The Dancing Room อย่าบอกใคร เก็บไว้คนเดียว
8.5
เขียนโดย AriA
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.44 น.
5 chapter
0 วิจารณ์
6,884 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 09.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Episode 2 - Silent
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งในห้องนอนของเธอ
แก้วน้ำที่ถูกทิ้งไว้ข้ามคืน กระปุกยาแก้ไมเกรนและโทรศัพท์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แชมเปญที่หกลงพื้นจนเกือบหมด เธอผลักตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะทำงานของเธอ เธอหันไปจ้องหนังสือนิยายที่วางไว้บนเตียงและครุ่นคิดบางอย่าง เธอพยายามปลุกตัวเองจากอาการเมาค้างและลุกขึ้นจากเก้าอี้พลาสติกสีขาวหมองๆ ของเธอที่รับน้ำหนักเธอและความเครียดของเธอมานับปี
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอจับขอบโต๊ะเพื่อทรงตัวและยื่นมือไปรับโทรศัพท์ของเธอ
“คุณเอดาใช่ไหมคะ?” หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เธอทิ้งตัวลงบนเตียงและเช็ดน้ำตาและน้ำลายของเธอบนใบหน้าให้หมด เธอกระแอมเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“ค่ะ” เธอพูดอย่างแผ่วเบา
“นี่สำนักพิมพ์ไทเลอร์นนะคะ” เธอฟังแล้วเหมือนเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นในหัวของเธอ
“จะมาแจ้งว่านิยายของคุณทั้งสี่เล่มยอดตกมาเหลือ 0.1-0.23 เล่มต่อวันแล้วค่ะ” เธอได้ยินแล้วจึงหลับตาลงและพยายามกลั้นน้ำตาของเธอที่จะไหลรินลงมา หญิงสาวในโทรศัพท์หายใจอย่างช้าๆ และค่อยๆ เริ่มพูดเหมือนเธอไม่ค่อยอยากที่จะพูดซักเท่าไหร่
“ถ้ายอดขายของคุณยังเป็นเช่นนี้อยู่ เราอาจต้องยุติการพิมพ์นิยายของคุณทั้งสี่เล่มไว้เพียงเท่านี้นะคะ...” หญิงในโทรศัพท์หยิบกระดาษบางอย่างออกมาเสียงดัง เอดาหลับตาลงและกลืนน้ำลายตัวเองหลายครั้ง เธอได้แต่ปลอบประโลมตัวเอง ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ว่าเหตุการณ์นี้สักวันต้องเกิดขึ้น
“และหนังสือที่เหลืออาจถูกฉีกปกขาย หรือบริจาคให้กับมูลนิธิจนหมด” ตอนนี้เอดารับคำพูดของหญิงในโทรศัพท์ไม่ไหวแล้ว แต่เธอก็ต้องฝืนใจฟังเธอต่อไป หญิงในโทรศัพท์พูดกับใครสักคน ปล่อยให้เธอได้แต่ฟังเสียงลมและเสียงพึมพำ
“ทางสำนักพิมพ์อาจต้องเชิญคุณมาเจรจากับเรื่องนี้โดยด่วนที่สุด ไม่ทราบว่าคุณเอดาว่างวันไหนคะ” หญิงในสายโทรศัพท์พูดและกดปากกาเล่นเป็นจังหวะ
“วันนี้ค่ะ” เธอพูดอะไรไม่รู้ เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะเดินออกไปหน้าห้องนอนของเธอไหวหรือเปล่า เธอเงี่ยหูฟัง และได้ยินเสียงย่างก้าวกำลังเดินเข้ามา
“วันนี้ตอนบ่ายสามโมงครึ่งได้ไหมคะ” หญิงในโทรศัพท์พูดและเธอก็ตอบตกลงทันที เธอหันไปที่ประตูและลุกขึ้นมา
“ได้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ” เอดาพูดเสร็จก็วางสายทันที เธอเดินออกไปในประตู และเจอเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนพรมสีเทาหมอง ทำหน้าเฉยเมยเย็นชาและเงยแหงนหน้ามองเธอ
“แม่คะ หนูเห็นใครไม่รู้ ชวนหนูไปเดินเล่นด้วยค่ะ” หญิงสาวพูดและหันไปชี้ห้องน้ำที่อยู่ริมกำแพงขวา กระเบื้องสีขาวสนิท เอดาหันไปมองตามที่เธอชี้และเจอแต่กระจกที่เธอใช้แต่งหน้าทุกวัน
“ไหนคะ? เค้าชวนหนูไปไหนคะ?” เอดาขนลุกเล็กน้อย แต่พยายามถามลูกของเธอให้เป็นปกติมากที่สุด
“เค้าชวนหนูไปดิสนี่แลนด์ค่ะ เค้าใส่ชุดเหมือนซินเดอเรลล่าแล้วเค้าบอกว่าให้หนูข้ามประตูเข้าไปด้วยล่ะ” เธอหันมาและพูดอย่างไม่รู้ไม่เข้าใจอะไร เอดาไม่ได้รู้สึกขำเลย เธอรู้สึกกลัวด้วยซ้ำ และพยายามไม่มองไปที่กระจกนั่น
“เหรอคะ แล้วหนูตอบเค้าไปมั้ยลูก?” เอดาถามเธอไปเพราะรู้ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
“หนูถามเขาไปแล้วว่าพี่มาจากไหน พี่ซินเดอเรลล่าตอบหนูว่าให้เดินออกมานอกบ้านค่ะ แล้วจะเห็น” เธอตอบขึ้นและมองเอดาตาแป๋วๆ เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป เอดาพยายามที่จะไม่สนใจ และจะให้เธอไปแปรงฟันต่อและทานอาหารเช้าเหมือนปกติ
“โครม !” เสียงจากหน้าบ้านดังขึ้นเหมือนโลกจะถล่ม เอดาตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่ลูกของเธอไม่ได้ตกใจอะไรเลย เธอบอกลูกของเธอให้ล้างหน้าแปรงฟันไปก่อน และวิ่งลงไปดูจุดเกิดเสียง เธอมองออกไปนอกบ้านและเจอรถเวสบ้าคันใหญ่ควันเริ่มโขมง และคนจากบ้านรอบๆ มาดูเหตุการณ์
“เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย” เอดาเดินเปิดประตูออกมาจากบ้าน ชายแก่คนหนึ่งกระโดดลงมาจากรถเวป้า และปิดประตูรถแต่ไม่สนิท เธอรีบกระโดดข้ามรั้วบ้านและมาช่วยพยุงชายชราและช่วยดูแผลที่ศีรษะของเขา เธอหันไปมองสภาพบ้านของตัวเอง สภาพดูไม่ค่อยได้ แต่ไม่ได้เสียหายหนักมาก
“ลุงเหยียบหาเบรกไม่เจอ ตอนเช้าก็หาแว่นตาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ลุงเลยประมาทขับรถมาจะไปซื้อของ แต่มาชนบ้านหนูซะก่อน ลุงต้องขอโทษด้วยนะ” ชายชราก็ได้แต่พูดขอโทษ เอดาก็ได้แต่ให้อภัย เอดาแหงนมองออกไปข้างบนและเห็นลูกของเธอมองลงมาข้างล่างผ่านหน้าต่างในห้องนอนของเธอ ยาสีฟันกับแปรงสีฟันยังอยู่คาปาก เธอส่งสัญญานมือให้เธอเข้าไปอยู่นานโข จนเธอจะเข้าใจและเดินเข้าไปแปรงฟันต่อ เธอมองกลับมา เห็นมีคนเริ่มโทรหาตำรวจแล้ว
“ลุงขอโทษจริงๆ นะ ลุงหาเบรกไม่เจอจริงๆ สวนแผลนี้หนูไม่ต้องห่วง เดิ๋ยวลุงจัดการเอง แค่นี้สบายมาก หายห่วง” ลุงพูดและส่งยิ้มให้เธอ และเธอก็ส่งยิ้มกลับตามมารยาท
แต่เธอเพิ่งนึกได้บางอย่าง...
และเธอมองขึ้นไปข้างบน และเจอลูกของเธอที่ล้างปากมาแล้วเรียบร้องมองลงมาอีกครั้ง และคุยกับกระจกที่วางอยู่ข้างๆ ลูกของเธออยู่
“หนูๆ ลุงยอมจ่ายค่าเสียหายให้ทั้งหมดเลยนะ เดิ๋ยวลุงจะให้ลูกลุงมาจ่ายทีหลังนะ” ลุงยังไม่หยุดพูดเสียที
แต่เอดาขอจังหวะวิ่งเข้าไปในบ้าน และวิ่งขึ้นไปข้างบนให้เงียบที่สุดและเร็วที่สุด และหยุดชะงักที่หน้าห้องนอนของเธอ ที่ลูกของเธอยังคุยกับกระจกอยู่
“นี่ๆ เห็นเมื่อกี้มั้ย นั่นแม่ของหนูชื่อเอดา” ลูกของเธอพูดอยู่คนเดียวและหันไปมองกระจก ทั้งเธอและลูกของเธอต่างชะงักไม่แพ้กัน
“ถ้าพี่จะเอาหัวใจแม่หนูไป สัญญาว่าอย่าลืมเอามาให้หนูดูก่อนนะ” ลูกของเธอพูด
แก้วน้ำที่ถูกทิ้งไว้ข้ามคืน กระปุกยาแก้ไมเกรนและโทรศัพท์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แชมเปญที่หกลงพื้นจนเกือบหมด เธอผลักตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะทำงานของเธอ เธอหันไปจ้องหนังสือนิยายที่วางไว้บนเตียงและครุ่นคิดบางอย่าง เธอพยายามปลุกตัวเองจากอาการเมาค้างและลุกขึ้นจากเก้าอี้พลาสติกสีขาวหมองๆ ของเธอที่รับน้ำหนักเธอและความเครียดของเธอมานับปี
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอจับขอบโต๊ะเพื่อทรงตัวและยื่นมือไปรับโทรศัพท์ของเธอ
“คุณเอดาใช่ไหมคะ?” หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เธอทิ้งตัวลงบนเตียงและเช็ดน้ำตาและน้ำลายของเธอบนใบหน้าให้หมด เธอกระแอมเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“ค่ะ” เธอพูดอย่างแผ่วเบา
“นี่สำนักพิมพ์ไทเลอร์นนะคะ” เธอฟังแล้วเหมือนเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นในหัวของเธอ
“จะมาแจ้งว่านิยายของคุณทั้งสี่เล่มยอดตกมาเหลือ 0.1-0.23 เล่มต่อวันแล้วค่ะ” เธอได้ยินแล้วจึงหลับตาลงและพยายามกลั้นน้ำตาของเธอที่จะไหลรินลงมา หญิงสาวในโทรศัพท์หายใจอย่างช้าๆ และค่อยๆ เริ่มพูดเหมือนเธอไม่ค่อยอยากที่จะพูดซักเท่าไหร่
“ถ้ายอดขายของคุณยังเป็นเช่นนี้อยู่ เราอาจต้องยุติการพิมพ์นิยายของคุณทั้งสี่เล่มไว้เพียงเท่านี้นะคะ...” หญิงในโทรศัพท์หยิบกระดาษบางอย่างออกมาเสียงดัง เอดาหลับตาลงและกลืนน้ำลายตัวเองหลายครั้ง เธอได้แต่ปลอบประโลมตัวเอง ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ว่าเหตุการณ์นี้สักวันต้องเกิดขึ้น
“และหนังสือที่เหลืออาจถูกฉีกปกขาย หรือบริจาคให้กับมูลนิธิจนหมด” ตอนนี้เอดารับคำพูดของหญิงในโทรศัพท์ไม่ไหวแล้ว แต่เธอก็ต้องฝืนใจฟังเธอต่อไป หญิงในโทรศัพท์พูดกับใครสักคน ปล่อยให้เธอได้แต่ฟังเสียงลมและเสียงพึมพำ
“ทางสำนักพิมพ์อาจต้องเชิญคุณมาเจรจากับเรื่องนี้โดยด่วนที่สุด ไม่ทราบว่าคุณเอดาว่างวันไหนคะ” หญิงในสายโทรศัพท์พูดและกดปากกาเล่นเป็นจังหวะ
“วันนี้ค่ะ” เธอพูดอะไรไม่รู้ เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะเดินออกไปหน้าห้องนอนของเธอไหวหรือเปล่า เธอเงี่ยหูฟัง และได้ยินเสียงย่างก้าวกำลังเดินเข้ามา
“วันนี้ตอนบ่ายสามโมงครึ่งได้ไหมคะ” หญิงในโทรศัพท์พูดและเธอก็ตอบตกลงทันที เธอหันไปที่ประตูและลุกขึ้นมา
“ได้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ” เอดาพูดเสร็จก็วางสายทันที เธอเดินออกไปในประตู และเจอเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนพรมสีเทาหมอง ทำหน้าเฉยเมยเย็นชาและเงยแหงนหน้ามองเธอ
“แม่คะ หนูเห็นใครไม่รู้ ชวนหนูไปเดินเล่นด้วยค่ะ” หญิงสาวพูดและหันไปชี้ห้องน้ำที่อยู่ริมกำแพงขวา กระเบื้องสีขาวสนิท เอดาหันไปมองตามที่เธอชี้และเจอแต่กระจกที่เธอใช้แต่งหน้าทุกวัน
“ไหนคะ? เค้าชวนหนูไปไหนคะ?” เอดาขนลุกเล็กน้อย แต่พยายามถามลูกของเธอให้เป็นปกติมากที่สุด
“เค้าชวนหนูไปดิสนี่แลนด์ค่ะ เค้าใส่ชุดเหมือนซินเดอเรลล่าแล้วเค้าบอกว่าให้หนูข้ามประตูเข้าไปด้วยล่ะ” เธอหันมาและพูดอย่างไม่รู้ไม่เข้าใจอะไร เอดาไม่ได้รู้สึกขำเลย เธอรู้สึกกลัวด้วยซ้ำ และพยายามไม่มองไปที่กระจกนั่น
“เหรอคะ แล้วหนูตอบเค้าไปมั้ยลูก?” เอดาถามเธอไปเพราะรู้ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
“หนูถามเขาไปแล้วว่าพี่มาจากไหน พี่ซินเดอเรลล่าตอบหนูว่าให้เดินออกมานอกบ้านค่ะ แล้วจะเห็น” เธอตอบขึ้นและมองเอดาตาแป๋วๆ เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป เอดาพยายามที่จะไม่สนใจ และจะให้เธอไปแปรงฟันต่อและทานอาหารเช้าเหมือนปกติ
“โครม !” เสียงจากหน้าบ้านดังขึ้นเหมือนโลกจะถล่ม เอดาตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่ลูกของเธอไม่ได้ตกใจอะไรเลย เธอบอกลูกของเธอให้ล้างหน้าแปรงฟันไปก่อน และวิ่งลงไปดูจุดเกิดเสียง เธอมองออกไปนอกบ้านและเจอรถเวสบ้าคันใหญ่ควันเริ่มโขมง และคนจากบ้านรอบๆ มาดูเหตุการณ์
“เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย” เอดาเดินเปิดประตูออกมาจากบ้าน ชายแก่คนหนึ่งกระโดดลงมาจากรถเวป้า และปิดประตูรถแต่ไม่สนิท เธอรีบกระโดดข้ามรั้วบ้านและมาช่วยพยุงชายชราและช่วยดูแผลที่ศีรษะของเขา เธอหันไปมองสภาพบ้านของตัวเอง สภาพดูไม่ค่อยได้ แต่ไม่ได้เสียหายหนักมาก
“ลุงเหยียบหาเบรกไม่เจอ ตอนเช้าก็หาแว่นตาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ลุงเลยประมาทขับรถมาจะไปซื้อของ แต่มาชนบ้านหนูซะก่อน ลุงต้องขอโทษด้วยนะ” ชายชราก็ได้แต่พูดขอโทษ เอดาก็ได้แต่ให้อภัย เอดาแหงนมองออกไปข้างบนและเห็นลูกของเธอมองลงมาข้างล่างผ่านหน้าต่างในห้องนอนของเธอ ยาสีฟันกับแปรงสีฟันยังอยู่คาปาก เธอส่งสัญญานมือให้เธอเข้าไปอยู่นานโข จนเธอจะเข้าใจและเดินเข้าไปแปรงฟันต่อ เธอมองกลับมา เห็นมีคนเริ่มโทรหาตำรวจแล้ว
“ลุงขอโทษจริงๆ นะ ลุงหาเบรกไม่เจอจริงๆ สวนแผลนี้หนูไม่ต้องห่วง เดิ๋ยวลุงจัดการเอง แค่นี้สบายมาก หายห่วง” ลุงพูดและส่งยิ้มให้เธอ และเธอก็ส่งยิ้มกลับตามมารยาท
แต่เธอเพิ่งนึกได้บางอย่าง...
และเธอมองขึ้นไปข้างบน และเจอลูกของเธอที่ล้างปากมาแล้วเรียบร้องมองลงมาอีกครั้ง และคุยกับกระจกที่วางอยู่ข้างๆ ลูกของเธออยู่
“หนูๆ ลุงยอมจ่ายค่าเสียหายให้ทั้งหมดเลยนะ เดิ๋ยวลุงจะให้ลูกลุงมาจ่ายทีหลังนะ” ลุงยังไม่หยุดพูดเสียที
แต่เอดาขอจังหวะวิ่งเข้าไปในบ้าน และวิ่งขึ้นไปข้างบนให้เงียบที่สุดและเร็วที่สุด และหยุดชะงักที่หน้าห้องนอนของเธอ ที่ลูกของเธอยังคุยกับกระจกอยู่
“นี่ๆ เห็นเมื่อกี้มั้ย นั่นแม่ของหนูชื่อเอดา” ลูกของเธอพูดอยู่คนเดียวและหันไปมองกระจก ทั้งเธอและลูกของเธอต่างชะงักไม่แพ้กัน
“ถ้าพี่จะเอาหัวใจแม่หนูไป สัญญาว่าอย่าลืมเอามาให้หนูดูก่อนนะ” ลูกของเธอพูด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ