเนี่ย” ฉันยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองเบาๆ พลางมองกล้ามแขนและร่างกายอันใหญ่โตของเขา…หุ่นแบบนี้ล่ะชะนีช๊อบชอบ =.,=
“อยากให้แตกจริงรึเปล่าล่ะ? แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ?”
“เปล่า ฉันมากับน้อง ถ้านายจะเลี้ยงก็ต้องเลี้ยงน้องฉันด้วย เปลี่ยนใจรับเงินตอนนี้ยังทันน้า” ฉันโบกแบงค์ร้อยในมือไปมาพลางกลอกตาหยอกล้อคนตรงหน้าเล่น “ไว้โอกาสหน้าค่อยเลี้ยงก็ได้น่า วันนี้ฉันมีแขก เปลืองเงินนายเปล่า ๆ”
“เออเอาน่า ฉันถูกหวยเลยอยากเสียตังค์เล่น ว่าแต่เธอเถอะมีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“เป็นน้องข้างบ้านน่ะ ^^” ฉันไม่ได้กล่าว…แต่เต้าหู้ต่างหากที่เป็นคนกล่าว! อยู่ดี ๆ เขาก็โผล่มาต่อบทสนทนาเฉย เมื่อกี้ยังเห็นถ่ายรูปแถว ๆ ลำธารอยู่เลย -O-
“สวัสดีครับ ผมชื่อเต้าหู้ เป็นน้องที่อยู่ข้างบ้านพี่นมสดตั้งแต่เด็กๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เต้าหู้แนะนำตัวเองเสียงใสพร้อมใบหน้าที่เป็นมิตร การปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำให้สายฟ้าสับสนเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็รับไหว้เต้าหู้อย่างงงๆ
“อ๋อครับ พี่ชื่อสายฟ้า เป็นเพื่อนนมสดน่ะ”
“อ้อ…เหรอครับ…” เต้าหู้ลากเสียงยาวแล้วมองมาทางฉันอย่างมีเล่ห์นัย “เมื่อกี้ผมได้ยินว่าพี่ถูกหวย จะเลี้ยงเค้กผมเหรอ? โห…หน้าตาดีแถมยังใจดีอีก งั้นผมไม่เกรงใจละน้า ^O^” พูดจบ นางก็วิ่งไปสั่งของหวานทันที
“เฮ้ยเดี๋ยว สายฟ้ายังไม่ตกลงเลยนะว่าจะเลี้ยงจริง ๆ ” ถ้าเมื่อกี้สายฟ้าพูดเล่น แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายให้คนกินเยอะอย่างนายล่ะเต้าหู้ -O-!
“ก็บอกไปแล้วว่าจะเลี้ยง ยังไม่เชื่ออีกเหรอ?”
“เอาจริง? -_-;” ฉันหันไปถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้จำใจจ่ายเพราะถูกเต้าหู้บังคับทางอ้อม
“ใช่ เธอออยากกินอะไรเพิ่มไหมล่ะ? ฉันจะไปสั่งบ้าง”
“ไม่เอาแล้ว นายไปสั่งเถอะ” แค่นี้ก็เกรงใจจะตายอยู่แล้ว =_=;
10 นาทีผ่านไป
ฉันเลือกโต๊ะนอกร้านข้างลำธารเพราะบรรยากาศดีและเห็นตัวร้านที่ตกแต่งสวยงามได้อย่างชัดเจน อีกอย่างมันเป็นมุมที่เหมาะแก่การวาดรูปมาก แสงสวย มุมดี องค์ประกอบเป๊ะ แต่ก่อนหน้านั้นฉันต้องกินของหวานที่แทบจะล้นโต๊ะนี่ให้หมดก่อน ไม่งั้นไม่มีที่ให้วางของแน่ =_=;
“ผมนึกว่าพี่มากับเพื่อนซะอีก” เต้าหู้พูดขึ้นพลางตักไอศกรีมรสช็อคโกแลตเข้าปาก
“นั่นสิ” ฉันก็นึกว่าสายฟ้านั่งเล่นกับเพื่อนแล้วบังเอิญมาเจอฉันเลยแวะทักทายนิดหน่อย แล้วไหงมานั่งด้วยกันเฉย =_=;
“ก็โดดเรียนนั่นแหละ น่าเบื่อจะตาย”
“เหมือนผมเลย ผมขี้เกียจเข้ามอ”
“หืม? เรียนมหาลัยเหรอ? ฉันนึกว่านายเป็นเด็กมัธยมซะอีก กินของหวานเยอะเหมือนเด็กน้อยเลยนะ ฮ่ะๆ” สายฟ้าหัวเราะเบา ๆ แล้วจิบกาแฟหนึ่งที
“เหมือนไม่พอ หน้าก็เด็กด้วยนะครับ ^^”
“นมสดล่ะ เธอก็โดดเหรอ?” สายฟ้าหันมาคุยกับฉันที่ก้มหน้าก้มตากินเค้กรูปหมีน้อยอย่างตั้งใจบ้าง
“เปล่า อาจารย์ไม่มาสอนน่ะ”
“ถ้าอาจารย์มา เธอก็ไปเรียนงั้นสิ? แหม…แม่คนดี”
“ทำไมพูดเหมือนฉันชอบโดดเรียนล่ะ? -_-;”
“เปล่า พูดไปงั้นแหละ เป็นเด็กดีก็ดีแล้ว น่ารักจะตาย” สายฟ้าลูบหัวฉันเบา ๆ ก่อนจะหัวเราะคิกคักสนุกอยู่คนเดียว เห็นฉันเป็นหมาหรือไง? -_-
แต่ฉันเขินว่ะ!
จริง ๆ ฉันควรรู้สึกเฉย ๆ กับคำชมและท่าทางขี้เล่นของสายฟ้า เพราะเขามักจะพูดและเล่นแบบนี้กับเพื่อนคนอื่นประจำ แต่เป็นใคร ใครก็คิด ถ้าถูกชมโดยคนที่เคยชอบเรามาก่อน แถมยังเป็นคนหน้าตาดีที่เคยมีรูปโผล่ในเพจหนุ่มหล่อของมหาลัยอีกต่างหาก ใคร ๆ ก็อยากได้หัวใจเขาไปครอบครองทั้งนั้น
จีบฉันสิสายฟ้า ฉันโสดนะ แล้วก็น่ารักเหมือนที่นายบอกด้วย =,.=
“แต่ตอนเด็กพี่นมสดไม่น่ารักนะครับ”
-O-
“ทั้งดำ ทั้งถึก พี่สายฟ้ารู้ไหมว่าพี่นมสดเป็นนักมวยมาก่อน?”
“หา? นี่ความรู้ใหม่เลยนะ”
“เต้าหู้!” ฉันสะกิดแขนเต้าหู้เบา ๆ เพื่อเรียกวิญญาณความเป็นน้องชายที่น่ารักกลับมา น้องที่ดีไม่ควรแฉพี่สาวต่อหน้าชายหนุ่มแบบนี้นะ! แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจแถมยังปัดมือฉันทิ้งอีกต่างหาก
“โห…แบบนี้ต้องเล่าครับ ถ้าพี่เป็นเพื่อนพี่นมสดจริง พี่ต้องรู้เรื่องนี้!” เต้าหู้วางช้อนลงเพื่อให้ตัวเองได้เล่าวีรกรรมของฉันถนัดขึ้น แต่ฉันไม่ยอมหรอกโว้ย!
“พี่ว่าเต้าหู้เลิกพูดแล้วนั่งกินเค้กเงียบ ๆ แบบเมื่อกี้เถอะ อยู่เฉย ๆ น่ารักกว่านะ ^^!” ฉันหยิบช้อนหมอนั่นขึ้นมาแล้วตักเค้กยัดปากเพื่อให้เขาหยุดพูดมากสักที
“อุ๊บ! พี่! ผมก็อิ่มเป็นเหมือนกันนะ ขอคุยพักท้องหน่อยสิ พี่สายฟ้าก็อยากรู้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนพี่นมสดเป็นยังไง” เต้าหู้หยิบกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดปากแล้วหันไปถามสายฟ้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขาทันที
“ใช่ ยิ่งนมสดไม่อยากให้รู้มันยิ่งน่าสนุกเข้าไปใหญ่ ฮ่าๆ” เอาเข้าไป ถ้าเล่าเรื่องดี ๆ ฉันจะไม่ว่าสักคำเลย!
“จริง ๆ พี่นมสดเป็นพวกบ้าพลังครับ เห็นบอบบางแบบนี้แต่จริง ๆ เธอถึกนะ เมื่อก่อนพี่เขาเคยเตะกระสอบทรายจนพังคาค่ายมวยด้วย ไม่เชื่อลองจับน่องกับหน้าแข้งพี่เขาสิว่าแข็งขนาดไหน” จบประโยคนั้น สายฟ้าก็ก้มมองน่องฉันทันที แต่เสียใจ ฉันใส่กางเกงขายาวมาย่ะ! ฮรื่อ TOT
“มีครั้งหนึ่งพี่นมสดไปจระเข้ฟาดหางใส่เพื่อนผู้ชายข้างบ้านจนสลบเพราะอิจฉาที่เขาปั่นจักรยานสองล้อได้ก่อน ขัดใจอะไรนิดหน่อยไม่ได้เลยนะครับ ผมยังเคยถูกซ้อมจนปากแตกกลับบ้านเลย คิดแล้วสงสารแฟนในอนาคตพี่นมสดจริง ๆ ว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับคนใจร้อนแบบนี้ยังไง”
“นั่นสิ =_=;” สายฟ้ามองมาทางฉันอย่างกลัว ๆ พลางกระชับมือจับแก้วให้แน่นยิ่งขึ้น
“อย่ามองเหมือนฉันฆ่าใครตายแบบนั้นสิ”
“แต่เกือบตาย” ประโยคของเต้าหู้กลืนเสียงฉันไปจนหมด เพราะที่เขาพูดมาคือเรื่องจริง TOT
“นมสดเคยเกือบฆ่าคนตายด้วยเหรอ? -O-” สายฟ้าถามขึ้นอย่างตกใจ
“ใช่ครับ ทั้งคนทั้งสัตว์เลย ตอนนั้นผมเหมือนโนบิตะที่ไม่มีโดราเอมอนช่วย ส่วนพี่เขาก็เหมือนไจแอ้นท์ที่เป็นหัวโจกคอยแกล้งคนอื่น”
ชักจะเยอะไปแล้วนะ -_-!
“เมื่อก่อนมีละครเกี่ยวกับเรื่องทาสฉายทางช่องน้อยสี พี่เขาดูมาก็เอาอย่างบ้าง วันนั้นผมไม่ยอมเล่นกับพี่นมสด พี่ก็เลยเรียกพวกมาจับผมแก้ผ้าแล้วเอาก้านมะยมมาฟาดหลังจนมีรอยแดงเต็มตัวไปหมด แค่นั้นไม่พอยังเอาน้ำเกลือมาราดตัวผมอีก”
“ทำไมเธอทารุณแบบนี้?!”
ฉันขอโทษ TOT
“ที่สุดคือพี่เขาโยนลูกแมวลงจากอาคารเรียนชั้น3 แล้วอ้างว่าอยากรู้ว่าแมวมี9ชีวิตจริงหรือเปล่า สุดท้ายแมวตัวนั้นก็ตายครับ”
ขอร้องล่ะเต้าหู้ หยุดแฉฉันสักที สายฟ้าเริ่มจะรับฉันไม่ไหวแล้วนะ TOT
“ฮ่ะ ๆ ตอนเด็กใคร ๆ ก็ซนกันทั้งนั้นแหละ ไม่คิดมากหรอกเนอะ อย่าใส่ใจเลย แหะ ๆ ” ฉันยืมคำพูดของเต้าหู้ที่เคยพูดกับฉันก่อนหน้านี้มาพูดบ้าง เผื่อเขาจะนึกได้ว่าให้อภัยฉันแล้ว หรือว่าที่เขาหักหน้าฉันต่อหน้าสายฟ้าเพราะต้องการเอาคืนกันแน่?
ทำไมฉันเพิ่งนึกได้เนี่ย ชิบ*ายแล้ว!
“อย่าใส่ใจเหรอ? เธอทำให้ชีวิตหนึ่งต้องตายเลยนะ” สายฟ้ามองหน้าฉันแปลก ๆ และน้ำเสียงที่ใช้คุยกับฉันก็ต่างจากตอนแรกมาก เหมือนเขาจะโกรธที่ฉันพูดเหมือนไม่ใส่ใจชีวิตสัตว์เล็กสัตว์น้อยแบบนั้น ฮือ ฉันโดนเกลียดเพราะแมวจริงเหรอ ไม่ได้ตั้งใจนี่นา T^T
“ฮ่า ๆ อย่าโกรธพี่นมสดเลยครับ ตอนนี้พี่เขาเป็นคนดีและรักสัตว์มาก ^^”
ขอบใจมากเต้าหู้…ช่วยพูดอะไรดี ๆ เกี่ยวกับฉันเพื่อกู้ความดีความงามกลับมาด้วยเถอะ
“เมื่อเช้าผมแวะไปบ้านพี่นมสดมาถึงรู้ว่าพี่เขาเลี้ยงแมลงสาบ ไม่รู้ว่าเลี้ยงไว้กินด้วยหรือเปล่าเพราะมันเยอะมากจริงๆ ดูท่าแล้วพี่เขาจะรักแมลงสาบมากเลยนะครับ ปล่อยให้เดินเล่นรอบบ้านยั้วเยี้ยเต็มไปหมดอย่างกับขบวนพาเหรดงานเทศกาล บ้านรกน่าอยู่เชียว”
“ฉันทำความสะอาดบ้านตลอด และมั่นใจว่าไม่มีพาเหรดแมลงสาบบ้าบอนั่นแน่นอน พูดอะไรให้มันเป็นความจริงหน่อยเต้าหู้!” ไม่ใช่มาสร้างเรื่องว่าบ้านฉันสกปรกรกเลอะเทอะแบบนั้น พื้นกระเบื้องบ้านฉันออกจะสะอาดเงางามราวกระจก มองพื้นทีเห็นหน้าตัวเองยันรูขุมขน ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวกลับบ้านไปเลียพื้นโชว์เลยเอ้า!
“ดูสิ หยาบคาย…ล้อเล่นแค่นี้ก็ดุแล้วอะพี่สายฟ้า กลับบ้านไปผมต้องโดนตีแน่เลย กลัวแล้ว ฮือ ๆ T^T”
ดูมันบีบน้ำตา ฉันน่าจะฆ่ามันให้ตายตั้งแต่เด็ก!!
“นมสด เธอตีน้องทุกวันเลยเหรอ ดูท่าจะกลัวเธอมากเลยนะ -_-;” ชักไม่แน่ใจแล้วว่าสายฟ้าเป็นเพื่อนฉันหรือเพื่อนเต้าหู้กันแน่ เขาควรจะเห็นใจฉันที่ถูกกล่าวหาว่าร้ายสิ
“นายเชื่อหมอนี่เหรอ? ฉันไม่ได้ประสาทขนาดจะตีเขาตั้งแต่เล็กจนโตนะ”
“แต่พี่โรคจิต”
“อะไรอีก?” ฉันหรี่ตามองชายที่นั่งข้าง ๆ แล้วยกชาขึ้นดูดไปด้วย รีบ ๆ กินให้มันหมด ๆ จะได้กลับบ้านสักที หมดอารมณ์จะวาดรูปแล้วโว้ย!
“พี่สายฟ้ารู้ไหมว่าเมื่อก่อนพี่นมสดชอบจับเด็กผู้ชายมาถอดกางเกงแล้วเอาไม่เขี่ยไอ้นั่นของผู้ชายเล่น ตอนนั้นเด็กแถวบ้านท่อปัสสาวะอักเสบกันเป็นแถวเลย”
พรวด!!
“แค่ก ๆ !!” โอ๊ย! เรื่องอื่นมีให้พูดตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องเลือกเรื่องอุบาทว์แบบนี้มาพูดด้วย แล้วฉันจะมองหน้าสายฟ้ายังไงติด ป่านนี้เขาคงคิดว่าฉันเป็นยัยบ้ากามโรคจิตไปแล้วแน่ ๆ!
“โห…ถึงกับสำลักน้ำเลย เอาน่า ไม่ต้องอายหรอก เรื่องมันนานมาแล้ว เอามาพูดตอนนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกไป ใช่ไหมพี่สายฟ้า” เต้าหู้ทำเป็นพูดปลอบใจแล้วหันไปหัวเราะกับสายฟ้าที่ยิ้มเจื่อน ๆ เหมือนไม่ค่อยสนุกด้วยแล้ว อย่าบอกนะว่าเขารังเกียจฉัน?!
“เอ่อ…ขอโทษนะ” สายฟ้าพูดขึ้นพลางจ้องจอโทรศัพท์ในมือตัวเอง “ฉันต้องกลับแล้ว”
“อ้าว จะไปไหนอะ? ไม่กินต่อแล้วเหรอ? ยังเหลืออีกเยอะเลยนะ” หวังว่าที่เขากลับกะทันหันแบบนี้ไม่ใช่เพราะทนฟังเรื่องทุเรศ ๆ ของฉันไม่ได้หรอกนะ ฮรื่อ T^T
“ไม่ล่ะ เธอกับเต้าหู้กินเถอะ ฉันมีธุระนิดหน่อย”
“เสียดายจัง ยังมีเรื่องที่อยากเล่าให้ฟังอีกเพียบ ไว้คราวหน้าเจอกันผมจะเล่าให้ฟังอีกนะครับ บ๊ายบาย ^^” เต้าหู้บอกลาเสียงใสแต่ทำไมฉันได้ยินแล้วอยากจะกระโดดถีบเข้าหน้าให้ หมั่นไส้สุด ๆ !
“กลับดี ๆ นะ” สุดท้ายฉันต้องทำใจโบกมือลา ยังไม่ทันได้แก้ข่าว เขาก็ไปซะแล้ว เขาต้องคิดว่าฉันเป็นโรคจิต คนบ้า หรืออะไรก็ตามที่จิตไม่ปกติแน่ ๆ การพบเจออีกครั้งระหว่างสาวน้อยกับหนุ่มหล่อที่ไม่เจอกันนานหลายเดือนต้องจบแบบนี้จริง ๆ เหรอ? จำเป็นต้องแย่ขนาดนี้ไหม?
เมื่อฉันเห็นว่าสายฟ้าไปแล้วจริง ๆ จึงถือโอกาสถามคนที่ทำให้วันนี้ของฉันหมองหม่นทันที
“นี่ เมื่อกี้นายตั้งใจแกล้งฉันใช่ไหม?”
“อ้าว ไม่แทนตัวเองว่า ‘พี่’ แล้วแทนผมว่า ‘เต้าหู้’ แล้วเหรอ? กะแล้วว่าพี่แอ๊บได้ไม่นานหรอก” เขาหัวเราะหึในลำคอก่อนจะยกโกโก้ขึ้นดื่ม
“สรุปแกล้งฉันจริง ๆ ใช่ไหม?”
“แหม…คิดมากน่า ผมแค่หยอกล้อนิด ๆ หน่อย ๆ เอง ผมทำให้พี่ไม่พอใจเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ขอโทษด้วยนะครับ” ปากบอกขอโทษแต่ใบหน้านั้นไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด รอยยิ้มมุมปากนั่นทำให้ฉันรู้ว่าเขาพอใจที่เห็นฉันหงุดหงิดแค่ไหน
“แต่ถ้าผมจะแกล้งจริง ๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ก็พี่เป็นคนบอกเอง ว่า ‘ถ้าอยากเอาคืนก็ทำได้นะ พี่ไม่ว่าอะไร’ ”
หมอนี่…ตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ…
“แต่ก็นั่นอีกแหละ ผมจะทรยศคนที่ให้ที่อยู่ผมได้ยังไง ใช่ไหมครับพี่สาว?...” เขาเท้าคางมองหน้าฉันด้วยรอยยิ้มที่หญิงคนไหนเห็นแล้วต้องอ่อนระทวยยอมยกใจให้เขาจนหมด แต่ฉันกลับเห็นแล้วอยากจะกระชากคอเสื้อมาต่อยให้ยิ้มไม่ออกเสียมากกว่า
“อืม…ผมว่าพี่คงอยากอยู่คนเดียวสักพัก รูปก็ยังไม่ได้เริ่มวาดเลยนี่นา” เขามองสมุดสเก็ตซ์ที่โผล่พ้นออกมาจากกระเป๋าสะพายนิดหน่อยก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้
“จะไปไหน?”
“ไปหาเพื่อนครับ เมื่อกี้ตอนถ่ายรูปเล่นเจอเพื่อนนั่งอ่านหนังสือในร้านพอดี ถ้าอยากกลับบ้านก็เรียกเอานะ ผมอยู่ในร้าน ^^” พูดจบ หมอนั่นก็เดินฮัมเพลงเข้าร้านไปและทิ้งให้ฉันนั่งสงบสติอยู่คนเดียว
ทั้งหมดที่เขาทำเพื่อเอาคืนฉันใช่ไหม? ฉันโง่เองแหละ ที่เชื่อว่าเขาให้อภัยฉันจริงๆ!
____________________________________________
สายฟ้า อายุ 21
เอายังไงดี?
ตั้งใจใช่ไหม?
“หมดแล้วเหรอ?” ร่างบางถามขึ้นขณะวางหมอนลงบนเตียง เธอคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงตัวจะเล็กแต่กำลังไม่ได้เล็กตาม เธอสามารถยกของหนัก ๆ ขึ้นมาชั้นสองได้อย่างสบายโดยที่ไม่ต้องให้ผมช่วย นี่แหละพลังแห่งนักมวยเก่า ผมไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะบอบบางอย่างที่เห็น
“ใช่ครับ มีแค่นี้แหละ” ผมตอบพลางมองไปรอบห้องด้วยความปลื้มใจ เพราะได้พี่สาวช่วยจัดห้องแท้ ๆ มันถึงได้เสร็จเร็วแบบนี้
ห้องของผมอยู่ชั้นสองตรงข้ามกับห้องของนมสด จำได้ว่าตอนอยู่บ้านเก่าผมมักจะถูกเธอปลุกถึงห้องเกือบทุกเช้าจนต้องล็อคห้องหนี ปลุกไปเรียนไม่ว่า นี่ปลุกให้ผมมาเล่นเกมด้วย ขัดใจอะไรนิดหน่อยเอะอะก็ซ้อมผม ต่อยผม ทำร้ายร่างกายไม่พอยังทำ PS1 พังอีก สมัยนั้นมันแพงมากนะครับ กว่าจะขอพ่อซื้อได้ต้องทำงานบ้านแลก คิดแล้วก็โกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้ และผมคิดว่าช่วงเวลานี้แหละที่เหมาะแก่การเอาคืน หึ!
“นี่ เมื่อกี้ที่คุยกับแม่ พี่บอกว่าผมควรรังเกียจพี่มากกว่า มันหมายความว่าไง?” ผมเริ่มเปิดเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป ไม่รู้ว่าระหว่างที่นมสดหายไปเธอไปกินอะไรหรือไปประสบอุบัติเหตุที่ไหน ทำไมถึงกลายเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจาแบบนี้ ต้องให้ผมเปิดเรื่องคุยก่อนตลอด ทั้งที่ตอนเด็ก ๆ ยัยนี่ออกจะพูดมากแท้ ๆ
“ก็ตามที่ได้ยินนั่นแหละ ใครจะอยากอยู่บ้านหลังเดียวกับคนที่ทำตัวเองเกือบตายตั้งหลายครั้งกันล่ะ พี่รู้นะว่าเต้าหู้เกลียดพี่ ถ้าอยากเอาคืนก็ทำได้นะ พี่ไม่ว่าอะไร” รอยยิ้มใจดีถูกระบายบนใบหน้าสีขาวอมชมพูนั่น วิธีแบบนั้นใช้กับผมไม่ได้หรอก คิดจะหลอกให้ตายใจแล้วค่อยมาตบหัวทีหลังล่ะสิ คนบ้าที่ไหนจะยอมให้คนอื่นแก้แค้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มระรื่นแบบนั้น โคตรปลอม! มองตาก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่ ปิศาจยังไงก็เป็นปิศาจ คนขี้แกล้งยังไงก็ขี้แกล้งอยู่ดี มันเปลี่ยนไม่ได้ร้อกกก!
“อย่าคิดแบบนั้นสิ ตอนเด็กใคร ๆ ก็ซนกันทั้งนั้นแหละ ผมไม่คิดมากหรอก อย่าใส่ใจเลย จะให้ผมทรยศคนที่ให้ที่อยู่ผมได้ยังไงล่ะ” คำพูดที่แสนจะหล่อเหลาของผมทำเอาสาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เต้าหู้ยังใจดีไม่เปลี่ยนเลยนะ ถ้าตอนนั้นพี่ไม่ใจร้ายใส่ ป่านนี้เราคงคุยกันสนุกกว่านี้…” เสียงเธอค่อย ๆ แผ่วลง พร้อมกับเหลือบสายตามองไปทางอื่น
“ขอโทษนะเต้าหู้ พี่ขอโทษจริง ๆ …”
ฮึ่ย!!
“ก็บอกว่าอย่าคิดมากไง ไม่เห็นเหรอว่าผมรู้สึกเฉย ๆ ขนาดไหน ถ้าผมเกลียดพี่จริงคงไม่มาอยู่บ้านหลังเดียวกับพี่หรอก ฮ่า ๆ” ผมรีบหัวเราะปิดบังความรู้สึกตัวเองทันทีเพราะขืนฟังต่ออีกหน่อยคงอ้วกแตกแน่ แววตาแสนเศร้าที่เธอสร้างขึ้นมาทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งแค่ไหน เธอเคยทำให้ผมเป็นผู้รับเคราะห์ด้วยใบหน้าที่น่าสงสารนั่นมาหลายครั้งแล้ว ใช้มุขเดิม ๆ แบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไง?
“พี่แค่อยากพูดขอโทษให้ได้ยินน่ะ ถึงจะไม่ให้อภัยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าที่เต้าหู้พูดมาเมื่อกี้มันออกมาจากใจจริง ๆ ก็ขอบคุณนะ”
“ฮ่า ๆ ครับ…” ให้ตายเถอะ โดนสกิลพี่สาวแสนใจดีเข้าไปทำเอาพูดอะไรไม่ออกเลย -_-;
“เอ่อ…ว่าแต่พี่อยู่ปี3ใช่ไหม? วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ?” ผมเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเพราะกลัวว่าพี่แกจะวนไปพูดเรื่องน้ำเน่าอีก
“ไม่อ่ะ อาจารย์ ไปต่างจังหวัด แล้วเต้าหู้ล่ะ?”
“มีครับ แต่เพราะถูกไล่ออกกะทันหันตอนเช้าเลยไม่มีสมาธิจะไปเรียน มันคิดมากเพราะไม่มีที่อยู่น่ะ”
“ตอนนี้ก็มีแล้วไง ไม่มีอะไรให้คิดมากแล้วนี่ พี่ว่าเต้าหู้ไปเรียนเถอะ โดดเรียนบ่อยมันไม่ดีนะ” คำสอนของพี่สาวทำเอาอกผมคันยิก ๆ คำพูดเด็กเรียนแบบนั้นมันไม่น่าออกมาจากปากของเธอได้ เพราะเมื่อก่อนเธอนี่แหละที่ชวนผมโดดเรียน -_-!
“เอาน่า แค่วันเดียวเอง ไหน ๆ ก็โดดแล้วก็โดดให้มันสุดเลยเถอะ ยังไงวันนี้ผมก็ไม่ไป” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางทิ้งลงตัวลงนอนบนเตียงสีฟ้าแสนนุ่มนิ่ม นอนแบบนี้สบายกว่าไปนั่งหลังงอในห้องเรียนตั้งเยอะ
“ตามใจ งั้นพี่ไม่กวนแล้ว พักผ่อนให้สบายล่ะ” พูดจบเธอก็ลุกจากเตียง แต่ยังไม่ทันออกห้องเธอก็ชะงักไปเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
“เออใช่ เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกหน่อย ถ้าหิวก็หา-”
“ไปด้วย!”
“ฮะ? -O-”
“ไปด้วยครับ” ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินว่าหล่อนจะออกไปข้างนอก นอนเฉย ๆ อยู่ในห้องมันสบายก็จริง แต่การศึกษาวิถีชีวิตของศัตรูมันน่าสนุกกว่า
“จะไปด้วยกันจริงหรอ? แต่พี่ไปวาดรูปนะ…เต้าหู้จะเบื่อรึเปล่า?”
“วาดรูป?”
“ก็…” อาการพูดไม่ค่อยเก่งของพี่สาวผมกำเริบอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร ผมพอจะเดาออกแล้วว่าเธอไปวาดรูปทำไม
“พี่เรียนสถาปัตย์ใช่ไหม เห็นพกสมุดสเก็ตซ์ด้วย” ใช่ครับ สมุดแข็ง ๆ ที่เธอใช้ตีผมเมื่อตอนที่ผ่าน ๆ มานั่นแหละ -_-
“ใช่ พี่กลัวมัวแต่วาดรูปแล้วเต้าหู้จะเบื่อน่ะ”
“ไม่เบื่อหรอก อยู่บ้านเฉย ๆ น่าเบื่อกว่า ว่าแต่พี่จะไปไหน?”
“ตอนแรกคิดว่าจะไปวัด แต่ถ้าเต้าหู้ไปด้วยก็คงเป็นคาเฟ่” ทำถูกแล้วครับ ขืนให้ผมไปนั่งเฉย ๆ อยู่ในวัดรอพี่วาดรูปเป็นชั่วโมงคงเบื่อตาย
“ดีเหมือนกัน ผมหิวเค้กพอดี พี่คิดไว้หรือยังว่าจะไปร้านไหน?”
“Forest café”
“อ้อ งั้นไปกันเถอะ!” พูดจบผมก็ลุกออกจากเตียงแล้วลงบันไดไปโดยไม่รอพี่สาวตัวแสบเลย โดดเรียนไปนั่งชิวร้านเค้กมันฟังดูตุ๊ดไปไหมวะ? แต่ไม่เป็นไรหรอก ก็ผมไปส่งพี่สาวนี่นา ฮ่าๆ
ผมลงมาเก็บกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะห้องรับแขกก่อนจะตรงไปยังรถคันเล็กสีเหลืองของผม แต่ก่อนที่จะขึ้นรถ ผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงท่าทางแปลก ๆ คนหนึ่งเดินตามผมมา…
“พี่ใส่หมวกกันน็อคทำไม -_-”
“อ้าว นึกว่าจะเอารถพี่ไป” เธอทำหน้ามึนแล้วชี้ไปที่รถสกูปปี้สีเทาที่จอดอยู่ในโรงรถ และมืออีกข้างก็หิ้วหมวกกันน็อคสีดำมาด้วย อย่าบอกนะว่านั่นของผม =_=
“ร้านมันอยู่นอกเมืองไม่ใช่เหรอ แถมอากาศร้อนแบบนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหน้าได้ไหม้กันพอดี”
“ไปรถเต้าหู้เหรอ?”
“ครับ -_-”
“โอเค ๆ” เธอถอดหมวกออกแล้วเอาเก็บไว้ที่เดิมก่อนจะเดินตามผมขึ้นรถมา ไปเอาความมั่นใจที่ไหนมาว่าผมจะซ้อนมอเตอร์ไซค์หล่อน ขนาดปั่นจักรยานยังพาผมแหกโค้งข้างทางเลย ผมไม่เอาชีวิตไปฝากไว้กับผู้หญิงคนนี้หรอก -_-;
-Nomsod-
ร้าน Forest café
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ถูกป่าไม้และธรรมชาติโอบล้อม ตัวร้านถูกออกแบบอย่างทันสมัยแต่ใช้วัสดุธรรมชาติในการสร้างเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เสียงนกร้องขับขานผสมกับเสียงน้ำที่ไหลไปตามลำธารทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ที่นี่จะมีผู้คนผ่านมาและใช้บริการค่อนข้างเยอะแต่กลับไม่รู้สึกวุ่นวายเลยสึกนิด มันเงียบสงบจนน่าแปลกใจ
“เต้าหู้เอาอะไรไหม? มาดูเมนูตรงนี้สิ” ฉันทักขึ้นในขณะที่เต้าหู้กำลังสนุกกับการถ่ายภาพเก็บบรรยากาศอยู่ เขาดูตื่นเต้นเหมือนเด็กน้อยเลย ดีใจจังที่หมอนั่นชอบที่นี่
“พี่เลือกก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป” เขาโบกมือให้ก่อนจะเดินไปถ่ายรูปริมลำธารเล็ก ๆ ข้างร้าน
“เอ่อ…” จะสั่งเผื่อก็ไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไร ”งั้นเอาเทดดี้เค้กกับชาพีชก่อนแล้วกันค่ะ” ร้านนี้เขาเก็บตังค์ก่อนแล้วจะมาเสิร์ฟให้ทีหลัง กะจะเลี้ยงต้อนรับเต้าหู้สักหน่อย ดันหนีไปถ่ายรูปซะนี่ =_=;
“เทดดี้เค้กกับชาพีชนะคะ ทั้งหมด 255 บาทค่ะ”
“แป๊บนะคะ…” แค่ฉันคนเดียวยังเสียตั้งสองร้อย ถ้าเลี้ยงเต้าหู้อีกจะเสียเท่าไหร่ฟะ หมอนั่นดูท่าแล้วน่าจะเป็นคนกินเยอะด้วย กว่าจะตัวโตสูงโปร่งขนาดนั้นต้องยัดอะไรเข้าไปบ้างนะ -_-;
“นี่ครับ” ในขณะที่ฉันกำลังล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา จู่ ๆ ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นข้างตัว ใครก็ไม่รู้มาจ่ายเงินพร้อมฉัน เกือบคิดไปแล้วนะว่ามีคนออกตังค์ให้
“นี่ค่ะเงิน เอ๊ะ…” ยังไม่ทันจ่ายเงิน พนักงานก็ยื่นใบเสร็จมาให้เฉย อ้าว…งงสิ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า
“ฉันเลี้ยง” สิ้นประโยคใจดีนั่น ฉันจึงรีบหันไปหาเจ้าของเสียงเพื่อขอบคุณทันที!
“อ๊ะ สายฟ้า? -O-”
“หวัดดี ไม่เจอกันนานเลยนะ” ที่แท้แล้วชายคนที่เอ่ยปากเลี้ยงเค้กฉัน ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเลย เขาคือเพื่อนสมัยม.ปลายนี่เอง -O-
จริง ๆ เราเรียนมหาลัยเดียวกันแต่โอกาสที่จะเจอกันมีน้อยมาก เจอกันก็ทักแบบผ่านๆ นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีเลยที่เราได้คุยกันแบบนี้
“ใช่ ไม่เจอกันนานเลย แต่นายเลี้ยงฉันทำไมอะ เท่าที่จำได้ฉันไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้นายจนต้องมาเลี้ยงตอบแทนเลยนะ =_=;” หรือเมื่อก่อนฉันเคยไปช่วยเขาเขียนแบบหว่า?
“นี่เธอต้องมีบุญคุณกับฉันก่อนเหรอฉันถึงจะเลี้ยงเธอได้? แค่อยากเลี้ยงเพราะไม่ได้เจอกันนานเท่านั้นเอง” เขาพูดไปยิ้มไปพลางยกมือขึ้นดันหัวฉันเล่น
“โอ๊ย! หายไปไม่กี่เดือน แรงเยอะขึ้นน่าดูเลยนะ หัวแตกหมดแล้วมั้งเนี่ย” ฉันยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองเบาๆ พลางมองกล้ามแขนและร่างกายอันใหญ่โตของเขา…หุ่นแบบนี้ล่ะชะนีช๊อบชอบ =.,=
“อยากให้แตกจริงรึเปล่าล่ะ? แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ?”
“เปล่า ฉันมากับน้อง ถ้านายจะเลี้ยงก็ต้องเลี้ยงน้องฉันด้วย เปลี่ยนใจรับเงินตอนนี้ยังทันน้า” ฉันโบกแบงค์ร้อยในมือไปมาพลางกลอกตาหยอกล้อคนตรงหน้าเล่น “ไว้โอกาสหน้าค่อยเลี้ยงก็ได้น่า วันนี้ฉันมีแขก เปลืองเงินนายเปล่า ๆ”
“เออเอาน่า ฉันถูกหวยเลยอยากเสียตังค์เล่น ว่าแต่เธอเถอะมีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“เป็นน้องข้างบ้านน่ะ ^^” ฉันไม่ได้กล่าว…แต่เต้าหู้ต่างหากที่เป็นคนกล่าว! อยู่ดี ๆ เขาก็โผล่มาต่อบทสนทนาเฉย เมื่อกี้ยังเห็นถ่ายรูปแถว ๆ ลำธารอยู่เลย -O-
“สวัสดีครับ ผมชื่อเต้าหู้ เป็นน้องที่อยู่ข้างบ้านพี่นมสดตั้งแต่เด็กๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เต้าหู้แนะนำตัวเองเสียงใสพร้อมใบหน้าที่เป็นมิตร การปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำให้สายฟ้าสับสนเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็รับไหว้เต้าหู้อย่างงงๆ
“อ๋อครับ พี่ชื่อสายฟ้า เป็นเพื่อนนมสดน่ะ”
“อ้อ…เหรอครับ…” เต้าหู้ลากเสียงยาวแล้วมองมาทางฉันอย่างมีเล่ห์นัย “เมื่อกี้ผมได้ยินว่าพี่ถูกหวย จะเลี้ยงเค้กผมเหรอ? โห…หน้าตาดีแถมยังใจดีอีก งั้นผมไม่เกรงใจละน้า ^O^” พูดจบ นางก็วิ่งไปสั่งของหวานทันที
“เฮ้ยเดี๋ยว สายฟ้ายังไม่ตกลงเลยนะว่าจะเลี้ยงจริง ๆ ” ถ้าเมื่อกี้สายฟ้าพูดเล่น แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายให้คนกินเยอะอย่างนายล่ะเต้าหู้ -O-!
“ก็บอกไปแล้วว่าจะเลี้ยง ยังไม่เชื่ออีกเหรอ?”
“เอาจริง? -_-;” ฉันหันไปถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้จำใจจ่ายเพราะถูกเต้าหู้บังคับทางอ้อม
“ใช่ เธอออยากกินอะไรเพิ่มไหมล่ะ? ฉันจะไปสั่งบ้าง”
“ไม่เอาแล้ว นายไปสั่งเถอะ” แค่นี้ก็เกรงใจจะตายอยู่แล้ว =_=;
10 นาทีผ่านไป
ฉันเลือกโต๊ะนอกร้านข้างลำธารเพราะบรรยากาศดีและเห็นตัวร้านที่ตกแต่งสวยงามได้อย่างชัดเจน อีกอย่างมันเป็นมุมที่เหมาะแก่การวาดรูปมาก แสงสวย มุมดี องค์ประกอบเป๊ะ แต่ก่อนหน้านั้นฉันต้องกินของหวานที่แทบจะล้นโต๊ะนี่ให้หมดก่อน ไม่งั้นไม่มีที่ให้วางของแน่ =_=;
“ผมนึกว่าพี่มากับเพื่อนซะอีก” เต้าหู้พูดขึ้นพลางตักไอศกรีมรสช็อคโกแลตเข้าปาก
“นั่นสิ” ฉันก็นึกว่าสายฟ้านั่งเล่นกับเพื่อนแล้วบังเอิญมาเจอฉันเลยแวะทักทายนิดหน่อย แล้วไหงมานั่งด้วยกันเฉย =_=;
“ก็โดดเรียนนั่นแหละ น่าเบื่อจะตาย”
“เหมือนผมเลย ผมขี้เกียจเข้ามอ”
“หืม? เรียนมหาลัยเหรอ? ฉันนึกว่านายเป็นเด็กมัธยมซะอีก กินของหวานเยอะเหมือนเด็กน้อยเลยนะ ฮ่ะๆ” สายฟ้าหัวเราะเบา ๆ แล้วจิบกาแฟหนึ่งที
“เหมือนไม่พอ หน้าก็เด็กด้วยนะครับ ^^”
“นมสดล่ะ เธอก็โดดเหรอ?” สายฟ้าหันมาคุยกับฉันที่ก้มหน้าก้มตากินเค้กรูปหมีน้อยอย่างตั้งใจบ้าง
“เปล่า อาจารย์ไม่มาสอนน่ะ”
“ถ้าอาจารย์มา เธอก็ไปเรียนงั้นสิ? แหม…แม่คนดี”
“ทำไมพูดเหมือนฉันชอบโดดเรียนล่ะ? -_-;”
“เปล่า พูดไปงั้นแหละ เป็นเด็กดีก็ดีแล้ว น่ารักจะตาย” สายฟ้าลูบหัวฉันเบา ๆ ก่อนจะหัวเราะคิกคักสนุกอยู่คนเดียว เห็นฉันเป็นหมาหรือไง? -_-
แต่ฉันเขินว่ะ!
จริง ๆ ฉันควรรู้สึกเฉย ๆ กับคำชมและท่าทางขี้เล่นของสายฟ้า เพราะเขามักจะพูดและเล่นแบบนี้กับเพื่อนคนอื่นประจำ แต่เป็นใคร ใครก็คิด ถ้าถูกชมโดยคนที่เคยชอบเรามาก่อน แถมยังเป็นคนหน้าตาดีที่เคยมีรูปโผล่ในเพจหนุ่มหล่อของมหาลัยอีกต่างหาก ใคร ๆ ก็อยากได้หัวใจเขาไปครอบครองทั้งนั้น
จีบฉันสิสายฟ้า ฉันโสดนะ แล้วก็น่ารักเหมือนที่นายบอกด้วย =,.=
“แต่ตอนเด็กพี่นมสดไม่น่ารักนะครับ”
-O-
“ทั้งดำ ทั้งถึก พี่สายฟ้ารู้ไหมว่าพี่นมสดเป็นนักมวยมาก่อน?”
“หา? นี่ความรู้ใหม่เลยนะ”
“เต้าหู้!” ฉันสะกิดแขนเต้าหู้เบา ๆ เพื่อเรียกวิญญาณความเป็นน้องชายที่น่ารักกลับมา น้องที่ดีไม่ควรแฉพี่สาวต่อหน้าชายหนุ่มแบบนี้นะ! แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจแถมยังปัดมือฉันทิ้งอีกต่างหาก
“โห…แบบนี้ต้องเล่าครับ ถ้าพี่เป็นเพื่อนพี่นมสดจริง พี่ต้องรู้เรื่องนี้!” เต้าหู้วางช้อนลงเพื่อให้ตัวเองได้เล่าวีรกรรมของฉันถนัดขึ้น แต่ฉันไม่ยอมหรอกโว้ย!
“พี่ว่าเต้าหู้เลิกพูดแล้วนั่งกินเค้กเงียบ ๆ แบบเมื่อกี้เถอะ อยู่เฉย ๆ น่ารักกว่านะ ^^!” ฉันหยิบช้อนหมอนั่นขึ้นมาแล้วตักเค้กยัดปากเพื่อให้เขาหยุดพูดมากสักที
“อุ๊บ! พี่! ผมก็อิ่มเป็นเหมือนกันนะ ขอคุยพักท้องหน่อยสิ พี่สายฟ้าก็อยากรู้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนพี่นมสดเป็นยังไง” เต้าหู้หยิบกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดปากแล้วหันไปถามสายฟ้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขาทันที
“ใช่ ยิ่งนมสดไม่อยากให้รู้มันยิ่งน่าสนุกเข้าไปใหญ่ ฮ่าๆ” เอาเข้าไป ถ้าเล่าเรื่องดี ๆ ฉันจะไม่ว่าสักคำเลย!
“จริง ๆ พี่นมสดเป็นพวกบ้าพลังครับ เห็นบอบบางแบบนี้แต่จริง ๆ เธอถึกนะ เมื่อก่อนพี่เขาเคยเตะกระสอบทรายจนพังคาค่ายมวยด้วย ไม่เชื่อลองจับน่องกับหน้าแข้งพี่เขาสิว่าแข็งขนาดไหน” จบประโยคนั้น สายฟ้าก็ก้มมองน่องฉันทันที แต่เสียใจ ฉันใส่กางเกงขายาวมาย่ะ! ฮรื่อ TOT
“มีครั้งหนึ่งพี่นมสดไปจระเข้ฟาดหางใส่เพื่อนผู้ชายข้างบ้านจนสลบเพราะอิจฉาที่เขาปั่นจักรยานสองล้อได้ก่อน ขัดใจอะไรนิดหน่อยไม่ได้เลยนะครับ ผมยังเคยถูกซ้อมจนปากแตกกลับบ้านเลย คิดแล้วสงสารแฟนในอนาคตพี่นมสดจริง ๆ ว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับคนใจร้อนแบบนี้ยังไง”
“นั่นสิ =_=;” สายฟ้ามองมาทางฉันอย่างกลัว ๆ พลางกระชับมือจับแก้วให้แน่นยิ่งขึ้น
“อย่ามองเหมือนฉันฆ่าใครตายแบบนั้นสิ”
“แต่เกือบตาย” ประโยคของเต้าหู้กลืนเสียงฉันไปจนหมด เพราะที่เขาพูดมาคือเรื่องจริง TOT
“นมสดเคยเกือบฆ่าคนตายด้วยเหรอ? -O-” สายฟ้าถามขึ้นอย่างตกใจ
“ใช่ครับ ทั้งคนทั้งสัตว์เลย ตอนนั้นผมเหมือนโนบิตะที่ไม่มีโดราเอมอนช่วย ส่วนพี่เขาก็เหมือนไจแอ้นท์ที่เป็นหัวโจกคอยแกล้งคนอื่น”
ชักจะเยอะไปแล้วนะ -_-!
“เมื่อก่อนมีละครเกี่ยวกับเรื่องทาสฉายทางช่องน้อยสี พี่เขาดูมาก็เอาอย่างบ้าง วันนั้นผมไม่ยอมเล่นกับพี่นมสด พี่ก็เลยเรียกพวกมาจับผมแก้ผ้าแล้วเอาก้านมะยมมาฟาดหลังจนมีรอยแดงเต็มตัวไปหมด แค่นั้นไม่พอยังเอาน้ำเกลือมาราดตัวผมอีก”
“ทำไมเธอทารุณแบบนี้?!”
ฉันขอโทษ TOT
“ที่สุดคือพี่เขาโยนลูกแมวลงจากอาคารเรียนชั้น3 แล้วอ้างว่าอยากรู้ว่าแมวมี9ชีวิตจริงหรือเปล่า สุดท้ายแมวตัวนั้นก็ตายครับ”
ขอร้องล่ะเต้าหู้ หยุดแฉฉันสักที สายฟ้าเริ่มจะรับฉันไม่ไหวแล้วนะ TOT
“ฮ่ะ ๆ ตอนเด็กใคร ๆ ก็ซนกันทั้งนั้นแหละ ไม่คิดมากหรอกเนอะ อย่าใส่ใจเลย แหะ ๆ ” ฉันยืมคำพูดของเต้าหู้ที่เคยพูดกับฉันก่อนหน้านี้มาพูดบ้าง เผื่อเขาจะนึกได้ว่าให้อภัยฉันแล้ว หรือว่าที่เขาหักหน้าฉันต่อหน้าสายฟ้าเพราะต้องการเอาคืนกันแน่?
ทำไมฉันเพิ่งนึกได้เนี่ย ชิบ*ายแล้ว!
“อย่าใส่ใจเหรอ? เธอทำให้ชีวิตหนึ่งต้องตายเลยนะ” สายฟ้ามองหน้าฉันแปลก ๆ และน้ำเสียงที่ใช้คุยกับฉันก็ต่างจากตอนแรกมาก เหมือนเขาจะโกรธที่ฉันพูดเหมือนไม่ใส่ใจชีวิตสัตว์เล็กสัตว์น้อยแบบนั้น ฮือ ฉันโดนเกลียดเพราะแมวจริงเหรอ ไม่ได้ตั้งใจนี่นา T^T
“ฮ่า ๆ อย่าโกรธพี่นมสดเลยครับ ตอนนี้พี่เขาเป็นคนดีและรักสัตว์มาก ^^”
ขอบใจมากเต้าหู้…ช่วยพูดอะไรดี ๆ เกี่ยวกับฉันเพื่อกู้ความดีความงามกลับมาด้วยเถอะ
“เมื่อเช้าผมแวะไปบ้านพี่นมสดมาถึงรู้ว่าพี่เขาเลี้ยงแมลงสาบ ไม่รู้ว่าเลี้ยงไว้กินด้วยหรือเปล่าเพราะมันเยอะมากจริงๆ ดูท่าแล้วพี่เขาจะรักแมลงสาบมากเลยนะครับ ปล่อยให้เดินเล่นรอบบ้านยั้วเยี้ยเต็มไปหมดอย่างกับขบวนพาเหรดงานเทศกาล บ้านรกน่าอยู่เชียว”
“ฉันทำความสะอาดบ้านตลอด และมั่นใจว่าไม่มีพาเหรดแมลงสาบบ้าบอนั่นแน่นอน พูดอะไรให้มันเป็นความจริงหน่อยเต้าหู้!” ไม่ใช่มาสร้างเรื่องว่าบ้านฉันสกปรกรกเลอะเทอะแบบนั้น พื้นกระเบื้องบ้านฉันออกจะสะอาดเงางามราวกระจก มองพื้นทีเห็นหน้าตัวเองยันรูขุมขน ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวกลับบ้านไปเลียพื้นโชว์เลยเอ้า!
“ดูสิ หยาบคาย…ล้อเล่นแค่นี้ก็ดุแล้วอะพี่สายฟ้า กลับบ้านไปผมต้องโดนตีแน่เลย กลัวแล้ว ฮือ ๆ T^T”
ดูมันบีบน้ำตา ฉันน่าจะฆ่ามันให้ตายตั้งแต่เด็ก!!
“นมสด เธอตีน้องทุกวันเลยเหรอ ดูท่าจะกลัวเธอมากเลยนะ -_-;” ชักไม่แน่ใจแล้วว่าสายฟ้าเป็นเพื่อนฉันหรือเพื่อนเต้าหู้กันแน่ เขาควรจะเห็นใจฉันที่ถูกกล่าวหาว่าร้ายสิ
“นายเชื่อหมอนี่เหรอ? ฉันไม่ได้ประสาทขนาดจะตีเขาตั้งแต่เล็กจนโตนะ”
“แต่พี่โรคจิต”
“อะไรอีก?” ฉันหรี่ตามองชายที่นั่งข้าง ๆ แล้วยกชาขึ้นดูดไปด้วย รีบ ๆ กินให้มันหมด ๆ จะได้กลับบ้านสักที หมดอารมณ์จะวาดรูปแล้วโว้ย!
“พี่สายฟ้ารู้ไหมว่าเมื่อก่อนพี่นมสดชอบจับเด็กผู้ชายมาถอดกางเกงแล้วเอาไม่เขี่ยไอ้นั่นของผู้ชายเล่น ตอนนั้นเด็กแถวบ้านท่อปัสสาวะอักเสบกันเป็นแถวเลย”
พรวด!!
“แค่ก ๆ !!” โอ๊ย! เรื่องอื่นมีให้พูดตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องเลือกเรื่องอุบาทว์แบบนี้มาพูดด้วย แล้วฉันจะมองหน้าสายฟ้ายังไงติด ป่านนี้เขาคงคิดว่าฉันเป็นยัยบ้ากามโรคจิตไปแล้วแน่ ๆ!
“โห…ถึงกับสำลักน้ำเลย เอาน่า ไม่ต้องอายหรอก เรื่องมันนานมาแล้ว เอามาพูดตอนนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกไป ใช่ไหมพี่สายฟ้า” เต้าหู้ทำเป็นพูดปลอบใจแล้วหันไปหัวเราะกับสายฟ้าที่ยิ้มเจื่อน ๆ เหมือนไม่ค่อยสนุกด้วยแล้ว อย่าบอกนะว่าเขารังเกียจฉัน?!
“เอ่อ…ขอโทษนะ” สายฟ้าพูดขึ้นพลางจ้องจอโทรศัพท์ในมือตัวเอง “ฉันต้องกลับแล้ว”
“อ้าว จะไปไหนอะ? ไม่กินต่อแล้วเหรอ? ยังเหลืออีกเยอะเลยนะ” หวังว่าที่เขากลับกะทันหันแบบนี้ไม่ใช่เพราะทนฟังเรื่องทุเรศ ๆ ของฉันไม่ได้หรอกนะ ฮรื่อ T^T
“ไม่ล่ะ เธอกับเต้าหู้กินเถอะ ฉันมีธุระนิดหน่อย”
“เสียดายจัง ยังมีเรื่องที่อยากเล่าให้ฟังอีกเพียบ ไว้คราวหน้าเจอกันผมจะเล่าให้ฟังอีกนะครับ บ๊ายบาย ^^” เต้าหู้บอกลาเสียงใสแต่ทำไมฉันได้ยินแล้วอยากจะกระโดดถีบเข้าหน้าให้ หมั่นไส้สุด ๆ !
“กลับดี ๆ นะ” สุดท้ายฉันต้องทำใจโบกมือลา ยังไม่ทันได้แก้ข่าว เขาก็ไปซะแล้ว เขาต้องคิดว่าฉันเป็นโรคจิต คนบ้า หรืออะไรก็ตามที่จิตไม่ปกติแน่ ๆ การพบเจออีกครั้งระหว่างสาวน้อยกับหนุ่มหล่อที่ไม่เจอกันนานหลายเดือนต้องจบแบบนี้จริง ๆ เหรอ? จำเป็นต้องแย่ขนาดนี้ไหม?
เมื่อฉันเห็นว่าสายฟ้าไปแล้วจริง ๆ จึงถือโอกาสถามคนที่ทำให้วันนี้ของฉันหมองหม่นทันที
“นี่ เมื่อกี้นายตั้งใจแกล้งฉันใช่ไหม?”
“อ้าว ไม่แทนตัวเองว่า ‘พี่’ แล้วแทนผมว่า ‘เต้าหู้’ แล้วเหรอ? กะแล้วว่าพี่แอ๊บได้ไม่นานหรอก” เขาหัวเราะหึในลำคอก่อนจะยกโกโก้ขึ้นดื่ม
“สรุปแกล้งฉันจริง ๆ ใช่ไหม?”
“แหม…คิดมากน่า ผมแค่หยอกล้อนิด ๆ หน่อย ๆ เอง ผมทำให้พี่ไม่พอใจเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ขอโทษด้วยนะครับ” ปากบอกขอโทษแต่ใบหน้านั้นไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด รอยยิ้มมุมปากนั่นทำให้ฉันรู้ว่าเขาพอใจที่เห็นฉันหงุดหงิดแค่ไหน
“แต่ถ้าผมจะแกล้งจริง ๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ก็พี่เป็นคนบอกเอง ว่า ‘ถ้าอยากเอาคืนก็ทำได้นะ พี่ไม่ว่าอะไร’ ”
หมอนี่…ตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ…
“แต่ก็นั่นอีกแหละ ผมจะทรยศคนที่ให้ที่อยู่ผมได้ยังไง ใช่ไหมครับพี่สาว?...” เขาเท้าคางมองหน้าฉันด้วยรอยยิ้มที่หญิงคนไหนเห็นแล้วต้องอ่อนระทวยยอมยกใจให้เขาจนหมด แต่ฉันกลับเห็นแล้วอยากจะกระชากคอเสื้อมาต่อยให้ยิ้มไม่ออกเสียมากกว่า
“อืม…ผมว่าพี่คงอยากอยู่คนเดียวสักพัก รูปก็ยังไม่ได้เริ่มวาดเลยนี่นา” เขามองสมุดสเก็ตซ์ที่โผล่พ้นออกมาจากกระเป๋าสะพายนิดหน่อยก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้
“จะไปไหน?”
“ไปหาเพื่อนครับ เมื่อกี้ตอนถ่ายรูปเล่นเจอเพื่อนนั่งอ่านหนังสือในร้านพอดี ถ้าอยากกลับบ้านก็เรียกเอานะ ผมอยู่ในร้าน ^^” พูดจบ หมอนั่นก็เดินฮัมเพลงเข้าร้านไปและทิ้งให้ฉันนั่งสงบสติอยู่คนเดียว
ทั้งหมดที่เขาทำเพื่อเอาคืนฉันใช่ไหม? ฉันโง่เองแหละ ที่เชื่อว่าเขาให้อภัยฉันจริงๆ!
____________________________________________
สายฟ้า อายุ 21
เอายังไงดี?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ