Call us The L.o.u.d.

9.8

เขียนโดย พาวจาพัจส์

วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.44 น.

  14 chapter 0
  5 วิจารณ์
  16.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 มกราคม พ.ศ. 2562 22.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) Everything is matter part 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            ผมมีชื่อว่า  ‘อิจฉิ มิโอ คาปิโนเอล‘ ผมเกิดที่ เมดีอาช ผมมีพี่ชาย 2 คน ผมเป็นลูกคนที่ 3 ลูกคนเล็กสุดของ

 ครอบครัว 'คาปิโนเอล' ตัวผมเองนั้น 'เป็นปีศาจ' เป็นสิ่งที่ถูกแบ่งให้ออกห่างจากคำว่า  ‘มนุษย์’  ตระกูล คาปิโนเอล

 ล้วนแต่มีสายเลือดผีดิบที่หิวกระหาย และความอยากลิ้มลองเลือดที่เป็นนิสัยอันน่าหวาดกลัว รวมไปถึง

 ความเกลียดชัง ได้ส่งผ่านเข้ามาหาพวกเรา พวกเรานั้นเป็นที่น่าหวาดกลัวเมื่อครั้งที่อดีตกำลังดำเนินไป พ่อกับปู่ของ

 ผมบอกเล่าเรื่องราวสายเลือดแห่งเกียรติยศที่มาจากคาวเลือดในปาก ซึ่งผมไม่ได้อยากฟังมันสักนิด เวลาต่อมาเป็นยุค

 ที่ปีศาจผีดิบกระหายเลือดก็ถูกเรียกว่า  ‘แวมไพร์’  มันคงง่ายกว่าถ้าถูกเรียกแบบนี้ ผมได้ดูหนัง แวมไพร์ด้วยล่ะ

 ‘พวกเราน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?’  ผมถามพวกพี่ๆ พวกเขาได้ตอบผมกลับมาว่าอะไรนนั้น ผมก็ไม่แน่ใจ

 จากตอนนั้นก็ผ่านนานมาก ปัจจุบันนี้พวกเราเป็นที่ยอมรับของเหล่ามนุษย์และ ปีศาจด้วยกันเอง พวกเราตระกูล

 คาปิโนเอล มีรากฐานที่ดีขึ้นด้วยการชดใช้วีรกรรมของเหล่าบรรพบุรษ์ ที่คนรุ่นก่อนหน้านี้ได้ทำเอาไวให้พวกเรา

 ปู่ของผมเป็นคนรุ่นก่อน ตอนนี้ท่านก็มีอายุมากซะจนผมคิดว่าท่านอาจเป็นอมตะจริงๆ     “ โห่...ลองดูนั้นสิ ”

 การนำมาซึ่งกำลัง ทำให้คนอื่นเจ็บ  "เจ้าหนุ่ม... ไม่ได้ยินรึ" ความโหดร้ายกับการรีดเลือดทุกหยดทั้งภายในภายนอก

 อะไรนั้น รวมไปถึงการฉีกเนื้อแบบในเรื่องเล่าไม่มีอีกแล้ว แล้วเรื่องต่างๆ ของพวกพี่  ทำให้ผมรู้ว่าการใช้กำลังนั้น

 ไม่ช่วยให้ใครดีขึ้นอย่างแน่นอน ต้องมีใครบางคนต้องเจ็บอยู่ดี

           

            “ ... ” อาจเลวร้ายกว่าแค่เจ็บด้วยซ้ำไป

            เสียงดัง แตะ แตะ ส่งสียงเป็นจังหวะที่ถี่เรื่อยๆ

            “ ฮึบ...  ”

            ( แปะ )

            “ อ๊าก!? คุณทำอะไรเนี่ย ”

             ลิมโบ ใช้ชายเสื้อคลุมที่ยาวเกินขนาดลำแขนของตน ตบไปที่หน้าของ อิจฉิ

            “ หนุ่มน้อยเมื่อครู่ไม่ได้สนใจข้าเลยสินะ แล้วใครเล่าจะมาสนใจเจ้า หากไม่ใช่ข้า ที่เดินเข้ามาตบไปที่หน้าของเจ้า”

 

            ลิมโบ ยืนตรงหน้า อิจฉิ ที่กำลัง กล่าวคำขอโทษที่ตัวเองนั้นได้เม่อลอยไปเมื่อใดก็ไม่รู้

 แต่ ลิมโบ ชูมือห้ามไว้ก่อน

            “ คำขอโทษนั้นไม่ใช่ประโยคที่ถูกต้อง ”  ลิมโบ กล่าวต่อ พลางสบัดมือไปมา “ แต่มันคือ... ”

            อิจฉิ ตอบกลับออกไปอย่าง ไม่เป็นจังหวะการพูด

            “ ขอ... อภัยครับ... ท่าน? ” ลิมโบ สบัดหน้าหนีแล้วบอกให้ อิจฉิ เดินตามมา พร้อมพูดต่อด้วยสำเนียงแปลกๆ

            “ เจ้านี้เหมือนกันกับ... Pepe ยังต้องการปรุงแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้ตนเองมีรสชาติ ”

            ผมไม่เข้าใจว่า Pepe คืออะไร แล้วผมยังต้องการ

            “ การปรุงแต่ง? มีรสชาติ ”

            ลิมโบ เดินนำมาได้สักพักแล้วก็หยุดเท้าทั้งสอง พร้อมหน้าไปทางขวา เขาเงยหน้าไปข้างบน มองไปยัง

 สิ่งก่อสร้างบางอย่าง  สิ่งก่อสร้างสูง รูปทรงแบบของสี่เหลื่ยมจัตตุรัส และวงรีที่เป็นโดมปกคุมสิ่งก่อสร้างนั้น มันเป็น

 หอคอยหินสีเทารอบๆ หอคอยนี่มีเสาธงประทั้งสี่ด้านของรูปทรงสี่เหลื่ยมของหอคอย ถึงแม้หอคอยนี้จะถูกสร้างโดย

 วัสดุสีเทา ถวาสีของมันได้ถูกแสงแดดของดวงอาทิตย์ สาดส่องลงมากระทบกับกระจกของหอคอย ส่งสองสีขาวสว่าง

 กลางแจ้ง แต่ก็ช่างน่าแปลก ปกติแล้วแสงนั้น มันไม่ควรจะสามารถมองด้วยตาเปล่าได้นานๆ หรือไม่ถึงสิบวิ

 ก็ต้องละสายตาหนีออกมา

 

             ถวา ลิมโบ ไม่ได้เมินตาหลบแสงนั้นแม้แต่วิเดียว ที่สามารถมองได้ไม่ใช่เพราะว่าเป็นอันเดดจึงมองได้โดยไร้ปัญหา สภาพของร่าง

 ที่ ลิมโบ ใช้อยู่นั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากมนุษย์ตนใดๆ เลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ถ้ามองแสงที่สว่างแบบนั้นก็ต้องแสดงอาการแบบเดียวกับมนุษย์ปกติ

 ทั่วไป แต่ถ้าเป็นอันเดดประเภทที่ไม่ถูกกับแสงแล้ว ก็จะผลที่รุนแรงแม้ว่าจะเป็นแสงอาทิตย์อ่อนๆ หากว่า ลิมโบ เป็น อันเดทประเภทนั้น

 เขาคงโดน  แสงแดดแผดเผาจนเหลือเพียงแต่เครื่องในไปแล้ว

            “ นี่เจ้ามีความรู้สึกแสบตาหรืออาการใดบ้างรึเปล่า ”  มันก็แปลกที่ถามคนที่มองแสงสะท้อนจ้าๆ พวกนั้นว่า

แสบตาไหม? แต่จะแปลกกว่า หากว่า ลิมโบ เขาเป็นคนเดียวที่ไม่เป็นไร เขาเกิดความสงสัยพ้อมกับสังเกตว่า หอคอย

นี้จุดที่สว่างที่สุดก็คือชั้นบนรูปทรงแปดเหลื่ยมของหอคอย ที่มีกระจกบานใหญ่ได้ติดตรึงด้วยโลหะสีทอง

อย่างแน่นหนาได้ถูกออกแบบให้ยื่นออกมา ล้วนมีทั้งหมด 4 บาน ที่มุมของหอคอย

            อิจฉิ มองกลับมาที่ ลิมโบ

            “ ผมไม่ได้รู้สึกแสบตาอะไรเลยครับ หอคอยนั้นชอบส่งแสงสว่างแบบนั้นตลอดตอนที่โผ่ลออกมา แต่มอง

เท่าไหร่ผมก็ไม่เคยแสบตาเพราะแสงพวกนั้นเลยครับ ”  ลิมโบ เอียงคอสงสัย

            “ เจ้าเหมือนจะพูดว่า ‘โผ่ล’ บอกข้าเกี่ยวกับคำๆ นั้นได้ไหม? ”

            “ คือ... ผมรู้แค่หอคอยนี้จะหายไปจากหลังอาคารสามเป็นบางครั้ง และโผ่ลกลับมาให้เห็นอีกเป็นบางครั้ง

 เหมือนกันครับ ”

            “ ฮึ.. หอคอยนั้น คงเป็นที่ซ่อนของอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก ไม่ก็เป็นหอคอยต้องสาป ซึ่งเป็นที่สถิตของผี

 สางข้าอยากเข้าไปภายในนั้น ว่าสิ่งใดกันที่ถูกซ่อนอยู่ภายในหอคอยกระจกเวทย์ที่แสงสาดออกมางามตาเหลือเกิน ”

            “ งามตาที่ว่าอาจทำให้ตาบอดก็ได้นะครับ และที่นี่ไม่มีผีหรอกครับ คุณ ลิมโบ ”  

             ลิมโบ หัวเราะออกมาทางจมูกดูเหมือน เด็กน้อยกังลำอวดดี  อิจฉิ เองก็คิดเช่นนั้นพลางคิดว่าหากนี้เป็นเด็กชาย

             ถ้างั้นเด็กชายคนนี้จะต้องมีความอวดดีมากกว่าเด็กธรรมดาอย่างแน่นอน อิจฉิ นึกถึงเรื่องที่อารีน่า

            “ ข้าเป็นอันเดทนิ (หัวเราะ )  เจ้าควรนำทางข้าไปหลังจากนี้ ข้ายังไม่คุ้นชินกับที่นี่มานัก ”

            “ ครับแล้วเราจะไปที่ห้อง สภานักเรียน เพื่อถามรายละเอียดสินะครับ... ”

            “ ใช่แล้วพ่อหนุ่ม ก็ในกลุ่มพวกเจ้าไม่รู้ถึงเรื่องนี้ได้ดีเท่าแม่หนู มาเรีย อีกแล้ว ”

            ‘ เรื่องการแข่งเราต้องลงแข่งจริงสินะ ที่จริงเราควรบอกปฎิเสธไป? เรื่องของคุณ ทาโกะ นี่มัน... อีกอย่าง

 เราก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองและครอบครัวด้วย ‘  อิจฉิ เดินนำ ลิมโบไป สายตาจองมองลงไปที่พื้น เขากำลัง

 กังวลซึ่งเห็นได้ชัดเจนสำหรับ ลิมโบ

            “ พอข้าหมดเรื่องจะถามแม่หนูมาเรียแล้ว ข้าว่าจะออกไปหา ' เชเน ทาโกะ อิกเนอร์ ' ถ้าเจ้ายังอยากก้าวออกมา

 ก็หยุดทำหน้าเช่นนั้น  พอเจ้าพบกับนาง เจ้าต้องเปลื่ยนบุคคลิกให้มันเหมาะกับนาง แล้วท่าทางต้องไม่ใช่เด็กหนุ่มใน

 ตอนนี้ เจ้าต้องเป็นชายหนุ่ม ”

            “ ผมไม่เข้าใจเรื่องเด็กหนุม ชายหนุ่ม ที่คุณพูด แต่ผมก็ดูไม่เหมาะกับเธอ เรื่องนั้นผมรู้... แต่ผมแค่ต้องการพูด

กับเธอ “

            “ หน้าตากับท่าทางแบบนั้น เจ้าจะเข้าใก้ลนางไม่ได้แน่นอน เจ้าต้องเปลื่ยนตัวเองนั้นคือสิ่งที่ข้าอยากจะกล่าว ”

            ลิมโบ ยิ้ม แฝงไปด้วยความโอหัง

            “ อา... ครับ ”

            “ ส่วนเรื่องคำพูดข้าช่วยเจ้าได้ ไว้ข้าจะบอกให้ฟงทีหลัง ระหว่างนี้เจ้าฟังแนวทางของเจ้า กับ เชเน ทาโกะ

ไปก่อน ”

            “ หา? แนวทางอะไรครับ... ”

 

 

 อาคาร 2 : อาคารเรียน

            ลิมโบ ได้ให้ อิจฉิ นำทางจนมาถึงภายในตัวอาคารเรียน ห้องสภานักเรียนอยู่ไม่ไกลนัก

            ‘ คุณ ลิมโบ เขาพูดมากจังเลยเฮะ ’  อิจฉิ ได้เกิดความคิดเช่นนี้คิด มาได้เพราะเสียงของเด็กชาย

 ที่ชื่อ ลิมโบ นั้น เปล่งออกมาเหมือนกับไม่ได้คุยกับใครมานานจนอยากจะพูดให้ฟังไปเสียทุกเรื่อง  ล่าสุดนี้

 เขาพูดถึงเรื่อง รองเท้าแตะของตัวเอง แล้ววนกลับมาเข้าเรื่องหลักได้อย่างลื่นไหล

            “ องค์รักษ์ ของ เซเน ทาโกะ เป็นตัวปัญหาสำหรับเจ้าสินะ ”

            “ ครับ ” 

 ที่เราได้มาอยู่คลาสเดียวกับ ทาโกะจัง ได้เพราะเขา เขายังช่วยเราไว้เมื่อตอนโดนเวทย์อัดลงพื้น

 แต่เรารู้สึกกลัวแปลกๆ  หรือเป็นเพราะเขาเป็น อันเดทนะ?

            “ ยัยโง่ก็เห็นแล้วนิ มันเละเทะไปหมด มันความผิดของเธอ! ”

            หน้าห้องจัดสรรทรัพยากร ได้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลัง ยื่นคุยกัน หน้าห้องที่มีกระใสตรงผนัง มันกว้าง

 พอให้คนโดยรอบมองเห็นภายในห้อง ภายในนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของที่ตกหล่นเต็มพื้น และภาชนะแก้วใสบางส่วน

 ที่สามารถมองเห็นได้ผ่านกระจก แตกกระจายบนโต๊ะภายในห้อง

 ลิมโบ กับ อิจฉิ กำลัง ยืนดูอยู่ห่างๆ เช่นเดียวกับคนอื่นที่ยืนมองอยู่ห่างๆเช่นกัน ลิมโบ มองเห็นตัวการสำคัญของ

 เหตุการณ์ข้างหน้า เป็นนักเรียนสองคน

           

           “ เธอทำให้ข้าวของโรงเรียนเสียหาย เธอยังทำหีบของฉันหายอีก เป็นเพราะภูตของเธออีกต่างหาก

 ฉันจะไปเขียนรายงานส่ง ” ชายสวมเสื้อคลุมธรรมดา ตัวสูงผมยาว เขาเป็นมนุษย์ กำลังพูดกับผู้หญิงสวมชุดคลุม

 แบบเดียวกัน

            “ ถึงพวกนายจะบอกว่าเห็นภูต แต่รู้ได้ไงว่านั้นเป็นภูตของฉันที่ก่อปัญหา ”

            “ ภูตของเธอเป็นอีกาใช่ไหมล่ะ พวกเราเคยเห็นมันอยู่กับเธอมาก่อนมันต้องเป็นภูตแน่นอน และเธอจะติดมันไว้บนหัวตอนมันแปลงร่างเป็น

กิบรูปอีกา ตอนนี้กิบของแกอยู่ไหนล่ะ! เธอกลับมาที่นี่ก็เพราะมาหาภูตนั้นใช่ไหม ”  คนในกลุ่มผั่งชายพูดแทรกขึ้นมากะทันหัน

           “ บางทีแกอาจขโมยหีบตอนที่มาตรวจทรัพยากรก็ได้ และก็ให้ภูตทำลายข้าวของในห้อง เบล ”

           “ ใช่ ที่เพื่อนฉัน พูดก็มีเหตุผล ถ้าเธอขโมย แล้วทำลายจริง ฉันจะทำให้ผู้หญิงอย่างเธอเสียใจที่ทำแบบนี้ ไปตลอด

 ชีวิต ฉันจะไปรายงานคุณประธาน หัวหน้าของเธอ คุณมาเรียคงจัดการในทันทีถ้าฉันไปหาถึงตัว ”

 อิจฉิ ยืนฟังคำพูดเหล่านั้นไม่ไหว ต่อให้นั้น ไม่ใช่ตนเองที่อยู่ตำแหน่งนั้น ขาของเด็กหนุ่มขยับเข้าไปหนึ่งก้าว

 ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะคำพูด  แต่เป็นใบหน้าของหญิงสาวกำลังขมวดคิ้วแสดงความโกรธา พร้อมน้ำตาที่อดกลั้นไหว

 ในดวงตาทั้งสอง

            เธอได้เชิดหน้าสู้

 ลิมโบ เหลือบมอง อิจฉิ ด้วยความสงสัย “ เจ้าทำอะไรน่ะ ” เด็กหนุ่มหยุดเพราะคำพูด ของ ลิมโบ ที่นิ่งเรียบ

 อิจฉิ สงสัยจึงได้ถามว่า ทำไม ลิมโบ ถึงยังดูต่อไปโดยไม่แสดงท่าทีใดๆ แล้ว อิจฉิ ก็ได้คำตอบนั้นโดยทันที  “ ข้ากำลังคิดอะไรอยู่ ” 

            หญิงสาวกล่าวออกมาโดยพยายามให้เสียงที่ออกมาดูเรียบนิ่งที่สุด

            “ แกแน่ใจเหรอ? ว่าที่ข้าดผมของฉันเป็นอีกาจริงๆ พวกนายไม่เห็นตอนเปลื่ยนรูปซะหน่อย ที่พวกนาย

 เห็นก็แค่อีกาบินหนีออกไปจากห้องไปแค่นั้น พวกนายก็คิดเองอ่อเองเท่านั้นแหละว่าเป็นความผิดฉัน หวังเพื่อจะโจทตีพวกเรา สภานักเรียน

 ฝั่งมนุษย์ล่ะสิ! ”

            บรรยากาศได้เปลื่ยน จากความเลือดร้อนของคนสองคน กลายเป็นว่ากำลังมีความเคลื่อนไหวอื่นเขามาแทรก

            “ ได้! ถ้าตอนนี้ยังไม่รับความผิด หลังจากนี้ฉันทำให้เธอรู้จักผิดจริ- ”

            “ Chotto Mate! ”

             ลิมโบ เดินเข้าไปเขาได้ชู้มือขึ้นมาห้ามคนทั้งสอง และแล้วทั้งสามฝ่ายหันเหความสนใจ มาทางเสียงที่แผดออกมา

             ชายผมยาว

             หญิงสาว

             และอิจฉิที่กำลังทำหน้าหมึนอยู่ด้านหลัง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา