Element Garden
เขียนโดย ไอยุ
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 00.38 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559 19.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Destiny Story : Chapter 02 : Secret Treasure
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์มีภูเขาล้อมรอบ คลองใสสะอาด ชนบทเล็กๆที่ตั้งถิ่นฐานที่นั่นตั้งแต่โบราณกาลก็ไม่เปลี่ยนแปลงอารยธรรมของตน ยังคงทิ้งโบราณสถานและโบราณวัตถุให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเล่าเรียน ในชนบทแห่งนั้นมีเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าบ้าน...
เด็กชายคนนั้นชื่อว่า "ภู" หมายถึง ความยิ่งใหญ่เสมือนภูเขา
ภู : "งงมาก!"
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมา
ภู : "นิทานของเทพ ยังงั้นเหรอ แล้วดาวหางสีแดงอ่ะ หางมันทำไม ทำไมไม่บอก ค้างหนักมาก!"
ถึงจะยังงั้นก็เถอะ วรรณกรรมอะไรแบบนี้ก็มีเยอะแยะให้เก็บไปคิดเองทีหลัง ซึ่งก็เจอมาหลายเรื่องแล้วล่ะนะ
หลังจากนั้นผมก็ปิดหนังสือนำไปเก็บไว้บนชั้นหนังสือติดผนังในห้องนอนของผม แล้วมานั่งที่หน้าคอมพิวเตอร์ ดูไทม์ไลน์บนเฟซบุ๊กว่ามีใครแชร์ใครโพสต์อะไรบ้าง ซึ่งก็มีทั้งข่าวสังคมในปัจจุบัน เรื่องความรัก พอลองเลื่อนๆไปดูก็พบกับโพสต์ที่ทุกคนรำลึกถึงพระมหากษัตริย์...
ภู : "จะว่าไป... นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วสินะที่พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงจากไป..."
พอย้อนนึกถึง น้ำตาก็เริ่มจะไหลออกมาทีละน้อย แต่ว่ามันก็ผ่านมาแล้ว ยุคของรัชกาลที่สิบก็เข้ามาแล้วด้วย
ตั้งแต่แต่งตั้งรัชกาลที่สิบขึ้นมา ก็ทรงมีคำสั่งให้ทำนุบำรุงศาสนสถานต่างๆรวมทั้งศิลปวัฒนธรรมของไทยตั้งแต่โบราณ ได้ทำการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง การแสดงมหรสพก็หาดูได้ทั่วไป สามารถจัดแสดงได้ทุกโอกาส ทั้งงานมงคลและอวมงคล
ภู : "พอมาลองนึกๆดู ก็เหมือนกับคำทำนายของโหรหลวงในสมัยรัชกาลที่หนึ่งที่เคยอ่านจริงๆด้วยแฮะ รัชกาลที่สิบ ชาววิไล สมัยที่พระพุทธศาสนาจะเจริญที่สุดในประเทศไทย..."
ผมหลับตาลงคิดถึงการพัฒนาของประเทศชาติต่อจากนี้ไป ซึ่งผมวาดฝันไว้อลังการมาก หากประเทศเราเจริญด้านพระพุทธศาสนา พวกคนก่อการร้ายก็จะหมดไป จะได้ไปไหนมาไหนได้ไม่ต้องกลัวอะไร ปีที่แล้ว ตอนที่ผมอยู่ม.สอง จะได้ไปเข้าค่ายที่กรุงเทพ แต่ทางโทรทัศน์เขาประกาศออกมาว่าจะมีการวางคาร์บอมในช่วงวันที่ผมจะไปเข้าค่ายพอดีหนำซ้ำมันยังตรงที่จะไปนอนค้างคืนด้วย ด้วยเหตุฉะนี้ จึงต้องเปลี่ยนโปรแกรมไม่ได้เข้ากรุงเทพ เพื่อนในห้องผมก็เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งพวกก่อการร้ายกันระนาวเลยครับ
ตกเย็น พระอาทิตย์อัสดง ท้องฟ้ากลายเป็นสีเพลิง ทั้งที่ตกเย็นแล้วกลับให้ความรู้สึกที่ร้อนรุ่มอยู่ภายในใจ ผมกลับเข้าไปในบ้านหลังจากไปอยู่บ้านพี่สาวมา แล้วอาบน้ำแต่งตัวเพื่ออกไปเที่ยวกับพวกพี่สาวตอนเย็นทุกวัน พอมีเวลาว่างก็เปิดทีวีฟังข่าวช่วงบ่าย ซึ่งข่าวที่นำเสนอในตอนเย็นนี้คือ "ค้นพบดาวตกในฝรั่งเศส"
นักข่าว : "นักโบราณคดีได้ดำน้ำพบกับดาวตกขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่ากิโลเมตรในแม่น้ำแซน ตอนนี้เราได้นำวีดีโอสัมภาษณ์ของนักโบราณคดีฝรั่งเศษ คุณอัลเฟรด เซมบรูโน่ ที่ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับดาวตก มาให้ผู้ชมทางบ้านชมกันค่ะ"
อัลเฟรด : "ดาวตกดวงนี้มันมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งเราไม่สามารถนำขึ้นมาได้ จึงทำได้แค่วิเคราะห์ในแม่น้ำซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ เพราะมันมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่มากจริงๆ"
นักข่าว : "ทำไมพวกคุณถึงได้ค้นพบได้ครับตอนที่ก่อสร้างแม่น้ำสายนี้ผู้คนอาจจะเจอก็ได้"
อัลเฟรด : "ผมดำไปเจอมานะครับ ตอนแรกสงสัยว่าทำไมที่ก้นแม่น้ำถึงมีสีผิวกระจก จึงพยายามขุดมันแต่มันแข็งมากจึงต้องขุดไปเรื่อยๆแต่ว่าก็ลงไปไม่ได้ จึงทำได้แต่ให้ลูกน้องงานคนอื่นๆลงมาช่วยขยายขุดไปตามทางของมัน ซึ่งเราใช้เวลาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงกว่าจะทราบเส้นผ่านศูนย์กลางของมัน ซึ่งเท่ากับสิบเอ็ดกว่ากิโลเมตรครับ"
นักข่าว : "จากที่ผมฟังมามันมีสีผิวกระจกสินะครับ จากที่ผ่านมา โลกของเราได้ค้นพบดาวตกสีกระจกนี้ถึงหกดวงด้วยกันซึ่งดวงนี้คือดวงที่เจ็ด เป็นไปได้ไหมครับว่า ดาวตกทั้งเจ็ดดวงนั้นจะเป็นดวงเดียวกัน"
อัลเฟรด : "ก็มีความเป็นไปได้ครับ เพราะดาวหางที่เราค้นพบบนท้อง นิวเคลียสของมันจะเป็น น้ำแข็งสกปรก ซึ่งดาวหางประหลาดที่ค้นพบมาถึงหกดวงรวมดวงนี้ก็เจ็ดดวง พวกเราได้เจาะส่วนหนึ่งของมันออกมาและไปวิเคราะห์ส่วนประกอบของมันกับอีกหกดวงซึ่งล้วนตรงกันหมดเลยมีความเป็นไปได้ว่าก่อที่จะตกมาบนโลกใบนี้มันเคยเป็นดาวดวงเดียวกัน แต่ระหว่างทางโคจร มันแตกกระจายออกไป"
นักข่าว : "จากที่พวกเรารู้มา ดาวหางกระจกพวกนี้ มีที่ประเทศญี่ปุ่นสองดวง ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางยี่สิบกิโลเมตรกับสิบห้ากิโลเมตรโดยประมาณ ประเทศอังกฤษก็มีอีกดวงมีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบห้ากิโลเมตรโดยประมาณ ประเทศรัสเซียกับจีนซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบเก้ากิโลเมตรโดยประมาณ ประเทศเกาหลีสิบเอ็ดกิโลเมตรโดยประมาณและมาที่ประเทศฝรั่งเศสของเราสิบเอ็ดกิโลเมตรโดยประมาณ รวมๆแล้วมันมีขนาด หนึ่งร้อยสิบ กิโลเมตรโดยประมาณเลยนะครับ"
อัลเฟรด : "ใช้ครับมันมีขนาดใหญ่จริง ผมจะนึกไม่ออกเลยหากถ้ามันพุ่งชนโลกโดยที่มันไม่แตกออกมาก่อนนี้ โลกนี้จะเป็นยังไงกันนะและผมคิดว่าดาวตกที่ผมค้นพบนี้"
นักข่าว : "คุณพอทราบไหมครับว่า ดาวตกพวกนี้ตกในช่วงเวลาไหน"
อัลเฟรด : "เท่าที่ผมทราบมา และคาดคะเนความเป็นได้ที่มากที่สุดคงจะเป็นก่อนที่ดาวตกขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางร้อยกว่ากิโลเมตรตกลงกลางมหาสมุทรในสมัยที่ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตครับ เพราะดูจากชั้นดินที่ค้นพบ มันอยู่ลึกกว่าชั้นดินที่ค้นพบดาวตกที่ทำให้พวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์กว่ามากครับ"
ผมปิดทีวีแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นกลุ่มที่พวกพี่สาวเขาคุยกันพอดีผมก็ลองเข้าไปอ่านดู ซึ่งผมเห็นชื่อกลุ่มแล้วยังเครียดไม่หาย "มีแต่คนบ้า" นั่นคือชื่อกลุ่มของเราโดยมีพี่ B เป็นคนตั้งชื่อ คนเป็นคนสร้างกลุ่มแชท
พี่ J : "เย็นนี้ไปกินไรกันดี"
พี่ B : "ไปไหนก็ได้แล้วแต่คนขับ"
พี่ J : "แล้วน้องภูจะไปไหนดี"
ภู : "แล้วแต่พี่คนขับเลยครับ"
พี่ J : "เดี๋ยวค่อยตกลงกันบนรถ ขอจัดผมก่อน"
พี่ B : "นานเท่าไรก็ได้วันนี้พ่อแม่กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้ ลั้ลลาได้ทั้งคืน"
ภู : "ไม่อยู่ก็จริงแต่พี่มีเงินเหรอ"
พี่ B : "ทั้งเนื้อทั้งตัวพี่มีอยู่หนึ่งร้อย"
พี่ลืมเลขห้ารึเปล่าผมเห็นตอนพี่จ่ายเงินเมื่อวานใบห้าร้อยชัดเจน
พี่ J : "น้องภู ออกมารอหน้าบ้านได้เลย"
ได้เห็นอย่างนั้นผมก็ออกไปโดยมีเบี้ยเลี้ยงติดตัวอยู่หนึ่งร้อยบาท แล้วก็ขึ้นรถไป ไปรับพี่ B ที่บ้านแล้วเดินทางไปหน้าอำเภอกัน ระหว่างทางคนขับก็ถามว่าจะไปไหนก็ถกเถียงกันมานานแสนนานก็ตกลงกันไปเดินคุยเล่นกันที่สวนสาธารณะตอนนั้นมืดแล้วไม่ค่อยมีคนอยู่ พี่ J ก็เปิดเพลงฟังระหว่างเดิน
ภู : "ใช่เพลง Eternal Love ของ Alice ใช่ไหมครับ"
พี่ J : "ใช่ๆ ดังมากเลยนะ แค่เปิดตัวเพลงนี้เพลงเดียวก็กวาดรางวัลเรียบเลย"
พี่ B : "ก็มีทุกแนวอยู่ในนี้เลยนี่นะ มีทุกอารมณ์ด้วย"
ภู : "จะว่าไปเธออายุแค่สิบแปดปีเองสินะครับ มีความสามารถทางด้านดนตรีเก่งมากเลย"
พี่ B : "เก่งจนน่าอิจฉาเลยล่ะ ขนาดพวกพี่สองคนอายุยี่สิบสามปีแล้ว ยังอยู่ในสถานะว่างงานอยู่เลย ยกเว้นพี่ J ที่จะทำงานสายการบินอยู่"
พี่ J : "ก็รีบหางานเร็วๆสิ"
พี่ B : "ทำงานเหนื่อยจะตาย หาผัวรวยดีกว่า ฮ่าๆ"
ภู : "ผมว่าพี่จะรวยเพราะขึ้นคานทองแท้น่ะสิ"
พี่ J : "พี่ก็ว่าเหมือน"
พี่ B : "พูดเล่นย่ะอย่าพูดแบบนั้นตอนนี้พี่กำลังทำคะแนนอยู่"
ภู : "ผมหวังว่าคะแนนนั้นจะทำให้พี่ไปถึงจุดหมายเร็วๆนะ"
พี่ B : "รอวันเป็นจริง ฮ่าๆ"
พี่ J : "แต่อีกนานล่ะนะ"
หลังจากนั้นพวกเราก็กลับบ้านกัน อีกไม่นานก็เปิดเทอมแล้วสินะ เฮ้อ... ปิดเทอมทั้งที ขอพักเต็มที่เลยละกัน
หลังจากนั้นพ่อผมก็กลับมาถึงบ้าน แล้วบอกกับผมว่าให้ผมนอนเร็วกว่าปกติหน่อย พรุ่งนี้ทางตระกูลเขาเรียกคนรุ่นหลานไปทำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็สงสัยตอนแรกนะ แต่ถามไปพ่อคงไม่บอกหรืออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำเพราะคุณย่าบอกพ่อมาอีกที
วันรุ่งขึ้นผมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปบ้านคุณย่า หน้าบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้และสมุนไพรนานาชนิดกลิ่นหอมของใบเตยแตะเข้ามาในจมูกผมระหว่างหายใจ พอถึงหน้าบ้านคุณย่าก็ออกมา แล้วพาผมเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านก็มีแต่เด็กๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นรุ่นหลานของคุณย่า รวมถึงลูกี่ลูกน้องของผม ที่อายุมากกว่าผมและเป็นลูกของน้องสาวพ่อผม ก็มาด้วย พร้อมพาลูกของเธอมาด้วย
ส่วนใหญ่ที่มาจะเป็นหลานที่สืบสายเลือดตระกูลที่ข้นที่สุดพูดง่ายๆคือ ต้องเป็นหลานของคุณปู่เท่านั้น ถึงแม้จะสืบสายเลือดจากคนอื่นในตระกูลเดียวกันถ้าไม่ใช่คุณปู่ก็ไม่สามารถมาได้ ทำไมกันนะ...
คุณพ่อของผมรวมทั้งคนอื่นๆกลับบ้านกันไปเพราะอาจจะเป็นเพราะคุณย่าไปคุยอะไรบางอย่างกับพวกเขา ทำให้พวกเขากลับไปโดยไม่มีปากเสียงสักคำ ก่อนที่จะอธิบายบางอย่างให้พวกเราฟัง
คุณย่า : "วันนี้ที่ต้องเรียกหลานทุกคนมาที่นี่เพราะมีสิ่งที่อยากจะบอก"
หลานทุกคนที่มาก็นั่งหันไปหาคุณย่าที่หน้าเสา ตั้งใจฟังในสิ่งที่คุณย่าจะพูด
คุณย่า : "ตระกูลนี้เป็นตระกูลที่เก่าแก่ มีความเป็นมาในหลายๆอย่างซึ่งเล่าทั้งวันก็คงไม่มีวันจบ แต่จะมีใครสักคนที่จะรับรู้เรื่องราวของตระกูลนี้ได้ด้วยตนเอง วันนี้ที่เรียกมาเพื่อจะมอบสมบัติที่สืบทอดในตระกูลมาหลายชั่วอายุคนให้กับหลานของปู่"
หลังจากนั้นคุณย่าก็นำหีบลูกใหญ่ออกมา แล้วเปิดออก ข้างในมีฝุ่นจับข้างในเราะมันเก่ามากและไม่มีวี่แววถูกเปิดเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้
คุณย่าหยิบของแต่ละอย่างส่งให้แต่ละคน ผมได้กล่องปริศนาถูกล็อกเอาไว้ มันบังเอิญหรือถูกกำหนดไว้ก็ไม่รู้รึเปล่าที่จำนวนของในหีบมันมีพอดีกับจำนวนคน
บางคนก็ได้สร้อยคอ บางคนก็ได้แหวน บางคนก็ได้อัญมณี กันไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป ผมโทรหาคุณพ่อแต่ก็ไม่ติด ผมจึงเดินกลับบ้านเอา ผมมองที่กล่องว่าข้างในมันเก็บอะไรไว้กันแน่ เพราะขนาดกล่องก็ใหญ่อยู่แต่มีน้ำหนักเบา พอลองเขย่าเบาๆดูก็มีเสียง เหมือนกับว่ามีของแข็งอยู่ข้างใน
พอผมถึงบ้าน ประตูบ้านปิดไว้อยู่ก่อนที่ผมจะเอื้อมมือจับลูกบิดประตู กล่องก็ถูกปลดล็อกอย่างน่าสงสัย...
ผมเปิดประตูก็พบกับ ร่างของพ่อและแม่แขวนคออยู่ภายในบ้าน กล่องที่อยู่ภายในมือก็ร่วงลงกระแทกกับพื้นแล้วก็เปิดออกมา ผมทรุดลงไปกับพื้น ทำอะไรไม่ถูก จะร้องไห้น้ำตาก็ไม่ไหลเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมาปิดกั้นหัวใจ ผมหันไปมองข้าง ภายในกล่องที่ถูกเปิดออกนั้น มันคือ ตลับนาฬิกาที่สลักข้างหน้าด้วยภาษาละติน มันสลักไว้ว่า "AETERNAM"
ผมรีบกดที่หัวของมันเพื่อเปิดดู มือไม้ของผมสั่นเกรงกลัวต่อภาพที่เกิดต่อหน้า แล้วตอนนั้นเอง เข็มสั้นกับเข็มยาว อยู่ตรงที่ "XII" พอดี ซึ่งมันบอกว่าผมพบศพของพ่อกับแม่เวลาเที่ยงวัน
หลังจากตอนนั้นชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป... ตลอดกาล...
********************
END
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ