Element Garden
เขียนโดย ไอยุ
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 00.38 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559 19.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Destiny Story : Chapter 03 : Sword of Disaster
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตระกูลยามาโตะ หนึ่งในตระกูลเก่าแก่ของญี่ปุ่น ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตระกูลยามาโตะ เป็นตระกูลที่ขึ้นชื่อในศาสตร์ขององเมียวโด เคยมีเรื่องเล่ามาว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองตอนที่สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งปรมณูสองลูกมาบนพื้นแผ่นดิน ฮิโรชิมะ และ นางาซากิ ผลของการทิ้งระเบิด ได้ทิ้ง "กากกัมมันตรังสี" ซึ่งเป็นอันตรายกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
สถานที่ทั้งสอง จึงกลายเป็นเขตหวงห้ามกันไป ไม่กี่ปีหลังจากปล่อยให้ฮิโรชิมะร้างไว้ กากกัมมันตรังสีก็เจือจางหายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ชาวญี่ปุ่นที่จะไปสร้างเมืองฮิโรชิมะใหม่ ก็เจอเรื่องประหลาด อ้างก็บอกกันมาว่า เจอคนที่ตายจากปรมณูมาหลอกหลอน ยามาโตะ อิเอยาซึ องเมียวจิที่ได้รับสมญานามว่า อาเบโนะ เซย์เมย์ คนที่สอง
เขาได้เดินทางไปยังเมืองฮิโรชิมะ เพื่อที่จะพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของมัน พอเขาเข้าไปก็เห็นสภาพบ้านเมืองที่รกร้างยิ่งกว่าป่าช้า เงาดำจำนวนมากปรากฏตัวต่อหน้าเขา
อิเอยาซึ : "เป็นอย่างที่คิด...ตะกอนของประชาชนในเมืองนี้สินะ"
ก่อนที่ระเบิดปรมณูจะถูกปล่อยลงมาที่เมือง ประชาชนในเมืองทราบดีหลายๆคนก็รีบวิ่งหนี แต่มีบางส่วนก็ไม่คิดจะหนีเพราะเขาจะขอรับชะตากรรม เหล่าผู้คนที่ยอมพ่ายแพ้ให้กับชะตากรรมของตน ได้นั่งเก็บตัวอยู่ในบ้าน ทำในสิ่งที่อยากจะทำก่อนที่ชีวิตจะดับสูญ ลูกระเบิดตกลงมาใจกลางเมือง แสงสว่างที่ส่องเข้าตาจนทำให้ตาพร่ามัว ลมร้อนพัดไปรอบเมือง พลังลมร้อนได้กวาดล้างบ้านเมืองไปหมดสิ้น เสียงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั่วเมืองฮิโรชิมะ
เงาดำพวกนี้คือตะกอนของความโศกเศร้าของคนที่ตายในเมืองนี้มันก่อให้เกิดกลายมาเป็นรูปร่าง เขาชักดาบออกมา ชี้ตรงไปยังกลุ่มพวกเงาดำ พร้อมกับสวดมนต์บางอย่างออกมา แล้วที่ดาบก็มีแสงสีน้ำเงินปรากฏออกมาก่อนที่จะแสงสีน้ำเงินอ่อนจะกระจายไปทั่วเมือง เงาดำหายไปหมดสิ้น เมืองร้างก็ได้มีดอกไม้บานปกคลุมไปทั่วเมืองร้าง เป็นสัญญาณบอกว่า สถานที่แห่งนี้ถูกชำระล้างแล้ว
ญี่ปุ่นไม่ยึดติดกับอดีต แต่นำอดีตมาเป็นบทเรียนในปัจจุบันและอนาคตในภายภาคหน้า ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเจริญก้าวหน้าและเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน ปีคริสต์ศักราช 2017
ณ ศาลเจ้ายามาโตะ ในโตเกียว
แสงอาทิตย์อ่อนๆในยามเช้าส่องเข้ามาทางประตูศาลเจ้า เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าเวลาเจ็ดโมงดังขึ้นเด็กสาวผมยาวสีน้ำตาลลุกขึ้นตื่นนอนขึ้นมาเก็บฟูกนอน อาบน้ำแต่งชุดนักเรียน แล้วลงก็เข้าไปในห้องครัวก็พบว่าพี่ชายที่ใส่ชุดนักศึกษาของเธอทำกับข้าวเสร็จพอดี และฉันมีชื่อว่า ยามาโตะ มิโคโตะ ค่ะ
มิโคโตะ : "อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่"
พี่ชาย : "อรุณสวัสดิ์"
พี่ชายของฉันมีชื่อว่า ยามาโตะ ทาเครุ ค่ะ พวกเราสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก พ่อแม่ของพวกเราสองคนตายไปเพราะระหว่างขับรถกลับจากไปที่ศาลเจ้าในเมืองเกียวโตตั้งตอนที่ฉันอายุห้าขวบ ตอนนั้นพี่ชายของฉันอายุสิบปี ฉันอายุห่างกับพี่เขาห้าปีค่ะ
พี่ชายของฉันตอนนี้เรียนอยู่ปีสี่ คณะวิทยาศาสตร์ค่ะ พี่เขาเป็นเดือนของมหาวิทยาลัย ทั้งหน้าตาดี มีความสามารถหลากหลายด้าน มีความรู้ในหลายสาขา และยังเก่งศิลปการต่อสู้ระดับโลกอีก พูดง่ายๆ เป็นผู้ชายสุดแสนเพอร์เฟคที่ผู้หญิงต้องการเลยล่ะค่ะ
มิโคโตะ : "พี่มีเรียกช่วงเช้าเหรอคะ"
ทาเครุ : "อือ มิโคโตะ รีบทานข้าวได้แล้วเดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก"
มิโคโตะ : "ค่า ทานแล้วนะคะ"
ทาเครุ : "ทานแล้วนะครับ"
เราสองคนพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตลอด พี่ชายก็ตั้งใจทำงานพิเศษหลังจากเรียนเสร็จเพื่อที่จะส่งเสียฉันและเขาให้เรียนให้จบและมีการมีงานทำ ส่วนฉันก็ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ
ข้าวเช้าวันนี้เป็นข้าวซุปมิโซะเต้าเจี้ยวกับปลาซาบะนึ่ง ฉันนั่งทานข้าวไปไม่ทันไรพี่ชายของฉันก็ทานเสร็จแล้ว ทานไวเหมือนเคยเลยแฮะ
ทาเครุ : "ขอบคุณสำหรับอาหารครับ"
แล้วเขาก็เดินออกไปเอาหนังสือพิมพ์ข้างนอกเข้ามานั่งอ่าน ฉันทานข้าวเสร็จแล้วกล่าวขอบคุณสำหรับอาหารก็ไปหยิบกระเป๋าเพื่อออกไปเรียน พี่ชายของฉันก็สะพายกระเป๋าเป้ขับจักรยานไปเรียน โดยฉันนั่งท้ายพี่ชายไปโรงเรียน ฉันจะเข้าโรงเรียนสายตาพวกผู้หญิงก็หันมามองที่ฉัน มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะเพราะสาเหตุที่เขาหันมามองก็เพราะพี่ชายของฉัน เพื่อนผู้หญิงของฉันจึงมีแต่คนในห้องเท่านั้นแหละที่เหลือคือผู้ชายหมดเลย
ระหว่างที่ฉันกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง จู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงเพื่อนห้องร้องลั่นกัน ทุกคนต่างก็หันไปมองที่เพื่อนผู้หญิงร่วมห้องของฉันรีบวิ่งออกจากประตูแล้วหันมาเห็นแล้วรีบวิ่งเข้ามาหาฉัน ด้วยความตกใจ
มิโคโตะ : "ฮิโตมิ เกิดอะไรขึ้น!"
ฮิโตมิก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นและร้องไห้ไปด้วย
ฮิโตมิ : "ซาโตรุ... ซาโตรุโดนงูกัด"
มิโคโตะ : "หา! แล้วงูตัวนั้นล่ะ"
ฮิโตมิ : "พวกผู้ชายกำลังจับอยู่ มิโคโตะ ช่วยด้วย"
มิโคโตะ : "โอเค"
ฉันรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เจอซาโตรุที่โดนงูกัด ฉันรีบวิ่งเข้าไปดูแล้วถามซาโตรุว่าถูกกัดที่ตรงไหน เขาบอกว่าตรงที่น่องขาข้างซ้าย ฉันรีบไปดูก็พบกับรอยถลอก แล้วพวกผู้ชายก็จับงูได้ มันคือ งูแสงอาทิตย์
ซาโตรุ : "ทำไมเธอไม่รีบมัดขาฉันล่ะเดี๋ยวพิษก็เข้าหัวใจฉันหรอก"
มิโคโตะ : "นายไม่ต้องกลัวหรอก มันเป็นงูที่ไม่มีพิษ"
ไม่กี่นาทีพวกอาจารย์ก็เข้ามา และพางูกลับไปปล่อยในธรรมชาติของมันอย่างเดิม เดิมทีตรงนี้แต่ก่อนเคยเป็นที่อยู่ของงูแสงอาทิตย์แต่ว่าเพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงทำให้มันต้องอพยพหนีไปที่อื่น แต่ก็ยังมีไม่กี่ตัวที่ยังอยู่
บทบาทหน้าที่ของฉันในโรงเรียนคือทำงานเป็นผู้ช่วยในห้องพยาบาล และยังเป็นนางพยาบาลประจำชั้นด้วย สรุปก็คือ ความสามารถของฉันที่มีมากกว่าคนอื่นๆคือการรักษาและปฐมพยาบาลผู้ป่วยนั่นเอง
มันไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เพราะว่า หลายปีก่อนพี่ชายของฉันมักจะทำอะไรที่ฝืนตัวเองเสมอและล้มป่วยบ่อยครั้ง ทั้งกีฬา ทั้งการเรียน และอุบัติเหตุไม่คาดคิดอีก ฉันที่เป็นน้องสาวก็ช่วยเหลือพี่มาตลอดเลยพยายามศึกษาความรู้การปฐมพยาบาลให้แน่น จะได้ช่วยเหลือพี่และคนอื่นๆเหมือนในวันนี้
อีกด้านหนึ่ง ณ มหาวิทยาลัย
ณ สวนพักผ่อนใจกลางมหาวิทยาลัยมีน้ำพุอยู่ใจกลาง ล้อมรอบด้วยพุ่มไม้และดอกไม้นานาชนิด และโต๊ะสำหรับนั่งอ่านหนังสือก็ตั้งอยู่กลางแจ้ง มีคลองเล็กๆอยู่ สามารถนั่งเรือเล่นในเวลาว่างได้
ผมนั่งอ่านหนังสือ กฎแรงโน้มถ่วง ของนิวตัน ฉบับภาษาอังกฤษล้วนที่ยืมมาจากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
ก่อนที่จะมีมือหนึ่งมาปิดตาผม
??? : "ใครกันนะ"
ทาเครุ : "มิซึรุ"
ผมจำมือเขาได้ ฝ่ามือเล็กๆและนุ่มๆและเสียงผู้ชายแบบนี้มีแค่มิซึรุเพื่อนร่วมคณะของผมเท่านั้นแหละ
มิซึรุ : "ทำอะไรอยู่เหรอ หวา...อ่านหนังสือยากๆอีกแล้วแฮะ ตั้งแต่ปีหนึ่งเลย"
ทาเครุ : "ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็จะถูกรีไทร์น่ะสิ การที่ฉันเข้ามาเรียนที่นี่ได้เพราะสอบชิงทุนเอานี่"
มิซึรุ : "ไอ้คนที่ได้คะแนนเต็มทุกเทอมแบบนายยังกลัวรีไทร์อีกนะเนี่ย"
เที่ยงวัน
ผมก็กลับไปที่ศาลเจ้าก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานพิเศษแต่จู่ๆก็เหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจของผม ความรู้สึกที่หนาวเหน็บ ก่อนที่จะมีภาพบางอย่างไหลเข้ามาในหัว
เด็กผู้ชายคนหนึ่งทำกล่องที่อยู่ในมือหล่นลงไป แล้วนั่งฟุบลงกับพื้น ข้างในกล่องนั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายๆกับตลับนาฬิกา แล้วภาพก็ดำมืดไป...
เหงื่อที่ไหลไปท่วมตัว ร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง
ผมจึงต้องลางานไปหนึ่งวัน และพักผ่อนให้หายเหนื่อย สี่โมงเย็นก็ไปรับมิโคโตะที่โรงเรียน แต่ว่าพวกเราสองคนก็แวะทานข้าวกันใกล้ศาลเจ้า แต่ผมลืมของบางสิ่งไว้ จึงขอตัวไปเอาก่อน
มิโคโตะ : "แปลกแฮะที่พี่ลืมของเนี่ย..."
เมฆฝนสีดำสนิทเริ่มปกคลุมท้องฟ้า เป็นสัญญาณบอกกำลังจะมีฝนห่าใหญ่
แล้วฉันก็มองเห็นว่ามีคนใส่เสื้อกันฝนเข้ามาที่ร้านอาหาร ความรู้สึกแปลกๆนี่มัน...
ณ ศาลเจ้า
ลมเริ่มพัดแรงขึ้น อีกไม่นานฝนก็จะตกแล้วผมรีบวิ่งไปเอาร่มในบ้าน เมื่อผมกำลังจะออกไปผมก็รู้สึกแปลกๆ ที่โกดังเก็บของที่ไม่ได้เปิดมานานตั้งแต่พ่อแม่เสียไป จะทิ้งความรู้สึกนี้ไปก็กวนใจเปล่าๆ ผมก็เลยเปิดเข้าไปดู ในโกดังว่างเปล่า มีเพียงแค่ถุงผ้าที่มีดาบอยู่ข้างในเพียงเท่านั้น
ดาบเล่มนั้นมีลวดลายที่ไม่อาจจะบอกรูปร่างได้ เคยได้อ่านในคัมภีร์ ดาบที่ตระกูลยามาโตะนั้นเป็นดาบแห่งการชำระล้างและสามารถประหารวิญญาณได้อีกด้วย ลวดลายของมันไม่สามารถบ่งบอกได้ตายตัว แต่เขาว่ากันว่ามันคือจดหมายไปถึงเทพที่แข็งแกร่งที่สุด มันมีชื่อว่า...
ทาเครุ : "ไคเมะทซึเตะคิคาตานะ(壊滅的刀/ดาบทำลายล้าง)"
"เปรี้ยง!" ฟ้าผ่าลงมาที่โกดัง กระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ดาบ แสงสีน้ำเงินประกายส่องสว่างไปทั่วดาบ ก่อนที่จะมีภาพบางอย่างปรากฏเด่นชัดอยู่ในหัว
เป็นภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นตอนเที่ยงวัน แต่ว่าเขานำตลับนาฬิกามาแขวนไว้ที่คอ เขาใส่ชุดเต็มรูปแบบเหมือนกับพระเจ้า เขายืนอยู่หน้ากระจกแล้วพูดกับตัวเอง
เด็กชาย : "วันนี้แล้วยังงั้นเหรอ... ที่คนบนโลกนี้ต้องพ่ายแพ้กับชะตากรรม"
ทาเครุ : "อะไรน่ะ..."
ก่อนที่จะมีภาพบางอย่างผุดขึ้นนมาในหัวอีกครั้ง มันเป็นภาพที่เด็กผู้ชายกำลังกำมือเหมือนกำลังภาวนาท่ามกลางกองเพลิงป่าขนาดใหญ่ และบนท้องฟ้า ก็มีดาวตกมากมายตกลงมายังโลก แล้วมีดาวตกดวงหนึ่งพุ่งมายังเขาและทุกอย่างก็หายไป...
ร่างกายที่หนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม ภาพที่เห็นนั้นคงเป็นความเจตนาของดาบ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าภาพนั้นเกี่ยวข้องกันยังไงเขารีบปั่นจักรยานไปหามิโคโตะ แต่ไม่รู้ตัวเลยว่า ดาบเล่มนั้นมันติดหลังผมมาด้วย...
ชายสวมเสื้อกันฝนล้มลงไปกับพื้น ร่างกายของเขาบิดไปมาจนกล้ามเนื้อฉีกขาด เลือดไหลกระเด็นไปรอบ สร้างความสะอิดสะเอียนให้กับคนที่ทานข้าวในร้านอาหารและเสียงกรี๊ดเพราะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนรีบโทรเรียกตำรวจและรถพยาบาล
มิโคโตะ : "พี่...รีบมาเร็วเข้า...!"
ความรู้สึกเย็นยะเยือกเริ่มชัดขึ้น ทุกคนภายในร้านเงียบลง ก่อนที่จะมีผู้หญิงคนหนึ่งในร้านอาหารหยิบมีดสเต็กแทงคู่รักทานข้าวของเขา ก่อนที่ทุกคนในร้านก็หันมาฆ่ากัน มหกรรมการฆ่ากันตายเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น
ฉันซึ่งหลบอยู่ใต้โต๊ะ มองเห็นภาพการฆ่าฟันกัน แขนขาของฉันสั่นไปหมดแล้วนำมือมาปิดปากก่อนเพื่อไม่ให้อาเจียนออกมา
มิโคโตะ : "นี่มัน...อะไรกัน?"
********************
END
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ