Call us The L.o.u.d.
9.8
เขียนโดย พาวจาพัจส์
วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.44 น.
14 chapter 0
5 วิจารณ์
16.27K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มกราคม พ.ศ. 2562 22.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) Everything is matter part 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ ขอโทษนะครับ พวกคุณทั้งสองช่วยทำตัวให้สมกับเป็นผู้ที่เจริญหน่อย ท่าทางของคุณแบบนั้นมันแย่มาก
เลยนะครับ ถ้าเลขาของผมเห็นเข้าคงไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก ”
ลิมโบชี้ไปที่หน้าชายหนุ่มผมยาวอย่างยิ่งผยอง จากที่ อิจฉิ เห็นคงจะบอกว่าเป็นการใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าคงไม่ถูก
ภาพที่ อิจฉิ กับทุกคนรอบๆเห็นนั้น ก็แค่แขนเสื้อคลุมที่มีขนาดกับความยาวเกินแขนของเด็กชายชูขึ้นมาทางชายผมยาว
ปลายแขนเสื้อโบกสบัด อยู่ตรงหน้าชายตัวโต เสียงความเงียบไหลออกมาจากหลังชายเสื้อนั้น
ตึง!
เสียงอากาศได้กระทบกลบหูของคนโดยรอบในระยะสั้น
ชายผมยาวก้าวเท้ากระทืบลงพื้น
อิจฉิกับหญิงสาวสดุงเอือก
การเดินเข้ามาหาของชายผมยาวตัวโตเสียงเท้าของเขานั้นหนักแน่น
เด็กชายสวมแตะ หัวขาวสะดุดตา หน้าตาดูดีรอยยิ้มดูยิ่งเกินเด็ก
เด็กชายหัวขาวโดนแขนของชายหนุ่มร่างใหญ่ปัดออกไปอย่างง่ายดาย แขนเรียวเล็กของเด็กกับแขนของชายร่างใหญ่
เป็นแน่นอนเด็กชายต้องสะทบสะท้านกับพละกำลัง
ชายเสื้อหยุดโบกสบัด
“ โอ๊ะ... อะ... ฮึบ ” เด็กชายกระโดดผยุงตัวให้คงที่ เขากลับมายืนอย่างยิ่งผยองอีกครั้ง
“ สกอว์ คือชื่อฉัน และฉันไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า ด้วยท่าทางเย่อยิ่ง แล้วฉันเกลียดเด็กยิ่งกว่าพวกปีศาจคลาสต่ำ
เพราะงั้นไสหัวไปซะไอ้เตี้ย ”
ลิมโบ เกิดความสงสัยในใจของส่วนที่ลึกที่สุดในจิตใจ แล้วไม่เคยเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว ลิมโบ ฮุบหวงความคิด
ถึงเรื่องนั้นไว้ในใจโดยคราวนี้เขาถ่วงความสงสัยนั้นให้ลึกยิ่งกว่าเดิม
“ ฮึ... คิดว่าผมชูนิ้วชี้ไปทางคุณงั้นเหรอ ”
“ สกอว์! เดียวพวกสภาก็พากันมาเก็บนายหรอก ” หนึ่งในชายทั้งสองที่ยืนข้างๆ สกอว์ พยายามหยุดตัวเขา
ชายผมยาวตัวโตก้าวถ้อยออกมาจากหน้าเด็กชาย
เสียงเท้าที่หนักแน่นของเขานั้นได้หายไป
แต่เขายังไม่ล่ะสายตา
หมอนี่อันตราย...
อิจฉิ พึมพำระหว่างที่ตนยืนอยู่ห่างๆ พลางถ้อนหายใจออกมา อย่างตัวเกร็ง
“ ฮึ ดูคุณจะไม่มีมารยาทที่เหมาะสมของผู้เจริญเลยนะ แต่คุณก็ยังไม่ลืมบอกชื่อของตัวเองให้คนอื่น
ได้ทำความรู้จัก ผมชื่อว่า ลิมโบ ”
ชายผมยาวดูใจเย็นขึ้นมาหน่อย เขาก็ยังแสดงท่าทางดุร้ายให้เห็นอยู่
อีกฝั่งหนึ่งก็ดูใจเย็นเช่นกัน
คุณลิมโบ คงไม่ทำให้เขาโกรธมากว่าที่เป็นอยู่นะ
ลิมโบ ยืนกอดอก
“ ขอโทษนะครับที่ทำท่าทีเสียมารยาท เมื่อครู่ที่กระทำเช่นไปผมได้อิทธิพลจากเลขาของผมน่ะครับ เธอเป็น
หัวหน้าของสภานักเรียนฝั่งมนุษย์ ตำหน้าแหน่งหน้าที่ของเธอมักจะมีความสำคัญกับเธอเสมอๆ ผมบอกเลยว่าตอนเธอโกรธ
เธอไม่ชอบถามเหตุผลก่อนด้วย ”
ภาพที่อารีน่าผ่านเข้ามาในหัวลิมโบชั่วครู่
ลิมโบ กำลังต่อประโยคพูดของตัวเองต่อไป
“ หัวหน้าสภานักเรียนฝั่งมนุษย์? ”
สกอว์ พึมพำ แล้วหยุดคิดไปครู่หนึ่ง
ชายหนุ่มตัวโตผมยาวคนแสดงท่าทีก้าวร้าวอีกครั้ง
โดยที่ ลิมโบ ไม่อาจจบประโยคของเขาเลย
“ แกจะบอกว่า คุณมาเรีย เป็นเลขาของแก- “
“ ใช่แล้ว… ผมก็สามารถช่วยแก้ปัญหาของพวกคุณตรงนี้ได้เลย ผมจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เลขาของผมเอง ”
สกอว์ โดนเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ดึงตัวไปจากด้านหลัง พวกเขากำลังพูดคุยกันในแบบที่ไม่มีใครสามารถได้ยินพวกเขา
ลิมโบยิ้ม และมีความรู้สึกสองแบบ นั้นคงเป็นเพราะเขากำลังถูกจ้องมองแบบตาเป็นมันโดยหญิงสาว ที่พึงต่อว่ากับชาวหนุ่มตัวโต
ส่วนอีกแบบเป็นความรูสึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองจากระยะที่ห่างออกไป คงไม่ใช่นักเรียนใกล้ๆ ในที่นี้แน่นอน เขามั่นใจเช่นนั้น
ใครกำลังมองข้าอยู่... ข้ากำลังถูกสังเกตการณ์
“ แก้ปัญหางั้นสินะ... ได้! ยังไงฉันก็ได้คนรับผิดชอบเรื่องนี้แล้ว ”
“ เรื่องคนผิดนั้น ผมขอผ่านไว้จนกว่าจะฟังเรื่องทั้งหมดก่อน ”
“ ได้แต่ ฉันสงสัยผ้าคลุมนั้นมันใหญ่เกินที่จะเป็นของไอ้เตี้ยแบบแก ”
ลิมโบ เชิดหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
สกอว์ จ้อง ลิมโบ ตาไม่ขยับ ปากของเขาก็เช่นกัน
“ เอ่อ ช่างมัน แกเป็นพวกคลาส A สินะ ในนั้นมีแต่พวกตัวประหลาดทั้งนั้น อา! ”
เพื่อนของชายผมยาวคนหนึ่งเอามือมาปิดปากพล่อยๆ ของเจ้าตัวไว้ เพื่อนอีกคนเอามือตบไปที่หัวของอีกฝ่าย
จากภาพความเร็วนั้น อธิบายถึงการไม่ยั้งมือ เพื่อนชายผมยาวตอนนี้เหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะมีปัญหาหากไม่หุบปาก
ชายคนนี้
“ ถึงจะเป็นแกก็เหอะ สกอว์ แต่หัดระวังก่อนพูดมั้งสิ ”
คำพูดของเพื่อนทำให้ สกอว์ เป็นคนใจเย็นขึ้นมาแต่เพียงเล็กน้อย
“ เอ่อ.. เข้าใจแล้ว ”
ลิมโบ ที่กำลังยิ้มเชิดหน้าอยู่ เขาได้ยินเสียงพูดอวดครวญ ของความเจ็บปวด
“ ฉันกับเพื่อนมาเช็คของในห้องนั้นกันทุกวัน แล้วพอออกไปที่ศูนย์อาหาร เดินกลับมาที่นี่มันก็เละไปหมดแล้ว
และพอถามไอ้นั้นว่าเกิดอะไรขึ้นมันก็บอกมาว่าเห็นอีกาบินออกมาจากห้องพุ่งออกมาจากกระจก... ”
สกอว์ หน้านิ่งไปครู่หนึ่ง
เขาหันหน้ากลับไปหาเพื่อนทางด้านหลัง
“ อีกา พวกเราต้องไปจับอีกาตัวนั้น จะได้เอามาพิสูจน์กันเลยว่าใช่นกของยัยนั้นรึเปล่า ว่าไงไอ้เปียก แบบนี้
ตัดสินกันได้ไหม? ”
ลิมโบ พยักหน้าตอบ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ ไอ้คนที่เห็นบอกว่ามันบินไปทางไหนนะ ” พวกเขารีบเดินเลี้ยวไปทางซ้ายแล้วก่อนที่จะหายไปตรงหัวมุม
“ พวกแกอย่าได้ไปไหนทั้งนั้น รอตรงนี้เหละ ” สกอว์กับเพื่อนของเขาเดินหายไปตรงหัวมุมทันที
อีกา สินะที่พวกนั้นรีบออกไปตามหา
แต่ถ้าหากว่าเธอเป็นเจ้าของอีกาตัวนั้นจริงๆ ล่ะ...
ถ้าเป็นแบบนี้การตัดสินว่าใครถูกผิดขึ้นอยู่กับว่าใครจะหาอีกาเจอก่อนกันล่ะสินะ
แม้แต่เรื่องตัดสินแบบนี้ก็ไม่ต่างจาก ประโยคบ้านั้นเลย
...
ต้องรีบหาอีกาให้เจอก่อนพวกนั้น
“ คุณ ลิมโบ พวกเราก็ต้องรีบไปหาอีกาตัวนั้นเหมือนกันนะ- ”
“ หือ ? ”
เป็นสิ่งที่ ลิมโบ ตอบสนอง
“ เอ๋ ”
เป็นสิ่งที่ อิจฉิ ตอบสนอง ต่อลิมโบที่ตอบสนองต่อเขา
อิจฉิ กับ ลิมโบ หันมามองหน้ากันตรงๆ
ตอนนี้เขาทั้งไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดๆ
“ นิ... ”
เด็กสาวเดินมาที่ ลิมโบ ปล่อยคำถามมาที่เขา อิจฉิ เห็นความกังวลบนใบหน้า ลิมโบก็เห็นเช่นนั้น
“ เธอเป็นใคร ”
เด็กชายตอบด้วยรอยยิ้ม
“ ผมลิมโบครับ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ ”
เด็กชายตัวเล็ก เส้นผมสีขาวโผลน สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ น้ำเสียงของเด็กที่บ่งบอกถึงความขี้เล่นของเด็กธรรมดาๆ
ทำให้หญิงสาวไม่สามารถจริงจังกับคำพูดของลิมโบได้เลย เธอหัวออกมาด้วยความรู้สึกว่านี้คงเป็นเรื่องตลก แต่นั้นก็ทำให้ธอ
หัวเราะไม่ออกเป็นเสียง พร้อมพยักหน้าตอบ
เด็กชายเดินไปหน้าห้องจัดสรรทรัพยากร
เขาผลักเข้าไปที่ประตูกระจกพลางพูดกับหญิงสาว
“ ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน เร็วเข้าคุณหนู ”
“ อย่าเรียกฉันแบบนั้นนะ ”
กึก
เธอบอกเขา ขณะที่มอง ลิมโบด้วยความละอายใจ ลิมโบ ผลักประตูกระจกเพื่อเข้าไป
“ ฮึ เจ้านี่ก็ต้องใช้คีย์การด์รึ ”
ลิมโบ มองหาส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคีย์การด์ ส่วนที่เหมือนกับห้องพักส่วนตัวของเขา
แต่เขาหาไม่พบส่วนใดบนประที่เหมือนกันกับที่เคยเห็นเลย
กึกๆ
ลิมโบ ขยับประตูกระจกอีกครั้ง ไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลง
อิจฉิ หัวเราะออกมาอย่างอายๆ เขาเข้าไปหาเด็กชาย
“ มันเป็นประตูเลื่อนนะครับ ”
ลิมโบเดินถอยออกมาจากประตูปล่อยให้ อิจฉิ ออกมาแก้ไขสถานการณ์
กึก
“ … ”
ประตูกระจกไม่ขยับ
“ เอ๋..? ” อิจฉิ หันไปมองหญิงสาว
“ มันล็อกอยู่เหรอครับ ” หญิงสาวพยักหัว แล้วเดินตรงไปที่ประตูที่ทั้งสองยืนอยู่ เธอคีย์การด์ออกมาใช้ประตู
ลิมโบเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวโดยมองไปยังคีย์การด์อย่างจดจ่อ
คล้ายกับความสงสัยของเด็กที่แสดงออกมา
“ ห้องจัสรรทรัพยากรหนึ่ง ก็ต้องล็อกไว้อย่างดีอยู่แล้ว… ” เธอใช้คีย์การด์ประกบเซนเซอร์รูปทรงสี่เหลื่ยม
หญิงสาวหันไปเห็น ลิมโบที่กำลังเข้าใจบางอย่างอยู่ข้างๆ ประตูเลื่อนได้เปิดออกพวกเขาเดินเข้าไปข้าง โดยก้าวแรก
หญิงสาวได้ยินเสียงกระจกดังออกมาจากใต้ฝ้าเท้า แน่นนอนว่าเธอรู้อยู่แล้วต้องเกิดเสียง จากด้านนอกเธอมองเห็น
รูบนบานกระจกของห้อง เช่นเดียวกับกระจกของประตูบานนี้ ลิมโบ มองตามเสียงกระจกที่หญิงสาวเหยียบ เขากวาด
สายตาไปโดยรอบภายในห้อง หนังสือกระจัดจายไปทั่วพื้น ขวดแก้วใสแตกกระจายบนตู้ โต๊ะกระจกที่เหลือเพียงโครงเหล็ก
กระจกแตกเป็นชิ้นเล็กใหญ่ที่ไม่อยากจะเดินเข้าไปหาเท่าไหร่นัก โซฟาถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่เป็นระเบียบ
“ ... ” ลิมโบเหลือบไปมองหญิงสาวที่กำลังจะพูดบางอย่างแต่เธอหยุดเสียงของเธอไว้ก่อน เห็นชัดเจนเลยว่า
เธอกำลังกังวลหนักกว่าเมื่อครู่นี้ “ อิคาบอท! ” หญิงสาวขานชื่อของใครบางคนซ้ำไปมา ลิมโบหันตัวมาหาหญิงสาว
“ ผมชื่อ ลิมโบ แล้วคุณกำลังเรียกหาใครอยู่? ” หญิงสาวยังไม่ทิ้งความกังวล เสียงที่ตอบกลับมาเป็นสิ่งที่
บอกให้รู้
“ ฉันชื่อ kosstori sagita เป็นผู้ช่วยของเหรัญญิกของสภานักเรียฝั่งนมนุษย์ คุณมาเรียเป็นเลขานายจริงเหรอ? ”
“ ตามที่ผมพูดไปคุณหนู ”
“ ... ” หญิงสาวเบนหน้าหลบสายตาเด็กชาย แล้วช่วงนั้นเธอเพ้อไปสังเกตเห็นใครบางคน
“ เธอคือปีศาจในคลาส C ใช่ไหม? ”
“ ใช่ ผมเคยอยู่คลาส C ”
“ คลาส C นายก็อยู่ห้องเดียวกับฉันด้วย... แล้วทำไมถึงถึงใส่ชุดคลุมของพวกคลาสระดับสูงล่ะ? ”
อิจฉิประหลาดใจเธอจำเขาได้ เขาแทบจะจำเพื่อนในคลาส C ไม่ได้เลยหลังจากเขาถูกผลักออกมาจากกลุ่ม
“ ผมเลื่อนคลาสมาอยู่คลาส A แล้วครับ ” หญิงสาวแสดงอาการประหลาดใจ
“ คลาส A ? เด็กคนนี้ก็อยู่คลาส A สินะ ถึงผ้าคลุมจะใหญ่เกินตัวก็เหอะ ฉันสามารถบอกคนในสภาให้ได้ถ้าต้องการ
ไซส์สั่งตัดให้ได้นะ ”
“ ผมขอเอาเรื่องนั้นเก็บไปคิดก่อนนะครับ แล้วคุณเรียกหาใครอยู่เ? ”
“ ภูตสัตว์เลี้ยงของฉัน ก่อนหน้านี้ฉันเข้ามาตรวจเอกสารของยืมใช้ที่พวกนั้นกรอกไวในห้อง ตอนนั้นก็ปกติดีเขาบินไป
มารอบๆ ตัวฉัน พอเช็คเอกสารเรียบร้อยฉันก็กลับไปที่ห้องสภา และตอนนั้นที่ฉันรู้ว่าเขาหายไป เขามักจะออกมาเล่นตอนที่อยู่
ห้องสภาฉันเลยคิดว่าเขาอาจยังอยู่ที่นี่ คงไม่ได้ออกไปไหน... ”
เธอทำหน้าเศร้ากับหดหู่ อิจฉิจึงถามหญิงสาวออกมาไม่ดีนัก
“ งั้นภูตของเธอก็เป็นอีกา ” หญิงสาวพยักหน้า “ แล้วที่พวกนั้นบอกว่าสามารถแปลงรูปเป็นกิปได้นั้นจริงรึเปล่า? ”
หญิงสาวก้มหน้าลงพื้น ทรงผมที่กางออกมานั้นอาจเป็นสิ่งที่อธิบายอิจฉิคิดเช่นนั้น
“ กลายเป็นพวกคนตัวสูงเมื้อกี้ กำลังตามหาอีกาของเธอล่ะสิ.. เราไม่รู้ด้วยสิว่าอีกาอยู่ไหน อ่ะ! มีพวกนั้นบอกว่า
มีคนเห็นอีกาบินออกไป คุณได้ถามคนที่เห็นรึยัง? ”
“ ฉันถามไปแล้ว เห็นบอกว่าบินไปตรงหัวมุมที่พวกนั้นพึ่งออกตามหาเท่านั้น ”
“ งั้นพวกเราตามพวกนั้นไปกันเถอะ ถ้าเรารีบหาอาจเจอภูตของคุณก่อนพวกนั้นอาจแก้ปัญหาได้ ”
“ ฉันไม่อยากตามพวกนั้นไป ถ้ามีพยานเห็นยังไงก็ต้องมีการตรวจสอบ ภูตของฉันยังไงก็ต้องถูกจับไปตรวจพร้อม
พวกนั้นรวมถึงฉันด้วย... ”
เสียงของเธอเบาลง
“ เธอไม่เป็นห่วงเหรอว่าคนพวกนั้นอาจ- ”
อิจฉิ พึมพำ แต่เสียงที่ถูกเปล่งออกมาได้ลอยเข้าหูหญิงสาว
“ ฉันจะเดินเข้าปดูข้างใน เพื่อเขาจะอยู่ข้างในนั้น ถ้าไม่อยู่ฉันก็คงทำได้แค่รอการตัดสิน ”
มองไปยังพื้นล่างมีสิ่งของมากมายกองอยู่ เธอเดินข้ามของบนพื้นที่กระจัดกระจาย อิจฉิไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้
“ หมายความว่าไงที่เธอพูด ” อิจฉิรู้สึกว่าในใจไม่สามารถอยู่เฉย อารมณ์กำลังวุ่นวาย นัยตาของเขาเปลื่ยนไป
“ จะรอเหรอ... ” อิจฉิเดินไปหาหญิงสาว
(พรืด)
เสียงผ้าม่านถูกเปิด
“ โฮะ ” คำอุทานเล็กๆ ของลิมโบ ดึงความสนใจของทั้งสอง
หญิงสาวหันมามองอิจฉิ นัยตาของชายหนุ่มช่างแปลกประหลาด
“ เธอเป็นอะไร- ” ความผิดปกตตินั้นได้หายไป “ ไม่มีอะไร ”
อิจฉิ เดินตามลิมโบกับ ซากิตะเข้าไปอีกห้องซึ่งอยู่ด้านในของห้องจัดสรรทรัพยากร ภายในห้องนี้มืดกว่าด้านนอกอยู่มาก
แต่ไม่ถึงกับเปิดไฟก็มองสามารถเห็นได้สบาย ลิมโบเดินเข้ามาแล้วเขาพบกับมุมแคบๆ ทางด้านซ้ายซึ่งเขาคิดว่าคงใช้เป็นที่ทำอาหารด้วยสภาพ
กับหน้าตาของเครื่องครัวที่ผ่านตามาบางครั้งยังอยู่กับผู้นำทาง
“ ไมโครเวฟ ” อิจฉิ กับ ซากิตะ สงสัยจนเกือบถามลิมโบไปว่า มันทำไมเหรอ? ที่อยากถามออกไป คงเป็นเพราะ
ลิมโบทำท่าประหลาดใจเกินจริงไป ด้านหน้ามีความกว้างกว่าห้องที่มาผ่านมา โต๊ะหนึ่งตัวตำแหน่งใกล้กับผนังทางซ้าย กับเก้าอี้สี่
ตัวถูกวางรอบโต๊ะ โต๊ะกับเก้าอี้นั้นห่างจากมุมที่ใช้เป็นห้องครัวพอสมควร ด้านหน้าสุดของสายตาคือชั้นว่าของหลายอัน
ได้วางเว้นระยะห่างที่คนสามารถเดินเข้าไปได้ ตรงมุมห้องทางด้านขว้ามีประตูเหล็กหนึ่งบานอยู่ ตัวล็อกขนาดใหญ่ทำให้มันมี
ความแน่นหนาสูง
“ อิคาบอท ” ซากิตะ มองหาภูตของเธอ จนกระทั้งเธอรู้ว่าภูตที่หาไม่ได้อยู่ที่นี่
“ ภูตของเธออาจอยู่ในประตูบานนั้นก็ได้นะ ” ซากิตะ ได้บอกกับอิจฉิว่าเห็นนั้นเป็นห้องเก็บทรัพย์สินการเข้าไปนั้น
จำเป็นต้องได้รับใบตรวจกับกุญแจจากประธานจากประธานนักเรียนก่อน ถึงจะเข้าไปยุ่งกับของข้างในนั้นได้ อีกเหตุผลที่
เธอบอกคือวันนี้ห้องนั้นไม่ได้ถูกเปิดเลย ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องเปิด ผู้รับหน้าที่ดูแลในห้องนี้ต้องบอกคนในสภาฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
หรือเธอก็ต้องรู้เรื่องด้วย อิจฉิไม่รู้ควรทำอย่างไรต่อนอกจากเดินไปรอบๆ
“ คุณลิมโบครับเราจะทำยังไงดีครับ ” ลิมโบก้าวตรงไปยังชั้นวางของเขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ มองของบนชั้นซึ่งเป็นกล่อง
เหล็กส่วนใหญ่ในสัดส่วนกับขนาดเท่ากันทุกกล่อง ลิมโบเผยรอยยิ้มออกมา
“ ข้าคิดว่าคงยังไม่ต้องการอะไรจากเจ้าหรอก ” อิจฉิมีความคิดบางอย่างรังควานในหัว ว่ารอยยิ้มกับสิ่งที่เปรย
ออกมาลอยๆ นั้นมีความหมายว่าอะไร อิจฉิก็ได้เข้าใจว่าเขาไม่ได้สนใจบทสนทนาที่เกิดขึ้นในห้องนี้
“ น่าเสียดาย... ”
“ เสียดายอะไรเหรอครับ? ” ซากิตะมองเด็กชายที่อมยิ้มแสดงอยู่ ลิมโบยิบกล่องเหล็กออกมาจากชั้นกล่องหนึ่ง
“ นิเธอจะหยิบออกมาเล่นไม่ได้นะ ” ลิมโบพูดต่อทันทีโดยที่เขาไม่ได้คิดจะฟังคำของซากิตะ
“ ตอนแรกที่เข้ามา... คิดในหัวว่าผมอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ถึงในสถานการณ์แบบนี้ ผมจะรับบทเป็นยอดนักสืบ
อาจ... ไร้สาระสักหน่อย ”
“ ?...เอ๋ (อะไรครับ/ค่ะ) ” อิจฉิกับซากิตะเปรยออกมา
เด็กชายเขายกกล่องไปว่าบนโต๊ะ เขาเจอกับความลำบากเล็กน้อยช่วงยกเนื่องจากโต๊ะกับเด็กชายนั้น
ความสูงต่างกัน
“ กำลังมองสิ่งต่างๆ หาที่มาของสิ่งที่เกิดที่นี้ แต่ต้องกลายมาเป็นชาแมนแทนซะเนี่ย ”
ลิมโบเปิดฝากล่องออก จากน้ำหนักแน่นอนว่ามีบางสิ่งอยู่ข้างใน ซากิตะและอิจฉิก้าวเข้ามาใกล้กล่องที่ลิมโบเปิดออก
เด็กชายลากเก้าอี้เข้ามานั่ง
“ เครื่องปริ้นเตอร์... อ่ะ ไม่ใช่เครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่า? ”
“ อิจฉิคุง ช่วยหยิบมันออกมาหน่อยได้มั้ย ” ลิมโบโบกสะบัดชายแขนเสื้อไปมา อิจฉิใช้มือทั้งสองข้าง
ประครองเครื่องพิมพ์ออกมา ชายหนุ่มสังเกตเห็นสภาพความเก่าของมัน ฝุ่นเกาะเล็กน้อยเหมือนกับว่าถูกเช็ดทำความสะอาด
แต่ยังไม่สะอาดทั้งหมด รอยบุบด้านข้าง คราบมึกจำนวนมากบนเครื่องพิมพ์ แล้วก็ไม่มีส่วนใดเสียหายมากนัก นอกจากที่เขาเห็น
มันน่าจะ... ยังใช้งานได้
ชายหนุ่มวางมันลงบนโต๊ะ
“ (ไอ)... แล้วคุณลิมโบหยิบออกมาทำไมเหรอครับ ”
“ ทีแรกแค่ความรู้สึก จนมาเจอกับมันถึงเข้าใจว่าไม่ใช่ ”
“ นี่เธอกำลังพูดถึงอะไร ” ซากิตะ ออกปากถามระหว่างที่ทำใบหน้าไม่พอใจกับเด็กชาย
อิจฉิกำลังแสดงอาการคล้ายกับมึนงง
“ อืม... ลืมไปพวกคุณทั้งสองคงจะไม่ได้ยินสินะ ”
“ ได้ยินอะไรครับ ”
“ สิ่งนี้ ‘เครื่องพิมพ์ดีด’... มีบุคคลที่ถูกผูกหมัดอยู่กับมัน หากเปลื่ยนอีกคำเป็นที่คุ้นเคยกัน อาจเป็นวิญญาณก็ได้ ”
“ วิญญาณ เธอหมายถึงมีภูตผีอย่างงั้นเหรอ... แล้วผูกมัดคือเธอหมายถึงอะไร นี่เธอไม่ได้กำลังเล่นอะไรอยู่
ใช่ไหม? ” ซากิตะเริ่มสับสนอยู่ในหัว ข้างๆกันนั้นยังมีความรู้สึกโมโหเล็กน้อย
เด็กชายยิ้มที่มุมปาก ใช้มือสัมผัสเครื่องพิมพ์ดีด
เด็กคนนี้เขากำลังเล่นอะไรของเขากันนะ เราควรไปบอกคุณมาเรียเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี่คงเป็นฝีมือ
อิคาบอทจริงๆ ผยานที่เห็นก็มีอยู่ด้วยแน่นอนว่าเขาไม่โกหก จริงสินะเราต้องรอให้ไอ้หมอนั้นมา...
ฉันควรรอที่นี่...
“ ผีเหรอ? ครับ... ” อิจฉิ พูดออกมาในที่ผงะไปพักนึ่ง
“ ผีอืม... ผีที่ผูกมัดกับสิ่งของแบบนี้ ต้องมีอะไรที่น่าสนใจแน่นอน ”
“ เธอยกออกมาเพื่อจะดูผีเครื่องพิมพ์ดีดงั้นเหรอ? ” ซากิตะพูดติดตลกใบหน้าแสดงความเคร่งเครียดออกมา
แน่นอนเธอไม่เชื่อ
นี่เขาจะทำอะไรเนี่ย
อาจพึงทำไปไม่นาน แต่อิจฉิผงะอีกครั้ง หลังจากลิมโบพูดต่อ
“ อยากได้ยินไหม? ”
?!
ลิมโบ เด็กชายเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง เงยศรีษะอย่างรวดเร็ว
“ อืม... ช่างมันๆ ผมไม่อยากมาอธิบายให้ฟังทีหลัง ” เขาหันมาหาทั้งสอง ขณะที่อยู่บนเก้าอี้ ซากิตะ
ดูคับอกคับใจพอสมควร อิจฉิ หัยไปบอกกับซากิตะ
“ เขากำลังช่วยคุณอยู่นะครับ คงจะ... ” อิจฉิ เหมือนจะได้ยินคำเตือนบางอย่างจากปากเด็กชาย เสียงที่ลั่นออกมา
นั่นช่างรวดเร็ว น่าเสียดายเด็กหนุ่มได้ยินเพียงแค่
“ แน่นอนจนแล้วจนรอดมันมีความเจ็บแสบ ไม่นานนักก็จะหายไป ”
เด็กน้อยหลับตาลง เส้นผมสีขาวขยับตามศรีษะเด็กชายที่ก้มหน้า
เสียงกระซิบ...
ลิมโบหยุดก้มหน้ามองทั้งสอง
อิจฉิ ซากิตะ ทรุดตัวลงไปที่พื้น
หนุ่มสาวทั้งสอง ยกมือประกบโหนกแก้ม พลางใช้นิ้วกดอุดหูของตนเอาไว้
“ คงเกินตัวสินะ ”
ลิมโบ นึกย้อนไประหว่างฟังเสียง ร้องจากความเจ็บปวดของทั้งสอง ประโยคที่กระซิบไปนั้น เขาเคยใช้กับผู้นำทาง
ผู้มีหน้าที่สังเกตการณ์ ผู้เสาะแสวงหา มีแต่ที่กล่าวไปที่เคยได้รับฟัง แต่กว่าครึ่งที่เป็นอมนุษย์ ซากิตินั้นเป็นมนุษย์แน่นอน
ไม่มีส่วนไหนของร่างกายบอกถึงตัวตนอมนุษย์ หรือฟีลใดๆ ที่แสดงออกมา อิจฉิเองตัวเขาเป็นอมนุษย์แน่นอนแต่ตัวของ
เด็กไม่ได้แสดงความต้านทานออกมา จากที่เห็นทรุดลงไป ลิมโบปล่อยตัวเองครุ่นคิดสาเหตุความทรมาณมากมายของทั้งสอง
มังคงมากเกินไปจากอดีต แต่ถว่าเขาไม่ได้คิดสิ่งหนึ่ง
“ นิเธอทำกับอะไรพวกเรา! ” การตะโคกของซากิตะทำให้ลิมโบตกใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับเสียงความเจ็บปวด
เธอนั่งคุกเข่านิ้วยังคงอุดหูไว้เหมือนเดิม ใบหน้าที่น้ำตานองออกมาทำเขาตระหนกถึงสิ่งที่ทำไป
“ คุณลิมโบ... ”
ลิมโบหันไปมอง
“ ช่วยทำอะไรหน่อยสิครับ! ”
ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดนั้น เขาทำไม่ได้ เขาไม่มีความสามารถเรื่องนั้น ตัวตนของสิ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างลิมโบ ทำได้สร้างความ
เน่าเหม็นเท่านั้น
“ พยายามทนมันไว้ ความเจ็บมันไม่ฆ่าพวกคุณแน่นอน... ”
เขาปิดปากเงียบ เด็กชายหันไปหาเครื่องพิมพ์ดีด
‘ กำลังหวั่นไหวสินะ... ’
สายตาได้มองอย่างไร้ชีวิตของลิมโบ ต่อวัตถุตรงหน้า
“ พวกเขาคงต้องทนกันครู่หนึ่ง ทำไมไม่ลองเล่าอะไรหน่อยล่ะ… เจ้าเป็นใครทำไมถึงได้ติดอยู่กับเครื่องนั้น ”
‘ ฉันสงสัย คุณก็ไม่ใช่ชาแมน คุณไม่ใช่เด็กแน่นอน ถึงเป็นปีศาจผมก็ไม่แน่ใจ ผมสัมผัสบางอย่างได้จากคุณ ’
“ เรื่องของผมเก็บไว้ก่อนถ้าช่วยตอบคำถามผมอาจเล่าให้ฟัง ในขณะนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าวิญญาณไปมีอะไร
ที่ต้องถูกผูกมัดกับสิ่งของ ”
‘ ฉันสามารถพนันได้เลยว่า เรื่องของคุณคงน่าสนใจไม่น้อย... อาจมากกว่าฉัน งั้น ’
“ เจ้ายังมีความรู้สึก... ดีเลย ”
คนทั้งสองเริ่มพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น อิจฉิ กับซากิตะ พวกเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ เลยในตอนนี้ ความประหลาดใจที่ทั้งสองมี
แสดงออกมาทางสีหน้า
“ ได้ยินเสียงไหมชัดไหม? ”
ลิมโบ พูดถามไปยังทั้งสอง
ทั้งสองคนพยักหน้า
“ งั้นช่วยเริ่มเล่าเรื่องเลย พวกเรามีเรื่องอื่นจะถามอีก ”
มุมนักเขียน:
เรายังไม่ทิ้งเรื่องที่เขียนไว้แน่นอน
ไม่คิดเลยว่าจะปล่อยไว้ ‘นาน’ ขนาดนี้
*คนเขียนเวะมาเขียนเป็นครั้งคราว
หากมีส่วนไหนมีคำผิดหรือขัดข้องขออภัยด้วยนะ
ถือว่านี้ยังไม่ใช่ฉบับปรับปรุง จะลงต่อแน่นอน
*ถ้ายังมีคนอ่านเรื่องนี้อ่ะนะ
เลยนะครับ ถ้าเลขาของผมเห็นเข้าคงไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก ”
ลิมโบชี้ไปที่หน้าชายหนุ่มผมยาวอย่างยิ่งผยอง จากที่ อิจฉิ เห็นคงจะบอกว่าเป็นการใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าคงไม่ถูก
ภาพที่ อิจฉิ กับทุกคนรอบๆเห็นนั้น ก็แค่แขนเสื้อคลุมที่มีขนาดกับความยาวเกินแขนของเด็กชายชูขึ้นมาทางชายผมยาว
ปลายแขนเสื้อโบกสบัด อยู่ตรงหน้าชายตัวโต เสียงความเงียบไหลออกมาจากหลังชายเสื้อนั้น
ตึง!
เสียงอากาศได้กระทบกลบหูของคนโดยรอบในระยะสั้น
ชายผมยาวก้าวเท้ากระทืบลงพื้น
อิจฉิกับหญิงสาวสดุงเอือก
การเดินเข้ามาหาของชายผมยาวตัวโตเสียงเท้าของเขานั้นหนักแน่น
เด็กชายสวมแตะ หัวขาวสะดุดตา หน้าตาดูดีรอยยิ้มดูยิ่งเกินเด็ก
เด็กชายหัวขาวโดนแขนของชายหนุ่มร่างใหญ่ปัดออกไปอย่างง่ายดาย แขนเรียวเล็กของเด็กกับแขนของชายร่างใหญ่
เป็นแน่นอนเด็กชายต้องสะทบสะท้านกับพละกำลัง
ชายเสื้อหยุดโบกสบัด
“ โอ๊ะ... อะ... ฮึบ ” เด็กชายกระโดดผยุงตัวให้คงที่ เขากลับมายืนอย่างยิ่งผยองอีกครั้ง
“ สกอว์ คือชื่อฉัน และฉันไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า ด้วยท่าทางเย่อยิ่ง แล้วฉันเกลียดเด็กยิ่งกว่าพวกปีศาจคลาสต่ำ
เพราะงั้นไสหัวไปซะไอ้เตี้ย ”
ลิมโบ เกิดความสงสัยในใจของส่วนที่ลึกที่สุดในจิตใจ แล้วไม่เคยเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว ลิมโบ ฮุบหวงความคิด
ถึงเรื่องนั้นไว้ในใจโดยคราวนี้เขาถ่วงความสงสัยนั้นให้ลึกยิ่งกว่าเดิม
“ ฮึ... คิดว่าผมชูนิ้วชี้ไปทางคุณงั้นเหรอ ”
“ สกอว์! เดียวพวกสภาก็พากันมาเก็บนายหรอก ” หนึ่งในชายทั้งสองที่ยืนข้างๆ สกอว์ พยายามหยุดตัวเขา
ชายผมยาวตัวโตก้าวถ้อยออกมาจากหน้าเด็กชาย
เสียงเท้าที่หนักแน่นของเขานั้นได้หายไป
แต่เขายังไม่ล่ะสายตา
หมอนี่อันตราย...
อิจฉิ พึมพำระหว่างที่ตนยืนอยู่ห่างๆ พลางถ้อนหายใจออกมา อย่างตัวเกร็ง
“ ฮึ ดูคุณจะไม่มีมารยาทที่เหมาะสมของผู้เจริญเลยนะ แต่คุณก็ยังไม่ลืมบอกชื่อของตัวเองให้คนอื่น
ได้ทำความรู้จัก ผมชื่อว่า ลิมโบ ”
ชายผมยาวดูใจเย็นขึ้นมาหน่อย เขาก็ยังแสดงท่าทางดุร้ายให้เห็นอยู่
อีกฝั่งหนึ่งก็ดูใจเย็นเช่นกัน
คุณลิมโบ คงไม่ทำให้เขาโกรธมากว่าที่เป็นอยู่นะ
ลิมโบ ยืนกอดอก
“ ขอโทษนะครับที่ทำท่าทีเสียมารยาท เมื่อครู่ที่กระทำเช่นไปผมได้อิทธิพลจากเลขาของผมน่ะครับ เธอเป็น
หัวหน้าของสภานักเรียนฝั่งมนุษย์ ตำหน้าแหน่งหน้าที่ของเธอมักจะมีความสำคัญกับเธอเสมอๆ ผมบอกเลยว่าตอนเธอโกรธ
เธอไม่ชอบถามเหตุผลก่อนด้วย ”
ภาพที่อารีน่าผ่านเข้ามาในหัวลิมโบชั่วครู่
ลิมโบ กำลังต่อประโยคพูดของตัวเองต่อไป
“ หัวหน้าสภานักเรียนฝั่งมนุษย์? ”
สกอว์ พึมพำ แล้วหยุดคิดไปครู่หนึ่ง
ชายหนุ่มตัวโตผมยาวคนแสดงท่าทีก้าวร้าวอีกครั้ง
โดยที่ ลิมโบ ไม่อาจจบประโยคของเขาเลย
“ แกจะบอกว่า คุณมาเรีย เป็นเลขาของแก- “
“ ใช่แล้ว… ผมก็สามารถช่วยแก้ปัญหาของพวกคุณตรงนี้ได้เลย ผมจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เลขาของผมเอง ”
สกอว์ โดนเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ดึงตัวไปจากด้านหลัง พวกเขากำลังพูดคุยกันในแบบที่ไม่มีใครสามารถได้ยินพวกเขา
ลิมโบยิ้ม และมีความรู้สึกสองแบบ นั้นคงเป็นเพราะเขากำลังถูกจ้องมองแบบตาเป็นมันโดยหญิงสาว ที่พึงต่อว่ากับชาวหนุ่มตัวโต
ส่วนอีกแบบเป็นความรูสึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองจากระยะที่ห่างออกไป คงไม่ใช่นักเรียนใกล้ๆ ในที่นี้แน่นอน เขามั่นใจเช่นนั้น
ใครกำลังมองข้าอยู่... ข้ากำลังถูกสังเกตการณ์
“ แก้ปัญหางั้นสินะ... ได้! ยังไงฉันก็ได้คนรับผิดชอบเรื่องนี้แล้ว ”
“ เรื่องคนผิดนั้น ผมขอผ่านไว้จนกว่าจะฟังเรื่องทั้งหมดก่อน ”
“ ได้แต่ ฉันสงสัยผ้าคลุมนั้นมันใหญ่เกินที่จะเป็นของไอ้เตี้ยแบบแก ”
ลิมโบ เชิดหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
สกอว์ จ้อง ลิมโบ ตาไม่ขยับ ปากของเขาก็เช่นกัน
“ เอ่อ ช่างมัน แกเป็นพวกคลาส A สินะ ในนั้นมีแต่พวกตัวประหลาดทั้งนั้น อา! ”
เพื่อนของชายผมยาวคนหนึ่งเอามือมาปิดปากพล่อยๆ ของเจ้าตัวไว้ เพื่อนอีกคนเอามือตบไปที่หัวของอีกฝ่าย
จากภาพความเร็วนั้น อธิบายถึงการไม่ยั้งมือ เพื่อนชายผมยาวตอนนี้เหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะมีปัญหาหากไม่หุบปาก
ชายคนนี้
“ ถึงจะเป็นแกก็เหอะ สกอว์ แต่หัดระวังก่อนพูดมั้งสิ ”
คำพูดของเพื่อนทำให้ สกอว์ เป็นคนใจเย็นขึ้นมาแต่เพียงเล็กน้อย
“ เอ่อ.. เข้าใจแล้ว ”
ลิมโบ ที่กำลังยิ้มเชิดหน้าอยู่ เขาได้ยินเสียงพูดอวดครวญ ของความเจ็บปวด
“ ฉันกับเพื่อนมาเช็คของในห้องนั้นกันทุกวัน แล้วพอออกไปที่ศูนย์อาหาร เดินกลับมาที่นี่มันก็เละไปหมดแล้ว
และพอถามไอ้นั้นว่าเกิดอะไรขึ้นมันก็บอกมาว่าเห็นอีกาบินออกมาจากห้องพุ่งออกมาจากกระจก... ”
สกอว์ หน้านิ่งไปครู่หนึ่ง
เขาหันหน้ากลับไปหาเพื่อนทางด้านหลัง
“ อีกา พวกเราต้องไปจับอีกาตัวนั้น จะได้เอามาพิสูจน์กันเลยว่าใช่นกของยัยนั้นรึเปล่า ว่าไงไอ้เปียก แบบนี้
ตัดสินกันได้ไหม? ”
ลิมโบ พยักหน้าตอบ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ ไอ้คนที่เห็นบอกว่ามันบินไปทางไหนนะ ” พวกเขารีบเดินเลี้ยวไปทางซ้ายแล้วก่อนที่จะหายไปตรงหัวมุม
“ พวกแกอย่าได้ไปไหนทั้งนั้น รอตรงนี้เหละ ” สกอว์กับเพื่อนของเขาเดินหายไปตรงหัวมุมทันที
อีกา สินะที่พวกนั้นรีบออกไปตามหา
แต่ถ้าหากว่าเธอเป็นเจ้าของอีกาตัวนั้นจริงๆ ล่ะ...
ถ้าเป็นแบบนี้การตัดสินว่าใครถูกผิดขึ้นอยู่กับว่าใครจะหาอีกาเจอก่อนกันล่ะสินะ
แม้แต่เรื่องตัดสินแบบนี้ก็ไม่ต่างจาก ประโยคบ้านั้นเลย
...
ต้องรีบหาอีกาให้เจอก่อนพวกนั้น
“ คุณ ลิมโบ พวกเราก็ต้องรีบไปหาอีกาตัวนั้นเหมือนกันนะ- ”
“ หือ ? ”
เป็นสิ่งที่ ลิมโบ ตอบสนอง
“ เอ๋ ”
เป็นสิ่งที่ อิจฉิ ตอบสนอง ต่อลิมโบที่ตอบสนองต่อเขา
อิจฉิ กับ ลิมโบ หันมามองหน้ากันตรงๆ
ตอนนี้เขาทั้งไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดๆ
“ นิ... ”
เด็กสาวเดินมาที่ ลิมโบ ปล่อยคำถามมาที่เขา อิจฉิ เห็นความกังวลบนใบหน้า ลิมโบก็เห็นเช่นนั้น
“ เธอเป็นใคร ”
เด็กชายตอบด้วยรอยยิ้ม
“ ผมลิมโบครับ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ ”
เด็กชายตัวเล็ก เส้นผมสีขาวโผลน สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ น้ำเสียงของเด็กที่บ่งบอกถึงความขี้เล่นของเด็กธรรมดาๆ
ทำให้หญิงสาวไม่สามารถจริงจังกับคำพูดของลิมโบได้เลย เธอหัวออกมาด้วยความรู้สึกว่านี้คงเป็นเรื่องตลก แต่นั้นก็ทำให้ธอ
หัวเราะไม่ออกเป็นเสียง พร้อมพยักหน้าตอบ
เด็กชายเดินไปหน้าห้องจัดสรรทรัพยากร
เขาผลักเข้าไปที่ประตูกระจกพลางพูดกับหญิงสาว
“ ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน เร็วเข้าคุณหนู ”
“ อย่าเรียกฉันแบบนั้นนะ ”
กึก
เธอบอกเขา ขณะที่มอง ลิมโบด้วยความละอายใจ ลิมโบ ผลักประตูกระจกเพื่อเข้าไป
“ ฮึ เจ้านี่ก็ต้องใช้คีย์การด์รึ ”
ลิมโบ มองหาส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคีย์การด์ ส่วนที่เหมือนกับห้องพักส่วนตัวของเขา
แต่เขาหาไม่พบส่วนใดบนประที่เหมือนกันกับที่เคยเห็นเลย
กึกๆ
ลิมโบ ขยับประตูกระจกอีกครั้ง ไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลง
อิจฉิ หัวเราะออกมาอย่างอายๆ เขาเข้าไปหาเด็กชาย
“ มันเป็นประตูเลื่อนนะครับ ”
ลิมโบเดินถอยออกมาจากประตูปล่อยให้ อิจฉิ ออกมาแก้ไขสถานการณ์
กึก
“ … ”
ประตูกระจกไม่ขยับ
“ เอ๋..? ” อิจฉิ หันไปมองหญิงสาว
“ มันล็อกอยู่เหรอครับ ” หญิงสาวพยักหัว แล้วเดินตรงไปที่ประตูที่ทั้งสองยืนอยู่ เธอคีย์การด์ออกมาใช้ประตู
ลิมโบเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวโดยมองไปยังคีย์การด์อย่างจดจ่อ
คล้ายกับความสงสัยของเด็กที่แสดงออกมา
“ ห้องจัสรรทรัพยากรหนึ่ง ก็ต้องล็อกไว้อย่างดีอยู่แล้ว… ” เธอใช้คีย์การด์ประกบเซนเซอร์รูปทรงสี่เหลื่ยม
หญิงสาวหันไปเห็น ลิมโบที่กำลังเข้าใจบางอย่างอยู่ข้างๆ ประตูเลื่อนได้เปิดออกพวกเขาเดินเข้าไปข้าง โดยก้าวแรก
หญิงสาวได้ยินเสียงกระจกดังออกมาจากใต้ฝ้าเท้า แน่นนอนว่าเธอรู้อยู่แล้วต้องเกิดเสียง จากด้านนอกเธอมองเห็น
รูบนบานกระจกของห้อง เช่นเดียวกับกระจกของประตูบานนี้ ลิมโบ มองตามเสียงกระจกที่หญิงสาวเหยียบ เขากวาด
สายตาไปโดยรอบภายในห้อง หนังสือกระจัดจายไปทั่วพื้น ขวดแก้วใสแตกกระจายบนตู้ โต๊ะกระจกที่เหลือเพียงโครงเหล็ก
กระจกแตกเป็นชิ้นเล็กใหญ่ที่ไม่อยากจะเดินเข้าไปหาเท่าไหร่นัก โซฟาถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่เป็นระเบียบ
“ ... ” ลิมโบเหลือบไปมองหญิงสาวที่กำลังจะพูดบางอย่างแต่เธอหยุดเสียงของเธอไว้ก่อน เห็นชัดเจนเลยว่า
เธอกำลังกังวลหนักกว่าเมื่อครู่นี้ “ อิคาบอท! ” หญิงสาวขานชื่อของใครบางคนซ้ำไปมา ลิมโบหันตัวมาหาหญิงสาว
“ ผมชื่อ ลิมโบ แล้วคุณกำลังเรียกหาใครอยู่? ” หญิงสาวยังไม่ทิ้งความกังวล เสียงที่ตอบกลับมาเป็นสิ่งที่
บอกให้รู้
“ ฉันชื่อ kosstori sagita เป็นผู้ช่วยของเหรัญญิกของสภานักเรียฝั่งนมนุษย์ คุณมาเรียเป็นเลขานายจริงเหรอ? ”
“ ตามที่ผมพูดไปคุณหนู ”
“ ... ” หญิงสาวเบนหน้าหลบสายตาเด็กชาย แล้วช่วงนั้นเธอเพ้อไปสังเกตเห็นใครบางคน
“ เธอคือปีศาจในคลาส C ใช่ไหม? ”
“ ใช่ ผมเคยอยู่คลาส C ”
“ คลาส C นายก็อยู่ห้องเดียวกับฉันด้วย... แล้วทำไมถึงถึงใส่ชุดคลุมของพวกคลาสระดับสูงล่ะ? ”
อิจฉิประหลาดใจเธอจำเขาได้ เขาแทบจะจำเพื่อนในคลาส C ไม่ได้เลยหลังจากเขาถูกผลักออกมาจากกลุ่ม
“ ผมเลื่อนคลาสมาอยู่คลาส A แล้วครับ ” หญิงสาวแสดงอาการประหลาดใจ
“ คลาส A ? เด็กคนนี้ก็อยู่คลาส A สินะ ถึงผ้าคลุมจะใหญ่เกินตัวก็เหอะ ฉันสามารถบอกคนในสภาให้ได้ถ้าต้องการ
ไซส์สั่งตัดให้ได้นะ ”
“ ผมขอเอาเรื่องนั้นเก็บไปคิดก่อนนะครับ แล้วคุณเรียกหาใครอยู่เ? ”
“ ภูตสัตว์เลี้ยงของฉัน ก่อนหน้านี้ฉันเข้ามาตรวจเอกสารของยืมใช้ที่พวกนั้นกรอกไวในห้อง ตอนนั้นก็ปกติดีเขาบินไป
มารอบๆ ตัวฉัน พอเช็คเอกสารเรียบร้อยฉันก็กลับไปที่ห้องสภา และตอนนั้นที่ฉันรู้ว่าเขาหายไป เขามักจะออกมาเล่นตอนที่อยู่
ห้องสภาฉันเลยคิดว่าเขาอาจยังอยู่ที่นี่ คงไม่ได้ออกไปไหน... ”
เธอทำหน้าเศร้ากับหดหู่ อิจฉิจึงถามหญิงสาวออกมาไม่ดีนัก
“ งั้นภูตของเธอก็เป็นอีกา ” หญิงสาวพยักหน้า “ แล้วที่พวกนั้นบอกว่าสามารถแปลงรูปเป็นกิปได้นั้นจริงรึเปล่า? ”
หญิงสาวก้มหน้าลงพื้น ทรงผมที่กางออกมานั้นอาจเป็นสิ่งที่อธิบายอิจฉิคิดเช่นนั้น
“ กลายเป็นพวกคนตัวสูงเมื้อกี้ กำลังตามหาอีกาของเธอล่ะสิ.. เราไม่รู้ด้วยสิว่าอีกาอยู่ไหน อ่ะ! มีพวกนั้นบอกว่า
มีคนเห็นอีกาบินออกไป คุณได้ถามคนที่เห็นรึยัง? ”
“ ฉันถามไปแล้ว เห็นบอกว่าบินไปตรงหัวมุมที่พวกนั้นพึ่งออกตามหาเท่านั้น ”
“ งั้นพวกเราตามพวกนั้นไปกันเถอะ ถ้าเรารีบหาอาจเจอภูตของคุณก่อนพวกนั้นอาจแก้ปัญหาได้ ”
“ ฉันไม่อยากตามพวกนั้นไป ถ้ามีพยานเห็นยังไงก็ต้องมีการตรวจสอบ ภูตของฉันยังไงก็ต้องถูกจับไปตรวจพร้อม
พวกนั้นรวมถึงฉันด้วย... ”
เสียงของเธอเบาลง
“ เธอไม่เป็นห่วงเหรอว่าคนพวกนั้นอาจ- ”
อิจฉิ พึมพำ แต่เสียงที่ถูกเปล่งออกมาได้ลอยเข้าหูหญิงสาว
“ ฉันจะเดินเข้าปดูข้างใน เพื่อเขาจะอยู่ข้างในนั้น ถ้าไม่อยู่ฉันก็คงทำได้แค่รอการตัดสิน ”
มองไปยังพื้นล่างมีสิ่งของมากมายกองอยู่ เธอเดินข้ามของบนพื้นที่กระจัดกระจาย อิจฉิไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้
“ หมายความว่าไงที่เธอพูด ” อิจฉิรู้สึกว่าในใจไม่สามารถอยู่เฉย อารมณ์กำลังวุ่นวาย นัยตาของเขาเปลื่ยนไป
“ จะรอเหรอ... ” อิจฉิเดินไปหาหญิงสาว
(พรืด)
เสียงผ้าม่านถูกเปิด
“ โฮะ ” คำอุทานเล็กๆ ของลิมโบ ดึงความสนใจของทั้งสอง
หญิงสาวหันมามองอิจฉิ นัยตาของชายหนุ่มช่างแปลกประหลาด
“ เธอเป็นอะไร- ” ความผิดปกตตินั้นได้หายไป “ ไม่มีอะไร ”
อิจฉิ เดินตามลิมโบกับ ซากิตะเข้าไปอีกห้องซึ่งอยู่ด้านในของห้องจัดสรรทรัพยากร ภายในห้องนี้มืดกว่าด้านนอกอยู่มาก
แต่ไม่ถึงกับเปิดไฟก็มองสามารถเห็นได้สบาย ลิมโบเดินเข้ามาแล้วเขาพบกับมุมแคบๆ ทางด้านซ้ายซึ่งเขาคิดว่าคงใช้เป็นที่ทำอาหารด้วยสภาพ
กับหน้าตาของเครื่องครัวที่ผ่านตามาบางครั้งยังอยู่กับผู้นำทาง
“ ไมโครเวฟ ” อิจฉิ กับ ซากิตะ สงสัยจนเกือบถามลิมโบไปว่า มันทำไมเหรอ? ที่อยากถามออกไป คงเป็นเพราะ
ลิมโบทำท่าประหลาดใจเกินจริงไป ด้านหน้ามีความกว้างกว่าห้องที่มาผ่านมา โต๊ะหนึ่งตัวตำแหน่งใกล้กับผนังทางซ้าย กับเก้าอี้สี่
ตัวถูกวางรอบโต๊ะ โต๊ะกับเก้าอี้นั้นห่างจากมุมที่ใช้เป็นห้องครัวพอสมควร ด้านหน้าสุดของสายตาคือชั้นว่าของหลายอัน
ได้วางเว้นระยะห่างที่คนสามารถเดินเข้าไปได้ ตรงมุมห้องทางด้านขว้ามีประตูเหล็กหนึ่งบานอยู่ ตัวล็อกขนาดใหญ่ทำให้มันมี
ความแน่นหนาสูง
“ อิคาบอท ” ซากิตะ มองหาภูตของเธอ จนกระทั้งเธอรู้ว่าภูตที่หาไม่ได้อยู่ที่นี่
“ ภูตของเธออาจอยู่ในประตูบานนั้นก็ได้นะ ” ซากิตะ ได้บอกกับอิจฉิว่าเห็นนั้นเป็นห้องเก็บทรัพย์สินการเข้าไปนั้น
จำเป็นต้องได้รับใบตรวจกับกุญแจจากประธานจากประธานนักเรียนก่อน ถึงจะเข้าไปยุ่งกับของข้างในนั้นได้ อีกเหตุผลที่
เธอบอกคือวันนี้ห้องนั้นไม่ได้ถูกเปิดเลย ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องเปิด ผู้รับหน้าที่ดูแลในห้องนี้ต้องบอกคนในสภาฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
หรือเธอก็ต้องรู้เรื่องด้วย อิจฉิไม่รู้ควรทำอย่างไรต่อนอกจากเดินไปรอบๆ
“ คุณลิมโบครับเราจะทำยังไงดีครับ ” ลิมโบก้าวตรงไปยังชั้นวางของเขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ มองของบนชั้นซึ่งเป็นกล่อง
เหล็กส่วนใหญ่ในสัดส่วนกับขนาดเท่ากันทุกกล่อง ลิมโบเผยรอยยิ้มออกมา
“ ข้าคิดว่าคงยังไม่ต้องการอะไรจากเจ้าหรอก ” อิจฉิมีความคิดบางอย่างรังควานในหัว ว่ารอยยิ้มกับสิ่งที่เปรย
ออกมาลอยๆ นั้นมีความหมายว่าอะไร อิจฉิก็ได้เข้าใจว่าเขาไม่ได้สนใจบทสนทนาที่เกิดขึ้นในห้องนี้
“ น่าเสียดาย... ”
“ เสียดายอะไรเหรอครับ? ” ซากิตะมองเด็กชายที่อมยิ้มแสดงอยู่ ลิมโบยิบกล่องเหล็กออกมาจากชั้นกล่องหนึ่ง
“ นิเธอจะหยิบออกมาเล่นไม่ได้นะ ” ลิมโบพูดต่อทันทีโดยที่เขาไม่ได้คิดจะฟังคำของซากิตะ
“ ตอนแรกที่เข้ามา... คิดในหัวว่าผมอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ถึงในสถานการณ์แบบนี้ ผมจะรับบทเป็นยอดนักสืบ
อาจ... ไร้สาระสักหน่อย ”
“ ?...เอ๋ (อะไรครับ/ค่ะ) ” อิจฉิกับซากิตะเปรยออกมา
เด็กชายเขายกกล่องไปว่าบนโต๊ะ เขาเจอกับความลำบากเล็กน้อยช่วงยกเนื่องจากโต๊ะกับเด็กชายนั้น
ความสูงต่างกัน
“ กำลังมองสิ่งต่างๆ หาที่มาของสิ่งที่เกิดที่นี้ แต่ต้องกลายมาเป็นชาแมนแทนซะเนี่ย ”
ลิมโบเปิดฝากล่องออก จากน้ำหนักแน่นอนว่ามีบางสิ่งอยู่ข้างใน ซากิตะและอิจฉิก้าวเข้ามาใกล้กล่องที่ลิมโบเปิดออก
เด็กชายลากเก้าอี้เข้ามานั่ง
“ เครื่องปริ้นเตอร์... อ่ะ ไม่ใช่เครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่า? ”
“ อิจฉิคุง ช่วยหยิบมันออกมาหน่อยได้มั้ย ” ลิมโบโบกสะบัดชายแขนเสื้อไปมา อิจฉิใช้มือทั้งสองข้าง
ประครองเครื่องพิมพ์ออกมา ชายหนุ่มสังเกตเห็นสภาพความเก่าของมัน ฝุ่นเกาะเล็กน้อยเหมือนกับว่าถูกเช็ดทำความสะอาด
แต่ยังไม่สะอาดทั้งหมด รอยบุบด้านข้าง คราบมึกจำนวนมากบนเครื่องพิมพ์ แล้วก็ไม่มีส่วนใดเสียหายมากนัก นอกจากที่เขาเห็น
มันน่าจะ... ยังใช้งานได้
ชายหนุ่มวางมันลงบนโต๊ะ
“ (ไอ)... แล้วคุณลิมโบหยิบออกมาทำไมเหรอครับ ”
“ ทีแรกแค่ความรู้สึก จนมาเจอกับมันถึงเข้าใจว่าไม่ใช่ ”
“ นี่เธอกำลังพูดถึงอะไร ” ซากิตะ ออกปากถามระหว่างที่ทำใบหน้าไม่พอใจกับเด็กชาย
อิจฉิกำลังแสดงอาการคล้ายกับมึนงง
“ อืม... ลืมไปพวกคุณทั้งสองคงจะไม่ได้ยินสินะ ”
“ ได้ยินอะไรครับ ”
“ สิ่งนี้ ‘เครื่องพิมพ์ดีด’... มีบุคคลที่ถูกผูกหมัดอยู่กับมัน หากเปลื่ยนอีกคำเป็นที่คุ้นเคยกัน อาจเป็นวิญญาณก็ได้ ”
“ วิญญาณ เธอหมายถึงมีภูตผีอย่างงั้นเหรอ... แล้วผูกมัดคือเธอหมายถึงอะไร นี่เธอไม่ได้กำลังเล่นอะไรอยู่
ใช่ไหม? ” ซากิตะเริ่มสับสนอยู่ในหัว ข้างๆกันนั้นยังมีความรู้สึกโมโหเล็กน้อย
เด็กชายยิ้มที่มุมปาก ใช้มือสัมผัสเครื่องพิมพ์ดีด
เด็กคนนี้เขากำลังเล่นอะไรของเขากันนะ เราควรไปบอกคุณมาเรียเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี่คงเป็นฝีมือ
อิคาบอทจริงๆ ผยานที่เห็นก็มีอยู่ด้วยแน่นอนว่าเขาไม่โกหก จริงสินะเราต้องรอให้ไอ้หมอนั้นมา...
ฉันควรรอที่นี่...
“ ผีเหรอ? ครับ... ” อิจฉิ พูดออกมาในที่ผงะไปพักนึ่ง
“ ผีอืม... ผีที่ผูกมัดกับสิ่งของแบบนี้ ต้องมีอะไรที่น่าสนใจแน่นอน ”
“ เธอยกออกมาเพื่อจะดูผีเครื่องพิมพ์ดีดงั้นเหรอ? ” ซากิตะพูดติดตลกใบหน้าแสดงความเคร่งเครียดออกมา
แน่นอนเธอไม่เชื่อ
นี่เขาจะทำอะไรเนี่ย
อาจพึงทำไปไม่นาน แต่อิจฉิผงะอีกครั้ง หลังจากลิมโบพูดต่อ
“ อยากได้ยินไหม? ”
?!
ลิมโบ เด็กชายเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง เงยศรีษะอย่างรวดเร็ว
“ อืม... ช่างมันๆ ผมไม่อยากมาอธิบายให้ฟังทีหลัง ” เขาหันมาหาทั้งสอง ขณะที่อยู่บนเก้าอี้ ซากิตะ
ดูคับอกคับใจพอสมควร อิจฉิ หัยไปบอกกับซากิตะ
“ เขากำลังช่วยคุณอยู่นะครับ คงจะ... ” อิจฉิ เหมือนจะได้ยินคำเตือนบางอย่างจากปากเด็กชาย เสียงที่ลั่นออกมา
นั่นช่างรวดเร็ว น่าเสียดายเด็กหนุ่มได้ยินเพียงแค่
“ แน่นอนจนแล้วจนรอดมันมีความเจ็บแสบ ไม่นานนักก็จะหายไป ”
เด็กน้อยหลับตาลง เส้นผมสีขาวขยับตามศรีษะเด็กชายที่ก้มหน้า
เสียงกระซิบ...
ลิมโบหยุดก้มหน้ามองทั้งสอง
อิจฉิ ซากิตะ ทรุดตัวลงไปที่พื้น
หนุ่มสาวทั้งสอง ยกมือประกบโหนกแก้ม พลางใช้นิ้วกดอุดหูของตนเอาไว้
“ คงเกินตัวสินะ ”
ลิมโบ นึกย้อนไประหว่างฟังเสียง ร้องจากความเจ็บปวดของทั้งสอง ประโยคที่กระซิบไปนั้น เขาเคยใช้กับผู้นำทาง
ผู้มีหน้าที่สังเกตการณ์ ผู้เสาะแสวงหา มีแต่ที่กล่าวไปที่เคยได้รับฟัง แต่กว่าครึ่งที่เป็นอมนุษย์ ซากิตินั้นเป็นมนุษย์แน่นอน
ไม่มีส่วนไหนของร่างกายบอกถึงตัวตนอมนุษย์ หรือฟีลใดๆ ที่แสดงออกมา อิจฉิเองตัวเขาเป็นอมนุษย์แน่นอนแต่ตัวของ
เด็กไม่ได้แสดงความต้านทานออกมา จากที่เห็นทรุดลงไป ลิมโบปล่อยตัวเองครุ่นคิดสาเหตุความทรมาณมากมายของทั้งสอง
มังคงมากเกินไปจากอดีต แต่ถว่าเขาไม่ได้คิดสิ่งหนึ่ง
“ นิเธอทำกับอะไรพวกเรา! ” การตะโคกของซากิตะทำให้ลิมโบตกใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับเสียงความเจ็บปวด
เธอนั่งคุกเข่านิ้วยังคงอุดหูไว้เหมือนเดิม ใบหน้าที่น้ำตานองออกมาทำเขาตระหนกถึงสิ่งที่ทำไป
“ คุณลิมโบ... ”
ลิมโบหันไปมอง
“ ช่วยทำอะไรหน่อยสิครับ! ”
ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดนั้น เขาทำไม่ได้ เขาไม่มีความสามารถเรื่องนั้น ตัวตนของสิ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างลิมโบ ทำได้สร้างความ
เน่าเหม็นเท่านั้น
“ พยายามทนมันไว้ ความเจ็บมันไม่ฆ่าพวกคุณแน่นอน... ”
เขาปิดปากเงียบ เด็กชายหันไปหาเครื่องพิมพ์ดีด
‘ กำลังหวั่นไหวสินะ... ’
สายตาได้มองอย่างไร้ชีวิตของลิมโบ ต่อวัตถุตรงหน้า
“ พวกเขาคงต้องทนกันครู่หนึ่ง ทำไมไม่ลองเล่าอะไรหน่อยล่ะ… เจ้าเป็นใครทำไมถึงได้ติดอยู่กับเครื่องนั้น ”
‘ ฉันสงสัย คุณก็ไม่ใช่ชาแมน คุณไม่ใช่เด็กแน่นอน ถึงเป็นปีศาจผมก็ไม่แน่ใจ ผมสัมผัสบางอย่างได้จากคุณ ’
“ เรื่องของผมเก็บไว้ก่อนถ้าช่วยตอบคำถามผมอาจเล่าให้ฟัง ในขณะนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าวิญญาณไปมีอะไร
ที่ต้องถูกผูกมัดกับสิ่งของ ”
‘ ฉันสามารถพนันได้เลยว่า เรื่องของคุณคงน่าสนใจไม่น้อย... อาจมากกว่าฉัน งั้น ’
“ เจ้ายังมีความรู้สึก... ดีเลย ”
คนทั้งสองเริ่มพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น อิจฉิ กับซากิตะ พวกเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ เลยในตอนนี้ ความประหลาดใจที่ทั้งสองมี
แสดงออกมาทางสีหน้า
“ ได้ยินเสียงไหมชัดไหม? ”
ลิมโบ พูดถามไปยังทั้งสอง
ทั้งสองคนพยักหน้า
“ งั้นช่วยเริ่มเล่าเรื่องเลย พวกเรามีเรื่องอื่นจะถามอีก ”
มุมนักเขียน:
เรายังไม่ทิ้งเรื่องที่เขียนไว้แน่นอน
ไม่คิดเลยว่าจะปล่อยไว้ ‘นาน’ ขนาดนี้
*คนเขียนเวะมาเขียนเป็นครั้งคราว
หากมีส่วนไหนมีคำผิดหรือขัดข้องขออภัยด้วยนะ
ถือว่านี้ยังไม่ใช่ฉบับปรับปรุง จะลงต่อแน่นอน
*ถ้ายังมีคนอ่านเรื่องนี้อ่ะนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ