นักรบจันทรา

7.0

เขียนโดย Sagestone

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่ 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 4

                “สิ่งที่เราต้องทำก็แค่ทำตัวให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกครึ่งชั่วโมงเราจะไปเดินตรวจในเขตเมืองกัน รีบกลับห้องดีกว่าไซเรน่า หากเจ้าอยู่ในนี้นานเกินไปคนที่แอบดูจะสงสัยเอาได้” ผู้กล้าแสงตะวันเปิดประตูให้นางอัศวินมังกรไซเรน่า ผู้ยืนยันจะทำตามใจตัวเป็นสายลับสองหน้าให้ได้

 

                “มีข่าวลับบอกมาว่าพบคนที่คล้ายเจ้าชายมาเวอร์ริคอยู่ที่ภูเขาน้ำแข็งทางเหนือ ไม่ต้องเสียเวลาเดินในเมืองหรอก สายของท่านก็น่าจะรู้นี่” ไซเรน่าพูดหน้าตาย

 

                อย่างไรก็ไม่ใช่หรอก กลัวว่าจะเป็นคนอื่นที่ใช่น่ะสิจึงอยากถ่วงเวลาเอาไว้ ไบรอัน แบล็คสโตนหัวเราะกลบเกลื่อน

 

                “เผื่อเอาไว้ก่อน อาจเจอโดยบังเอิญแบบในนิยายหรือละครเวทีก็ได้” อนิจจา ความสามารถในการแถของเขานั้นช่างน่าสมเพชเหลือเกิน “เจ้าก็คงอยากเดินเที่ยวเหมือนกันใช่ไหมดาริอุส”

 

                องค์รักษ์ที่ขอกำลังสนับสนุนไปนั้นกลับนิ่งเหมือนเก้าอี้วางของ

 

                “อย่างนั้นก็ได้ เราจะไปตรวจภูเขาพรมแดนทางเหนือก่อน โดยไม่ใช้มังกร” ผู้กล้าแสงตะวันเน้นคำสุดท้าย ไซเรน่าทำท่าห่อเหี่ยวชั่วอึดใจแล้วกลับห้องอย่างรวดเร็วผิดคาด

 

                “เหตุใดไม่ช่วยข้าพูด ข้าเข้าใจว่าเจ้าอยากเดินดูเมืองก่อนเสียอีก” ไบรอันหันไปแยกเขี้ยวใส่ลูกจ้างที่ทำท่าลังเล

 

                “งานต้องมาก่อนไม่ใช่หรือ ท่านมีงานในฐานะผู้กล้านี่นา ชมเมืองไว้ทีหลังก็ไม่มีปัญหา” ดาริอุสตอบอย่างซื่อๆ ไบรอันนับหนึ่งถึงสิบในใจ ยับยั้งตัวเองก่อนจะลงมือล้างสมองเจ้าบื้อนี่เสียใหม่ “อย่างนั้นต้องใช้แผนสอง เจ้าลงไปรอข้างล่าง...มีอะไรอีกหรือไซเรน่า”

 

                “ข้าคิดจะลงไปรอท่านข้างล่าง พอลงไปหน้าประตูก็เจอรถม้าที่พระราชาส่งมาให้รับใช้ ท่านไม่อยากขี่มังกรใช่ไหม อย่างนั้นไปกับรถม้าที่ทรงประทานมาให้ก็ได้ ไปกันตอนนี้เลย”

 

                “เหตุใดฝ่าบาทจึงส่งรถม้ามาให้ล่ะ ข้าไม่ได้ขอพระราชทานไปเสียหน่อย” ผู้กล้าแสงตะวันขมวดคิ้วได้ไม่นานก็ถูกลากลงไปชั้นล่างโดยเพื่อนสาว แทบไม่เหลือเวลาให้ปิดประตูห้องให้ดีด้วยซ้ำ “ลั่นดาลให้ดีแล้วรีบตามมานะดาริอุส อีกนิดเดียวข้าตกบันไดเลยนะไซเรน่า!”

 

                “ข้าคิดว่าท่านคงยังไม่เชื่อข้าเต็มร้อย ฉะนั้นจะบอกข้อมูลที่ทางซีเนียใด้มาให้ท่านก่อน เป็นความลับเลยนะ” ไซเรน่าทำลายความเงียบในรถม้า พวกเขากำลังวิ่งขึ้นไปทางเหนือตามแหล่งข่าวที่ได้รับ

 

                “ข้าเชื่อใจเจ้าอยู่แล้ว...แล้วข้าก็พอรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเจ้าจะทำอะไร ก็แค่คร่าวๆล่ะนะ นางผู้นั้นไม่ยอมให้ข้าเห็นแบบเต็มตาสักครั้ง” ไบรอัน แบล็คสโตนเสมองนอกรถม้า เขาอยู่ห่างธรรมชาติมานานจนน่าใจหาย

 

                “ใครหรือ! ท่านรู้ได้อย่างไร รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าคิดอะไรอยู่ เรื่องผู้หญิงคนนั้นล่ะ ปริศนาของท่านนี่เยอะดีจริงเลย!” นางอัศวินมังกรทำทีเหมือนแมวได้ของเล่นใหม่

 

                “หรือจะเป็นคนที่ท่านซื้อดอกไม้ให้ เป็นคนในครอบครัว” แล้วดาริอุสกับไซเรน่าก็ตั้งสมมุติฐานนานัปการเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น สร้างรอยยิ้มให้ผู้กล้าแสงตะวันในเวลาที่เคร่งเครียดได้ดีนัก...

 

 

                รถม้าแล่นไปตามทางทอดยาวสู่หุบเขาสูงชันอย่างไม่ย่อท้อ อากาศหนาวเย็นทวีความร้ายกาจขึ้นเมื่อเข้าเขตที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เมื่อพระอาทิตย์ลับฟ้าผู้กล้าแสงตะวันก็สร้างเขตแดนสำหรับพักผ่อนยามราตรีสำหรับม้าและคนรถ ส่วนพวกเขาที่ยังไม่ง่วงจะทำการตรวจสอบใกล้ๆอีกสักพักหนึ่ง

 

                “จะไม่ให้ข้ามีเวลาส่วนตัวบ้างหรือ” ไบรอันชำเลืองมองหญิงสาวอย่างกังขา นางเดินตามเขากับดาริอุสมาติดๆ ช่วงเวลาปลอดคนที่จะตรวจสอบจึงไม่มีเลย

 

                “ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านอีกคนเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น” นางอัศวินมังกรพูดอย่างแน่วแน่ “ลองท่านกับองค์รักษ์ปลีกตัวมาแบบนี้ย่อมมีแผนใช่ไหม บอกข้าบ้างสิ”

 

                หากเจ้าไปข้าก็ทำงานลำบากขึ้นหลายเท่าเลยละ ผู้กล้าแสงตะวันกลืนคำพูดนี้ลงคอแล้วรอมชอมให้นางไปด้วย หากมีอะไรจะได้เป็นข้ออ้างกลับไปตั้งหลัก ดาริอุสจะได้ไหวตัวไม่ทันด้วย

 

                “สายของข้าบอกว่ามีผู้พบเห็นคนที่คล้ายเจ้าชายมาเวอร์ริคบริเวณใกล้ๆนี้” ไบรอันตอบอย่างเสียไม่ได้ “หุบเขานี้เป็นแถบที่ธาตุน้ำแข็งบริสุทธิ์ที่สุด ทำให้ข้าสังหรณ์ไม่ดี” เอาล่ะ คำตอบนี้คงทำให้นางอัศวินมังกรพอใจเดินตามมาเงียบๆแล้ว

 

                ทั้งสามกลืนเข้ากับรัตติกาลในป่าน้ำแข็งเหมือนปลาในแนวปะการัง จุดหมายในการเดินทางแสนเยือกเย็นคือยอดผาที่สามารถมองเห็นได้ไกลทั่วทิวเขาน้ำแข็งซึ่งได้ฉายาว่าแดนเยือกแข็งแห่งเมืองอัญมณี ลมหนาวระลอกแล้วระลอกเล่าพัดผ่านไปอย่างไม่ปรานี ดีที่เขากับดาริอุสจัดหาเสื้อคลุมอย่างหนาเตรียมพร้อมไว้แล้ว

 

                ด้านล่างที่ควรเป็นทุ่งหญ้าน้ำแข็งกลางขุนเขากลับเป็นทะเลน้ำแข็งสีขาวอมฟ้า คราวแรกเขาคิดว่าเป็นหิมะแรกฤดูแต่ไม่ใช่ จุดสีขาวนับพันกำลังเคลื่อนไหวไปมาเหมือนคลื่นในแอ่งน้ำ สิ่งที่อยู่ใต้หน้าผาคือสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก แค่เห็นเขาก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร

 

                “อสูรน้ำแข็ง มีบางคนสร้างพวกมันขึ้นมาจากแหล่งธาตุน้ำแข็ง แต่แอสนาร์กับซีเนียไม่ได้บอกข้าเรื่องนี้เลย” ไบรอันกระซิบเบาๆ จับบ่าเพื่อนร่วมทางอีกสองคนไม่ให้เคลื่อนไหว เห็นแบบนี้แสดงว่าคนๆนั้นอยู่ที่นี่จริงๆ

 

                “หากไม่ใช่ของทางฝ่ายเราก็ต้องเป็นฝ่ายตรงข้าม จัดการเลยไหม ข้ากับท่านทำได้แน่!” ไซเรน่ากระซิบด้วยความตื่นเต้น ผู้กล้าแสงตะวันส่ายหน้า

 

                “ไม่! ยังไม่ใช่ตอนนี้ เยอะเกินกำลังเราสองคน และยังมีระบบ...”

 

                ทว่าสายไปเสียแล้ว นางอัศวินมังกรเรียกมังกรผ่านแหวนในพริบตาแล้วเหินลงไปเบื้องล่าง ระบบเตือนภัยเปล่งเสียงแหลมเหมือนอสูรจากนรกบอกว่ามีผู้บุกรุก หากนางก็ยังบินไม่ยอมหยุด เปลวไฟแลบเลียลอดไรฟันมังกร นางกำลังสั่งให้มันพ่นไฟ!

 

                ในชั่วพริบตาดั่งแมลงกระพือปีก ก่อนไฟจะทะลักผ่านปากมังกร เงาดำจากเบื้องล่างไหววูบขึ้นฟากฟ้า หญิงสาวพร้อมมังกรประจำตัวถูกส่งกลับมาหาผู้กล้าแสงตะวันด้วยความเร็วสูงกระแทกต้นไม้ด้านหลังดังสนั่น ดีที่เจ้ามังกรเอาตัวบังเจ้านายเอาไว้นางจึงไม่เป็นอะไรมาก ส่วนเจ้ามังกรเจ็บหนัก จึงกลับมิติผ่านแหวนเพื่อพักรักษาตัว

 

                “นี่ข้ามีแขกยามค่ำหรือ ผ่านเขตเตือนภัยของข้าอย่างกับไม่เห็นมันอย่างนั้น”

 

                เงาสีดำร่อนลงเบื้องหน้าผู้กล้าแสงตะวันและผู้ติดตาม ไบรอันจำใบหน้าอาบแสงจันทร์ได้แม่นยำ เขาคือผู้ปราวณาตนเป็นบริวารเบื้องขวาของจอมอสูรในยุคนี้ เวเบอร์ เฟียร์เลส!

 

                “ตั้งแต่วันนั้นก็แอบมาทำเรื่องชั่วช้าตรงนี้เองหรือ” ผู้กล้าแสงตะวันกล่าว ส่งสัญญาณให้ดาริอุสเตรียมดาบให้พร้อมแม้ไม่จำเป็น

 

                “เจ้าคนที่ มาทำลายการประชุมวันนั้น” ไซเรน่าพยายามพูดทั้งที่ปวดระบมทั้งตัว “ข้าจำเจ้าได้”

 

                “ใช่แล้ว ข้าคือคนที่ไปทำลายการประชุมจิ๊บจ้อยในตอนนั้น แม้ข้าจะจำเจ้าไม่ได้ก็ตาม” ชายผมสีทองดวงตาสีพระจันทร์แดงพูดนิ่มๆแล้วหันไปทางผู้กล้าแสงตะวันกับผู้ติดตาม “แต่ข้าจำเจ้าได้ เราเคยเจอกันมาก่อน...ใช่ไหม” บริวารของจอมอสูรเว้นระยะก่อนประโยคสุดท้ายเกินจำเป็น

 

                “ใช่” ผู้กล้าแสงตะวันพยักหน้าอย่างมั่นใจทำให้อีกฝ่ายมองอย่างเคลือบแคลง “หลังจากตอนนั้นข้าก็ได้รับเกียรติเป็นผู้กล้าแสงตะวัน ต้องขอบคุณเจ้าเลยนะ”

 

                “แล้วนี่เจ้ามาทำตามจารีตอันดีในฐานะผู้กล้าหรือ ทำลายกองทัพสัตว์ธาตุของข้า...ไหนๆข้าก็ได้พบผู้ถูกเลือกแล้วก็ขอแนะนำตัวอีกครั้ง นามของข้าคือเวเบอร์ เฟียร์เลสผู้ไร้ความกลัว อยากให้พรรคพวกของผู้กล้าจำชื่อของข้าไว้ แม้จะเป็นแค่ผู้ติดตามก็ตาม”

 

                “ข้าไบรอัน แบล็คสโตน ข้างๆข้าชื่อดาริอุส ดรากานเป็นผู้ติดตาม แล้วยัยบ้าที่เจ้าเพิ่งเหวี่ยงกระเด็นคือไซเรน่า ฟราโกส์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

 

                “ให้ข้าเดา พวกเจ้ามาเพื่อทำลายกองทัพน้ำแข็งของข้า”

 

                “เปล่าสักหน่อย พวกเรามาตามหาเจ้าชายมาเวอร์ริค...” ไซเรน่าพยุงตัวขึ้นยืนแล้วต้องเงียบเพราะแววตาของผู้กล้าแสงตะวัน

 

                “เห็นสีหน้าก็รู้แล้วว่าพวกเจ้าไม่คาดคิดว่าจะเจอข้า” ผู้ประกาศตนว่าอยู่ฝ่ายมืดหัวเราะอย่างชั่วร้าย “แล้วจะทำอย่างไรกันดี ต่อยกสองดีไหมผู้กล้าแสงตะวัน ให้พวกเจ้าสามคนรุมข้าคนเดียวเลยก็ได้”

 

                “ได้เลย!” นางอัศวินมังกรคำราม ไบรอันยกมือห้ามส่งเสียงดุในลำคอ

 

                “เรายังไม่พร้อมไซเรน่า หากกองทัพข้างล่างบุกเมืองระหว่างเราสู้จะลำบาก ถอยก่อน” ผู้กล้าแสงตะวันใช้ความสุขุมสยบความดุเดือดของเพื่อนสาว “เขาต้องปล่อยเราไปแน่ เพราะพวกเราค้นหาสิ่งเดียวกันอย่างไรละ”

 

                “มันก็หลอกใช้กันทั้งคู่ใม่ใช่หรือ แค่รอให้อีกฝ่ายตามหาเจ้าชายมาเวอร์ริคให้” ดาริอุสแทรกขึ้น “ท่านผู้กล้าแสงตะวันโปรดออกคำสั่ง”

 

                “ก็เจ้าชายมาเวอร์ริคเป็นไพ่เด็ดของเราทั้งสองฝ่ายนี่ แค่หาให้เจอก็ใช้ต่อรองได้” ผู้กล้ายักไหล่ “คงไม่ว่าอะไรหากพวกข้าจะขอตัวก่อน”

 

                ไบรอันกับเวเบอร์จ้องตากันอย่างเคร่งเครียดหวังว่าอีกฝ่ายคงรู้ว่าตนคิดอะไรอยู่ ไซเรน่าและดาริอุสรวมกลุ่มมาอยู่ด้านหลังผู้กล้าแสงตะวัน พร้อมใช้มนตร์เคลื่อนย้ายเพื่อหลบหนี

 

                “ข้าอยากปล่อยพวกเจ้าให้ตามหาของให้ใจแทบขาด แต่พวกเจ้าเล่นรู้แหล่งสร้างอสูรน้ำแข็งของข้าแล้วคงปล่อยไปไม่ได้ง่ายๆ...ข้าจะให้โอกาส เมื่อตะวันเที่ยงพรุ่งนี้กองทัพข้างล่างของข้าจะบุกแอสนาร์กรุยทางสู่ซีเนีย เจ้าจะหนีก็ได้แต่เมืองจะโดนถล่มยับ ลงไปทำลายกองทัพตอนนี้ก็เจอข้า เลือกเอาก็แล้วกันว่าจะหนีหรือตายไปพร้อมเมืองนี้”

 

                แล้วผู้อยู่ฝ่ายมืดก็ดำดิ่งลงจากหน้าผาทิ้งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไว้เบื้องหลัง

 

                หลังจากนั้นผู้กล้าแสงตะวันก็ดำเนินการอย่างทันท่วงที พวกเขาเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์ธาตุด้วยกำลังคนเพียงสาม วิหคอาคมเรืองแสงของไบรอันสี่ตัวถูกส่งออกไปทันทีที่พวกเขากลับไปถึงรถม้า สองตัวส่งให้จักรพรรดิของจักรวรรดิทั้งสอง ส่วนอีกตัวส่งไปยังปราสาทของแอสนาร์เพื่อเตรียมกองทัพต่อต้าน

 

                “เราจะตั้งรับให้เร็วที่สุด มันกำลังลองใจเราอยู่ว่าจะสู้จนตัวตายหรือหนีหัวซุกหัวซุน” ไบรอันมองนกเวทมนตร์ตัวสุดท้ายบินจากไปเพื่อส่งข่าว “หวังว่ากองทัพของแอสนาร์คงพร้อมต่อสู้ตลอดเวลานะ”

 

                “ประเดี๋ยวข้าจะบอกทางไปดักหน้ากองทัพให้ท่านคนขับ” ไบรอันตบบ่าคนขับรถม้าที่กำลังตระหนก “ส่วนไซเรน่า เจ้าขี่มังกรตามเราไป เมื่อถึงที่หมายให้เจ้ารีบไปยังปราสาทแอสนาร์ ร่วมมือกับแม่ทัพนำกองทัพมายังจุดที่พวกเรารออยู่ พาท่านสารถีกลับไปด้วยก็ดี” ...

 

 

                เป็นเช้าที่โกลาหลอีกวันที่ดาริอุสเคยเห็นมา ผู้กล้าแสงตะวันบอกว่าจะใช้ชายป่าข้างหมู่บ้านเป็นสถานที่ตั้งรับอสุรกายน้ำแข็งนับพัน คราวแรกชาวบ้านยังไม่แตกตื่นเท่าไรนักกระทั่งไบรอันผู้เป็นนายจ้างบอกว่าต้องทำการปรับสถานที่ให้เหมาะสม

 

                “ข้าย่อมมีเหตุผลของข้า ทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง” ไบรอันพูดเช่นนี้ขณะบังคับให้แผ่นดินยกตัวขึ้นเหมือนเวทีสูงกว่าสิบเมตร “ข้ามีเหตุที่ต้องทำทุกอย่างให้เอิกเกริก อย่าอยู่ห่างข้า อย่าลืมว่าหน้าที่ของเจ้าคือคุ้มกันข้า ที่นี่ไม่ปลอดภัยเหมือนซีเนีย”

 

                กว่าสองชั่วโมงสถานที่ต้อนรับศัตรูก็พร้อม ส่วนยกพื้นด้านหลังเป็นป้อมปราการสำหรับผู้กล้าและแม่ทัพสั่งการ ปีกสองข้างสำหรับลำเลียงกำลังพลเต็มไปด้วยไม้และกำแพงป้องกัน เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงตามคำพูดของชายคนเมื่อคืน คำพูดที่ไม่รู้ว่าเป็นแค่คำขู่หรือไม่ บางทีอาจเป็นกับดักหรือการตลบหลัง

 

                “มันจะทำตามแผนการเกินไปแล้ว เคลื่อนทัพจากที่นี่กว่าจะถึงปราสาทของแอสนาร์ก็เที่ยงวันพอดี” ผู้กล้าแสงตะวันสบถใส่มือชุ่มเหงื่อ

 

                แล้วดาริอุสก็เห็นบางสิ่ง เหมือนสายน้ำสีขาวไหลบ่าจากช่องเขาไกลโพ้น กองทัพสัตว์อสูรเริ่มเดินทางแล้ว เขากับนายจ้างอยู่สูงกว่าพื้นดินมากจึงเห็นเหมือนกับมีคนเทโถใส่เพชรขนาดยักษ์ลงมา ปริมาณมันมากกว่าที่เห็นว่าเมื่อคืนเสียอีก

 

                “หากเราไม่ตั้งรับที่นี่คงสายไป หมอนั่นโกหก เราน่าจะเดาได้นะ”

 

                “ไม่หรอก ดูจากการเคลื่อนที่กองทัพนี้จะบุกถึงแอสนาร์ตอนเที่ยงวันพอดี หมอนั่นก็แค่หัวแข็งสุดขั้ว ข้าก็แค่โชคดีที่มาดักถูกทาง”

 

                ดาริอุสแทบจับพิรุธในน้ำเสียงไม่ได้เลย เขามัวแต่สนใจกองทัพสีขาวเคลื่อนเข้ามาเหมือนน้ำหลาก

 

                “ทันเวลาพอดีสินะ” ไซเรน่ากับมังกรเขียวร่อนลงมาข้างๆ

 

                ด้านหลังของนางคือกองทัพม้าของแอสนาร์ที่ส่งมาสมทบ ชายหนุ่มและวัยกลางคนที่ดูเหมือนแม่ทัพกับเสนาธิการมารวมตัวที่ผู้กล้าแสงตะวันรอคำสั่ง หนึ่งในนั้นมีคนที่ดาริอุสเจอตอนคัดเลือกด้วย

 

                “บังเอิญไปหรือเปล่าที่มาพอดีกันเลย” ดาริอุสพูดกับตัวเอง ขณะที่นายจ้างและเหล่าแม่ทัพกำลังหารือกันอยู่

 

                ระหว่างนั้นนายกองและคนนำทัพก็นำเหล่าทหารม้าและทหารพื้นราบไปประจำที่ปีกสองข้างที่สร้างขึ้น ผู้กล้าแสงตะวันมอบหมายให้แม่ทัพเป็นผู้บัญชาการ ส่วนตัวเขาจะคอยหนุนอยู่เบื้องหลังด้วยเวทมนตร์

 

                “สรุปคือ คนที่สายของข้าเข้าใจว่าเป็นเจ้าชายมาเวอร์ริคคงเป็นเจ้าบ้านั่น สภาพภายนอกคล้ายกัน ผิดแค่รูปร่างและรายละเอียด โชคดีที่ข้าเข้าใจผิดจึงมารับมือทัน” ไบรอันสร้างกระจกน้ำแข็งสั่งการขึ้นตรงหน้าแผ่นแล้วแผ่นเล่าสำหรับสังเกตการณ์ “ข้าไม่ได้บอกว่าท่านไร้ฝีมือ ข้าเพียงทำตามหน้าที่ของผู้กล้าเท่านั้น ต่อกรกับผ่ายมืดตามรับสั่ง” เขาหันไปพูดกับผู้วิเศษประจำเมืองอย่างเคารพ

 

                “แล้วเจ้านั่นจะบุกมาด้วยตัวเองไหมไบร...ท่านผู้กล้า” ดาริอุสพยายามทำตัวเป็นทางการอย่างเต็มที่ สำหรับเขาเมื่อถึงเวลางานก็ต้องทำงานอย่างแข็งขัน

 

                “ป่านนี้เปิดไปไกลแล้ว หากฉลาดจริงต้องเอาเวลาไปคิดแผนชั่วร้ายมากกว่าออกสั่งการกองทัพเล็กๆแบบนี้” นายจ้างซึ่งเป็นผู้กล้าแสงตะวันมองไปสุดสายตา ทะเลอสูรสีขาวไหลหลั่งใกล้เข้ามาๆ

 

                แบบนี้ยังเรียกว่าเล็กอีกหรือ ดาริอุสกลืนน้ำลายลงคอ

 

                “ดาริอุสจงฟังคำข้า” ผู้กล้าออกคำสั่งกับองครักษ์ “จงคุ้มกันข้าจากอันตรายรอบด้าน และประจำที่จุดนี้เคียงข้างข้า”

 

                ตอนแรกดาริอุสจะขอลงไปเล่นกับปิศาจน้ำแข็งกับเหล่าทหารอยู่แล้ว พอถูกดักคอจึงจำต้องยืนคุ้มกันตามหน้าที่ เผื่อจะมีอะไรตื่นเต้นเกิดขึ้นที่จุดนี้บ้าง...

 

 

                “ท่านนี่ยอดเยี่ยมสุดๆ เหมือนตัวเอกในนิยายหรือละครเวทีเลย!” ดาริอุสร้องด้วยความตื่นเต้น

 

                การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับอสูรน้ำแข็งดำเนินไปจนจบสิ้นนานแล้ว พวกเขากำลังรอรวบรวมกำลังพลที่ล้มเจ็บไว้ด้วยกัน มนุษย์เป็นฝ่ายชนะด้วยความช่วยเหลือของผู้กล้าแสงตะวันอย่างที่ควรเป็น ใช้ทั้งไฟและสายฟ้าเปิดทางให้ทหารของแอสนาร์ทำงานได้สะดวกขึ้น ทั้งหมดน่าประทับใจจนเหมือนฉากในละครเพลงร่วมสมัย

 

                “ไม่อย่างนั้นเขาจะให้ข้าเป็นผู้กล้าหรือ” ผู้กล้าแสงตะวันตอบอย่างวางท่า

 

                ระหว่างนั้นพวกเขาเดินตรวจเยี่ยมเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ไซเรน่าก็มีแผลตามตัวเช่นกันจากกรงเล็บและความเย็นลึกล้ำของธาตุน้ำแข็งที่บริสุทธิ์ที่สุด

 

                “แสดงว่าเจ้าชายมาเวอร์ริคไม่ได้อยู่ที่นี่สินะ หากมีหมอนั่นคงเอาตัวไปแล้ว...ถ้าข้าเจอหมอนั่นอีกข้าจะ...” นางอัศวินมังกรหยุดพูดก่อนหลุดคำสบถออกมา นางยังดูแข็งแรงดีแม้ช่วงเอวจะมีแผลฉกรรจ์

 

                “ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าให้ยิงจากระยะไกลอย่างเดียว” อย่าลงไประยะใกล้ ไบรอันบ่นเพื่อนสาวอย่างเสียไม่ได้ “รีบหายไวๆ ประเดี๋ยวจะได้ไปเพอลานต้ากันต่อ ข้าถ่วงเวลาได้อีกนิดเดียวเท่านั้น”

 

                “ถ่วงเวลา ท่านพูดถึงเรื่องอะไร” ไซเรน่าเอี้ยวตัวถามพลันเจ็บแผลจนเบ้หน้าด้วยความปวดร้าว “ข้ารู้แค่เมืองนั้นการบริหารเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าท่านกำลังรออะไรอยู่”

 

                “ถ่วงเวลาเพื่อจัดการคนที่ขวางข้าอย่างไรละ” ผู้กล้าแสงตะวันหยุดยืนค้ำหัวเพื่อนสาว ก่อนเอื้อมมือขวามาวางบนจุดที่ได้รับบาดเจ็บแล้วเอ่ยคำ

 

                แสงสีขาวขมุกขมัวเหมือนเมฆหมอกปรากฏใต้ฝ่ามือ นางอัศวินมังกรสัมผัสได้ถึงความอุ่นจนเกือบร้อนที่บาดแผล ความเจ็บปวดผ่อนคลายลง บาดแผลใหญ่กำลังถูกรักษาโดยผู้กล้าแสงตะวัน

 

                “พลังของข้าเหลือไม่มากพอจะทำให้บาดแผลสมานสมบูรณ์ได้ ต้องอาศัยความอึดของเจ้าต่อละ”

 

                “แล้วจะไม่บอกกันบ้างหรือว่าจะทำอะไรต่อ ไปเพอลานต้าเพื่ออะไร”

 

                “ตอนนี้พักไปก่อน เอาไว้ถึงเวลาข้าจะบอก อย่าริอ่านทำอะไรแผลงๆล่ะเดี๋ยวแผลเปิด” ไบรอันเสริมแล้วรีบลากดาริอุสออกจากบริเวณนั้น “คงไม่ว่าข้าใช่ไหมดาริอุสหากขอข้าพักสักวันสองวันค่อยเดินชมเมือง”

 

                “หน้าที่ของข้าคือคุ้มครองท่าน” ดาริอุสกล่าวอย่างแน่วแน่ “ความจริงข้าไม่ควรออกเที่ยวเล่นด้วยซ้ำ”

 

                “ข้าอยากทำบุญคุณกับเจ้าไว้บ้าง เผื่อสักวันจะได้พึ่งพา” ผู้กล้าแสงตะวันเดินนำไปขึ้นรถม้าเพื่อเข้าไปพักในตัวเมือง “เจ้าคงสงสัยว่าเหตุใดเราจึงต้องการตัวเจ้าชายมาเวอร์ริค”

 

                “ใช่” ดาริอุสยอมรับดื้อๆ “ข้าเห็นใบประกาศตอนอยู่ซีเนียด้วย ผมสีทองตาสีน้ำผึ้ง น่าจะเด่นมากเลย”

 

                “เด่นแค่ไหนสายสืบก็พาข้ามาหาผิดคน โชคยังดีที่ช่วยสกัดกั้นการรุกรานแอสนาร์ได้เสียก่อน” ผู้กล้าแสงตะวันพูดเรียบๆราวกับเป็นสิ่งที่คาดไว้แล้ว

 

                แล้วผู้กล้าแสงตะวันก็เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว

 

                ควรกล่าวว่าภายใต้ทวีปใหญ่นี้ มีเพียงจักรวรรดิทั้งสองเท่านั้นที่มีอำนาจล้นฟ้า ทั้งสองจึงคานอำนาจและแบ่งพื้นที่ปกครองอย่างชัดเจน ต่างฝ่ายต่างสานสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆมานับพันปี ทั้งเรื่องมงคลอย่างการแต่งงานทางการเมืองหรือสงครามชิงอาณาเขตเพื่อเป็นฝ่ายเหนือกว่า เป็นเหมือนเสือสองตัวที่อยู่ร่วมถ้ำอย่างสันติคงสมดุลเอาไว้ได้

 

                เมื่อสี่สิบปีก่อน ณ เส้นแบ่งสองจักรวรรดิ มีเมืองใหญ่ซึ่งเจริญรุดหน้าเกือบเทียบเท่าเมืองหลวงของสองจักรวรรดิ เปรียบดังเสือตัวที่สามรุกเข้าอาณาเขตปกครอง เป็นสิ่งแปลกปลอมคุกคามสมดุลที่ง่อนแง่นมานับร้อยปี

 

                “ในตอนแรกสองจักรวรรดิถกเถียงว่าจะให้เมืองนั้นอยู่ฝ่ายใด หากแต่พวกเขาหาข้อสรุปไม่ได้ แถมยังมีความวิวัฒน์มากจนผิดปกติ ทั้งสองจักรวรรดิจึงร่วมมือกันทำลายเมืองที่อาจกลายเป็นจักรวรรดิที่สามทิ้งด้วยเกรงเสียอำนาจ...ทายาทของพระราชาเมืองนั้นคือดัชเชล เฮลเบิร์ต เรียกหรูๆก็คือจอมอสูรของยุคนี้ เขาคือเหยื่อความหยิ่งผยองของสองจักรวรรดิ”

 

                “ของยุคนี้หรือ แสดงว่าเคยมีมาแล้วสินะ จอมอสูรเหมือนในนิทาน” ดาริอุสเลิกคิ้วอย่างสนใจ ไบรอันพยักหน้าแล้วเล่าต่อ

 

                หลังจากเมืองดังกล่าวล่มสลายมาเกือบยี่สิบปี ดัชเชล เฮลเบิร์ตก็ปรากฏตัวพร้อมกองทัพฝ่ายมืดและพลังของปิศาจ ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้รับมันมาจากที่ใด อาจเพราะต้องการแก้แค้นเขาจึงลักพาตัวเจ้าหญิงองค์หนึ่งของเพียร์ซ ผู้ได้รับขนานนามว่านักปราชญ์แห่งตะวันตก เจ้าหญิงคาริสซา มาเฮราส จากข้อสันนิษฐานเขาอาจต้องการเค้นหาจุดอ่อนของสองจักรวรรดิผ่านท่านหญิง

 

                เหตุการณ์การลักพาตัวเจ้าหญิงเป็นชนวนให้เพียร์ซตั้งข้อสงสัยซีเนียและนำมาซึ่งเรื่องราวต่างๆที่ไม่ขอกล่าวในที่นี้ หลังจากซีเนียพิสูจน์ตัวเองว่าไม่มีส่วนในการลักพาตัวทั้งสองจักรวรรดิจึงร่วมมือกันค้นหาท่านหญิงคาริสซา เกิดเป็นสงครามใหญ่ระหว่างสองจักรวรรดิกับกองทัพฝ่ายมืด มันจบลงด้วยความสูญเสียทั้งสองฝ่าย จักรวรรดิทั้งสองเสียไพร่พลมากมาย ทางด้านดัชเชล เฮลเบิร์ตก็ย่อยยับแทบกลายเป็นธุลีและหายตัวไปพร้อมท่านหญิงคาริสซา

 

                “แล้วทางจักรวรรดิก็พบทารกแฝดคู่หนึ่ง จากการตรวจสอบเด็กทั้งสองคือลูกของดัชเชลกับท่านหญิงคาริสซา ชื่อของทั้งสองคือ เอเลน่ากับมาเวอร์ริค เพียร์ซยอมรับให้ทั้งคู่เป็นเจ้าหญิงและเจ้าชายได้เพราะไม่มีความผิด แต่กลับเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง เจ้าชายมาเวอร์ริคหายสาบสูญไปจนบัดนี้”

 

                “ท่านกับเบื้องสูงจึงต้องการตัวสินะ”

 

                “ใช่! และเพราะเขาหายตัวไปตั้งแต่ทารกจึงไม่รู้ว่าหน้าตาตอนโตเป็นอย่างไร ทำได้แค่คาดเดาจากท่านหญิงเอเลน่าที่เป็นแฝดเท่านั้น”

 

                “หมายความว่า” ดาริอุสเริ่มเข้าใจเรื่องทั้งหมด

 

                “มีความน่าจะเป็นสูงมากที่แฝดจะมีหน้าตาเหมือนกัน ท่านหญิงเอเลน่ามีผมสีทองดวงตาสีน้ำผึ้ง ทางเพียร์ซคาดว่าท่านชายมาเวอร์ริคก็เป็นเช่นเดียวกัน จึงส่งคนออกค้นหาคนที่เหมือนท่านหญิงเรื่อยมาจนตกเป็นหน้าที่ของข้า”

 

                “แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าท่านชายมาเวอร์ริคอยู่แห่งใด”

 

                “เพราะนางผู้นั้นรู้ข้าจึงรู้ด้วย เจ้าอย่าเอะอะไป”

 

                ผู้กล้าแสงตะวันยิ้มอย่างชั่วร้ายให้ดาริอุสเห็นเป็นครั้งแรกระหว่างรถม้าแล่นเข้าเขตปราสาท...

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา