DEEP SEA มหันตภัยทะเลคลั่ง
8.0
เขียนโดย องค์ชายแมว
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.03 น.
4 บท
0 วิจารณ์
6,254 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 17.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ความอบอุ่นครั้งแรกหลังพายุสงบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 2 ความอบอุ่นครั้งแรกหลังพายุสงบ
ทะเลเป็นสถานที่ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจและเลือกเดินทางไปพักผ่อนเป็นอันดับแรก ส่วนมากมักเป็นคู่รักที่ใช้บริการบ่อยสุด รองลงมาก็พาครอบครัวมาพักผ่อน เหตุเพราะมันโรแมนติคจับใจ ความงดงามของเม็ดทรายอันขาวสะอาด สเน่ห์ของเกลียวคลื่น ความสงบเงียบยามวิกาล อาหารซีฟู้ดรสชาติอร่อย แถมยังสดชื่นเย็นสบายทุกครั้งที่ผิวกายได้ลงสัมผัสน้ำ
มันสามารถเป็นอื่นๆได้อีกมากมายตามที่หัวใจของแต่ละคนจะตีความให้มันเป็น เว้นเสียแต่ว่าต้องลอยเคว้งอยู่กลางมหาสมุทรที่มองไม่เห็นแม้แต่เส้นขอบแผ่นดิน เท่ากับว่าร่างกายของคุณถูกบีบบังคับให้เชื่อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อย่างไม่เต็มใจ
เมื่อนั้นภาพความสวยสดงดงามจะพังทลายลงทันที แทนที่ด้วยความสยดสยองและโศกนาฏกรรม ขณะที่ร่างกายของคุณเต็มไปด้วยน้ำทะเลห้อมล้อม จวบจนไกลสุดสายตาก็ยังคงมองเห็นเช่นเดิม คุณไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
นี่คือความโหดร้ายของสถานที่ที่ผู้คนต่างบอกว่ามันงดงามที่สุด
ห้าชั่วโมงหลังจากเรือล่ม
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วน่านฟ้าเห็นเป็นสีส้มอ่อนสวยงามถนัดตา มวลหมู่เมฆทมิฬทั้งหลายแตกกระจายหายวับไปก่อนที่ดวงจันทร์จะลับฟ้าและตะวันจะโผล่ขึ้นมาแทน กลิ่นอายของความสดชื่นบริสุทธิเกิดขึ้นครั้งแรกหลังจากพายุพัดผ่านไป บริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลปรากฏร่างของสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
ไม่สิ…ใครจะบ้ามาเล่นน้ำอยู่กลางทะเล ดูเหมือนพวกเขากำลังตะเกียกตะกายเพื่อจะเอาชีวิตรอดมากกว่า
หลังจากคลื่นลูกสุดท้ายผ่านพ้นไป พวกเขารู้สึกทันทีว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ น้อยคนนักที่เจอเหตุการณ์อย่างนี้แล้วยังมีชีวิตรอด พวกเขาเขาถอดหน้ากากดำน้ำออกเพื่อสูดเอาออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างของพวกเขาทันที
ไม่มีใครแสดงอาการลิงโลดออกมาให้เห็นสักคน เพราะลึกๆแล้วสีหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นเรื่องเศร้าใจบางอย่างในเวลาเดียวกัน หนึ่งในนั้นพยายามทวนจำนวนคนอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่เป็นผล
แมกซ์ ชนินทร์ ตะวัน แอน หายไปคนหนึ่ง
สายป่าน! เธอหายไประหว่างที่เพื่อนๆต่างหนีเอาตัวรอดจากคลื่นมหึมา ทุกคนถูกมันกลืนทับลงไปใต้ผืนน้ำอีกรอบ ทว่าหน้ากากดำน้ำกับถังอากาศยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี หลังจากทั้งหมดโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำก็ต้องตกใจ เพราะสายป่านหายไปแล้ว
พวกเขากวาดสายตามองไปไกลสุดขอบฟ้ารอบด้าน แต่ก็ไม่พบพลังงานชีวิตตอบรับกลับมา ก็หวังที่สุดว่าเธอจะรอด เพราะอย่างน้อยเสื้อชูชีพกับหน้ากากดำน้ำคงพอจะเป็นประโยชน์กับเธอบ้างละ
สีหน้าทุกคนเศร้าหมองไปตามกัน แอนถึงกับกลั้นความเสียใจเอาไว้ไม่ไหวปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม แต่ก็แทบแยกไม่ออกเพราะมันปนกับน้ำทะเลที่อาบอยู่ก่อนหน้านั้น เธอทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียเพื่อนสนิทไปในเวลารวดเร็วขนาดนี้เพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงยังพูดคุยกันอยู่เป็นปรกติ มันกะทันหันเกินไป
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” แอนโวยวายทั้งน้ำตา “สายป่านเป็นเพื่อนรักของฉัน เธอไม่น่ามาจบชีวิตแบบนี้ นี่ถ้าแม่เธอรู้คงต้องช็อคตายแน่เลย เคยเสียพ่อที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปแล้วยังต้องมาเสียลูกสาวผู้เป็นความหวังสุดท้ายไปอีก ฮือๆ”
ชนินทร์เข้าไปสวมกอดหญิงสาวที่กำลังโศกเศร้าและปลอบประโลมด้วยความรัก “ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอกที่รัก”
“บางทีสายป่านอาจลอยไปติดเกาะแถวนี้ก็ได้นะ เธอมีทั้งหน้ากากดำน้ำ ถังอากาศและเชื้อชูชีพ คงไม่เป็นอะไรหรอกอย่าคิดมากสิ” แมกซ์ช่วยปลอบอีกแรงทั้งที่ในใจก็คิดว่าสายป่านคงกลายเป็นศพไปแล้วแน่นอน
ขณะนี้พวกเขาลอยคอกันอยู่กลางมหาสมุทร โดยไม่รู้เลยว่าออกห่างจากชายฝั่งเป็นระยะทางมากแค่ไหน ก็เหมือนกับคนหลงป่าที่ไม่มีเข็มทิศนะแหละ อย่างแรกที่พวกเขาต้องทำในเวลานี้คือต้องพยายามควบคุมสติให้มั่น ปล่อยใจให้สงบเพื่อลดอาการตกใจให้น้อยลง
ร่างกายของแอนสวมอยู่ในเสื้อชูชีพที่แบกน้ำหนักกว่า 55 กิโลกรัมของเธอเอาไว้ให้ลอยอยู่บนผิวน้ำ ตราบใดที่มีเครื่องช่วยพยุงชีพเอาไว้ สบายใจได้เลยว่าเธอจะไม่จมอย่างแน่นอน ส่วนตะวันเป็นผู้ชายคนเดียวที่ได้ครอบครองเสื้อชูชีพเพราะเพื่อนๆให้เครดิตว่าเขาว่ายน้ำไม่แข็งจึงได้รับสิทธิพิเศษนั้นไป
ทางด้านแมกซ์และชนินทร์รีบถอดถังออกซิเจนที่สะพายเอาไว้กับตัวออก โชคดีที่อากาศในถังของทั้งคู่ไม่มีเหลือแล้วทำให้ข้างในเป็นสุญญากาศ ฉะนั้นมันจึงลอย ชายหนุ่มทั้งสองคนเอาแขนสองข้างพาดเกาะถังอากาศเอาไว้เพื่อพยุงตัวเอง ให้ลำตัวครึ่งบนลอยเหนือน้ำ มันใช้แทนเสื้อชูชีพได้ดีทีเดียว
“แอนกับตะวัน ช่วยดูถังอากาศให้หน่อยสิ” แมกซ์พูด
ทั้งสองรีบถอดเอาวัตถุที่สะพายออกมา ทดสอบโดยใช้มือคอยพยุงไว้แล้วจับตาดูว่ามันลอยหรือไม่ ปรากฏว่าถังอากาศของทั้งสองคนค่อยๆจมลงไปใต้ผิวน้ำ แสดงว่าภายในยังมีอากาศหลงเหลืออยู่จึงนำมันกลับมาสะพายเอาไว้ข้างหลังอย่างเดิม ถึงแม้น้ำหนักจะเอาเรื่องอยู่แต่ก็ได้เสื้อชูชีพอีกนั่นแหละที่คอยช่วยรับน้ำหนักอีกแรง
“จริงสิ! เราควรถอดสิ่งของที่มีน้ำหนักและเป็นตัวถ่วงทุกอย่างออกจากร่างกายให้หมดนะ น้าประสิทธิเคยบอกเอาไว้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต้องทำตัวให้เบาที่สุด” ตะวันเอ่ยเตือน
ทุกคนเห็นด้วยและตอบรับคำแนะนำของเพื่อนทันที แมกซ์ถอดกางเกงขาสามส่วนออกด้วยมือเพียงข้างเดียว เพราะอีกมือเกาะถังอากาศเอาไว้ ถึงแม้จะอยู่ในท่วงท่าที่ลำบากแต่ก็ปลอดภัย ชายหนุ่มนำกางเกงขึ้นมาวางเอาไว้บนถังหวังใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ขณะนี้ช่วงล่างของเขาสวมเพียงกางเกงใน ส่วนช่วงบนเหลือเสื้อเอาไว้คอยให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
ทางด้านชนินทร์แทบไม่ต้องถอดอะไรเลยเพราะเขาใส่กางเกงบ็อกเซอร์กับเสื้อยืดสบายๆอยู่แล้ว ส่วนตะวันเป็นคนเดียวที่ใส่กางเกงยีนส์เลยทำให้ปลดเปลื้องได้ยากกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่เสื้อชูชีพช่วยลดความลำบากตรงนั้นไป ทำให้เขาถอดมันออกได้อย่างไม่ยากเย็น อย่างน้อยเขาก็สามารถใช้สองมือได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะจม
คนสุดท้ายคือหวานใจของชนินทร์ เธอทำท่าทางไม่อยากถอดเพราะถึงแม้ลำตัวครึ่งล่างจะอยู่ใต้ผิวน้ำแต่ก็ทำให้อดเขินไม่ได้อยู่ดี แอนไม่เคยถอดกางเกงโล่งโจ้งแบบนี้มาก่อน ทำให้ชนินทร์ต้องพูดหว่านล้อมเธออยู่พักใหญ่ สาวน้อยจึงยอมถอดแต่โดยดีเหลือเพียงกางเกงในไว้โชว์เหล่าปลาที่แหวกว่ายผ่านไปมา ส่วนรองเท้าของทุกคนไม่ได้ใส่ออกมาจากเรือตั้งแต่แรกแล้วเพราะรังจะทำให้เกะกะ
“ถ้าน้าประสิทธิ์รู้ว่าเรือยอร์ชกลายเป็นซากไปแล้วละก็ มีหวังพวกเราต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดแน่นอน แล้วใครมันจะมีปัญญาไปชดใช้วะลำละตั้งกี่ล้านก็ไม่รู้ แย่ไปกว่านั้นอาจจะถูกจับยัดเข้าตารางด้วยก็ได้” ตะวันพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้าสลด
“คิดว่าพวกคนบนฝั่งนั่นยังมีชีวิตรอดอยู่จริงๆนะเหรอ นายก็เห็นเหมือนกับฉัน ทุกคนก็เห็นเหมือนกันหมดว่าสึนามิขนาดมหึมานั่นมุ่งหน้าไปยังหาดป่าตอง ป่านนี้ตึกรามบ้านช่องคงพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี ผู้คนบนฝั่งคงหนีตายกันให้จ้าละหวั่น” แมกซ์เล่าผ่านน้ำเสียงตื่นเต้น“
ชนินทร์ทำหน้าซีดก่อนพูดแทรกขึ้น “บ้าเอ้ย ถ้างั้นเรือทุกลำคงถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกทะเลในช่วงสองสามวันนี้แน่เลย แล้วแบบนี้ใครจะเอาเรือออกมารับเราละ”
“ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเราเอาเรือออกมา” แมกซ์พูดดับความหวังทุกคน
“เพราะนายนั่นแหละแมกซ์ที่จุดชนวนความคิดบ้าๆนี่” ตะวันตำหนิ
“พวกนายจะทะเลาะกันหาพระแสงอะไรวะ นี่มันยังไม่เลวร้ายพออีกเหรอถึงต้องมาทะเลาะกันให้เสียจิตเข้าไปอีก” ชนินทร์ประชดเพื่อนทั้งสอง ขณะนี้อารมณ์หนุ่มเหนือเริ่มขึ้นแล้วเหมือนกัน ดูเหมือนจะเป็นผลเพราะคำพูดของชนินทร์ทำให้ทั้งคู่สงบลงได้
ทั้งหมดคอตกเมื่อคิดว่าสึนามิมุ่งหน้าไปยังหาดป่าตองซึ่งเป็นที่พักของพวกเขา ในใจลึกๆก็อดเสียดายไม่ได้เพราะทรัพย์สินทุกอย่างอยู่ในห้องพักส่วนตัวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร้องเท้าไนท์กี้คู่โปรดของแมกซ์ สร้องทองกว่าสองบาทที่แม่ของแอนซื้อให้เป็นของขวัญที่เรียนจบ โน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดของชนินทร์ที่มีไฟล์หนังเอวีต่างแดนล้ำค่ามากมาย
ทุกคนต่างหวนละลึกถึงมันแค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนจะกลับสู่ความเป็นจริง
แสงแดดช่วงสายอาบกระทบใบหน้าและลำตัวของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ที่ลอยเคว้งหลังจากร่างกายเปียกปอนกว่าครึ่งคืนจนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาสัมผัสถึงความอบอุ่นจากไอแดดครั้งแรกหลังจากผ่านเรื่องเลวร้ายเกินกว่าจะทำใจยอมรับได้มาหมาดๆ
ใบหน้าของทุกคนดูผ่อนคลายมากขึ้นในรอบห้าชั่วโมงที่ผ่านมา หลังเรือถูกกลืนและย่อยลงสู่กระเพาะทะเลโดยคลื่น ขณะนี้ดวงอาทิตย์ได้มอบพลังให้กับพวกเขาแล้ว เมื่อทั้งหมดลอยคออยู่กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสามกับหญิงสาวอีกหนึ่งคนเปรียบเสมือนมดตัวเล็กกระจิดริดไปเลย
“เราควรกำหนดเส้นทางขึ้นมาแล้วว่ายไปเรื่อยๆดีมั้ย อาจทำให้เราเจอแผ่นดินก็ได้ ดีกว่าคล้อยตามแรงคลื่นให้เปลืองเวลาแบบนี้” แอนหันไปพูดกับทุกคน
“ทำยังงั้นไม่ได้หรอกแอน นั่นมันจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงให้กับเรา บางทีถ้าทำอย่างที่เธอพูดพวกเราทุกคนอาจจะว่ายออกจากฝั่งไปไกลมากขึ้นอีกก็ได้นะ” แมกซ์ยกมือห้ามปราม
“อีกอย่างนึง เราควรเคลื่อนไหวตัวเองให้น้อยที่สุดด้วยเพื่อลดความอ่อนล้าของร่างกาย เพราะถ้าขยับตัวมากเกินไปจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง และอาจทำให้เกิด…”
“อาการช็อค”
ชนินทร์ตอบแทนเพื่อนเขา พลางลูบหัวแอนเพื่อให้หญิงสาวใจเย็นลงและอธิบายสมทบอีกว่า “ที่สำคัญพวกเราต้องรักษาอุณหภูมิเอาไว้ด้วยโดยการหดแขนขาของตัวเองให้กลมเข้าไว้ และเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด”
“ถูกต้อง” แมกซ์เสริม
ไม่มีใครบรรยายความรู้สึกนี้ได้ดีเท่ากับพวกเขาทั้งสี่คนอีกแล้ว ความรู้สึกที่ยากจะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด เมื่อต้องลอยคออยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อีกทั้งคลื่นทะเลที่น่าเวียนหัวชวนอ้วก มันไม่เหมือนกับสระว่ายน้ำสี่เหลี่ยมแคบๆที่มองเห็นขอบสระทุกด้าน แต่นี่คือของจริง กลางทะเลจริง คลื่นจริง สัมผัสของห้วงความลึกที่ไม่อาจประมาณได้ ความรู้สึกเหมือนตัวลอยอยู่ในอากาศที่ไม่มีพื้นดินให้เหยียบ และดูเหมือนว่าร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลาด้วยกระแสน้ำที่ชวนอาเจียน
ระหว่างพูดคุยหนุ่มใต้ว่ายน้ำออกห่างจากเพื่อนๆกว่าห้าเมตรเพื่อทำบางอย่าง
“นายทำอะไรของนายวะตะวัน ว่ายออกห่างจากพวกเราทำไม” หนุ่มลูกครึ่งถามเพื่อคลายความสงสัยให้กับตัวเขาเองและเพื่อนอีกสองคน
ตะวันยิ้มแห้งๆ “ฉันปวดฉี่น่ะ”
“ว้าย! ทุเรศ อีตาบ้า ออกไปไกลๆเลยนะ ฉันไม่อยากให้กลิ่นมันวนเวียนอยู่แถวๆนี้”
“แหม่ ทำเป็นรังเกียจไปได้ ถ้าต้องอยู่ที่นี่อีกหลายชั่วโมง พอถึงเวลานั้นเธอก็คงต้องทำแบบนี้เหมือนกันแหละ ไม่มีใครอั้นกลับขึ้นไปปล่อยในส้วมบนฝั่งได้ทันเวลาหรอก อีกอย่างน้ำเย็นๆแบบนี้ใครจะไปทนไหว”
“เดี๋ยวก่อน!” ชนินทร์ห้าม สีดูหน้าวิตก
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ พอดีฉันศึกษาเรื่องฉลามมาเยอะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน มาพูดขัดฉันทำไมตอนนี้ ขอทำธุระให้เสร็จก่อนไม่ได้หรือไง”
“ก็มันเกี่ยวกับฉี่แกนี่แหละว่ะ” ชนินทร์พูดด้วยท่าทีแปลกๆจนเพื่อนต่างทำหน้าสงสัยไปตามๆกัน “ฉันเคยอ่านหนังสือรวมเรื่องน่ารู้ของสัตว์ร้ายในทะเลที่พ่อซื้อมาให้เป็นของขวัญเมื่อปีก่อน ในนั้นมีอยู่หัวข้อนึงที่เตือนเอาไว้ว่า สารยูรีนจากฉี่จะส่งกลิ่นดึงดูดให้พวกมันเข้ามาหาได้”
“พวกมันที่ว่านี่คืออะไร” แมกซ์ถาม
“ฉลาม”
“เอ้า! ให้ตายสิ อย่างนั้นก็ไม่เป็นอันต้องขับถ่ายกันเลยสิวะ แล้วถ้าฉันเกิดปวดขึ้นมาบ้างก็คงต้องทำเหมือนตะวันนะแหละ” หนุ่มลูกครึ่งว่า
“มะ มะ มะ…ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันปล่อยมันออกแล้ว เมื่อกี้นายว่าไงนะ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉลามตามกลิ่นจากฉี่ได้ด้วย” ตะวันพูดขณะสะบัดหนอนแล้วอุ้มเก็บเข้ารังเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าหนุ่มใต้จะกลัวแค่ไหนแต่การขับถ่ายมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ
“ช่างมันถอะ อย่างน้อยกลิ่นฉี่ก็ดีกว่ากลิ่นคาวเลือดล่ะนะ ดูแลรักษาตัวเองให้ดีอย่าให้เกิดบาดแผลละกัน” ชนินทร์พูดปัดเพราะไม่อยากให้ทุกคนเสียขวัญ พร้อมกับแนะนำให้เพื่อนๆรีบว่ายออกจากบริเวณที่ตะวันได้สร้างอาณาเขตเอาไว้โดยเร็ว เพื่อรักษาระยะปลอดภัยก่อนที่เพชรฆาตแห่งท้องทะเลจะทันได้กลิ่น
เขาอดขอบคุณหนังสือที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญไม่ได้เลย เพราะในเวลานี้มันมีประโยชน์กับเขาและเพื่อนๆมาก และตนเองรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้อ่านมัน เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างนำเสนอออกมาในรูปแบบภาพการ์ตูนน่ารัก เนื้อหาก็อ่านไม่ยากจนเกินไป ไม่เหมือนกับหนังสือสารคดี แต่เป็นหนังสือแนวสัตว์โลกน่ารักมากกว่า ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่เคยคิดว่าพวกมันน่ารักเลยสักครั้ง
เขาอ่านจบมาไม่น้อยกว่าสามรอบแล้ว เพราะฉะนั้นข้อมูลของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดจึงจดจำอยู่ในสมองของชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ ทว่าเมื่อตัวของชนินทร์เองต้องประสบปัญหาลอยคออยู่กลางทะเลแบบนี้ซะเองก็อดนึกภาพความร้ายกาจของสัตว์บางประเภทที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนั้นไม่ได้เลย เพราะข้อมูลของสัตว์ทะเลเกือบทั้งหมดฝังอยู่ในเมมโมรี่ความทรงจำของชายหนุ่มเรียบร้อยหมดแล้ว
ทั้งหมดรีบว่ายออกจากบริเวณที่ตะวันทำธุระเอาไว้อย่างรีบร้อนตามคำแนะนำของชนินทร์ พวกเขาอดกลัวไม่ได้อยู่ดีเมื่อนึกถึงฟันอันแหลมคมของมัน ขนาดแมกซ์ที่มีนิสัยห่ามๆยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันตรงๆเลย หากเป็นไปได้ขอเลี่ยงดีกว่า
การรบกับฉลามในน้ำซึ่งเป็นบ้านของมันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ มันทั้งเร็ว ดุร้าย และหิวกระหาย สำคัญที่สุดเราไม่มีทางรู้เลยว่าถูกจะโจมตีจากใต้น้ำเมื่อไหร่เพราะมองไม่เห็น นอกเสียจากจะใส่หน้ากากส่องลงไปใต้ผิวน้ำคอยระวังอยู่เป็นระยะ
ทั้งสี่คนว่ายออกไปเรื่อยๆ ท่ามกลางคลื่นอ่อนๆของน้ำทะเลที่ชวนอาเจียน เหล่านักศึกษาไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขากำลังว่ายเข้าไปสู่อาณาเขตบริเวณของบางสิ่งที่อันตรายไม่แพ้กัน
●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●
ทะเลเป็นสถานที่ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจและเลือกเดินทางไปพักผ่อนเป็นอันดับแรก ส่วนมากมักเป็นคู่รักที่ใช้บริการบ่อยสุด รองลงมาก็พาครอบครัวมาพักผ่อน เหตุเพราะมันโรแมนติคจับใจ ความงดงามของเม็ดทรายอันขาวสะอาด สเน่ห์ของเกลียวคลื่น ความสงบเงียบยามวิกาล อาหารซีฟู้ดรสชาติอร่อย แถมยังสดชื่นเย็นสบายทุกครั้งที่ผิวกายได้ลงสัมผัสน้ำ
มันสามารถเป็นอื่นๆได้อีกมากมายตามที่หัวใจของแต่ละคนจะตีความให้มันเป็น เว้นเสียแต่ว่าต้องลอยเคว้งอยู่กลางมหาสมุทรที่มองไม่เห็นแม้แต่เส้นขอบแผ่นดิน เท่ากับว่าร่างกายของคุณถูกบีบบังคับให้เชื่อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อย่างไม่เต็มใจ
เมื่อนั้นภาพความสวยสดงดงามจะพังทลายลงทันที แทนที่ด้วยความสยดสยองและโศกนาฏกรรม ขณะที่ร่างกายของคุณเต็มไปด้วยน้ำทะเลห้อมล้อม จวบจนไกลสุดสายตาก็ยังคงมองเห็นเช่นเดิม คุณไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
นี่คือความโหดร้ายของสถานที่ที่ผู้คนต่างบอกว่ามันงดงามที่สุด
ห้าชั่วโมงหลังจากเรือล่ม
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วน่านฟ้าเห็นเป็นสีส้มอ่อนสวยงามถนัดตา มวลหมู่เมฆทมิฬทั้งหลายแตกกระจายหายวับไปก่อนที่ดวงจันทร์จะลับฟ้าและตะวันจะโผล่ขึ้นมาแทน กลิ่นอายของความสดชื่นบริสุทธิเกิดขึ้นครั้งแรกหลังจากพายุพัดผ่านไป บริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลปรากฏร่างของสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
ไม่สิ…ใครจะบ้ามาเล่นน้ำอยู่กลางทะเล ดูเหมือนพวกเขากำลังตะเกียกตะกายเพื่อจะเอาชีวิตรอดมากกว่า
หลังจากคลื่นลูกสุดท้ายผ่านพ้นไป พวกเขารู้สึกทันทีว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ น้อยคนนักที่เจอเหตุการณ์อย่างนี้แล้วยังมีชีวิตรอด พวกเขาเขาถอดหน้ากากดำน้ำออกเพื่อสูดเอาออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างของพวกเขาทันที
ไม่มีใครแสดงอาการลิงโลดออกมาให้เห็นสักคน เพราะลึกๆแล้วสีหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นเรื่องเศร้าใจบางอย่างในเวลาเดียวกัน หนึ่งในนั้นพยายามทวนจำนวนคนอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่เป็นผล
แมกซ์ ชนินทร์ ตะวัน แอน หายไปคนหนึ่ง
สายป่าน! เธอหายไประหว่างที่เพื่อนๆต่างหนีเอาตัวรอดจากคลื่นมหึมา ทุกคนถูกมันกลืนทับลงไปใต้ผืนน้ำอีกรอบ ทว่าหน้ากากดำน้ำกับถังอากาศยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี หลังจากทั้งหมดโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำก็ต้องตกใจ เพราะสายป่านหายไปแล้ว
พวกเขากวาดสายตามองไปไกลสุดขอบฟ้ารอบด้าน แต่ก็ไม่พบพลังงานชีวิตตอบรับกลับมา ก็หวังที่สุดว่าเธอจะรอด เพราะอย่างน้อยเสื้อชูชีพกับหน้ากากดำน้ำคงพอจะเป็นประโยชน์กับเธอบ้างละ
สีหน้าทุกคนเศร้าหมองไปตามกัน แอนถึงกับกลั้นความเสียใจเอาไว้ไม่ไหวปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม แต่ก็แทบแยกไม่ออกเพราะมันปนกับน้ำทะเลที่อาบอยู่ก่อนหน้านั้น เธอทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียเพื่อนสนิทไปในเวลารวดเร็วขนาดนี้เพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงยังพูดคุยกันอยู่เป็นปรกติ มันกะทันหันเกินไป
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” แอนโวยวายทั้งน้ำตา “สายป่านเป็นเพื่อนรักของฉัน เธอไม่น่ามาจบชีวิตแบบนี้ นี่ถ้าแม่เธอรู้คงต้องช็อคตายแน่เลย เคยเสียพ่อที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปแล้วยังต้องมาเสียลูกสาวผู้เป็นความหวังสุดท้ายไปอีก ฮือๆ”
ชนินทร์เข้าไปสวมกอดหญิงสาวที่กำลังโศกเศร้าและปลอบประโลมด้วยความรัก “ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอกที่รัก”
“บางทีสายป่านอาจลอยไปติดเกาะแถวนี้ก็ได้นะ เธอมีทั้งหน้ากากดำน้ำ ถังอากาศและเชื้อชูชีพ คงไม่เป็นอะไรหรอกอย่าคิดมากสิ” แมกซ์ช่วยปลอบอีกแรงทั้งที่ในใจก็คิดว่าสายป่านคงกลายเป็นศพไปแล้วแน่นอน
ขณะนี้พวกเขาลอยคอกันอยู่กลางมหาสมุทร โดยไม่รู้เลยว่าออกห่างจากชายฝั่งเป็นระยะทางมากแค่ไหน ก็เหมือนกับคนหลงป่าที่ไม่มีเข็มทิศนะแหละ อย่างแรกที่พวกเขาต้องทำในเวลานี้คือต้องพยายามควบคุมสติให้มั่น ปล่อยใจให้สงบเพื่อลดอาการตกใจให้น้อยลง
ร่างกายของแอนสวมอยู่ในเสื้อชูชีพที่แบกน้ำหนักกว่า 55 กิโลกรัมของเธอเอาไว้ให้ลอยอยู่บนผิวน้ำ ตราบใดที่มีเครื่องช่วยพยุงชีพเอาไว้ สบายใจได้เลยว่าเธอจะไม่จมอย่างแน่นอน ส่วนตะวันเป็นผู้ชายคนเดียวที่ได้ครอบครองเสื้อชูชีพเพราะเพื่อนๆให้เครดิตว่าเขาว่ายน้ำไม่แข็งจึงได้รับสิทธิพิเศษนั้นไป
ทางด้านแมกซ์และชนินทร์รีบถอดถังออกซิเจนที่สะพายเอาไว้กับตัวออก โชคดีที่อากาศในถังของทั้งคู่ไม่มีเหลือแล้วทำให้ข้างในเป็นสุญญากาศ ฉะนั้นมันจึงลอย ชายหนุ่มทั้งสองคนเอาแขนสองข้างพาดเกาะถังอากาศเอาไว้เพื่อพยุงตัวเอง ให้ลำตัวครึ่งบนลอยเหนือน้ำ มันใช้แทนเสื้อชูชีพได้ดีทีเดียว
“แอนกับตะวัน ช่วยดูถังอากาศให้หน่อยสิ” แมกซ์พูด
ทั้งสองรีบถอดเอาวัตถุที่สะพายออกมา ทดสอบโดยใช้มือคอยพยุงไว้แล้วจับตาดูว่ามันลอยหรือไม่ ปรากฏว่าถังอากาศของทั้งสองคนค่อยๆจมลงไปใต้ผิวน้ำ แสดงว่าภายในยังมีอากาศหลงเหลืออยู่จึงนำมันกลับมาสะพายเอาไว้ข้างหลังอย่างเดิม ถึงแม้น้ำหนักจะเอาเรื่องอยู่แต่ก็ได้เสื้อชูชีพอีกนั่นแหละที่คอยช่วยรับน้ำหนักอีกแรง
“จริงสิ! เราควรถอดสิ่งของที่มีน้ำหนักและเป็นตัวถ่วงทุกอย่างออกจากร่างกายให้หมดนะ น้าประสิทธิเคยบอกเอาไว้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต้องทำตัวให้เบาที่สุด” ตะวันเอ่ยเตือน
ทุกคนเห็นด้วยและตอบรับคำแนะนำของเพื่อนทันที แมกซ์ถอดกางเกงขาสามส่วนออกด้วยมือเพียงข้างเดียว เพราะอีกมือเกาะถังอากาศเอาไว้ ถึงแม้จะอยู่ในท่วงท่าที่ลำบากแต่ก็ปลอดภัย ชายหนุ่มนำกางเกงขึ้นมาวางเอาไว้บนถังหวังใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ขณะนี้ช่วงล่างของเขาสวมเพียงกางเกงใน ส่วนช่วงบนเหลือเสื้อเอาไว้คอยให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
ทางด้านชนินทร์แทบไม่ต้องถอดอะไรเลยเพราะเขาใส่กางเกงบ็อกเซอร์กับเสื้อยืดสบายๆอยู่แล้ว ส่วนตะวันเป็นคนเดียวที่ใส่กางเกงยีนส์เลยทำให้ปลดเปลื้องได้ยากกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่เสื้อชูชีพช่วยลดความลำบากตรงนั้นไป ทำให้เขาถอดมันออกได้อย่างไม่ยากเย็น อย่างน้อยเขาก็สามารถใช้สองมือได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะจม
คนสุดท้ายคือหวานใจของชนินทร์ เธอทำท่าทางไม่อยากถอดเพราะถึงแม้ลำตัวครึ่งล่างจะอยู่ใต้ผิวน้ำแต่ก็ทำให้อดเขินไม่ได้อยู่ดี แอนไม่เคยถอดกางเกงโล่งโจ้งแบบนี้มาก่อน ทำให้ชนินทร์ต้องพูดหว่านล้อมเธออยู่พักใหญ่ สาวน้อยจึงยอมถอดแต่โดยดีเหลือเพียงกางเกงในไว้โชว์เหล่าปลาที่แหวกว่ายผ่านไปมา ส่วนรองเท้าของทุกคนไม่ได้ใส่ออกมาจากเรือตั้งแต่แรกแล้วเพราะรังจะทำให้เกะกะ
“ถ้าน้าประสิทธิ์รู้ว่าเรือยอร์ชกลายเป็นซากไปแล้วละก็ มีหวังพวกเราต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดแน่นอน แล้วใครมันจะมีปัญญาไปชดใช้วะลำละตั้งกี่ล้านก็ไม่รู้ แย่ไปกว่านั้นอาจจะถูกจับยัดเข้าตารางด้วยก็ได้” ตะวันพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้าสลด
“คิดว่าพวกคนบนฝั่งนั่นยังมีชีวิตรอดอยู่จริงๆนะเหรอ นายก็เห็นเหมือนกับฉัน ทุกคนก็เห็นเหมือนกันหมดว่าสึนามิขนาดมหึมานั่นมุ่งหน้าไปยังหาดป่าตอง ป่านนี้ตึกรามบ้านช่องคงพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี ผู้คนบนฝั่งคงหนีตายกันให้จ้าละหวั่น” แมกซ์เล่าผ่านน้ำเสียงตื่นเต้น“
ชนินทร์ทำหน้าซีดก่อนพูดแทรกขึ้น “บ้าเอ้ย ถ้างั้นเรือทุกลำคงถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกทะเลในช่วงสองสามวันนี้แน่เลย แล้วแบบนี้ใครจะเอาเรือออกมารับเราละ”
“ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเราเอาเรือออกมา” แมกซ์พูดดับความหวังทุกคน
“เพราะนายนั่นแหละแมกซ์ที่จุดชนวนความคิดบ้าๆนี่” ตะวันตำหนิ
“พวกนายจะทะเลาะกันหาพระแสงอะไรวะ นี่มันยังไม่เลวร้ายพออีกเหรอถึงต้องมาทะเลาะกันให้เสียจิตเข้าไปอีก” ชนินทร์ประชดเพื่อนทั้งสอง ขณะนี้อารมณ์หนุ่มเหนือเริ่มขึ้นแล้วเหมือนกัน ดูเหมือนจะเป็นผลเพราะคำพูดของชนินทร์ทำให้ทั้งคู่สงบลงได้
ทั้งหมดคอตกเมื่อคิดว่าสึนามิมุ่งหน้าไปยังหาดป่าตองซึ่งเป็นที่พักของพวกเขา ในใจลึกๆก็อดเสียดายไม่ได้เพราะทรัพย์สินทุกอย่างอยู่ในห้องพักส่วนตัวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร้องเท้าไนท์กี้คู่โปรดของแมกซ์ สร้องทองกว่าสองบาทที่แม่ของแอนซื้อให้เป็นของขวัญที่เรียนจบ โน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดของชนินทร์ที่มีไฟล์หนังเอวีต่างแดนล้ำค่ามากมาย
ทุกคนต่างหวนละลึกถึงมันแค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนจะกลับสู่ความเป็นจริง
แสงแดดช่วงสายอาบกระทบใบหน้าและลำตัวของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ที่ลอยเคว้งหลังจากร่างกายเปียกปอนกว่าครึ่งคืนจนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาสัมผัสถึงความอบอุ่นจากไอแดดครั้งแรกหลังจากผ่านเรื่องเลวร้ายเกินกว่าจะทำใจยอมรับได้มาหมาดๆ
ใบหน้าของทุกคนดูผ่อนคลายมากขึ้นในรอบห้าชั่วโมงที่ผ่านมา หลังเรือถูกกลืนและย่อยลงสู่กระเพาะทะเลโดยคลื่น ขณะนี้ดวงอาทิตย์ได้มอบพลังให้กับพวกเขาแล้ว เมื่อทั้งหมดลอยคออยู่กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสามกับหญิงสาวอีกหนึ่งคนเปรียบเสมือนมดตัวเล็กกระจิดริดไปเลย
“เราควรกำหนดเส้นทางขึ้นมาแล้วว่ายไปเรื่อยๆดีมั้ย อาจทำให้เราเจอแผ่นดินก็ได้ ดีกว่าคล้อยตามแรงคลื่นให้เปลืองเวลาแบบนี้” แอนหันไปพูดกับทุกคน
“ทำยังงั้นไม่ได้หรอกแอน นั่นมันจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงให้กับเรา บางทีถ้าทำอย่างที่เธอพูดพวกเราทุกคนอาจจะว่ายออกจากฝั่งไปไกลมากขึ้นอีกก็ได้นะ” แมกซ์ยกมือห้ามปราม
“อีกอย่างนึง เราควรเคลื่อนไหวตัวเองให้น้อยที่สุดด้วยเพื่อลดความอ่อนล้าของร่างกาย เพราะถ้าขยับตัวมากเกินไปจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง และอาจทำให้เกิด…”
“อาการช็อค”
ชนินทร์ตอบแทนเพื่อนเขา พลางลูบหัวแอนเพื่อให้หญิงสาวใจเย็นลงและอธิบายสมทบอีกว่า “ที่สำคัญพวกเราต้องรักษาอุณหภูมิเอาไว้ด้วยโดยการหดแขนขาของตัวเองให้กลมเข้าไว้ และเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด”
“ถูกต้อง” แมกซ์เสริม
ไม่มีใครบรรยายความรู้สึกนี้ได้ดีเท่ากับพวกเขาทั้งสี่คนอีกแล้ว ความรู้สึกที่ยากจะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด เมื่อต้องลอยคออยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อีกทั้งคลื่นทะเลที่น่าเวียนหัวชวนอ้วก มันไม่เหมือนกับสระว่ายน้ำสี่เหลี่ยมแคบๆที่มองเห็นขอบสระทุกด้าน แต่นี่คือของจริง กลางทะเลจริง คลื่นจริง สัมผัสของห้วงความลึกที่ไม่อาจประมาณได้ ความรู้สึกเหมือนตัวลอยอยู่ในอากาศที่ไม่มีพื้นดินให้เหยียบ และดูเหมือนว่าร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลาด้วยกระแสน้ำที่ชวนอาเจียน
ระหว่างพูดคุยหนุ่มใต้ว่ายน้ำออกห่างจากเพื่อนๆกว่าห้าเมตรเพื่อทำบางอย่าง
“นายทำอะไรของนายวะตะวัน ว่ายออกห่างจากพวกเราทำไม” หนุ่มลูกครึ่งถามเพื่อคลายความสงสัยให้กับตัวเขาเองและเพื่อนอีกสองคน
ตะวันยิ้มแห้งๆ “ฉันปวดฉี่น่ะ”
“ว้าย! ทุเรศ อีตาบ้า ออกไปไกลๆเลยนะ ฉันไม่อยากให้กลิ่นมันวนเวียนอยู่แถวๆนี้”
“แหม่ ทำเป็นรังเกียจไปได้ ถ้าต้องอยู่ที่นี่อีกหลายชั่วโมง พอถึงเวลานั้นเธอก็คงต้องทำแบบนี้เหมือนกันแหละ ไม่มีใครอั้นกลับขึ้นไปปล่อยในส้วมบนฝั่งได้ทันเวลาหรอก อีกอย่างน้ำเย็นๆแบบนี้ใครจะไปทนไหว”
“เดี๋ยวก่อน!” ชนินทร์ห้าม สีดูหน้าวิตก
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ พอดีฉันศึกษาเรื่องฉลามมาเยอะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน มาพูดขัดฉันทำไมตอนนี้ ขอทำธุระให้เสร็จก่อนไม่ได้หรือไง”
“ก็มันเกี่ยวกับฉี่แกนี่แหละว่ะ” ชนินทร์พูดด้วยท่าทีแปลกๆจนเพื่อนต่างทำหน้าสงสัยไปตามๆกัน “ฉันเคยอ่านหนังสือรวมเรื่องน่ารู้ของสัตว์ร้ายในทะเลที่พ่อซื้อมาให้เป็นของขวัญเมื่อปีก่อน ในนั้นมีอยู่หัวข้อนึงที่เตือนเอาไว้ว่า สารยูรีนจากฉี่จะส่งกลิ่นดึงดูดให้พวกมันเข้ามาหาได้”
“พวกมันที่ว่านี่คืออะไร” แมกซ์ถาม
“ฉลาม”
“เอ้า! ให้ตายสิ อย่างนั้นก็ไม่เป็นอันต้องขับถ่ายกันเลยสิวะ แล้วถ้าฉันเกิดปวดขึ้นมาบ้างก็คงต้องทำเหมือนตะวันนะแหละ” หนุ่มลูกครึ่งว่า
“มะ มะ มะ…ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันปล่อยมันออกแล้ว เมื่อกี้นายว่าไงนะ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉลามตามกลิ่นจากฉี่ได้ด้วย” ตะวันพูดขณะสะบัดหนอนแล้วอุ้มเก็บเข้ารังเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าหนุ่มใต้จะกลัวแค่ไหนแต่การขับถ่ายมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ
“ช่างมันถอะ อย่างน้อยกลิ่นฉี่ก็ดีกว่ากลิ่นคาวเลือดล่ะนะ ดูแลรักษาตัวเองให้ดีอย่าให้เกิดบาดแผลละกัน” ชนินทร์พูดปัดเพราะไม่อยากให้ทุกคนเสียขวัญ พร้อมกับแนะนำให้เพื่อนๆรีบว่ายออกจากบริเวณที่ตะวันได้สร้างอาณาเขตเอาไว้โดยเร็ว เพื่อรักษาระยะปลอดภัยก่อนที่เพชรฆาตแห่งท้องทะเลจะทันได้กลิ่น
เขาอดขอบคุณหนังสือที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญไม่ได้เลย เพราะในเวลานี้มันมีประโยชน์กับเขาและเพื่อนๆมาก และตนเองรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้อ่านมัน เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างนำเสนอออกมาในรูปแบบภาพการ์ตูนน่ารัก เนื้อหาก็อ่านไม่ยากจนเกินไป ไม่เหมือนกับหนังสือสารคดี แต่เป็นหนังสือแนวสัตว์โลกน่ารักมากกว่า ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่เคยคิดว่าพวกมันน่ารักเลยสักครั้ง
เขาอ่านจบมาไม่น้อยกว่าสามรอบแล้ว เพราะฉะนั้นข้อมูลของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดจึงจดจำอยู่ในสมองของชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ ทว่าเมื่อตัวของชนินทร์เองต้องประสบปัญหาลอยคออยู่กลางทะเลแบบนี้ซะเองก็อดนึกภาพความร้ายกาจของสัตว์บางประเภทที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนั้นไม่ได้เลย เพราะข้อมูลของสัตว์ทะเลเกือบทั้งหมดฝังอยู่ในเมมโมรี่ความทรงจำของชายหนุ่มเรียบร้อยหมดแล้ว
ทั้งหมดรีบว่ายออกจากบริเวณที่ตะวันทำธุระเอาไว้อย่างรีบร้อนตามคำแนะนำของชนินทร์ พวกเขาอดกลัวไม่ได้อยู่ดีเมื่อนึกถึงฟันอันแหลมคมของมัน ขนาดแมกซ์ที่มีนิสัยห่ามๆยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันตรงๆเลย หากเป็นไปได้ขอเลี่ยงดีกว่า
การรบกับฉลามในน้ำซึ่งเป็นบ้านของมันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ มันทั้งเร็ว ดุร้าย และหิวกระหาย สำคัญที่สุดเราไม่มีทางรู้เลยว่าถูกจะโจมตีจากใต้น้ำเมื่อไหร่เพราะมองไม่เห็น นอกเสียจากจะใส่หน้ากากส่องลงไปใต้ผิวน้ำคอยระวังอยู่เป็นระยะ
ทั้งสี่คนว่ายออกไปเรื่อยๆ ท่ามกลางคลื่นอ่อนๆของน้ำทะเลที่ชวนอาเจียน เหล่านักศึกษาไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขากำลังว่ายเข้าไปสู่อาณาเขตบริเวณของบางสิ่งที่อันตรายไม่แพ้กัน
●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ