ราชินี แพนทัสเนีย

7.7

เขียนโดย LittleBlue

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 01.44 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 14.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ได้แต่เย็บผ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เช้าวันถัดมาร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้างในตอนนี้มีอารมอันอดกลั้นอย่างที่สุด สายตากลมโตเพ่งเล็งไปยังต้นเหตุของความหงุดหงิดทั้งปวง
“เจ้ามองข้ายังไง ข้าก็ไม่ให้เจ้าออกไปไหนหรอก” เสียงทุ่มตำ่เอ่ยเนิบๆนิ่งๆออกจะสบายอารมด้วยซำ้ หญิงสาวผู้ถูกห้ามขยับห้ามออกไปไหนได้แต่บ่นในใจ ‘อะไรกันเนี่ย แผลนะมันที่หลังไม่ใช่ขา แถมปิดไปแล้ว ถึงจะเจ็บอยู่นิดหน่อยแต่แค่ลุกเดินนิดหน่อยไม่ได้หรือไงกัน’
คิดไปคิดมาชิว่าจึงตัดสินใจใช้วิธีอื่นเพื่อหว่านล้อมชายหนุ่ม “นี่ท่าน ข้านะไม่เป็นอะไรมากแล้ว อย่างน้อยๆก็ให้ข้าลุกออกจากเตียงหน่อยเถอะ” นำ้เสียงที่เธอใช้นั้นนุ่มหวานมีเสน่อย่างมากในแบบหญิงงาม เธอส่งสายปิบๆอย่างออดอ้อนเป็นของแถม
ชายหนุ่มเลิกคิ้วกับการแสดงของร่างบางบนเตียง ‘เธอคนนี้คงไม่คิดว่าเขาโง่ขนาดดูไม่ออกหรอกใช่หรือไม่’ หญิงสาวที่ส่งสายตาออกไปนานสองนานก็เริ่มที่จะถอดใจกับความนิ่งของคนตัวโตที่นั่งอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยถึงสายตาปนเอ็นดูที่ถูกส่งมาจากชายหนุ่ม ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะถอดใจ ชายหนุ่มข้างกายก็เอ่ย “ข้าให้เจ้าขยับได้ แต่ห้ามออกจากห้องนี้” ได้ยินอย่างนั้นชิว่าก็ใจชื้นขึ้น แต่แค่อยู่ในห้องก็ยังไงๆอยู่ “แล้วถ้าข้าต้องเอาอะไร ต้องออกไปหละ” เธอพยายามหาเหตุผลเพื่อทำให้เธอออกไปได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงเบื่อตาย “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกข้า” เมื่อพูดจบมือหนาก็ยื่นกระดิ่งเล็กมา หญิงสาวมองมันแล้วค่อยหยิบขึ้นลองเขย่าดู ‘หืม ไม่มีเสียว’ คงเพราะเห็นเธอขมวดคิ้วสงสัยเมื่อไม่ได้ยินเสียง ชายหนุ่มจึงช่วยเฉลย “ข้าจะได้ยินมัน” ชิว่าพยักหน้าตอบรับและคิดในใจ ‘เวทมนต์สินะ’ สายตาเธอเป็นประกายขึ้นมา “นี่ๆเนโรท่านจำได้ไหมว่าท่านสัญญาจะสอนอะไรข้า?”
ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวต้องการอะไรแต่ทำไมเขาต้องบอกเด็กดื้อที่ยังไม่หายดี “เจ้าหมายถึงอะไร” คำถามกลับหน้าตายของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวเบ้ปากหน้าบึ้งอีกครั้ง “นี่ท่านอย่าได้เบี้ยวนะ ก็ท่านสัญญาจะสอนเวทมนต์ข้าอย่างไรเล่า”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่ข้าสัญญาเจ้าจะสอน แต่ข้าได้บอกเจ้าหรือไม่ว่าเมื่อใด?” เสียงเนโรนิ่งมาก มันทำให้ชิว่ารู้สึกว่าชายตรงหน้านั้นกวนได้หน้าตายมากๆ หญิงสาวพึมพัม “นี่มันกวนกันชัดๆ” ชิว่าไม่ได้มองไปที่ชายหนุ่ม ทำให้ไม่เห็นประกายคบขันในดวงตาดำนั้น
“อย่าห่วง ข้าไม่ผิดสัญญา รอเจ้าหายข้าจะสอน” นำ้เสียงหนักแน่นถูกเอ่ยออกมา ทำให้หญิงสาวหันกลับไปมองแล้วเห็นว่าเขากำลังยิ้มอยู่ แม้เพียงน้อยนิดแต่ก็เป็นรอยยิ้ม หญิงสาวมองมันไม่วางตาจนคนตรงหน้าเริ่มรู้สึกตัว “มีอะไร?” เสียงคนตัวโตถาม หญิงสาวกระพิบตาปิบๆ ก่อนจะพูดแก้เก้อ “ข้าอยากเรียนจับดาบด้วย” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “เป็นหญิงเขาไม่นิยมจับดาบ” “แต่ข้าเห็นสมควร ท่านก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจสู้ได้เลย” ชิว่าโต้กลับ “เรียนเวทมนต์ก็เพียงพอ” ชายหนุ่มกล่าว “พึ่งแต่เวทมนต์ ไม่ใช่คำตอบ” อย่างไรชิว่าก็อยากเรียนจับดาบ ‘ใครจะไปรู้ว่าอานาคตจะเป็นยังไง บางทีเธออาจจะอยู่ในเหตุการที่ใช้เวทมนต์ไม่ได้ก็เป็นได้’ เนโรเห็นหญิงสาวดื้อดึงจึงพยักหน้าในที่สุด จากนั้นชิว่าก็ต้องอยู่แต่ในห้องตลอด กินนอนเล่นอะไรทุกอย่างในห้องจนเธอเบื่อเหลือเกิน ส่วนชายหนุ่มก็มานั่งเฝ้าเธอทุกวัน ‘เขาไม่มีอะไรทำหรือยังไงนะ  แล้วมาทั้งทีชวนคุยหน่อยไม่ได้หรือยังไง’ เธอลอบมองคนตัวโตที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสือ จริงๆอ่านหนังสือนะเธอไม่ว่าหรอกแต่ชายหนุ่มเล่นอ่านอยู่เล่มเดิมๆซำ้ๆ ‘ถามจริงไม่เบื่อบ้างหรือไง’ หญิงสาวจ้องแล้วจ้องอีกก่อนเอ่ยปากถามในที่สุด “ทำไมท่านอ่านแต่เรื่องเดิมๆ?”
เนโรเหลือบมองคนถามก่อนจะตอบกลับมาสองคำ “ข้าชอบ” จากนั้นก็เงียบ ทำเอาชีว่าหน้ายับยู่ยี่ เห็นทีเธอคงพึ่งคนตรงหน้าเรื่องมีอะไรทำไม่ได้แล้ว หญิงสาวมองไปรอบห้องในขณะที่ตัวก็นอนก่างอยู่บนเตียง สายตาหยุดอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า ‘จริงสีกางเกง’ หญิงสาวกระเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาเจ็บที่หลัง “อุ้ยเจ็บ” ทำให้โดนดุทางสายตา ชิว่าส่งยิ้มแหะๆกลับไป เนโรส่ายหน้า “เจ้าจะทำอะไร” “ข้าอยากทำกางเกง อ้าอยากเย็บผ้า” หญิงสาวกระดึบเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งตรงเก้าอี้ชิดกลับเตียง จนตอนนี้เธอกับเขาห่างเพียงฝ่ามือ หญิงสาวจับแขนชายหนุ่มเขย่าเบาๆอย่างออดอ้อน วิธีนี้หญิงสาวทำกับน้องชายและพ่อของตนเองเสมอและได้ผลทุกที ชายหนุ่มมองมือบางที่เขย่าแขนตนเองเบาๆ ก่อนจะยกยิ้ม ไม่เหมือนการเสียแสร้งแกล้งทำอย่างครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เขารู้สึกว่าหญิงสาวขอได้เป็นธรรมชาติอย่างมาก “ข้าจะเอาให้” คำตอบของเนโรเรียกรอยยิ้มจากหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มยิ้มมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ หลายวันที่ผ่านมาเธออยู่แต่ในห้อนและมีชายหนุ่มอยู่เป็นเพื่อนทุกวัน ถึงเขาจะไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่หญิงสาวเป็นคนชั่งพูดจึงมีคุยกับเขาอยู่บ้าง ทำให้ชิว่ารู้สึกคุ้นชินกับเนโรขึ้นมาก เธอรู้แล้วว่าชายหนุ่มนั้นแค่ทำหน้าดุหน้าตายไปงั้นเองแต่ที่จริงใจดีและมีเหตุผล ถ้าสิ่งที่เธอขอไม่ใหญ่อะไรก็จะให้เสมอ ถ้าให้พูดคือหญิงสาวไม่มีความรู้สึกกลัวชายหนุ่มเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
ส่วนรอยยิ้มที่แรกๆเธอมักตกใจอย่างช่วยไม่ได้เพราะเขายิ้มแล้วดูดีจริงๆ ตอนนี้เธอก็คุ้นชินกับมันซะแล้ว ถ้าเทียบกันคนปกติเขายังยิ้มน้อยอยู่แต่ก็ไม่ได้น้อยเหมือนแต่ก่อน เดี๋ยวนี้เธอเห็นมันอยู่ทุกวัน จริงๆจากที่เธอสังเกตเขาจะยิ้มง่ายขึ้นและมากขึ้นเวลาเธอยิ้มให้เขาก่อน เธอจึงตั้งใจยิ้มให้เขามากๆ เขาจะได้ยิ้มกลับมามากๆ ก็แหมคนยิ้มแล้วดูดีขนาดนั้นไม่ยิ้มก็เสียดายแย่
หลังจากวันนั้นหญิงสาวก็หมกมุ่นอยู่กับการตัดเย็บผ้า เนโรมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ทำงานอย่างตั้งใจ เธอดูคล่องแคล่วกับการตัดเย็บใช้ได้ เสียงไพเราะค่อยๆถูกขับร้องออกมาเบาๆ เนโรเบิกตาอย่างแปลกใจเพราะเสียงของเธอยามร้องเพลงนั้นใสกังวานและน่าดึงดูดอย่างเหลือเชื่อ นอกจากนั้นยังมี... สายตาของชายหนุ่มมองไปรอบๆห้อง เขารู้สึกได้ว่ามีพลังอะไรบางอย่าง เป็นไอพลังเบาบางอบอุ่นแต่ก็ทรงพลังอยู่รอบๆตัวหญิงสาว พลังนั้นเกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวตรงหน้าเริ่มร้องเพลง เนโรขมวดคิ้วสงสัยที่พลังนั้นแม้จะพิเศษและทรงพลังแต่ก็บางเบาเป็นอย่างมาก ‘หรือว่าเธอจะไม่รู้ตัว’ ชายหนุ่มนึกในใจ “เจ้าร้องเพลงบ่อยไหม?” ชายหนุ่มถามและได้การพยักหน้ากลับมาจ่างร่างบางซึ่งยังคงหันหลังให้อยู่ “แล้วเจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?”
คำถามของชายหนุ่มหยุดมือบางจากการตัดเย็บ “อย่างเช่นอะไรละ?” เธอถามอย่างสงสัยแต่กลับไม่ได้คำตอบจากชายหนุ่ม ได้เพียงการส่ายหน้ากลับมา ชายหนุ่มกลับไปอ่านหนังสือต่อซะแล้ว
ถึงจะยังสงสัยอยู่แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก ‘ก็แค่ร้องเพลงมันจะไปมีอะไรกัน’ และเธอก็หันไปสนใจกับการเย็บกางเกงต่อ หารู้ไม่ว่าเนโรกำลังมองเธออย่างตั้งใจ ‘เห็นทีคงต้องรอดูตองสอนเวทมนต์ให้กับเธอ’ ชายหนุ่มนึกในใจ
ในที่สุดวันเวลาก็มาถึงหลังจากที่เธอต้องนั่งอุดอู้อยู่ในห้องตลอดหลายสัปดาห์ ชีว่าในชุดกะทัดรัด เธอใส่กางเกงที่เธอตัดเย็บเองกับมือแล้วส่องกระจกก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ‘พอดีเลย’
ชิว่ายืดเส้นยือสายอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจออกจากห้อง วันนี้เธอจะได้เรียนเวทมนต์และใช้ดาบเป็นวันแรกทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย จะไม่ตื่นเต้นได้ยังไงในเมื่อสองเดือนก่อนเธอยังอยู่ในที่ๆไม่มีเวทมนต์อยู่เลย เธอเปิดประตูออกมาก็พบกับเนโรที่ยืนรออยู่ หญิงสาวส่งยิ้มให้ร่างสูงอย่างเคยชิน เนโรเพียงพยักหน้าตอบรับเท่านั้นแต่นั่นก็ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดีเพราะชายหนุ่มเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว
พอทักทายเนโรแล้วชิว่าถึงได้รู้ว่าตอนนี้หิมะก็ยังคงปกคลุมไปทั่วทุกที่อยู่ เธอจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “ที่นี่ฤดูหนาวกี่เดือนกันหรอ?” เนโรไม่ยอมตอบคำถาม เขากลับโบกมือแล้วพูดว่า “เริ่มเลย เรียนเวทมนต์ก่อนแล้วกัน” หญิงสาวพยักหน้าแต่ในใจเธอได้ขีดเส้นใต้เกี่ยวกับฤดูหนาวของอาณาจักรนี้ไปเรียนร้อยแล้ว ‘เดี๋ยวค่อยไปหาข้อมูลดูจากห้องสมุดก็แล้วกัน’
“การจะใช้เวทมนต์ของที่นี่มีอยู่หลายวิธี มีทั้งการเขียนเป็นรอยอักขระวงเวท หรือพูดออกมาเป็นคำโบราณ หรือแม้แต่นึกคำในหัว แต่ว่าทุกขั้นตอนมีขีดจำกัด เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืออะไร” เนโรถาม
หญิงสาวพยักหน้า จริงๆเธออ่านเรื่องพื้นฐานพวกนี้มาบ้างแล้ว “ขีดจำกัดของอักขระคือสิ้นเปลืองเวลาในการเขียนมันออกมา แต่ก็มีการเขียนออกมาไว้ก่อนแล้วอย่างเช่นเขียนเอาไว้ล่วงหน้าบนกระดาษ แต่ก็มีขีดจำกัดอีกคือเวทที่ถูกเขียนไว้จะนำมาใช้ได้แค่ครั้งเดียว ส่วนการใช้คำพูดนั้นยากกว่าเพราะเป็นเพียงการใช้เสียงไม่เห็นภาพจึงยากที่จะจับจุดแต่ก็รวดเร็วกว่า ข้อเสียคือไม่สามารถใช้เวทที่ระดับสูงจนเกินไป เพราะคำโบราณไม่ซับซ้อนเท่าอักขระภาพทำให้ไม่สามารถสร้างเวทที่ซับซ้อนได้ ส่วนการนึกในหัวนั้นยากเสียยิ่งกว่าการพูดเพราะไม่มีเสียงช่วยในการสัมผัสเวท เออ.. จึงใช้ได้กับเวทพื้นฐานจริงๆเท่านั้น” หญิงสาวบรรยายอย่างถูกต้อง
เนโรพยักหน้า “ถูกอย่างที่เจ้าว่า แต่ว่ามันก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป ความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางครั้งเพราะคนส่วนมากจนเหมือนกับว่าไม่มีใครทำมันได้เลย หนังสือจึงเขียนว่าไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าไม่ได้ ถ้าเจ้าสามารถสัมผัสได้ถึงเวทและการเชื่อมโยงของพลัง คำสั่งเวทมนต์ก็ยังสามารถเป็นผลได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม” เนโรอธิบายซึ่งประเด็นจริงๆที่เขากำลังจะบอกเธอคืออย่าเชื่อสิ่งที่หนังสือบอกมากจนเกินไป มันไม่ผิดแต่ก็ไม่ถูกเช่นเดียวกัน “อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกที่เจ้าต้องทำเป็นคือการรู้สึกถึงพลังเวทในกาย” ชายหนุ่มอธิบายต่อ หญิงสาวครุ่นคิดก่อนเอ่ยถาม “แต่จากที่ข้าอ่านมานั้นต้นกำเนิดของพลังเวทมนต์นั้นคือธรรมชาติไม่ใช่หรือ แล้วทำไมไม่เอาจากข้างนอกแต่เป็นข่างใน?” “มันทำได้ทั้งสองอย่าง แต่การสัมผัสในกายนั้นง่ายกว่ามาก เพราะมันคือตัวเราร่างกายเรา เราสามารถเข้าใจมันได้มากกว่า ถ้าให้พูดจริงๆ ทุกอย่างนั้นมีเวทมนต์เพราะเวทมนต์คือธรรมชาติและธรรมชาติคือทุกสิ่ง สิ่งที่สำคัญคือสัมผัสมันได้รึเปล่ามากกว่า เพราะฉะนั้นถึงแม้ข้างนอกนั้นมีพลังที่สามารถนำมาใช้ได้มากกว่าแต่ก็สัมผัสได้ยากกว่า” หญิงสาวฟังไปก็พยักหน้าเข้าใจ แต่เวทมนต์ยุ่งยากกว่าที่เธอคิดเยอะเลยนะเนี่ย “เอาหละปิดตาและกำหนดลมหายใจ พยายามนึกภาพและรู้สึกถึงร่างกายของตัวเอง รู้สึกถึงพลัง” เนโรพูดด้วยเสียงไม่ดังไม่เบาแต่เนิ่นช้า ชิว่าหลับตาและพยายามทำตาม เธอหายใจเข้าและออกอย่างเป็นจัวหวะและเพ่งสมาธิไปที่ร่างกายของตัวเอง เธอรู้สงบและค่อนคลายจนน่าเหลือเชื่อ ทุกอย่างเงียบมาก เวลาผ่านไป ‘อ้า เริ่มง่วงแล้วสิ’ และหญิงสาวก็เผลอสติหลุดไปทั้งที่ยืนอยู่ เนโรรีบเข้าไปประคองร่างบางที่กำลังจะเซล้มแล้วถอนหายใจ ‘หญิงสาวคนนี้น่าตายนักที่มาหลับทั้งยืนแบบนี้’ ถึงจะคิดอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะปลุก เขาได้แต่คิดว่าจะสอนเธอคนนี้ยังไงดี
‘ให้นอนซักสิบนาทีแล้วกัน’ เขาตัดสินใจในที่สุด...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา