รักข้างใจ
7.7
เขียนโดย Annakan
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.07 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,407 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559 11.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ไปโรงเรียนวันแรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หนูแก้มนอนพลิกไปพลิกมาแล้วก็ข่มตาให้หลับไม่ลงเธอไม่ชินกับห้องนอนใหม่ของตัวเองครั้นจะเดินไปหาพ่อกับแม่ก็จะเป็นการเสียหน้าเป็นอย่างมากเพราะได้ลั่นวาจาไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่าไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นแต่ตอนนี้เธอกำลังลืมตาโพลงมองเพดานและความกว้างรอบตัวด้วยความหวั่นวิตก ที่บ้านน้อยเธอจะนอนอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อแม่พอต้องมานอนคนเดียวแบบนี้มันก็อดหวิวๆ ไม่ได้
เด็กหญิงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ระเบียง พ่อกับแม่ห้ามเธอไม่ให้ออกไปข้างนอกคนเดียวเธอแค่ไปยืนที่ระเบียงคงจะไม่ได้เป็นการขัดคำสั่งอะไร
“สวยจัง ดูสิปุกปุย” หนูแก้มชวนตุ๊กตาหมีตัวโปรดให้ดูดาวบนฟ้ากับเธอ ปุกปุยอายุสองขวบแล้วพ่อซื้อให้ตอนเธออายุได้ห้าปีเต็ม
“แก้ม ยังไม่นอนหรอ” รวีมักจะออกมานั่งเล่นที่ระเบียงทุกคืนและคืนนี้เป็นคืนแรกที่เขาได้มีเพื่อนคุย
“เรานอนไม่หลับยังไม่ชินกับห้องใหม่ วีล่ะทำไมยังไม่นอน”
“วีนอนสามทุ่ม ยังเหลือเวลาอีกสิบนาที”
“ทำไมต้องสามทุ่มล่ะ” แก้มถามด้วยความสงสัยเพราะเวลานอนของวีเหมือนของเธอเลย พ่อกับแม่ก็บอกว่าเธอจะต้องนอนหลับไม่เกินสามทุ่มแต่บางทีมันไม่ง่วงนี่นา
“พ่อบอกว่าเด็กๆ แบบเราต้องนอนแต่หัวค่ำร่างกายจะได้แข็งแรงหัวสมองจะได้ปลอดโปร่ง” รวีตอบเพื่อนใหม่
“คล้ายๆ เหตุผลของพ่อกับแม่เราเลยแต่บางครั้งมันนอนไม่หลับจะให้ทำยังไงล่ะ” แก้มปรับทุกข์
“ถ้านอนไม่หลับวีจะนึกถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะทำอะไรบ้างเช่นจะไปวิ่งเล่นกับเพื่อน จะไปเล่นบาส คิดแบบนั้นจะได้หลับและถึงตอนเช้าไวๆ”
“พรุ่งนี้เราไม่มีอะไรให้ทำเลยนะสิโรงเรียนก็ยังไม่เปิด” แก้มตอบกลับเสียงหงอยๆ คืนนี้เธอจะหลับไหมเนี่ยหรือต้องบากหน้าหิ้วปุกปุยไปหาพ่อกับแม่จริงๆ มันน่าอายสิ้นดี
“แก้มอยากมาให้อาหารแมคโครไหม” เด็กชายรวีถามเสียงสดใส
“จริงหรอ วีให้เราป้อนอาหารแมคโครได้จริงๆ นะ วีไม่หวงหรอ” เด็กหญิงแก้มตอบกลับเสียงสดใสยิ่งกว่า
“เราเป็นเพื่อนกันมีอะไรต้องแบ่งกันสิ แก้มกลับไปนอนนะแล้วนึกว่าพรุ่งนี้ตอนให้อาหารเจ้าแมคโครจะทำหน้าตายังไง”
“ขอบใจนะวี งั้นเราไปนอนก่อนฝันดีนะ” เด็กหญิงแก้มพาปุกปุยกลับเข้าห้อง เธอล้มตัวนอนบนเตียงแล้วหลับตาพริ้มจินตนาการถึงปากเล็กๆ ของเจ้าแมคโครว่าจะงับอาหารท่าไหนและไม่นานเด็กน้อยก็เคลิ้มหลับไป ส่วนเด็กชายรวีก็นึกถึงใบหน้าของเพื่อนใหม่ว่าจะตื่นเต้นแค่ไหนตอนให้อาหารปลาและไม่นานเด็กน้อยก็หลับเช่นกัน
เคล็ดลับของวีทำให้เธอนอนหลับได้ชะงัดนักเธอใช้มันในสามคืนแรกในห้องนอนใหม่แล้วก็ไม่ต้องใช้อีกเพราะเธอชินกับมันแล้ว
เธอกับพ่อแม่มาอยู่บ้านใหม่ได้สองเดือนแล้วบางวันพ่อกับแม่ต้องเข้าออฟฟิศพร้อมกันเธอก็จะได้ไปอยู่กับวีทั้งวัน น้ามลเป็นแม่บ้านเต็มตัวส่วนน้าปั้นทำงานจันทร์ถึงศุกร์
“วี เสื้อผ้าของใช้เตรียมไว้พร้อมรึยังลูก” พรพิมลเอ่ยถามลูกชาย
“เรียบร้อยแล้วครับแม่ แก้มล่ะเตรียมรึยังพรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรกนะ”
“เตรียมแล้วตื่นเต้นมากเลย” เด็กหญิงแก้มตอบพร้อมทำตาเป็นประกาย เธอเฝ้ารอวันจะได้ไปโรงเรียนมานานแล้วเธออยากมีเพื่อนอยากเรียนอยากทำกิจกรรม
“เก่งมากจ้ะเด็กๆ” พรพิมลส่งยิ้มหวานให้ทั้งคู่
“พ่อผิดสัญญากับหนู” เด็กหญิงแก้มหน้าเง้าหน้างอใส่คุณพ่อตอนมื้อเย็น พ่อสัญญาว่าจะสอนเธอขี่จักรยานแต่ก็ไม่ได้สอนสักทีเพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับเอกสารและบ้านใหม่
“วันเสาร์นี้พ่อสัญญาครับหนูแก้มไม่เบี้ยวแน่ๆ” เห็นหน้าลูกที่แสนเสียใจคนเป็นพ่อเสียใจยิ่งกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะละเลยแต่บ้านใหม่มันทำให้เขาหัวปั่นพอดูเพราะบางจุดของบ้านต้องได้รับการซ่อมแซมเช่น พวกหัวก๊อกต่างๆ และเรื่องความดันของน้ำบนชั้นสองที่ต้องแก้กันอยู่สามรอบกว่าจะเสร็จสิ้น
“คืนนี้พ่อเล่านิทานไถ่โทษได้ไหม” เมธีหลิ่วตาให้ลูกสาวและเด็กน้อยก็โผเข้ามากอดเต็มแรง
และแล้วเช้าวันใหม่ก็มาถึงเด็กหญิงแก้มลืมตาตื่นแล้วเด้งตัวขึ้นจากเตียงเข้าไปอาบน้ำทันที เธอแต่งตัวแล้วถือโบว์ลงไปให้แม่ทำผม
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ เดี๋ยวเรา…” วิภาเตรียมจะลุกไปหยิบกุญแจรถ
“ติ๊งต่อง” เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขัดขึ้นมา
“สวัสดีครับน้าภา ให้แก้มไปโรงเรียนพร้อมผมได้ไหมครับ” รวีจูงจักรยานคู่ใจมาจอดหน้าบ้าน
“มลห้ามแล้วค่ะ วีเขาไม่ฟังเลย” พรพิมลมายืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ ลูกชาย เธอกับบ้านวิภาเพิ่งรู้จักกันไม่นานบ้านเขาก็มีลูกสาวอยู่คนเดียวต้องหวงต้องห่วงเป็นธรรมดา
“ให้หนูไปกับวีนะคะแม่หนูโตแล้ว อีกอย่างโรงเรียนก็อยู่แค่ปากซอยนี่เองนะคะแม่ นะๆ” เด็กหญิงแก้มออดอ้อนมารดาชุดใหญ่
“ตามใจหนูแล้วกัน ขี่กันระวังๆ นะลูก” วิภาไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ต้องคัดค้าน โรงเรียนอยู่เลยปากซอยหมู่บ้านไปนิดเดียวเท่านั้นระหว่างทางก็มีผู้คนขวักไขว่รวมถึงผู้รักษาการณ์ของหมู่บ้านก็มีกระจายอยู่หลายจุด นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เธอเลือกหมู่บ้านนี้เพราะมันใกล้โรงเรียนของลูกมาก
“ขอบคุณครับน้าภา” รวียกมือไหว้แล้วเอากระเป๋าเป้ของตัวเองไปวางไว้ในตะกร้าจักรยาน
“ขอบคุณนะคะที่ไว้ใจลูกของมล”
“ภาโชคดีมากๆ เลยค่ะที่ได้เจอเพื่อนบ้านที่แสนดีแบบมลแล้วก็ปั้น” คุณแม่สองคนยืนมองลูกของตัวเองแล้วยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ วันนี้ลูกของเธอทั้งคู่ได้เริ่มต้นวันสำคัญแห่งชีวิตวัยเด็กพร้อมกัน
“คนเยอะจังเลยวี” รวีพาแก้มมาถึงโรงเรียนด้วยความปลอดภัยแต่ตอนนี้แก้มกลับยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมเดินตามมาสักที
“โรงเรียนก็ต้องคนเยอะสิแก้ม มาเถอะไม่ต้องกลัว” เด็กหญิงแก้มเดินตัวลีบตามหลังวีไปด้วยขาอันสั่นเทา เธอกลัวคนแปลกหน้าและกลัวเสียงดังแบบนี้เหลือเกิน
“ประถมหนึ่งมาด้านนี้เลยจ้ะเด็กๆ” คุณครูผู้หญิงท่าทางใจดีเรียกให้เธอกับวีไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
“เด็กหญิงจันทกานต์ วรโชติปัญญาห้องทับหนึ่งค่ะ เด็กชายรวี วงศ์วิเชียรก็ทับหนึ่งจ้ะตามคุณครูมาเลย” แก้มจับมือวีมาบีบเบาๆ ด้วยความดีใจ
หลังทำความคุ้นเคยกับสถานที่ตลอดทั้งเช้าพอช่วงบ่ายหนูแก้มก็รู้สึกดีขึ้นและประหม่าลดลง โชคดีเหลือเกินที่วีอยู่ห้องเดียวกับเธอไม่อย่างนั้นต้องแย่แน่ๆ เธอมัวแต่คิดถึงสิ่งที่อยากจะทำแต่ไม่ได้นึกถึงสิ่งที่ต้องเจอเลยสักนิดเดียวเธอเป็นคนขี้อายมากจะพูดอะไรแต่ละทีเธอก็กลัวจะโดนคนอื่นหัวเราะเยาะในความเปิ่นของตัวเอง
เด็กหญิงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ระเบียง พ่อกับแม่ห้ามเธอไม่ให้ออกไปข้างนอกคนเดียวเธอแค่ไปยืนที่ระเบียงคงจะไม่ได้เป็นการขัดคำสั่งอะไร
“สวยจัง ดูสิปุกปุย” หนูแก้มชวนตุ๊กตาหมีตัวโปรดให้ดูดาวบนฟ้ากับเธอ ปุกปุยอายุสองขวบแล้วพ่อซื้อให้ตอนเธออายุได้ห้าปีเต็ม
“แก้ม ยังไม่นอนหรอ” รวีมักจะออกมานั่งเล่นที่ระเบียงทุกคืนและคืนนี้เป็นคืนแรกที่เขาได้มีเพื่อนคุย
“เรานอนไม่หลับยังไม่ชินกับห้องใหม่ วีล่ะทำไมยังไม่นอน”
“วีนอนสามทุ่ม ยังเหลือเวลาอีกสิบนาที”
“ทำไมต้องสามทุ่มล่ะ” แก้มถามด้วยความสงสัยเพราะเวลานอนของวีเหมือนของเธอเลย พ่อกับแม่ก็บอกว่าเธอจะต้องนอนหลับไม่เกินสามทุ่มแต่บางทีมันไม่ง่วงนี่นา
“พ่อบอกว่าเด็กๆ แบบเราต้องนอนแต่หัวค่ำร่างกายจะได้แข็งแรงหัวสมองจะได้ปลอดโปร่ง” รวีตอบเพื่อนใหม่
“คล้ายๆ เหตุผลของพ่อกับแม่เราเลยแต่บางครั้งมันนอนไม่หลับจะให้ทำยังไงล่ะ” แก้มปรับทุกข์
“ถ้านอนไม่หลับวีจะนึกถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะทำอะไรบ้างเช่นจะไปวิ่งเล่นกับเพื่อน จะไปเล่นบาส คิดแบบนั้นจะได้หลับและถึงตอนเช้าไวๆ”
“พรุ่งนี้เราไม่มีอะไรให้ทำเลยนะสิโรงเรียนก็ยังไม่เปิด” แก้มตอบกลับเสียงหงอยๆ คืนนี้เธอจะหลับไหมเนี่ยหรือต้องบากหน้าหิ้วปุกปุยไปหาพ่อกับแม่จริงๆ มันน่าอายสิ้นดี
“แก้มอยากมาให้อาหารแมคโครไหม” เด็กชายรวีถามเสียงสดใส
“จริงหรอ วีให้เราป้อนอาหารแมคโครได้จริงๆ นะ วีไม่หวงหรอ” เด็กหญิงแก้มตอบกลับเสียงสดใสยิ่งกว่า
“เราเป็นเพื่อนกันมีอะไรต้องแบ่งกันสิ แก้มกลับไปนอนนะแล้วนึกว่าพรุ่งนี้ตอนให้อาหารเจ้าแมคโครจะทำหน้าตายังไง”
“ขอบใจนะวี งั้นเราไปนอนก่อนฝันดีนะ” เด็กหญิงแก้มพาปุกปุยกลับเข้าห้อง เธอล้มตัวนอนบนเตียงแล้วหลับตาพริ้มจินตนาการถึงปากเล็กๆ ของเจ้าแมคโครว่าจะงับอาหารท่าไหนและไม่นานเด็กน้อยก็เคลิ้มหลับไป ส่วนเด็กชายรวีก็นึกถึงใบหน้าของเพื่อนใหม่ว่าจะตื่นเต้นแค่ไหนตอนให้อาหารปลาและไม่นานเด็กน้อยก็หลับเช่นกัน
เคล็ดลับของวีทำให้เธอนอนหลับได้ชะงัดนักเธอใช้มันในสามคืนแรกในห้องนอนใหม่แล้วก็ไม่ต้องใช้อีกเพราะเธอชินกับมันแล้ว
เธอกับพ่อแม่มาอยู่บ้านใหม่ได้สองเดือนแล้วบางวันพ่อกับแม่ต้องเข้าออฟฟิศพร้อมกันเธอก็จะได้ไปอยู่กับวีทั้งวัน น้ามลเป็นแม่บ้านเต็มตัวส่วนน้าปั้นทำงานจันทร์ถึงศุกร์
“วี เสื้อผ้าของใช้เตรียมไว้พร้อมรึยังลูก” พรพิมลเอ่ยถามลูกชาย
“เรียบร้อยแล้วครับแม่ แก้มล่ะเตรียมรึยังพรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรกนะ”
“เตรียมแล้วตื่นเต้นมากเลย” เด็กหญิงแก้มตอบพร้อมทำตาเป็นประกาย เธอเฝ้ารอวันจะได้ไปโรงเรียนมานานแล้วเธออยากมีเพื่อนอยากเรียนอยากทำกิจกรรม
“เก่งมากจ้ะเด็กๆ” พรพิมลส่งยิ้มหวานให้ทั้งคู่
“พ่อผิดสัญญากับหนู” เด็กหญิงแก้มหน้าเง้าหน้างอใส่คุณพ่อตอนมื้อเย็น พ่อสัญญาว่าจะสอนเธอขี่จักรยานแต่ก็ไม่ได้สอนสักทีเพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับเอกสารและบ้านใหม่
“วันเสาร์นี้พ่อสัญญาครับหนูแก้มไม่เบี้ยวแน่ๆ” เห็นหน้าลูกที่แสนเสียใจคนเป็นพ่อเสียใจยิ่งกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะละเลยแต่บ้านใหม่มันทำให้เขาหัวปั่นพอดูเพราะบางจุดของบ้านต้องได้รับการซ่อมแซมเช่น พวกหัวก๊อกต่างๆ และเรื่องความดันของน้ำบนชั้นสองที่ต้องแก้กันอยู่สามรอบกว่าจะเสร็จสิ้น
“คืนนี้พ่อเล่านิทานไถ่โทษได้ไหม” เมธีหลิ่วตาให้ลูกสาวและเด็กน้อยก็โผเข้ามากอดเต็มแรง
และแล้วเช้าวันใหม่ก็มาถึงเด็กหญิงแก้มลืมตาตื่นแล้วเด้งตัวขึ้นจากเตียงเข้าไปอาบน้ำทันที เธอแต่งตัวแล้วถือโบว์ลงไปให้แม่ทำผม
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ เดี๋ยวเรา…” วิภาเตรียมจะลุกไปหยิบกุญแจรถ
“ติ๊งต่อง” เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขัดขึ้นมา
“สวัสดีครับน้าภา ให้แก้มไปโรงเรียนพร้อมผมได้ไหมครับ” รวีจูงจักรยานคู่ใจมาจอดหน้าบ้าน
“มลห้ามแล้วค่ะ วีเขาไม่ฟังเลย” พรพิมลมายืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ ลูกชาย เธอกับบ้านวิภาเพิ่งรู้จักกันไม่นานบ้านเขาก็มีลูกสาวอยู่คนเดียวต้องหวงต้องห่วงเป็นธรรมดา
“ให้หนูไปกับวีนะคะแม่หนูโตแล้ว อีกอย่างโรงเรียนก็อยู่แค่ปากซอยนี่เองนะคะแม่ นะๆ” เด็กหญิงแก้มออดอ้อนมารดาชุดใหญ่
“ตามใจหนูแล้วกัน ขี่กันระวังๆ นะลูก” วิภาไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ต้องคัดค้าน โรงเรียนอยู่เลยปากซอยหมู่บ้านไปนิดเดียวเท่านั้นระหว่างทางก็มีผู้คนขวักไขว่รวมถึงผู้รักษาการณ์ของหมู่บ้านก็มีกระจายอยู่หลายจุด นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เธอเลือกหมู่บ้านนี้เพราะมันใกล้โรงเรียนของลูกมาก
“ขอบคุณครับน้าภา” รวียกมือไหว้แล้วเอากระเป๋าเป้ของตัวเองไปวางไว้ในตะกร้าจักรยาน
“ขอบคุณนะคะที่ไว้ใจลูกของมล”
“ภาโชคดีมากๆ เลยค่ะที่ได้เจอเพื่อนบ้านที่แสนดีแบบมลแล้วก็ปั้น” คุณแม่สองคนยืนมองลูกของตัวเองแล้วยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ วันนี้ลูกของเธอทั้งคู่ได้เริ่มต้นวันสำคัญแห่งชีวิตวัยเด็กพร้อมกัน
“คนเยอะจังเลยวี” รวีพาแก้มมาถึงโรงเรียนด้วยความปลอดภัยแต่ตอนนี้แก้มกลับยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมเดินตามมาสักที
“โรงเรียนก็ต้องคนเยอะสิแก้ม มาเถอะไม่ต้องกลัว” เด็กหญิงแก้มเดินตัวลีบตามหลังวีไปด้วยขาอันสั่นเทา เธอกลัวคนแปลกหน้าและกลัวเสียงดังแบบนี้เหลือเกิน
“ประถมหนึ่งมาด้านนี้เลยจ้ะเด็กๆ” คุณครูผู้หญิงท่าทางใจดีเรียกให้เธอกับวีไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
“เด็กหญิงจันทกานต์ วรโชติปัญญาห้องทับหนึ่งค่ะ เด็กชายรวี วงศ์วิเชียรก็ทับหนึ่งจ้ะตามคุณครูมาเลย” แก้มจับมือวีมาบีบเบาๆ ด้วยความดีใจ
หลังทำความคุ้นเคยกับสถานที่ตลอดทั้งเช้าพอช่วงบ่ายหนูแก้มก็รู้สึกดีขึ้นและประหม่าลดลง โชคดีเหลือเกินที่วีอยู่ห้องเดียวกับเธอไม่อย่างนั้นต้องแย่แน่ๆ เธอมัวแต่คิดถึงสิ่งที่อยากจะทำแต่ไม่ได้นึกถึงสิ่งที่ต้องเจอเลยสักนิดเดียวเธอเป็นคนขี้อายมากจะพูดอะไรแต่ละทีเธอก็กลัวจะโดนคนอื่นหัวเราะเยาะในความเปิ่นของตัวเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ