Mad Doll เกมตุ๊กตาคลั่ง

9.3

เขียนโดย asieth2

วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.55 น.

  3 chapter
  41 วิจารณ์
  5,874 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 13.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เหตุการณ์และความพลิกผัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                โดยปกติปรายฟ้ากับตะวันมักจะนั่งรถโดยสารกลับบ้านด้วยกันยามเย็นเสมอ ทั้งสองจะมีการส่งข้อความเพื่อบอกสถานที่นัดพบหลังเลิกเรียน ส่วนใหญ่ปรายฟ้าเป็นคนส่งมา และก็เช่นเดียวกับวันนี้ ตะวันได้รับข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือแทบจะในเวลาเดียวกันกับเมื่อวันธรรมดาก่อนๆ

                เจอกันที่เดิมนะคะ ซื้อหนังแผ่นใหม่มาด้วย อยากดูจังเลย

                แล้วก็มีสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายสีขาวน่ารักขยับไปมาอยู่ด้วย

                ตะวันอมยิ้ม

                เขาเก็บโทรศัพท์กลับลงในกระเป๋ากางเกงหลังจากอ่านข้อความซ้ำเป็นครั้งที่สอง

                เด็กหนุ่มเดินสะพายกระเป๋าเป้นักเรียนสีดำด้วยสายสะพายข้างเดียวไปตามทางเท้าริมถนนใหญ่ มือขวาถือถุงของฝากจากเพื่อนๆ เอาไว้ด้วย บนทางฟุตบาทว่างเปล่าไม่มีคนสัญจร แต่บนท้องถนนสี่เลนด้านข้างดังสนั่นไปด้วยเสียงของเครื่องยนต์และไอหมอกควันของมลพิษ และนี่ก็คือบรรยากาศของความเจริญรุ่งเรืองในตัวเมืองหลวง บรรยากาศที่ค่อยๆ ฆ่าผู้คนให้ตายลงอย่างช้าๆ

                ตะวันเดินลอดผ่านสะพานลอยซึ่งทอดข้ามสองฝั่งของถนนขนาดใหญ่

                และหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เขาก็มาถึงจุดนัดหมาย

                ป้ายรถโดยสารเล็กๆ มีคนจำนวนหนึ่งรวมกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น ใกล้กันมีร้านสะดวกซื้อสาขาดังตั้งอยู่ด้วย ตะวันเข้าไปในร้าน ซื้อเอาชาเขียวพร้อมดื่มกลิ่นองุ่นม่วงมาขวดหนึ่ง หลังจากนั้นเขากลับออกมายืนตรงป้ายรถเมล์ สายตาทอดมองไปยังฝั่งตรงข้ามของถนนอย่างตั้งตารอคอย

                กระทั่งมุมทางเดินตรงแยกของอีกฝั่งมีใครบางคนเดินพ้นออกมา

                ปรายฟ้านั่นเอง

                เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมต้นอันเป็นเครื่องแบบที่พบเห็นได้โดยทั่วไป เธอใบหน้าสวยใสโดดเด่นมาตั้งแต่ไกลๆ เรือนผิวขาวผ่องสะดุดตา ผมดำมัดรวบไว้ด้านหลัง ปรายฟ้าสะพายย่ามกระเป๋านักเรียนสีดำเดินเลียบมาตามทางเดินพร้อมๆ กับฝูงชนคนเดินอื่นๆ และเมื่อสังเกตเห็นใครบางคนที่สนิทสนมคุ้นตายืนรออยู่ เธอก็ยิ้มกว้างขึ้น โบกมือข้ามถนนทักทายกลับมาทันที

                ตะวันได้แต่ยิ้มกว้างขึ้นส่งตอบกลับไป

                สัญญาณไฟจราจรยังเป็นสีเขียว ยวดยานมากมายยังคงวิ่งแล่นผ่านไปผ่านมา และปรายฟ้ายังไม่สามารถข้ามถนนมาได้โดยทันที ตะวันมองดูน้องสาวที่กำลังหยุดยืนรออยู่ตรงทางม้าลายของอีกฝั่งซึ่งเยื้องจากตรงหน้าของเขาไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

                และสัญญาณไฟก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

                ปรายฟ้าข้ามถนนมาเป็นคนแรกๆ

                เธอวิ่งเยาะนำหน้าคนอื่นๆ มาตามทางม้าลาย

                และแล้ว...

                เสียงแตรรถก็ถูกบีบลั่นขึ้น

                มันเสียงดังแผดยาวราวกับบ่งชี้ถึงสัญญาณอันตราย

                “เอ๊ะ”

                ตะวันรีบหันไปตามต้นตอของเสียงทั้งหมด เด็กหนุ่มมองเห็นความวุ่นวายบางอย่างใจกลางสี่แยก เกิดเสียงเสียดทานดังเอียดอาดขึ้นตามมา รถยนต์คันหนึ่งเหยียบเบรกกะทันหันจนเกิดรอยยางสีดำถลากไปกับพื้นเป็นทางยาว การจราจรในบริเวณเป็นอัมพาตไปในพริบตา และที่สำคัญ...

                มีรถกระบะคันหนึ่งพุ่งผ่าไฟแดงมาด้วยความเร็วสูง

                ตะวันใจหายวาบขึ้นมาโดยทันที

                เด็กหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อ นัยน์ตาเบิกกว้างมองไปยังน้องสาว

                ปรายฟ้ายืนนิ่งชะงักอยู่กลางถนน

                เธอเองก็คงอยู่ในอาการตื่นตระหนกเช่นกัน

                และ...

                เสียงอัดกระแทกดังตึงขึ้นสนั่นหวั่นไหว

                ตะวันอุทานขึ้นแผ่วเบา นัยน์ตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจถึงที่สุด

                เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเพียงแค่เศษเสี้ยวของวินาที แต่เด็กหนุ่มสามารถเห็นรายละเอียดทุกอย่างชัดเจน เขาเห็นปรายฟ้าถูกชนกระแทกเข้าอย่างรุนแรงจนเสียหลักพุ่งล้มลงกับพื้นถนนก่อนที่ร่างทั้งหมดของเธอจะถูกกลืนหายไปใต้ท้องของกระบะคันนั้น

            มะ...ไม่จริง...

                หัวใจของตะวันสั่นสะท้านไปด้วยความปวดร้าว

                ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงแค่ไม่กี่วินาที เหตุการณ์ทั้งหมดก็สิ้นสุดลงแล้ว              

                ปรายฟ้า!

                ตะวันรีบวิ่งลัดเลาะไปตามยานพาหนะซึ่งหยุดรอสัญญาณไฟอยู่ด้านหน้า พาตัวเองข้ามขอบปูนกั้นซึ่งเป็นเกาะกลางมายังถนนอีกเลนหนึ่ง และเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ตะวันก็ถึงกับต้องเสียดแทงเจ็บปวดขึ้นมาในทรวงอก บนพื้นมีรอยของเหลวสีเข้มๆ ซึ่งลากยาวออกไปเป็นทาง เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่าทั้งหมดนั้นก็คือหยาดโลหิตจากตัวของปรายฟ้า

                และห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่เมตร

                ร่างของปรายฟ้านอนคว่ำจมกองเลือดตัวเองอยู่บนพื้นถนน ชุดนักเรียนสีขาวของเธออาบย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงสด แขนขาบิดคดงอไปจนผิดรูป ทั้งหมดมันแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของเด็กสาวผู้สดใสน่ารักอยู่เลย ตะวันเห็นภาพดังกล่าวก็ได้แต่ใจสลายแทบจะเข่าอ่อนล้มลงตรงนั้น

                เพียงเวลาแค่ชั่วครู่เดียว ทำไมทุกอย่างถึงกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้

                เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ปรายฟ้ายังยิ้มแล้วก็โบกมือให้เขาอยู่เลย

                “เอ๊ะ”

                ถุงพลาสติกใส่กล่องเค้กสองถุงและขวดน้ำชาร่วงหล่นลงพื้น

                “กะ...เกิดอะไรขึ้น” ตะวันตกใจ

                และ ณ วินาทีนั้น เขาก็เอียงตัวล้มลงไปกับพื้นโดยทันที

                ราวกับร่างกายของเขามีอาการผิดปรกติบางอย่างเกิดขึ้น เด็กหนุ่มไม่เคยมีโรคประจำตัวและไม่คิดว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วยเช่นกัน เขาสูญเสียการทรงตัว สมองเหมือนจะรับรู้จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายผิดเพี้ยน

                เด็กหนุ่มล้มลงนอนหน้าฟุบอยู่กับพื้นถนนอุ่นๆ

                นะ...นี่มันอะไรกัน...

                ตะวันขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้เลยสักนิด แม้จะพยายามสั่งการ แต่ร่างกายของเขามันเหมือนกับไม่ได้รับสารสื่อประสาทจากสมองเลยแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มนึกแค้นใจตัวเอง ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนอนไร้น้ำยาอยู่ในสภาพนี้

                แต่เขาไม่ลดละความพยายาม

                นัยน์ตาของตะวันพยายามเกลือกกลอกไปทางด้านข้างอย่างสุดกำลัง และเขาสามารถมองเห็นวิสัยทัศน์แคบๆ เลียบไปตามพื้นของถนนได้ แต่เด็กหนุ่มคงมองเห็นอะไรได้ต่อไปอีกไม่นานนัก สายตาของเขามันเริ่มพร่ามัวลงไปทุกขณะ

                เอ๊ะ!

                มีใครบางคนกำลังก้าวข้ามร่างของเขาไป

                ตะวันสังเกตเห็นเท้าเรียวสวยขาวซีดเรียกว่าเป็นเท้าของศพแช่แข็งเลยก็คงว่าได้ ใครกัน? ทำไมถึงกล้าเดินข้ามหัวเขาซึ่งคว่ำล้มอยู่ไปได้หน้าตาเฉย แล้วทำไมถึงเดินเท้าเปล่า สิ่งที่เห็นก่อให้เกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย เด็กหนุ่มถึงกับต้องทบทวนตัวเองซ้ำอีกครั้งว่ามันเป็นไปได้ไหมที่เขาจะตาฝาด

                เจ้าของเท้าสะสวยเดินทิ้งระยะห่างออกไปมากขึ้นทำให้ตะวันสามารถสังเกตรายละเอียดเพิ่มเติมได้ เขามองเห็นชายกระโปรงสีขาวลายลูกไม้ยาวระดับแข้งซึ่งขาดวิ่นและเต็มไปด้วยรอยหมองคล้ำ

                ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้ขบคิดอะไรมากไปกว่านั้น นัยน์ตาของเขาก็มองเห็นเพียงม่านสีดำมืดสนิท

                และทุกอย่างก็ดับวูบลงไปทันทีในตอนนั้น

 

                มันช่างเป็นวันที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเลวร้าย

                แต่ตะวันคิดว่าเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับมัน

                เป็นเวลาประมาณตีสี่กว่าๆ ตะวันยังคงอยู่ในชุดนักเรียน เขายืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึกผู้ป่วยตึกหนึ่งภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง รอบด้านมีเพียงความว่างเปล่าของแสงไฟสีขาวบางๆ ส่องมาจากหลอดฟลูออเรสเซนเพียงหลอดเดียวตรงบริเวณเหนือประตูทางผ่านเข้ามาของชั้นบนนี้

                ตะวันยืนหลบเร้นตัวเองอยู่ภายใต้ความสลัวห่างออกไปจากแสงไฟระยะหนึ่ง แต่ด้วยบรรยากาศภายในตัวเมือง แสงสีทัศนียภาพย่อมสว่างไสวอยู่ตลอดคืน เด็กหนุ่มยืนเกาะอยู่ตรงขอบปูนกั้นสูงระดับอก นัยน์ตาแหงนเงยขึ้นทำมุมสูงพร้อมกับภาพสะท้อนสุกวาวอยู่บนแววตา

                มันเป็นคืนที่พระจันทร์สวยเหลือเกิน

                พระจันทร์เหลืองอร่ามเต็มดวงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ฉายแสงนุ่มนวลสวยงามลงมาทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้แม้ในคืนค่อนเช้าอันหนาวเหน็บ ตะวันประหลาดใจตัวเอง เขาไม่คิดว่าการได้มองท้องฟ้าในยามค่ำคืนมันจะทำให้เขาสงบจิตสงบใจได้มากถึงเพียงนี้

                “เฮ้อ”

                ตะวันใช้เวลาในการทบทวนเรื่องราวที่ประสบพบเจอมาทั้งหมด

                เริ่มจากปรายฟ้าถูกรถชน แต่เคราะห์ดีราวกับปาฏิหาริย์ เธอยังรอดจากความตายมาได้ ส่วนตะวันก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นและสลบไสลไปเกือบจะในทันที พลเมืองดีจำนวนหนึ่งรีบตรงเข้าไปให้ความช่วยเหลือเขาคนละไม้คนละมือ ช่วยกันโบกพัด ช่วยกันเรียกสติ ช่วยกันเขย่าร่าง เหมือนกับวิธีการปฏิบัติต่อคนที่เป็นลมหมดสติ โชคดีเด็กหนุ่มฟื้นคืนกลับมาในเวลาไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ตะวันรีบตรงเข้าไปหาปรายฟ้า นั่งรถพยาบาลและอยู่เคียงข้างน้องสาวไม่เหินห่างตลอดเวลากระทั่งลำเลียงเปลผู้ป่วยขึ้นเตียงเหล็กและเคลื่อนเข้าห้องผ่าตัดไปในที่สุด

                เมื่อผู้เป็นแม่ได้ทราบข่าวก็เร่งรุดมารออยู่ด้านหน้าห้องผ่าตัด นั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ปานจะขาดใจ เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ พอได้ยินข่าวของลูกสาวก็ทิ้งงานทิ้งการที่บริษัท รีบมุ่งหน้ามาอยู่หน้าห้องผ่าตัดพร้อมกับภรรยาโดยทันที รอกันอยู่เป็นเวลานานกว่าสิบชั่วโมง ไม่ลุกไปไหน ไม่เข้าห้องน้ำ ไม่รับประทานอะไร ไม่ทำอะไรอย่างอื่นทั้งนั้น

                การผ่าตัดเพื่อรักษายื้อชีวิตของปรายฟ้าดำเนินไปยาวนานกว่าสิบชั่วโมง

                และจนถึงตอนนี้ ตะวันเพิ่งได้รับข้อความส่งมาจากมารดาของเขา

                ปรายฟ้าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาการยังไม่คงที่ แพทย์ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด

                มันช่วยคลายความกังวลลงไปได้เปราะหนึ่ง

                แต่เรื่องปรายฟ้าก็เป็นส่วนของเรื่องปรายฟ้า ตะวันยังปล่อยวางความคิดไม่ได้

                เพราะมันยังมีอีกหนึ่งประเด็นสำคัญก็คือ...

                เท้าปริศนาของผู้หญิงนั้น

                “เป็นไปได้ยังไงกัน” ตะวันยังคิดไม่ตก

                โทรศัพท์ของตะวันถูกยกขึ้นมา เขาสัมผัสนิ้วเปิดอะไรบางอย่างบนหน้าจอขึ้น

                น่าแปลก ทำไมถึงไม่มีนะ

                บนหน้าจอมือถือก็คือคลิปวิดีโอหนึ่งขนาดความยาวเพียงแค่นาทีกว่าๆ เป็นภาพในวิดีโอแสดงถึงสี่แยกขนาดใหญ่อันเป็นจุดเกิดเหตุเมื่อตอนเย็นนั่นเอง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวิดีโอนี้ก็ได้รับการบันทึกเอาไว้จากกล้องวงจรปิดหน้าธนาคารแห่งหนึ่งในบริเวณนั้น

                นัยน์ตาสีดำของเด็กหนุ่มมองดูวิดีโอที่กำลังถูกเล่นอยู่

                ตะวันไม่รู้ว่าเขาดูคลิปนี่ซ้ำไปแล้วกี่รอบ มันเยอะเกินกว่าจะย้อนหลังนับได้

                โทรศัพท์กำลังแสดงภาพของตัวเขาเองที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นถนน ส่วนตรงที่ปรายฟ้าล้มนอนอยู่มันลับเข้าไปตรงขอบจอและไม่สามารถมองเห็นได้ ความโกลาหลกำลังบังเกิดขึ้น เริ่มมีกลุ่มคนรุกล้ำเข้ามาในเขตถนนจนการจราจรต้องเป็นอันหยุดชะงัก เด็กหนุ่มมองเห็นโชเฟอร์รถแท็กซี่คนหนึ่งกับคนอื่นๆ อีกสองสามคนรีบเร่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือเขา ตะวันนึกขอบคุณในใจ แต่เขาไม่ได้สนใจคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

                เขาสนใจเพียงใครบางคนซึ่งไม่สวมรองเท้า ใส่ชุดกระโปรงสีขาวหรือไม่ก็แค่กระโปรงสีขาวหม่นหมอง แต่ไม่ว่าจะเล่นคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีกกี่ครั้ง มันก็ไม่มีวี่แววของสิ่งที่ตะวันกำลังมองหาอยู่เลย

                “เฮ้อ” ตะวันถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์

            หรือว่าเราจะฟุ้งซ่านไปเอง เป็นไปไม่ได้หรอก

            มันต้องมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างอยู่แน่...

                แต่ตอนนี้ คิดไปก็มีแต่จะประสาทกินเสียเปล่าๆ

                สุดท้ายเขาเลยปล่อยให้มันค้างคาใจอยู่เช่นนั้น

                “ตีสี่กว่าแล้วเหรอเนี่ย”

                ตะวันดูเวลาก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า

                เขายืนรอฟังข่าวของปรายฟ้าอยู่เกือบทั้งคืน เริ่มเหนื่อยแล้วก็อ่อนล้าขึ้นมาเต็มทีแล้ว อยากจะกลับบ้านไปนอนพัก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนเช้ายังต้องไปโรงเรียนอีก จริงๆ เขาอาจจะขอลาหยุดก็ได้ แต่คงจะไม่เหมาะ ตะวันขาดเรียนบ่อยจนแทบจะติดหมดสิทธิ์สอบอยู่แล้ว แถมยังเหมือนว่าจะมีสอบแบบเซอร์ไพรส์อีก ถ้าไม่ไปก็เห็นจะเกิดเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตตามมาทีหลัง

                ก็เลยตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไปโรงเรียน แต่ก่อนอื่นต้องบอกคุณพ่อหรือคุณแม่ให้รู้เสียก่อน จะได้ไม่ต้องคลาดกันหรือว่าเป็นกังวลต่อกันมากนัก

                ตะวันเลยล้วงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรฯออกหามารดา

                “อยู่ไหนน่ะ ลูก”

                เสียงปลายสายชิงถามมาก่อนทันทีเมื่อต่อสายคุยสำเร็จ

                “อยู่นอกตึกไงครับ ผมก็บอกไปแล้ว” ตะวันตอบ

                “เอ่อ แม่ครับ เดี๋ยวผมกลับไปบ้านก่อนนะ ต้องไปโรงเรียนน่ะ”

                เสียงถอนหายใจดังมา มันเป็นเสียงที่แสดงออกถึงความห่วงใย แต่ก็เป็นอันต้องหักห้ามเพราะไม่อาจคัดค้านอะไรได้ “แต่เวลาแบบนี้ ลูกจะกลับไปยังไง เดี๋ยวแม่ให้พ่อขับรถไปส่ง เอาไหม”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

                ตะวันตอบกลับเสียงอ่อนนุ่ม ให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจว่าเขาไม่เป็นอะไร

                “เดี๋ยวผมต้องรีบแล้ว ถุงที่ฝากไว้กับแม่น่ะเป็นขนมเค้กทั้งสองกล่อง พ่อกับแม่ทานรองท้องกันไปก่อนได้เลยนะครับ เอาไว้เดี๋ยวพอกลับไปถึงบ้านเมื่อไหร่ผมจะรีบข้อความกลับไปหาเลยทันที โอเคนะ”

                ...

                “จ้ะ” เสียงอบอุ่นของมารดาตอบกลับมา

                “ระวังตัวด้วยนะ ลูก”

                “ครับ”

                สายถูกกดตัด ตะวันเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เขารีบหยิบเอากระเป๋าเป้นักเรียนซึ่งวางอิงไว้กับผนังปูนกั้นด้านล่างขึ้นมาสะพายคล่องแคล่ว ก่อนจะกลับหลังหันก้าวเดินไปออกอย่างว่องไวโดยทันที

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา