บ่วงรักเพลองอาฆาต
7.3
เขียนโดย inhawa
วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.05 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,207 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559 13.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ คืนหนึ่งเวลาราวตีสองเศษ พลอยสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหน้าต่างห้องเธอปิดเสียงดัง พลอยมองออกไปยังนอกหน้าต่างด้วยความฉงนและนึกทบทวนว่าตนได้ปิดเรียบร้อยก่อนเข้านอนแล้วเพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้ฝนจะตกหนัก พลอยยังไม่ทันได้ทบทวนอะไรมากนักสายฝนก็กระหน่ำตกลงมาเธอจึงต้องรีบวิ่งไปยังหน้าต่างเพื่อที่จะปิด เมื่อพลอยไปถึงหน้าต่างกำลังจะเอื้อมมือไปจับบานหน้าต่าง สายตาได้เห็นเงาของสิ่งหนึ่งอยู่หน้าบ้านเธอ เธอรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นคน ทันใดนั้นเกิดฟ้าแล่บขึ้นมาทำให้พลอยเห็นทันทีว่าเป็นผู้หญิงแต่สิ่งที่ทำให้พลอยตกใจคือผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดไทยโบราณ นุ่งผ้าจีบห่มสไบเฉียงสีกลีบบัว ผมปีกปล่อยจอนข้างหูยืนหันหลังให้เธอ แต่เมื่อพลอยมองเพ่งดีๆแล้ว จึงรีบปิดหน้าต่างปิดผ้าม่านและวิ่งไปที่เตียงนอนคลุมโปงแล้วร้องไห้ เพราะสิ่งที่เธอเห็นคือร่างของผู้หญิงคนนั้นไม่เปียกฝนแม้แต่น้อยเธอรู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คน แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เสียงหน้าต่างเปิดขึ้นด้วยแรงลมอีกครั้ง มีเสียงดังคล้ายเสียงกระดิ่งจากกำไลดังใกล้เข้ามาและหยุดอยู่ข้างเตียงของเธอ เพียงอึดใจเดียวเธอรับรู้ได้ว่ามีคนมาอยู่บนเตียงข้างๆที่เธอนอนเพราะที่นอนเธอยุบลงไปจนรู้สึกได้ เธอพยายามสวดมนต์เท่าที่จำได้ แต่แล้วยังสวดได้เพียงไม่กี่คำก็มีเสียงผู้หญิงหัวเราะขึ้นอย่างน่าขนลุก และพูดขึ้นว่า “มึงกลัวกระไรรึอีคนสาระเลว” พลอยได้ยินดังนั้นจึงกรี๊ดอย่างคนเสียสติและสลบไป
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเวลาหกนาฬิกาสามสิบนาทีเช่นทุกวัน พลอยสะดุ้งตื่นมากดปิดเสียงเตือนและนึกทบทวนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความฝันหรือเรื่องจริง แต่หลังจากเธอมองไปที่หน้าต่างเธอเห็นหน้าต่างปิดอยู่เธอจึงคิดเสียว่าฝันไปและรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงานเช่นทุกวัน แต่วันนี้เหมือนมีอะไรดลใจให้เธอยากทำบุญเธอจึงแวะตลาดและทำบุญตักบาตร หลังจากรับศีลรับพรเสร็จ พระก็พูดขึ้นว่า “โยมหมั่นรักษาศีลและทำบุญมากๆนะ อะไรที่ร้ายจะได้ทุเลาลงบ้าง” แล้วพระรูปนั้นก็เดินจากไป แต่พลอยยังคงรู้สึกหน้าชากับคำพูดของพระรูปนั้นอีกทั้งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอคิดว่าฝันแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง ไม่นานมีเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังขึ้น พลอยสะดุ้งสุดตัวส่งผลให้ถาดในมือหล่นลงพื้นทำให้คนละแวกนั้นหันมามองเธอเป็นตาเดียวกันด้วยความสงสัย เธอจึงรีบเก็บของและเดินออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นพลอยไม่กล้าเล่าให้เอกฟัง มันเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ เธอได้แต่เพียงบอกเอกว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจอยากไปทำบุญ เอกจึงบอกว่า “พอดีเลยวันนี้วัดแถวบ้านเอกมีงานวัด ไปเที่ยวงานวัดกันไหม” พลอยยิ้มแต่เหมือนในใจยังวิตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็พยักหน้ารับปากเอกไป “ก็ดีนะคะ พลอยไม่ได้เที่ยวงานวัดนานแล้ว” ตกเย็นเอกมารับพลอยที่ทำงานวันนี้เอกเอารถจักรยานยนต์ของน้องมาใช้หนึ่งวันเพราะไม่อยากให้พลอยต้องนั่งรถโดยสารกลับอย่างลำบากเหมือนเคย เอกพาพลอยมายังวัดแถวบ้านเอก “วัดกำแพง” วัดนี้เป็นวัดโบราณเก่าแก่ไม่แน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด ทันทีที่พลอยลงจากรถก็มีลมวูบใหญ่พัดเข้ามา ทำให้พลอยรู้สึกขนลุกแต่ก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกพลอยจึงพูดขึ้นว่า “เราไปไหว้พระก่อนแล้วค่อยเดินเล่นนะคะเอก” “ได้สิครับ” เอกตอบอย่างเคย เอกไม่เคยขัดใจพลอยแม้แต่ครั้งเดียว พลอยจูงมือเอกเดินเข้าไปยังพระอุโบสถ ยังไม่ถึงพระอุโบสถดีเอกรั้งมือพลอยไว้ทำให้พลอยต้องหยุดเดินและหันกลับมามองเอกอย่างฉงน “มีอะไรหรือค่ะเอก” “พลอยเคยมาวัดนี้ด้วยหรือครับ” “ไม่เคยเลยคะ วัดดูเก่าแต่ยังคงสวยงาม พลอยรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่มาถึงแล้วคะ” พลอยตอบอย่างไม่ทันคิดอะไร แต่แล้วพลอยต้องตัวแข็งกับคำถามที่เอกถาม “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าพระอุโบสถไปทางนี้” พลอยอึ้งไปชั่วขณะพยายามหาคำตอบแต่ก็หาไม่ได้สักทีจึงตอบไปว่า “เดาๆเอาคะ” แล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อนและจูงมือเอกเดินต่อ เอกก็ได้สงสัยแต่ก็ไม่ทันคิดอะไรก็เดินมาถึงหน้าพระอุโบสถแล้ว ทั้งคู่จุดธูปเทียนแล้วไหว้พระขอพร หลังจากปักธูปเทียนและวางดอกไม้เรียบร้อยแล้ว พลอยและเอกกลับมานั่งเพื่อกราบพระอีกครั้ง ขณะที่กราบพระครั้งที่สามยังไม่ทันเงยหน้า พลอยได้ยินเสียงดนตรีไทยเธอก็ไม่ได้แปลกใจเพราะคิดว่างานวัดมีดนตรีไทยก็ไม่เห็นจะแปลก แต่เมื่อเธอเงยหน้ามาเธอเห็นเอกใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำตาลอ่อนลายไทยคอปกตั้ง นุ่งโจงกระเบนสีน้ำตาลเข้ม ผูกผ้าคาดเอวสีเปลือกไม้ ครั้นมองตนเองก็ใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าสด ห่มสไบชมพูอ่อน นุ่งโจงกระเบนเช่นเดียวกัน เธออึ้งไปเพียงชั่วครู่เสียงของชายหนุ่มที่มากับเธอพูดขึ้นว่า “เป็นกระไรรึแม่ลำดวน” พอได้ยินดังนั้นเหมือนภาพทุกอย่างถูกตัดไป พลอยหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนนั้น
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเวลาหกนาฬิกาสามสิบนาทีเช่นทุกวัน พลอยสะดุ้งตื่นมากดปิดเสียงเตือนและนึกทบทวนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความฝันหรือเรื่องจริง แต่หลังจากเธอมองไปที่หน้าต่างเธอเห็นหน้าต่างปิดอยู่เธอจึงคิดเสียว่าฝันไปและรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงานเช่นทุกวัน แต่วันนี้เหมือนมีอะไรดลใจให้เธอยากทำบุญเธอจึงแวะตลาดและทำบุญตักบาตร หลังจากรับศีลรับพรเสร็จ พระก็พูดขึ้นว่า “โยมหมั่นรักษาศีลและทำบุญมากๆนะ อะไรที่ร้ายจะได้ทุเลาลงบ้าง” แล้วพระรูปนั้นก็เดินจากไป แต่พลอยยังคงรู้สึกหน้าชากับคำพูดของพระรูปนั้นอีกทั้งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอคิดว่าฝันแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง ไม่นานมีเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังขึ้น พลอยสะดุ้งสุดตัวส่งผลให้ถาดในมือหล่นลงพื้นทำให้คนละแวกนั้นหันมามองเธอเป็นตาเดียวกันด้วยความสงสัย เธอจึงรีบเก็บของและเดินออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นพลอยไม่กล้าเล่าให้เอกฟัง มันเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ เธอได้แต่เพียงบอกเอกว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจอยากไปทำบุญ เอกจึงบอกว่า “พอดีเลยวันนี้วัดแถวบ้านเอกมีงานวัด ไปเที่ยวงานวัดกันไหม” พลอยยิ้มแต่เหมือนในใจยังวิตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็พยักหน้ารับปากเอกไป “ก็ดีนะคะ พลอยไม่ได้เที่ยวงานวัดนานแล้ว” ตกเย็นเอกมารับพลอยที่ทำงานวันนี้เอกเอารถจักรยานยนต์ของน้องมาใช้หนึ่งวันเพราะไม่อยากให้พลอยต้องนั่งรถโดยสารกลับอย่างลำบากเหมือนเคย เอกพาพลอยมายังวัดแถวบ้านเอก “วัดกำแพง” วัดนี้เป็นวัดโบราณเก่าแก่ไม่แน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด ทันทีที่พลอยลงจากรถก็มีลมวูบใหญ่พัดเข้ามา ทำให้พลอยรู้สึกขนลุกแต่ก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกพลอยจึงพูดขึ้นว่า “เราไปไหว้พระก่อนแล้วค่อยเดินเล่นนะคะเอก” “ได้สิครับ” เอกตอบอย่างเคย เอกไม่เคยขัดใจพลอยแม้แต่ครั้งเดียว พลอยจูงมือเอกเดินเข้าไปยังพระอุโบสถ ยังไม่ถึงพระอุโบสถดีเอกรั้งมือพลอยไว้ทำให้พลอยต้องหยุดเดินและหันกลับมามองเอกอย่างฉงน “มีอะไรหรือค่ะเอก” “พลอยเคยมาวัดนี้ด้วยหรือครับ” “ไม่เคยเลยคะ วัดดูเก่าแต่ยังคงสวยงาม พลอยรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่มาถึงแล้วคะ” พลอยตอบอย่างไม่ทันคิดอะไร แต่แล้วพลอยต้องตัวแข็งกับคำถามที่เอกถาม “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าพระอุโบสถไปทางนี้” พลอยอึ้งไปชั่วขณะพยายามหาคำตอบแต่ก็หาไม่ได้สักทีจึงตอบไปว่า “เดาๆเอาคะ” แล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อนและจูงมือเอกเดินต่อ เอกก็ได้สงสัยแต่ก็ไม่ทันคิดอะไรก็เดินมาถึงหน้าพระอุโบสถแล้ว ทั้งคู่จุดธูปเทียนแล้วไหว้พระขอพร หลังจากปักธูปเทียนและวางดอกไม้เรียบร้อยแล้ว พลอยและเอกกลับมานั่งเพื่อกราบพระอีกครั้ง ขณะที่กราบพระครั้งที่สามยังไม่ทันเงยหน้า พลอยได้ยินเสียงดนตรีไทยเธอก็ไม่ได้แปลกใจเพราะคิดว่างานวัดมีดนตรีไทยก็ไม่เห็นจะแปลก แต่เมื่อเธอเงยหน้ามาเธอเห็นเอกใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำตาลอ่อนลายไทยคอปกตั้ง นุ่งโจงกระเบนสีน้ำตาลเข้ม ผูกผ้าคาดเอวสีเปลือกไม้ ครั้นมองตนเองก็ใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าสด ห่มสไบชมพูอ่อน นุ่งโจงกระเบนเช่นเดียวกัน เธออึ้งไปเพียงชั่วครู่เสียงของชายหนุ่มที่มากับเธอพูดขึ้นว่า “เป็นกระไรรึแม่ลำดวน” พอได้ยินดังนั้นเหมือนภาพทุกอย่างถูกตัดไป พลอยหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนนั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ