บ่วงพิศวาส ทาสอเวจี
7.7
เขียนโดย Annakan
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 00.04 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
7,629 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559 13.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) กุสุมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1กุสุมา
“กะทิเดี๋ยวขัดตรงนี้เสร็จแล้วไปเตรียมอาหารกลางวันนะ” หญิงวัยกลางคนบอกเด็กสาวที่กำลังง่วนกับการทำความสะอาดพื้นกระเบื้อง
“ได้จ้ะป้า” เด็กสาววัยแรกแย้มตอบรับด้วยใบหน้าสดใส
กุสุมา วรโกมลหรือกะทิ เด็กสาววัยสิบเก้าปี เธอเติบโตมาในสถานสงเคราะห์เพราะมารดาแท้ๆ ที่ให้กำเนิดนำเธอมาฝากไว้แล้วก็ไม่เคยกลับมาหาอีกเลย
กะทิโตมาพร้อมกับเด็กกำพร้าคนอื่นๆ เพื่อนของเธอบางคนก็มีครอบครัวใหม่มารับอุปถัมภ์ บางคนก็จากไปตั้งแต่เด็กเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ตั้งแต่จำความได้เธอไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันที่พอจะเป็นเพื่อนสนิทได้เลยเพราะในสถานสงเคราะห์ เด็ก จะเข้าๆ ออกๆ หรือไม่ก็โดนย้ายที่กันอยู่บ่อยๆ
มีแต่เธอที่ได้อยู่ที่เดิมมาตั้งแต่เด็กจนโต ช่วงประถมเธอได้ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้ๆ สถานสงเคราะห์จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้เพราะเธอดันเรียนเก่งผลการศึกษาของเธอทุกปีอยู่ในขั้นดีเยี่ยมมาตลอด คุณครูจึงให้เธอไปคอยดูแลเด็กเล็ก
กะทิจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยการเรียนแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า กศน. เธอไปเรียนทุกวันอาทิตย์ส่วนวันอื่นๆ ก็ทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์
กิจวัตรประจำวันของเธอคือตื่นตอนตีห้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้าให้แผนกเด็กเล็กหลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงที่เด็กๆ จะได้ไปอยู่กับคุณครูที่ดูแลเธอมีหน้าที่คอยช่วยสอดส่องเด็กๆ พวกนั้น กลางวันก็ถึงเวลาของเธออีกครั้งที่ต้องเตรียมอาหารอีกหนึ่งมื้อพอจบจากตรงนั้นก็จะเป็นการเรียนในช่วงบ่ายเธอก็ไปทำหน้าที่แบบเดิมเหมือนตอนเช้า
บ่ายแก่ๆ คุณครูก็จะให้เด็กนอนกลางวัน ช่วงที่เด็กๆ หลับเธอกับคุณครูก็จะช่วยกันตรวจการบ้านของเด็กๆ แล้วก็อีกครั้งที่เธอต้องกลับไปที่โรงอาหารเพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับมื้อเย็น
หลังเด็กๆ กินเสร็จเธอก็จะไปช่วยเด็กๆ อาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมเข้านอนแล้วหัวค่ำไปจนดึกเธอถึงจะได้มีเวลาส่วนตัว กะทิใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการอ่านหนังสือทั้งหมด
เงินเดือนของเธอครูสร้อยฟ้าจ่ายให้เป็นการส่วนตัวเพราะเธอไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นลูกจ้างอย่างถูกกฎหมาย ครูรักและเอ็นดูเธอมากตอนเด็กๆ เวลาที่ใครมาแกล้งครูก็จะคอยดุคอยว่าให้ตลอด
ถ้าชีวิตนี้ไม่มีครูสร้อยฟ้าเธอคงไม่ได้เติบโตมาจนป่านนี้ ส่วนนึงที่เธอได้อภิสิทธิ์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กจนโตก็เพราะคุณครูนี่แหละกะทิจึงสำนึกในบุญคุณของคุณครูมาก เธอตั้งใจทำงานรับใช้คุณครูและสถานสงเคราะห์เต็มความสามารถหน้าที่ของตัวเองเธอทำมันเต็มที่ด้วยความเต็มใจเท่านั้นยังไม่พอเธอยังไปช่วยหยิบจับงานอื่นด้วยถ้างานของตัวเองเสร็จแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทุกคนจะรักและเอ็นดูเธอ
กะทิมีรูปร่างสมส่วน ผิวกายขาวนวล ดวงหน้าเนียนใสเพราะเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแต่เธอรู้สึกว่าช่วงนี้สายตาของเธอพร่าๆ ชอบกล อาจเป็นเพราะเธอชอบอ่านหนังสือในที่สลัวๆ ทุกคืน
“กะทิขอไปข้างนอกนะคะครูสร้อยฟ้าแล้วจะรีบกลับมาก่อนมื้อเย็น” เธอมาขออนุญาต จริงๆ วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของเธอแต่กะทิก็ยังตื่นมาช่วยเตรียมมื้อเช้าและกลางวันให้เด็กๆ เพราะให้นั่งเฉยๆ ทั้งวันเธอทำไม่ได้
“ไม่ต้องรีบหรอกกะทิเสร็จธุระแล้วค่อยกลับก็ได้” สร้อยฟ้าตอบเด็กสาว
“หนูจะไปดูแว่นสายตาค่ะแล้วก็จะไปร้านหนังสือแค่นั้นเอง”
“แล้วเงินพอไหมกะทิ” สร้อยฟ้าถามด้วยความเป็นห่วง
“พอค่ะคุณครูหนูจะไปดูแบบสำเร็จรูป หนูเคยเห็นในร้านหนังสือค่ะอันละสองสามร้อยเองถูกกว่าไปตัดในร้านแว่นตั้งเยอะ”
“ไปเถอะ ขึ้นรถลงรถก็ระวังด้วยนะกะทิ” สร้อยฟ้าลูบหัวเด็กสาว เธอยกมือไหว้แล้วเดินออกไป
กะทิสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนกับรองเท้ารัดส้นสีน้ำตาล ไหล่เล็กๆ มีกระเป๋าใบน้อยคล้องอยู่
“ลุงศักดิ์เอาอะไรไหมจ๊ะ หนูจะไปห้าง” กะทิแวะถามลุงศักดิ์ผู้รักษาความปลอดภัยประจำสถานสงเคราะห์
“เอาบัตรเติมเงินมาให้ลุงห้าสิบบาทแล้วกันกะทิ” ศักดิ์ยื่นเงินให้เด็กสาว
“ไม่เป็นไรลุงเดี๋ยวกะทิออกให้ ลุงเก็บไว้กินข้าวเถอะ” กะทิบอกปัดแล้วรีบเดินออกมาตัวเธอมีอาหารให้กินทั้งสามมื้อ ที่อยู่ก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าแต่ลุงศักดิ์ต้องเสียทุกอย่างเองแถมเมียแกก็พิการแขนขาอ่อนแรงทำงานไม่ได้ อะไรที่ช่วยกันได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยกันไป
“เติมเงินออนไลน์ค่ะ” กะทิแวะเข้าร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอยก่อนจะขึ้นรถไปห้างเพราะเธอกลัวจะลืม
เด็กสาววัยสดใสมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายโมงกว่า เธอเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านหนังสือทันที
กะทิลองสวมแว่นที่ขายอยู่ในร้านหนังสือ เธอลองอยู่สามสี่อันแล้วก็เห็นว่าแว่นที่เธอสบายตาที่สุดคือสายตาลบร้อยห้าสิบ
“สั้นร้อยห้าสิบ ได้ไงเนี่ย” กะทิถามตัวเอง
เธอหยิบแว่นตาใส่ตะกร้าใบเล็กของร้านแล้วไปเดินดูหนังสือต่อ กะทิชอบอ่านวรรณกรรมแปลเธอไล่สายตาดูทีละเล่มที่ชั้น สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกมาได้หนึ่งเล่ม จากคำโปรยมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายคนนึงที่หลุดเข้าไปในโลกเวทย์มนต์
พอได้ของที่ต้องการครบเธอก็เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย กะทิมองเข้าไปในร้านอาหารเห็นเด็กสาวรุ่นๆ เดียวกับเธอสี่คนกินไปพูดคุยหยอกล้อกันไปด้วยใบหน้าสดใส เธอได้แต่มองภาพเหล่านั้นแล้วอิจฉาอยู่ในใจถ้าเธอมีพ่อแม่เธอก็คงได้ไปเข้าเรียนแบบปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ แล้วเธอก็จะได้มีเพื่อนสนิทแบบนั้น
เหตุผลนึงที่กะทิไม่ชอบออกไปไหนเพราะเธอไม่อยากเห็นภาพครอบครัวของพ่อแม่ลูกหรือกลุ่มๆ เพื่อนที่มีความสุขมันทำให้เธอทุกข์ใจเธอยอมรับความกำพร้าของตัวเองได้แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับมัน หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอหวั่นไหวและเจ็บแปลบทุกครั้งเวลาต้องเห็นภาพอะไรแบบนั้น
“ตาสั้นแล้วหรอกะทิ” ลุงศักดิ์ทักเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้
“จ้ะลุงมันแค่มองไม่ชัดนิดเดียวแต่กะทิรำคาญจ้ะ”
“ลุงได้เงินแล้วนะขอบใจมาก”
“เกือบลืมเลย หนูซื้อมาฝากจ้ะลุง” กะทิยื่นถุงแกงกับผลไม้ให้ลุงศักดิ์
“เอาเงินไปเลยนะกะทิ ลุงไม่ยอมหรอก” ศักดิ์หยิบธนบัตรใบแดงๆ ออกมา
“ลุงศักดิ์หนูกินฟรีอยู่ฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย นานๆ ทีจะซื้อของแบ่งปันให้ลุงบ้างมันจะไม่ได้เลยหรือคะ” กะทิถามแล้วทำหน้าน้อยใจ
“นอกจากคนที่นี่หนูก็ไม่มีใครแล้วนะคะ”
“ขอบใจนะกะทิ” ศักดิ์ยอมแพ้แล้วเก็บเงินเข้ากระเป๋า
“หนูไปก่อนนะ” กะทิยิ้มยิงฟันให้ลุง รปภ.
“กะทิเดี๋ยวขัดตรงนี้เสร็จแล้วไปเตรียมอาหารกลางวันนะ” หญิงวัยกลางคนบอกเด็กสาวที่กำลังง่วนกับการทำความสะอาดพื้นกระเบื้อง
“ได้จ้ะป้า” เด็กสาววัยแรกแย้มตอบรับด้วยใบหน้าสดใส
กุสุมา วรโกมลหรือกะทิ เด็กสาววัยสิบเก้าปี เธอเติบโตมาในสถานสงเคราะห์เพราะมารดาแท้ๆ ที่ให้กำเนิดนำเธอมาฝากไว้แล้วก็ไม่เคยกลับมาหาอีกเลย
กะทิโตมาพร้อมกับเด็กกำพร้าคนอื่นๆ เพื่อนของเธอบางคนก็มีครอบครัวใหม่มารับอุปถัมภ์ บางคนก็จากไปตั้งแต่เด็กเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ตั้งแต่จำความได้เธอไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันที่พอจะเป็นเพื่อนสนิทได้เลยเพราะในสถานสงเคราะห์ เด็ก จะเข้าๆ ออกๆ หรือไม่ก็โดนย้ายที่กันอยู่บ่อยๆ
มีแต่เธอที่ได้อยู่ที่เดิมมาตั้งแต่เด็กจนโต ช่วงประถมเธอได้ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้ๆ สถานสงเคราะห์จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้เพราะเธอดันเรียนเก่งผลการศึกษาของเธอทุกปีอยู่ในขั้นดีเยี่ยมมาตลอด คุณครูจึงให้เธอไปคอยดูแลเด็กเล็ก
กะทิจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยการเรียนแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า กศน. เธอไปเรียนทุกวันอาทิตย์ส่วนวันอื่นๆ ก็ทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์
กิจวัตรประจำวันของเธอคือตื่นตอนตีห้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้าให้แผนกเด็กเล็กหลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงที่เด็กๆ จะได้ไปอยู่กับคุณครูที่ดูแลเธอมีหน้าที่คอยช่วยสอดส่องเด็กๆ พวกนั้น กลางวันก็ถึงเวลาของเธออีกครั้งที่ต้องเตรียมอาหารอีกหนึ่งมื้อพอจบจากตรงนั้นก็จะเป็นการเรียนในช่วงบ่ายเธอก็ไปทำหน้าที่แบบเดิมเหมือนตอนเช้า
บ่ายแก่ๆ คุณครูก็จะให้เด็กนอนกลางวัน ช่วงที่เด็กๆ หลับเธอกับคุณครูก็จะช่วยกันตรวจการบ้านของเด็กๆ แล้วก็อีกครั้งที่เธอต้องกลับไปที่โรงอาหารเพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับมื้อเย็น
หลังเด็กๆ กินเสร็จเธอก็จะไปช่วยเด็กๆ อาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมเข้านอนแล้วหัวค่ำไปจนดึกเธอถึงจะได้มีเวลาส่วนตัว กะทิใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการอ่านหนังสือทั้งหมด
เงินเดือนของเธอครูสร้อยฟ้าจ่ายให้เป็นการส่วนตัวเพราะเธอไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นลูกจ้างอย่างถูกกฎหมาย ครูรักและเอ็นดูเธอมากตอนเด็กๆ เวลาที่ใครมาแกล้งครูก็จะคอยดุคอยว่าให้ตลอด
ถ้าชีวิตนี้ไม่มีครูสร้อยฟ้าเธอคงไม่ได้เติบโตมาจนป่านนี้ ส่วนนึงที่เธอได้อภิสิทธิ์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กจนโตก็เพราะคุณครูนี่แหละกะทิจึงสำนึกในบุญคุณของคุณครูมาก เธอตั้งใจทำงานรับใช้คุณครูและสถานสงเคราะห์เต็มความสามารถหน้าที่ของตัวเองเธอทำมันเต็มที่ด้วยความเต็มใจเท่านั้นยังไม่พอเธอยังไปช่วยหยิบจับงานอื่นด้วยถ้างานของตัวเองเสร็จแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทุกคนจะรักและเอ็นดูเธอ
กะทิมีรูปร่างสมส่วน ผิวกายขาวนวล ดวงหน้าเนียนใสเพราะเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแต่เธอรู้สึกว่าช่วงนี้สายตาของเธอพร่าๆ ชอบกล อาจเป็นเพราะเธอชอบอ่านหนังสือในที่สลัวๆ ทุกคืน
“กะทิขอไปข้างนอกนะคะครูสร้อยฟ้าแล้วจะรีบกลับมาก่อนมื้อเย็น” เธอมาขออนุญาต จริงๆ วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของเธอแต่กะทิก็ยังตื่นมาช่วยเตรียมมื้อเช้าและกลางวันให้เด็กๆ เพราะให้นั่งเฉยๆ ทั้งวันเธอทำไม่ได้
“ไม่ต้องรีบหรอกกะทิเสร็จธุระแล้วค่อยกลับก็ได้” สร้อยฟ้าตอบเด็กสาว
“หนูจะไปดูแว่นสายตาค่ะแล้วก็จะไปร้านหนังสือแค่นั้นเอง”
“แล้วเงินพอไหมกะทิ” สร้อยฟ้าถามด้วยความเป็นห่วง
“พอค่ะคุณครูหนูจะไปดูแบบสำเร็จรูป หนูเคยเห็นในร้านหนังสือค่ะอันละสองสามร้อยเองถูกกว่าไปตัดในร้านแว่นตั้งเยอะ”
“ไปเถอะ ขึ้นรถลงรถก็ระวังด้วยนะกะทิ” สร้อยฟ้าลูบหัวเด็กสาว เธอยกมือไหว้แล้วเดินออกไป
กะทิสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนกับรองเท้ารัดส้นสีน้ำตาล ไหล่เล็กๆ มีกระเป๋าใบน้อยคล้องอยู่
“ลุงศักดิ์เอาอะไรไหมจ๊ะ หนูจะไปห้าง” กะทิแวะถามลุงศักดิ์ผู้รักษาความปลอดภัยประจำสถานสงเคราะห์
“เอาบัตรเติมเงินมาให้ลุงห้าสิบบาทแล้วกันกะทิ” ศักดิ์ยื่นเงินให้เด็กสาว
“ไม่เป็นไรลุงเดี๋ยวกะทิออกให้ ลุงเก็บไว้กินข้าวเถอะ” กะทิบอกปัดแล้วรีบเดินออกมาตัวเธอมีอาหารให้กินทั้งสามมื้อ ที่อยู่ก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าแต่ลุงศักดิ์ต้องเสียทุกอย่างเองแถมเมียแกก็พิการแขนขาอ่อนแรงทำงานไม่ได้ อะไรที่ช่วยกันได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยกันไป
“เติมเงินออนไลน์ค่ะ” กะทิแวะเข้าร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอยก่อนจะขึ้นรถไปห้างเพราะเธอกลัวจะลืม
เด็กสาววัยสดใสมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายโมงกว่า เธอเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านหนังสือทันที
กะทิลองสวมแว่นที่ขายอยู่ในร้านหนังสือ เธอลองอยู่สามสี่อันแล้วก็เห็นว่าแว่นที่เธอสบายตาที่สุดคือสายตาลบร้อยห้าสิบ
“สั้นร้อยห้าสิบ ได้ไงเนี่ย” กะทิถามตัวเอง
เธอหยิบแว่นตาใส่ตะกร้าใบเล็กของร้านแล้วไปเดินดูหนังสือต่อ กะทิชอบอ่านวรรณกรรมแปลเธอไล่สายตาดูทีละเล่มที่ชั้น สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกมาได้หนึ่งเล่ม จากคำโปรยมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายคนนึงที่หลุดเข้าไปในโลกเวทย์มนต์
พอได้ของที่ต้องการครบเธอก็เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย กะทิมองเข้าไปในร้านอาหารเห็นเด็กสาวรุ่นๆ เดียวกับเธอสี่คนกินไปพูดคุยหยอกล้อกันไปด้วยใบหน้าสดใส เธอได้แต่มองภาพเหล่านั้นแล้วอิจฉาอยู่ในใจถ้าเธอมีพ่อแม่เธอก็คงได้ไปเข้าเรียนแบบปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ แล้วเธอก็จะได้มีเพื่อนสนิทแบบนั้น
เหตุผลนึงที่กะทิไม่ชอบออกไปไหนเพราะเธอไม่อยากเห็นภาพครอบครัวของพ่อแม่ลูกหรือกลุ่มๆ เพื่อนที่มีความสุขมันทำให้เธอทุกข์ใจเธอยอมรับความกำพร้าของตัวเองได้แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับมัน หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอหวั่นไหวและเจ็บแปลบทุกครั้งเวลาต้องเห็นภาพอะไรแบบนั้น
“ตาสั้นแล้วหรอกะทิ” ลุงศักดิ์ทักเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้
“จ้ะลุงมันแค่มองไม่ชัดนิดเดียวแต่กะทิรำคาญจ้ะ”
“ลุงได้เงินแล้วนะขอบใจมาก”
“เกือบลืมเลย หนูซื้อมาฝากจ้ะลุง” กะทิยื่นถุงแกงกับผลไม้ให้ลุงศักดิ์
“เอาเงินไปเลยนะกะทิ ลุงไม่ยอมหรอก” ศักดิ์หยิบธนบัตรใบแดงๆ ออกมา
“ลุงศักดิ์หนูกินฟรีอยู่ฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย นานๆ ทีจะซื้อของแบ่งปันให้ลุงบ้างมันจะไม่ได้เลยหรือคะ” กะทิถามแล้วทำหน้าน้อยใจ
“นอกจากคนที่นี่หนูก็ไม่มีใครแล้วนะคะ”
“ขอบใจนะกะทิ” ศักดิ์ยอมแพ้แล้วเก็บเงินเข้ากระเป๋า
“หนูไปก่อนนะ” กะทิยิ้มยิงฟันให้ลุง รปภ.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ