นักรบจันทรา

7.0

เขียนโดย Sagestone

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.93K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 5

                เพราะผู้กล้าแสงตะวันบอกว่าเวลาที่เพอลานต้าช้ากว่าแอสนาร์ร่วมสี่ชั่วโมง วันออกเดินทางดาริอุสจึงมีโอกาสเดินเที่ยวในเมืองอีกรอบก่อนเดินทางต่อ ไซเรน่าเขียนจดหมายรายงานกลับไปว่าผู้กล้าแสงตะวันจะไปตรวจสอบที่เพอลานต้าล่าช้ากว่าความจริง

 

                ความจริงไบรอัน แบล็กสโตนเป็นผู้สมคบคิดว่าควรเขียนรายงานส่งไปอย่างไรเพื่อไม่ให้มีปัญหา ให้ทางซีเนียเข้าใจว่าพวกเขาไม่รู้ว่านางอัศวินมังกรเป็นสาย จะได้เดินทางร่วมกันได้อย่างสันติ นางยังเติมเรื่องลงไปอีกด้วยว่าผู้กล้าแสงตะวันบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้จึงเดินทางต่อช้า ทั้งที่จริงแล้วตัวนางต่างหากที่ต้องการเวลาพักฟื้น

 

                “ข้าล่ะแปลกใจจริงว่าเขาทำได้อย่างไร หนังหมีเทียมเนี่ย สัมผัสเหมือนของจริงเลย” ดาริอุสตั้งคำถามขณะโยนห่อของหวานลงถังขยะข้างทาง

 

                “เจ้ายังไม่เคยเห็นฟาร์มหมี ถือเป็นปศุสัตว์ที่มีความเสี่ยงตายสูงอันดับหนึ่ง เลี้ยงหมีไว้เอาหนังเหมือนงูหรือจระเข้ ยอดคนงานตายสูงลิ่ว”

 

                “ล้อเล่นแน่” ดาริอุสขมวดคิ้ว

 

                “ก็ล้อเล่นน่ะสิ” ไบรอันยิ้มกว้าง “เขาถักทอขึ้นจากเส้นใยพืชน้ำที่มีลักษณะคล้ายขนหมีมากๆ แล้วห่อหุ้มด้วยเวทมนตร์อีกชั้นให้เหมือนของจริง ครั้งแรกทำขึ้นเพื่อรณรงค์เรื่องการหยุดล่าหมีเพื่อเอาหนัง ไปๆมาๆก็กลายเป็นธุรกิจส่งออกไปเลย”

 

                “แล้วมีอะไรที่ข้าต้องรู้ไหม ที่เพอลานต้า”

 

                “จะเกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างรวบรัด โดยรวมแล้วเจ้าก็ทำตัวเหมือนปกติ แค่ดูอยู่ข้างนอกอย่าเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย”

 

                “แต่งานของข้าคือ...”

 

                “คือการทำตามคำสั่งของข้า” ผู้กล้าแสงตะวันขัด “คราวนี้ข้าสั่งให้เจ้ายืนอยู่หลังข้าแล้วทำตัวเป็นธรรมชาติ ข้าไม่แน่ใจว่าแผนจะเป็นไปด้วยดีหรือไม่...ยายนั่นไม่ยอมให้ข้าเห็นฉากสำคัญทุกทีสิ!” ประโยคสุดท้ายเหมือนไบรอันจะสบถอยู่ในลำคอ

 

                “ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าแผนสำเร็จหรือไม่”

 

                “ขอแค่ดำเนินไปขั้นตอนที่วางไว้ข้าก็พอใจแล้ว” ผู้กล้าหนุ่มจับไหล่ดาริอุสให้หยุดบริเวณที่จะใช้มนตร์เคลื่อนย้าย

 

                ความจริงเวลานี้ยังเร็วไปที่จะดำเนินการตามแผนของพระนางโรเซลลิน่าจอมเผด็จการ ไบรอัน แบล็คสโตนคิดกับตัวเอง ควรรอเวลาอีกสักพักเพื่อความแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะทำส่วนของตัวเองได้มากพอเมื่อเขาเข้าไป แต่ไม่มีทางเลือก สาสน์แสดงความกราดเกรี้ยวของพระนางมาถึงเร็วเกินคาด แม้จะบอกว่ายังไม่เจอเจ้าชายมาเวอร์ริคก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ

 

                “แล้วเราจะเริ่มงานกันที่ไหนหรือ” ดาริอุสดึงเขาออกจากห้วงความคิด

 

                “มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับขุนนางชั้นสูงของที่นั่น ข้าต้องไปตรวจสอบตามคำสั่ง” ผู้กล้าแสงตะวันตอบแบบกว้างๆ “พระราชาของที่นั่นยังเป็นเด็กจึงต้องมีผู้สำเร็จราชการแทน นางเป็นพระญาติฝ่ายมารดา คิดว่าปัญหาของเราอยู่ที่จุดนี้ละ”

 

                ตามแผนดั้งเดิม เขาจะต้องถ่วงเวลาโดยใช้การตามหาเจ้าชายมาเวอร์ริคเป็นข้ออ้าง รอให้นางใกล้หมดทางสู้จึงเข้าไปจัดการปิดปากให้เรียบร้อย หากตอนนี้ยังไม่อาจแน่ใจว่าพระนางโรเซลลิน่า ชัพเพิร์ท ยังมีแรงตอบโต้พวกเขาได้หรือไม่ ทำได้แค่ภาวนาให้ท่านหญิงอ่อนแรงจนไร้ทางต่อต้าน

 

                ผู้กล้าแสงตะวันคิดขณะใช้มนตร์เคลื่อนย้ายพาผู้ติดตามไปยังเมืองเพอลานต้า...

 

 

                “เปลี่ยนจากเย็นมาอุ่นเกือบร้อนแบบนี้ไม่สบายได้ง่ายๆเลยนะ” ดาริอุสบ่นอุบ แสงจากมนตร์เคลื่อนย้ายหายไปแทนที่ด้วยแสงแดดยามเช้าของเมืองทางใต้ อากาศอุ่นหอมกลิ่นดอกไม้ป่าปนดินไหม้ทำให้แทบปรับตัวไม่ทัน

 

                “รู้ใช่ไหมว่าที่นี่เรียกโรงพักแรมว่าอะไร” ไบรอันนายจ้างเอ่ย ดาริอุสพยักหน้าเพราะเคยมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน

 

                เมื่อเทียบกับแอสนาร์แล้วเพอลานต้าต่างกันออกไป เมืองนี้อยู่เขตอบอุ่นอาคารบ้านเรือนจึงสร้างด้วยไม้เสียส่วนใหญ่ ผู้คนแต่งกายด้วยผ้าแพรบางเบา แล้วก็มีคำเรียกแปลกๆเป็นของตัวเองรวมไปถึงสถาปัตยกรรมจากไม้ที่โดดเด่น

 

                “ออกเสียงอย่างไรนะ ลีกาน...ลวีกวาน ช่างเถอะ เป็นคำท้องถิ่นเรียกโรงแรมน่ะ ไม่รู้ทำไมเมืองนี้จึงแตกต่างกับเมืองอื่นๆทั้งจักรวรรดิ ทั้งทวีปด้วยซ้ำ มีภาษาเป็นของตัวเอง แต่พูดภาษากลางก็สื่อเข้าใจเหมือนกัน”

 

                “ก็น่าสนดีไม่ใช่หรือ” ดาริอุสพูดด้วยความรู้สึกสนุก เขายังจำครั้งแรกที่มาเมืองนี้ได้ ภาษาถิ่นทำให้เขาเวียนหัวไปเป็นวัน

 

                ผู้กล้าแสงตะวันนายจ้างแนะว่าควรเอาของไปเก็บเสียก่อนค่อยคุยกว่าจะทำอะไรเป็นอันดับแรก โรงแรมที่พวกเขาพักเป็นอาคารไม้สองชั้นมีระเบียงทางเดินซับซ้อน รู้สึกได้ถึงความโปร่งสบาย ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูหนาวที่มีหิมะตกหรือฤดูร้อนที่แสงแดดแรงกล้า

 

                “ประเดี๋ยวต้องไปพบพระราชากับผู้สำเร็จราชการก่อน ศัพท์ท้องถิ่นเรียกว่าห้องเต...ฮ้องเท ข้าไม่ถนัดภาษาถิ่นที่นี่จริงๆ”

 

                “ฮ่องเต้หรือเปล่า” ดาริอุสเสริม เขารู้จักดี เพราะผู้สำเร็จราชการเป็นประธานเครือข่ายการค้าของจักรวรรดิ ในช่วงชีวิตที่อารักขาขบวนคาราวานพ่อค้า ประธานเครือข่ายเป็นคนที่เขาคิดว่ามีชื่อเสียงที่สุด

 

                พวกเขาไม่ต้องฝ่าห้างร้านและผู้คนอย่างที่ดาริอุสวาดภาพไว้ ซึ่งต้องบอกว่ายุ่งเหยิงและอลหม่าน ผู้คนพูดกันด้วยภาษาท้องถิ่นที่เร็วและเสียงดัง ทางเดินแออัดคลาคล่ำด้วยผู้คนและรถม้าตลอดเวลา ผู้กล้าแสงตะวันใช้มนตร์เคลื่อนย้ายพาไปยืนหน้าประตูทางเข้าราชวังได้ทันที

 

                ยามเฝ้าประตูผู้สวมเกราะหนังถือหอกยาวเห็นว่าเป็นผู้กล้าจึงคำนับแสดงอาการเคารพแล้วเชิญเข้าไปยังห้องรับรองด้านใน ภายในราชวังให้บรรยากาศต่างกับแอสนาร์ตรงที่ความเข้มขลังที่เกิดจากการตกแต่งด้วยแผ่นไม้ ประตูเลื่อนกรุด้วยหนังมีลวดลายต่างๆ หน้าต่างถูกสลักเสลาเป็นลวดลายงดงาม

 

                “โดยรวมแล้วก็เหมือนคราวแอสนาร์ หากคราวนี้เจ้าอยู่หลังข้าอย่างเดียว อย่าเอะอะ อย่าโวยวาย หุบปากให้เงียบเหมือนหอยกาบเลยนะ”

 

                ดาริอุสไม่เข้าใจว่านายจ้างต้องการอะไร แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะปิดปากเงียบและอยู่นิ่งๆ

 

                และแล้วพระราชากับผู้สำเร็จราชการก็เข้ามาพร้อมผู้อารักขา พระราชาหรือฮ่องเต้ของเมืองนี้เป็นเด็กตัวเล็กอายุไม่เกินสิบขวบสวมเสื้อปักลายทองพราวตา ด้านข้างมีคนยืนขนาบอยู่เขาจึงไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สำเร็จราชการกันแน่ ระหว่างหญิงสาวรุ่นเดียวกับเขาซึ่งมีผมสีทองสวยงามใบหน้าเฉยเมย หรืออีกคนหนึ่งซึ่งเขาจำหน้าได้อย่างแม่นยำ

 

                “คนเมื่อตอนนั้น!” ดาริอุสกระซิบลอดไรฟัน ผู้ชายคนนั้นเขาเคยพบกันที่หุบเขาในแอสนาร์ เป็นผู้สร้างสัตว์ธาตุขึ้นจากน้ำแข็ง! หากตอนนั้นความมืดไม่ได้หลอกตาเขาสาบานว่าเป็นคนเดียวกับที่เห็นตรงหน้า เวเบอร์ เฟียร์เลส!

 

                เขาคนนั้นเป็นชายผู้มีผมสีทองดวงตาสีพระจันทร์แดงน่ากลัว ท่าทางน่าเกรงขามแม้อายุจะมากกว่าเขาไม่มากนัก ดูเป็นคนรับมือยากสมกับที่ขับเคี่ยวกับผู้กล้าแสงตะวันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เพราะได้รับคำสั่งดาริอุสจึงได้แค่คำนับแล้วจ้องตาเขม็ง

 

                “ขอฝ่าบาททรงพระเจริญ ข้าบาทผู้กล้าแสงตะวันขอแสดงความเคารพแด่ฝ่าบาท” ผู้กล้าแสงตะวันกล่าวเพื่อเปิดการพูดคุย หากไม่รู้จริงๆว่าชายคนนั้นคือเวเบอร์ เฟียร์เลสก็หมายความว่าแสดงละครได้เก่งมาก

 

                หัวข้อพูดคุยหลักๆก็คือเงื่อนงำเกี่ยวกับเจ้าชายมาเวอร์ริค ผิดกับที่บอกเขาไว้ตอนแรกว่ามีตรวจสอบเรื่องแปลกๆ ส่วนมากคนที่พูดคือเวเบอร์ที่อ้างตัวเป็นผู้อารักขา ส่วนพระนางผู้สำเร็จราชการแม้จะสวยแต่ดูเหมือนหุ่นเชิดมากกว่าคนจริงๆ...

 

 

                “คนเดียวกันใช่ไหม”

 

                นั่นคือคำพูดแรกของดาริอุสเมื่อเดินพ้นประตูราชวัง ผู้กล้าแสงตะวันพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วใช้มนตร์เคลื่อนย้ายพากลับไปหน้าที่พักโดยไม่พูดอะไรเลยกระทั่งถึงห้อง

 

                “ข้ามีข้อสันนิษฐานหยาบๆ” ผู้เป็นนายจ้างอรรถาธิบายแก่ผู้เป็นลูกจ้างว่าควรทำอะไรต่อ “ข้าดูออกว่าผู้สำเร็จราชการที่เราเห็นเป็นแค่หุ่นที่สร้างด้วยเวทมนตร์ เจ้าเวเบอร์ เฟียร์เลสนั่นแน่ที่ทำให้เมืองปั่นป่วนด้วยนโยบายแปลกๆอย่างเกณฑ์เด็กเข้าทำงานเหมือง หรือออกคำสั่งให้ผู้หญิงทุกคนทำงานเจียระไนเพชร ต้องเป็นแผนชั่วอะไรสักอย่างของหมอนั่น!”

 

                “แล้วตัวจริงอยู่ที่ไหนล่ะ ได้ยินว่าพระนางคือจอมเวทแห่งทิศใต้ไม่ใช่หรือ”

 

                “เราจะลอบเข้าไปในราชวัง เรารอนางไม่ได้เพราะฝ่ายนั้นรู้แล้วว่าเรามา อย่างไรก็รอไม่ได้ต้องเคลื่อนไหวก่อน” นางที่ว่าคือไซเรน่า ซึ่งจะใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเดินทางมาถึง เป็นแผนตบตาที่ผู้กล้าแสงตะวันกับนางคิดกันสองคน

 

                “กรุณาอธิบายแผนด้วย”

 

                “พวกเราจะเคลื่อนย้ายไปเหนือราชวังชั้นในแล้วหลบซ่อน ข้าสามารถหาแหล่งพลังเวทสูงได้...ข้าสัมผัสได้ว่าผู้สำเร็จราชการตัวจริงยังอยู่ในราชวัง ถูกคุมตัวอยู่ เราต้องไปช่วย”

 

                คราวนี้ดาริอุสรู้สึกแปลกๆ ผู้กล้าแสงตะวันดูรู้ดีกว่าปกติซึ่งมีท่าขี้โอ่อยู่แล้ว แถมยังร้อนรนโดยไม่บอกสาเหตุ แต่เขาทำได้แค่นิ่งเงียบและทำตามคำสั่ง หากแผนการคราวนี้ราบรื่นก็แสดงว่ามีสิ่งผิดปกติจริงๆ

 

                แล้วผู้กล้าแสงตะวันก็ดำเนินแผนการบ้าบิ่นเกินความคาดหมายของดาริอุสจริงๆ เขาใช้เวทเคลื่อนย้ายไปอยู่เหนือราชวังร่วมห้าสิบฟุตแล้วดิ่งลงกลางพุ่มไม้ด้วยความเร็วสูง น่าแปลกที่ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขาเลย

 

                ใช้เวลาแค่เสี้ยวนาทีดาริอุสก็รู้ว่าไบรอันทำให้พวกเขาสองคนมีสภาพเหมือนล่องหน นี่กระมังที่ทำให้ไม่มีใครเห็น

 

                “หยุดซ่อนได้แล้วไบรอัน แบล็คสโตน! พอกันที!” เสียงหญิงสาวกรีดร้องจากด้านในอาคารหลังหนึ่ง ผู้สำเร็จราชการของเมืองนี้เดินกระทืบเท้ามาทางพวกเขาเหมือนเสือร้าย แววตาสีฟ้าส่องสว่างราวคบไต้ ท่าทางผิดกับที่เห็นเมื่อครู่ เหล่าพนักงานในราชวังต่างเข้ามามุงดูด้วยความอยากรู้

 

                ดาริอุสรู้ทันทีว่าเวทลวงตาถูกถอนออก เหล่าทหารเข้ามาประชิดแต่ได้รับคำสั่งหยุดจากพระนางเหนือหัว

 

                “เราต้องคุยกันเกี่ยวกับเจ้าตัวพวกนี้!” พระนางโรเซลลิน่าปาตัวอะไรสักอย่างที่เหมือนแมลงมีขามากมายลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำทำให้มันหายไปจากสายตา “ไหนล่ะเจ้าชายมาเวอร์ริค ข้าน่าจะรู้ว่าพวกเจ้าหักหลังข้า!”

 

                “ข้าบาทบอกแล้วว่าไม่สามารถทำตามแผนของฝ่าบาทได้...” ไบรอันตอบอย่างเยือกเย็น

 

                “ก็เลยรวมหัวกันอย่างนั้นสิ! ข้าน่าจะรู้!”

 

                “ก็ฝ่าบาทแสวงหาแต่กำไร หากเป็นไปได้ข้าบาทก็อยากได้ที่คุยลับตาคนสักหน่อย แค่เราสามคน จะได้ตกลงให้สิ้นเรื่อง”

 

                “ก็ดี!” พระนางคำรามในลำคอ คลื่นเสียงประหลาดแผ่ออกมารอบตัวนาง เหล่าข้าราชบริพารโดยรอบล้มฮวบคล้ายกับสลบไสลพร้อมกัน “แต่ข้าไม่โง่ขนาดนั้นหรอกนะ พวกเจ้าใช้แมลงประหลาดนั่นดูดพลังเวทของข้าไปเสียมาก หากไปอยู่ในเกมของพวกเจ้าข้าก็แย่สิ”

 

                แล้วความมืดก็ค่อยๆเข้าครอบงำดาริอุส สามคนที่ว่าไม่ได้รวมเขาหรอกหรือ...

 

 

                แผนของไบรอัน แบล็คสโตนเกือบดำเนินไปด้วยดี แค่เกือบเท่านั้น ท่านหญิงโรเซลลิน่าไม่โดนดูดพลังจนพวกเขาสามารถดำเนินการควบคุมได้ แถมยังจับไต๋หนีออกมาจากห้องขังก่อนเวลาที่ตกลงกันไว้เสียอีก แผนที่จะให้อีกคนมาตีขนาบจึงล่มโดยปริยาย

 

                “ฝ่าบาทเป็นฝ่ายขู่กรรโชกข้าบาทก่อน” ไบรอันเหลือบมองดาริอุสที่พลอยหลับไปอีกคน “ไม่ต่อต้านสิจึงจะผิด หากฝ่าบาทเป็นข้าบาทบ้างคงทำแบบเดียวกัน”

 

                “ข้าขอแค่พบเจ้าชายมาเวอร์ริคเท่านั้น! ไม่ได้ให้เจ้าตายแทนสักหน่อย!”

 

                “พบเพื่อเดินตามแผนของฝ่าบาท ยึดอำนาจโดยมีเพียรซ์เป็นกำแพงหนุนหลัง หากได้ดองกับนครหลวงเหล่าขุนนางทั้งดีร้ายจะไม่กล้าคุกคามท่าน จากนั้นท่านก็ใช้เวทมนตร์ชักใยบงการองค์ราชาของเมืองนี้จากเบื้องหลัง หมดห่วงเรื่องการโดนโค่นล้มภายหลัง” ไบรอันถอนหายใจยาวเหยียด “แถมไม่มีอะไรรับประกันว่าฝ่าบาทจะไม่ปูดเรื่องของข้าบาทก่อนถึงเวลาสำคัญอีกด้วย”

 

                “เพราะอย่างนั้นเจ้าจึงขวางข้าใช่ไหม ในฐานะผู้กล้า” ท่านหญิงยิ้มเยาะ ไบรอันกลับส่ายหน้า

 

                “เพราะฝ่าบาทขู่กรรโชกข้าบาทต่างหาก ข้าบาทถือคติไม่สาระแนเรื่องของคนอื่นโดยใช่เหตุ หากฝ่าบาทไม่ทำแบบนั้นเวลาก็จะหมุนไปให้ท่านพบกับเจ้าชายเองอยู่ดี”

 

                “แล้วไม่เรียกเจ้านั่นออกมาช่วยนี่คิดดีแล้วหรือ พลังของข้าตอนนี้ยังเหนือกว่าเจ้าอยู่มากโข”

 

                “ข้าบาทไม่ต้องการสู้กับฝ่าบาท” ไบรอันยิ้มพราย ถึงเวลาใช้แผนสองแล้ว “เรามาเจรจากันอีกครั้งดีกว่าไหมฝ่าบาท”

 

                ความเงียบงันโรยตัวลงมาระหว่างคนทั้งคู่และชายอีกคนหนึ่งที่ซุ่มอยู่ในระยะปลอดภัย ท่านหญิงขบฟันคิดไตร่ตรองยาวนาน สุดท้ายต้องยอมขาดทุนบ้างกระมัง

 

                “พูดมา! ให้ข้าไล่คนออกโดยการแถแล้วยังมีอะไรอีก!”

 

                “ข้าบาทต้องการให้ฝ่าบาทเล่นละครด้วยในบทบาทของผู้สนับสนุนในฐานะประธานเครือข่ายการค้า”

 

                “แล้วเจ้าจะได้อะไร”

 

                “เมื่อเวลามาถึงฝ่าบาทจะเป็นผู้มอบให้เอง ข้าบาทผู้นี้อยู่ฝ่ายมนุษย์ตลอดกาล ขอให้เชื่อใจ” ผู้กล้าแสงตะวันคำนับอย่างอ่อนน้อม “ส่วนเรื่องเจ้าชายมาเวอร์ริคก็ขึ้นอยู่กับเวลาเช่นกัน”

 

                “ข้าเกลียดพวกเจ้าเล่ห์ที่สุด”

 

                “อย่างที่เขาว่าผีเห็นผีอย่างไรละฝ่าบาท เราเป็นคนประเภทเดียวกัน”

 

                “ตกลงข้ายอมลงเรือลำเดียวกับเจ้า แต่ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะไม่แทงข้างหลัง” พระนางเชิดหน้าอย่างยโส

 

                ไบรอันก้มหัวรับอย่างสุภาพ แค่นี้ก็ดีเหลือแหล่แล้ว

 

                “ข้าบาทเชื่อว่าฝ่าบาทจะไม่ทรยศ” ไบรอันตอบอย่างสุขุม “ไม่ใช่เพราะเชื่อใจ แต่เพราะนางผู้หยั่งรู้บอกข้า ว่าจากนี้ท่านจะไม่หันหลังให้พวกข้าเด็ดขาด”

 

                “ข้าไม่ถามล่ะว่าเจ้าพูดคุยกับนางได้อย่างไรในเมื่อ...ช่างเถิด” ผู้สำเร็จราชการขบกรามคิดแล้วส่ายหน้าเบาๆ “อันดับแรกต้องเก็บกวาดเรื่องนี้ก่อน บอกเพื่อนเจ้าให้ทำลายหุ่นแทนตัวของข้าเสียเพราะมันสวยน้อยกว่าตัวจริง ตัวเจ้าลงไปเก็บกวาดคุกใต้ดินและห้องหลบภัยที่ข้าพังออกมาให้ด้วยในฐานะทำอะไรลับหลัง ส่วนข้าจะปรับความทรงจำพวกนี้ใหม่เอง จะทำให้มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่เอา ให้ท่านมาช่วยข้าเหมือนเดิมดีกว่าข้าจะได้ดูอ่อนแอช่วยตัวเองไม่ได้มากขึ้นอีกหน่อย”

 

                ไบรอันแทบกลั้นยิ้มไม่ไหว ตัวพระนางโรเซลลิน่านั้นเกินเลยคำว่าอ่อนแอไปไกลโข

 

                “อย่างนั้นข้าบาทขอฝากคนของข้าบาทด้วย เขาชื่อดาริอุส คนที่ลูกน้องของท่านไล่ออกตามที่ข้าบาทขอให้ช่วยนั่นละ” ไบรอันพยักพเยิดไปทางดาริอุสที่หลับน้ำลายยืดอยู่ “แล้วฝ่าบาทจะให้ข้าบาทช่วยจัดฉากการต่อสู้ด้วยไหม”

 

                “ทั้งที่ข้าไม่ได้ระบุว่าให้ไล่ใครออกเจ้าอ้วนนั่นยังไล่คนมีฝีมือออกอีก อยากเผาไม่ให้เหลือซากจริงๆ!”

 

                พระนางโรเซลลิน่าทำหน้าปั้นยากโบกมือไล่เขาจึงก้าวเดินไปทางที่คุกใต้ดินตั้งอยู่ สมองยังหมุนติ้วด้วยแผนการต่างๆที่ส่วนหนึ่งเขาเห็นแล้วว่ามันจะดำเนินต่อไปอย่างไร การได้พระนางเป็นพวกคราวนี้ถือเป็นลางดีว่าสถานการณ์จะดำเนินไปในแนวทางเดียวกับที่เขาเห็น อย่างน้อยก็เกือบเข้าใจ...

 

 

                เมื่อดาริอุสตื่นขึ้นทุกอย่างก็คลี่คลายไปแล้ว ท่านหญิงโรเซลลิน่าผู้สำเร็จราชการตัวจริงได้รับการช่วยเหลือโดยผู้กล้าแสงตะวัน เป็นแผนของฝ่ายมืดที่สร้างพระนางตัวปลอมขึ้นมาควบคุมราชาอีกต่อหนึ่ง ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่แปลกใจ เขาจำเรื่องราวระหว่างตอนบุกเข้าราชวังไม่ได้เลย แม้ไบรอันจะยืนยันว่าเขาโดนสะกดก็ตาม ในความรู้สึกของเขาคลุมเครือและสับสนยากจะบอกได้ว่าสิ่งใดจริงไม่จริง

 

                “เจ้าคือคนโชคร้ายที่ถูกให้ออกหรือ เห็นท่านผู้กล้าบอกข้า” ท่านหญิงตัวจริงทรงสิริโฉมกว่าตุ๊กตาที่เห็นคราวแรกกล่าวกับเขา หลังจากผู้กล้านายจ้างบอกว่าจบเรื่องแล้ว และอนุญาตให้เดินเล่นในราชวังได้ระหว่างที่เขารับส่งข่าวสารอยู่

 

                “ข้าไม่ได้คิดกล่าวโทษท่านหญิงหรอก มีบางคนไม่ชอบหน้าข้า ก็แค่นั้น” ดาริอุสพูดด้วยความเก้อเขิน เนื่องจากไม่เคยพูดกับคนระดับเชื้อพระวงศ์มาก่อนเลย

 

                “ต้องขอโทษด้วย เพราะนโยบายมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ข้าเห็นใจลูกจ้างทุกคนเสมอและไม่อยากให้ไล่ใครออกเลย”

 

                “ไม่เป็นไรหรอกฝ่าบาท หากข้าบาทไม่ถูกไล่ออกคงไม่ได้มาเดินทางร่วมกับผู้กล้าแน่ แต่ข้าชื่นชมท่านมานานแล้ว ท่านเยี่ยมจริงๆที่บริหารกองคาราวานจำนวนมากได้”

 

                “ขอบคุณสำหรับคำชม ข้าต้องไปแล้ว องค์ฮ่องเต้วิตกหนักกลัวข้าเปลี่ยนเป็นคนละคนอีก” ท่านหญิงขอตัวอย่างสุภาพ

 

                ในเมื่อท่านหญิงผู้แวะมาคุยด้วยจากไปแล้ว ดาริอุสจึงถือโอกาสเดินไปทางประตูราชวัง หวังจะออกไปชมเมืองสักนิด คงทำได้ถ้าไม่โดนผู้กล้าแสงตะวันดึงตัวเอาไว้ก่อนแล้วพูดเร็วเหมือนโดนคำสาป

 

                “ไม่ใช่เวลามาเที่ยวแล้ว! ตอนนี้ทหารทางใต้พบกองกำลังสัตว์ปิศาจจำนวนมาก คิดว่าไม่นานคงเข้าโจมตีเมืองที่ใกล้ที่สุด ไซเรน่าจะไปรอเราที่นั่น เราต้องรีบกลับไปเอาของแล้วใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปเดี๋ยวนี้เลย จะให้เสียเวลาไม่ได้แม้นาทีเดียว!”

 

                “รับทราบ แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าใครคุมทัพ หมอนั่นใช่ไหม”

 

                “ไม่ใช่! เอาไว้อธิบายตอนเก็บของเตรียมเคลื่อนย้ายก็แล้วกัน”

 

                ไม่ทันได้ตอบโต้ดาริอุสก็โดนผู้กล้าแสงตะวันดึงออกจากประตูราชวังแล้วใช้มนตร์เคลื่อนย้ายกลับที่พักทันที!...

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา