Mad Doll เกมตุ๊กตาคลั่ง
เขียนโดย asieth2
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.55 น.
แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 13.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เหตุการณ์และความพลิกผัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
โดยปกติปรายฟ้ากับตะวันมักจะนั่งรถโดยสารกลับบ้านด้วยกันยามเย็นเสมอ ทั้งสองจะมีการส่งข้อความเพื่อบอกสถานที่นัดพบหลังเลิกเรียน ส่วนใหญ่ปรายฟ้าเป็นคนส่งมา และก็เช่นเดียวกับวันนี้ ตะวันได้รับข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือแทบจะในเวลาเดียวกันกับเมื่อวันธรรมดาก่อนๆ
เจอกันที่เดิมนะคะ ซื้อหนังแผ่นใหม่มาด้วย อยากดูจังเลย
แล้วก็มีสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายสีขาวน่ารักขยับไปมาอยู่ด้วย
ตะวันอมยิ้ม
เขาเก็บโทรศัพท์กลับลงในกระเป๋ากางเกงหลังจากอ่านข้อความซ้ำเป็นครั้งที่สอง
เด็กหนุ่มเดินสะพายกระเป๋าเป้นักเรียนสีดำด้วยสายสะพายข้างเดียวไปตามทางเท้าริมถนนใหญ่ มือขวาถือถุงของฝากจากเพื่อนๆ เอาไว้ด้วย บนทางฟุตบาทว่างเปล่าไม่มีคนสัญจร แต่บนท้องถนนสี่เลนด้านข้างดังสนั่นไปด้วยเสียงของเครื่องยนต์และไอหมอกควันของมลพิษ และนี่ก็คือบรรยากาศของความเจริญรุ่งเรืองในตัวเมืองหลวง บรรยากาศที่ค่อยๆ ฆ่าผู้คนให้ตายลงอย่างช้าๆ
ตะวันเดินลอดผ่านสะพานลอยซึ่งทอดข้ามสองฝั่งของถนนขนาดใหญ่
และหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เขาก็มาถึงจุดนัดหมาย
ป้ายรถโดยสารเล็กๆ มีคนจำนวนหนึ่งรวมกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น ใกล้กันมีร้านสะดวกซื้อสาขาดังตั้งอยู่ด้วย ตะวันเข้าไปในร้าน ซื้อเอาชาเขียวพร้อมดื่มกลิ่นองุ่นม่วงมาขวดหนึ่ง หลังจากนั้นเขากลับออกมายืนตรงป้ายรถเมล์ สายตาทอดมองไปยังฝั่งตรงข้ามของถนนอย่างตั้งตารอคอย
กระทั่งมุมทางเดินตรงแยกของอีกฝั่งมีใครบางคนเดินพ้นออกมา
ปรายฟ้านั่นเอง
เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมต้นอันเป็นเครื่องแบบที่พบเห็นได้โดยทั่วไป เธอใบหน้าสวยใสโดดเด่นมาตั้งแต่ไกลๆ เรือนผิวขาวผ่องสะดุดตา ผมดำมัดรวบไว้ด้านหลัง ปรายฟ้าสะพายย่ามกระเป๋านักเรียนสีดำเดินเลียบมาตามทางเดินพร้อมๆ กับฝูงชนคนเดินอื่นๆ และเมื่อสังเกตเห็นใครบางคนที่สนิทสนมคุ้นตายืนรออยู่ เธอก็ยิ้มกว้างขึ้น โบกมือข้ามถนนทักทายกลับมาทันที
ตะวันได้แต่ยิ้มกว้างขึ้นส่งตอบกลับไป
สัญญาณไฟจราจรยังเป็นสีเขียว ยวดยานมากมายยังคงวิ่งแล่นผ่านไปผ่านมา และปรายฟ้ายังไม่สามารถข้ามถนนมาได้โดยทันที ตะวันมองดูน้องสาวที่กำลังหยุดยืนรออยู่ตรงทางม้าลายของอีกฝั่งซึ่งเยื้องจากตรงหน้าของเขาไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
และสัญญาณไฟก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
ปรายฟ้าข้ามถนนมาเป็นคนแรกๆ
เธอวิ่งเยาะนำหน้าคนอื่นๆ มาตามทางม้าลาย
และแล้ว...
เสียงแตรรถก็ถูกบีบลั่นขึ้น
มันเสียงดังแผดยาวราวกับบ่งชี้ถึงสัญญาณอันตราย
“เอ๊ะ”
ตะวันรีบหันไปตามต้นตอของเสียงทั้งหมด เด็กหนุ่มมองเห็นความวุ่นวายบางอย่างใจกลางสี่แยก เกิดเสียงเสียดทานดังเอียดอาดขึ้นตามมา รถยนต์คันหนึ่งเหยียบเบรกกะทันหันจนเกิดรอยยางสีดำถลากไปกับพื้นเป็นทางยาว การจราจรในบริเวณเป็นอัมพาตไปในพริบตา และที่สำคัญ...
มีรถกระบะคันหนึ่งพุ่งผ่าไฟแดงมาด้วยความเร็วสูง
ตะวันใจหายวาบขึ้นมาโดยทันที
เด็กหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อ นัยน์ตาเบิกกว้างมองไปยังน้องสาว
ปรายฟ้ายืนนิ่งชะงักอยู่กลางถนน
เธอเองก็คงอยู่ในอาการตื่นตระหนกเช่นกัน
และ...
เสียงอัดกระแทกดังตึงขึ้นสนั่นหวั่นไหว
ตะวันอุทานขึ้นแผ่วเบา นัยน์ตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจถึงที่สุด
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเพียงแค่เศษเสี้ยวของวินาที แต่เด็กหนุ่มสามารถเห็นรายละเอียดทุกอย่างชัดเจน เขาเห็นปรายฟ้าถูกชนกระแทกเข้าอย่างรุนแรงจนเสียหลักพุ่งล้มลงกับพื้นถนนก่อนที่ร่างทั้งหมดของเธอจะถูกกลืนหายไปใต้ท้องของกระบะคันนั้น
มะ...ไม่จริง...
หัวใจของตะวันสั่นสะท้านไปด้วยความปวดร้าว
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงแค่ไม่กี่วินาที เหตุการณ์ทั้งหมดก็สิ้นสุดลงแล้ว
ปรายฟ้า!
ตะวันรีบวิ่งลัดเลาะไปตามยานพาหนะซึ่งหยุดรอสัญญาณไฟอยู่ด้านหน้า พาตัวเองข้ามขอบปูนกั้นซึ่งเป็นเกาะกลางมายังถนนอีกเลนหนึ่ง และเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ตะวันก็ถึงกับต้องเสียดแทงเจ็บปวดขึ้นมาในทรวงอก บนพื้นมีรอยของเหลวสีเข้มๆ ซึ่งลากยาวออกไปเป็นทาง เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่าทั้งหมดนั้นก็คือหยาดโลหิตจากตัวของปรายฟ้า
และห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่เมตร
ร่างของปรายฟ้านอนคว่ำจมกองเลือดตัวเองอยู่บนพื้นถนน ชุดนักเรียนสีขาวของเธออาบย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงสด แขนขาบิดคดงอไปจนผิดรูป ทั้งหมดมันแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของเด็กสาวผู้สดใสน่ารักอยู่เลย ตะวันเห็นภาพดังกล่าวก็ได้แต่ใจสลายแทบจะเข่าอ่อนล้มลงตรงนั้น
เพียงเวลาแค่ชั่วครู่เดียว ทำไมทุกอย่างถึงกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ปรายฟ้ายังยิ้มแล้วก็โบกมือให้เขาอยู่เลย
“เอ๊ะ”
ถุงพลาสติกใส่กล่องเค้กสองถุงและขวดน้ำชาร่วงหล่นลงพื้น
“กะ...เกิดอะไรขึ้น” ตะวันตกใจ
และ ณ วินาทีนั้น เขาก็เอียงตัวล้มลงไปกับพื้นโดยทันที
ราวกับร่างกายของเขามีอาการผิดปรกติบางอย่างเกิดขึ้น เด็กหนุ่มไม่เคยมีโรคประจำตัวและไม่คิดว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วยเช่นกัน เขาสูญเสียการทรงตัว สมองเหมือนจะรับรู้จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายผิดเพี้ยน
เด็กหนุ่มล้มลงนอนหน้าฟุบอยู่กับพื้นถนนอุ่นๆ
นะ...นี่มันอะไรกัน...
ตะวันขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้เลยสักนิด แม้จะพยายามสั่งการ แต่ร่างกายของเขามันเหมือนกับไม่ได้รับสารสื่อประสาทจากสมองเลยแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มนึกแค้นใจตัวเอง ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนอนไร้น้ำยาอยู่ในสภาพนี้
แต่เขาไม่ลดละความพยายาม
นัยน์ตาของตะวันพยายามเกลือกกลอกไปทางด้านข้างอย่างสุดกำลัง และเขาสามารถมองเห็นวิสัยทัศน์แคบๆ เลียบไปตามพื้นของถนนได้ แต่เด็กหนุ่มคงมองเห็นอะไรได้ต่อไปอีกไม่นานนัก สายตาของเขามันเริ่มพร่ามัวลงไปทุกขณะ
เอ๊ะ!
มีใครบางคนกำลังก้าวข้ามร่างของเขาไป
ตะวันสังเกตเห็นเท้าเรียวสวยขาวซีดเรียกว่าเป็นเท้าของศพแช่แข็งเลยก็คงว่าได้ ใครกัน? ทำไมถึงกล้าเดินข้ามหัวเขาซึ่งคว่ำล้มอยู่ไปได้หน้าตาเฉย แล้วทำไมถึงเดินเท้าเปล่า สิ่งที่เห็นก่อให้เกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย เด็กหนุ่มถึงกับต้องทบทวนตัวเองซ้ำอีกครั้งว่ามันเป็นไปได้ไหมที่เขาจะตาฝาด
เจ้าของเท้าสะสวยเดินทิ้งระยะห่างออกไปมากขึ้นทำให้ตะวันสามารถสังเกตรายละเอียดเพิ่มเติมได้ เขามองเห็นชายกระโปรงสีขาวลายลูกไม้ยาวระดับแข้งซึ่งขาดวิ่นและเต็มไปด้วยรอยหมองคล้ำ
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้ขบคิดอะไรมากไปกว่านั้น นัยน์ตาของเขาก็มองเห็นเพียงม่านสีดำมืดสนิท
และทุกอย่างก็ดับวูบลงไปทันทีในตอนนั้น
มันช่างเป็นวันที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเลวร้าย
แต่ตะวันคิดว่าเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับมัน
เป็นเวลาประมาณตีสี่กว่าๆ ตะวันยังคงอยู่ในชุดนักเรียน เขายืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึกผู้ป่วยตึกหนึ่งภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง รอบด้านมีเพียงความว่างเปล่าของแสงไฟสีขาวบางๆ ส่องมาจากหลอดฟลูออเรสเซนเพียงหลอดเดียวตรงบริเวณเหนือประตูทางผ่านเข้ามาของชั้นบนนี้
ตะวันยืนหลบเร้นตัวเองอยู่ภายใต้ความสลัวห่างออกไปจากแสงไฟระยะหนึ่ง แต่ด้วยบรรยากาศภายในตัวเมือง แสงสีทัศนียภาพย่อมสว่างไสวอยู่ตลอดคืน เด็กหนุ่มยืนเกาะอยู่ตรงขอบปูนกั้นสูงระดับอก นัยน์ตาแหงนเงยขึ้นทำมุมสูงพร้อมกับภาพสะท้อนสุกวาวอยู่บนแววตา
มันเป็นคืนที่พระจันทร์สวยเหลือเกิน
พระจันทร์เหลืองอร่ามเต็มดวงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ฉายแสงนุ่มนวลสวยงามลงมาทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้แม้ในคืนค่อนเช้าอันหนาวเหน็บ ตะวันประหลาดใจตัวเอง เขาไม่คิดว่าการได้มองท้องฟ้าในยามค่ำคืนมันจะทำให้เขาสงบจิตสงบใจได้มากถึงเพียงนี้
“เฮ้อ”
ตะวันใช้เวลาในการทบทวนเรื่องราวที่ประสบพบเจอมาทั้งหมด
เริ่มจากปรายฟ้าถูกรถชน แต่เคราะห์ดีราวกับปาฏิหาริย์ เธอยังรอดจากความตายมาได้ ส่วนตะวันก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นและสลบไสลไปเกือบจะในทันที พลเมืองดีจำนวนหนึ่งรีบตรงเข้าไปให้ความช่วยเหลือเขาคนละไม้คนละมือ ช่วยกันโบกพัด ช่วยกันเรียกสติ ช่วยกันเขย่าร่าง เหมือนกับวิธีการปฏิบัติต่อคนที่เป็นลมหมดสติ โชคดีเด็กหนุ่มฟื้นคืนกลับมาในเวลาไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ตะวันรีบตรงเข้าไปหาปรายฟ้า นั่งรถพยาบาลและอยู่เคียงข้างน้องสาวไม่เหินห่างตลอดเวลากระทั่งลำเลียงเปลผู้ป่วยขึ้นเตียงเหล็กและเคลื่อนเข้าห้องผ่าตัดไปในที่สุด
เมื่อผู้เป็นแม่ได้ทราบข่าวก็เร่งรุดมารออยู่ด้านหน้าห้องผ่าตัด นั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ปานจะขาดใจ เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ พอได้ยินข่าวของลูกสาวก็ทิ้งงานทิ้งการที่บริษัท รีบมุ่งหน้ามาอยู่หน้าห้องผ่าตัดพร้อมกับภรรยาโดยทันที รอกันอยู่เป็นเวลานานกว่าสิบชั่วโมง ไม่ลุกไปไหน ไม่เข้าห้องน้ำ ไม่รับประทานอะไร ไม่ทำอะไรอย่างอื่นทั้งนั้น
การผ่าตัดเพื่อรักษายื้อชีวิตของปรายฟ้าดำเนินไปยาวนานกว่าสิบชั่วโมง
และจนถึงตอนนี้ ตะวันเพิ่งได้รับข้อความส่งมาจากมารดาของเขา
ปรายฟ้าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาการยังไม่คงที่ แพทย์ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
มันช่วยคลายความกังวลลงไปได้เปราะหนึ่ง
แต่เรื่องปรายฟ้าก็เป็นส่วนของเรื่องปรายฟ้า ตะวันยังปล่อยวางความคิดไม่ได้
เพราะมันยังมีอีกหนึ่งประเด็นสำคัญก็คือ...
เท้าปริศนาของผู้หญิงนั้น
“เป็นไปได้ยังไงกัน” ตะวันยังคิดไม่ตก
โทรศัพท์ของตะวันถูกยกขึ้นมา เขาสัมผัสนิ้วเปิดอะไรบางอย่างบนหน้าจอขึ้น
น่าแปลก ทำไมถึงไม่มีนะ
บนหน้าจอมือถือก็คือคลิปวิดีโอหนึ่งขนาดความยาวเพียงแค่นาทีกว่าๆ เป็นภาพในวิดีโอแสดงถึงสี่แยกขนาดใหญ่อันเป็นจุดเกิดเหตุเมื่อตอนเย็นนั่นเอง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวิดีโอนี้ก็ได้รับการบันทึกเอาไว้จากกล้องวงจรปิดหน้าธนาคารแห่งหนึ่งในบริเวณนั้น
นัยน์ตาสีดำของเด็กหนุ่มมองดูวิดีโอที่กำลังถูกเล่นอยู่
ตะวันไม่รู้ว่าเขาดูคลิปนี่ซ้ำไปแล้วกี่รอบ มันเยอะเกินกว่าจะย้อนหลังนับได้
โทรศัพท์กำลังแสดงภาพของตัวเขาเองที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นถนน ส่วนตรงที่ปรายฟ้าล้มนอนอยู่มันลับเข้าไปตรงขอบจอและไม่สามารถมองเห็นได้ ความโกลาหลกำลังบังเกิดขึ้น เริ่มมีกลุ่มคนรุกล้ำเข้ามาในเขตถนนจนการจราจรต้องเป็นอันหยุดชะงัก เด็กหนุ่มมองเห็นโชเฟอร์รถแท็กซี่คนหนึ่งกับคนอื่นๆ อีกสองสามคนรีบเร่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือเขา ตะวันนึกขอบคุณในใจ แต่เขาไม่ได้สนใจคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
เขาสนใจเพียงใครบางคนซึ่งไม่สวมรองเท้า ใส่ชุดกระโปรงสีขาวหรือไม่ก็แค่กระโปรงสีขาวหม่นหมอง แต่ไม่ว่าจะเล่นคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีกกี่ครั้ง มันก็ไม่มีวี่แววของสิ่งที่ตะวันกำลังมองหาอยู่เลย
“เฮ้อ” ตะวันถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์
หรือว่าเราจะฟุ้งซ่านไปเอง เป็นไปไม่ได้หรอก
มันต้องมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างอยู่แน่...
แต่ตอนนี้ คิดไปก็มีแต่จะประสาทกินเสียเปล่าๆ
สุดท้ายเขาเลยปล่อยให้มันค้างคาใจอยู่เช่นนั้น
“ตีสี่กว่าแล้วเหรอเนี่ย”
ตะวันดูเวลาก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
เขายืนรอฟังข่าวของปรายฟ้าอยู่เกือบทั้งคืน เริ่มเหนื่อยแล้วก็อ่อนล้าขึ้นมาเต็มทีแล้ว อยากจะกลับบ้านไปนอนพัก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนเช้ายังต้องไปโรงเรียนอีก จริงๆ เขาอาจจะขอลาหยุดก็ได้ แต่คงจะไม่เหมาะ ตะวันขาดเรียนบ่อยจนแทบจะติดหมดสิทธิ์สอบอยู่แล้ว แถมยังเหมือนว่าจะมีสอบแบบเซอร์ไพรส์อีก ถ้าไม่ไปก็เห็นจะเกิดเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตตามมาทีหลัง
ก็เลยตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไปโรงเรียน แต่ก่อนอื่นต้องบอกคุณพ่อหรือคุณแม่ให้รู้เสียก่อน จะได้ไม่ต้องคลาดกันหรือว่าเป็นกังวลต่อกันมากนัก
ตะวันเลยล้วงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรฯออกหามารดา
“อยู่ไหนน่ะ ลูก”
เสียงปลายสายชิงถามมาก่อนทันทีเมื่อต่อสายคุยสำเร็จ
“อยู่นอกตึกไงครับ ผมก็บอกไปแล้ว” ตะวันตอบ
“เอ่อ แม่ครับ เดี๋ยวผมกลับไปบ้านก่อนนะ ต้องไปโรงเรียนน่ะ”
เสียงถอนหายใจดังมา มันเป็นเสียงที่แสดงออกถึงความห่วงใย แต่ก็เป็นอันต้องหักห้ามเพราะไม่อาจคัดค้านอะไรได้ “แต่เวลาแบบนี้ ลูกจะกลับไปยังไง เดี๋ยวแม่ให้พ่อขับรถไปส่ง เอาไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
ตะวันตอบกลับเสียงอ่อนนุ่ม ให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจว่าเขาไม่เป็นอะไร
“เดี๋ยวผมต้องรีบแล้ว ถุงที่ฝากไว้กับแม่น่ะเป็นขนมเค้กทั้งสองกล่อง พ่อกับแม่ทานรองท้องกันไปก่อนได้เลยนะครับ เอาไว้เดี๋ยวพอกลับไปถึงบ้านเมื่อไหร่ผมจะรีบข้อความกลับไปหาเลยทันที โอเคนะ”
...
“จ้ะ” เสียงอบอุ่นของมารดาตอบกลับมา
“ระวังตัวด้วยนะ ลูก”
“ครับ”
สายถูกกดตัด ตะวันเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เขารีบหยิบเอากระเป๋าเป้นักเรียนซึ่งวางอิงไว้กับผนังปูนกั้นด้านล่างขึ้นมาสะพายคล่องแคล่ว ก่อนจะกลับหลังหันก้าวเดินไปออกอย่างว่องไวโดยทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ