Call us The L.o.u.d.

9.8

เขียนโดย พาวจาพัจส์

วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.44 น.

  14 chapter 0
  5 วิจารณ์
  16.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 มกราคม พ.ศ. 2562 22.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) Everything is matter part 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                ทั้งคู่พยักหน้าตอบ ว่าพวกเขาได้ยินเสียงที่ออกมาจากเครื่องพิม์ดีดโดยทันทีเมื่อลิมโบกล่าวถาม

                หลังจากคำถามของลิมโบทั้งสองพึ่งนึกถึงสิ่งที่สำคัญสถานการณ์แบบนี้

               มีเสียงพูดออกมาจากเครื่องพิมพ์ดีด อิจฉิกำลังหายใจเข้าปอดยังคงสงสัยในความเจ็บปวดที่ได้หายไปกะทันหัน

เขากำลังตัวสั่นผวาหันตัวเดินถอยหลังกลับ กางมือเกาะไหล่ของซากิตะอยู่ข้างหลังของเธอ เหงื่อยเขาไหลผ่านจากหน้าผากลง

ไปคิ้ว ล่วงตกไปพื้น เขาก้มหน้าแต่ไม่ได้อุดหูตัวเองเอาไว้เหมือนตอนความเจ็บปวดผ่านเข้ามา อิจฉิเอยคำขอโทษทันทีเมื่อรู้ว่า

ทำตัวเสียมารยาทต่อซากิตะ หญิงสาวนิ่งเงียบไร้ซึ่งเสียงหายใจ ซากิตะตอนนี้เธอเป็นดังที่กล่าว

                “ คุณซากิตะ?.. ฮือ! ”

                อิจฉิเรียกชื่อเธอซ้ำไปมาขณะในมือเขาเริ่มเปียกซุ่มเหงือย เขานั้นตัวสั่นสะท้าน มือขยับยกออกเล็กน้อย เมื่อมือออกจากหัว

ไหล่ของหญิงสาว เสียงการขยับตัวดังขึ้นมาปุบปับอิจฉิโผล่ตัวออกห่างโดยทันที

                กรึก

                “ กรรร! ” เสียงคำรามจากลำคอ ซากิตะกัดฟันแน่นแยกเคี้ยวออกมาให้เห็นไม่ต่างจากสัตว์ร้ายกำลังโกรธ ลิมโบหมุน

ตัวไปมอง  ซากิตะ ก้าวเข้ามาถึงเด็กชายใน ตัวเด็กชายรู้ว่าตัวเองจะเจออะไร  ฝามือโค้งมาหาเขาคงไม่ได้เข้ามาสัมผัสใบหน้า

อย่างนุ่มนวลเป็นแน่  ถว่านี้ไม่ใช่หนแรกเสียหน่อย เด็กชายนั่งทำใบหน้าสงบนิ่ง “โหะ” ลิมโบเหลือบมอง ชายหนุ่มปีศาจนามว่า

อิจฉิเข้ามาล็อกแขนสองข้างของซากิตะ

                “ อ่ะ ปล่อยสิ! ”

                “ ผมขอโทษจริงๆ นะครับที่ทำอะไรไม่ไตร่ตรองก่อน ”  หน้ากลมๆ เล็ก ๆ ของลิมโบ ซึ่งรูปลักษณ์เป็นเด็กกำลัง

ขอโทษอยู่ในตอนนี้ในตาซากิตะเหมือนกำลังเย้ยยั่นเธอ ทำให้คำเหล่านั้นไม่ผ่านหูเธอเลย ในอีกเหตุนึงที่คงจะใช่มากกว่าคือ

ซากิตะเลือกที่จะไม่สน อิจฉิยั่งเธอไว้ “ อัก! ” พลางถูกหลังหัวของหญิงโคกไปโดนจมูกกับปากเนื่องด้วยความสูงของทั้งสอง

ใกล้เคียงกันแม้ความจริงแล้วอิจฉิจะสูงกว่าประมาณสิบเซนติเมตร

                “ มันเจ็บมากๆ เลยนะ เธอรู้มั้ย ”

                “ เขาเป็นเด็ก อัก! คุณจะทุบตีเขาไม่ได้นะ! ”

                อิจฉิก็อยากจะตะโกนบอกไปเหมือนกันว่า ผมก็เจ็บเหมือนกัน

ความเจ็บที่เกิดจากหัวของคุณซากิตะ

                “ เด็กคนนี้ต้องถูกสั่งสอนมั้ง จะได้ไม่ทำแบบนั้นอีก มันเจ็บมากๆ เลยเธอรู้ไหม ปล่อยน่า ”

                “ อย่าโกรธกันเลยจะดีกว่านะครับ ผมขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เจ็บปวด แต่... ดูเหมือนว่าคุณไม่เจ็บแล้วสินะในตอนนี้ ”

ซากิตะ หยุดโวยวายใส่เด็กชาย และหยุดทำร้ายอิจฉิที่โดนหลังหัวกระแทกหน้ากับแขนของหญิงสาวที่ดิ้นกระแทก

โดนหน้าบ้างคอบ้าง จนเค้าลืมความเจ็บปวดของลิมโบไปเลย หญิงสาวเดินมาหาเด็กชายแล้วหยิกแก้มของลิมโบ ยืดแล้วกาง

ออก ยืดแล้วกางออก

                “ เออ... ”

                ‘ นุ่มนิ่มเกินคาด ’

               ลิมโบไม่เอยคำใดแต่ประหลาดใจเสียมากกว่าจนไม่ได้คิดคำใดเอย จู่ๆซากิตะทำหน้าประหลาด จนลิมโบต้องขัด

               “ ผมว่าเรายังไม่ได้ฟังเรื่องที่วิญญาณกำลังบอกเราเลยนะครับ ”

                ซากิตะปล่อยแก้มแก้มที่นุ่มนิ่มนั้นเหลือไว้เพียงรอยแดงซำจากการหยิก เธอกับอิจฉินึกได้ว่าเมื่อครู่นี้ ได้มีเสียงหนึง

กำลังเล่าเรื่องราวบ้างอย่าง หนุ่มน้อยอิจฉิทำตัวไม่สบายอกสบายใจมากมายจนภายในห้องนี้เริ่มมีความรู้สึกอึดอัดจนเกินไป

ลิมโบเห็นว่าเกิดความเข้าใจในสถานการณ์ จึงให้ไปพูดคุยกับวิญญาณ

                “ อ่ะ? โทษทีนะ ช่วยเริ่มเล่าใหม่ได้ไหม? ”

                ‘ เกรงว่าจะเสียว่าเปล่านะ คุณมีคำถามไม่เหรอ? ถามได้เลยแต่ผมคงตอบได้เท่าที่รู้เท่านั้นนะ ’

                ‘ หว่า... ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธนิดหน่อยนะ ’ อิจฉิ เก็บตัวออกห่าง ซากิตะยืนข้างๆ ลิมโบเพื่อเริ่มหาคำตอบ

                ลิมโบเริ่มด้วยน้ำเสียงที่สดใส ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ

                “ งั้น! พวกเรากำลังตามหาภูตสัตว์ซึ่งก็คือนกอีกาของคุณหนูคนนี้ ที่ห้องจัดสรรแห่งนี้ผมคาดว่าเป็นช่วงที่อีกา

กับคุณหนูได้คาดสายตากับภูตของเธอ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ภูตตนนั้นต้องทำลายข้าวของกระจัดจายขนาดนั้น

ถ้าอยากจะออกไปจากห้องนี้ ห้องที่ถูกล็อกภูตก็แค่พังกระจกออกไป และความเสียหายของห้องก่อนหน้าก็มีจะเพียงแค่

กระจกที่แตกเพียงอย่างเดียว ”  ซากิตะ ดูประหลาดใจเก็บเด็กชายหัวขาวคนนี้

เด็กคนนี้เขาไม่กลัวรึไง กำลังคุยกับผีอยู่นะ

                ‘ Excellent ’  อิจฉิ ก็ดูประหลาดใจกับวิญญาณที่สิ่งในเครื่องพิมพ์นี้ ‘ คงดีมากเลยถ้าได้คุณมาเป็นเพื่อนร่วมงาน

ฮะ ฮะ ’  เสียงเงียบไปครู่ก่อนที่จะเริ่มพูดกับพวกเด็กชายต่อ ‘ ตอนแรกที่รู้ตัว อีกาตัวนั้นได้บินเข้ามาใกล้มันทำให้ผมประหลาดใจ

คงเหมือนกับคุณ ความสารถที่รู้ถึงการมีอยู่ของผมได้ เพื่อนของผมไล่มันออกไป เขาอารมณ์เสียมากจนผมยัง

แปลกใจ ’

                “ ใครกันเพื่อนของคุณ ”  ซากิตะกังวลใจเป็นอย่างมาก

                ‘ เอล เดน เขาเป็นคนที่ใฝ่หาความมั่งคั่งเขาได้ทำสัญญา เมื่อถึงตอนที่ตายเขาต้องอยู่กับผู้สัญญา แม้เขาจะเป็นแค่

วิญญาณว่างเปล่า ตอนนี้เขาเปลื่ยนไปเขาเหมือนมีแรงกระตุ้นบางอย่างทำให้เขาทำลายห้องแล้วหนีออกไป ‘

                “ ไม่ใช่แค่วิญญาณดวงเดียว แต่เป็นสองดวงที่ยึดติดกันในเครื่องเล็กๆ นี่สินะ คงไม่ผาสุกเท่าไรสำหรับวิญญาณ  ”

                ลิมโบ รู้สึกว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังกำลังก้าวห่างออกไปหนึ่งก้าว

                ‘ เดนกับนกอีกาสู้กันสักพักแต่เหมือนแค่พยายามจะไล่ออกไปให้พ้นทางเขาเท่านั้น นกตัวนั้นถูกผลักออกไปข้างนอก

ผ่านกระจกแล้วเดนก็หนีออกไป นกตัวนั้นได้บินไล่ตามเขาไป ผมพยายามเรียกเดนถวาไม่ได้ผลอะไร ผมทำได้แค่มอง ผมหนี

จากคำสาปนี้ไม่ได้... ’

                “ อ่าๆ นกอีกาของคุณหนู ตามเพื่อนของคุณไปสินะ บอกเราได้รึเปล่าว่าเพื่อนของคุณหนีไปไหน ”

                ‘ ...หลายปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้คงมีแค่ผู้ทำสัญญาคนของผมที่เขาอาจตามไป ’ ซากิตะกับลิมโบพูดออกมาพร้อมกัน

แต่เป็นคนล่ะถาม ส่วนอิจฉิตัวเขานั้นไม่มีอะไรจะถาม

                “ ใครกันคือผู้ทำสัญญาคนใหม่แล้วเขาอยู่ไหน!? ”

                “ ผู้ทำสัญญาคนใหม่ โห่...เป็นสัญญาแบบไหนครับ? ”

                ‘ ผมรู้ว่าเดนจะะทำอะไร ผมสามารถเห็นได้ว่าผู้ทำสัญญาอยู่ที่ไหน เมื่อตอนผู้ทำสัญญาลงเลือดเป็นตัวหนังสือผมจะ

รู้แจ้งจุดประสงค์ของสัญญานั้น แล้วเขาจะอยู่ในสายตาผมตลอดเท่ากับว่าผมอยู่กับเขาตลอดเมื่อเขาต้องการโชค ในตอนนี้

คงเป็นเดนที่อยู่กับเขาแทนผม จุดประสงค์ของเขากับผู้ทำสัญญาคงคล้ายกันตอนที่เดนยังมีชวิตอยู่ ผู้ทำสัญญาของผม

ชื่อโอเมน อันเชป เป็นนักเรียนเหมือนพวกคุณ ตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปสถานที่อันกว้างใหญ่ที่เรียกว่าอารีน่า เดนคงไปถึงแล้ว

ถึงแม้ผมจะไม่เห็นเขาหมือนเด็กหนุ่มคนนั้น ’

                “ นักเรียนที่ชื่อว่าโอเมน อันเชป... เขาคือคนที่ประธานมอบหน้าที่ให้ดูแลห้องนี้ จริงสิถ้าเกิดมีเรื่องแบบนี้ก็ต้องไปถาม

หาคนรับหน้าที่ดูแลห้องก่อนอยู่แล้ว... ” ซากิตะเกาศรีษะยุกยิก

                “ คนผมยาวตัวโต คนนั้นไม่ใช่คนดูแลเหรอครับ ”  อิจฉิพูดแทรกเข้ามาระหว่างที่ซากิตะยังติตัวเองที่คิดเรื่องนี้ได้ช้าไป

                เธอหันไปมองข้างหลัง เธอเห็นว่าเขายืนห่างออกไปจากตำแหน่งเดิม

ซากิตะขมวดคิ้วกับอธิบายให้อิจฉิฟัง

                “ หะ! ไม่ใช่ เจ้านั้นมันลูกน้องของโอเมน คนรับหน้าที่ดูแลห้องต้องทำความสะอาดด้วยนะ ถึงข้างหน้ากับห้องนี้จะไม่

กว้างมากนักก็ตาม ”

                “ ฮืมๆ สรุปเหตุการณ์นักเรียนที่ชื่อโอเมนทำสัญญากับวิญญาณที่สิงอยู่ในเครื่องพิมพ์ดีด ตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้า

ไปที่อารีน่า ส่วนวิญญาณอีกตนชื่อเดนที่ทำลายห้องคงเป็นเพราะภูตของคุณหนู เดนกำลังตามโอเมนไปที่อารีน่า ส่วนภูตของ

คุณหนูกำลังไล่ตามเดน ฮืม...เหมือนพวกเขาอยู่ในเกมไล่จับหนูอยู่เลยว่าไม? ”

                สรุปเหตุการณ์เหรอ... เขาใช่คำเจาะจงแบบนั้นทำไม ทุกครั้งที่เขาพูดเหมือนกำลังพูดเหมือนตัวการ์ตูนในมังงะ

ประมาณนั้น

                “ นิเธอเลิกเรียกฉันว่าคุณหนูได้แล้ว!! ”

                ลิมโบรู้ดีว่าซากิตะไม่พอใจแต่ตัวเขาเองนั้นรู้สึกพอใจที่ได้เรียกแบบนั้น จึงแสดงรอยยิ้มให้ซากิตะที่พึ่งว่าเด็กชายไป

เมื่อครู่

                “ คุณลิมโบครับเรารีบไปที่อารีน่ากันเถอะ ”

                “ พวกเราจะกลับมาหาคุณ หลังเราเจอพวกเขาแล้ว คุณเตรียมเราเรื่องให้ผมฟังไว้ด้วย ”

                ว่าไม่ทันจบซากิตะรีบวิ่งออกไปจากห้องเธอมุ่งหน้าไปอารีน่าทันที อิจฉิรีบตามเธอไปแต่ว่าเขาโดนรั้งไว้ หน้าเด็กหนุ่ม

ซีดบอกกับตัวเองว่าไม่อย่าเชื่อฉันยังอยู่ตรงนี้ ลิมโบปล่อยมือออกจากเสื้อคลุม ยิ้มออกมาด้วยหน้ารื้นเริง

                “ อิจฉิคุง... ฉันมีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย ”

                “ อ่ะ.. ให้ผมช่วยอะไรเหรอครับ? ”

                ทางเดินที่มีเหล่านักเรียนเดินผ่านน้อยในช่วงเย็น แสงส่องผ่านจากหน้าต่างของทางเดินโดยมีเงาขั้นระยะห่างไว้

หญิงสาว ซากิตะวิ่งไปโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ตอนนี้เธอได้ออกมาจากอาคาร 2 แล้ว เธอคิดถึงการวิ่งไปให้เร็วที่สุดโดยมีเสียง

ตะโกนจากภายในอาคารบอกให้เธอช้าลง เสียงที่ว่านั้นปรากฏออกมาเป็นเด็กชายผมสีขาวผ้าคลุมตัวใหญ่สะบัดไปมากำลังถูก

แบกอยู่บนหลังของชายหนุ่มวิ่งหายใจหอบทรงตัวไม่ให้ล้มลงพื้น อิจฉิวิ่งเยาะเพื่อปรับสมดุลไล่ตามซากิตะไป

                “ คุณลิมโบ คุณคิดว่าทำไมนกอีกาต้องตามเดนไปด้วยล่ะ ”

                อิคาบอทไม่ใช่นกอีกาหรือสัตว์เลี้ยงแต่เป็นภูตของหญิงสาว ภูตย่อมมีจุดประสงค์บางอย่างจึงอาศัยอยู่กับมนุษย์

                “ อืม... ไม่รู้สิ เจอภูตตัวนั้นแล้วค่อยถามมันก็ได้ ”

                ถามนกนะเหรอ?

คำถามที่คิดอยู่ในใจไม่ใช่แค่อิจฉิเพียงผู้เดียวที่กำลังทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ลิมโบตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ เขากำลังสนุก

กับการถูกแบกถวาสถานะและประสบการณ์ของเขาบอกว่าไม่ควรอยู่ในสภาพนี้ อาจเป็นสำนึกที่บอกเขาทำให้ลิมโบ

ไม่สามารถยิ้มหรือทำท่าทีสบายใจได้ แม้เรื่องสบายใจจะไม่ใช่เรื่องของสาวน้อยซากิตะก็ตาม

                “ อิจฉิคุง เธอเป็นปีศาจไม่ใช่เหรอ วิ่งแบกฉันคนเดียวไม่ไหวแล้วรึไงกัน ”

                อิจฉิยังคงหายใจหอบเขาหันหัวมาตอบมาคุยตอบ

                “ อ่ะก็จริงครับ- แต่ผมก็เนี่ยอยู่ดีนะครับ! ”

                ลิมโบไม่ทันฟังจบเพราะเห็นเด็กหนุ่มหันหัวมา เหมือนลิมโบไม่อยากฟังอิจฉิเท่าไหร่นัก เขาบอกอิจฉิให้หันหน้าไปดู

ทางวิ่งต่อเพราะเด็กหนุ่มเริ่มเอียงเอนไปมาแล้ว ใบหน้าระเหินเดินไปบนพื้นแน่

 

ห้องชมรมเกษตรกรรม

ในช่วงเวลาหลังจากพวกลิมโบออกมาจากห้องไม่นานมากนัก  ในห้องชมรมเกษตรกรรมนักเรียนในชมรมกำลังนั่งสนทนา

ถึงการปลูกพืชผักเพื่อใช้ทำกิจกรรมใหญ่ ของโรงเรียน Chubu hiwa การแข่งขันประลองทักษะ ความสามารถพิเศษ ของ

เหล่านักเรียนเพื่อแสดงทักษะให้เห็นต่อผู้คน ซึ่งอาจสร้างชื่อเสียง สร้างความนับถือ หรือรับรางวัลพิเศษจากผู้อำนวยการใหญ่

การประดับตกแต่งสถานที่จัดงานเป็นหน้าที่ของชมรมนี้ที่ต้องเข้าไปช่วยตามงานที่โดนมอบหมายให้ทำ ถวางานโรงเรียนนั้น

ยังไกลออกไป ยังห่างไกลที่จะทำให้คนในชมรมตื่นตัวแต่พวกเขาในตอนนี้กำลังวางแผนกันอยู่แม้ว่าเวลาสนทนาเกี่ยวกับ

หัวข้อนั้นจะจบลงไปเมื่อเริ่มสนทนาไปเพียงแค่ห้านาที

                ปัง!

                “ ขอนุญาต!! ”

                ประตูถูกพลักออกโดยชายร่างใหญ่ผ้าสบัดตามด้วยก้าวเท้าแบบเร่งรีบเขาคนนั้นคือ  สกอว์  

ทุกคนในห้องตกใจเป็นอย่างมาก เขาเดินตรงไปหยิบของที่พิงอยู่กับฝาผนังของสิ่งคือไม้ติดตาข่ายกับกรงของสตว์  

ของที่สกอว์มุ่งหมายอยู่นั้นคืออุปกรณ์จับสัตว์ปีก เขาหยิบตาค่ายจับนกที่มีทั้งหมดไป พร้อมหยิบกรงเหล็กขนาดเล็กไปอันหนึ่ง

สกอว์ไม่อยู่รอให้คนในห้องปล่อยคำถาม กลับกันสกอว์ปล่อยคำพูดออกมาแทน

                “ ขอยืมเอาไปใช้หน่อย ขอบคุณ! ”

                ปัง!

                ทุกคนในห้องพากันหัวปั่น คนในชมรมวิ่งออกประตูตามสกอว์ไป เขาเห็นกลุ่มนักเรียนวิ่งถืออุปกรณ์ของชมรมห่าง

ออกไปหลายเมตรห่างเกินที่จะวิ่งไล่จับทัน

                “ มันเอาไปทำอะไรเนี่ย พวกแกต้องเอาของกลับมาคืนก่อนหกโมง ไม่งั้นฉันจะแจ้งประธานนะ!! ”

                สกอว์ถือกรงวิ่งนำหน้าเพื่อนของสองคนที่ไล่ตามมาห่าง คนหนึ่งตัวสูงประมาณร้อยหกสิบเขาชื่อเนล กับอีกคน

ตัวสูงกว่าชื่อเมอแชลพวกเขาสองคนถือตาค่าย จุดประสงค์ของของพวกสกอว์คือใช้ไล่จับสัตว์ปีก

                “ เราต้องรีบไปกันแล้ว นายคิดว่าฮอปเอาอยู่รึเปล่า? ” เมอแชลได้วิ่งเทียบเข้าไปหาเนลเพื่อจะสนทนา ด้วยเสียง

ที่กังวล และหอบแห้งอย่างเลี่ยงไม่ได้

                “ ถ้ามันเฝ้าที่นั้นไม่ได้ ก็คงได้เหนื่อยกันต่อแน่ เราให้ประธานนักเรียนมาจัดการกันเองดีกว่าไหม? ”

                “ ขอแค่อย่าให้ใครเข้าไปยุ่งกับห้องนั้นก็พอแล้ว ฮอปมันก็รู้เรื่องนั้นดี ”

                สกอว์พูดอย่างแข็งกร้าว  เสียงกระดิ่งดัง นั้นเป็นเสียงที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มาแชลกับเนลหยุดวิ่งทันที

พวกเขาสองหันหน้ามาหาสกอว์ 

“ ใช่ฮอปรึเปล่า? ”

                สกอว์หยุดวิ่งแล้วเริ่มปกติ เขาเดินผ่านเพื่อนทั้งสองไปพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง

                “ ใช่... ฮอป ”

 

อารีน่า

      โอเมนชายหนุ่มคลาส C เขาเข้ามาใน ชิบุ ไฮวะ ด้วยฐานะขุนนางปกติเช่นที่ครอบครัวของตนเป็นด้วย

ความสามารถพิเศษ จึงได้ยศขุนนางในนามสกุลของพวกเขา อันเชป ชายหนุ่มผู้นี้มีความมานะในสถานการณ์ที่ตนเห็น

ว่าเป็นปัญหา เขาคนนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่จะก่อเรื่องร้ายใดหากไม่จำเป็น ความคิดในหัวเขายังคิดเช่นนั้นอยู่ในเวลานี้

เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยาวสีดำรองเท่าหนังสีดำ โอเมนยืนถือดาบใบยาว ผอมบาง ที่มีปลายแหลมคม ดาบเล่มนี้ที่เขาถือไว้

มีลักษรณะพิเศษตรงใบดาบมีส่วนที่เป็นด้านคมอยู่ไกลจากตัวดาบซึ่งคือปลายดาบ โอเมนยืนอยู่บนพื้นกระเบื้องสีขาวสะอาด

ที่เขาส่งแรงผลักจากเท่าไปแรงเท่าไรก็ไม่ลื่นไม่ตามความเงาบนพื้นนี้ สายตาเขาไม่หยุดนิ่ง เขาอยู่ในห้องกว้างพอให้

จัดงานเลี้ยงที่จุคนได้มากอย่างสบาย ห้องนี้เป็นห้องแบบเดียวกันในการต่อสู้ของลิมโบกับหนุ่มราชสีห์ฮาริส เหล่านักเรียน

มองดูโอเมนห่างออกไปโดยมีกระจกกั้นการแทรกแซงจากภายนอก การต่อสู้หรือการท้าประลองของโอเมนซึ่งเป็นหัวข้อที่โอเมน

ให้ความตั้งใจระหว่างมองผ่านกระจกออกไป เขาหันกลับไปมองชายซึ่งดาบโอเมนยกขึ้นชี้เข้าหาอย่างเด็ดเดี่ยว ถึงแม้แรงจับ

ดาบจะเริ่มถดถ้อยกับแรงปะทะของดาบผู้ต่อสู้

                “ เฮ้ย! โอเมนที่กล้ามาท้าแบบนี้แปลว่านายมันใจมากเลยสินะ ”

                ชายผู้นี้ชื่อบีโทร สวมเสื้อสีขาวที่มีรอยยับมากมายโดยเกิดจากการขยับตัวเหวียงดาบใบกว้างจากยุคกลางที่ถือตาม

สบายเขายังไม่ได้ตั้งท่าโจมตีใส่โอเมน

                โอเมนไม่ได้พูดตอบอะไร

‘ โอเมนไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับคำถาม เท่าที่รู้จักมันดูจะไม่ทางด้านการต่อสู้เลยสักนิด มันต้องไปทำอะไรมาแน่

ผลึกของมันยังเป็นสีฟ้า ต้องเพิ่มแรงปะทะใส่ดาบของมัน ’ บีโทรเริ่มขยับปากส่งเสียงเบาๆ ออกมา กับเริ่มจับดาบแน่นตั้งท่า

พร้อมโจมตี โอเมนกับดาบบางแต่แหลมคมของเขาชี้เข้าหาศัตรูตั้งท่าพร้อมรับมือ ‘ มันใช้เวทย์มนต์มาป้องกันหรือเสริมแรง

โจมตีไม่ได้ ’ บีโทรมองดาบของโอเมน ’ ดาบยาวบางแต่ไวแบบนั้น จะแทงฉันสินะร้ายไม่เบาเลยนี่ เห็นไม่สนใจเราเอาแต่อยู่

ห่างๆ มันเกลียดเราสินะ หลังการสู้นี่จบแล้วมันคงได้เสียหน้ากันทั้งตระกลูแน่ ’

                บีโทรรุกเข้าหาโอเมนพลางป้องกันการโจมตีจากดาบของโอเมนที่กำลังพุ่งเข้าใก้ลตัวบีโทรดาบโอเมนเปลื่ยนตำ

แหน่งในการแทงจากตัวเป็นคอของบีโทร จากการสังเกตที่รวดเร็วบีโทรรีบปัดดาบโอเมนออกผลลัพธ์ที่ได้หลังจากเสียงโลหะ

ปะทะกันเป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวสำหรับผู้ชมนอกกระจก และตัวผู้ถือดาบทั้งสอง ด้วยกำลังเวทย์ที่ใส่ลงไปในดาบของบีโทร

ทำให้การปะทะดูรุนแรงจนตัวผู้ถือดาบไม่สามารถควบคุมดาบชั่วขณะ แต่ก็ทำให้ดาบโอเมนไม่ได้สัมผัสตัวบีโทรรวมถึงดาบ

ของบีโทรเช่นกัน ดาบของเบาบางของโอเมนจากแรงปะทะทำให้จุดแทงเลยคอของบีโทรไปโดนอากาศ ก่อนที่จะถูกแรงเวทย์

ปัดออกโดยสมบูรณ์ ส่วนดาบใบกว้างของบีโทรยังเหลือแรงวทย์ที่มาแทนแรงเหวี่ยงที่เสียไปจากแรงปะทะกันของดาบ ทำให้

ดาบของบีโทรยังคงถูกเหวี่ยงไปในทิศเฉียงขึ้นเข้าไปใกล้คอของชายหนุ่มโอเมน ทันทีทันใดเสียงปัดดาบเสียงดังเหมือนโอเมน

จะก้าวถ้อยออกมาทำให้การฟันของโอเมนเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับบีโทร ที่ระยะโจมตีถูกต้องกับแรงโจมตีที่ยังสามรถสร้าง

ความเสียหายได้มากหากดาบไม่ได้ผ่านใต้ค้างของโอเมนไปเฉยๆ ผู้ชมส่งเสียงร้องเชียร์ ขณะที่เสียงประทับใจมาจากผู้ยืนดูอยู่

ห่างออกไปภายในกระจกเหมือนกับทั้งสอง

                “ ไม่มีใครได้รับความเสียหาย ” ฟังดูเหมือนประทับใจแต่เหมือนจะไม่ในเวลาเดียวกัน พร้อมกับกล่าวประกาศด้วย

เสียงดังขึ้นแต่ฟังดูสุขุม “ เร็วเข้า!! เหลือเวลาอีกห้านาที! ” ผู้ที่พูดอยู่นี่ทำหน้าเป็นเหมือนกรรมการสำหรับการประลองในครั้งนี้

                “ โอเมน! ” บีโทรตะโกนเรียกโอเมนที่ทั้งท่าโจมตี “ ฉันจะจัดการนายด้วยการบุกครั้งนี้เลยนะ อาจเสียหน้าอยู่บ้างที่พี่

เขยต้องมาแพ้ให้น้องเขยแบบนี้ แถมจะเรื่องมาท้าฉันแล้วด้วย เห็นนั้นมั้ย ” บีโทรชี้ไปทางกระจกที่มีผู้ชมเป็นเหล่านักเรียน

โอเมนเหลือบตาไปมองครู่หนึ่ง เขากลับมามองบีโทรอย่างแน่วแน่

                “ พูดตามอำเภอใจอยู่ได้ นายจะถูกฉันแทงจนเสียหน้าไปตะหากล่ะ ”

               

                ด้านนอกกระจกที่ยังคงมีเสียงเชียร์จากเหล่านักเรียนส่งเข้าไป กำลังมีเหล่านักเรียนเดินเข้ามารวมชมการประลอง

ดาบมากขึ้น อิจฉิปล่อยลิมโบออกจากหลัง ทันทีที่เท้าลิมโบสัมผัสพื้นเขารีบวิ่งอ้อมไปด้านหน้าอิจฉิเหมือนเด็กที่เจอของเล่น

                อิจฉิ พักหายใจได้สักพักเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าหนึ่งในนักเรียนที่ยืนอยู่นี้ ซากิตะกำลังยืนอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง

                “ คุณซากิตะวิ่งเร็วจัง กำลังคุยกับใคร… ” ซากิตะพูดกับหญิงสาว ซากิตะถามว่าเห็นอีกาผ่านแถวนี้ไหมหญิงสาว

ส่ายหน้พร้อมพูดออกมาว่าไม่เห็น เธอคนนี้สังเกตเห็นลิมโบที่วิ่งเข้ามาหาทั้งสอง

                “ เด็กเหรอ? ”

                ลิมโบหยุดวิ่งยืนมองผ่านกระจกไป ลิมโบยิ้มด้วยใบหน้าประหลาดใจ

                “ นี่มันเยื่ยมไปเลยเธอก็อยู่ตรงนั้นด้วย หานักเรียนที่ชื่อโอเมน อันเชปเจอรึยัง คุณหนูครับ ”

                ซากิตะขมวดคิ้วบางๆ ตาที่ดูเบื่อหนายกับเด็กชาย แสดงออกมาให้เห็น เธอหันไปมองภายในกระจก

                “ เจอแล้วล่ะ คนที่ตัวผอมกว่าที่กำลังถือดาบแหลมๆ นั้นไง ”

                “ เห มีดาบให้ใช้ด้วย ”  ตัวลิมโบที่เป็นอันเดดนั้นเคยจับดาบเมื่อนานมาแล้ว แต่เพียงแค่จับเป็นพิธีเท่านั้น เขาคิดได้

เมื่อครู่ตนไม่ได้ใช้ทักษะดาบอะไรอีกเลย หลังจากตนตายไปไม่ก็กะโหลกเป็นถูกเจาะเป็นรู  “ พวกเขาตั้งท่าและจ้องตากันใหญ่

เลย กำลังคิดกระท่าโจมตีอยู่แน่เลย เหมือนในมังงะเลย ”  อิจฉิเดินเข้ามาสมทบ

                “ ไม่เหมือนหรอกครับคุณลิมโบ ” พูดแบบเขินอาย

                “ คุณ?.. ”  ซากิตะมองที่หญิงสาวผู้รู้สึกสับสน เช่นเดียวกันเธอก็มองซากิตะด้วยความสงสัย ซากิตะกล่าวอธิบายเป็น

เชิงให้อีกฝ่ายแนะนำตัว

                “ เธอคือน้องสาวของโอเมน ” เธอคำนับให้อิจฉิ และพยักหน้าให้ลิมโบแต่เธอไม่ได้ยิ้มทักทายกลับเป็นยิ้มที่ดูเหมือน

เศร้าแปลก อิจฉิคิดแบบนั้นด้วยท่าทางงึกงัก กับความสุภาพของน้องสาวอันเชป

                “ เอมเมอร์รี่ อันเชป มีเรื่องอะไรกับพี่ฉันเหรอค่ะ พี่ฉันกำลังสู้อยู่ข้างในนั้น ”

                “ ผมชื่ออิจฉิ มิโค คาปิโคเนล ครับ ”

                “ ผมชื่อลิมโบพวกเรามีที่จะคุยกับพี่ของคุณครับ ”

                เสียงเชียร์ของนักเรียนข้างๆ ดังขึ้น ทำให้พวกลิมโบรู้ว่ามีความเคลื่อนไหวในสนามประลอง

 

 

 

 

 

 

 

 

มุมนักเขียน

สวัสดีปีใหม่( ถึงแม้ตอนพิมพ์ตอนนี้ยัง 2019 อยู่เลย )

ขอให้ทุกคนมีความสุข และขอขอบคุณที่อ่านเรื่องนี้และติดตามอยู่กัน

ถึงแม้จะทิ้งระยะห่างยาวเป็นเดือน(หรืออาจนานกว่านั้น)

แต่ยังคงเขียน(พิมพ์)อยู่นะ  ยังคงสลับเพิ่มตอนใหม่เช่นเดิม

หากว่ามีใครติดตามแล้วอยากให้ลงเลือกลงเรื่องไหนต่อ

ก็คอมเมนต์กันได้นะ...(ถ้ามคนอ่านหรือตามจริงๆ ล่ะนะ)

พาว: ต้องมีใครอ่านผ่านมาต้องนี้มั้งล่ะนะ

สรทิน:(กดผิด)

 

 

 

 

 

 

 

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา