ชะตาป่วนมิติ
7.0
เขียนโดย gee561
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.52 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,366 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 13.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ฉันชื่อ วา หรือ วรินทร ลูกสาวคนโต และน้องสาวคนแรก ของตระกูล หิมเวชต์ เรียนมหาวิทยาลัยปี 1 แน่นอนฉันมีพี่หนึ่งคน และน้องๆอีกสอง ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในคราวต่อไปละกัน เอาล่ะ เริ่มจากฉันก่อนละกัน ถึงไหนแล้วนะ
อ้อ.. ฉันจะบอกว่าฉันชื่อ วา ชื่อจริง วรินทร หิมเวชต์ เรียนอยู่ปี1 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ชีวิตประจำวันก็ไม่มีอะไรมาก เนื่องจากฐานะทางบ้านปานกลาง ถึง ดี พ่อฉันมีบริษัทผลิตสิ่งพิมพ์เล็กๆ แม่ฉันมีร้านอาหารที่ต้องดูแลแค่ 2 สาขา โดยแม่จะแวะเวียนไปดูแลสาขาละ 3 วัน โดยมีฉันและพี่ๆน้องๆไปช่วยดูให้บ้างในบางเวลา ก็น่ะ ไม่ถึงกับอยู่สบายเป็นคุณหนูเป็นเซเลป แต่ก็ไม่ลำบากจนต้องทำงานหาเงินเรียนเองเหมือนเพื่อนๆอีกหลายๆคนของฉัน แต่นั้นแหละฉันชอบที่จะอยู่กับเพื่อนๆกลุ่มที่ทำงานหาเงินเรียนมากกว่าพวกคุณหนูที่แบมือขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ อย่างวันนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน ถ้าเพื่อนๆไม่ไปกิจกรรมชมรมอาสาฯ (อาสาพัฒนาชุมชน) ก็จะทำงานรับจ๊อบกันอย่างขยันขันแข็ง ฉันเองก็เลยติดสอยห้อยตามเพื่อนๆไปทำงานพาร์ทไทม์เหมือนกัน
อ๊ะ อ๊ะ รู้น่ะคิดอะไรอยู่ กำลังคิดว่า พ่อก็มีโรงพิมพ์ แม่ก็มีร้านอาหาร ทำไมฉันไม่ไปทำละใช่มั้ย? โธ่..เพื่อนๆขา ให้หนูวาออกมาจากสังคมบ้านบ้างเถอะ ปกติก็มีแต่บ้าน –มหาลัย สลับกันอยู่งี้ ถ้าไปทำที่โรงพิมพ์ป๊าหรือร้านอาหารของม๊า ก็เหมือนฉันยังอยู่ในบ้านอ่ะดิ แล้วมันจะเหมือนได้ทำงานยังไง เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องเกาะติดเพื่อนๆไว้เพื่อหนีออกจากคุก????
เพราะไม่อยากทำโรงพิมพ์ หรือ ร้านอาหารต่อจากม๊า เราต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง เป็นปณิธานที่หมายมุ่ง ฉันจึงตัดสินใจเลือกเรียนนิติศาสตร์แทนการเรียนนิเทศน์ หรือ คหกรรม โดยให้เหตุผลกับป๊าและม๊าว่า
“โรงพิมพ์เก็บไว้ให้เฮียคิม กับเจ้าวัต ส่วนร้านก็ให้ม๊า กับน้อมพิม ดูแลกันไป เดี๋ยววาจะดูแลเรื่องกฎหมายให้เอง”
แล้วใครจะไปรู้ละว่าไอ้การเรียนนิติศาสตร์มันจะยากและต้องอ่านหนังสือมากมายขนาดนี้ จากที่ชั้นหนังสือการ์ตูนที่วางเรียงรายอย่างงดงาม กลายสภาพเป็นตั้งหนังสือวิชากฎหมายขั้นต้น เล่มหนาจนเอาหนุนแทนหมอนกันได้เลย จากที่เรียนๆเล่นๆ เอาสนุก ตอนนี้เธอกลายเป็นยายป้านั่งหัวฟูท่องตำราจนตาสั้นไปหมด ถ้าเธอไม่หาทางออกด้วยการร่วมกิจกรรมของทางมหาลัยหรือออกไปทำงานพาร์ทไทม์กับเพื่อนๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแค่ไม่ถึงปี เธอจะต้องกลายสภาพเป็นยายเนิร์ทสายตาสั้นแน่ๆ เฮ้อ...นี่ขนาดเธอออกมาจากกรอบว่าด้วยตัวบทกฎหมายแล้วน่ะ แล้วทำไมเพื่อนๆที่คบกันมาตั้งแต่ม.ต้นถึงได้มาหาว่าเธอเป็นยายเป็ดทอดกรอบ!!?
ฉันคิดว่ามันต้องเป็นผลค้างเคียงแน่ๆ เชื่อสิ จากที่เป็นเซียนการ์ตูนจนร้านหนังสือเช่าข้างบ้านยังอาย เรียกว่ารู้ไปหมดไม่ว่าการ์ตูนขั้นเทพที่ฉันอ่านตั้งแต่ ป.5 ทุกวันนี้ยังไม่จบอย่าง คำสาปงี่เง่าของฟาโรห์ , ไอ้เขี้ยวเพชร , คอบ-ร้า, หรือการ์ตูนรักหวานจ๋อย หรือฮาร์ตคอร์ อย่าง จังหวะร็อค จังหวะเลิฟ โอ๊ย หรือจะเป็นนิยายกำลังภายใน นิยายผจญภัยผจญกรรมเยอะแยะ จาระไนไม่หมด ตอนนั่น ฉันจะอินมาก จนถึงขั้น นอนๆอยู่ฝันว่าเหาะไปบนฟ้าหาเทพมังกร หรือคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกที่กลับชาติมาเกิดอะไรเถือกนั้นเลยทีเดียว
แต่มาตอนนี้ หลังจากได้อ่านตัวอย่างคดี วิธีคิดแบบมีตรรกะ ตลอดจนพฤติกรรมมนุษย์ เล่นเอาฉันหมดจินตนาการไปเลย เอาง่ายๆ พอหยิบการ์ตูนมาอ่านก็รู้สึกว่า มันจะไปสนุกตรงไหน เจอกันแค่2ครั้งรักแล้ว งี่เง่าไปเปล่า?
และไม่ใช่แค่คิด แต่ฉันอดพูดวิจารณ์เพื่อนๆ ที่ยังคงความบ้าเรื่องเพ้อฝันงี่เง่าพวกนี้ไปอย่างตรงๆ ไม่ได้ เพื่อเห็นแก่ความเป็นเพื่อนนะเนี่ย เผื่อพวกมันจะได้ตาสว่างเสียทีว่าเรื่องพวกนี้ไม่มีจริง อ่านเอาเพลินอย่าไปงมงายกับมัน จนทุกวันนี้มันหาว่าฉันไร้ฟิวริ่ง ไร้จินตนาการ เป็นคนโลกแคบซะงั้น เฮ้ย..นี่ฉันหวังดีกับพวกแกนะโว๊ย.....
อ้อ.. ฉันจะบอกว่าฉันชื่อ วา ชื่อจริง วรินทร หิมเวชต์ เรียนอยู่ปี1 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ชีวิตประจำวันก็ไม่มีอะไรมาก เนื่องจากฐานะทางบ้านปานกลาง ถึง ดี พ่อฉันมีบริษัทผลิตสิ่งพิมพ์เล็กๆ แม่ฉันมีร้านอาหารที่ต้องดูแลแค่ 2 สาขา โดยแม่จะแวะเวียนไปดูแลสาขาละ 3 วัน โดยมีฉันและพี่ๆน้องๆไปช่วยดูให้บ้างในบางเวลา ก็น่ะ ไม่ถึงกับอยู่สบายเป็นคุณหนูเป็นเซเลป แต่ก็ไม่ลำบากจนต้องทำงานหาเงินเรียนเองเหมือนเพื่อนๆอีกหลายๆคนของฉัน แต่นั้นแหละฉันชอบที่จะอยู่กับเพื่อนๆกลุ่มที่ทำงานหาเงินเรียนมากกว่าพวกคุณหนูที่แบมือขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ อย่างวันนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน ถ้าเพื่อนๆไม่ไปกิจกรรมชมรมอาสาฯ (อาสาพัฒนาชุมชน) ก็จะทำงานรับจ๊อบกันอย่างขยันขันแข็ง ฉันเองก็เลยติดสอยห้อยตามเพื่อนๆไปทำงานพาร์ทไทม์เหมือนกัน
อ๊ะ อ๊ะ รู้น่ะคิดอะไรอยู่ กำลังคิดว่า พ่อก็มีโรงพิมพ์ แม่ก็มีร้านอาหาร ทำไมฉันไม่ไปทำละใช่มั้ย? โธ่..เพื่อนๆขา ให้หนูวาออกมาจากสังคมบ้านบ้างเถอะ ปกติก็มีแต่บ้าน –มหาลัย สลับกันอยู่งี้ ถ้าไปทำที่โรงพิมพ์ป๊าหรือร้านอาหารของม๊า ก็เหมือนฉันยังอยู่ในบ้านอ่ะดิ แล้วมันจะเหมือนได้ทำงานยังไง เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องเกาะติดเพื่อนๆไว้เพื่อหนีออกจากคุก????
เพราะไม่อยากทำโรงพิมพ์ หรือ ร้านอาหารต่อจากม๊า เราต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง เป็นปณิธานที่หมายมุ่ง ฉันจึงตัดสินใจเลือกเรียนนิติศาสตร์แทนการเรียนนิเทศน์ หรือ คหกรรม โดยให้เหตุผลกับป๊าและม๊าว่า
“โรงพิมพ์เก็บไว้ให้เฮียคิม กับเจ้าวัต ส่วนร้านก็ให้ม๊า กับน้อมพิม ดูแลกันไป เดี๋ยววาจะดูแลเรื่องกฎหมายให้เอง”
แล้วใครจะไปรู้ละว่าไอ้การเรียนนิติศาสตร์มันจะยากและต้องอ่านหนังสือมากมายขนาดนี้ จากที่ชั้นหนังสือการ์ตูนที่วางเรียงรายอย่างงดงาม กลายสภาพเป็นตั้งหนังสือวิชากฎหมายขั้นต้น เล่มหนาจนเอาหนุนแทนหมอนกันได้เลย จากที่เรียนๆเล่นๆ เอาสนุก ตอนนี้เธอกลายเป็นยายป้านั่งหัวฟูท่องตำราจนตาสั้นไปหมด ถ้าเธอไม่หาทางออกด้วยการร่วมกิจกรรมของทางมหาลัยหรือออกไปทำงานพาร์ทไทม์กับเพื่อนๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแค่ไม่ถึงปี เธอจะต้องกลายสภาพเป็นยายเนิร์ทสายตาสั้นแน่ๆ เฮ้อ...นี่ขนาดเธอออกมาจากกรอบว่าด้วยตัวบทกฎหมายแล้วน่ะ แล้วทำไมเพื่อนๆที่คบกันมาตั้งแต่ม.ต้นถึงได้มาหาว่าเธอเป็นยายเป็ดทอดกรอบ!!?
ฉันคิดว่ามันต้องเป็นผลค้างเคียงแน่ๆ เชื่อสิ จากที่เป็นเซียนการ์ตูนจนร้านหนังสือเช่าข้างบ้านยังอาย เรียกว่ารู้ไปหมดไม่ว่าการ์ตูนขั้นเทพที่ฉันอ่านตั้งแต่ ป.5 ทุกวันนี้ยังไม่จบอย่าง คำสาปงี่เง่าของฟาโรห์ , ไอ้เขี้ยวเพชร , คอบ-ร้า, หรือการ์ตูนรักหวานจ๋อย หรือฮาร์ตคอร์ อย่าง จังหวะร็อค จังหวะเลิฟ โอ๊ย หรือจะเป็นนิยายกำลังภายใน นิยายผจญภัยผจญกรรมเยอะแยะ จาระไนไม่หมด ตอนนั่น ฉันจะอินมาก จนถึงขั้น นอนๆอยู่ฝันว่าเหาะไปบนฟ้าหาเทพมังกร หรือคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกที่กลับชาติมาเกิดอะไรเถือกนั้นเลยทีเดียว
แต่มาตอนนี้ หลังจากได้อ่านตัวอย่างคดี วิธีคิดแบบมีตรรกะ ตลอดจนพฤติกรรมมนุษย์ เล่นเอาฉันหมดจินตนาการไปเลย เอาง่ายๆ พอหยิบการ์ตูนมาอ่านก็รู้สึกว่า มันจะไปสนุกตรงไหน เจอกันแค่2ครั้งรักแล้ว งี่เง่าไปเปล่า?
และไม่ใช่แค่คิด แต่ฉันอดพูดวิจารณ์เพื่อนๆ ที่ยังคงความบ้าเรื่องเพ้อฝันงี่เง่าพวกนี้ไปอย่างตรงๆ ไม่ได้ เพื่อเห็นแก่ความเป็นเพื่อนนะเนี่ย เผื่อพวกมันจะได้ตาสว่างเสียทีว่าเรื่องพวกนี้ไม่มีจริง อ่านเอาเพลินอย่าไปงมงายกับมัน จนทุกวันนี้มันหาว่าฉันไร้ฟิวริ่ง ไร้จินตนาการ เป็นคนโลกแคบซะงั้น เฮ้ย..นี่ฉันหวังดีกับพวกแกนะโว๊ย.....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ