นักรบจันทรา

7.0

เขียนโดย Sagestone

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  24.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 3

                จากข้อมูลในหนังสือนำเที่ยว นครหลวงของซีเนียถูกปกป้องเกือบสมบูรณ์แบบจากพลังแห่งบรรพกาล สิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดและสัตว์ร้ายที่ไม่ได้รับอนุญาตจากภายในจะมองเห็นเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ทั้งผู้คนและสิ่งปลูกสร้างจะเป็นอากาศธาตุอย่างสมบูรณ์สำหรับสิ่งที่มีประสงค์ร้ายต่อชาวเมืองในกำแพง และมีอำนาจแห่งแสงส่งผลให้เหล่าอสูรไม่อาจย่างกรายเข้ามาได้ไกลกว่าห้าสิบหลาอีกด้วย ยกเว้นจะมีมนุษย์ผู้ทำลายกฎของที่แห่งนี้โดยจงใจเท่านั้น

 

                แล้วเจ้าตัวนั้นเหตุใดจึงเข้ามาได้ไกลเพียงนี้ ตอนนี้พวกเขาอยู่กลางใจเมืองห่างจากกำแพงหลายร้อยหลา แถมมองเห็นพวกเขาเสียอีก ดาริอุส ดรากานยืนกอดอกอย่างครุ่นคิด ผู้กล้าแสงตะวันนายจ้างยืนเท้าสะเอวมองอยู่ข้างๆ ท่าทางหงุดหงิดเต็มที

 

                ตอนนี้บนอากาศ มังกรสองตัวกำลังจ้องกันอย่างเคร่งเครียด เหนือพวกเขาที่เป็นเหยื่อเพียงหนึ่งเดียว ต้องบอกว่าสองจะถูกเสียกว่า

 

                “ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านขุ่นใจ ข้ามาเชิญผู้กล้าแสงตะวันตามคำสั่งของท่านอโฟเดลเท่านั้น ไม่ได้คิดทำร้าย” หัวเหมือนจระเข้ก้มอย่างนอบน้อม ท่าทางสุภาพกว่าภายนอกอย่างเด่นชัด แม้แต่ดาริอุสก็ยังคิดว่าหากเป็นแบบนี้คงคุยกันรู้เรื่อง

 

                “ไม่ได้! เขาเป็นผู้กล้าจะให้ไปสมคบกับปิศาจได้อย่างไร” ไซเรน่า ฟราโกส์ยังคงควงหอกบนปลายนิ้วเล่นอย่างมีอารมณ์ พร้อมขว้างใส่อีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ ดาริอุสสาบานว่าได้ยินคำสบถเบาๆจากไบรอัน ซึ่งขยี้หัวอย่างกราดเกรี้ยว

 

                “หากให้ข้าเลือกระหว่างเจ้านั่นกับเจ้า ข้าเลือกทางนั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้ง” ผู้กล้าแสงตะวันเลิกคิ้วถามอีกฝ่ายว่าข้องใจหรือไม่ ชี้นิ้วไปทางสัตว์ร้ายที่กระพือปีกพยุงตัวบนอากาศ “แล้วควงหอกกลางอากาศแบบนั้นไม่กลัวฟ้าผ่าบ้างหรือ”

 

                “เอาสิ!” นางอัศวินมังกรไซเรน่าลองดี “หอกทุกเล่มของอัศวินมังกรแห่งซีเนียเป็นสิ่งวิเศษ มันดูดซับเวทมนตร์ต่างๆแล้วปล่อยออกเมื่อพุ่งเข้าหาเป้าหมาย ข้าไม่กลัวเวทมนตร์พื้นๆของท่านหรอก”

 

                “แล้วเจ้ามาเพียงตนเดียวไม่มีใครตามมาบ้างหรือ บางคนที่เข้ามาในเขตนี้ได้ อย่างเวเบอร์ หรือทามิเอล”

 

                นายจ้างของเขาพูดถึงใครกัน หากเป็นฝ่ายปิศาจแล้วจะผ่านระบบป้องกันเข้ามาได้อย่างไร

 

                “นายของข้าให้สิ่งนั้นกับข้าผู้เดียว และข้ามั่นใจว่ามันมีแค่อันเดียวเท่านั้น”

 

                “หยุดคุยกันได้แล้ว!!”

 

                นางอัศวินมังกรคำราม หอกโลหะคมกริบพุ่งออกจากมือเหมือนธนูหลุดผ่านแล่ง เป็นแสงสีเงินพุ่งสู่พื้นดุจฟ้าฟาด แท่งอาวุธยาวสีกระจ่างปักลงพื้นห่างจากเท้าของผู้กล้าแสงตะวันแค่คืบเดียว! เมื่อประกาศศักดาจบมันก็พุ่งกลับไปหาไซเรน่าด้วยความเร็วสูงจนไม่มีใครคว้าทัน

 

                “เวลาอยู่กับข้าก็ต้องสนใจแต่ข้าสิ จริงไหม” หญิงสาวแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวขาว

 

                “สำหรับเจ้าข้าจะไม่ยื่นข้อเสนอ ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน ไม่มีสัญญา ไม่มีการพนันขันต่อใดๆทั้งสิ้น!” ท่าทางผู้กล้าแสงตะวันก็คงหมดอารมณ์เล่นแล้วเช่นกัน

 

                “อย่างนั้นคงต้องจัดการเจ้านั่นก่อน ท่านจึงจะมาคุยกับข้าได้”

 

                นางอัศวินมังกร ไซเรน่า ฟราโกส์เลิกคิ้วด้วยความตกใจ ร่างสัตว์ฝ่ายมืดกลางอากาศถูกห่อหุ้มด้วยกรงแสงสีทอง เห็นชัดๆว่าเป็นมนตร์เคลื่อนย้าย! เป็นฝีมือผู้กล้าแสงตะวันเพื่อนเก่าหรือ

 

                นางสบถในลำคอ เมื่อหันมามองตัวต้นเหตุก็ต้องชะงักไปอีกครั้ง กรงแสงแบบเดียวกันห่อหุ้มร่างของผู้กล้าหนุ่มกับผู้ติดตามเอาไว้ หมอนั่นใช้ปิศาจตัวนั้นดึงความสนใจนางเพื่อหนี! หญิงสาวรู้ว่าการใช้มนตร์เคลื่อนย้ายต้องใช้เวลามากเพื่อระบุพื้นที่ปลายทางที่ว่างเปล่า นางออกคำสั่งห้วนสั้น มังกรเขียวพุ่งดิ่งไปหากรงแสงด้านล่างด้วยความเร็วปานลมกรด!

 

                ไม่มีอะไรเลย!

 

                ภายในวงแสงที่น่าจะมีร่างของผู้กล้ากับคนติดตามอยู่กลับว่างเปล่าและเจิดจ้าด้วยประกายแสงจนแสบตา ในวินาทีที่เวทมนตร์ทำงานนางก็ตบคอที่ห่อหุ้มด้วยเกล็ดหนึ่งครั้ง มังกรบินพลันกระโจนไปด้านหน้าสุดแรงเกิดจนพ้นกรงแสง ข้างนอกนั่นมีไบรอัน แบล็คสโตน กับคนติดตามลงไปนอนคลุกฝุ่น แสดงว่าพวกเขากระโจนหนีออกมาก่อนนางหุนหันตามเข้าไป!

 

                “หากช้าเพียงนิดเดียวคงถูกส่งไปสุดขอบทวีปเลยกระมัง” นางอัศวินมังกรแยกเขี้ยว แกว่งหอกในมือไปหยุดตรงหน้าผู้กล้าแสงตะวัน “คราวนี้อยากต่อรองบ้างหรือยัง”

 

                ผู้กล้าแสงตะวันกล่าวยอมแพ้อย่างอ่อนแรง ท่ามกลางผู้คนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์อยู่...

 

 

                เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่พวกเขาต้องรอนางอัศวินมังกรอย่างช่วยไม่ได้ ผู้กล้าแสงตะวันนายจ้างก็ไม่กล้าขัดเนื่องจากมีอาวุธที่ดูดซับเวทมนตร์ได้คอยจ่อคอหอยตลอดเวลา ความจริงดาริอุสคิดแผนไว้สำหรับหนี ทว่านายจ้างบอกว่าไม่ต้องจึงไม่ลงมือ อย่างน้อยนางก็แสดงความเป็นมิตรมากกว่าศัตรู

 

                “เดี๋ยวพวกเราจะไปเบิร์นสเลย์กัน เจ้าคงไม่อยากทำให้ข้าเสียเวลาใช่ไหม”

 

                “ท่านก็รู้ว่าข้าเบื่อที่นี่เต็มทนแล้ว” นางอัศวินมังกรยังคงจับหอกเล่มยาวไว้ในมือ ด้านคมชี้ไปหาหน้าอกเพื่อนชายที่นั่งกอดอกอยู่ข้างสัมภาระ “ข้าไม่ชอบทำตามกฎระเบียบ ไม่ชอบคำสั่ง ไม่ชอบที่ต้องมีคนมาอ่อนน้อมเวลาอยู่ใกล้ๆ มีแต่ท่านที่ไม่เหมือนใคร”

 

                “ตรงที่ข้าสามารถบรรยายข้อเสียของเจ้าได้หลายร้อยข้อหรือ”

 

                “ไม่หรอก เรื่องนั้นใครก็ทำได้...ท่านคงเข้าใจกระมัง ความรู้สึกของคนนอกคอกไร้จุดยืน...”

 

                ดาริอุสสังเกตความเศร้าแผ่ออกมาจากดวงตาสีอำพันก่อนมันจะถูกกลืนลึกลงไปอีกครั้ง

 

                “อยู่ที่นี่เองไซเรน่า หาตัวอยู่นานเชียวละ”

 

                นายทหารผู้หนึ่งร่อนลงพื้นหญ้าพร้อมมังกรประจำตัวกับมังกรสีเขียวอีกตัวหนึ่ง ซึ่งดาริอุสจำได้ว่าเป็นของไซเรน่า

 

                “มีอะไรอีก ข้าจำได้ว่าส่งหนังสือลาพักไปแล้วนี่” หญิงสาวเอียงคอทำท่าไม่รู้ไม่เห็น

 

                “เจ้าถูกเรียกตัวด่วน” ชายในชุดประจำการเพียบพร้อมด้วยแผ่นหนังที่ขากางเกงกันเสียดสี และเกราะอ่อนที่ช่วงบ่ากับหน้าอกอธิบาย เรียกว่าอธิบายกับท่อนไม้ดีกว่า เพราะหญิงสาวหันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเอือมระอา “ตอนนี้พวกเราต้องการคนมีฝีมือและเจ้าเป็นหนึ่งในนั้น”

 

                “แหมๆ ธรรมดาแทบจะฆ่าให้ตาย พอมีเรื่องก็ก้มหัวขอร้อง ก็บางเรื่องพวกเจ้าทำไม่ได้แต่ข้าทำได้นี่นะ” หญิงสาวประชดอย่างไม่ใยดี “มีเรื่องด่วนถึงเมืองต่างๆในจักรวรรดิใช่ไหม ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกใช้ข้าหรอก”

 

                “อย่าพูดแบบนั้นเลย ในหมู่พวกเราเจ้าขี่มังกรได้นานที่สุด มีความสามารถในการหลบหลีกผู้ติดตามมากที่สุด”

 

                “แต่ตำแหน่งก็ตันอยู่แค่นี้ ผลงานข้าแทบถมทะเลสาบกระจกของแอสนาร์ได้ก็ยังไม่มีผลต่อการเลื่อนขั้น จนเบื่อไม่อยากทำงานแล้ว” หญิงสาวถอนหายใจ “เจ้าน่าจะใช้บริการเวทมนตร์เคลื่อนย้ายบ้างนะ ม้าเร็วตัวนี้เบื่องานประเภทคนอื่นไม่อยากทำเต็มทีแล้ว”

 

                “นั่นเป็นตัวหลอก คงไม่มีใครนึกหรอกว่าหนึ่งในสองจักรวรรดิจะยังใช้ม้าเร็วส่งสาสน์แบบนี้อยู่”

 

                “เจ้าพูดกับทางนั้นแบบนี้ด้วยก็บอกมาดีกว่า...หากถูกใช้ล้างห้องน้ำก็ไม่แปลกใจสักนิด ข้าทำมาทุกอย่างแล้วนี่นา” หญิงสาวถอนใจแล้วตวัดหอกลงพาดบ่า ปล่อยผู้กล้าให้เป็นอิสระ “ข้าแค่ส่งมังกรกลับไปเอาของเท่านั้น ไม่คิดว่าเจ้าจะใช้มันตามหาข้า เอาล่ะข้าจะฟังคำสั่งอีกสักครั้ง! จะตามไปรายงานตัวเดี๋ยวนี้ละ”

 

                หญิงสาวลุกขึ้นบิดแขนอย่างเกียจคร้าน นางหันไปฉีกยิ้มให้เพื่อนชายแล้วเก็บหอกไว้ตรงข้างอานนั่งตรงส่วนหลัง ดาริอุสเคยอ่านเจอว่า วัตถุใดๆที่นำไปใส่ให้มังกร มันจะติดตัวไปทุกเวลาที่ต้องการ ไม่ว่าจะเรียกออกมาจากมิติอื่นหรือไม่

 

                “ความจริงเจ้าไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้ แล้วเจอกัน ไซเรน่า” ผู้กล้าแสงตะวันยกมือลาอย่างเสียไม่ได้...

 

 

                แม้กำหนดการจะพลาดไปเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ข้อมูลที่ต้องการส่งถึงมือผู้กล้าแสงตะวันทันทีที่ทำได้ เขาจ้องมองข้อความด้วยสีหน้าครุ่นคิด หากดาริอุสก็ครุ่นคิดเช่นเดียวกันว่าวัตถุในมือของนายจ้างมันคือสิ่งที่เขาคิดหรือไม่ มันดูเหมือนกับเครื่องในของสิ่งมีชีวิตบางประเภทที่ไม่เคยผ่านความร้อน อาจยังไม่ผ่านการชะล้างด้วยซ้ำ

 

                “พวกท่านส่งข้อความโดยใช้สิ่งนั้นหรือ น่าสะอิดสะเอียนสุดๆ” ดาริอุสย่นจมูก เขาเสเดินวนรอบห้องโถงของหอคอยเพื่อหามุมหลบกลิ่น

 

                “มันคือชิ้นส่วนของสัตว์วิเศษชนิดหนึ่ง ข้อความที่ถูกสลักลงไปจะปรากฏเมื่อถึงมือเป้าหมายเท่านั้น” ผู้กล้าตอบอย่างสุขุม พลันตกในห้วงความคิดอีกครั้ง “ไม่น่ามันเร็วไป จะให้ทำตอนนี้มันเร็วเกินไป”

 

                “ไม่หรอกหากท่านจะไปล้างมือเสียตอนนี้ โยนสิ่งนั้นทิ้งด้วย!”

 

                ดาริอุสทำให้นายจ้างยิ้มกว้าง ผู้กล้าแสงตะวันก้มตัวลงกระซิบบางอย่างกับชิ้นส่วนปริศนาในมือ แล้วเจ้าสิ่งนั้นก็หายไปทันควัน ทิ้งไว้แค่ควันสีแดงเลือดและกลิ่นฉุนเฉียวเหมือนซากเน่า

 

                “ข้าจะไปทำธุระในตลาด คิดว่าเจ้าคงอยากเดินดูอะไรด้วย...ทำหน้าที่องครักษ์ให้ดีล่ะ” ผู้กล้านายจ้างเดินนำลงบันไปเวียนลงหอคอย “เดี๋ยวข้าไปล้างมือในห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดก็ได้ เดินเบียดกันหน่อยก็ได้หรอกน่า” ไบรอัน แบล็คสโตนหัวเราะเมื่อดาริอุสไม่ยอมเข้าใกล้เขาเกินสามหลา

 

                ตลาดในเบิร์นสเลย์ยังคึกคักเหมือนที่เขาจำได้ ดาริอุสมองร้านรวงที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ด้านหน้าของเขาคือนายจ้างคนสำคัญ กำลังตัดสินใจเลือกระหว่างผ้าคลุมไหล่สีม่วงกับน้ำเงิน ข้างๆกันเป็นร้านอาหารจำพวกผักที่เขาชอบ คนสวนแบกจอบเสียมคนหนึ่งยกมือทักเพราะจำเขาได้ เขาอยากแอบไปดูทางโน้นทางนี้บ้างติดเพียงผู้กล้าแสงตะวันที่กำลังรอเงินทอนอยู่

 

                “หากเจ้าไม่รีบข้าอยากไปดูร้านดอกไม้สักหน่อย” ดาริอุสพยักหน้าตอบรับ ชายหนุ่มมาดหรูอย่างผู้กล้าแสงตะวันคงมีคนรักเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ที่ไหนสักแห่งแน่นอน คงทั้งสวยและเพียบพร้อม เหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก

 

                “ซื้อไปให้คนรักหรือ” ดาริอุสเผลอละลาบละล้วง ผู้กล้าส่ายหน้าเบาๆเดินนำไปหาร้านดอกไม้อีกซอยหนึ่ง

 

                “ซื้อให้คนในครอบครัว ตอนนี้ข้าไม่มีคนรัก”

 

                เสียงกริ่งหน้าร้านดังเบาๆ หญิงคนขายดอกไม้ร้องทักเพราะรู้จักกับดาริอุสมาก่อน นางเป็นสาววัยรุ่นท่าทางแก่นแก้ว ผู้กล้าพยักหน้าให้แล้วขอตัวไปเลือกดอกไม้ ดาริอุสอยากคุยกับคนรู้จักแต่งานต้องมาก่อนในฐานมืออาชีพ

 

                “เยอบีร่า หมายความว่า คุณคือแสงสว่างของฉัน” ผู้กล้าแสงตะวันทำท่าเหมือนหนุ่มเจ้าชู้สมัยใหม่ไม่มีผิด “ไอริสแสดงถึงปัญญาและความกล้าหาญ อมาริริสคือความภาคภูมิใจ ขอกิ่งวิลโลว์กับใบปาล์มด้วยถ้ามี ความหมายดีมากเลยละ จัดเป็นช่อให้ด้วย ขอบคุณ”

 

                “ไม่มีกุหลาบหรือ” ดาริอุสยกเสียงสูงอย่างเผลอตัว ไม่ว่าใครจะจัดดอกไม้ย่อมเลือกที่เป็นที่นิยมอย่างกุหลาบหรือลิลลี่มากกว่า

 

                “ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ให้คนรัก ตอนนี้ข้าไม่มีคนรัก พอใจหรือยัง”

 

                “แสดงว่าเคยแล้วสิ ท่านโดนหักอกหรือ” ดาริอุสหน้าเสียเพราะคิดว่าเผลอพูดแทงใจดำอีกฝ่าย ทว่าคู่สนทนากลับหัวเราะเบาๆอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ

 

                “ข้าเคยมีคนรักมาหลายคนแล้ว ข้าเป็นฝ่ายร้างราเพื่อไม่ให้พวกนางเจ็บ คนสำคัญที่สุดของข้าในตอนนี้เป็นผู้หญิง นางเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่...อย่ามองแบบนั้น ไม่ใช่แม่ไซเรน่าหรอก”

 

                “แล้วเมื่อไรท่านจึงจะมีความรักได้โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บล่ะ ท่านเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงหรือ”

 

                เป็นเวลากว่าห้านาทีกว่าผู้กล้าแสงตะวันจะหยุดหัวเราะได้ ดาริอุสเอียงคออย่างฉงนว่านายจ้างกำลังพูดถึงอะไรกันแน่

 

                “ข้าจะจ่ายเงินตรงนี้เลย ประเดี๋ยวจะมีผู้หญิงในผ้าคลุมมารับช่อดอกไม้...คราวนี้ก็เป็นตาเจ้าพาข้าเที่ยวบ้างแล้ว เราจะไปแอสนาร์กันต่อ ดังนั้น พาข้าไปหาซื้อชุดหนาๆก่อนได้ไหม เจ้าเทียวไปเทียวมาบ่อยคงรู้ที่ดีๆมากกว่าข้าแน่” ดาริอุสพยักหน้า เขาอยากเดินเที่ยวตามใจตัวเองเต็มแก่แล้ว...

 

 

                แอสนาร์เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปใหญ่ อยู่ในเขตภูเขาหนาวเย็นภายใต้การปกครองของจักรวรรดิซีเนีย สิ่งแรกที่ดาริอุสัมผัสได้หลังมนตร์เคลื่อนย้ายสลายคือความเย็นยะเยือกกรีดลงบนผิวเหมือนมีดคมกริบของคนแล่เนื้อ เขาไม่เคยมาเมืองนี้แต่รู้ว่าเมื่อเข้าฤดูหนาวแล้วอากาศจะทารุณโหดร้าย นี่ก็ใกล้หน้าหนาวแล้ว ภูเขาใหญ่ส่วนที่เป็นไม้ผลัดใบเริ่มกลายเป็นสีส้มสดใสของปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อแสงสุดท้ายของวันสาดกระทบยิ่งดูเหมือนเปลวเพลิงไม่มีผิด

 

                พวกเขายืนอยู่ปากทางเข้าปราสาทพอดี กำแพงปราสาททรงสูงเหมือนต้นไม้ขนาดใหญ่ป้องกันความหนาวเย็นจากภายนอก สีขาวขุ่นคงสวยไม่ใช่น้อยหากมีหิมะปกคลุม หน้าประตูประดับด้วยกระจกแก้วและแร่รัตนชาติ สมกับเป็นเมืองส่งออกแร่อันดับหนึ่งแห่งทวีปใหญ่

 

                “ข้าได้ยินข่าวลือว่าพบคนที่เหมือนเจ้าชายมาเวอร์ริคที่นี่ คงเป็นข่าวโคมลอยมากกว่า” ผู้กล้าแสงตะวันเอ่ยกับดาริอุสเบาๆแล้วแสดงตัวกับทหารเฝ้าประตูปราสาท “เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยพบกับองค์ราชาก็ได้ ข้าแค่มาแจ้งว่าผู้กล้ามาถึงแล้วเท่านั้น”

 

                สุดท้ายพวกเขาก็ต้องถ่อไปเข้าเฝ้าพระราชาของแอสนาร์เป็นอันดับแรก เป็นครั้งแรกที่ดาริอุสได้พบเจอคนที่มีบรรดาศักดิ์จึงทำตัวไม่ถูก อย่างน้อยไบรอันนายจ้างก็แนะว่าควรทำตามเขาเป็นตัวอย่าง

 

                “ขอต้อนรับสู่บ้านเกิดของเจ้า แบล็คสโตน” พระราชาของแอสนาร์เป็นชายวัยกลางคน ผมสีน้ำตาลดกดูเถื่อนเล็กน้อยในสายตาของดาริอุส “ในเมื่อสายเลือดที่หายไปกลับคืนสู่บ้านเก่า ข้าจะมัวทานอาหารค่ำได้อย่างไร”

 

                “ฝ่าบาทหมายถึงสิ่งใด ข้าบาทเกิดทางตะวันตกไกลกว่านี้อีก” คราวนี้ผู้กล้าแสงตะวันงุนงงบ้าง

 

                “ไม่ต้องเข้าใจก็ได้ ขอเพียงเจ้ารู้ว่า หากไม่มีที่ไปแล้ว แอสนาร์รอต้อนรับเจ้าเสมอ...ชาวแอสนาร์เราเหมือนเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม”

 

                “หมายความว่า ตระกูลแบล็คสโตนของข้าบาท สืบสายเลือดจากแอสนาร์หรือ”

 

                “ไม่เพียงเคยอยู่หรอก ทางเราก็ตามหาตระกูลแบล็คสโตนมาเป็นร้อยปีแล้ว จะคุยด้วยตอนประชุมใหญ่ก็โดนยัยจิ้งจอกโรเซลกดดันให้ออกไปเสียก่อน...” องค์ราชายิ้มอย่างเป็นกันเอง ผิดกับภาพลักษณ์ที่ดาริอุสวาดไว้ “เพราะเจ้าได้ตำแหน่งผู้กล้าจากจักรพรรดิแล้ว สิ่งที่ข้าอยากพูดจึงไม่สามารถพูดได้ ไม่อย่างนั้นจะดูไม่ดี...เมื่อตอนบ่ายก็มีแขกมาหาข้าคนหนึ่ง นางบอกว่าได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบที่นี่เช่นกัน หากเจ้ากับผู้ติดตามต้องการสิ่งใดขอให้บอกมา ถ้าไม่เกินกำลังจะจัดหาให้ทุกสิ่ง”

 

                “แขกที่ฝ่าบาทพูดถึงคือ ไซเรน่า ฟราโกส์ใช่หรือไม่!” ผู้กล้าแสงตะวันพูดอย่างมั่นใจ องค์ราชาเลิกคิ้วแล้วบอกว่านางเพิ่งมาถึงเมื่อเย็นของแอสนาร์นี่เอง

 

                “เราเพิ่งจากกันได้ไม่ถึงวันนี่เอง ข้าบาทใช้มนตร์เคลื่อนย้ายตลอดจึงไม่ทราบเวลาแน่ชัด หากฝ่าบาทจะกรุณา ขอให้พวกข้าบาทได้พูดคุยกันก่อนออกตรวจตามข่าวที่ได้รับมาด้วยเถิด”

 

                “เรื่องเจ้าชายของจักรวรรดิตะวันตกหรือ ระหว่างนี้ข้าจะให้คนรับใช้พาพวกเจ้าไปห้องพักที่ดีที่สุดเอง”

 

                “ข้าบาทไม่อยากเสียมารยาทแต่ต้องขอกราบทูลตามตรง” ไบรอันร้อนรนเมื่ออีกฝ่ายยื่นข้อเสนอที่สูงลิ่วให้ “ข้าบาทกับผู้ติดตามมาเพื่อแจ้งต่อฝ่าบาทว่ามาตรวจสอบเท่านั้น ข้าบาทไม่มีค่าพอให้พักในปราสาทใหญ่โตจึงขอไปพักในตัวเมือง หากทรงกรุณา”

 

                ความเงียบเข้าปกคลุมห้องรับรองอยู่หลายอึดใจก่อนพวกเขาทั้งคู่จะได้ออกไปพักในโรงแรมนอกตัวปราสาทแทน...

 

 

                แค่พวกเขายืนจ่ออยู่หน้าโรงแรมไวท์วูลฟ์ไซเรน่าก็มาดักรอแล้ว นางวางท่ายืนพิงเสาประดับต้นหนึ่งอย่างครุ่นคิด สิ่งที่ผู้กล้าพูดตอนจากกันคืออย่างนี้หรือ นางจะได้รับคำสั่งให้มาที่แอสนาร์เหมือนพวกเขา ทว่ารู้ได้อย่างไรกันเล่าว่านางจะมาจริงๆ

 

                “ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้” ผู้กล้าแสงตะวันยักไหล่ทั้งที่หอบของพะรุงพะรัง “ให้ข้าเดา เจ้ายังไม่มีห้องพักใช่หรือไม่”

 

                “ข้าต้องบอกกับท่านว่าอย่างไรนะ ข้าได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบเรื่องเจ้าชายมาเวอร์ริคในฐานะคนของซีเนีย ให้ร่วมมือกับท่านได้หากจำเป็น” ดาริอุสรู้สึกถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากคราวก่อน ดูนางเกร็งจนผิดปกติ อารมณ์ขุ่นเคืองยากระบาย “ข้าก็แค่จะเข้าไปจองห้องพักในโรงแรมนี้แล้วบังเอิญเจอท่านเท่านั้น”

 

                “เห็นๆอยู่ว่ามายืนรอ...” ดาริอุสแหว ไบรอันยกมือให้เงียบ

 

                “ก็แล้วไป หากเจ้าทำให้ข้ายอมรับในการตรวจสอบครั้งนี้ได้จะยอมให้เดินทางไปด้วย ทางซีเนียก็อยากเอาหน้าบ้างไม่ใช่หรือ” ผู้กล้าแสงตะวันตอบอย่างฉาดฉาน แล้วเดินผ่านเข้าไปหาบริกรโดยไม่สนใจนางอัศวินมังกรที่เดินตามมาติดๆ

 

                แล้วพวกเขาก็ได้อยู่ห้องติดกันจริงๆเสียด้วย แทบทันทีที่ดาริอุสเดินไปสมทบนายจ้างที่ห้อง นางอัศวินมังกรไซเรน่าก็แทรกตัวเข้ามาก่อนประตูปิด สีหน้าเคร่งเครียดไม่ยิ้มแม้แต่นิดเดียว

 

                “ขอเวลาข้าหน่อย วันนี้ข้าใช้มนตร์เคลื่อนย้ายมากี่รอบแล้วเนี่ย” ผู้กล้าแสงตะวันโคลงหัวโบกมือร่ายมนตร์พร้อมเอ่ยคาถา กำแพงห้องเปล่งแสงสีม่วงสว่างวาบน่าชมอยู่พริบตาหนึ่ง หน้าต่างปิดปัง ตะเกียงและผลึกแสงหัวเตียงส่องแสงแทนแสงสุดท้ายของวัน

 

                “ไม่ถูกแอบมองและแอบฟังแล้ว ทำตัวปกติได้” ไบรอันถอนหายใจอย่างโล่งอก หญิงสาวก็พลอยถอนหายใจตามไปด้วย

 

                “ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าข้าได้รับคำสั่งว่าอย่างไร” นางอัศวินมังกรพูดเนือยๆ ท่าทางผ่อนคลายลง

 

                “ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้กล้าแสงตะวัน และค้นหาเจ้าชายมาเวอร์ริคให้เจอก่อนเพียรซ์ หากทำได้ให้แกล้งเป็นพวกแล้วแทงข้างหลังให้ตาย เหตุใดข้าจะไม่รู้” ผู้กล้าแสงตะวันกอดอกเลิกคิ้วอย่างไม่ใยดี

 

                “ใช่! ในเมื่อรู้แล้วทำไม...”

 

                “เจ้าใจร้อนเกินไป ซีเนียต้องการชิงลงมือเบื้องหลังเพื่อเดินแต้มให้เหนือกว่าอีกฝ่าย เจ้าคือไพ่ตายที่ใช่สอดส่องข้าได้” ผู้กล้าแสงตะวันอธิบาย “หากเจ้าผลุนผลันตามข้ามามีแต่จะถูกจับตามองไปด้วย ให้เล่นบทสายลับสองหน้าดีกว่า”

 

                ไซเรน่าทอดถอนใจ “งานที่ข้าได้รับมอบหมายคือเป็นสายสืบตามที่ท่านพูด ข้าไม่อยากทำตามคำสั่งอีกแล้วเลยใช้มันเป็นโอกาสมาเดินทางกับท่าน ข้าจะรายงานเรื่องเท็จเกี่ยวกับท่านไปให้ทางนั้นพร้อมกับรายงานความเคลื่อนไหวทางนั้นให้ท่านรู้ ตกลงไหม” แววตาเจ้าเล่ห์ของนางเสือร้ายกลับมาอีกครั้ง

 

                “ตกลง! เจ้าเป็นอีกหนึ่งขุมพลังที่ข้าอยากได้มาใช้งาน ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ข้าจะทำเป็นไม่รู้เรื่องที่เจ้าเป็นสายลับปลอมก็แล้วกัน”

 

                “แล้วทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยล่ะเนี่ย” ดาริอุสเกาหัว ไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้านายกับเพื่อนสาวคุยกันแม้แต่น้อย

 

                “บางเรื่องให้ยุ่งยากเข้าไว้จะได้ผลดี ช้าๆได้ปลาตัวโตไม่เคยได้ยินหรือ” ไบรอันหัวเราะเบาๆกับไซเรน่า

 

                “มันเป็นเกมการเมือง” ไซเรน่ายกนิ้วอธิบายคร่าวๆ “ข้าต้องทำหน้าที่สายลับสืบเรื่องของไบรอันไปรายงานซีเนีย ทีนี้ข้าไม่อยากทำก็เลย...”

 

                แล้วทั้งสามก็หัวเราะพร้อมกันเหมือนเรื่องเมื่อเช้าไม่เคยเกิดขึ้น ดาริอุสและไซเรน่าหัวเราะจากใจจริง ฝ่ายไบรอันหัวเราะแบบจืดๆสังหรณ์ใจว่าแผนจะผิดพลาดเพราะนางอัศวินมังกรนี่ละ ตอนนี้เขาอยากได้เวลาส่วนตัวเพื่อดูว่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์อยู่ที่ใด บางทีอาจอยู่ที่เมืองเดียวกันก็ได้...

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา