Mad Doll เกมตุ๊กตาคลั่ง

9.3

เขียนโดย asieth2

วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.55 น.

  3 chapter
  6 วิจารณ์
  5,001 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 13.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เรื่องประหลาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                รถแท็กซี่แถบเขียวเหลืองชะลอจอดลงริมถนนหน้าบ้านหลังหนึ่ง

                คนที่เปิดประตูออกมาจากเบาะหลังคนขับก็คือเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน

                และเมื่อรถโดยสารขับทิ้งห่างออกไป...

                ตะวันก็เดินตรงมายังรั้วประตูเหล็กใหญ่หน้าบ้านของเขาเอง

                “หื้ม อะไรกัน”

                เขาสังเกตเห็นความไม่เป็นปรกติบางอย่าง

                เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มเป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่โอ่อ่า ข้างตัวบ้านมีโรงจอดรถตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน รอบตัวบ้านถูกตกแต่งประดับไปด้วยต้นไม้สวยงามน้อยใหญ่ต่างๆ ดูร่มรื่นเป็นอันมากหากเป็นเวลากลางวัน ด้านหน้าบ้านมีการเทปูนเป็นลานกว้าง มีบ่อปลาคาร์ปซึ่งเป็นบ่อน้ำพุขนาดพอประมาณตั้งอยู่ติดกับบริเวณส่วนหน้าของบ้านด้วย

                นี่เป็นบ้านหลังเดิมคุ้นตาของตะวัน

                แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ...

                ทำไมมันถึงมีแสงไฟเปิดสว่างไสวอยู่ตลอดทั้งหลัง

            มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย

                นัยน์ตาสีดำมองผ่านซี่กรงประตูเหล็กเข้าไป นี่มันเรียกได้ว่าเปิดไฟกันแบบสว่างผิดธรรมชาติอย่างกับพระราชวังเลยทีเดียว ตั้งแต่ไฟริมรั้วรอบๆ บ้าน หลอดกลมบนเสาไฟสีดำตั้งตระหง่านอยู่ตามจุดต่างๆ ในบริเวณ หลอดเล็กหลอดน้อยซึ่งติดอยู่ตามจุดต่างๆ รอบตัวบ้าน ไฟทุกดวงถูกเปิดให้ความสว่างกันอย่างพร้อมเพรียงกัน แม้แต่ไฟงานเลี้ยงซึ่งเป็นไฟหลอดเล็กๆ ตีบๆ ลักษณะเป็นสายๆ พันรอบอยู่ตามต้นไม้ต่างๆ ก็ถูกเปิดกระพริบวิบวับสีสันสวยงามตระการตาเอาไว้ด้วยเช่นกัน

                ปรกติบ้านของเขาไม่มีใครมีพฤติกรรมการเปิดไฟแบบนี้ มันออกจะสิ้นเปลืองจนเกินเหตุ และต่อให้เป็นวาระพิเศษหรือว่าที่บ้านมีงานปาร์ตี้ก็ยังไม่เปิดไฟสว่างกันแบบเต็มสูบขนาดนี้เลย มันเรียกว่าผิดวิสัยเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ประหลาดนี่ มันเกิดขึ้นด้วยสาเหตุอะไรกันแน่

                เด็กหนุ่มรู้สึกเย็นวาบขนลุกซู่ขึ้นทันที

                ราวกับว่าสัญชาตญาณของเขารับรู้ได้ถึงความไม่น่าไว้ใจบางอย่าง

                ความคิดของเขากำลังปะติดปะต่อเหตุการณ์ในตอนนี้เข้ากับเหตุการณ์กลางสี่แยกเมื่อตอนเย็นของเมื่อวาน ถ้าไฟในบ้านที่สว่างอยู่จนผิดสังเกตตอนนี้ มันเป็นประเด็นเดียวกับเท้าซีดๆ ปริศนานั่น ตะวันก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตของเขามันไม่ปลอดภัยขึ้นมาเสียแล้ว

                แต่เด็กหนุ่มก็พยายามคิดอะไรในแง่ดี

                บางทีพ่อหรือว่าแม่ของเขาอาจจะเป็นคนเปิดทิ้งเอาไว้ก็เป็นได้ หรือว่าบางทีอาจจะมีโจรขโมยหรือพวกย่องเบาแอบรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ส่วนตัวของเขาเป็นได้ แต่มันก็ดันขัดแย้งกันขึ้นมาเอง โจรหัวขโมยอะไรจะเปิดไฟให้สว่างเอิกเกริกแบบนี้ มันออกจะขัดกันกับพฤติกรรมของโจรที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น

                แต่เพื่อให้เกิดความแน่ใจมากขึ้น

                ลองเช็คกับคุณแม่ของเขาดูหน่อยก็แล้วกัน

                โทรศัพท์ถูกหยิบออกมา จะว่าไปเขาบอกกับแม่เอาไว้ด้วยแล้วนี่ว่าจะส่งข้อความกลับทันทีเมื่อไปถึงบ้าน เด็กหนุ่มเข้าโปรแกรมแชทข้อความบนมือถือ มองดูรายชื่อผู้ติดต่อจำนวนหนึ่งเรียงกันก่อนจะแตะนิ้วลงบนชื่อที่เขียนเอาไว้ว่า แม่ เป็นภาษาอังกฤษ ข้อความหนึ่งถูกพิมพ์และกดส่งออกไปอย่างรวดเร็ว

            แม่ครับ ถึงบ้านแล้วนะ

                สักพักหนึ่งข้อความของแม่ก็ถูกตอบส่งกลับมา

            จ้า

            แม่ไม่ได้ทำกับข้าวเตรียมไว้ ทำกินเองนะ

                ตะวันอ่านข้อความในหน้าต่างแชท ก่อนจะพิมพ์คำถามคาใจของตนส่งไป

            แม่ครับ ก่อนแม่ออกจากบ้านมา แม่เปิดไฟริมรั้วไว้หรือเปล่าครับ

            ...

            ไม่ได้เปิดนี่จ้ะ ไฟริมรั้วทำไมเหรอ ลูก

                พอได้เห็นข้อความเช่นนั้น ตะวันก็ถึงกับเห็นจริงขึ้นมา

            พอดีไฟรั้วบ้านมันติดๆ ดับๆ น่ะแม่ เหมือนสวิทช์มันจะเสียแล้วก็สับไฟเปิดเอง ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวผมเข้าไปอาบน้ำนั่งทำการบ้านอีกนิดหน่อยก่อนนะครับ เช้านี้เดี๋ยวไปโรงเรียนต่อเลย ตอนเย็นถ้าน้องย้ายเข้าห้องไอซียู เดี๋ยวผมจะแวะไปเยี่ยมนะครับ

            จ้า

                นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกแล้ว

                ตะวันถึงกับรู้สึกขยาด ไม่อยากเข้าไปในบ้านของตัวเองเลย

                แต่ว่าในตอนนั้นเอง...

                เสียงเห่าลั่นทักทายของสุนัขก็ดังลั่นขึ้น

                “ว่าไง เจ้าแดง”

                ในประตูรั้วมีสุนัขตัวหนึ่งปรากฏอยู่ มันเป็นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานตัวสีแดงส้ม หางสั่นกระดิกลอกๆ แลกๆ ไปมาด้วยความปลาบปลื้มยินดีเมื่อเห็นเจ้าของของมันยืนอยู่ มันส่งเสียเห่าต้อนรับ วิ่งลัดเลาะไปมาอยู่หน้าประตูด้วยความดีใจ

                ตะวันมองเข้าไปภายในแววตาของเจ้าแดง สำรวจดูว่าภายในแววตาของมันมีพิรุธอะไรอยู่หรือไม่ เจ้าหมามีแววตาสุกประกายแวววาว ท่าทางเหมือนกับไม่ได้ประสบผ่านเหตุการณ์ผิดสังเกตอะไรใดๆ มาทั้งสิ้น

                เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ ตะวันก็เบาใจมากขึ้น

                ประตูรั้วใหญ่เลื่อนเปิดไปข้างๆ เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในเขตด้านใน

                เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนเดินสะพายกระเป๋าเป้เดินไปตามทางลาดปูนกว้าง เดินเข้ามาผ่านบ่อน้ำพุปลาคาร์ปซึ่งมีการเปิดไฟรอบบ่อเอาไว้อย่างตระการตา ตะวันหยุดยืนอยู่ด้านหน้าทางบันไดเตี้ยๆ ซึ่งทอดขึ้นไปยังประตูทางเข้าหน้าบ้านของเขา

                และในหัวสมองก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้

            เพื่อความไม่ประมาท ลองเดินสำรวจรอบบ้านดูเสียหน่อยดีกว่า

                ตะวันเดินไปดูตามจุดต่างๆ ของบ้านโดยมีสุนัขตัวโปรดวิ่งต้อยๆ ตามไปติดๆ โดยไม่ห่าง ไล่สำรวจดูรอบบ้านอย่างละเอียดรอบคอบกลัวว่าจะมองข้ามอะไรบางอย่างไปหรือว่ามีอะไรตกหล่น ตามจุดต่างๆ เช่น ริมรั้วรอบบ้าน ตามสุมทุมพุ่มไม้ บานหน้าต่างและประตู ทั่วทุกบริเวณยังคงมีสภาพปกติสุขของมันดี ไม่มีร่องรอยการถูกบุกรุกหรืองัดแงะอะไรทั้งสิ้น

                เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว เด็กหนุ่มหยิบลูกกุญแจออกมาปลดล็อคประตูหน้าบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

                เพียงแค่ห้องโถงนั่งเล่น มันก็ถูกเปิดไฟต้อนรับไว้เป็นอย่างดี

                แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด ทุกห้องหับในบ้านชั้นแรกถูกเปิดไฟเอาไว้ทุกหลอดทุกดวง ห้องโถงนั่งเล่น ห้องทำงานของพ่อ ห้องอ่านหนังสือของแม่ ห้องน้ำ ห้องครัว ภายในโรงรถ ไฟทุกห้องทุกดวงถูกเปิดทิ้งไว้จนดูน่าประหลาด

                ตรวจสอบร่องรอยภายในบ้านและตรงสวิตช์ไฟก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรผิดสังเกต อย่างกับว่าสวิตช์ไฟมันสับเปิดขึ้นของมันได้เองอย่างไรอย่างนั้น เด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็ปล่อยความคิดไปตามเลยเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่อาจหาข้อสรุปอะไรได้

                ตะวันเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง

                และเด็กหนุ่มก็เป็นอันได้พบกับอีกหนึ่งร่องรอยของความประหลาด

                มันคือไฟตรงทางบันไดนั่นเอง ปกติไฟหลอดนี้ ไม่มีใครเปิดทิ้งเอาไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเป็นไฟสองสวิตช์และเปิดปิดชั่วคราวเฉพาะในระหว่างขึ้นหรือลงบันไดเท่านั้น การที่ไฟหลอดนี้ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ มันบ่งบอกถึงวิสัยบางอย่างที่ผิดสังเกตอย่างเห็นได้ชัด

            ให้ตายสิ ไฟเปิดทั้งบ้านก็น่ากลัวได้เหมือนกันนะแบบนี้

                ตะวันสกัดกลั้นแรงกดดันในใจระหว่างเดินขึ้นมายังชั้นสอง

            ใครเป็นคนเปิดไฟกัน ในเมื่อไม่ใช่พ่อกับแม่

            แล้วเปิดไปเพื่ออะไรกันทั้งบ้านขนาดนี้

                เด็กหนุ่มคิดพะวงไปเรื่อยไม่มีที่สิ้นสุด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันได้ทำลายทุกตรรกะเหตุผลของเขาไปโดยสิ้นเชิง ตะวันรู้สึกหวาดเกรงขึ้นมาเพราะมันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย หากมีตัวอะไรหรือสิ่งใดที่ผิดไปจากมนุษย์โผล่พรวดขึ้นมาในตอนนี้ เขาคงเป็นมีอันต้องเสียสติไปเป็นแน่

                แม้บรรยากาศจะกำลังกดดันอยู่อย่างหนัก

                แต่ตะวันก็ปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นบ้านของเขาเอง

                คงไม่มีเหตุไม่คาดฝันอันใดเกิดขึ้นหรอกน่า เขาหวังอย่างนั้น

                และเมื่อขึ้นมายังชั้นสอง ตะวันก็เริ่มสำรวจทุกตารางวาของห้องทุกห้องเหมือนเดิมเพื่อป้องกันการตกหล่น นอกเหนือจากหลอดไฟซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ เขาไม่พบความผิดปรกติอื่นๆ อีกเช่นเคย

                “เฮ้อ”

                ตะวันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกครั้งหนึ่ง

                อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่เจอตัวอะไรแปลกๆ ในบ้านของตัวเอง

                เด็กหนุ่มจัดการดับไฟหลอดที่ไม่ใช้ทั้งหมดลง

                เวลาเริ่มเคลื่อนเข้าสู่เวลารุ่งสาง แม้ว่าในหัวจะยังพะรุงพะรังไปด้วยความคิดต่างๆ มากมาย แต่ตะวันก็จำเป็นต้องพักเรื่องทั้งหมดเอาไว้ก่อนชั่วคราว เขามีเวลานิดหน่อยสำหรับเตรียมการเรื่องงานและการบ้านก่อนไปโรงเรียนในตอนเช้าอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึง

                คิดแล้วก็ไม่อยากให้เสียเวลา ตะวันเปิดเข้ามาในห้องของตัวเอง

                ห้องนอนของเขาเป็นห้องเล็กๆ ในห้องมีแค่ข้าวของเครื่องใช้หลักๆ เพียงไม่กี่ชิ้น อย่าง... เตียงนอน โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เด็กหนุ่มเจ้าของห้องเดินเข้ามาโยนกระเป๋าเป้ทิ้งไว้บนเตียง จากนั้นก็ตรงมากุลีกุจออยู่ตรงโต๊ะทำการบ้านซึ่งมีโคมไฟตั้งโต๊ะเปิดคอยเอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

                สมุดงานและหนังสือแบบฝึกหัดวิชาคณิตศาสตร์ถูกกางขึ้นบนโต๊ะ

                ตะวันก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานอย่างนั้น ไม่เสียสมาธิ ไม่มีลอกแลก

                จนกระทั่งพระอาทิตย์เลยลับขอบฟ้าขึ้นมาทางทิศตะวันออก

                “อ่า...”

                ตะวันลุกขึ้นจากเก้าอี้ บิดร่างไปมาผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

                ต่อมาเขาคว้าผ้าขนหนูสีขาวลงไปยังด้านล่าง อาบน้ำชำระกายขับไล่ความอ่อนล้าเซื่องซึมออกไป ก่อนจะกลับขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยด้วยชุดนักเรียนสีขาวกางเกงน้ำเงิน สวมถุงเท้าขาวเรียบร้อย และกลับลงไปยังครัวชั้นล่าง หยิบเอาแฮมเบอร์เกอร์และแซนด์วิชออกมาอย่างละซองฉีกให้มีรูระบายความร้อนก่อนลำเลียงใส่เข้าไปในไมโครเวฟและทำการอุ่นร้อนขึ้นทันที

                เวลาต่อมา เด็กหนุ่มก็เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่างโดยหอบเอากระเป๋านักเรียนและอาหารมื้อเช้าไปตั้งไว้บนโต๊ะฝ่าเตี้ยๆ นั่งทิ้งกายนั่งลงบนโซฟายาว กดรีโมตเปิดโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าขึ้นเพื่อดูไปพลางๆ ในระหว่างทานอาหารเช้านี้

                มันเป็นรายการโต๊ะข่าวเช้านั่นเอง

                พิธีกรหญิงสองคนกำลังอ่านรายงานข่าวอาชญากรรมอยู่พอดี

                “ต่อไปเป็นเหตุยิงหมู่ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดหนองคายค่ะ”

                “เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เวลาประมาณบ่ายสองโมงของวัน ภายในโรงเรียนบ้านดอนสิงหคีรี เกิดเหตุสะเทือนขวัญก็คือนายนิติวัฒน์ โชคชัยภูมิ อายุสามสิบแปดปี นายนิติวัฒน์เนี่ย เป็นครูสอนวิชาชีววิทยาค่ะ ใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นปืนกลเบากราดยิงใส่นักเรียนในระหว่างทำการเรียนการสอนอยู่ ก่อนจะยิงตัวตายตาม เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยกันทั้งสิ้นยี่สิบสามราย และมีคนบาดเจ็บถูกนตัวส่งโรงพยาบาลทั้งหมดสิบแปดรายซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมาอีกสิบสองราย รวมยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดในตอนนี้คือสามสิบห้ารายค่ะ”

                “เป็นไปได้ยังไงกัน”

                ตะวันประหลาดใจอย่างมาก

                บนจอทีวีกำลังแสดงภาพแฟ้มข่าวซึ่งถ่ายมาจากสถานที่เกิดเหตุ แน่นอนว่านักข่าวถ่ายมาได้แค่เพียงด้านหน้าของห้องเรียนที่มีการกั้นแถบสีเหลืองเอาไว้เท่านั้น ในบริเวณเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบเดินกันไปมายั้วเยี้ยเต็มไปหมด

                “นักเรียนห้องข้างๆ ให้การว่าในเวลาเกิดเหตุ อยู่ดีๆ ก็เกิดเสียงกรีดร้องโหวกเหวกดังขึ้นจนผิดปกติ พอได้ยินเข้า นักเรียนส่วนหนึ่งก็เลยพากันเดินออกจากห้องเพื่อไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องข้างๆ ปรากฏว่าพอเห็นเหตุการณ์ในห้องเรียนอีกห้องเท่านั้น ทุกคนก็พากันวิ่งหนีตายกับแบบจ้าละหวั่นเลยทีเดียว เรียกว่าชุลมุนกันทั้งโรงเรียนพักใหญ่เลยค่ะ”

                “สอบสวนบุคคลต่างๆ รวมไปถึง นายชาญณรงค์ วิเศษไชยา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดอนสิงหคีรี ต่างก็บอกว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและเสียใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่านายนิติวัฒน์จะลงมือก่อเหตุอุกฉกรรจ์เช่นนี้ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านายนิติวัฒน์มีนิสัยความประพฤติดี เป็นมิตรและสุภาพอ่อนโยน ดูไม่มีพฤติกรรมของพวกหัวรุนแรงเลยแม้แต่น้อย”

                ตะวันมองดูภาพข่าวบนจอซึ่งกำลังแสดงภาพของเด็กนักเรียนสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่มีสีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก ด้านหน้าของเธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบสองสามคนที่ดูเหมือนกำลังสอบปากคำเธออยู่

                “ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่านายนิติวัฒน์อาจถูกบ่งการให้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว และในเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติมเพื่อหาร่องรอยพยานหลักฐานซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังชนวนในการก่อเหตุครั้งนี้ต่อไป ก็ต้องมารอดูกันนะคะว่าความคืบหน้าจะออกมาเป็นยังไง”

                “แหม เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวจริงๆ เลยนะคะ”

                “ใช่แล้วค่ะ เสียชีวิตสามสิบห้ารายเลยทีเดียว น่าใจหายจริงๆ”

                ตะวันรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบเดิมของเขากัน

                ผู้คนต่างล้มตายกันระนาวไม่เว้นในแต่ละวันอย่างน่าตกใจ

                “กลับเข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในตัวเมืองอีกครั้งนะคะ เมื่อวานนี้ เกิดอุบัติเหตุขึ้นบนสี่แยกใหญ่แห่งหนึ่งใจกลางกรุง เป็นเหตุรถกระบะเบรกแตกพุ่งฝ่าไฟแดงและชนเข้ากับผู้ใช้ถนนซึ่งกำลังข้ามทางม้าลาย เรามีภาพเหตุการณ์สดๆ จากกล้องหน้ารถของผู้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งมาให้รับชมกันค่ะ”

                ตะวันนึกหงุดหงิดใจขึ้นมา เขากดรีโมตปิดโทรทัศน์ลงทันที

                “เฮ้อ...”

                เขาถอนหายใจออกมา ก้มหน้าก้มตาทานอาหารรองท้องต่อไป กระทั่งเสร็จสรรพแล้ว ตะวันก็กลับขึ้นมาบนชั้นสองของห้องซึ่งเขาชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ทิ้งเอาไว้บนโต๊ะลิ้นชักข้างเตียง พอหยิบเอามือถือคู่ใจมาแล้ว เขาก็พร้อมสำหรับการออกเดินทางไปยังโรงเรียนในเช้าวันนี้

                เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนเปิดประตูออกมายังหน้าบ้าน

                มันยังเป็นเวลาเช้าตรู่ อากาศรอบกายจับตัวหนาวเย็น

                หลังจากใช้แม่กุญแจล็อคปิดประตูบ้านเป็นที่เรียบร้อย เด็กหนุ่มเจ้าของบ้านก็เดินเลื่อนประตูรั้วใหญ่ออกมา และไม่ลืมที่จะล็อคแม่กุญแจใหญ่เข้ากับโซ่เหล็กซึ่งคล้องไว้กับประตูรั้วนั้น และแล้วตะวันก็หันบ่ายหน้าเดินมุงออกไปตามทางเท้าริมถนนโดยทันที

                เหตุการณ์ประหลาดในบ้านไม่ได้เหนี่ยวรั้งหรือว่าสร้างความกังวลให้กับเขาเลยแม้แต่น้อย ตะวันเดินออกไปโดยลืมเลือนเรื่องของเหตุประหลาดเมื่อช่วงค่อนรุ่งไปเสียสนิท เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองบ้านหลังเดิมที่เคยทิ้งปมปริศนาไว้ให้กับเขา

                และในตอนนั้นเอง...

                บริเวณพื้นปูนกว้างหน้าบ้านก็ปรากฏร่างเด็กสาวผู้หนึ่ง

                ตัวผอมเล็กขาวซีดจัด สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวขุ่นมัวหมอง เท้าเปล่าเปลือย ผมสีดำยาวพะรุงพะรังปกปิดใบหน้ามองไม่เห็นรายละเอียดอันใด เธอเอียงคอพับไปข้างๆ เหมือนว่ากระดูกคอสามารถขดงอได้มากกว่าจนผิดปกติราวกับไม่ใช่คน ริมฝีปากแดงฉานเรียวเล็กราวกับจะเป็นเส้นตรงฉีกยิ้มโค้งออกดูน่าสยดสยองขนลุกพองราวกับมีความคิดชั่วร้ายบางอย่างแอบแฝงอยู่

                “ฮิๆ”

                และตะวันก็เดินพ้นเขตหน้าบ้านของตัวเองไป

                โดยไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย!

                

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา